[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ 16 สาวหวานอู่เฉิง มู่หรงเวยเวย

Now you are reading [นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ Chapter 16 สาวหวานอู่เฉิง มู่หรงเวยเวย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        “ฉันชื่อกัวไฮว่ ฉันยังไม่รู้ชื่อเธอเลย”กัวไฮว่กลับไปยังที่นั่งอีกครั้ง ตอนแรกกัวไฮว่คิดว่าจะลุกออกจากห้องเรียนแล้ว แต่ว่านักเรียนในห้องยังไม่ออกกัน และเพราะนักเรียนในห้องคนนี้กัวไฮว่จึงกลับไปยังที่นั่งของตนอีกครั้ง ตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้นเมื่อสามเดือนก่อน มู่หรงเวยเวยสาวสวยอันดับหนึ่งของโรงเรียนฟู่จงก็ไม่ได้พูดกับใครอีกแม้แต่คำเดียว

        “ฉันหิวแล้วไปกินข้าวเป็นเพื่อนฉันเถอะ”เพียงแค่ประโยคเดียวทั้งโรงเรียนฟู่จงพลันวุ่นวายไปสามนาที มู่หรงเวยเวยสาวหวานประจำเมืองอู่เฉิงยอมพูดกับชายแปลกหน้า แล้วแถมยังชวนชายคนนั้นไปกินข้าวก่อนอีก นี่เขาเป็นผู้ชายแบบไหนกันแน่ถึงได้ทำให้มู่หรงเวยเวยเปลี่ยนไปได้

        “ไปกันเถอะ แต่ว่าขอพาคนอื่นไปด้วยนะไม่ใช่คนนอกหรอกเมียฉันน่ะ”กัวไฮว่พูดพลางลากมู่หรงเวยเวยออกไปนอกห้องเรียน

        “เฉียนตัวตัว ตบฉันที ตบฉันแรงๆหน่อยสิ”เกาเฟยมองตามทั้งสองคนที่เดินออกไปแล้วก็พูดเสียงดังกับเฉียนตัวตัว

        “เพียะ เพียะ เพียะ!”เมื่อถูกฝ่ามือตบเข้าสามครั้งติดกันเกาเฟยถึงกับเห็นดาวบนหัว

        “ไปกัน ไปโรงอาหาร ต่อไปฉันก็จะอยู่กับพี่ไฮว่ด้วย”เกาเฟยพูดพลางยู่ปากใบหน้าของเขาบวมเป่งขึ้นมา

        “เสี่ยวซี โยวโยว ทางนี้”ยังไม่ทันจะไปถึงโรงอาหารกัวไฮว่ก็เห็นถังซี โหยวโยวโยวและซูเยี่ย

        “ถังซี เห็นแล้วหรือยังนั่นแหละสี่ตัวอันตรายแค่เข้าเรียนไปครึ่งวันก็หลอกเด็กผู้หญิงมาอีกคนนึงแล้ว”ซู่เยี่ยดึงถังซีเอาไว้พร้อมกับพูดขึ้น

        “เยี่ยจื่อนั่นมันมู่หรงเวยเวยนี่”ถังซีพูดเสียงค่อย“เธอเคยได้ยินเรื่องของเขาหรือเปล่า เดี๋ยวอย่าพูดอะไรมั่วซั่วนะ”

        ซูเยี่ยแลบลิ้นก่อนจะลากถังซีกับโหยวโยวโยวไปยังด้านหน้ากัวไฮว่

        “นี่คือเพื่อนที่นั่งข้างฉันมู่หรงเวยเวย”กัวไฮว่พูดเสียงค่อยพลางชี้นิ้วไปยังมู่หรงเวยเวยผู้ไม่สนใจโลก“นี่ถังซีเมียหลวงฉันนี่โหยวโยวโยวเมียน้อยฉัน ส่วนนี่ซูเยี่ยเมียเก็บ”

        “ตาบ้า นายอยากตายหรือไง”ซูเยี่ยพูดพลางชกกำปั้นน้อยๆไปที่ตัวกัวไฮว่

        “สวัสดีจ้ะ ฉันชื่อมู่หรงเวยเวย ฉันเคยได้ยินชื่อพวกเธอมาก่อน ดีใจที่ได้รู้จักกับพวกเธอนะ”มู่หรงเวยเวยยื่นมือมาแล้วมองทั้งสามคนอย่างยิ้มๆ

        “ถังซีห้องสาม”“ซูเยี่ยห้องสาม”“โหยวโยวโยวห้องเจ็ด”

        “ไปเถอะ ไปห้องอาหารส่วนตัวของตระกูลเริ่นกันดีกว่า”พูดจบทั้งหมดก็เดินไปยังร้านอาหารเล็กๆของเริ่นเสวียนเช่อ

        “ไม่ได้มากินข้าวที่นี่นานแล้ว ฉันไปสั่งกับข้าวส่วนพวกเธอรออยู่นี่นะ”มู่หรงเวยเวยยิ้มแล้วเดินออกไป

        “พี่ไฮว่ก่อนหน้านี้พี่รู้จักมู่หรงเวยเวยรึเปล่า”ถังซีมองกัวไฮว่แล้วถามขึ้น

        “ทำไมคุณเมียหลวงหึงแล้วเหรอ”กัวไฮว่พูดยิ้มๆ“ไม่รู้จักหรอกแต่วันนี้เข้าเรียนวันแรกครูประจำชั้นให้ฉันนั่งข้างเธอน่ะ”

        “เรื่องของเธอนายเคยได้ยินแล้วใช่ไหม”ซูเยี่ยพูดเสียงค่อย“นายไม่รู้แน่ๆนายเพิ่งมาโรงเรียนวันแรกนี่ฉันจะบอกนายไว้ก็แล้วกันเดี๋ยวนายไปพูดอะไรมั่วซั่วเข้า”

        “ตอนเพิ่งขึ้นมอสี่เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นที่ฟู่จง ข่งเสวียนกับมู่หรงเวยเวยหนุ่มหล่อกับสาวหวานแห่งเมืองอู่เฉิงเข้าเรียนที่ฟู่จงพร้อมกัน ทำให้หลังจากเปิดเทอมหนึ่งเดือนโรงเรียนฟู่จงได้กดดันโรงเรียนอื่นในการแข่งการต่อสู้และได้รับที่หนึ่งของเมืองอู่เฉิงอีกครั้ง”ซูเยี่ยพูดเสียงเบา

        “แข่งขันการต่อสู้? แข่งอะไรเหรอ ทะเลาะกันเหรอ ฉันไปก็ได้ที่หนึ่งนะ”กัวไฮว่พูดแหย่เล่น

        “ชิ ทะเลาะงั้นเหรอ ตอนนายอยู่จิ่วจงไม่เคยได้ยินเหรอ”ซูเยี่ยถลึงตามองกัวไฮว่แวบหนึ่ง

        “เมืองอู่เฉิงได้ชื่อว่าเมืองอู่เฉิงก็เพราะว่าในสมัยก่อนที่เมืองอู่เฉิงให้ความสนับสนุนวิชาต่อสู้ยังไงล่ะ ฉะนั้นนับตั้งแต่ช่วงก่อตั้งประเทศ[1]ก็มีกฎสืบต่อกันมาว่าเดือนแรกของการเปิดเทอมในทุกๆปีโรงเรียนมอปลายทุกแห่งจะต้องส่งนักเรียนสิบคนมาต่อสู้กัน ที่บอกว่าต่อสู้น่ะไม่ใช่ทะเลาะกันแต่เป็นการแข่งกรีฑาสิบประเภทเหมือนกับกีฬาสีนั่นแหละ รายชื่อสุดท้ายในการแข่งก็คือนักเรียนที่เก่งที่สุดของแต่ละโรงเรียน”โหยวโยวโยวมองกัวไฮว่แวบหนึ่งแล้วพูดด้วยเสียงค่อย

        “ข่งเสวียนได้ที่หนึ่ง?”กัวไฮว่ถามยิ้มๆ

        “เปล่า มู่หรงเวยเวยได้ที่หนึ่ง”ซูเยี่ยพูดเสียงดังขณะนี้เองมู่หรงเวยเวยก็เดินเข้ามา

        “เยี่ยจื่อฉันได้ที่หนึ่งอะไรเหรอ”มู่หรงเวยเวยถามยิ้มๆ

        “หมายถึงการแข่งขันต่อสู้น่ะ เธอช่วยเล่าให้ฉันฟังหน่อยสิฉันอยากรู้”กัวไฮว่มองมู่หรงเวยเวยแล้วถามขึ้นโดยไม่สนใจเด็กสาวทั้งสามคนที่ส่งสายตาพิฆาตให้เป็นนัยน์

        “การแข่งขันต่อสู้? พวกเธอหมายถึงเรื่องเทอมก่อนน่ะเหรอ”มู่หรงเวยเวยชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้นด้วยเสียงค่อย“การแข่งขันต่อสู้มีทั้งหมดเจ็ดรายการ ใครทำได้หมดก็ได้ที่หนึ่งไป มีทั้งแปดร้อยเมตร สามพันเมตร หนึ่งหมื่นเมตร วิ่งไปกลับหนึ่งร้อยเมตรสามสิบครั้ง ปีนหน้าผา แข่งหมากรุกกับมืออาชีพห้ากระดาน แข่งโกะกับมืออาชีพห้ากระดาน รวมทั้งหมดเจ็ดรายการ”

        “ตามหลักแล้วเนี่ย เธอไม่น่าจะได้ที่หนึ่งนะรายการแข่งเยอะขนาดนี้ เด็กผู้หญิงแบบเธอได้ที่หนึ่งนี่ดูจะยากเกินไปหน่อยละมั้ง”กัวไฮว่คิดๆแล้วก็ถาม

        “ข่งเสวียน เป็นข่งเสวียนเขาควรได้ที่หนึ่งแต่เป็นเพราะเขาสัญญากับตัวเองไว้ว่าจะส่งฉันถึงจุดสูงสุดของการต่อสู้ให้ได้…”มู่หรงเวยเวยพูดขึ้นด้วยดวงตาอันแดงก่ำ

        “อะไรนะ เขาแบกเธอห้ารายการพันเมตรจนชนะได้ที่หนึ่ง?”กัวไฮว่ตกใจอย่างมาก มู่หรงเวยเวยไม่อ้วนน่าจะประมาณสี่สิบกว่ากิโลมั้ง แบกคนคนหนึ่งจนได้ที่หนึ่งข่งเสวียนนี่มันคนประเภทไหนกันแน่

        “ใข่แล้วล่ะเขาแบกฉันเลยได้ที่หนึ่งของห้ารายการแรกจากนั้นในการแข่งขันหมากรุกกับโกะฉันเลยชนะสบายๆได้ที่หนึ่งมาข่งเสวียนได้ที่สอง”มู่หรงเวยเวยพูดเสียงค่อย

        “ทำไมถึงตกลงให้ฉันนั่งข้างๆ”กัวไฮว่มองหญิงสาวที่สวยไม่มีใครเปรียบผู้ที่อยู่ตรงหน้าแล้วพูดขึ้นด้วยเสียงเบา

        “เป็นเพราะสัญญา สัญญาที่ฉันให้กับข่งเสวียนไว้”มู่หรงเวยเวยมองกัวไฮว่แล้วพูดว่า“ฉันสวยไหม”

        “สวย”กัวไฮว่พูดเสียงเบา

        “นายชอบฉันไหม”

        “ชอบ”

        “งั้นนายก็พยายามทำให้ฉันตกหลุมรักนายแล้วกัน นายไม่ใช่เงาของข่งเสวียน ฉันอยากให้นายตกหลุมรักฉัน”มู่หรงเวยเวยพูดเสียงค่อยด้วยสีหน้าแดงระเรื่อ

        “ได้สิ กินข้าวกันก่อนเถอะ”กัวไฮว่มองเด็กสาวที่ตกอกตกใจทั้งสามคนก่อนจะพูดขึ้นยิ้มๆ

        “พี่ไฮว่เหล้าในน้ำเต้าพี่ยังมีอีกไหม แก้วเดียวแค่แก้วเดียวนะ”ซูเยี่ยมองกัวไฮว่แล้วพูดขึ้นด้วยเสียงเบาถึงหมอนี่จะไม่ดี ทั้งหลายใจโรคจิตใ จง่าย ชอบชกต่อย แต่ว่าเหล้าในน้ำเต้านั่นอร่อยจริงๆ

        “ให้สาวใช้แบบเธอกินข้าวบนโต๊ะก็ถือเป็นบุญคุณล้นฟ้าแล้ว ตอนนี้เธอยังจะกินเหล้าอีกเหรอ”กัวไฮว่มองซูเยี่ยแล้วพูดขึ้น“แต่เสียงที่เธอเรียกว่าพี่ไฮว่นี่เพราะจังเลยนะ งั้นให้เธอแก้วนึงแล้วกัน แต่ว่าไม่มีแก้วไม้จันทน์แล้วเดี๋ยวฉันไปขอแก้วคริสตัลจากพวกเขาสักสองสามใบ”กัวไฮว่พูดพลางเตรียมจะเดินออกไป

        “พี่ไฮว่ไม่ต้องหรอกฉันเอาแก้วมา”ซูเนี่ยพูดพลางหยิบกล่องออกมาจากกระเป๋าของตัวเอง หลังจากเปิดออกแก้วคริสตัลสี่ใบก็เรียงรายอยู่ข้างในนั้น

        “อะแฮ่ม เสี่ยวเยี่ยจื่อที่ว่ากันว่าอกใหญ่ไร้สมองนี่ฉันว่าเธอเป็นข้อยกเว้นนะ”กัวไฮว่พูดขึ้นขำๆ“แก้วสี่ใบพวกเธอสี่คนพอดีคนละใบ อย่ากินกันเยอะล่ะ”

        เด็กสาวทั้งสามคนมองแก้วคริสตัลที่เทเหล้าเต็มแก้วด้วยความพึงพอใจ มู่หรงเวยเวยสับสนเล็กน้อย เหล้านี่อร่อยจริงๆเหรอ ถึงทำให้บุคคลที่อยากได้อะไรก็ต้องได้ทั้งสามคนพอใจถึงขนาดนี้

        “เวยเวยลองชิม เป็นไงวันนี้กินข้าวกับเธอเป็นครั้งแรกฉันให้เธอดื่มสองแก้วได้นะ”กัวไฮว่ยิ้มพลางเอาแก้วคริสตัลยื่นไปให้ตรงหน้ามู่หรงเวยเวย

        “เสี่ยวซีเห็นแล้วใช่ไหมได้ใหม่ลืมเก่า คนใหม่แทนที่คนเก่า อีกอย่างนะคนใหม่ยังไม่ทันเก่าเลยก็มารักกันต่อหน้าเธอซะแล้ว เธอต้องจัดการเขานะ”ซูเยี่ยพูดเบาๆข้างหูถังซี

        “แน่นอนเมียหลวงกับเมียน้อยก็ต้องได้กินอีกคนละแก้ว มีเรื่องหนึ่งที่ไม่ได้บอกเธอก็คือ ถึงนี่จะเป็นแค่เหล้าแต่ก็มีสรรพคุณทำให้สวยขึ้นทั้งยังช่วยขับสารพิษอีกด้วย พวกเธอรู้สึกกันใช่ไหมว่าหลังจากกินเสร็จตอนสายตอนบ่ายก็กระปรี้กระเปร่ากัน”กัวไฮว่พูดพลางเทเหล้าลงแก้วถังซีกับโหยวโยวโยวเต็มแก้วอีกครั้ง

        “ตาบ้า!นาย…น่าโมโหจริงๆ”ซูเยี่ยมองนัยน์ตาหยอกล้อของกัวไฮว่ก็พูดขึ้นด้วยเสียงดัง

        
 

        [1]เหมาเจ๋อตงก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีนเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม ค.ศ.1949

         

                                                         ————————

                             อ่านเร็วก่อนใคร ไม่พลาดทุกการอัปเดตนิยายได้ที่เว็บ Kawebook ^^

                                            https://www.kawebook.com/story/6815

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ 16 สาวหวานอู่เฉิง มู่หรงเวยเวย

Now you are reading [นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ Chapter 16 สาวหวานอู่เฉิง มู่หรงเวยเวย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        “ฉันชื่อกัวไฮว่ ฉันยังไม่รู้ชื่อเธอเลย”กัวไฮว่กลับไปยังที่นั่งอีกครั้ง ตอนแรกกัวไฮว่คิดว่าจะลุกออกจากห้องเรียนแล้ว แต่ว่านักเรียนในห้องยังไม่ออกกัน และเพราะนักเรียนในห้องคนนี้กัวไฮว่จึงกลับไปยังที่นั่งของตนอีกครั้ง ตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้นเมื่อสามเดือนก่อน มู่หรงเวยเวยสาวสวยอันดับหนึ่งของโรงเรียนฟู่จงก็ไม่ได้พูดกับใครอีกแม้แต่คำเดียว

        “ฉันหิวแล้วไปกินข้าวเป็นเพื่อนฉันเถอะ”เพียงแค่ประโยคเดียวทั้งโรงเรียนฟู่จงพลันวุ่นวายไปสามนาที มู่หรงเวยเวยสาวหวานประจำเมืองอู่เฉิงยอมพูดกับชายแปลกหน้า แล้วแถมยังชวนชายคนนั้นไปกินข้าวก่อนอีก นี่เขาเป็นผู้ชายแบบไหนกันแน่ถึงได้ทำให้มู่หรงเวยเวยเปลี่ยนไปได้

        “ไปกันเถอะ แต่ว่าขอพาคนอื่นไปด้วยนะไม่ใช่คนนอกหรอกเมียฉันน่ะ”กัวไฮว่พูดพลางลากมู่หรงเวยเวยออกไปนอกห้องเรียน

        “เฉียนตัวตัว ตบฉันที ตบฉันแรงๆหน่อยสิ”เกาเฟยมองตามทั้งสองคนที่เดินออกไปแล้วก็พูดเสียงดังกับเฉียนตัวตัว

        “เพียะ เพียะ เพียะ!”เมื่อถูกฝ่ามือตบเข้าสามครั้งติดกันเกาเฟยถึงกับเห็นดาวบนหัว

        “ไปกัน ไปโรงอาหาร ต่อไปฉันก็จะอยู่กับพี่ไฮว่ด้วย”เกาเฟยพูดพลางยู่ปากใบหน้าของเขาบวมเป่งขึ้นมา

        “เสี่ยวซี โยวโยว ทางนี้”ยังไม่ทันจะไปถึงโรงอาหารกัวไฮว่ก็เห็นถังซี โหยวโยวโยวและซูเยี่ย

        “ถังซี เห็นแล้วหรือยังนั่นแหละสี่ตัวอันตรายแค่เข้าเรียนไปครึ่งวันก็หลอกเด็กผู้หญิงมาอีกคนนึงแล้ว”ซู่เยี่ยดึงถังซีเอาไว้พร้อมกับพูดขึ้น

        “เยี่ยจื่อนั่นมันมู่หรงเวยเวยนี่”ถังซีพูดเสียงค่อย“เธอเคยได้ยินเรื่องของเขาหรือเปล่า เดี๋ยวอย่าพูดอะไรมั่วซั่วนะ”

        ซูเยี่ยแลบลิ้นก่อนจะลากถังซีกับโหยวโยวโยวไปยังด้านหน้ากัวไฮว่

        “นี่คือเพื่อนที่นั่งข้างฉันมู่หรงเวยเวย”กัวไฮว่พูดเสียงค่อยพลางชี้นิ้วไปยังมู่หรงเวยเวยผู้ไม่สนใจโลก“นี่ถังซีเมียหลวงฉันนี่โหยวโยวโยวเมียน้อยฉัน ส่วนนี่ซูเยี่ยเมียเก็บ”

        “ตาบ้า นายอยากตายหรือไง”ซูเยี่ยพูดพลางชกกำปั้นน้อยๆไปที่ตัวกัวไฮว่

        “สวัสดีจ้ะ ฉันชื่อมู่หรงเวยเวย ฉันเคยได้ยินชื่อพวกเธอมาก่อน ดีใจที่ได้รู้จักกับพวกเธอนะ”มู่หรงเวยเวยยื่นมือมาแล้วมองทั้งสามคนอย่างยิ้มๆ

        “ถังซีห้องสาม”“ซูเยี่ยห้องสาม”“โหยวโยวโยวห้องเจ็ด”

        “ไปเถอะ ไปห้องอาหารส่วนตัวของตระกูลเริ่นกันดีกว่า”พูดจบทั้งหมดก็เดินไปยังร้านอาหารเล็กๆของเริ่นเสวียนเช่อ

        “ไม่ได้มากินข้าวที่นี่นานแล้ว ฉันไปสั่งกับข้าวส่วนพวกเธอรออยู่นี่นะ”มู่หรงเวยเวยยิ้มแล้วเดินออกไป

        “พี่ไฮว่ก่อนหน้านี้พี่รู้จักมู่หรงเวยเวยรึเปล่า”ถังซีมองกัวไฮว่แล้วถามขึ้น

        “ทำไมคุณเมียหลวงหึงแล้วเหรอ”กัวไฮว่พูดยิ้มๆ“ไม่รู้จักหรอกแต่วันนี้เข้าเรียนวันแรกครูประจำชั้นให้ฉันนั่งข้างเธอน่ะ”

        “เรื่องของเธอนายเคยได้ยินแล้วใช่ไหม”ซูเยี่ยพูดเสียงค่อย“นายไม่รู้แน่ๆนายเพิ่งมาโรงเรียนวันแรกนี่ฉันจะบอกนายไว้ก็แล้วกันเดี๋ยวนายไปพูดอะไรมั่วซั่วเข้า”

        “ตอนเพิ่งขึ้นมอสี่เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นที่ฟู่จง ข่งเสวียนกับมู่หรงเวยเวยหนุ่มหล่อกับสาวหวานแห่งเมืองอู่เฉิงเข้าเรียนที่ฟู่จงพร้อมกัน ทำให้หลังจากเปิดเทอมหนึ่งเดือนโรงเรียนฟู่จงได้กดดันโรงเรียนอื่นในการแข่งการต่อสู้และได้รับที่หนึ่งของเมืองอู่เฉิงอีกครั้ง”ซูเยี่ยพูดเสียงเบา

        “แข่งขันการต่อสู้? แข่งอะไรเหรอ ทะเลาะกันเหรอ ฉันไปก็ได้ที่หนึ่งนะ”กัวไฮว่พูดแหย่เล่น

        “ชิ ทะเลาะงั้นเหรอ ตอนนายอยู่จิ่วจงไม่เคยได้ยินเหรอ”ซูเยี่ยถลึงตามองกัวไฮว่แวบหนึ่ง

        “เมืองอู่เฉิงได้ชื่อว่าเมืองอู่เฉิงก็เพราะว่าในสมัยก่อนที่เมืองอู่เฉิงให้ความสนับสนุนวิชาต่อสู้ยังไงล่ะ ฉะนั้นนับตั้งแต่ช่วงก่อตั้งประเทศ[1]ก็มีกฎสืบต่อกันมาว่าเดือนแรกของการเปิดเทอมในทุกๆปีโรงเรียนมอปลายทุกแห่งจะต้องส่งนักเรียนสิบคนมาต่อสู้กัน ที่บอกว่าต่อสู้น่ะไม่ใช่ทะเลาะกันแต่เป็นการแข่งกรีฑาสิบประเภทเหมือนกับกีฬาสีนั่นแหละ รายชื่อสุดท้ายในการแข่งก็คือนักเรียนที่เก่งที่สุดของแต่ละโรงเรียน”โหยวโยวโยวมองกัวไฮว่แวบหนึ่งแล้วพูดด้วยเสียงค่อย

        “ข่งเสวียนได้ที่หนึ่ง?”กัวไฮว่ถามยิ้มๆ

        “เปล่า มู่หรงเวยเวยได้ที่หนึ่ง”ซูเยี่ยพูดเสียงดังขณะนี้เองมู่หรงเวยเวยก็เดินเข้ามา

        “เยี่ยจื่อฉันได้ที่หนึ่งอะไรเหรอ”มู่หรงเวยเวยถามยิ้มๆ

        “หมายถึงการแข่งขันต่อสู้น่ะ เธอช่วยเล่าให้ฉันฟังหน่อยสิฉันอยากรู้”กัวไฮว่มองมู่หรงเวยเวยแล้วถามขึ้นโดยไม่สนใจเด็กสาวทั้งสามคนที่ส่งสายตาพิฆาตให้เป็นนัยน์

        “การแข่งขันต่อสู้? พวกเธอหมายถึงเรื่องเทอมก่อนน่ะเหรอ”มู่หรงเวยเวยชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้นด้วยเสียงค่อย“การแข่งขันต่อสู้มีทั้งหมดเจ็ดรายการ ใครทำได้หมดก็ได้ที่หนึ่งไป มีทั้งแปดร้อยเมตร สามพันเมตร หนึ่งหมื่นเมตร วิ่งไปกลับหนึ่งร้อยเมตรสามสิบครั้ง ปีนหน้าผา แข่งหมากรุกกับมืออาชีพห้ากระดาน แข่งโกะกับมืออาชีพห้ากระดาน รวมทั้งหมดเจ็ดรายการ”

        “ตามหลักแล้วเนี่ย เธอไม่น่าจะได้ที่หนึ่งนะรายการแข่งเยอะขนาดนี้ เด็กผู้หญิงแบบเธอได้ที่หนึ่งนี่ดูจะยากเกินไปหน่อยละมั้ง”กัวไฮว่คิดๆแล้วก็ถาม

        “ข่งเสวียน เป็นข่งเสวียนเขาควรได้ที่หนึ่งแต่เป็นเพราะเขาสัญญากับตัวเองไว้ว่าจะส่งฉันถึงจุดสูงสุดของการต่อสู้ให้ได้…”มู่หรงเวยเวยพูดขึ้นด้วยดวงตาอันแดงก่ำ

        “อะไรนะ เขาแบกเธอห้ารายการพันเมตรจนชนะได้ที่หนึ่ง?”กัวไฮว่ตกใจอย่างมาก มู่หรงเวยเวยไม่อ้วนน่าจะประมาณสี่สิบกว่ากิโลมั้ง แบกคนคนหนึ่งจนได้ที่หนึ่งข่งเสวียนนี่มันคนประเภทไหนกันแน่

        “ใข่แล้วล่ะเขาแบกฉันเลยได้ที่หนึ่งของห้ารายการแรกจากนั้นในการแข่งขันหมากรุกกับโกะฉันเลยชนะสบายๆได้ที่หนึ่งมาข่งเสวียนได้ที่สอง”มู่หรงเวยเวยพูดเสียงค่อย

        “ทำไมถึงตกลงให้ฉันนั่งข้างๆ”กัวไฮว่มองหญิงสาวที่สวยไม่มีใครเปรียบผู้ที่อยู่ตรงหน้าแล้วพูดขึ้นด้วยเสียงเบา

        “เป็นเพราะสัญญา สัญญาที่ฉันให้กับข่งเสวียนไว้”มู่หรงเวยเวยมองกัวไฮว่แล้วพูดว่า“ฉันสวยไหม”

        “สวย”กัวไฮว่พูดเสียงเบา

        “นายชอบฉันไหม”

        “ชอบ”

        “งั้นนายก็พยายามทำให้ฉันตกหลุมรักนายแล้วกัน นายไม่ใช่เงาของข่งเสวียน ฉันอยากให้นายตกหลุมรักฉัน”มู่หรงเวยเวยพูดเสียงค่อยด้วยสีหน้าแดงระเรื่อ

        “ได้สิ กินข้าวกันก่อนเถอะ”กัวไฮว่มองเด็กสาวที่ตกอกตกใจทั้งสามคนก่อนจะพูดขึ้นยิ้มๆ

        “พี่ไฮว่เหล้าในน้ำเต้าพี่ยังมีอีกไหม แก้วเดียวแค่แก้วเดียวนะ”ซูเยี่ยมองกัวไฮว่แล้วพูดขึ้นด้วยเสียงเบาถึงหมอนี่จะไม่ดี ทั้งหลายใจโรคจิตใ จง่าย ชอบชกต่อย แต่ว่าเหล้าในน้ำเต้านั่นอร่อยจริงๆ

        “ให้สาวใช้แบบเธอกินข้าวบนโต๊ะก็ถือเป็นบุญคุณล้นฟ้าแล้ว ตอนนี้เธอยังจะกินเหล้าอีกเหรอ”กัวไฮว่มองซูเยี่ยแล้วพูดขึ้น“แต่เสียงที่เธอเรียกว่าพี่ไฮว่นี่เพราะจังเลยนะ งั้นให้เธอแก้วนึงแล้วกัน แต่ว่าไม่มีแก้วไม้จันทน์แล้วเดี๋ยวฉันไปขอแก้วคริสตัลจากพวกเขาสักสองสามใบ”กัวไฮว่พูดพลางเตรียมจะเดินออกไป

        “พี่ไฮว่ไม่ต้องหรอกฉันเอาแก้วมา”ซูเนี่ยพูดพลางหยิบกล่องออกมาจากกระเป๋าของตัวเอง หลังจากเปิดออกแก้วคริสตัลสี่ใบก็เรียงรายอยู่ข้างในนั้น

        “อะแฮ่ม เสี่ยวเยี่ยจื่อที่ว่ากันว่าอกใหญ่ไร้สมองนี่ฉันว่าเธอเป็นข้อยกเว้นนะ”กัวไฮว่พูดขึ้นขำๆ“แก้วสี่ใบพวกเธอสี่คนพอดีคนละใบ อย่ากินกันเยอะล่ะ”

        เด็กสาวทั้งสามคนมองแก้วคริสตัลที่เทเหล้าเต็มแก้วด้วยความพึงพอใจ มู่หรงเวยเวยสับสนเล็กน้อย เหล้านี่อร่อยจริงๆเหรอ ถึงทำให้บุคคลที่อยากได้อะไรก็ต้องได้ทั้งสามคนพอใจถึงขนาดนี้

        “เวยเวยลองชิม เป็นไงวันนี้กินข้าวกับเธอเป็นครั้งแรกฉันให้เธอดื่มสองแก้วได้นะ”กัวไฮว่ยิ้มพลางเอาแก้วคริสตัลยื่นไปให้ตรงหน้ามู่หรงเวยเวย

        “เสี่ยวซีเห็นแล้วใช่ไหมได้ใหม่ลืมเก่า คนใหม่แทนที่คนเก่า อีกอย่างนะคนใหม่ยังไม่ทันเก่าเลยก็มารักกันต่อหน้าเธอซะแล้ว เธอต้องจัดการเขานะ”ซูเยี่ยพูดเบาๆข้างหูถังซี

        “แน่นอนเมียหลวงกับเมียน้อยก็ต้องได้กินอีกคนละแก้ว มีเรื่องหนึ่งที่ไม่ได้บอกเธอก็คือ ถึงนี่จะเป็นแค่เหล้าแต่ก็มีสรรพคุณทำให้สวยขึ้นทั้งยังช่วยขับสารพิษอีกด้วย พวกเธอรู้สึกกันใช่ไหมว่าหลังจากกินเสร็จตอนสายตอนบ่ายก็กระปรี้กระเปร่ากัน”กัวไฮว่พูดพลางเทเหล้าลงแก้วถังซีกับโหยวโยวโยวเต็มแก้วอีกครั้ง

        “ตาบ้า!นาย…น่าโมโหจริงๆ”ซูเยี่ยมองนัยน์ตาหยอกล้อของกัวไฮว่ก็พูดขึ้นด้วยเสียงดัง

        
 

        [1]เหมาเจ๋อตงก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีนเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม ค.ศ.1949

         

                                                         ————————

                             อ่านเร็วก่อนใคร ไม่พลาดทุกการอัปเดตนิยายได้ที่เว็บ Kawebook ^^

                                            https://www.kawebook.com/story/6815

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ 16 สาวหวานอู่เฉิง มู่หรงเวยเวย

Now you are reading [นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ Chapter 16 สาวหวานอู่เฉิง มู่หรงเวยเวย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        “ฉันชื่อกัวไฮว่ ฉันยังไม่รู้ชื่อเธอเลย”กัวไฮว่กลับไปยังที่นั่งอีกครั้ง ตอนแรกกัวไฮว่คิดว่าจะลุกออกจากห้องเรียนแล้ว แต่ว่านักเรียนในห้องยังไม่ออกกัน และเพราะนักเรียนในห้องคนนี้กัวไฮว่จึงกลับไปยังที่นั่งของตนอีกครั้ง ตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้นเมื่อสามเดือนก่อน มู่หรงเวยเวยสาวสวยอันดับหนึ่งของโรงเรียนฟู่จงก็ไม่ได้พูดกับใครอีกแม้แต่คำเดียว

        “ฉันหิวแล้วไปกินข้าวเป็นเพื่อนฉันเถอะ”เพียงแค่ประโยคเดียวทั้งโรงเรียนฟู่จงพลันวุ่นวายไปสามนาที มู่หรงเวยเวยสาวหวานประจำเมืองอู่เฉิงยอมพูดกับชายแปลกหน้า แล้วแถมยังชวนชายคนนั้นไปกินข้าวก่อนอีก นี่เขาเป็นผู้ชายแบบไหนกันแน่ถึงได้ทำให้มู่หรงเวยเวยเปลี่ยนไปได้

        “ไปกันเถอะ แต่ว่าขอพาคนอื่นไปด้วยนะไม่ใช่คนนอกหรอกเมียฉันน่ะ”กัวไฮว่พูดพลางลากมู่หรงเวยเวยออกไปนอกห้องเรียน

        “เฉียนตัวตัว ตบฉันที ตบฉันแรงๆหน่อยสิ”เกาเฟยมองตามทั้งสองคนที่เดินออกไปแล้วก็พูดเสียงดังกับเฉียนตัวตัว

        “เพียะ เพียะ เพียะ!”เมื่อถูกฝ่ามือตบเข้าสามครั้งติดกันเกาเฟยถึงกับเห็นดาวบนหัว

        “ไปกัน ไปโรงอาหาร ต่อไปฉันก็จะอยู่กับพี่ไฮว่ด้วย”เกาเฟยพูดพลางยู่ปากใบหน้าของเขาบวมเป่งขึ้นมา

        “เสี่ยวซี โยวโยว ทางนี้”ยังไม่ทันจะไปถึงโรงอาหารกัวไฮว่ก็เห็นถังซี โหยวโยวโยวและซูเยี่ย

        “ถังซี เห็นแล้วหรือยังนั่นแหละสี่ตัวอันตรายแค่เข้าเรียนไปครึ่งวันก็หลอกเด็กผู้หญิงมาอีกคนนึงแล้ว”ซู่เยี่ยดึงถังซีเอาไว้พร้อมกับพูดขึ้น

        “เยี่ยจื่อนั่นมันมู่หรงเวยเวยนี่”ถังซีพูดเสียงค่อย“เธอเคยได้ยินเรื่องของเขาหรือเปล่า เดี๋ยวอย่าพูดอะไรมั่วซั่วนะ”

        ซูเยี่ยแลบลิ้นก่อนจะลากถังซีกับโหยวโยวโยวไปยังด้านหน้ากัวไฮว่

        “นี่คือเพื่อนที่นั่งข้างฉันมู่หรงเวยเวย”กัวไฮว่พูดเสียงค่อยพลางชี้นิ้วไปยังมู่หรงเวยเวยผู้ไม่สนใจโลก“นี่ถังซีเมียหลวงฉันนี่โหยวโยวโยวเมียน้อยฉัน ส่วนนี่ซูเยี่ยเมียเก็บ”

        “ตาบ้า นายอยากตายหรือไง”ซูเยี่ยพูดพลางชกกำปั้นน้อยๆไปที่ตัวกัวไฮว่

        “สวัสดีจ้ะ ฉันชื่อมู่หรงเวยเวย ฉันเคยได้ยินชื่อพวกเธอมาก่อน ดีใจที่ได้รู้จักกับพวกเธอนะ”มู่หรงเวยเวยยื่นมือมาแล้วมองทั้งสามคนอย่างยิ้มๆ

        “ถังซีห้องสาม”“ซูเยี่ยห้องสาม”“โหยวโยวโยวห้องเจ็ด”

        “ไปเถอะ ไปห้องอาหารส่วนตัวของตระกูลเริ่นกันดีกว่า”พูดจบทั้งหมดก็เดินไปยังร้านอาหารเล็กๆของเริ่นเสวียนเช่อ

        “ไม่ได้มากินข้าวที่นี่นานแล้ว ฉันไปสั่งกับข้าวส่วนพวกเธอรออยู่นี่นะ”มู่หรงเวยเวยยิ้มแล้วเดินออกไป

        “พี่ไฮว่ก่อนหน้านี้พี่รู้จักมู่หรงเวยเวยรึเปล่า”ถังซีมองกัวไฮว่แล้วถามขึ้น

        “ทำไมคุณเมียหลวงหึงแล้วเหรอ”กัวไฮว่พูดยิ้มๆ“ไม่รู้จักหรอกแต่วันนี้เข้าเรียนวันแรกครูประจำชั้นให้ฉันนั่งข้างเธอน่ะ”

        “เรื่องของเธอนายเคยได้ยินแล้วใช่ไหม”ซูเยี่ยพูดเสียงค่อย“นายไม่รู้แน่ๆนายเพิ่งมาโรงเรียนวันแรกนี่ฉันจะบอกนายไว้ก็แล้วกันเดี๋ยวนายไปพูดอะไรมั่วซั่วเข้า”

        “ตอนเพิ่งขึ้นมอสี่เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นที่ฟู่จง ข่งเสวียนกับมู่หรงเวยเวยหนุ่มหล่อกับสาวหวานแห่งเมืองอู่เฉิงเข้าเรียนที่ฟู่จงพร้อมกัน ทำให้หลังจากเปิดเทอมหนึ่งเดือนโรงเรียนฟู่จงได้กดดันโรงเรียนอื่นในการแข่งการต่อสู้และได้รับที่หนึ่งของเมืองอู่เฉิงอีกครั้ง”ซูเยี่ยพูดเสียงเบา

        “แข่งขันการต่อสู้? แข่งอะไรเหรอ ทะเลาะกันเหรอ ฉันไปก็ได้ที่หนึ่งนะ”กัวไฮว่พูดแหย่เล่น

        “ชิ ทะเลาะงั้นเหรอ ตอนนายอยู่จิ่วจงไม่เคยได้ยินเหรอ”ซูเยี่ยถลึงตามองกัวไฮว่แวบหนึ่ง

        “เมืองอู่เฉิงได้ชื่อว่าเมืองอู่เฉิงก็เพราะว่าในสมัยก่อนที่เมืองอู่เฉิงให้ความสนับสนุนวิชาต่อสู้ยังไงล่ะ ฉะนั้นนับตั้งแต่ช่วงก่อตั้งประเทศ[1]ก็มีกฎสืบต่อกันมาว่าเดือนแรกของการเปิดเทอมในทุกๆปีโรงเรียนมอปลายทุกแห่งจะต้องส่งนักเรียนสิบคนมาต่อสู้กัน ที่บอกว่าต่อสู้น่ะไม่ใช่ทะเลาะกันแต่เป็นการแข่งกรีฑาสิบประเภทเหมือนกับกีฬาสีนั่นแหละ รายชื่อสุดท้ายในการแข่งก็คือนักเรียนที่เก่งที่สุดของแต่ละโรงเรียน”โหยวโยวโยวมองกัวไฮว่แวบหนึ่งแล้วพูดด้วยเสียงค่อย

        “ข่งเสวียนได้ที่หนึ่ง?”กัวไฮว่ถามยิ้มๆ

        “เปล่า มู่หรงเวยเวยได้ที่หนึ่ง”ซูเยี่ยพูดเสียงดังขณะนี้เองมู่หรงเวยเวยก็เดินเข้ามา

        “เยี่ยจื่อฉันได้ที่หนึ่งอะไรเหรอ”มู่หรงเวยเวยถามยิ้มๆ

        “หมายถึงการแข่งขันต่อสู้น่ะ เธอช่วยเล่าให้ฉันฟังหน่อยสิฉันอยากรู้”กัวไฮว่มองมู่หรงเวยเวยแล้วถามขึ้นโดยไม่สนใจเด็กสาวทั้งสามคนที่ส่งสายตาพิฆาตให้เป็นนัยน์

        “การแข่งขันต่อสู้? พวกเธอหมายถึงเรื่องเทอมก่อนน่ะเหรอ”มู่หรงเวยเวยชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้นด้วยเสียงค่อย“การแข่งขันต่อสู้มีทั้งหมดเจ็ดรายการ ใครทำได้หมดก็ได้ที่หนึ่งไป มีทั้งแปดร้อยเมตร สามพันเมตร หนึ่งหมื่นเมตร วิ่งไปกลับหนึ่งร้อยเมตรสามสิบครั้ง ปีนหน้าผา แข่งหมากรุกกับมืออาชีพห้ากระดาน แข่งโกะกับมืออาชีพห้ากระดาน รวมทั้งหมดเจ็ดรายการ”

        “ตามหลักแล้วเนี่ย เธอไม่น่าจะได้ที่หนึ่งนะรายการแข่งเยอะขนาดนี้ เด็กผู้หญิงแบบเธอได้ที่หนึ่งนี่ดูจะยากเกินไปหน่อยละมั้ง”กัวไฮว่คิดๆแล้วก็ถาม

        “ข่งเสวียน เป็นข่งเสวียนเขาควรได้ที่หนึ่งแต่เป็นเพราะเขาสัญญากับตัวเองไว้ว่าจะส่งฉันถึงจุดสูงสุดของการต่อสู้ให้ได้…”มู่หรงเวยเวยพูดขึ้นด้วยดวงตาอันแดงก่ำ

        “อะไรนะ เขาแบกเธอห้ารายการพันเมตรจนชนะได้ที่หนึ่ง?”กัวไฮว่ตกใจอย่างมาก มู่หรงเวยเวยไม่อ้วนน่าจะประมาณสี่สิบกว่ากิโลมั้ง แบกคนคนหนึ่งจนได้ที่หนึ่งข่งเสวียนนี่มันคนประเภทไหนกันแน่

        “ใข่แล้วล่ะเขาแบกฉันเลยได้ที่หนึ่งของห้ารายการแรกจากนั้นในการแข่งขันหมากรุกกับโกะฉันเลยชนะสบายๆได้ที่หนึ่งมาข่งเสวียนได้ที่สอง”มู่หรงเวยเวยพูดเสียงค่อย

        “ทำไมถึงตกลงให้ฉันนั่งข้างๆ”กัวไฮว่มองหญิงสาวที่สวยไม่มีใครเปรียบผู้ที่อยู่ตรงหน้าแล้วพูดขึ้นด้วยเสียงเบา

        “เป็นเพราะสัญญา สัญญาที่ฉันให้กับข่งเสวียนไว้”มู่หรงเวยเวยมองกัวไฮว่แล้วพูดว่า“ฉันสวยไหม”

        “สวย”กัวไฮว่พูดเสียงเบา

        “นายชอบฉันไหม”

        “ชอบ”

        “งั้นนายก็พยายามทำให้ฉันตกหลุมรักนายแล้วกัน นายไม่ใช่เงาของข่งเสวียน ฉันอยากให้นายตกหลุมรักฉัน”มู่หรงเวยเวยพูดเสียงค่อยด้วยสีหน้าแดงระเรื่อ

        “ได้สิ กินข้าวกันก่อนเถอะ”กัวไฮว่มองเด็กสาวที่ตกอกตกใจทั้งสามคนก่อนจะพูดขึ้นยิ้มๆ

        “พี่ไฮว่เหล้าในน้ำเต้าพี่ยังมีอีกไหม แก้วเดียวแค่แก้วเดียวนะ”ซูเยี่ยมองกัวไฮว่แล้วพูดขึ้นด้วยเสียงเบาถึงหมอนี่จะไม่ดี ทั้งหลายใจโรคจิตใ จง่าย ชอบชกต่อย แต่ว่าเหล้าในน้ำเต้านั่นอร่อยจริงๆ

        “ให้สาวใช้แบบเธอกินข้าวบนโต๊ะก็ถือเป็นบุญคุณล้นฟ้าแล้ว ตอนนี้เธอยังจะกินเหล้าอีกเหรอ”กัวไฮว่มองซูเยี่ยแล้วพูดขึ้น“แต่เสียงที่เธอเรียกว่าพี่ไฮว่นี่เพราะจังเลยนะ งั้นให้เธอแก้วนึงแล้วกัน แต่ว่าไม่มีแก้วไม้จันทน์แล้วเดี๋ยวฉันไปขอแก้วคริสตัลจากพวกเขาสักสองสามใบ”กัวไฮว่พูดพลางเตรียมจะเดินออกไป

        “พี่ไฮว่ไม่ต้องหรอกฉันเอาแก้วมา”ซูเนี่ยพูดพลางหยิบกล่องออกมาจากกระเป๋าของตัวเอง หลังจากเปิดออกแก้วคริสตัลสี่ใบก็เรียงรายอยู่ข้างในนั้น

        “อะแฮ่ม เสี่ยวเยี่ยจื่อที่ว่ากันว่าอกใหญ่ไร้สมองนี่ฉันว่าเธอเป็นข้อยกเว้นนะ”กัวไฮว่พูดขึ้นขำๆ“แก้วสี่ใบพวกเธอสี่คนพอดีคนละใบ อย่ากินกันเยอะล่ะ”

        เด็กสาวทั้งสามคนมองแก้วคริสตัลที่เทเหล้าเต็มแก้วด้วยความพึงพอใจ มู่หรงเวยเวยสับสนเล็กน้อย เหล้านี่อร่อยจริงๆเหรอ ถึงทำให้บุคคลที่อยากได้อะไรก็ต้องได้ทั้งสามคนพอใจถึงขนาดนี้

        “เวยเวยลองชิม เป็นไงวันนี้กินข้าวกับเธอเป็นครั้งแรกฉันให้เธอดื่มสองแก้วได้นะ”กัวไฮว่ยิ้มพลางเอาแก้วคริสตัลยื่นไปให้ตรงหน้ามู่หรงเวยเวย

        “เสี่ยวซีเห็นแล้วใช่ไหมได้ใหม่ลืมเก่า คนใหม่แทนที่คนเก่า อีกอย่างนะคนใหม่ยังไม่ทันเก่าเลยก็มารักกันต่อหน้าเธอซะแล้ว เธอต้องจัดการเขานะ”ซูเยี่ยพูดเบาๆข้างหูถังซี

        “แน่นอนเมียหลวงกับเมียน้อยก็ต้องได้กินอีกคนละแก้ว มีเรื่องหนึ่งที่ไม่ได้บอกเธอก็คือ ถึงนี่จะเป็นแค่เหล้าแต่ก็มีสรรพคุณทำให้สวยขึ้นทั้งยังช่วยขับสารพิษอีกด้วย พวกเธอรู้สึกกันใช่ไหมว่าหลังจากกินเสร็จตอนสายตอนบ่ายก็กระปรี้กระเปร่ากัน”กัวไฮว่พูดพลางเทเหล้าลงแก้วถังซีกับโหยวโยวโยวเต็มแก้วอีกครั้ง

        “ตาบ้า!นาย…น่าโมโหจริงๆ”ซูเยี่ยมองนัยน์ตาหยอกล้อของกัวไฮว่ก็พูดขึ้นด้วยเสียงดัง

        
 

        [1]เหมาเจ๋อตงก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีนเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม ค.ศ.1949

         

                                                         ————————

                             อ่านเร็วก่อนใคร ไม่พลาดทุกการอัปเดตนิยายได้ที่เว็บ Kawebook ^^

                                            https://www.kawebook.com/story/6815

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ 16 สาวหวานอู่เฉิง มู่หรงเวยเวย

Now you are reading [นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ Chapter 16 สาวหวานอู่เฉิง มู่หรงเวยเวย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        “ฉันชื่อกัวไฮว่ ฉันยังไม่รู้ชื่อเธอเลย”กัวไฮว่กลับไปยังที่นั่งอีกครั้ง ตอนแรกกัวไฮว่คิดว่าจะลุกออกจากห้องเรียนแล้ว แต่ว่านักเรียนในห้องยังไม่ออกกัน และเพราะนักเรียนในห้องคนนี้กัวไฮว่จึงกลับไปยังที่นั่งของตนอีกครั้ง ตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้นเมื่อสามเดือนก่อน มู่หรงเวยเวยสาวสวยอันดับหนึ่งของโรงเรียนฟู่จงก็ไม่ได้พูดกับใครอีกแม้แต่คำเดียว

        “ฉันหิวแล้วไปกินข้าวเป็นเพื่อนฉันเถอะ”เพียงแค่ประโยคเดียวทั้งโรงเรียนฟู่จงพลันวุ่นวายไปสามนาที มู่หรงเวยเวยสาวหวานประจำเมืองอู่เฉิงยอมพูดกับชายแปลกหน้า แล้วแถมยังชวนชายคนนั้นไปกินข้าวก่อนอีก นี่เขาเป็นผู้ชายแบบไหนกันแน่ถึงได้ทำให้มู่หรงเวยเวยเปลี่ยนไปได้

        “ไปกันเถอะ แต่ว่าขอพาคนอื่นไปด้วยนะไม่ใช่คนนอกหรอกเมียฉันน่ะ”กัวไฮว่พูดพลางลากมู่หรงเวยเวยออกไปนอกห้องเรียน

        “เฉียนตัวตัว ตบฉันที ตบฉันแรงๆหน่อยสิ”เกาเฟยมองตามทั้งสองคนที่เดินออกไปแล้วก็พูดเสียงดังกับเฉียนตัวตัว

        “เพียะ เพียะ เพียะ!”เมื่อถูกฝ่ามือตบเข้าสามครั้งติดกันเกาเฟยถึงกับเห็นดาวบนหัว

        “ไปกัน ไปโรงอาหาร ต่อไปฉันก็จะอยู่กับพี่ไฮว่ด้วย”เกาเฟยพูดพลางยู่ปากใบหน้าของเขาบวมเป่งขึ้นมา

        “เสี่ยวซี โยวโยว ทางนี้”ยังไม่ทันจะไปถึงโรงอาหารกัวไฮว่ก็เห็นถังซี โหยวโยวโยวและซูเยี่ย

        “ถังซี เห็นแล้วหรือยังนั่นแหละสี่ตัวอันตรายแค่เข้าเรียนไปครึ่งวันก็หลอกเด็กผู้หญิงมาอีกคนนึงแล้ว”ซู่เยี่ยดึงถังซีเอาไว้พร้อมกับพูดขึ้น

        “เยี่ยจื่อนั่นมันมู่หรงเวยเวยนี่”ถังซีพูดเสียงค่อย“เธอเคยได้ยินเรื่องของเขาหรือเปล่า เดี๋ยวอย่าพูดอะไรมั่วซั่วนะ”

        ซูเยี่ยแลบลิ้นก่อนจะลากถังซีกับโหยวโยวโยวไปยังด้านหน้ากัวไฮว่

        “นี่คือเพื่อนที่นั่งข้างฉันมู่หรงเวยเวย”กัวไฮว่พูดเสียงค่อยพลางชี้นิ้วไปยังมู่หรงเวยเวยผู้ไม่สนใจโลก“นี่ถังซีเมียหลวงฉันนี่โหยวโยวโยวเมียน้อยฉัน ส่วนนี่ซูเยี่ยเมียเก็บ”

        “ตาบ้า นายอยากตายหรือไง”ซูเยี่ยพูดพลางชกกำปั้นน้อยๆไปที่ตัวกัวไฮว่

        “สวัสดีจ้ะ ฉันชื่อมู่หรงเวยเวย ฉันเคยได้ยินชื่อพวกเธอมาก่อน ดีใจที่ได้รู้จักกับพวกเธอนะ”มู่หรงเวยเวยยื่นมือมาแล้วมองทั้งสามคนอย่างยิ้มๆ

        “ถังซีห้องสาม”“ซูเยี่ยห้องสาม”“โหยวโยวโยวห้องเจ็ด”

        “ไปเถอะ ไปห้องอาหารส่วนตัวของตระกูลเริ่นกันดีกว่า”พูดจบทั้งหมดก็เดินไปยังร้านอาหารเล็กๆของเริ่นเสวียนเช่อ

        “ไม่ได้มากินข้าวที่นี่นานแล้ว ฉันไปสั่งกับข้าวส่วนพวกเธอรออยู่นี่นะ”มู่หรงเวยเวยยิ้มแล้วเดินออกไป

        “พี่ไฮว่ก่อนหน้านี้พี่รู้จักมู่หรงเวยเวยรึเปล่า”ถังซีมองกัวไฮว่แล้วถามขึ้น

        “ทำไมคุณเมียหลวงหึงแล้วเหรอ”กัวไฮว่พูดยิ้มๆ“ไม่รู้จักหรอกแต่วันนี้เข้าเรียนวันแรกครูประจำชั้นให้ฉันนั่งข้างเธอน่ะ”

        “เรื่องของเธอนายเคยได้ยินแล้วใช่ไหม”ซูเยี่ยพูดเสียงค่อย“นายไม่รู้แน่ๆนายเพิ่งมาโรงเรียนวันแรกนี่ฉันจะบอกนายไว้ก็แล้วกันเดี๋ยวนายไปพูดอะไรมั่วซั่วเข้า”

        “ตอนเพิ่งขึ้นมอสี่เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นที่ฟู่จง ข่งเสวียนกับมู่หรงเวยเวยหนุ่มหล่อกับสาวหวานแห่งเมืองอู่เฉิงเข้าเรียนที่ฟู่จงพร้อมกัน ทำให้หลังจากเปิดเทอมหนึ่งเดือนโรงเรียนฟู่จงได้กดดันโรงเรียนอื่นในการแข่งการต่อสู้และได้รับที่หนึ่งของเมืองอู่เฉิงอีกครั้ง”ซูเยี่ยพูดเสียงเบา

        “แข่งขันการต่อสู้? แข่งอะไรเหรอ ทะเลาะกันเหรอ ฉันไปก็ได้ที่หนึ่งนะ”กัวไฮว่พูดแหย่เล่น

        “ชิ ทะเลาะงั้นเหรอ ตอนนายอยู่จิ่วจงไม่เคยได้ยินเหรอ”ซูเยี่ยถลึงตามองกัวไฮว่แวบหนึ่ง

        “เมืองอู่เฉิงได้ชื่อว่าเมืองอู่เฉิงก็เพราะว่าในสมัยก่อนที่เมืองอู่เฉิงให้ความสนับสนุนวิชาต่อสู้ยังไงล่ะ ฉะนั้นนับตั้งแต่ช่วงก่อตั้งประเทศ[1]ก็มีกฎสืบต่อกันมาว่าเดือนแรกของการเปิดเทอมในทุกๆปีโรงเรียนมอปลายทุกแห่งจะต้องส่งนักเรียนสิบคนมาต่อสู้กัน ที่บอกว่าต่อสู้น่ะไม่ใช่ทะเลาะกันแต่เป็นการแข่งกรีฑาสิบประเภทเหมือนกับกีฬาสีนั่นแหละ รายชื่อสุดท้ายในการแข่งก็คือนักเรียนที่เก่งที่สุดของแต่ละโรงเรียน”โหยวโยวโยวมองกัวไฮว่แวบหนึ่งแล้วพูดด้วยเสียงค่อย

        “ข่งเสวียนได้ที่หนึ่ง?”กัวไฮว่ถามยิ้มๆ

        “เปล่า มู่หรงเวยเวยได้ที่หนึ่ง”ซูเยี่ยพูดเสียงดังขณะนี้เองมู่หรงเวยเวยก็เดินเข้ามา

        “เยี่ยจื่อฉันได้ที่หนึ่งอะไรเหรอ”มู่หรงเวยเวยถามยิ้มๆ

        “หมายถึงการแข่งขันต่อสู้น่ะ เธอช่วยเล่าให้ฉันฟังหน่อยสิฉันอยากรู้”กัวไฮว่มองมู่หรงเวยเวยแล้วถามขึ้นโดยไม่สนใจเด็กสาวทั้งสามคนที่ส่งสายตาพิฆาตให้เป็นนัยน์

        “การแข่งขันต่อสู้? พวกเธอหมายถึงเรื่องเทอมก่อนน่ะเหรอ”มู่หรงเวยเวยชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้นด้วยเสียงค่อย“การแข่งขันต่อสู้มีทั้งหมดเจ็ดรายการ ใครทำได้หมดก็ได้ที่หนึ่งไป มีทั้งแปดร้อยเมตร สามพันเมตร หนึ่งหมื่นเมตร วิ่งไปกลับหนึ่งร้อยเมตรสามสิบครั้ง ปีนหน้าผา แข่งหมากรุกกับมืออาชีพห้ากระดาน แข่งโกะกับมืออาชีพห้ากระดาน รวมทั้งหมดเจ็ดรายการ”

        “ตามหลักแล้วเนี่ย เธอไม่น่าจะได้ที่หนึ่งนะรายการแข่งเยอะขนาดนี้ เด็กผู้หญิงแบบเธอได้ที่หนึ่งนี่ดูจะยากเกินไปหน่อยละมั้ง”กัวไฮว่คิดๆแล้วก็ถาม

        “ข่งเสวียน เป็นข่งเสวียนเขาควรได้ที่หนึ่งแต่เป็นเพราะเขาสัญญากับตัวเองไว้ว่าจะส่งฉันถึงจุดสูงสุดของการต่อสู้ให้ได้…”มู่หรงเวยเวยพูดขึ้นด้วยดวงตาอันแดงก่ำ

        “อะไรนะ เขาแบกเธอห้ารายการพันเมตรจนชนะได้ที่หนึ่ง?”กัวไฮว่ตกใจอย่างมาก มู่หรงเวยเวยไม่อ้วนน่าจะประมาณสี่สิบกว่ากิโลมั้ง แบกคนคนหนึ่งจนได้ที่หนึ่งข่งเสวียนนี่มันคนประเภทไหนกันแน่

        “ใข่แล้วล่ะเขาแบกฉันเลยได้ที่หนึ่งของห้ารายการแรกจากนั้นในการแข่งขันหมากรุกกับโกะฉันเลยชนะสบายๆได้ที่หนึ่งมาข่งเสวียนได้ที่สอง”มู่หรงเวยเวยพูดเสียงค่อย

        “ทำไมถึงตกลงให้ฉันนั่งข้างๆ”กัวไฮว่มองหญิงสาวที่สวยไม่มีใครเปรียบผู้ที่อยู่ตรงหน้าแล้วพูดขึ้นด้วยเสียงเบา

        “เป็นเพราะสัญญา สัญญาที่ฉันให้กับข่งเสวียนไว้”มู่หรงเวยเวยมองกัวไฮว่แล้วพูดว่า“ฉันสวยไหม”

        “สวย”กัวไฮว่พูดเสียงเบา

        “นายชอบฉันไหม”

        “ชอบ”

        “งั้นนายก็พยายามทำให้ฉันตกหลุมรักนายแล้วกัน นายไม่ใช่เงาของข่งเสวียน ฉันอยากให้นายตกหลุมรักฉัน”มู่หรงเวยเวยพูดเสียงค่อยด้วยสีหน้าแดงระเรื่อ

        “ได้สิ กินข้าวกันก่อนเถอะ”กัวไฮว่มองเด็กสาวที่ตกอกตกใจทั้งสามคนก่อนจะพูดขึ้นยิ้มๆ

        “พี่ไฮว่เหล้าในน้ำเต้าพี่ยังมีอีกไหม แก้วเดียวแค่แก้วเดียวนะ”ซูเยี่ยมองกัวไฮว่แล้วพูดขึ้นด้วยเสียงเบาถึงหมอนี่จะไม่ดี ทั้งหลายใจโรคจิตใ จง่าย ชอบชกต่อย แต่ว่าเหล้าในน้ำเต้านั่นอร่อยจริงๆ

        “ให้สาวใช้แบบเธอกินข้าวบนโต๊ะก็ถือเป็นบุญคุณล้นฟ้าแล้ว ตอนนี้เธอยังจะกินเหล้าอีกเหรอ”กัวไฮว่มองซูเยี่ยแล้วพูดขึ้น“แต่เสียงที่เธอเรียกว่าพี่ไฮว่นี่เพราะจังเลยนะ งั้นให้เธอแก้วนึงแล้วกัน แต่ว่าไม่มีแก้วไม้จันทน์แล้วเดี๋ยวฉันไปขอแก้วคริสตัลจากพวกเขาสักสองสามใบ”กัวไฮว่พูดพลางเตรียมจะเดินออกไป

        “พี่ไฮว่ไม่ต้องหรอกฉันเอาแก้วมา”ซูเนี่ยพูดพลางหยิบกล่องออกมาจากกระเป๋าของตัวเอง หลังจากเปิดออกแก้วคริสตัลสี่ใบก็เรียงรายอยู่ข้างในนั้น

        “อะแฮ่ม เสี่ยวเยี่ยจื่อที่ว่ากันว่าอกใหญ่ไร้สมองนี่ฉันว่าเธอเป็นข้อยกเว้นนะ”กัวไฮว่พูดขึ้นขำๆ“แก้วสี่ใบพวกเธอสี่คนพอดีคนละใบ อย่ากินกันเยอะล่ะ”

        เด็กสาวทั้งสามคนมองแก้วคริสตัลที่เทเหล้าเต็มแก้วด้วยความพึงพอใจ มู่หรงเวยเวยสับสนเล็กน้อย เหล้านี่อร่อยจริงๆเหรอ ถึงทำให้บุคคลที่อยากได้อะไรก็ต้องได้ทั้งสามคนพอใจถึงขนาดนี้

        “เวยเวยลองชิม เป็นไงวันนี้กินข้าวกับเธอเป็นครั้งแรกฉันให้เธอดื่มสองแก้วได้นะ”กัวไฮว่ยิ้มพลางเอาแก้วคริสตัลยื่นไปให้ตรงหน้ามู่หรงเวยเวย

        “เสี่ยวซีเห็นแล้วใช่ไหมได้ใหม่ลืมเก่า คนใหม่แทนที่คนเก่า อีกอย่างนะคนใหม่ยังไม่ทันเก่าเลยก็มารักกันต่อหน้าเธอซะแล้ว เธอต้องจัดการเขานะ”ซูเยี่ยพูดเบาๆข้างหูถังซี

        “แน่นอนเมียหลวงกับเมียน้อยก็ต้องได้กินอีกคนละแก้ว มีเรื่องหนึ่งที่ไม่ได้บอกเธอก็คือ ถึงนี่จะเป็นแค่เหล้าแต่ก็มีสรรพคุณทำให้สวยขึ้นทั้งยังช่วยขับสารพิษอีกด้วย พวกเธอรู้สึกกันใช่ไหมว่าหลังจากกินเสร็จตอนสายตอนบ่ายก็กระปรี้กระเปร่ากัน”กัวไฮว่พูดพลางเทเหล้าลงแก้วถังซีกับโหยวโยวโยวเต็มแก้วอีกครั้ง

        “ตาบ้า!นาย…น่าโมโหจริงๆ”ซูเยี่ยมองนัยน์ตาหยอกล้อของกัวไฮว่ก็พูดขึ้นด้วยเสียงดัง

        
 

        [1]เหมาเจ๋อตงก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีนเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม ค.ศ.1949

         

                                                         ————————

                             อ่านเร็วก่อนใคร ไม่พลาดทุกการอัปเดตนิยายได้ที่เว็บ Kawebook ^^

                                            https://www.kawebook.com/story/6815

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+