[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ 6 วางซะ ไม่งั้นฉันจะแจ้งตำรวจ

Now you are reading [นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ Chapter 6 วางซะ ไม่งั้นฉันจะแจ้งตำรวจ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

       “พี่กุ่ย รีบไปเตรียมเงินเถอะ พวกเราชอบเงินสด เงินร้อยล้านเยอะนะ ถ้าไม่มีสกุลหยวน ดอลล่าร์หรือไม่ก็ปอนด์พวกเราก็รับเหมือนกัน แต่เยนไม่รับนะ เยอะไป ใช้รถมาลากเงินมันเปลืองน้ำมันน่ะ ฮ่าๆ” กัวไฮว่พูดตบหน้าซ่งอิ๋น ก่อนจะหันหลังเดินไปยังร้านใต้หล้าอู่เฉิง “รีบไปหาคนมาซ่อมรถเถอะ ก่อนสองทุ่มถ้ายังซ่อมรถพี่ใหญ่ฉันไม่เสร็จ พวกแกก็เตรียมเงินมาร้อยล้าน เดี๋ยวฉันหาวิธีจัดการเอง”

      “พี่กุ่ย ทำไงดีล่ะ” นักเลงหัวเจ็ดสีถามขึ้นอย่างระมัดระวัง

       “เจ้าโง่ เป็นเพราะแกเลย รีบไปซ่อมรถจี๊ปให้เสร็จ ไม่งั้นแกก็คิดวิธีหาเงินร้อยล้านมา ถ้าหาไม่ได้แกก็เตรียมแล่เนื้อตัวเองขายได้เลย ไป ไสหัวไปเลย” ซ่งอิ๋นตวาดเสียงดัง

 

      “พี่ใหญ่ เรียบร้อยแล้ว อีกสามวันค่อยขับรถคันใหญ่กว่านี้มารับเงินนะ ผมจะไปเรียนแล้ว วันนั้นอาจจะไม่มีเวลามาด้วย” ภายในโถงจิ่วหลงที่เก็บกวาดเรียบร้อยแล้ว กัวไฮว่ถือขวดน้ำเต้าที่บรรจุเหล้าเดินเข้าไปแล้วพูดขึ้น

       “เจ้าสี่ ขอค่าซ่อมเด็กนั่นไปเท่าไหร่เหรอ” เจี่ยหยวนอมยิ้มแล้วถามขึ้น

      กัวไฮว่นั่งลง โอบโหยวโยวโยวเอาไว้ แล้วเปิดน้ำเต้าดื่มเหล้าอึกหนึ่ง จากนั้นก็ชูหนึ่งนิ้วขึ้นมา

       “ล้านนึง? พี่เย่า ดูสิ บอกแล้วว่าให้พวกเราไป แต่เงินล้านนึงก็พอจะเอาไปตกแต่งภายในรถพี่ได้นะ” หวังเซิงพูดยิ้มๆ

      กัวไฮว่ฟังคำพูดของหวังเซิงจบก็อึ้งไปพักหนึ่ง ก่อนจะส่ายศีรษะ

       “ให้ตายเถอะเจ้าสี่ อย่าบอกเรานะว่าแกต้องการแค่หมื่นหยวนน่ะ ถึงพี่ใหญ่ของแกจะชนรถพวกมัน แต่เราจะเสียเปรียบไม่ได้ พวกมันตาบอดรึไง ไม่ใช่ว่าจะเอารถเน่าๆ ของพวกมันจะมาขวางทางรถพี่ใหญ่ได้นะ” เจี่ยหยวนพูดขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์

       “เจ้าสี่ ไม่เลวเลยนี่ ได้มาตั้งร้อยล้าน ไม่น้อยเลยนะ กลับไปฉันจะแบ่งให้แกครึ่งนึง” หลี่เย่ามองกัวไฮว่แล้วพูดขึ้นยิ้มๆ เงินร้อยล้านสำหรับพวกเขาแล้วไม่ใช่เงินเยอะแยะอะไร แต่กัวไฮว่คุยกับมันชนะได้เงินมาร้อยล้าน ออกจะเหนือความคาดหมายของหลี่เย่านัก

       “ถ้าพี่เย่าแบ่งผมครึ่งหนึ่ง งั้นผมจะรับไว้ก็แล้วกัน วันหลังมีเรื่องเงินๆ ทองๆ แบบนี้อีกเรียกผมได้เลยนะ วันนี้พวกเราไม่พูดเรื่องอื่นกันดีกว่า มาดื่มเหล้า ดื่มเหล้า” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “โหยวโยวโยว วันนี้ฉันช่วยเธอเอาไว้ จะตอบแทนฉันยังไงดีล่ะ บอกแล้วไงว่าถ้าผ่านเคราะห์แล้วไม่ตาย ก็มักจะเจอความสุข เธอดูสิเคราะห์ฉันหมดไปแล้ว แต่ความสุขยังไม่มา คืนนี้เธออยู่เป็นเพื่อนพาความสุขมาให้ฉันดีไหม”

      “กัวไฮว่ ให้เกียรติกันหน่อย ก่อนหน้านี้นายบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่านายไม่บังคับผู้หญิงน่ะ ตอนนี้นายจะกลับคำเหรอ” โหยวโยวโยวถลึงตาพูด

       “ยัยโง่ จะช้าจะเร็วเธอก็ต้องเป็นของฉันอยู่ดี เมื่อกี้ในใจเธอคิดอยู่เลยไม่ใช่เหรอว่าถ้าสู้ไม่ไหวก็จะอยู่กับอันธพาลอย่างฉันดีกว่า ยังไงซะอันธพาลอย่างฉันก็หน้าตาไม่แย่ มองดูดีๆ แล้วก็ไม่ได้น่ารำคาญเท่าไหร่ ฮ่าๆ” กัวไฮว่หัวเราะเสียงดังลั่น

      “ใครมันจะไปคิดแบบนั้น ฉันจะกลับบ้านแล้ว ถ้านายอยากให้ฉันเป็นผู้หญิงของนายจริงๆล่ะก็ นายก็พยายามหน่อยแล้วกัน จะให้ฉันไปกับนายเหรอ ยังอีกนานเลยล่ะ” โหยวโยวโยวหน้าแดง สลัดออกจากอ้อมกอดของกัวไฮว่ แล้วเดินออกไปจากโถงจิ่วหลงโดยไม่หันกลับไปมอง

       “เจ้าสี่ จะปล่อยให้เธอไปแบบนี้เลยเหรอ เมื่อกี้พวกเราถามชัดแล้วนะ ยายนั่นแค่เอาแกมาบังหน้า เรื่องของถูป้าที่เกิดขึ้นเพราะเธอล่ะสิท่า” เจี่ยหยวนพูดเสียงดัง

       “จะช้าจะเร็วก็ต้องเป็นผู้หญิงของผม จะรีบไปทำไมกัน” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “ไปหยิบแก้วสะอาดมา แล้วพวกพี่จะรู้ว่าอะไรคือเหล้าที่แท้จริง พอคิดว่าดื่มเหล้าฉี่ม้ามาตั้งหลายปีก็รู้สึกอยากจะอ้วกขึ้นมา”

       “เจ้าสี่ อยากโดนต่อยรึไง ร้านใต้หล้าอู่เฉิงนี่ตอนแรกแกก็เป็นคนพาพวกเรามานะ แล้วมาบอกว่ากินเหล้าฉี่ม้ากับพวกเรามาตั้งหลายปี อยากจะอ้วก เดี๋ยวฉันไปเอาแก้วมา แล้วจะดูซิว่าแกเอาเหล้าดีอะไรมา” พูดจบ หวังเซิงเดินก้าวใหญ่ออกไปนอกโถงจิ่วหลง ไม่นานหลังจากนั้น ในมือก็ถือแก้วคริสตัลสวยงามมาสามใบ

       “ใช้แก้วแบบนี้เสียเหล้าหมดพอดี ช่างเถอะช่างเถอะ ใช้แก้วรวมกันก็ได้” กัวไฮว่พูดพลางส่ายศีรษะ

      “เจ้าสี่ อย่าพูดให้มันมากนัก เผื่อคนที่เสียหน้าจะเป็นแก” เจี่ยหยวนพูดขึ้นเสียงดัง แก้วไม่กี่ใบที่อยู่ตรงหน้าเขาเคยเห็นมาแล้ว เป็นแก้วที่เฮยหลงให้คนมาแกะสลักคริสตัล คนที่ทำแก้วแบบนี้ให้เฮยหลงได้ ทั้งเมืองนี้มีแค่มือดีไม่กี่คนเท่านั้น

       “หยุดก่อน เจ้าสี่ แกคงไม่ได้จะเอาเหล้าในน้ำเต้าที่แกกินเมื่อกี้มาให้พวกเรากินหรอกนะ ช่วยเอาขวดใหม่มาหน่อยเถอะ อย่าขี้เหนียวนักจะได้ไหม” หวังเซิงยื่นมือขึ้นมาห้ามกัวไฮว่ที่กำลังจะเทเหล้า

       “เจ้าสาม ให้เจ้าสี่เทเหล้าเถอะ” ตั้งแต่ที่กัวไฮว่เข้ามาในห้อง ดวงตาของหลี่เย่าก็ไม่ออกห่างน้ำเต้าเหล้านั่นเลย เพราะมันเหมือนกันกับน้ำเต้าโบราณที่ผู้เชี่ยวชาญหลายคนดูไม่ออกว่ามีอายุมานานเท่าไหร่แล้ว ที่ปู่ของตนเก็บเอาไว้

       “ให้ตาย พวกแกกินเถอะ ฉันไม่กินแล้ว ฉันกินลาฟีตปีแปดสองดีกว่า” หวังเซิงพูดพลางหยิบขวดลาฟีตปีแปดสองไปนั่งดื่มอยู่ด้านข้าง

      มุมปากกัวไฮว่มีรอยยิ้มเล็กๆ เขาเทเหล้าไปสองในสามส่วนของแก้วทั้งสามใบ จากนั้นตัวเองก็ดื่มอึกใหญ่จากน้ำเต้าโดยตรง ไม่ว่าพี่ๆ ทั้งสามจะดื่มหรือไม่ ตัวเขาเองก็เรอออกมาเบาๆ พลางคิดถึงวันในอนาคตข้างหน้า

      “พี่ใหญ่ พวกเราไปชิมกันเถอะว่าเหล้าที่เจ้าสี่บอกว่าดีนักดีหนารสชาติจะเป็นยังไงกันแน่” เจี่ยหยวนหยิบแก้วมาพร้อมกระแทกหลี่เย่าเบาๆ ก่อนจะก้มหน้าไปกรอกเหล้าสีรุ้งลงไปในท้อง

      “เจ้าสาม วางมือลง พี่ไม่อยากต่อยคน แกรีบวางมือลงเลยนะ” ในขณะหลี่เย่ากับเจี่ยหยวนดื่มเหล้าลงท้องนั้น มืออีกข้างของทั้งสองคนก็หยิบแก้วที่รินเหล้าไว้เต็มที่เหลืออยู่ใบนั้น

       “พี่เย่า หลายปีมานี้ ผมไม่เคยขออะไรพี่เลย คราวก่อนพี่ไปกองทัพ บอกว่าต้องใช้เงิน ไม่ทันจะกระพริบตาผมก็รีบขับรถบรรทุกพาพี่ไปที่กองทัพ ตอนพี่ทำภารกิจอยู่ที่อเมริกา ผมก็หาดาราอเมริกามาปรนเปรอ วันนี้ผมไม่ขออะไรพี่ ขอแค่พี่วางแก้วลงเถอะ” เจี่ยหยวนพูดด้วยสีหน้าจริงจัง

       “ให้ตายเถอะ แสดงละครกันอยู่เหรอเนี่ย” หวังเซิงพูดพลางเอามือแตะเข้าไปในแก้วเหล้า จากนั้นก็ใช้ปากเลีย

       “พี่ใหญ่ พี่สอง วางแก้วลงนะ ไม่วางผมแจ้งตำรวจนะ” หวังเซิงตะโกนเสียงดัง “พวกพี่กินกันคนละแก้วแล้ว งั้นแก้วนี้ก็ต้องเป็นของผม พวกพี่วางมือลงเดี๋ยวนี้นะ”

       “เจ้าสาม แกบอกแล้วว่าแกไม่กิน รีบวางแก้วลงเลย ไม่งั้นแก้วจะแตก แล้วจะไม่มีใครได้กินนะ” หลี่เย่าตะคอกเสียงดัง “วางลง ไม่งั้นฉันยิงนะ” หลี่เย่าพูดพลางหยิบปืนพกสีทองออกมาจากบริเวณเอวจริงๆ

       “พี่ใหญ่ พี่ยิงให้แม่นหน่อยล่ะ ทั้งตัวผมกันกระสุนทั้งนั้น มีแค่ตรงนี้ไม่กันกระสุน” เจี่ยหยวนขำพร้อมชี้ไปที่สมองของตัวเอง

      เสียง “เพล้ง!” ดังขึ้น น้ำเต้าเหล้าที่อยู่ในมือกัวไฮว่ก็พลันหล่นลงพื้น “มือลื่นน่ะ ใครช่วยเก็บน้ำเต้าได้บ้าง ยังเหลืออีกตั้งครึ่งน้ำเต้าที่ไม่ได้กิน” กัวไฮว่พูดเสียงดัง

       “เหล้าในแก้วนี้พวกแกกินกันเองเถอะ” หลี่เย่าดิ่งตรงไปยังน้ำเต้าเหล้าที่ยังหมุนกลิ้งอยู่บนพื้น

       “พี่เย่า รถของผมในโรงจอดรถพี่เลือกไปได้เลย เอาน้ำเต้ามาให้ผมเถอะ” เจี่ยหยวนมีปฏิกิริยาช้าไปนิด แต่ระยะห่างเขาใกล้กับน้ำเต้า จึงจับน้ำเต้าไว้แน่นพร้อมกันกับหลี่เย่าอีกครั้ง

       “ให้ตายเถอะ ให้ผมกินเหล้าแก้วนี้ก่อนแล้วค่อยว่ากัน” หวังเซิงดื่มเหล้าในแก้วเสร็จ แล้วยังใช้ลิ้นเลียแก้ว “พี่ใหญ่ พี่สอง เหล้าในน้ำเต้าน่าจะยังมีอีกเยอะ ไม่งั้นเอางี้ไหม พวกเราเทคนละแก้ว มัวแต่แย่งกันแบบนี้ก็ไม่มีใครได้กินหรอก” หวังเซิงหยิบแก้วเหล้าพลางพูดเสียงเบา

       “เจ้าบ้า ไม่ต้องมายุ่ง” หลี่เย่าและเจี่ยหยวนพูดขึ้นพร้อมกัน

       “งั้นพวกพี่ก็แย่งกันไปเถอะ” หวังเซิงพูดจบ ก็เดินไปข้างกัวไฮว่ “น้องสี่ เหล้าเมื่อกี้นั่นยังมีอีกไหม พรุ่งนี้แกก็จะไปเรียนแล้ว หนังสือเข้าเรียนนั่นพี่ก็เสียแรงไปไม่น้อยนะ”

       “เจ้าอ้วน วางลงเลย น้ำเต้านี้ฉันกับแกแบ่งกันคนละครึ่ง เจ้าสี่ยังมีเหล้าอยู่ พวกเราจะมาแย่งน้ำเต้ากันทำไม” เมื่อหลี่เย่าได้ยินคำพูดของหวังเซิง ก็พลันได้สติกลับมาไม่น้อย จึงพูดกับเจี่ยหยวนเสียงดัง

       “พี่เย่า พี่วางลงเลย ผมสู้พี่ไม่ได้หรอก ถ้าให้พี่ไปแล้วพี่ไม่แบ่งผม ผมก็เสียเปรียบน่ะสิ เหล้าดีขนาดนี้ ใครจะรู้ว่าเจ้าสี่ยังมีอีกรึเปล่า” เจี่ยหยวนพูดเสียงดัง

       “ได้ เจ้าสอง แกเอาน้ำเต้าไป ถ้าแกกล้าแบ่งให้ฉันน้อยกว่าแกแม้แต่หยดเดียว ฉันขับรถถังไปวนในโรงจอดรถแกแน่” พูดจบ หลี่เย่าก็วางน้ำเต้าที่ถือลง

       “พี่ๆ ผมขอถามอะไรหน่อย เมื่อกี้ที่บอกว่าหลายปีมานี้พวกพี่พาผมไปกินฉี่ม้า ถูกไหม” กัวไฮว่มองทั้งสามคนแล้วพูดด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้า

       “ใช่ ที่กินกันเมื่อก่อนนี้แย่กว่าฉี่ม้าซะอีก” เจี่ยหยวนพูดเสียงดัง “นี่น้องสี่ นายน้อยคนดีของพวกเรา สรุปแล้วแกยังมีเหล้าดีๆ แบบนี้อีกไหม” 

 

                                                                    ————————

                                    อ่านเร็วก่อนใคร ไม่พลาดทุกการอัปเดตนิยายได้ที่เว็บ Kawebook ^^

                                                     https://www.kawebook.com/story/6815

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ 6 วางซะ ไม่งั้นฉันจะแจ้งตำรวจ

Now you are reading [นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ Chapter 6 วางซะ ไม่งั้นฉันจะแจ้งตำรวจ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

       “พี่กุ่ย รีบไปเตรียมเงินเถอะ พวกเราชอบเงินสด เงินร้อยล้านเยอะนะ ถ้าไม่มีสกุลหยวน ดอลล่าร์หรือไม่ก็ปอนด์พวกเราก็รับเหมือนกัน แต่เยนไม่รับนะ เยอะไป ใช้รถมาลากเงินมันเปลืองน้ำมันน่ะ ฮ่าๆ” กัวไฮว่พูดตบหน้าซ่งอิ๋น ก่อนจะหันหลังเดินไปยังร้านใต้หล้าอู่เฉิง “รีบไปหาคนมาซ่อมรถเถอะ ก่อนสองทุ่มถ้ายังซ่อมรถพี่ใหญ่ฉันไม่เสร็จ พวกแกก็เตรียมเงินมาร้อยล้าน เดี๋ยวฉันหาวิธีจัดการเอง”

      “พี่กุ่ย ทำไงดีล่ะ” นักเลงหัวเจ็ดสีถามขึ้นอย่างระมัดระวัง

       “เจ้าโง่ เป็นเพราะแกเลย รีบไปซ่อมรถจี๊ปให้เสร็จ ไม่งั้นแกก็คิดวิธีหาเงินร้อยล้านมา ถ้าหาไม่ได้แกก็เตรียมแล่เนื้อตัวเองขายได้เลย ไป ไสหัวไปเลย” ซ่งอิ๋นตวาดเสียงดัง

 

      “พี่ใหญ่ เรียบร้อยแล้ว อีกสามวันค่อยขับรถคันใหญ่กว่านี้มารับเงินนะ ผมจะไปเรียนแล้ว วันนั้นอาจจะไม่มีเวลามาด้วย” ภายในโถงจิ่วหลงที่เก็บกวาดเรียบร้อยแล้ว กัวไฮว่ถือขวดน้ำเต้าที่บรรจุเหล้าเดินเข้าไปแล้วพูดขึ้น

       “เจ้าสี่ ขอค่าซ่อมเด็กนั่นไปเท่าไหร่เหรอ” เจี่ยหยวนอมยิ้มแล้วถามขึ้น

      กัวไฮว่นั่งลง โอบโหยวโยวโยวเอาไว้ แล้วเปิดน้ำเต้าดื่มเหล้าอึกหนึ่ง จากนั้นก็ชูหนึ่งนิ้วขึ้นมา

       “ล้านนึง? พี่เย่า ดูสิ บอกแล้วว่าให้พวกเราไป แต่เงินล้านนึงก็พอจะเอาไปตกแต่งภายในรถพี่ได้นะ” หวังเซิงพูดยิ้มๆ

      กัวไฮว่ฟังคำพูดของหวังเซิงจบก็อึ้งไปพักหนึ่ง ก่อนจะส่ายศีรษะ

       “ให้ตายเถอะเจ้าสี่ อย่าบอกเรานะว่าแกต้องการแค่หมื่นหยวนน่ะ ถึงพี่ใหญ่ของแกจะชนรถพวกมัน แต่เราจะเสียเปรียบไม่ได้ พวกมันตาบอดรึไง ไม่ใช่ว่าจะเอารถเน่าๆ ของพวกมันจะมาขวางทางรถพี่ใหญ่ได้นะ” เจี่ยหยวนพูดขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์

       “เจ้าสี่ ไม่เลวเลยนี่ ได้มาตั้งร้อยล้าน ไม่น้อยเลยนะ กลับไปฉันจะแบ่งให้แกครึ่งนึง” หลี่เย่ามองกัวไฮว่แล้วพูดขึ้นยิ้มๆ เงินร้อยล้านสำหรับพวกเขาแล้วไม่ใช่เงินเยอะแยะอะไร แต่กัวไฮว่คุยกับมันชนะได้เงินมาร้อยล้าน ออกจะเหนือความคาดหมายของหลี่เย่านัก

       “ถ้าพี่เย่าแบ่งผมครึ่งหนึ่ง งั้นผมจะรับไว้ก็แล้วกัน วันหลังมีเรื่องเงินๆ ทองๆ แบบนี้อีกเรียกผมได้เลยนะ วันนี้พวกเราไม่พูดเรื่องอื่นกันดีกว่า มาดื่มเหล้า ดื่มเหล้า” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “โหยวโยวโยว วันนี้ฉันช่วยเธอเอาไว้ จะตอบแทนฉันยังไงดีล่ะ บอกแล้วไงว่าถ้าผ่านเคราะห์แล้วไม่ตาย ก็มักจะเจอความสุข เธอดูสิเคราะห์ฉันหมดไปแล้ว แต่ความสุขยังไม่มา คืนนี้เธออยู่เป็นเพื่อนพาความสุขมาให้ฉันดีไหม”

      “กัวไฮว่ ให้เกียรติกันหน่อย ก่อนหน้านี้นายบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่านายไม่บังคับผู้หญิงน่ะ ตอนนี้นายจะกลับคำเหรอ” โหยวโยวโยวถลึงตาพูด

       “ยัยโง่ จะช้าจะเร็วเธอก็ต้องเป็นของฉันอยู่ดี เมื่อกี้ในใจเธอคิดอยู่เลยไม่ใช่เหรอว่าถ้าสู้ไม่ไหวก็จะอยู่กับอันธพาลอย่างฉันดีกว่า ยังไงซะอันธพาลอย่างฉันก็หน้าตาไม่แย่ มองดูดีๆ แล้วก็ไม่ได้น่ารำคาญเท่าไหร่ ฮ่าๆ” กัวไฮว่หัวเราะเสียงดังลั่น

      “ใครมันจะไปคิดแบบนั้น ฉันจะกลับบ้านแล้ว ถ้านายอยากให้ฉันเป็นผู้หญิงของนายจริงๆล่ะก็ นายก็พยายามหน่อยแล้วกัน จะให้ฉันไปกับนายเหรอ ยังอีกนานเลยล่ะ” โหยวโยวโยวหน้าแดง สลัดออกจากอ้อมกอดของกัวไฮว่ แล้วเดินออกไปจากโถงจิ่วหลงโดยไม่หันกลับไปมอง

       “เจ้าสี่ จะปล่อยให้เธอไปแบบนี้เลยเหรอ เมื่อกี้พวกเราถามชัดแล้วนะ ยายนั่นแค่เอาแกมาบังหน้า เรื่องของถูป้าที่เกิดขึ้นเพราะเธอล่ะสิท่า” เจี่ยหยวนพูดเสียงดัง

       “จะช้าจะเร็วก็ต้องเป็นผู้หญิงของผม จะรีบไปทำไมกัน” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “ไปหยิบแก้วสะอาดมา แล้วพวกพี่จะรู้ว่าอะไรคือเหล้าที่แท้จริง พอคิดว่าดื่มเหล้าฉี่ม้ามาตั้งหลายปีก็รู้สึกอยากจะอ้วกขึ้นมา”

       “เจ้าสี่ อยากโดนต่อยรึไง ร้านใต้หล้าอู่เฉิงนี่ตอนแรกแกก็เป็นคนพาพวกเรามานะ แล้วมาบอกว่ากินเหล้าฉี่ม้ากับพวกเรามาตั้งหลายปี อยากจะอ้วก เดี๋ยวฉันไปเอาแก้วมา แล้วจะดูซิว่าแกเอาเหล้าดีอะไรมา” พูดจบ หวังเซิงเดินก้าวใหญ่ออกไปนอกโถงจิ่วหลง ไม่นานหลังจากนั้น ในมือก็ถือแก้วคริสตัลสวยงามมาสามใบ

       “ใช้แก้วแบบนี้เสียเหล้าหมดพอดี ช่างเถอะช่างเถอะ ใช้แก้วรวมกันก็ได้” กัวไฮว่พูดพลางส่ายศีรษะ

      “เจ้าสี่ อย่าพูดให้มันมากนัก เผื่อคนที่เสียหน้าจะเป็นแก” เจี่ยหยวนพูดขึ้นเสียงดัง แก้วไม่กี่ใบที่อยู่ตรงหน้าเขาเคยเห็นมาแล้ว เป็นแก้วที่เฮยหลงให้คนมาแกะสลักคริสตัล คนที่ทำแก้วแบบนี้ให้เฮยหลงได้ ทั้งเมืองนี้มีแค่มือดีไม่กี่คนเท่านั้น

       “หยุดก่อน เจ้าสี่ แกคงไม่ได้จะเอาเหล้าในน้ำเต้าที่แกกินเมื่อกี้มาให้พวกเรากินหรอกนะ ช่วยเอาขวดใหม่มาหน่อยเถอะ อย่าขี้เหนียวนักจะได้ไหม” หวังเซิงยื่นมือขึ้นมาห้ามกัวไฮว่ที่กำลังจะเทเหล้า

       “เจ้าสาม ให้เจ้าสี่เทเหล้าเถอะ” ตั้งแต่ที่กัวไฮว่เข้ามาในห้อง ดวงตาของหลี่เย่าก็ไม่ออกห่างน้ำเต้าเหล้านั่นเลย เพราะมันเหมือนกันกับน้ำเต้าโบราณที่ผู้เชี่ยวชาญหลายคนดูไม่ออกว่ามีอายุมานานเท่าไหร่แล้ว ที่ปู่ของตนเก็บเอาไว้

       “ให้ตาย พวกแกกินเถอะ ฉันไม่กินแล้ว ฉันกินลาฟีตปีแปดสองดีกว่า” หวังเซิงพูดพลางหยิบขวดลาฟีตปีแปดสองไปนั่งดื่มอยู่ด้านข้าง

      มุมปากกัวไฮว่มีรอยยิ้มเล็กๆ เขาเทเหล้าไปสองในสามส่วนของแก้วทั้งสามใบ จากนั้นตัวเองก็ดื่มอึกใหญ่จากน้ำเต้าโดยตรง ไม่ว่าพี่ๆ ทั้งสามจะดื่มหรือไม่ ตัวเขาเองก็เรอออกมาเบาๆ พลางคิดถึงวันในอนาคตข้างหน้า

      “พี่ใหญ่ พวกเราไปชิมกันเถอะว่าเหล้าที่เจ้าสี่บอกว่าดีนักดีหนารสชาติจะเป็นยังไงกันแน่” เจี่ยหยวนหยิบแก้วมาพร้อมกระแทกหลี่เย่าเบาๆ ก่อนจะก้มหน้าไปกรอกเหล้าสีรุ้งลงไปในท้อง

      “เจ้าสาม วางมือลง พี่ไม่อยากต่อยคน แกรีบวางมือลงเลยนะ” ในขณะหลี่เย่ากับเจี่ยหยวนดื่มเหล้าลงท้องนั้น มืออีกข้างของทั้งสองคนก็หยิบแก้วที่รินเหล้าไว้เต็มที่เหลืออยู่ใบนั้น

       “พี่เย่า หลายปีมานี้ ผมไม่เคยขออะไรพี่เลย คราวก่อนพี่ไปกองทัพ บอกว่าต้องใช้เงิน ไม่ทันจะกระพริบตาผมก็รีบขับรถบรรทุกพาพี่ไปที่กองทัพ ตอนพี่ทำภารกิจอยู่ที่อเมริกา ผมก็หาดาราอเมริกามาปรนเปรอ วันนี้ผมไม่ขออะไรพี่ ขอแค่พี่วางแก้วลงเถอะ” เจี่ยหยวนพูดด้วยสีหน้าจริงจัง

       “ให้ตายเถอะ แสดงละครกันอยู่เหรอเนี่ย” หวังเซิงพูดพลางเอามือแตะเข้าไปในแก้วเหล้า จากนั้นก็ใช้ปากเลีย

       “พี่ใหญ่ พี่สอง วางแก้วลงนะ ไม่วางผมแจ้งตำรวจนะ” หวังเซิงตะโกนเสียงดัง “พวกพี่กินกันคนละแก้วแล้ว งั้นแก้วนี้ก็ต้องเป็นของผม พวกพี่วางมือลงเดี๋ยวนี้นะ”

       “เจ้าสาม แกบอกแล้วว่าแกไม่กิน รีบวางแก้วลงเลย ไม่งั้นแก้วจะแตก แล้วจะไม่มีใครได้กินนะ” หลี่เย่าตะคอกเสียงดัง “วางลง ไม่งั้นฉันยิงนะ” หลี่เย่าพูดพลางหยิบปืนพกสีทองออกมาจากบริเวณเอวจริงๆ

       “พี่ใหญ่ พี่ยิงให้แม่นหน่อยล่ะ ทั้งตัวผมกันกระสุนทั้งนั้น มีแค่ตรงนี้ไม่กันกระสุน” เจี่ยหยวนขำพร้อมชี้ไปที่สมองของตัวเอง

      เสียง “เพล้ง!” ดังขึ้น น้ำเต้าเหล้าที่อยู่ในมือกัวไฮว่ก็พลันหล่นลงพื้น “มือลื่นน่ะ ใครช่วยเก็บน้ำเต้าได้บ้าง ยังเหลืออีกตั้งครึ่งน้ำเต้าที่ไม่ได้กิน” กัวไฮว่พูดเสียงดัง

       “เหล้าในแก้วนี้พวกแกกินกันเองเถอะ” หลี่เย่าดิ่งตรงไปยังน้ำเต้าเหล้าที่ยังหมุนกลิ้งอยู่บนพื้น

       “พี่เย่า รถของผมในโรงจอดรถพี่เลือกไปได้เลย เอาน้ำเต้ามาให้ผมเถอะ” เจี่ยหยวนมีปฏิกิริยาช้าไปนิด แต่ระยะห่างเขาใกล้กับน้ำเต้า จึงจับน้ำเต้าไว้แน่นพร้อมกันกับหลี่เย่าอีกครั้ง

       “ให้ตายเถอะ ให้ผมกินเหล้าแก้วนี้ก่อนแล้วค่อยว่ากัน” หวังเซิงดื่มเหล้าในแก้วเสร็จ แล้วยังใช้ลิ้นเลียแก้ว “พี่ใหญ่ พี่สอง เหล้าในน้ำเต้าน่าจะยังมีอีกเยอะ ไม่งั้นเอางี้ไหม พวกเราเทคนละแก้ว มัวแต่แย่งกันแบบนี้ก็ไม่มีใครได้กินหรอก” หวังเซิงหยิบแก้วเหล้าพลางพูดเสียงเบา

       “เจ้าบ้า ไม่ต้องมายุ่ง” หลี่เย่าและเจี่ยหยวนพูดขึ้นพร้อมกัน

       “งั้นพวกพี่ก็แย่งกันไปเถอะ” หวังเซิงพูดจบ ก็เดินไปข้างกัวไฮว่ “น้องสี่ เหล้าเมื่อกี้นั่นยังมีอีกไหม พรุ่งนี้แกก็จะไปเรียนแล้ว หนังสือเข้าเรียนนั่นพี่ก็เสียแรงไปไม่น้อยนะ”

       “เจ้าอ้วน วางลงเลย น้ำเต้านี้ฉันกับแกแบ่งกันคนละครึ่ง เจ้าสี่ยังมีเหล้าอยู่ พวกเราจะมาแย่งน้ำเต้ากันทำไม” เมื่อหลี่เย่าได้ยินคำพูดของหวังเซิง ก็พลันได้สติกลับมาไม่น้อย จึงพูดกับเจี่ยหยวนเสียงดัง

       “พี่เย่า พี่วางลงเลย ผมสู้พี่ไม่ได้หรอก ถ้าให้พี่ไปแล้วพี่ไม่แบ่งผม ผมก็เสียเปรียบน่ะสิ เหล้าดีขนาดนี้ ใครจะรู้ว่าเจ้าสี่ยังมีอีกรึเปล่า” เจี่ยหยวนพูดเสียงดัง

       “ได้ เจ้าสอง แกเอาน้ำเต้าไป ถ้าแกกล้าแบ่งให้ฉันน้อยกว่าแกแม้แต่หยดเดียว ฉันขับรถถังไปวนในโรงจอดรถแกแน่” พูดจบ หลี่เย่าก็วางน้ำเต้าที่ถือลง

       “พี่ๆ ผมขอถามอะไรหน่อย เมื่อกี้ที่บอกว่าหลายปีมานี้พวกพี่พาผมไปกินฉี่ม้า ถูกไหม” กัวไฮว่มองทั้งสามคนแล้วพูดด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้า

       “ใช่ ที่กินกันเมื่อก่อนนี้แย่กว่าฉี่ม้าซะอีก” เจี่ยหยวนพูดเสียงดัง “นี่น้องสี่ นายน้อยคนดีของพวกเรา สรุปแล้วแกยังมีเหล้าดีๆ แบบนี้อีกไหม” 

 

                                                                    ————————

                                    อ่านเร็วก่อนใคร ไม่พลาดทุกการอัปเดตนิยายได้ที่เว็บ Kawebook ^^

                                                     https://www.kawebook.com/story/6815

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+