[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ 61 ถอนพิษให้พี่เขย

Now you are reading [นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ Chapter 61 ถอนพิษให้พี่เขย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        “กัวไฮว่ ที่นี่บ้านตระกูลมู่หรงนะ เธอไม่ควรทำแบบนั้น” มู่หรงกูทนพูดออกมาไม่ได้

        “เขาเป็นคนของตระกูลหนานกง เดิมชื่อหนานกงชิว คุณสอบประวัติคนมาได้แย่มากเลยนะ” กัวไฮว่พูดพลางส่ายศีรษะ “ถ้าผมไม่ฆ่าเขาตอนนี้ คุณก็จะไม่มีโอกาสลงมืออีกแล้ว เพราะหนานกงเชี่ยนเมียคุณไม่ยอมให้คุณลงมือกับลุงแท้ๆ ของเธอแน่ ครั้งนี้ถือว่าผมช่วยคุณได้เยอะมากเลยนะ” พูดจบ กัวไฮว่ก็เดินเข้าไปในห้องของมู่หรงหลงอีกครั้ง

        เสียง “เพล้ง!” ดังขึ้น แก้วน้ำที่อยู่ในมือของกัวไฮว่ถูกบีบจนแตก “หนานกงเชี่ยน…”

        “นายท่าน ไม่ทราบเรียกผมมามีอะไรเหรอครับ” ชายวัยกลางคนหน้าตาสะอาดสะอ้านคนหนึ่งยืนอยู่ตรงหน้ามู่หรงกู เขาเหลือบมองชิวอี้เจินที่นอนอยู่บนพื้นแวบหนึ่ง แล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่

        “เมิ่งจวง เธออยู่ที่นี่มากี่ปีแล้ว” มู่หรงกูนั่งบนโซฟา หันหลังถามชายผู้นี้เบาๆ

        “เจ็ดปีแล้วครับ ผมจำได้ว่าตอนที่ผมมา เป็นวันเกิดเก้าขวบของคุณหนูพอดี” เมิ่งจวงพูดเบาๆ

        กัวไฮว่ไม่ได้สนใจสถานการณ์ข้างนอก เขากลับเข้าไปในห้องอีกครั้ง มีของเหลวสีดำซึมออกมาบนเข็มทั้งแปดสิบเอ็ดเล่ม

        “ช่วยชีวิตคนไม่สู้สร้างเจดีย์เจ็ดชั้น[1] เสียจริง อวี้เอ๋อร์ เจ้าน่าจะเห็นแล้วนะว่าข้าช่วยคนอยู่ ช่วยข้าบันทึกแต้มกุศลที่ควรจะให้ข้าหน่อยสิ” กัวไฮว่ลอบพูดในใจ

        “พี่เขย ตั้งสตินะ ไม่ต้องกังวล นี่แค่เพิ่งเริ่มต้น ถ้าพี่ไม่อยากให้มีอาการข้างเคียง ก็ทำตามผมนะ” กัวไฮว่ส่งกระแสจิตไปเพื่อสื่อสารกับพี่หรงหลง

        “ขอบคุณนายมากนะ รอฉันหายดีเมื่อไหร่ ฉันจะไปขอบคุณนายแน่” มู่หรงหลงสัมผัสได้ถึงกระแสจิตของกัวไฮว่ จึงตอบกลับมาโดยทันที

        “พี่ไม่ได้แค่ถูกพิษเก้าแมลงเก้าหญ้าเท่านั้น ตอนที่พี่เริ่มถูกพิษ อาหารการกินพี่ก็มีปัญหาด้วย พลังหยินหยางปะทะกันเลยทำให้พี่เป็นอย่างในตอนนี้ ที่พี่อมอยู่ในปากน่ะคือยาคืนชีพ เดี๋ยวจะรู้สึกเจ็บมาก ถ้าพี่ทนได้ ก็จะเก็บสิ่งที่พี่บำเพ็ญมาหลายปีนี้เอาไว้ได้ ถ้าทนไม่ได้ ก็จะต้องเริ่มใหม่ตั้งแต่ต้น” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        ในช่วงขณะที่ยาคืนชีพในปากของมู่หรงหลงกำลังหายไปนั่นเอง กัวไฮว่ก็เอายาลูกกลอนสีดำขลับยัดเข้าไปในปากของมู่หรงหลง ไม่นานร่างกายของมู่หรงหลงก็สั่นขึ้นมา

        “พี่ไฮว่ พี่ช่วยชีวิตพี่หลงได้แล้วเหรอ” มู่หรงเฟยฝึกจิตไปแล้วสามสิบรอบ ในขณะที่ตื่นขึ้นมา ก็เห็นว่าทั้งร่างกายของมู่หรงหลงสั่นสะท้าน ถึงขั้นมีเสียงขึ้นที่เข็มที่อยู่บนตัว เขาจึงถามขึ้น

        “ถ้านายอยากตายก็เข้ามา พิษที่ซึมออกมาจากร่างของพี่เขยไม่ได้มีแค่พิษเก้าแมลงเก้าหญ้า จะรักษาได้ไหมนั้นฉันก็ยังคอนเฟิร์มไม่ได้” กัวไฮว่ที่ยืนอยู่ข้างๆ มองมู่หรงเฟยที่เดินก้าวมาข้างหน้าแล้วพูดยิ้มๆ

        “ครืน!” บนผืนฟ้าหมื่นลี้เดิมทีก็ไร้เมฆ แต่จู่ๆ ก็มีเสียงฟ้าร้องขึ้น ทำให้กัวไฮว่นิ่งอึ้งไปโดยไม่รู้ตัว จากนั้นก็ยกมือขึ้นมาคำนวณดู เพียงชั่วขณะแผ่นหลังของเขาก็เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ

        “อามิตาพุทธ! วันนี้บังเอิญมากเลย มาช้ากว่านี้อีกสักสองสามวันเถอะ ถ้าจิตของเด็กนี่ถูกใครเอาไป ต่อให้เป็นเทพก็ยากจะช่วยแล้ว” กัวไฮว่ลอบพูดในใจ “ท่านเซียนทั้งสอง ขออภัยเสียจริง ข้าช่วยคนผู้นี้ไว้แล้ว ทั้งสองท่านโปรดจากไปเถอะ ครั้งนี้มีโทษมหันต์นัก ภายหลังข้าจะหาวิธีตอบแทนท่านทั้งสอง” กัวไฮว่พูดขึ้นกับอากาศ จากนั้นเสียงฟ้าร้องก็ลอยไปไกล

        “มองอะไรล่ะ ยาลูกกลอนที่อยู่ในมือผู้นั้นมีกลิ่นแห่งเซียนอยู่ ถึงยังไงเขาก็เป็นแค่มนุษย์ธรรมดา พวกเราจะไปเอาโทษเขาไม่ได้ ไปกันเถอะ เด็กนี่ก็ยังไม่ชะตาขาด” เงาดำกับเงาขาวค่อยๆ หายตัวไป

        “ชู่ว ยังดีนะที่มีคนปิดบังความลับสวรรค์ ไม่งั้นถ้าสายฟ้าล่าวิญญาณเมื่อกี้ฟาดเข้าที่ร่างของเขา สิ่งที่ข้าทำมาทั้งหมดได้สูญเปล่าแน่ๆ” กัวไฮว่ถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วพูดขึ้น

        “อ๊าก!” มู่หรงหลงที่เดิมที่ร่างกายสั่นไหวก็ลุกขึ้นมานั่งจากเตียงอย่างรุนแรง เขาตะโกนร้องเสียงดัง พ่นไอดำออกมาจากปาก จากนั้นก็พิงอยู่บนเตียง

        “พี่ไฮว่ พี่หลงไม่เป็นอะไรใช่ไหม” มู่หรงเฟยเห็นมู่หรงหลงไม่เคลื่อนไหว ก็ถามขึ้นเบาๆ

        “จะอะไรอีกล่ะ เจ็บจนเป็นลมไปน่ะสิ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “นายก็หยุดดูได้แล้ว ออกไปบอกมู่หรงกูนะ ให้เขาเตรียมอ่างไม้เอาไว้ ถ้าไม่มีก็เอาสิ่งมีชีวิตในอ่างเลี้ยงปลาข้างนอกนั่นออกไปให้หมด แล้วก็ทำเป็นสระน้ำเติมน้ำร้อนให้เต็ม มัวมองอะไรอยู่ รีบไปสิ”

        “ได้ครับ” มู่หรงเฟยหมุนตัววิ่งออกไปข้างนอก “ลุงสาม พี่ไฮว่ให้ลุงเตรียมอ่างไม้ใหญ่ๆ หน่อย แล้วก็ต้มน้ำร้อน ถ้าไม่มีอ่างไม้ก็ใช้สระน้ำได้”

        “พี่คะ พี่คะ!” มู่หรงเวยเวยที่รอข่าวอยู่ในห้องข้างๆ อยู่ตลอดได้ยินเคลื่อนไหวจากทางฝั่งนี้ ก็ปรากฏตัวที่ห้องของมู่หรงหลงอีกครั้ง และเมื่อเห็นมู่หรงหลงมีเข็มฝังไว้อยู่ทั่วร่างกาย ร่างกายพิงเตียงไว้ไม่ขยับ ไม่มีลมหายใจแม้แต่นิด จึงตะโกนร้องเสียงดัง

        “ยายหนู อย่าไปแตะตัวเขา เขาขับพิษอยู่” กัวไฮว่รีบดึงมู่หรงหลงเอาไว้ “คนที่เหนื่อยที่สุดคือฉันนะ เฮ้อ เจ็บใจจริงๆ เธอห่างจากพี่เธอหน่อยก็ดี”

        “พี่ไฮว่ ไม่เป็นไรใช่ไหม” มู่หรงเวยเวยเห็นกัวไฮว่มีเหงื่อท่วมตัว จึงถามขึ้นด้วยความปวดใจ

        “พี่เขาเป็นอะไรไป ทำไมไม่มีลมหายใจเลยล่ะ”

        “ไม่มีอะไรร้ายแรงแล้ว ประมาณพรุ่งนี้ก็กินข้าวเช้ากับพวกเราได้แล้วล่ะ ไปบอกข้างนอกนะ เดี๋ยวพอเตรียมน้ำร้อนไว้แล้วก็โยนพี่เขยลงไปได้เลย รอให้ร่างกายไม่มีสิ่งดำๆ ซึมขึ้นมาอีกก็พาเขาขึ้นมา แล้วก็เรียกฉันอีกครั้ง ฉันจะพักแล้ว” พูดจบ กัวไฮว่ก็เดินตรงเข้าไปในห้องของมู่หรงเวยเวย

        ไม่นานนัก มู่หรงกูก็หาอ่างไม้ขนาดใหญ่มา เติมน้ำร้อนไว้จนเต็ม

        “ลุงสาม ต้องให้พี่หลงเข้าไปแช่จริงๆ เหรอ” มู่หรงเฟยเห็นอ่างไม้มีไอร้อนออกมาก็ถามขึ้นเบาๆ

        “ยาลูกกลอนที่เด็กนั่นให้แกกินได้ผลหรือเปล่าล่ะ” มู่หรงกูมองมู่หรงเฟยแล้วถามขึ้น

        “อาการแฝงที่เหลือจากการฝึกมวยแปดสุดยอดหายดีหมดแล้วครับ พลังภายในที่ผมมีตอนนี้อย่างน้อยๆ ก็เพิ่มมาสามส่วน” มู่หรงเฟยพูดอย่างไม่ปิดบัง

        “พาเสี่ยวหลงลงไป” มู่หรงกูพูดเสียงดัง “กัวไฮว่”

        “ลุงสาม ทำไมจู่ๆ ก็เย็นแบบนี้ล่ะ” ในขณะที่นำตัวมู่หรงหลงลงอ่างไม้นั่นเอง ความร้อนทั่วทั้งอ่างก็พลันหายไป ถึงขั้นที่ว่าคนที่อยู่รอบข้างอ่างไม้ต่างสัมผัสได้ถึงไอเย็นเยือก

        “แกไปถามกัวไฮว่หน่อยไป ว่าตอนนี้ให้ทำยังไง” มู่หรงกูพูดขึ้นเสียงดังกับมู่หรงเฟย จากนั้นมู่หรงเฟยก็วิ่งเข้าไปในห้อง

        “เติมน้ำร้อนครับ พี่ไฮว่บอกให้เติมน้ำร้อนตลอด เมื่อไหร่น้ำไม่เย็นแล้ว ตัวพี่หลงก็คงไม่มีอะไรซึมออกมาแล้ว” มู่หรงเฟยไม่ได้เข้ามาในห้อง ทว่าตะโกนขึ้นเสียงดัง

        ขณะนี้บ้านตระกูลมู่หรงมีควันโขมงเต็มไปหมด ตอนแรกก็มีคนคิดว่าเกิดไฟไหม้ ต่อมามีคนบอกว่าที่จริงพวกเขากำลังต้มน้ำร้อนอยู่ ขณะนี้เฟอร์นิเจอร์ไม้แดงในห้องรับแขกถูกเผาเป็นฟืนเรียบร้อยแล้ว

        หลังจากนั้นหนึ่งชั่วโมง และก็ไม่ทราบว่าเปลี่ยนน้ำไปกี่แล้วครั้ง น้ำที่เติมไปก็ไม่เย็นแล้ว มู่หรงกูมองลูกชายที่นอนพิงอยู่ด้านใน ทั่วทั้งร่างกายไม่มีรอยน้ำลวกแม้แต่น้อย ในสุดเขาก็วางภาระอันหนักอึ้งในใจลงได้เสียที

 

[1] อุปมาว่าสร้างกุศลให้คนตาย ไม่สู้ช่วยชีวิตคนเป็น

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ 61 ถอนพิษให้พี่เขย

Now you are reading [นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ Chapter 61 ถอนพิษให้พี่เขย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        “กัวไฮว่ ที่นี่บ้านตระกูลมู่หรงนะ เธอไม่ควรทำแบบนั้น” มู่หรงกูทนพูดออกมาไม่ได้

        “เขาเป็นคนของตระกูลหนานกง เดิมชื่อหนานกงชิว คุณสอบประวัติคนมาได้แย่มากเลยนะ” กัวไฮว่พูดพลางส่ายศีรษะ “ถ้าผมไม่ฆ่าเขาตอนนี้ คุณก็จะไม่มีโอกาสลงมืออีกแล้ว เพราะหนานกงเชี่ยนเมียคุณไม่ยอมให้คุณลงมือกับลุงแท้ๆ ของเธอแน่ ครั้งนี้ถือว่าผมช่วยคุณได้เยอะมากเลยนะ” พูดจบ กัวไฮว่ก็เดินเข้าไปในห้องของมู่หรงหลงอีกครั้ง

        เสียง “เพล้ง!” ดังขึ้น แก้วน้ำที่อยู่ในมือของกัวไฮว่ถูกบีบจนแตก “หนานกงเชี่ยน…”

        “นายท่าน ไม่ทราบเรียกผมมามีอะไรเหรอครับ” ชายวัยกลางคนหน้าตาสะอาดสะอ้านคนหนึ่งยืนอยู่ตรงหน้ามู่หรงกู เขาเหลือบมองชิวอี้เจินที่นอนอยู่บนพื้นแวบหนึ่ง แล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่

        “เมิ่งจวง เธออยู่ที่นี่มากี่ปีแล้ว” มู่หรงกูนั่งบนโซฟา หันหลังถามชายผู้นี้เบาๆ

        “เจ็ดปีแล้วครับ ผมจำได้ว่าตอนที่ผมมา เป็นวันเกิดเก้าขวบของคุณหนูพอดี” เมิ่งจวงพูดเบาๆ

        กัวไฮว่ไม่ได้สนใจสถานการณ์ข้างนอก เขากลับเข้าไปในห้องอีกครั้ง มีของเหลวสีดำซึมออกมาบนเข็มทั้งแปดสิบเอ็ดเล่ม

        “ช่วยชีวิตคนไม่สู้สร้างเจดีย์เจ็ดชั้น[1] เสียจริง อวี้เอ๋อร์ เจ้าน่าจะเห็นแล้วนะว่าข้าช่วยคนอยู่ ช่วยข้าบันทึกแต้มกุศลที่ควรจะให้ข้าหน่อยสิ” กัวไฮว่ลอบพูดในใจ

        “พี่เขย ตั้งสตินะ ไม่ต้องกังวล นี่แค่เพิ่งเริ่มต้น ถ้าพี่ไม่อยากให้มีอาการข้างเคียง ก็ทำตามผมนะ” กัวไฮว่ส่งกระแสจิตไปเพื่อสื่อสารกับพี่หรงหลง

        “ขอบคุณนายมากนะ รอฉันหายดีเมื่อไหร่ ฉันจะไปขอบคุณนายแน่” มู่หรงหลงสัมผัสได้ถึงกระแสจิตของกัวไฮว่ จึงตอบกลับมาโดยทันที

        “พี่ไม่ได้แค่ถูกพิษเก้าแมลงเก้าหญ้าเท่านั้น ตอนที่พี่เริ่มถูกพิษ อาหารการกินพี่ก็มีปัญหาด้วย พลังหยินหยางปะทะกันเลยทำให้พี่เป็นอย่างในตอนนี้ ที่พี่อมอยู่ในปากน่ะคือยาคืนชีพ เดี๋ยวจะรู้สึกเจ็บมาก ถ้าพี่ทนได้ ก็จะเก็บสิ่งที่พี่บำเพ็ญมาหลายปีนี้เอาไว้ได้ ถ้าทนไม่ได้ ก็จะต้องเริ่มใหม่ตั้งแต่ต้น” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        ในช่วงขณะที่ยาคืนชีพในปากของมู่หรงหลงกำลังหายไปนั่นเอง กัวไฮว่ก็เอายาลูกกลอนสีดำขลับยัดเข้าไปในปากของมู่หรงหลง ไม่นานร่างกายของมู่หรงหลงก็สั่นขึ้นมา

        “พี่ไฮว่ พี่ช่วยชีวิตพี่หลงได้แล้วเหรอ” มู่หรงเฟยฝึกจิตไปแล้วสามสิบรอบ ในขณะที่ตื่นขึ้นมา ก็เห็นว่าทั้งร่างกายของมู่หรงหลงสั่นสะท้าน ถึงขั้นมีเสียงขึ้นที่เข็มที่อยู่บนตัว เขาจึงถามขึ้น

        “ถ้านายอยากตายก็เข้ามา พิษที่ซึมออกมาจากร่างของพี่เขยไม่ได้มีแค่พิษเก้าแมลงเก้าหญ้า จะรักษาได้ไหมนั้นฉันก็ยังคอนเฟิร์มไม่ได้” กัวไฮว่ที่ยืนอยู่ข้างๆ มองมู่หรงเฟยที่เดินก้าวมาข้างหน้าแล้วพูดยิ้มๆ

        “ครืน!” บนผืนฟ้าหมื่นลี้เดิมทีก็ไร้เมฆ แต่จู่ๆ ก็มีเสียงฟ้าร้องขึ้น ทำให้กัวไฮว่นิ่งอึ้งไปโดยไม่รู้ตัว จากนั้นก็ยกมือขึ้นมาคำนวณดู เพียงชั่วขณะแผ่นหลังของเขาก็เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ

        “อามิตาพุทธ! วันนี้บังเอิญมากเลย มาช้ากว่านี้อีกสักสองสามวันเถอะ ถ้าจิตของเด็กนี่ถูกใครเอาไป ต่อให้เป็นเทพก็ยากจะช่วยแล้ว” กัวไฮว่ลอบพูดในใจ “ท่านเซียนทั้งสอง ขออภัยเสียจริง ข้าช่วยคนผู้นี้ไว้แล้ว ทั้งสองท่านโปรดจากไปเถอะ ครั้งนี้มีโทษมหันต์นัก ภายหลังข้าจะหาวิธีตอบแทนท่านทั้งสอง” กัวไฮว่พูดขึ้นกับอากาศ จากนั้นเสียงฟ้าร้องก็ลอยไปไกล

        “มองอะไรล่ะ ยาลูกกลอนที่อยู่ในมือผู้นั้นมีกลิ่นแห่งเซียนอยู่ ถึงยังไงเขาก็เป็นแค่มนุษย์ธรรมดา พวกเราจะไปเอาโทษเขาไม่ได้ ไปกันเถอะ เด็กนี่ก็ยังไม่ชะตาขาด” เงาดำกับเงาขาวค่อยๆ หายตัวไป

        “ชู่ว ยังดีนะที่มีคนปิดบังความลับสวรรค์ ไม่งั้นถ้าสายฟ้าล่าวิญญาณเมื่อกี้ฟาดเข้าที่ร่างของเขา สิ่งที่ข้าทำมาทั้งหมดได้สูญเปล่าแน่ๆ” กัวไฮว่ถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วพูดขึ้น

        “อ๊าก!” มู่หรงหลงที่เดิมที่ร่างกายสั่นไหวก็ลุกขึ้นมานั่งจากเตียงอย่างรุนแรง เขาตะโกนร้องเสียงดัง พ่นไอดำออกมาจากปาก จากนั้นก็พิงอยู่บนเตียง

        “พี่ไฮว่ พี่หลงไม่เป็นอะไรใช่ไหม” มู่หรงเฟยเห็นมู่หรงหลงไม่เคลื่อนไหว ก็ถามขึ้นเบาๆ

        “จะอะไรอีกล่ะ เจ็บจนเป็นลมไปน่ะสิ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “นายก็หยุดดูได้แล้ว ออกไปบอกมู่หรงกูนะ ให้เขาเตรียมอ่างไม้เอาไว้ ถ้าไม่มีก็เอาสิ่งมีชีวิตในอ่างเลี้ยงปลาข้างนอกนั่นออกไปให้หมด แล้วก็ทำเป็นสระน้ำเติมน้ำร้อนให้เต็ม มัวมองอะไรอยู่ รีบไปสิ”

        “ได้ครับ” มู่หรงเฟยหมุนตัววิ่งออกไปข้างนอก “ลุงสาม พี่ไฮว่ให้ลุงเตรียมอ่างไม้ใหญ่ๆ หน่อย แล้วก็ต้มน้ำร้อน ถ้าไม่มีอ่างไม้ก็ใช้สระน้ำได้”

        “พี่คะ พี่คะ!” มู่หรงเวยเวยที่รอข่าวอยู่ในห้องข้างๆ อยู่ตลอดได้ยินเคลื่อนไหวจากทางฝั่งนี้ ก็ปรากฏตัวที่ห้องของมู่หรงหลงอีกครั้ง และเมื่อเห็นมู่หรงหลงมีเข็มฝังไว้อยู่ทั่วร่างกาย ร่างกายพิงเตียงไว้ไม่ขยับ ไม่มีลมหายใจแม้แต่นิด จึงตะโกนร้องเสียงดัง

        “ยายหนู อย่าไปแตะตัวเขา เขาขับพิษอยู่” กัวไฮว่รีบดึงมู่หรงหลงเอาไว้ “คนที่เหนื่อยที่สุดคือฉันนะ เฮ้อ เจ็บใจจริงๆ เธอห่างจากพี่เธอหน่อยก็ดี”

        “พี่ไฮว่ ไม่เป็นไรใช่ไหม” มู่หรงเวยเวยเห็นกัวไฮว่มีเหงื่อท่วมตัว จึงถามขึ้นด้วยความปวดใจ

        “พี่เขาเป็นอะไรไป ทำไมไม่มีลมหายใจเลยล่ะ”

        “ไม่มีอะไรร้ายแรงแล้ว ประมาณพรุ่งนี้ก็กินข้าวเช้ากับพวกเราได้แล้วล่ะ ไปบอกข้างนอกนะ เดี๋ยวพอเตรียมน้ำร้อนไว้แล้วก็โยนพี่เขยลงไปได้เลย รอให้ร่างกายไม่มีสิ่งดำๆ ซึมขึ้นมาอีกก็พาเขาขึ้นมา แล้วก็เรียกฉันอีกครั้ง ฉันจะพักแล้ว” พูดจบ กัวไฮว่ก็เดินตรงเข้าไปในห้องของมู่หรงเวยเวย

        ไม่นานนัก มู่หรงกูก็หาอ่างไม้ขนาดใหญ่มา เติมน้ำร้อนไว้จนเต็ม

        “ลุงสาม ต้องให้พี่หลงเข้าไปแช่จริงๆ เหรอ” มู่หรงเฟยเห็นอ่างไม้มีไอร้อนออกมาก็ถามขึ้นเบาๆ

        “ยาลูกกลอนที่เด็กนั่นให้แกกินได้ผลหรือเปล่าล่ะ” มู่หรงกูมองมู่หรงเฟยแล้วถามขึ้น

        “อาการแฝงที่เหลือจากการฝึกมวยแปดสุดยอดหายดีหมดแล้วครับ พลังภายในที่ผมมีตอนนี้อย่างน้อยๆ ก็เพิ่มมาสามส่วน” มู่หรงเฟยพูดอย่างไม่ปิดบัง

        “พาเสี่ยวหลงลงไป” มู่หรงกูพูดเสียงดัง “กัวไฮว่”

        “ลุงสาม ทำไมจู่ๆ ก็เย็นแบบนี้ล่ะ” ในขณะที่นำตัวมู่หรงหลงลงอ่างไม้นั่นเอง ความร้อนทั่วทั้งอ่างก็พลันหายไป ถึงขั้นที่ว่าคนที่อยู่รอบข้างอ่างไม้ต่างสัมผัสได้ถึงไอเย็นเยือก

        “แกไปถามกัวไฮว่หน่อยไป ว่าตอนนี้ให้ทำยังไง” มู่หรงกูพูดขึ้นเสียงดังกับมู่หรงเฟย จากนั้นมู่หรงเฟยก็วิ่งเข้าไปในห้อง

        “เติมน้ำร้อนครับ พี่ไฮว่บอกให้เติมน้ำร้อนตลอด เมื่อไหร่น้ำไม่เย็นแล้ว ตัวพี่หลงก็คงไม่มีอะไรซึมออกมาแล้ว” มู่หรงเฟยไม่ได้เข้ามาในห้อง ทว่าตะโกนขึ้นเสียงดัง

        ขณะนี้บ้านตระกูลมู่หรงมีควันโขมงเต็มไปหมด ตอนแรกก็มีคนคิดว่าเกิดไฟไหม้ ต่อมามีคนบอกว่าที่จริงพวกเขากำลังต้มน้ำร้อนอยู่ ขณะนี้เฟอร์นิเจอร์ไม้แดงในห้องรับแขกถูกเผาเป็นฟืนเรียบร้อยแล้ว

        หลังจากนั้นหนึ่งชั่วโมง และก็ไม่ทราบว่าเปลี่ยนน้ำไปกี่แล้วครั้ง น้ำที่เติมไปก็ไม่เย็นแล้ว มู่หรงกูมองลูกชายที่นอนพิงอยู่ด้านใน ทั่วทั้งร่างกายไม่มีรอยน้ำลวกแม้แต่น้อย ในสุดเขาก็วางภาระอันหนักอึ้งในใจลงได้เสียที

 

[1] อุปมาว่าสร้างกุศลให้คนตาย ไม่สู้ช่วยชีวิตคนเป็น

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ 61 ถอนพิษให้พี่เขย

Now you are reading [นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ Chapter 61 ถอนพิษให้พี่เขย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        “กัวไฮว่ ที่นี่บ้านตระกูลมู่หรงนะ เธอไม่ควรทำแบบนั้น” มู่หรงกูทนพูดออกมาไม่ได้

        “เขาเป็นคนของตระกูลหนานกง เดิมชื่อหนานกงชิว คุณสอบประวัติคนมาได้แย่มากเลยนะ” กัวไฮว่พูดพลางส่ายศีรษะ “ถ้าผมไม่ฆ่าเขาตอนนี้ คุณก็จะไม่มีโอกาสลงมืออีกแล้ว เพราะหนานกงเชี่ยนเมียคุณไม่ยอมให้คุณลงมือกับลุงแท้ๆ ของเธอแน่ ครั้งนี้ถือว่าผมช่วยคุณได้เยอะมากเลยนะ” พูดจบ กัวไฮว่ก็เดินเข้าไปในห้องของมู่หรงหลงอีกครั้ง

        เสียง “เพล้ง!” ดังขึ้น แก้วน้ำที่อยู่ในมือของกัวไฮว่ถูกบีบจนแตก “หนานกงเชี่ยน…”

        “นายท่าน ไม่ทราบเรียกผมมามีอะไรเหรอครับ” ชายวัยกลางคนหน้าตาสะอาดสะอ้านคนหนึ่งยืนอยู่ตรงหน้ามู่หรงกู เขาเหลือบมองชิวอี้เจินที่นอนอยู่บนพื้นแวบหนึ่ง แล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่

        “เมิ่งจวง เธออยู่ที่นี่มากี่ปีแล้ว” มู่หรงกูนั่งบนโซฟา หันหลังถามชายผู้นี้เบาๆ

        “เจ็ดปีแล้วครับ ผมจำได้ว่าตอนที่ผมมา เป็นวันเกิดเก้าขวบของคุณหนูพอดี” เมิ่งจวงพูดเบาๆ

        กัวไฮว่ไม่ได้สนใจสถานการณ์ข้างนอก เขากลับเข้าไปในห้องอีกครั้ง มีของเหลวสีดำซึมออกมาบนเข็มทั้งแปดสิบเอ็ดเล่ม

        “ช่วยชีวิตคนไม่สู้สร้างเจดีย์เจ็ดชั้น[1] เสียจริง อวี้เอ๋อร์ เจ้าน่าจะเห็นแล้วนะว่าข้าช่วยคนอยู่ ช่วยข้าบันทึกแต้มกุศลที่ควรจะให้ข้าหน่อยสิ” กัวไฮว่ลอบพูดในใจ

        “พี่เขย ตั้งสตินะ ไม่ต้องกังวล นี่แค่เพิ่งเริ่มต้น ถ้าพี่ไม่อยากให้มีอาการข้างเคียง ก็ทำตามผมนะ” กัวไฮว่ส่งกระแสจิตไปเพื่อสื่อสารกับพี่หรงหลง

        “ขอบคุณนายมากนะ รอฉันหายดีเมื่อไหร่ ฉันจะไปขอบคุณนายแน่” มู่หรงหลงสัมผัสได้ถึงกระแสจิตของกัวไฮว่ จึงตอบกลับมาโดยทันที

        “พี่ไม่ได้แค่ถูกพิษเก้าแมลงเก้าหญ้าเท่านั้น ตอนที่พี่เริ่มถูกพิษ อาหารการกินพี่ก็มีปัญหาด้วย พลังหยินหยางปะทะกันเลยทำให้พี่เป็นอย่างในตอนนี้ ที่พี่อมอยู่ในปากน่ะคือยาคืนชีพ เดี๋ยวจะรู้สึกเจ็บมาก ถ้าพี่ทนได้ ก็จะเก็บสิ่งที่พี่บำเพ็ญมาหลายปีนี้เอาไว้ได้ ถ้าทนไม่ได้ ก็จะต้องเริ่มใหม่ตั้งแต่ต้น” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        ในช่วงขณะที่ยาคืนชีพในปากของมู่หรงหลงกำลังหายไปนั่นเอง กัวไฮว่ก็เอายาลูกกลอนสีดำขลับยัดเข้าไปในปากของมู่หรงหลง ไม่นานร่างกายของมู่หรงหลงก็สั่นขึ้นมา

        “พี่ไฮว่ พี่ช่วยชีวิตพี่หลงได้แล้วเหรอ” มู่หรงเฟยฝึกจิตไปแล้วสามสิบรอบ ในขณะที่ตื่นขึ้นมา ก็เห็นว่าทั้งร่างกายของมู่หรงหลงสั่นสะท้าน ถึงขั้นมีเสียงขึ้นที่เข็มที่อยู่บนตัว เขาจึงถามขึ้น

        “ถ้านายอยากตายก็เข้ามา พิษที่ซึมออกมาจากร่างของพี่เขยไม่ได้มีแค่พิษเก้าแมลงเก้าหญ้า จะรักษาได้ไหมนั้นฉันก็ยังคอนเฟิร์มไม่ได้” กัวไฮว่ที่ยืนอยู่ข้างๆ มองมู่หรงเฟยที่เดินก้าวมาข้างหน้าแล้วพูดยิ้มๆ

        “ครืน!” บนผืนฟ้าหมื่นลี้เดิมทีก็ไร้เมฆ แต่จู่ๆ ก็มีเสียงฟ้าร้องขึ้น ทำให้กัวไฮว่นิ่งอึ้งไปโดยไม่รู้ตัว จากนั้นก็ยกมือขึ้นมาคำนวณดู เพียงชั่วขณะแผ่นหลังของเขาก็เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ

        “อามิตาพุทธ! วันนี้บังเอิญมากเลย มาช้ากว่านี้อีกสักสองสามวันเถอะ ถ้าจิตของเด็กนี่ถูกใครเอาไป ต่อให้เป็นเทพก็ยากจะช่วยแล้ว” กัวไฮว่ลอบพูดในใจ “ท่านเซียนทั้งสอง ขออภัยเสียจริง ข้าช่วยคนผู้นี้ไว้แล้ว ทั้งสองท่านโปรดจากไปเถอะ ครั้งนี้มีโทษมหันต์นัก ภายหลังข้าจะหาวิธีตอบแทนท่านทั้งสอง” กัวไฮว่พูดขึ้นกับอากาศ จากนั้นเสียงฟ้าร้องก็ลอยไปไกล

        “มองอะไรล่ะ ยาลูกกลอนที่อยู่ในมือผู้นั้นมีกลิ่นแห่งเซียนอยู่ ถึงยังไงเขาก็เป็นแค่มนุษย์ธรรมดา พวกเราจะไปเอาโทษเขาไม่ได้ ไปกันเถอะ เด็กนี่ก็ยังไม่ชะตาขาด” เงาดำกับเงาขาวค่อยๆ หายตัวไป

        “ชู่ว ยังดีนะที่มีคนปิดบังความลับสวรรค์ ไม่งั้นถ้าสายฟ้าล่าวิญญาณเมื่อกี้ฟาดเข้าที่ร่างของเขา สิ่งที่ข้าทำมาทั้งหมดได้สูญเปล่าแน่ๆ” กัวไฮว่ถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วพูดขึ้น

        “อ๊าก!” มู่หรงหลงที่เดิมที่ร่างกายสั่นไหวก็ลุกขึ้นมานั่งจากเตียงอย่างรุนแรง เขาตะโกนร้องเสียงดัง พ่นไอดำออกมาจากปาก จากนั้นก็พิงอยู่บนเตียง

        “พี่ไฮว่ พี่หลงไม่เป็นอะไรใช่ไหม” มู่หรงเฟยเห็นมู่หรงหลงไม่เคลื่อนไหว ก็ถามขึ้นเบาๆ

        “จะอะไรอีกล่ะ เจ็บจนเป็นลมไปน่ะสิ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “นายก็หยุดดูได้แล้ว ออกไปบอกมู่หรงกูนะ ให้เขาเตรียมอ่างไม้เอาไว้ ถ้าไม่มีก็เอาสิ่งมีชีวิตในอ่างเลี้ยงปลาข้างนอกนั่นออกไปให้หมด แล้วก็ทำเป็นสระน้ำเติมน้ำร้อนให้เต็ม มัวมองอะไรอยู่ รีบไปสิ”

        “ได้ครับ” มู่หรงเฟยหมุนตัววิ่งออกไปข้างนอก “ลุงสาม พี่ไฮว่ให้ลุงเตรียมอ่างไม้ใหญ่ๆ หน่อย แล้วก็ต้มน้ำร้อน ถ้าไม่มีอ่างไม้ก็ใช้สระน้ำได้”

        “พี่คะ พี่คะ!” มู่หรงเวยเวยที่รอข่าวอยู่ในห้องข้างๆ อยู่ตลอดได้ยินเคลื่อนไหวจากทางฝั่งนี้ ก็ปรากฏตัวที่ห้องของมู่หรงหลงอีกครั้ง และเมื่อเห็นมู่หรงหลงมีเข็มฝังไว้อยู่ทั่วร่างกาย ร่างกายพิงเตียงไว้ไม่ขยับ ไม่มีลมหายใจแม้แต่นิด จึงตะโกนร้องเสียงดัง

        “ยายหนู อย่าไปแตะตัวเขา เขาขับพิษอยู่” กัวไฮว่รีบดึงมู่หรงหลงเอาไว้ “คนที่เหนื่อยที่สุดคือฉันนะ เฮ้อ เจ็บใจจริงๆ เธอห่างจากพี่เธอหน่อยก็ดี”

        “พี่ไฮว่ ไม่เป็นไรใช่ไหม” มู่หรงเวยเวยเห็นกัวไฮว่มีเหงื่อท่วมตัว จึงถามขึ้นด้วยความปวดใจ

        “พี่เขาเป็นอะไรไป ทำไมไม่มีลมหายใจเลยล่ะ”

        “ไม่มีอะไรร้ายแรงแล้ว ประมาณพรุ่งนี้ก็กินข้าวเช้ากับพวกเราได้แล้วล่ะ ไปบอกข้างนอกนะ เดี๋ยวพอเตรียมน้ำร้อนไว้แล้วก็โยนพี่เขยลงไปได้เลย รอให้ร่างกายไม่มีสิ่งดำๆ ซึมขึ้นมาอีกก็พาเขาขึ้นมา แล้วก็เรียกฉันอีกครั้ง ฉันจะพักแล้ว” พูดจบ กัวไฮว่ก็เดินตรงเข้าไปในห้องของมู่หรงเวยเวย

        ไม่นานนัก มู่หรงกูก็หาอ่างไม้ขนาดใหญ่มา เติมน้ำร้อนไว้จนเต็ม

        “ลุงสาม ต้องให้พี่หลงเข้าไปแช่จริงๆ เหรอ” มู่หรงเฟยเห็นอ่างไม้มีไอร้อนออกมาก็ถามขึ้นเบาๆ

        “ยาลูกกลอนที่เด็กนั่นให้แกกินได้ผลหรือเปล่าล่ะ” มู่หรงกูมองมู่หรงเฟยแล้วถามขึ้น

        “อาการแฝงที่เหลือจากการฝึกมวยแปดสุดยอดหายดีหมดแล้วครับ พลังภายในที่ผมมีตอนนี้อย่างน้อยๆ ก็เพิ่มมาสามส่วน” มู่หรงเฟยพูดอย่างไม่ปิดบัง

        “พาเสี่ยวหลงลงไป” มู่หรงกูพูดเสียงดัง “กัวไฮว่”

        “ลุงสาม ทำไมจู่ๆ ก็เย็นแบบนี้ล่ะ” ในขณะที่นำตัวมู่หรงหลงลงอ่างไม้นั่นเอง ความร้อนทั่วทั้งอ่างก็พลันหายไป ถึงขั้นที่ว่าคนที่อยู่รอบข้างอ่างไม้ต่างสัมผัสได้ถึงไอเย็นเยือก

        “แกไปถามกัวไฮว่หน่อยไป ว่าตอนนี้ให้ทำยังไง” มู่หรงกูพูดขึ้นเสียงดังกับมู่หรงเฟย จากนั้นมู่หรงเฟยก็วิ่งเข้าไปในห้อง

        “เติมน้ำร้อนครับ พี่ไฮว่บอกให้เติมน้ำร้อนตลอด เมื่อไหร่น้ำไม่เย็นแล้ว ตัวพี่หลงก็คงไม่มีอะไรซึมออกมาแล้ว” มู่หรงเฟยไม่ได้เข้ามาในห้อง ทว่าตะโกนขึ้นเสียงดัง

        ขณะนี้บ้านตระกูลมู่หรงมีควันโขมงเต็มไปหมด ตอนแรกก็มีคนคิดว่าเกิดไฟไหม้ ต่อมามีคนบอกว่าที่จริงพวกเขากำลังต้มน้ำร้อนอยู่ ขณะนี้เฟอร์นิเจอร์ไม้แดงในห้องรับแขกถูกเผาเป็นฟืนเรียบร้อยแล้ว

        หลังจากนั้นหนึ่งชั่วโมง และก็ไม่ทราบว่าเปลี่ยนน้ำไปกี่แล้วครั้ง น้ำที่เติมไปก็ไม่เย็นแล้ว มู่หรงกูมองลูกชายที่นอนพิงอยู่ด้านใน ทั่วทั้งร่างกายไม่มีรอยน้ำลวกแม้แต่น้อย ในสุดเขาก็วางภาระอันหนักอึ้งในใจลงได้เสียที

 

[1] อุปมาว่าสร้างกุศลให้คนตาย ไม่สู้ช่วยชีวิตคนเป็น

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ 61 ถอนพิษให้พี่เขย

Now you are reading [นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ Chapter 61 ถอนพิษให้พี่เขย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        “กัวไฮว่ ที่นี่บ้านตระกูลมู่หรงนะ เธอไม่ควรทำแบบนั้น” มู่หรงกูทนพูดออกมาไม่ได้

        “เขาเป็นคนของตระกูลหนานกง เดิมชื่อหนานกงชิว คุณสอบประวัติคนมาได้แย่มากเลยนะ” กัวไฮว่พูดพลางส่ายศีรษะ “ถ้าผมไม่ฆ่าเขาตอนนี้ คุณก็จะไม่มีโอกาสลงมืออีกแล้ว เพราะหนานกงเชี่ยนเมียคุณไม่ยอมให้คุณลงมือกับลุงแท้ๆ ของเธอแน่ ครั้งนี้ถือว่าผมช่วยคุณได้เยอะมากเลยนะ” พูดจบ กัวไฮว่ก็เดินเข้าไปในห้องของมู่หรงหลงอีกครั้ง

        เสียง “เพล้ง!” ดังขึ้น แก้วน้ำที่อยู่ในมือของกัวไฮว่ถูกบีบจนแตก “หนานกงเชี่ยน…”

        “นายท่าน ไม่ทราบเรียกผมมามีอะไรเหรอครับ” ชายวัยกลางคนหน้าตาสะอาดสะอ้านคนหนึ่งยืนอยู่ตรงหน้ามู่หรงกู เขาเหลือบมองชิวอี้เจินที่นอนอยู่บนพื้นแวบหนึ่ง แล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่

        “เมิ่งจวง เธออยู่ที่นี่มากี่ปีแล้ว” มู่หรงกูนั่งบนโซฟา หันหลังถามชายผู้นี้เบาๆ

        “เจ็ดปีแล้วครับ ผมจำได้ว่าตอนที่ผมมา เป็นวันเกิดเก้าขวบของคุณหนูพอดี” เมิ่งจวงพูดเบาๆ

        กัวไฮว่ไม่ได้สนใจสถานการณ์ข้างนอก เขากลับเข้าไปในห้องอีกครั้ง มีของเหลวสีดำซึมออกมาบนเข็มทั้งแปดสิบเอ็ดเล่ม

        “ช่วยชีวิตคนไม่สู้สร้างเจดีย์เจ็ดชั้น[1] เสียจริง อวี้เอ๋อร์ เจ้าน่าจะเห็นแล้วนะว่าข้าช่วยคนอยู่ ช่วยข้าบันทึกแต้มกุศลที่ควรจะให้ข้าหน่อยสิ” กัวไฮว่ลอบพูดในใจ

        “พี่เขย ตั้งสตินะ ไม่ต้องกังวล นี่แค่เพิ่งเริ่มต้น ถ้าพี่ไม่อยากให้มีอาการข้างเคียง ก็ทำตามผมนะ” กัวไฮว่ส่งกระแสจิตไปเพื่อสื่อสารกับพี่หรงหลง

        “ขอบคุณนายมากนะ รอฉันหายดีเมื่อไหร่ ฉันจะไปขอบคุณนายแน่” มู่หรงหลงสัมผัสได้ถึงกระแสจิตของกัวไฮว่ จึงตอบกลับมาโดยทันที

        “พี่ไม่ได้แค่ถูกพิษเก้าแมลงเก้าหญ้าเท่านั้น ตอนที่พี่เริ่มถูกพิษ อาหารการกินพี่ก็มีปัญหาด้วย พลังหยินหยางปะทะกันเลยทำให้พี่เป็นอย่างในตอนนี้ ที่พี่อมอยู่ในปากน่ะคือยาคืนชีพ เดี๋ยวจะรู้สึกเจ็บมาก ถ้าพี่ทนได้ ก็จะเก็บสิ่งที่พี่บำเพ็ญมาหลายปีนี้เอาไว้ได้ ถ้าทนไม่ได้ ก็จะต้องเริ่มใหม่ตั้งแต่ต้น” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        ในช่วงขณะที่ยาคืนชีพในปากของมู่หรงหลงกำลังหายไปนั่นเอง กัวไฮว่ก็เอายาลูกกลอนสีดำขลับยัดเข้าไปในปากของมู่หรงหลง ไม่นานร่างกายของมู่หรงหลงก็สั่นขึ้นมา

        “พี่ไฮว่ พี่ช่วยชีวิตพี่หลงได้แล้วเหรอ” มู่หรงเฟยฝึกจิตไปแล้วสามสิบรอบ ในขณะที่ตื่นขึ้นมา ก็เห็นว่าทั้งร่างกายของมู่หรงหลงสั่นสะท้าน ถึงขั้นมีเสียงขึ้นที่เข็มที่อยู่บนตัว เขาจึงถามขึ้น

        “ถ้านายอยากตายก็เข้ามา พิษที่ซึมออกมาจากร่างของพี่เขยไม่ได้มีแค่พิษเก้าแมลงเก้าหญ้า จะรักษาได้ไหมนั้นฉันก็ยังคอนเฟิร์มไม่ได้” กัวไฮว่ที่ยืนอยู่ข้างๆ มองมู่หรงเฟยที่เดินก้าวมาข้างหน้าแล้วพูดยิ้มๆ

        “ครืน!” บนผืนฟ้าหมื่นลี้เดิมทีก็ไร้เมฆ แต่จู่ๆ ก็มีเสียงฟ้าร้องขึ้น ทำให้กัวไฮว่นิ่งอึ้งไปโดยไม่รู้ตัว จากนั้นก็ยกมือขึ้นมาคำนวณดู เพียงชั่วขณะแผ่นหลังของเขาก็เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ

        “อามิตาพุทธ! วันนี้บังเอิญมากเลย มาช้ากว่านี้อีกสักสองสามวันเถอะ ถ้าจิตของเด็กนี่ถูกใครเอาไป ต่อให้เป็นเทพก็ยากจะช่วยแล้ว” กัวไฮว่ลอบพูดในใจ “ท่านเซียนทั้งสอง ขออภัยเสียจริง ข้าช่วยคนผู้นี้ไว้แล้ว ทั้งสองท่านโปรดจากไปเถอะ ครั้งนี้มีโทษมหันต์นัก ภายหลังข้าจะหาวิธีตอบแทนท่านทั้งสอง” กัวไฮว่พูดขึ้นกับอากาศ จากนั้นเสียงฟ้าร้องก็ลอยไปไกล

        “มองอะไรล่ะ ยาลูกกลอนที่อยู่ในมือผู้นั้นมีกลิ่นแห่งเซียนอยู่ ถึงยังไงเขาก็เป็นแค่มนุษย์ธรรมดา พวกเราจะไปเอาโทษเขาไม่ได้ ไปกันเถอะ เด็กนี่ก็ยังไม่ชะตาขาด” เงาดำกับเงาขาวค่อยๆ หายตัวไป

        “ชู่ว ยังดีนะที่มีคนปิดบังความลับสวรรค์ ไม่งั้นถ้าสายฟ้าล่าวิญญาณเมื่อกี้ฟาดเข้าที่ร่างของเขา สิ่งที่ข้าทำมาทั้งหมดได้สูญเปล่าแน่ๆ” กัวไฮว่ถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วพูดขึ้น

        “อ๊าก!” มู่หรงหลงที่เดิมที่ร่างกายสั่นไหวก็ลุกขึ้นมานั่งจากเตียงอย่างรุนแรง เขาตะโกนร้องเสียงดัง พ่นไอดำออกมาจากปาก จากนั้นก็พิงอยู่บนเตียง

        “พี่ไฮว่ พี่หลงไม่เป็นอะไรใช่ไหม” มู่หรงเฟยเห็นมู่หรงหลงไม่เคลื่อนไหว ก็ถามขึ้นเบาๆ

        “จะอะไรอีกล่ะ เจ็บจนเป็นลมไปน่ะสิ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “นายก็หยุดดูได้แล้ว ออกไปบอกมู่หรงกูนะ ให้เขาเตรียมอ่างไม้เอาไว้ ถ้าไม่มีก็เอาสิ่งมีชีวิตในอ่างเลี้ยงปลาข้างนอกนั่นออกไปให้หมด แล้วก็ทำเป็นสระน้ำเติมน้ำร้อนให้เต็ม มัวมองอะไรอยู่ รีบไปสิ”

        “ได้ครับ” มู่หรงเฟยหมุนตัววิ่งออกไปข้างนอก “ลุงสาม พี่ไฮว่ให้ลุงเตรียมอ่างไม้ใหญ่ๆ หน่อย แล้วก็ต้มน้ำร้อน ถ้าไม่มีอ่างไม้ก็ใช้สระน้ำได้”

        “พี่คะ พี่คะ!” มู่หรงเวยเวยที่รอข่าวอยู่ในห้องข้างๆ อยู่ตลอดได้ยินเคลื่อนไหวจากทางฝั่งนี้ ก็ปรากฏตัวที่ห้องของมู่หรงหลงอีกครั้ง และเมื่อเห็นมู่หรงหลงมีเข็มฝังไว้อยู่ทั่วร่างกาย ร่างกายพิงเตียงไว้ไม่ขยับ ไม่มีลมหายใจแม้แต่นิด จึงตะโกนร้องเสียงดัง

        “ยายหนู อย่าไปแตะตัวเขา เขาขับพิษอยู่” กัวไฮว่รีบดึงมู่หรงหลงเอาไว้ “คนที่เหนื่อยที่สุดคือฉันนะ เฮ้อ เจ็บใจจริงๆ เธอห่างจากพี่เธอหน่อยก็ดี”

        “พี่ไฮว่ ไม่เป็นไรใช่ไหม” มู่หรงเวยเวยเห็นกัวไฮว่มีเหงื่อท่วมตัว จึงถามขึ้นด้วยความปวดใจ

        “พี่เขาเป็นอะไรไป ทำไมไม่มีลมหายใจเลยล่ะ”

        “ไม่มีอะไรร้ายแรงแล้ว ประมาณพรุ่งนี้ก็กินข้าวเช้ากับพวกเราได้แล้วล่ะ ไปบอกข้างนอกนะ เดี๋ยวพอเตรียมน้ำร้อนไว้แล้วก็โยนพี่เขยลงไปได้เลย รอให้ร่างกายไม่มีสิ่งดำๆ ซึมขึ้นมาอีกก็พาเขาขึ้นมา แล้วก็เรียกฉันอีกครั้ง ฉันจะพักแล้ว” พูดจบ กัวไฮว่ก็เดินตรงเข้าไปในห้องของมู่หรงเวยเวย

        ไม่นานนัก มู่หรงกูก็หาอ่างไม้ขนาดใหญ่มา เติมน้ำร้อนไว้จนเต็ม

        “ลุงสาม ต้องให้พี่หลงเข้าไปแช่จริงๆ เหรอ” มู่หรงเฟยเห็นอ่างไม้มีไอร้อนออกมาก็ถามขึ้นเบาๆ

        “ยาลูกกลอนที่เด็กนั่นให้แกกินได้ผลหรือเปล่าล่ะ” มู่หรงกูมองมู่หรงเฟยแล้วถามขึ้น

        “อาการแฝงที่เหลือจากการฝึกมวยแปดสุดยอดหายดีหมดแล้วครับ พลังภายในที่ผมมีตอนนี้อย่างน้อยๆ ก็เพิ่มมาสามส่วน” มู่หรงเฟยพูดอย่างไม่ปิดบัง

        “พาเสี่ยวหลงลงไป” มู่หรงกูพูดเสียงดัง “กัวไฮว่”

        “ลุงสาม ทำไมจู่ๆ ก็เย็นแบบนี้ล่ะ” ในขณะที่นำตัวมู่หรงหลงลงอ่างไม้นั่นเอง ความร้อนทั่วทั้งอ่างก็พลันหายไป ถึงขั้นที่ว่าคนที่อยู่รอบข้างอ่างไม้ต่างสัมผัสได้ถึงไอเย็นเยือก

        “แกไปถามกัวไฮว่หน่อยไป ว่าตอนนี้ให้ทำยังไง” มู่หรงกูพูดขึ้นเสียงดังกับมู่หรงเฟย จากนั้นมู่หรงเฟยก็วิ่งเข้าไปในห้อง

        “เติมน้ำร้อนครับ พี่ไฮว่บอกให้เติมน้ำร้อนตลอด เมื่อไหร่น้ำไม่เย็นแล้ว ตัวพี่หลงก็คงไม่มีอะไรซึมออกมาแล้ว” มู่หรงเฟยไม่ได้เข้ามาในห้อง ทว่าตะโกนขึ้นเสียงดัง

        ขณะนี้บ้านตระกูลมู่หรงมีควันโขมงเต็มไปหมด ตอนแรกก็มีคนคิดว่าเกิดไฟไหม้ ต่อมามีคนบอกว่าที่จริงพวกเขากำลังต้มน้ำร้อนอยู่ ขณะนี้เฟอร์นิเจอร์ไม้แดงในห้องรับแขกถูกเผาเป็นฟืนเรียบร้อยแล้ว

        หลังจากนั้นหนึ่งชั่วโมง และก็ไม่ทราบว่าเปลี่ยนน้ำไปกี่แล้วครั้ง น้ำที่เติมไปก็ไม่เย็นแล้ว มู่หรงกูมองลูกชายที่นอนพิงอยู่ด้านใน ทั่วทั้งร่างกายไม่มีรอยน้ำลวกแม้แต่น้อย ในสุดเขาก็วางภาระอันหนักอึ้งในใจลงได้เสียที

 

[1] อุปมาว่าสร้างกุศลให้คนตาย ไม่สู้ช่วยชีวิตคนเป็น

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+