[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ 93 ฉันต้องการชายฉกรรจ์

Now you are reading [นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ Chapter 93 ฉันต้องการชายฉกรรจ์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        “ต้าจู้ นายเอาการ์ดนี่ไปนะ อยากซื้ออะไรก็ไปซื้อ ฉันจะพาอวี้เอ๋อร์ไปเดินเล่นสักหน่อย” กัวไฮว่โยนแบล็คการ์ดให้เซวียนต้าจู้ใบหนึ่งก่อนจะพูดยิ้มๆ

        “พี่ไฮว่ ผมมีเงิน ผมชนะการพนันแข่งวิชาการครั้งก่อนมาสิบล้าน เหอะๆ” เซวียนต้าจู้พูดยิ้มๆ

        “บอกให้เอาก็เอาไปสิ ไปเดินเล่นคนเดียวนะ ไปซื้อของให้เสิ่นปี้โหรวแล้วสุดสัปดาห์ค่อยไปหาเธอที่โรงเรียน” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “ยังจะสอนคนอื่นจีบสาวอีก ไป เราไปเดินเล่นในนั้นกัน” อวี้เอ๋อร์พูดพลางจูงมือกัวไฮว่เดินเข้าไปในศูนย์การค้า

        “อวี้เอ๋อร์ ชุดชั้นในนี่ไม่เลวเลย ซื้อสักตัวสิ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ พลางมองไปยังชุดชั้นในหลากสีที่แขวนอยู่ภายในศูนย์การค้า สายตาไม่ห่างออกไปจากส่วนสูงเนินของอวี้เอ๋อร์แม้แต่แวบเดียว

        “โรคจิต ไม่รู้หรือว่าทำไมถึงถูกไล่มาแดนมนุษย์น่ะ น่าจะพาไปภพเดรัจฉานจริงๆ ฉันเองก็หูหนวกตาบอด ทำไมฟังที่ท่านพี่พูดแล้วต้องลงมาหาพี่ที่แดนมนุษย์ด้วยก็ไม่รู้” อวี้เอ๋อร์ส่งกระแสจิตไปบอก

        “แค่จะซื้อเสื้อผ้าให้เธอจะมาโรคจิตอะไรกัน เสื้อตัวนี้อีก เธอดูสิ แสนจะประหยัด แสนจะรักษ์โลก เธอซื้อครั้งเดียวหลายๆ ตัวได้เลย สลับๆ กันใส่” กัวไฮว่พูดพร้อมกับชี้ไปยังกางเกงในจีสตริง

        “ตาบ้า ไอ้โรคจิต” อวี้เอ๋อร์พูดเสียงดัง ตั้งแต่แปดโมงครึ่งจนถึงสิบเอ็ดโมงครึ่ง เป็นเวลาสามชั่วโมง บนตัวของกัวไฮว่ก็เต็มไปด้วยกล่องหลากหลายชนิด อวี้เอ๋อร์เองก็ไม่ได้มีท่าทีจะหยุดพัก แค่รู้สึกถูกใจก็ดิ่งไปรูดบัตรแล้วแขวนไว้บนตัวของกัวไฮว่ ง่ายแค่นี้เอง

        “พี่ไฮว่ พี่ซื้ออะไรให้พวกน้องเวยเวยหน่อยสิ ปลายเดือนนี้ไปหาพวกเธอจะไปมือเปล่าไม่ได้นะ ถ้าไปมือเปล่าใครมันจะยอมบำเพ็ญเพียรคู่กับพี่ล่ะ” อวี้เอ๋อร์มองยังกัวไฮว่ที่แขวนเสื้อผ้าอยู่เต็มแล้วส่งกระแสจิตไปหาด้วยใบหน้ายิ้มร้าย

        “อะแฮ่มๆๆ อวี้เอ๋อร์ เกินไปแล้วนะ” กัวไฮว่ตะโกนเสียงดังลั่น ทำเอาสายตาผู้คนโดยรอบตกมาอยู่ที่ร่างของกัวไฮว่

        “เฮ้อ ผู้ชายทำแบบนี้ น่าขายหน้าชะมัดเลย” คนผ่านทางคนแรกพูดขึ้นเบาๆ

        “น่าจะเป็นตัวสำรองแหละ ไม่งั้นไม่เป็นแบบนี้หรอก ทำเกียรติผู้ชายป่นปี้หมด” คนผ่านทางคนที่สองพูดพลางพยักหน้า “ถ้าผู้หญิงคนนั้นเป็นแฟนฉันนะ อย่าว่างั้นงี้เลย ฉันยอมตายก็ได้ พวกแกจะไปเข้าใจอะไร” คนผ่านทางคนที่สามมองอวี้เอ๋อร์น้ำลายไหลย้อยพลางพูด

        “เพี๊ยะๆๆ มองอะไร อยากตายหรือไง เมียทำให้แกพอใจไม่ได้เหรอ” หญิงสาวสูงร้อยหกสิบหนักแปดสิบ ท่าทางไม่น่าหาเรื่องด้วยที่อยู่ข้างๆ ตบคนผ่านทางคนที่สี่

        “แค่กๆๆ เมียจ๋า ผมผิด ผมผิดไปแล้ว” เสียงโอดครวญของคนผ่านทางคนที่สี่ดังไปทั้งชั้นสองของศูนย์การค้า

        “พี่ไฮว่ ขอโทษด้วยนะ ทำให้คนอื่นหัวเราะเยาะเลย พี่อย่าโกรธสิ ไม่งั้นเดี๋ยวคืนนี้ฉันทำให้พี่พอใจเอง เดี๋ยวฉันซื้อชุดชั้นในเซ็กซี่ๆ หลายๆตัวเลย” แน่นอนว่าอวี้เอ๋อร์ได้ยินที่คนรอบๆ พูด เธอจึงมองกัวไฮว่พร้อมกับพูดขึ้นเบาๆ

        “แค่นี้ก็แข็งแล้ว พอดีเลย แขวนกระเป๋าถือไว้ตรงนี้ได้” อวี้เอ๋อร์พูดพลางยื่นมือไปแขวนกระเป๋าที่เพิ่งจะซื้อมาใหม่ที่น้องชายของกัวไฮว่

        “พรวด” กัวไฮว่ล้มไปกองกับพื้น ดูถูก ดูถูกกันเกินไปแล้ว

        “ฮ่าๆ สบาย วันนี้สบายดีจริงๆ” อวี้เอ๋อร์หัวเราะแจ่มใสราวกับดอกไม้ก่อนจะเอ่ยขึ้นเสียงดัง

        “น้องสี่ พี่ไฮว่ พี่ที่รัก คุณไฮว่ ตอนนี้แกอยู่ไหนฉันจะไปหาแก ฉันมีเรื่องด่วนน่ะ” เจี่ยหยวนตะโกนพูดเสียงโหดอยู่ปลายสายโทรศัพท์

        “อยู่ชั้นสองศูนย์การค้าอู่เฉิง มาซื้อชุดชั้นในอยู่ที่นี่ พี่หาคนส่งรถลากคันเล็กๆ มาลากของที่ผมซื้อไปหน่อยสิ มีอะไรค่อยว่ากัน” กัวไฮว่พูดขึ้นเสียงดังกับโทรศัพท์ ไม่ว่าเจี่ยหยวนจะได้ยินชัดเจนหรือไม่เขาก็วางสายไปแล้ว

        “ใช่ อยู่ที่ชั้นสองศูนย์การค้าของพวกเธอ กัวไฮว่คนนี้นี่เธอรู้จัก เธอรีบไปหาเขาเลยนะ เขาอยากได้อะไรก็ทำตามเขา เขาอยากทำประตูห้องลองเสื้อผ้าเธอก็ไปทำ ทำทุกอย่างที่เขาต้องการ” เจี่ยหยวนโทรศัพท์หาผู้หญิงคนหนึ่งแล้วพูดกับโทรศัพท์ด้วยเสียงดัง

        “พี่หยวน พี่มันแย่จริงๆ” หญิงสาวพูดออดอ้อน แต่สุดท้ายก็ถูกเจี่ยหยวนก่นด่าไปฉาดหนึ่ง ไม่นานเธอก็ไปหาความสำคัญของกัวไฮว่

        “เจ้าสี่นะเจ้าสี่ แกมีความลับมากมายแค่ไหนกันแน่ ถึงว่าแกถึงได้ให้ฉันจัดการทรัพย์สินแสนล้านของตระกูลฉิน สำหรับแกแล้วเงินก็ไม่ได้สำคัญอะไรเลย” เจี่ยหยวนมองไปที่แขนของตนเอง อย่าว่าแต่รอยฟันที่กัวไฮว่ทำไว้ครั้งนั้น ขนาดรอยแผลเป็นเล็กๆ ที่ตนเองเป็นคนทำก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย

        “พี่สอง พี่ติดต่อเจ้าสี่ได้แล้วหรือยัง พี่ดูแขนพี่สิ มันโคตรเจ๋งเลย เจ้าสี่มันมีความลับอะไรกันแน่” หวังเซิงพูดขึ้นเสียงดังกับปลายสายโทรศัพท์

        “ฉันโทรหาเจ้าสี่แล้ว มันเดินเล่นอยู่ในห้างอู่เฉิง เดี๋ยวเราไปคุกเข่าหน้าบ้านมันกันเถอะ” เจี่ยหยวนพูดยิ้มๆ “พี่เย่าพูดถูก เจ้าสี่ไม่ใช่เจ้าสี่คนเดิมอีกแล้วล่ะ”

        “พี่ไฮว่ พี่หยวนให้ฉันมาหาพี่น่ะ พี่ต้องการอะไรก็มาบอกฉันได้เลยนะ” หญิงสาวหน้าตาอ้อนแอ้นคนนั้นใช้เวลาไม่ถึงสามนาทีก็หากัวไฮว่เจอ ก่อนจะพูดยิ้มๆ กับกัวไฮว่ ชุดเดรสที่เดิมอยู่ต่ำอยู่แล้วถูกเธอดึงลงต่ำอีกหน่อย เผยให้เห็นกระต่ายขาวคู่หนึ่งสู่สายตา

        “ผู้ชาย หาผู้ชายมาให้ฉันสองสามคน ฉันต้องการชายฉกรรจ์” กัวไฮว่มองไปยังหญิงสาวอ้อนแอ้นคนนั้นแล้วพูดขึ้นเสียงดัง

        “พี่ไฮว่ เรื่องบางเรื่อง ชายฉกรรจ์ใช้งานได้ไม่ดีนะ ไม่งั้นเราลองเข้าไปดูกันก่อนไหม” หญิงสาวจูงมือกัวไฮว่พร้อมกับพูดขึ้น

        “เจี่ยหยวน พี่เอาผู้หญิงคนนี้ไปเลยนะ ผมต้องการคนมาถือของ พี่หาผู้หญิงแบบนี้มาให้ผมทำไม” กัวไฮว่โทรศัพท์หาเจี่ยหยวนอีกรอบก่อนจะตะคอกเสียงดังลั่น

        “คะ…คุณไฮว่ แกจะถืออะไรแกก็บอกผู้หญิงคนนั้นไป ตอนนี้ฉันกับเจ้าสามอยู่หน้าบ้านแก แกรีบกลับมาเถอะ ฉันจัดการเรื่องใบอนุญาตให้แกเรียบร้อยแล้ว สถานที่ที่แกบอกฉันก็จัดการให้แกแล้ว แกรีบกลับบ้านเร็ว พวกเราเตรียมกับข้าวไว้เรียบร้อยแล้ว” เจี่ยหยวนพูดยิ้มๆ

        “น่าโมโหชะมัด เขาหัวโตแต่มีสมอง ส่วนเธอหัวโตไม่มีนม” กัวไฮว่มองหญิงสาวผู้อ้อนแอ้นคนนั้นแล้วพูดขึ้นเสียงดัง

        “อวี้เอ๋อร์ ไป เรากลับบ้านกัน ของนี่ให้พวกเขาส่งไปให้เราที่บ้าน” กัวไฮว่พูดพลางจูงมืออวี้เอ๋อร์เดินออกไปจากศูนย์การค้าท่ามกลางสายตาแปลกประหลาดที่ของคนที่เดินผ่านไปผ่านมา

        “ข้างๆ มีคนสวยขนาดนี้ ทำไมยังให้เจี่ยหยวนโทรมาหาฉันอีก แถมยังอยากได้ชายฉกรรจ์อะไรอีก แล้วยังมาว่าฉันอีก ฉันอกใหญ่แล้วมันทำไม” หญิงสาวผู้อ้อนแอ้นพูดเสียงดังด้วยความเศร้าสร้อย

        “มองอะไรกัน เรียกพวกนั้นมาให้หมดเลยนะ เก็บของบนพื้นนี่ให้เรียบร้อยแล้วส่งไปให้ตาบ้านั่นที่บ้าน” หญิงสาวคนสวยตะโกนเสียงดังกับพนักงานในร้านที่มองตนเองโวยวายอยู่ ไม่ว่าเธอจะโกรธสักแค่ไหนก็ไม่อาจเอาผิดกับเจี่ยหยวนได้ ถ้าเอาผิดกับเจี่ยหยวน ก็ไม่ต้องอยู่ที่อู่เฉิงกันพอดี แล้วก็ไม่ต้องอยู่ที่หัวซย่ากันพอดี

        “ตาบ้า นายต้องการชายฉกรรจ์ไม่ใช่เหรอ ลากฉันมาทำไมเนี่ย” อวี้เอ๋อร์นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในห้างเมื่อสักครู่แล้วพูดยิ้มๆ กับกัวไฮว่

        “ชายฉกรรจ์ยังไงก็สู้อวี้เอ๋อร์คนดีของฉันไม่ได้หรอก ถึงพวกเขาจะอกใหญ่กล้ามแน่น แต่จะไปแกร่งสู้เธอได้ยังไงล่ะ” กัวไฮว่พูดพลางยื่นมือไปยังส่วนสูงเนินของอวี้เอ๋อร์

        “ตาบ้า ไอ้ตาบ้า”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ 93 ฉันต้องการชายฉกรรจ์

Now you are reading [นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ Chapter 93 ฉันต้องการชายฉกรรจ์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        “ต้าจู้ นายเอาการ์ดนี่ไปนะ อยากซื้ออะไรก็ไปซื้อ ฉันจะพาอวี้เอ๋อร์ไปเดินเล่นสักหน่อย” กัวไฮว่โยนแบล็คการ์ดให้เซวียนต้าจู้ใบหนึ่งก่อนจะพูดยิ้มๆ

        “พี่ไฮว่ ผมมีเงิน ผมชนะการพนันแข่งวิชาการครั้งก่อนมาสิบล้าน เหอะๆ” เซวียนต้าจู้พูดยิ้มๆ

        “บอกให้เอาก็เอาไปสิ ไปเดินเล่นคนเดียวนะ ไปซื้อของให้เสิ่นปี้โหรวแล้วสุดสัปดาห์ค่อยไปหาเธอที่โรงเรียน” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “ยังจะสอนคนอื่นจีบสาวอีก ไป เราไปเดินเล่นในนั้นกัน” อวี้เอ๋อร์พูดพลางจูงมือกัวไฮว่เดินเข้าไปในศูนย์การค้า

        “อวี้เอ๋อร์ ชุดชั้นในนี่ไม่เลวเลย ซื้อสักตัวสิ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ พลางมองไปยังชุดชั้นในหลากสีที่แขวนอยู่ภายในศูนย์การค้า สายตาไม่ห่างออกไปจากส่วนสูงเนินของอวี้เอ๋อร์แม้แต่แวบเดียว

        “โรคจิต ไม่รู้หรือว่าทำไมถึงถูกไล่มาแดนมนุษย์น่ะ น่าจะพาไปภพเดรัจฉานจริงๆ ฉันเองก็หูหนวกตาบอด ทำไมฟังที่ท่านพี่พูดแล้วต้องลงมาหาพี่ที่แดนมนุษย์ด้วยก็ไม่รู้” อวี้เอ๋อร์ส่งกระแสจิตไปบอก

        “แค่จะซื้อเสื้อผ้าให้เธอจะมาโรคจิตอะไรกัน เสื้อตัวนี้อีก เธอดูสิ แสนจะประหยัด แสนจะรักษ์โลก เธอซื้อครั้งเดียวหลายๆ ตัวได้เลย สลับๆ กันใส่” กัวไฮว่พูดพร้อมกับชี้ไปยังกางเกงในจีสตริง

        “ตาบ้า ไอ้โรคจิต” อวี้เอ๋อร์พูดเสียงดัง ตั้งแต่แปดโมงครึ่งจนถึงสิบเอ็ดโมงครึ่ง เป็นเวลาสามชั่วโมง บนตัวของกัวไฮว่ก็เต็มไปด้วยกล่องหลากหลายชนิด อวี้เอ๋อร์เองก็ไม่ได้มีท่าทีจะหยุดพัก แค่รู้สึกถูกใจก็ดิ่งไปรูดบัตรแล้วแขวนไว้บนตัวของกัวไฮว่ ง่ายแค่นี้เอง

        “พี่ไฮว่ พี่ซื้ออะไรให้พวกน้องเวยเวยหน่อยสิ ปลายเดือนนี้ไปหาพวกเธอจะไปมือเปล่าไม่ได้นะ ถ้าไปมือเปล่าใครมันจะยอมบำเพ็ญเพียรคู่กับพี่ล่ะ” อวี้เอ๋อร์มองยังกัวไฮว่ที่แขวนเสื้อผ้าอยู่เต็มแล้วส่งกระแสจิตไปหาด้วยใบหน้ายิ้มร้าย

        “อะแฮ่มๆๆ อวี้เอ๋อร์ เกินไปแล้วนะ” กัวไฮว่ตะโกนเสียงดังลั่น ทำเอาสายตาผู้คนโดยรอบตกมาอยู่ที่ร่างของกัวไฮว่

        “เฮ้อ ผู้ชายทำแบบนี้ น่าขายหน้าชะมัดเลย” คนผ่านทางคนแรกพูดขึ้นเบาๆ

        “น่าจะเป็นตัวสำรองแหละ ไม่งั้นไม่เป็นแบบนี้หรอก ทำเกียรติผู้ชายป่นปี้หมด” คนผ่านทางคนที่สองพูดพลางพยักหน้า “ถ้าผู้หญิงคนนั้นเป็นแฟนฉันนะ อย่าว่างั้นงี้เลย ฉันยอมตายก็ได้ พวกแกจะไปเข้าใจอะไร” คนผ่านทางคนที่สามมองอวี้เอ๋อร์น้ำลายไหลย้อยพลางพูด

        “เพี๊ยะๆๆ มองอะไร อยากตายหรือไง เมียทำให้แกพอใจไม่ได้เหรอ” หญิงสาวสูงร้อยหกสิบหนักแปดสิบ ท่าทางไม่น่าหาเรื่องด้วยที่อยู่ข้างๆ ตบคนผ่านทางคนที่สี่

        “แค่กๆๆ เมียจ๋า ผมผิด ผมผิดไปแล้ว” เสียงโอดครวญของคนผ่านทางคนที่สี่ดังไปทั้งชั้นสองของศูนย์การค้า

        “พี่ไฮว่ ขอโทษด้วยนะ ทำให้คนอื่นหัวเราะเยาะเลย พี่อย่าโกรธสิ ไม่งั้นเดี๋ยวคืนนี้ฉันทำให้พี่พอใจเอง เดี๋ยวฉันซื้อชุดชั้นในเซ็กซี่ๆ หลายๆตัวเลย” แน่นอนว่าอวี้เอ๋อร์ได้ยินที่คนรอบๆ พูด เธอจึงมองกัวไฮว่พร้อมกับพูดขึ้นเบาๆ

        “แค่นี้ก็แข็งแล้ว พอดีเลย แขวนกระเป๋าถือไว้ตรงนี้ได้” อวี้เอ๋อร์พูดพลางยื่นมือไปแขวนกระเป๋าที่เพิ่งจะซื้อมาใหม่ที่น้องชายของกัวไฮว่

        “พรวด” กัวไฮว่ล้มไปกองกับพื้น ดูถูก ดูถูกกันเกินไปแล้ว

        “ฮ่าๆ สบาย วันนี้สบายดีจริงๆ” อวี้เอ๋อร์หัวเราะแจ่มใสราวกับดอกไม้ก่อนจะเอ่ยขึ้นเสียงดัง

        “น้องสี่ พี่ไฮว่ พี่ที่รัก คุณไฮว่ ตอนนี้แกอยู่ไหนฉันจะไปหาแก ฉันมีเรื่องด่วนน่ะ” เจี่ยหยวนตะโกนพูดเสียงโหดอยู่ปลายสายโทรศัพท์

        “อยู่ชั้นสองศูนย์การค้าอู่เฉิง มาซื้อชุดชั้นในอยู่ที่นี่ พี่หาคนส่งรถลากคันเล็กๆ มาลากของที่ผมซื้อไปหน่อยสิ มีอะไรค่อยว่ากัน” กัวไฮว่พูดขึ้นเสียงดังกับโทรศัพท์ ไม่ว่าเจี่ยหยวนจะได้ยินชัดเจนหรือไม่เขาก็วางสายไปแล้ว

        “ใช่ อยู่ที่ชั้นสองศูนย์การค้าของพวกเธอ กัวไฮว่คนนี้นี่เธอรู้จัก เธอรีบไปหาเขาเลยนะ เขาอยากได้อะไรก็ทำตามเขา เขาอยากทำประตูห้องลองเสื้อผ้าเธอก็ไปทำ ทำทุกอย่างที่เขาต้องการ” เจี่ยหยวนโทรศัพท์หาผู้หญิงคนหนึ่งแล้วพูดกับโทรศัพท์ด้วยเสียงดัง

        “พี่หยวน พี่มันแย่จริงๆ” หญิงสาวพูดออดอ้อน แต่สุดท้ายก็ถูกเจี่ยหยวนก่นด่าไปฉาดหนึ่ง ไม่นานเธอก็ไปหาความสำคัญของกัวไฮว่

        “เจ้าสี่นะเจ้าสี่ แกมีความลับมากมายแค่ไหนกันแน่ ถึงว่าแกถึงได้ให้ฉันจัดการทรัพย์สินแสนล้านของตระกูลฉิน สำหรับแกแล้วเงินก็ไม่ได้สำคัญอะไรเลย” เจี่ยหยวนมองไปที่แขนของตนเอง อย่าว่าแต่รอยฟันที่กัวไฮว่ทำไว้ครั้งนั้น ขนาดรอยแผลเป็นเล็กๆ ที่ตนเองเป็นคนทำก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย

        “พี่สอง พี่ติดต่อเจ้าสี่ได้แล้วหรือยัง พี่ดูแขนพี่สิ มันโคตรเจ๋งเลย เจ้าสี่มันมีความลับอะไรกันแน่” หวังเซิงพูดขึ้นเสียงดังกับปลายสายโทรศัพท์

        “ฉันโทรหาเจ้าสี่แล้ว มันเดินเล่นอยู่ในห้างอู่เฉิง เดี๋ยวเราไปคุกเข่าหน้าบ้านมันกันเถอะ” เจี่ยหยวนพูดยิ้มๆ “พี่เย่าพูดถูก เจ้าสี่ไม่ใช่เจ้าสี่คนเดิมอีกแล้วล่ะ”

        “พี่ไฮว่ พี่หยวนให้ฉันมาหาพี่น่ะ พี่ต้องการอะไรก็มาบอกฉันได้เลยนะ” หญิงสาวหน้าตาอ้อนแอ้นคนนั้นใช้เวลาไม่ถึงสามนาทีก็หากัวไฮว่เจอ ก่อนจะพูดยิ้มๆ กับกัวไฮว่ ชุดเดรสที่เดิมอยู่ต่ำอยู่แล้วถูกเธอดึงลงต่ำอีกหน่อย เผยให้เห็นกระต่ายขาวคู่หนึ่งสู่สายตา

        “ผู้ชาย หาผู้ชายมาให้ฉันสองสามคน ฉันต้องการชายฉกรรจ์” กัวไฮว่มองไปยังหญิงสาวอ้อนแอ้นคนนั้นแล้วพูดขึ้นเสียงดัง

        “พี่ไฮว่ เรื่องบางเรื่อง ชายฉกรรจ์ใช้งานได้ไม่ดีนะ ไม่งั้นเราลองเข้าไปดูกันก่อนไหม” หญิงสาวจูงมือกัวไฮว่พร้อมกับพูดขึ้น

        “เจี่ยหยวน พี่เอาผู้หญิงคนนี้ไปเลยนะ ผมต้องการคนมาถือของ พี่หาผู้หญิงแบบนี้มาให้ผมทำไม” กัวไฮว่โทรศัพท์หาเจี่ยหยวนอีกรอบก่อนจะตะคอกเสียงดังลั่น

        “คะ…คุณไฮว่ แกจะถืออะไรแกก็บอกผู้หญิงคนนั้นไป ตอนนี้ฉันกับเจ้าสามอยู่หน้าบ้านแก แกรีบกลับมาเถอะ ฉันจัดการเรื่องใบอนุญาตให้แกเรียบร้อยแล้ว สถานที่ที่แกบอกฉันก็จัดการให้แกแล้ว แกรีบกลับบ้านเร็ว พวกเราเตรียมกับข้าวไว้เรียบร้อยแล้ว” เจี่ยหยวนพูดยิ้มๆ

        “น่าโมโหชะมัด เขาหัวโตแต่มีสมอง ส่วนเธอหัวโตไม่มีนม” กัวไฮว่มองหญิงสาวผู้อ้อนแอ้นคนนั้นแล้วพูดขึ้นเสียงดัง

        “อวี้เอ๋อร์ ไป เรากลับบ้านกัน ของนี่ให้พวกเขาส่งไปให้เราที่บ้าน” กัวไฮว่พูดพลางจูงมืออวี้เอ๋อร์เดินออกไปจากศูนย์การค้าท่ามกลางสายตาแปลกประหลาดที่ของคนที่เดินผ่านไปผ่านมา

        “ข้างๆ มีคนสวยขนาดนี้ ทำไมยังให้เจี่ยหยวนโทรมาหาฉันอีก แถมยังอยากได้ชายฉกรรจ์อะไรอีก แล้วยังมาว่าฉันอีก ฉันอกใหญ่แล้วมันทำไม” หญิงสาวผู้อ้อนแอ้นพูดเสียงดังด้วยความเศร้าสร้อย

        “มองอะไรกัน เรียกพวกนั้นมาให้หมดเลยนะ เก็บของบนพื้นนี่ให้เรียบร้อยแล้วส่งไปให้ตาบ้านั่นที่บ้าน” หญิงสาวคนสวยตะโกนเสียงดังกับพนักงานในร้านที่มองตนเองโวยวายอยู่ ไม่ว่าเธอจะโกรธสักแค่ไหนก็ไม่อาจเอาผิดกับเจี่ยหยวนได้ ถ้าเอาผิดกับเจี่ยหยวน ก็ไม่ต้องอยู่ที่อู่เฉิงกันพอดี แล้วก็ไม่ต้องอยู่ที่หัวซย่ากันพอดี

        “ตาบ้า นายต้องการชายฉกรรจ์ไม่ใช่เหรอ ลากฉันมาทำไมเนี่ย” อวี้เอ๋อร์นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในห้างเมื่อสักครู่แล้วพูดยิ้มๆ กับกัวไฮว่

        “ชายฉกรรจ์ยังไงก็สู้อวี้เอ๋อร์คนดีของฉันไม่ได้หรอก ถึงพวกเขาจะอกใหญ่กล้ามแน่น แต่จะไปแกร่งสู้เธอได้ยังไงล่ะ” กัวไฮว่พูดพลางยื่นมือไปยังส่วนสูงเนินของอวี้เอ๋อร์

        “ตาบ้า ไอ้ตาบ้า”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ 93 ฉันต้องการชายฉกรรจ์

Now you are reading [นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ Chapter 93 ฉันต้องการชายฉกรรจ์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        “ต้าจู้ นายเอาการ์ดนี่ไปนะ อยากซื้ออะไรก็ไปซื้อ ฉันจะพาอวี้เอ๋อร์ไปเดินเล่นสักหน่อย” กัวไฮว่โยนแบล็คการ์ดให้เซวียนต้าจู้ใบหนึ่งก่อนจะพูดยิ้มๆ

        “พี่ไฮว่ ผมมีเงิน ผมชนะการพนันแข่งวิชาการครั้งก่อนมาสิบล้าน เหอะๆ” เซวียนต้าจู้พูดยิ้มๆ

        “บอกให้เอาก็เอาไปสิ ไปเดินเล่นคนเดียวนะ ไปซื้อของให้เสิ่นปี้โหรวแล้วสุดสัปดาห์ค่อยไปหาเธอที่โรงเรียน” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “ยังจะสอนคนอื่นจีบสาวอีก ไป เราไปเดินเล่นในนั้นกัน” อวี้เอ๋อร์พูดพลางจูงมือกัวไฮว่เดินเข้าไปในศูนย์การค้า

        “อวี้เอ๋อร์ ชุดชั้นในนี่ไม่เลวเลย ซื้อสักตัวสิ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ พลางมองไปยังชุดชั้นในหลากสีที่แขวนอยู่ภายในศูนย์การค้า สายตาไม่ห่างออกไปจากส่วนสูงเนินของอวี้เอ๋อร์แม้แต่แวบเดียว

        “โรคจิต ไม่รู้หรือว่าทำไมถึงถูกไล่มาแดนมนุษย์น่ะ น่าจะพาไปภพเดรัจฉานจริงๆ ฉันเองก็หูหนวกตาบอด ทำไมฟังที่ท่านพี่พูดแล้วต้องลงมาหาพี่ที่แดนมนุษย์ด้วยก็ไม่รู้” อวี้เอ๋อร์ส่งกระแสจิตไปบอก

        “แค่จะซื้อเสื้อผ้าให้เธอจะมาโรคจิตอะไรกัน เสื้อตัวนี้อีก เธอดูสิ แสนจะประหยัด แสนจะรักษ์โลก เธอซื้อครั้งเดียวหลายๆ ตัวได้เลย สลับๆ กันใส่” กัวไฮว่พูดพร้อมกับชี้ไปยังกางเกงในจีสตริง

        “ตาบ้า ไอ้โรคจิต” อวี้เอ๋อร์พูดเสียงดัง ตั้งแต่แปดโมงครึ่งจนถึงสิบเอ็ดโมงครึ่ง เป็นเวลาสามชั่วโมง บนตัวของกัวไฮว่ก็เต็มไปด้วยกล่องหลากหลายชนิด อวี้เอ๋อร์เองก็ไม่ได้มีท่าทีจะหยุดพัก แค่รู้สึกถูกใจก็ดิ่งไปรูดบัตรแล้วแขวนไว้บนตัวของกัวไฮว่ ง่ายแค่นี้เอง

        “พี่ไฮว่ พี่ซื้ออะไรให้พวกน้องเวยเวยหน่อยสิ ปลายเดือนนี้ไปหาพวกเธอจะไปมือเปล่าไม่ได้นะ ถ้าไปมือเปล่าใครมันจะยอมบำเพ็ญเพียรคู่กับพี่ล่ะ” อวี้เอ๋อร์มองยังกัวไฮว่ที่แขวนเสื้อผ้าอยู่เต็มแล้วส่งกระแสจิตไปหาด้วยใบหน้ายิ้มร้าย

        “อะแฮ่มๆๆ อวี้เอ๋อร์ เกินไปแล้วนะ” กัวไฮว่ตะโกนเสียงดังลั่น ทำเอาสายตาผู้คนโดยรอบตกมาอยู่ที่ร่างของกัวไฮว่

        “เฮ้อ ผู้ชายทำแบบนี้ น่าขายหน้าชะมัดเลย” คนผ่านทางคนแรกพูดขึ้นเบาๆ

        “น่าจะเป็นตัวสำรองแหละ ไม่งั้นไม่เป็นแบบนี้หรอก ทำเกียรติผู้ชายป่นปี้หมด” คนผ่านทางคนที่สองพูดพลางพยักหน้า “ถ้าผู้หญิงคนนั้นเป็นแฟนฉันนะ อย่าว่างั้นงี้เลย ฉันยอมตายก็ได้ พวกแกจะไปเข้าใจอะไร” คนผ่านทางคนที่สามมองอวี้เอ๋อร์น้ำลายไหลย้อยพลางพูด

        “เพี๊ยะๆๆ มองอะไร อยากตายหรือไง เมียทำให้แกพอใจไม่ได้เหรอ” หญิงสาวสูงร้อยหกสิบหนักแปดสิบ ท่าทางไม่น่าหาเรื่องด้วยที่อยู่ข้างๆ ตบคนผ่านทางคนที่สี่

        “แค่กๆๆ เมียจ๋า ผมผิด ผมผิดไปแล้ว” เสียงโอดครวญของคนผ่านทางคนที่สี่ดังไปทั้งชั้นสองของศูนย์การค้า

        “พี่ไฮว่ ขอโทษด้วยนะ ทำให้คนอื่นหัวเราะเยาะเลย พี่อย่าโกรธสิ ไม่งั้นเดี๋ยวคืนนี้ฉันทำให้พี่พอใจเอง เดี๋ยวฉันซื้อชุดชั้นในเซ็กซี่ๆ หลายๆตัวเลย” แน่นอนว่าอวี้เอ๋อร์ได้ยินที่คนรอบๆ พูด เธอจึงมองกัวไฮว่พร้อมกับพูดขึ้นเบาๆ

        “แค่นี้ก็แข็งแล้ว พอดีเลย แขวนกระเป๋าถือไว้ตรงนี้ได้” อวี้เอ๋อร์พูดพลางยื่นมือไปแขวนกระเป๋าที่เพิ่งจะซื้อมาใหม่ที่น้องชายของกัวไฮว่

        “พรวด” กัวไฮว่ล้มไปกองกับพื้น ดูถูก ดูถูกกันเกินไปแล้ว

        “ฮ่าๆ สบาย วันนี้สบายดีจริงๆ” อวี้เอ๋อร์หัวเราะแจ่มใสราวกับดอกไม้ก่อนจะเอ่ยขึ้นเสียงดัง

        “น้องสี่ พี่ไฮว่ พี่ที่รัก คุณไฮว่ ตอนนี้แกอยู่ไหนฉันจะไปหาแก ฉันมีเรื่องด่วนน่ะ” เจี่ยหยวนตะโกนพูดเสียงโหดอยู่ปลายสายโทรศัพท์

        “อยู่ชั้นสองศูนย์การค้าอู่เฉิง มาซื้อชุดชั้นในอยู่ที่นี่ พี่หาคนส่งรถลากคันเล็กๆ มาลากของที่ผมซื้อไปหน่อยสิ มีอะไรค่อยว่ากัน” กัวไฮว่พูดขึ้นเสียงดังกับโทรศัพท์ ไม่ว่าเจี่ยหยวนจะได้ยินชัดเจนหรือไม่เขาก็วางสายไปแล้ว

        “ใช่ อยู่ที่ชั้นสองศูนย์การค้าของพวกเธอ กัวไฮว่คนนี้นี่เธอรู้จัก เธอรีบไปหาเขาเลยนะ เขาอยากได้อะไรก็ทำตามเขา เขาอยากทำประตูห้องลองเสื้อผ้าเธอก็ไปทำ ทำทุกอย่างที่เขาต้องการ” เจี่ยหยวนโทรศัพท์หาผู้หญิงคนหนึ่งแล้วพูดกับโทรศัพท์ด้วยเสียงดัง

        “พี่หยวน พี่มันแย่จริงๆ” หญิงสาวพูดออดอ้อน แต่สุดท้ายก็ถูกเจี่ยหยวนก่นด่าไปฉาดหนึ่ง ไม่นานเธอก็ไปหาความสำคัญของกัวไฮว่

        “เจ้าสี่นะเจ้าสี่ แกมีความลับมากมายแค่ไหนกันแน่ ถึงว่าแกถึงได้ให้ฉันจัดการทรัพย์สินแสนล้านของตระกูลฉิน สำหรับแกแล้วเงินก็ไม่ได้สำคัญอะไรเลย” เจี่ยหยวนมองไปที่แขนของตนเอง อย่าว่าแต่รอยฟันที่กัวไฮว่ทำไว้ครั้งนั้น ขนาดรอยแผลเป็นเล็กๆ ที่ตนเองเป็นคนทำก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย

        “พี่สอง พี่ติดต่อเจ้าสี่ได้แล้วหรือยัง พี่ดูแขนพี่สิ มันโคตรเจ๋งเลย เจ้าสี่มันมีความลับอะไรกันแน่” หวังเซิงพูดขึ้นเสียงดังกับปลายสายโทรศัพท์

        “ฉันโทรหาเจ้าสี่แล้ว มันเดินเล่นอยู่ในห้างอู่เฉิง เดี๋ยวเราไปคุกเข่าหน้าบ้านมันกันเถอะ” เจี่ยหยวนพูดยิ้มๆ “พี่เย่าพูดถูก เจ้าสี่ไม่ใช่เจ้าสี่คนเดิมอีกแล้วล่ะ”

        “พี่ไฮว่ พี่หยวนให้ฉันมาหาพี่น่ะ พี่ต้องการอะไรก็มาบอกฉันได้เลยนะ” หญิงสาวหน้าตาอ้อนแอ้นคนนั้นใช้เวลาไม่ถึงสามนาทีก็หากัวไฮว่เจอ ก่อนจะพูดยิ้มๆ กับกัวไฮว่ ชุดเดรสที่เดิมอยู่ต่ำอยู่แล้วถูกเธอดึงลงต่ำอีกหน่อย เผยให้เห็นกระต่ายขาวคู่หนึ่งสู่สายตา

        “ผู้ชาย หาผู้ชายมาให้ฉันสองสามคน ฉันต้องการชายฉกรรจ์” กัวไฮว่มองไปยังหญิงสาวอ้อนแอ้นคนนั้นแล้วพูดขึ้นเสียงดัง

        “พี่ไฮว่ เรื่องบางเรื่อง ชายฉกรรจ์ใช้งานได้ไม่ดีนะ ไม่งั้นเราลองเข้าไปดูกันก่อนไหม” หญิงสาวจูงมือกัวไฮว่พร้อมกับพูดขึ้น

        “เจี่ยหยวน พี่เอาผู้หญิงคนนี้ไปเลยนะ ผมต้องการคนมาถือของ พี่หาผู้หญิงแบบนี้มาให้ผมทำไม” กัวไฮว่โทรศัพท์หาเจี่ยหยวนอีกรอบก่อนจะตะคอกเสียงดังลั่น

        “คะ…คุณไฮว่ แกจะถืออะไรแกก็บอกผู้หญิงคนนั้นไป ตอนนี้ฉันกับเจ้าสามอยู่หน้าบ้านแก แกรีบกลับมาเถอะ ฉันจัดการเรื่องใบอนุญาตให้แกเรียบร้อยแล้ว สถานที่ที่แกบอกฉันก็จัดการให้แกแล้ว แกรีบกลับบ้านเร็ว พวกเราเตรียมกับข้าวไว้เรียบร้อยแล้ว” เจี่ยหยวนพูดยิ้มๆ

        “น่าโมโหชะมัด เขาหัวโตแต่มีสมอง ส่วนเธอหัวโตไม่มีนม” กัวไฮว่มองหญิงสาวผู้อ้อนแอ้นคนนั้นแล้วพูดขึ้นเสียงดัง

        “อวี้เอ๋อร์ ไป เรากลับบ้านกัน ของนี่ให้พวกเขาส่งไปให้เราที่บ้าน” กัวไฮว่พูดพลางจูงมืออวี้เอ๋อร์เดินออกไปจากศูนย์การค้าท่ามกลางสายตาแปลกประหลาดที่ของคนที่เดินผ่านไปผ่านมา

        “ข้างๆ มีคนสวยขนาดนี้ ทำไมยังให้เจี่ยหยวนโทรมาหาฉันอีก แถมยังอยากได้ชายฉกรรจ์อะไรอีก แล้วยังมาว่าฉันอีก ฉันอกใหญ่แล้วมันทำไม” หญิงสาวผู้อ้อนแอ้นพูดเสียงดังด้วยความเศร้าสร้อย

        “มองอะไรกัน เรียกพวกนั้นมาให้หมดเลยนะ เก็บของบนพื้นนี่ให้เรียบร้อยแล้วส่งไปให้ตาบ้านั่นที่บ้าน” หญิงสาวคนสวยตะโกนเสียงดังกับพนักงานในร้านที่มองตนเองโวยวายอยู่ ไม่ว่าเธอจะโกรธสักแค่ไหนก็ไม่อาจเอาผิดกับเจี่ยหยวนได้ ถ้าเอาผิดกับเจี่ยหยวน ก็ไม่ต้องอยู่ที่อู่เฉิงกันพอดี แล้วก็ไม่ต้องอยู่ที่หัวซย่ากันพอดี

        “ตาบ้า นายต้องการชายฉกรรจ์ไม่ใช่เหรอ ลากฉันมาทำไมเนี่ย” อวี้เอ๋อร์นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในห้างเมื่อสักครู่แล้วพูดยิ้มๆ กับกัวไฮว่

        “ชายฉกรรจ์ยังไงก็สู้อวี้เอ๋อร์คนดีของฉันไม่ได้หรอก ถึงพวกเขาจะอกใหญ่กล้ามแน่น แต่จะไปแกร่งสู้เธอได้ยังไงล่ะ” กัวไฮว่พูดพลางยื่นมือไปยังส่วนสูงเนินของอวี้เอ๋อร์

        “ตาบ้า ไอ้ตาบ้า”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+