[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ 86 ลาก่อนฟู่จง

Now you are reading [นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ Chapter 86 ลาก่อนฟู่จง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        กัวไฮว่ไร้ซึ่งสติ แต่ก็สัมผัสได้ว่าฉินอวี้หลงอยู่ที่นั่น เขาวาดมือไปในอากาศครั้งหนึ่งแล้วพาหลินซวงเขาไปในน้ำเต้าของตน

        “ซวงเอ๋อร์ ตอนแรกตั้งใจจะให้คุณได้เริ่มต้นอย่างงดงาม แต่กลัวว่าครั้งนี้จะไม่ได้แล้ว ผมรักคุณนะ” กัวไฮว่พูดพลางกอดหลินซวงได้แน่น ทว่าหลินซวงกลับรุกล้ำหนักกว่าเดิม เธอผลักกัวไฮว่ไปบนพื้น จากนั้นทั้งสองก็เริ่มทำตามสัญชาตญาณดิบ

        “พี่อวี้เอ๋อร์ เป็นอะไรไป ทำไมรู้สึกว่าพี่กระวนกระวายล่ะ” หนานกงหลิงโม่อ่านบันทึกบำเพ็ญเพียรเสร็จบทหนึ่งมีบางส่วนที่ไม่เข้าใจเลยจะมาถามอวี้เอ๋อร์ แต่พบว่าอวี้เอ๋อร์ขมวดคิ้วย่นจึงถามขึ้นเบาๆ

        “เกิดเรื่องขึ้นกับตาบ้าแล้ว แต่ฉันคำนวณดูไม่ได้ว่าเกิดเรื่องอะไร เมื่อกี้ฉันสัมผัสได้ว่าพลังเซียนของเขาสะพัด สะพัดแรงขนาดนั้น ต้องเกิดเรื่องแน่” อวี้เอ๋อร์พูดเบาๆ

        “งั้นทำไงดีล่ะ เราหาวิธีช่วยเขากันเถอะ” หนานกงหลิงโม่พูดขึ้นด้วยความตระหนก

        “น้องหลิงโม่ จากศักยภาพของตาบ้าแล้วเนี่ย ถ้าคนที่ทำให้กัวไฮว่ตกอยู่ในความยากลำบากจะทำอะไรพวกเราก็ง่ายนิดเดียว รอรับชะตากรรมเถอะ” เมื่ออวี้เอ๋อร์พูดเสร็จเธอก็หลับตาทั้งสองอีกครั้ง “เจ้าบ้า เจ้าอย่ามาเกิดเรื่องตอนที่ข้าเพิ่งจะมายังแดนมนุษย์สิ”

        ผ่านไปประมาณสองชั่วโมง กัวไฮว่ก็ฟื้นคืนสติ หลินซวงเองก็ฟื้นสติแล้ว เพราะเธอผ่านสมรภูมิรบมาสองชั่วโมงเลยหมดสติไป

        “แม่มันเถอะ พลังเซียนไม่โจมตียาโป๊วแฮะ ถ้าอยู่ที่สวรรค์แล้วข้าเอาของสิ่งนี้ติดตัวไปด้วย ต่อไปจะไปกลัวใครได้อีก” กัวไฮว่มองหลินซวงที่มีสภาพเปลือยเปล่า จากนั้นก็มามองตนเองแล้วพูดขึ้นด้วยความจนใจ “ทว่าการบำเพ็ญเพียรคู่แบบนี้เหมาะกับเต๋าดีนะ มีพลังเซียนเข้าไปในร่างไปเยอะเลย”

        “ครูหลินซวง ต่อไปจะไม่มีครูหลินซวงอะไรอีกแล้วล่ะ จากนี้คุณจะเป็นเมียผม” ขณะที่กัวไฮว่พูดก็มีพลังเซียนเข้าไปในร่างกายของหลินซวงระลอกหนึ่ง จากนั้นหลินซวงก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา

        “ไม่ต้องปิดหรอก อะไรที่ควรเห็นอะไรที่ไม่ควรเห็นผมดูมาหมดแล้ว” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “เธอหันหลังไป ฉันจะใส่เสื้อผ้า” หลินซวงพูดขึ้นด้วยสีหน้าแดงระเรื่อ “ตาบ้า เสื้อถูกนายฉีกจนขาดแบบนี้ฉันจะใส่ยังไงล่ะ ที่นี่ที่ไหนเนี่ย มีเสื้อผ้าหรือเปล่า” นอกจากชุดชั้นในที่ไม่ขาด เสื้อผ้าอื่นทุกชิ้นต่างก็ถูกฉีกขาดไม่เหลือชิ้นดี

        “คุณใส่ชุดนี่ก่อนเถอะ” กัวไฮว่พูดพลางโยนชุดฉางเผาไปให้หลินซวง “เดี่ยวผมจะให้คุณดูอะไร” กัวไฮว่พูดพลางวาดมือ จากนั้นก็มีภาพที่เด็กไม่ควรดูปรากฏขึ้นกลางอากาศ ซึ่งก็คือภาพอันน่าตื่นเต้นของทั้งคู่เมื่อสักครู่นี้นี่เอง ท่าทางรุกล้ำของหลินซวงทำเอาหลินซวงหน้าแดงก่ำขึ้นมาอีกรอบหนึ่ง

        “ที่ให้เธอดูไม่ใช่เพราะผมจะหลบหนี เรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะผม ผมจะรับผิดชอบคุณเอง” กัวไฮว่พูดขึ้นเบาๆ “มาเป็นผู้หญิงของผมเถอะ ผมจะทำให้คุณมีความสุข”

        “เด็กบ้า เธอจะทำให้ฉันมีความสุขได้ยังไง ถ้าฉันเป็นผู้หญิงของเธอแล้วเวยเวยล่ะ ถังซีกับซูเยี่ยล่ะ โยวโยวล่ะ แถมยังมีอวี้เอ๋อร์กับซุนหลิงหลิงอีก เป็นผู้หญิงของเธอกันหมดหรือเปล่า” หลินซวงพูดเบาๆ

        “ใช่ พวกเธอเป็นผู้หญิงของผมหมด” กัวไฮว่พูดอย่างเป็นจริงเป็นจัง “หลินซวง คุณคิดให้ดีนะ ผมไม่บังคับใคร แต่ว่าผมชอบคุณ ตกหลุมรักคุณมาตั้งแต่แรกเห็น คุณยังไม่เข้าใจผม ผมว่าถ้ารอจนคุณเข้าใจผม บางทีตอนนั้นคุณอาจจะเพิ่งรู้จักผมจริงๆ ก็ได้”

        “ทุกอย่างมันไม่ได้ง่ายแบบที่เธอคิดหรอก” หลินซวงพูดเบาๆ “ฉันชื่อหลินซวง เป็นครูประจำชั้นมอสี่ห้องหนึ่ง เป็นครูของเธอ กัวไฮว่ และฉันยังเป็นลูกสาวคนโตของตระกูลหลิน เป็นคู่หมั้นของกู่เลี่ย ตระกูลกู่แห่งเมืองหลวงอีกด้วย ถ้าเธออยากให้ฉันเป็นผู้หญิงของเธอ งั้นแสดงว่าเธอก็ตบหน้าตระกูลกู่เข้าให้แล้ว ใครก็ช่วยเธอไม่ได้ ออกไปจากที่นี่ยังไง ให้ฉันออกไปเถอะ”

        “ตระกูลกู่?” กัวไฮว่พูดพึมพำกับตนเองแล้วค้นข้อมูลเกี่ยวกับตระกูลกู่ในสมองของกัวไฮว่ที่มีก่อนหน้านี้

        ตระกูลกู่เป็นตระกูลบำเพ็ญเพียรแห่งหัวซย่า กู่เจิ้นเหลยผู้เป็นหัวหน้าตระกูลกู่ เป็นหัวหน้ากลุ่มผู้พลังวิเศษหัวซย่า เป็นบุคคลชั้นแนวหน้าในแถบฉางผิง

        “คุณเป็นผู้หญิงของผมก็คือเป็นผู้หญิงของผม ไม่ว่าตระกูลกู่หรือว่าจะตระกูลอื่น พวกเขาไม่มีสิทธิ์มาก้าวก่าย ในเมื่อคุณกับเจ้ากู่เลี่ยนั่นยังไม่ได้แต่งงานกัน งั้นก็ถอนหมั้นเสียสิ รอไว้ออกไปแล้วผมจะไปจัดการเรื่องนี้ที่ตระกูลกู่เอง” กัวไฮว่พูดพลางวาดมือไปบนอากาศ จากนั้นทั้งสองก็ปรากฏตัวอยู่ที่ห้องพักครูหลินซวงอีกครั้ง

        “ครูป้าบป้าบนักเรียน ผอ.ครับ เหมือนว่ากัวไฮว่นี่ผอ.จะเป็นคนพาเข้ามาที่โรงเรียนมัธยมแห่งมหาวิทยาลัยอู่เฉิงเองนะครับ เกิดเรื่องต่ำช้าแบบนี้ขึ้น ผอ.จะไม่สนได้เหรอ” ฉินอวี้หลงพูดขึ้นเสียงดังอยู่หน้าประตูห้องพักครู กัวไฮว่เองก็สัมผัสได้ว่านอกประตูมีคนยืนอออยู่เต็ม

        “พวกเขาเข้ามาไม่ได้เหรอ” หลินซวงพูดขึ้นเบาๆ

        “คุณไม่ต้องมายุ่งหรอก ที่เหลือไว้ผมจัดการเอง” กัวไฮว่พูดพลางวาดมือไปในอากาศ ประตูห้องพักครูก็ถูกเปิดออก

        “พวกเธอรออยู่ข้างนอก เดี๋ยวฉันเข้าไปเอง” หลี่สวินอวี้พูดเสียงดังจากนั้นก็เดินเข้าไปในห้องพักครูของหลินซวง

        “ผอ.ครับ ให้พวกเขาเข้ามาเถอะ จะได้ไม่มีข่าวลือเหลวไหลอีก” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “เด็กบ้า เธอทำอะไรอยู่ในห้องครูหลินซวง ทำไมต้องล็อกประตู เกิดอะไรขึ้น” หลี่สวินอวี้ถามขึ้น

        “ในเมื่อมีปัญหาด้านการเรียนก็ต้องมาหาครูสิ นี่น่าจะเป็นกฎของโรงเรียนนะครับ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “ไม่ทราบว่าผอ.กับทุกคนมาที่นี่มีอะไรเหรอครับ”

        “ทำไมต้องล็อกประตู พวกเราเคาะประตูอยู่ด้านนอกเกือบหนึ่งชั่วโมงแล้ว ทำไมไม่เปิด” หัวหน้าเซวียนถามขึ้นด้วยความสงสัย ถ้ากัวไฮว่มีปัญหา เธอก็จะรับผิดชอบเอง

        “ล็อกประตูเสียครับ พวกเราเลยเปิดประตูให้ทุกคนไม่ได้” กัวไฮว่พูดขึ้นเบาๆ

        “ครูหลิน ผมจำได้ว่าตอนบ่ายครูใส่ชุดทำงานนี่นา ครูไปเปลี่ยนเป็นชุดฉางเผาตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอ ดูท่าชุดฉางเผานี่ไม่ใช่ของครูหรอกมั้ง” ฉินอวี้หลงเค้นคำถามจากสมองแล้วถามขึ้นเสียงดัง “ครูกับกัวไฮว่ทำอะไรอยู่ในห้องพักครู พวกคุณย่อมรู้ดี หน้าไม่อาย”

        “เพี๊ยะ!” ไม่มีใครทันได้มอง จู่ๆ ก็มีรอยนิ้วมือทั้งห้าปรากฏขึ้นอยู่บนหน้าของฉินอวี้หลง ฟันร่วงออกมาสี่ซี่

        “พวกเราทำอะไร พวกเราย่อมรู้ดี แกทำอะไร แกเองก็ย่อมรู้ดี” กัวไฮว่หรี่ตาพลางพูดขึ้น “ดูทรงแล้วคนดีจะถูกรังแกได้ง่าย ขนาดตอนที่ฉันถูกเรียกว่าสี่ตัวอันตรายเมืองอู่เฉิง ยังไม่เห็นจะมีใครกล้าสาดขี้ใส่ฉันเลย ดูอะไร ดูว่าฉันป้าบๆ ครูหรือเปล่า ถูกไหม ดูสถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้าไม่ออกหรือไง ไสหัวไป ถ้าไม่อยากตายก็ไสหัวไป”

        กัวไฮว่ตะคอกเสียงดัง จากนั้นฝูงชนที่อยู่ด้านหลังหลี่สวินอวี้ก็วิ่งสลายตัวไปในพริบตาเดียว

        “ยายหนูหลิน ที่นี่ไม่มีคนอื่น เกิดอะไรขึ้นกันแน่ บอกมา” หลี่สวินอวี้มองหลินซวงแล้วถามขึ้นเบาๆ โดยไม่แยแสฉินอวี้หลง

        “ไม่มีอะไร ฉันป่วยน่ะค่ะ กัวไฮว่เขามียาฉันเลยเรียกเขามาให้ช่วยรักษาอาการป่วย ก็เท่านั้นเอง” หลินซวงพูด “ผอ.คิดว่าเกิดอะไรขึ้นเหรอคะ”

        “ไม่มีอะไรแล้วก็ดี ในเมื่อไม่มีอะไรแล้ว งั้นพวกเราไปกันเถอะ” หลี่สวินอวี้พูดยิ้มเจื่อน ถึงแม้หลินซวงจะใส่ชุดฉางเผา ทว่าผมเผ้ากลับกะเซอะกะเซิง นักเรียนชายกับครูสาวอยู่ในห้องกันเกือบสองชั่วโมง แบบนี้จะไม่แปลกได้อย่างไรกัน

        “ตาแก่หลี่ เป็นนักเรียนนี่มันน่าเบื่อจริงๆ เลย ฉันจะไม่สร้างปัญหาให้แกแล้ว พรุ่งนี้ฉัน กัวไฮว่ จะไม่ใช่นักเรียนที่โรงเรียนฟู่จงเมืองอู่เฉิงอีกแล้วล่ะ” กัวไฮว่พูดเสียงดัง “ลาก่อน โรงเรียนฟู่จง”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ 86 ลาก่อนฟู่จง

Now you are reading [นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ Chapter 86 ลาก่อนฟู่จง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        กัวไฮว่ไร้ซึ่งสติ แต่ก็สัมผัสได้ว่าฉินอวี้หลงอยู่ที่นั่น เขาวาดมือไปในอากาศครั้งหนึ่งแล้วพาหลินซวงเขาไปในน้ำเต้าของตน

        “ซวงเอ๋อร์ ตอนแรกตั้งใจจะให้คุณได้เริ่มต้นอย่างงดงาม แต่กลัวว่าครั้งนี้จะไม่ได้แล้ว ผมรักคุณนะ” กัวไฮว่พูดพลางกอดหลินซวงได้แน่น ทว่าหลินซวงกลับรุกล้ำหนักกว่าเดิม เธอผลักกัวไฮว่ไปบนพื้น จากนั้นทั้งสองก็เริ่มทำตามสัญชาตญาณดิบ

        “พี่อวี้เอ๋อร์ เป็นอะไรไป ทำไมรู้สึกว่าพี่กระวนกระวายล่ะ” หนานกงหลิงโม่อ่านบันทึกบำเพ็ญเพียรเสร็จบทหนึ่งมีบางส่วนที่ไม่เข้าใจเลยจะมาถามอวี้เอ๋อร์ แต่พบว่าอวี้เอ๋อร์ขมวดคิ้วย่นจึงถามขึ้นเบาๆ

        “เกิดเรื่องขึ้นกับตาบ้าแล้ว แต่ฉันคำนวณดูไม่ได้ว่าเกิดเรื่องอะไร เมื่อกี้ฉันสัมผัสได้ว่าพลังเซียนของเขาสะพัด สะพัดแรงขนาดนั้น ต้องเกิดเรื่องแน่” อวี้เอ๋อร์พูดเบาๆ

        “งั้นทำไงดีล่ะ เราหาวิธีช่วยเขากันเถอะ” หนานกงหลิงโม่พูดขึ้นด้วยความตระหนก

        “น้องหลิงโม่ จากศักยภาพของตาบ้าแล้วเนี่ย ถ้าคนที่ทำให้กัวไฮว่ตกอยู่ในความยากลำบากจะทำอะไรพวกเราก็ง่ายนิดเดียว รอรับชะตากรรมเถอะ” เมื่ออวี้เอ๋อร์พูดเสร็จเธอก็หลับตาทั้งสองอีกครั้ง “เจ้าบ้า เจ้าอย่ามาเกิดเรื่องตอนที่ข้าเพิ่งจะมายังแดนมนุษย์สิ”

        ผ่านไปประมาณสองชั่วโมง กัวไฮว่ก็ฟื้นคืนสติ หลินซวงเองก็ฟื้นสติแล้ว เพราะเธอผ่านสมรภูมิรบมาสองชั่วโมงเลยหมดสติไป

        “แม่มันเถอะ พลังเซียนไม่โจมตียาโป๊วแฮะ ถ้าอยู่ที่สวรรค์แล้วข้าเอาของสิ่งนี้ติดตัวไปด้วย ต่อไปจะไปกลัวใครได้อีก” กัวไฮว่มองหลินซวงที่มีสภาพเปลือยเปล่า จากนั้นก็มามองตนเองแล้วพูดขึ้นด้วยความจนใจ “ทว่าการบำเพ็ญเพียรคู่แบบนี้เหมาะกับเต๋าดีนะ มีพลังเซียนเข้าไปในร่างไปเยอะเลย”

        “ครูหลินซวง ต่อไปจะไม่มีครูหลินซวงอะไรอีกแล้วล่ะ จากนี้คุณจะเป็นเมียผม” ขณะที่กัวไฮว่พูดก็มีพลังเซียนเข้าไปในร่างกายของหลินซวงระลอกหนึ่ง จากนั้นหลินซวงก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา

        “ไม่ต้องปิดหรอก อะไรที่ควรเห็นอะไรที่ไม่ควรเห็นผมดูมาหมดแล้ว” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “เธอหันหลังไป ฉันจะใส่เสื้อผ้า” หลินซวงพูดขึ้นด้วยสีหน้าแดงระเรื่อ “ตาบ้า เสื้อถูกนายฉีกจนขาดแบบนี้ฉันจะใส่ยังไงล่ะ ที่นี่ที่ไหนเนี่ย มีเสื้อผ้าหรือเปล่า” นอกจากชุดชั้นในที่ไม่ขาด เสื้อผ้าอื่นทุกชิ้นต่างก็ถูกฉีกขาดไม่เหลือชิ้นดี

        “คุณใส่ชุดนี่ก่อนเถอะ” กัวไฮว่พูดพลางโยนชุดฉางเผาไปให้หลินซวง “เดี่ยวผมจะให้คุณดูอะไร” กัวไฮว่พูดพลางวาดมือ จากนั้นก็มีภาพที่เด็กไม่ควรดูปรากฏขึ้นกลางอากาศ ซึ่งก็คือภาพอันน่าตื่นเต้นของทั้งคู่เมื่อสักครู่นี้นี่เอง ท่าทางรุกล้ำของหลินซวงทำเอาหลินซวงหน้าแดงก่ำขึ้นมาอีกรอบหนึ่ง

        “ที่ให้เธอดูไม่ใช่เพราะผมจะหลบหนี เรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะผม ผมจะรับผิดชอบคุณเอง” กัวไฮว่พูดขึ้นเบาๆ “มาเป็นผู้หญิงของผมเถอะ ผมจะทำให้คุณมีความสุข”

        “เด็กบ้า เธอจะทำให้ฉันมีความสุขได้ยังไง ถ้าฉันเป็นผู้หญิงของเธอแล้วเวยเวยล่ะ ถังซีกับซูเยี่ยล่ะ โยวโยวล่ะ แถมยังมีอวี้เอ๋อร์กับซุนหลิงหลิงอีก เป็นผู้หญิงของเธอกันหมดหรือเปล่า” หลินซวงพูดเบาๆ

        “ใช่ พวกเธอเป็นผู้หญิงของผมหมด” กัวไฮว่พูดอย่างเป็นจริงเป็นจัง “หลินซวง คุณคิดให้ดีนะ ผมไม่บังคับใคร แต่ว่าผมชอบคุณ ตกหลุมรักคุณมาตั้งแต่แรกเห็น คุณยังไม่เข้าใจผม ผมว่าถ้ารอจนคุณเข้าใจผม บางทีตอนนั้นคุณอาจจะเพิ่งรู้จักผมจริงๆ ก็ได้”

        “ทุกอย่างมันไม่ได้ง่ายแบบที่เธอคิดหรอก” หลินซวงพูดเบาๆ “ฉันชื่อหลินซวง เป็นครูประจำชั้นมอสี่ห้องหนึ่ง เป็นครูของเธอ กัวไฮว่ และฉันยังเป็นลูกสาวคนโตของตระกูลหลิน เป็นคู่หมั้นของกู่เลี่ย ตระกูลกู่แห่งเมืองหลวงอีกด้วย ถ้าเธออยากให้ฉันเป็นผู้หญิงของเธอ งั้นแสดงว่าเธอก็ตบหน้าตระกูลกู่เข้าให้แล้ว ใครก็ช่วยเธอไม่ได้ ออกไปจากที่นี่ยังไง ให้ฉันออกไปเถอะ”

        “ตระกูลกู่?” กัวไฮว่พูดพึมพำกับตนเองแล้วค้นข้อมูลเกี่ยวกับตระกูลกู่ในสมองของกัวไฮว่ที่มีก่อนหน้านี้

        ตระกูลกู่เป็นตระกูลบำเพ็ญเพียรแห่งหัวซย่า กู่เจิ้นเหลยผู้เป็นหัวหน้าตระกูลกู่ เป็นหัวหน้ากลุ่มผู้พลังวิเศษหัวซย่า เป็นบุคคลชั้นแนวหน้าในแถบฉางผิง

        “คุณเป็นผู้หญิงของผมก็คือเป็นผู้หญิงของผม ไม่ว่าตระกูลกู่หรือว่าจะตระกูลอื่น พวกเขาไม่มีสิทธิ์มาก้าวก่าย ในเมื่อคุณกับเจ้ากู่เลี่ยนั่นยังไม่ได้แต่งงานกัน งั้นก็ถอนหมั้นเสียสิ รอไว้ออกไปแล้วผมจะไปจัดการเรื่องนี้ที่ตระกูลกู่เอง” กัวไฮว่พูดพลางวาดมือไปบนอากาศ จากนั้นทั้งสองก็ปรากฏตัวอยู่ที่ห้องพักครูหลินซวงอีกครั้ง

        “ครูป้าบป้าบนักเรียน ผอ.ครับ เหมือนว่ากัวไฮว่นี่ผอ.จะเป็นคนพาเข้ามาที่โรงเรียนมัธยมแห่งมหาวิทยาลัยอู่เฉิงเองนะครับ เกิดเรื่องต่ำช้าแบบนี้ขึ้น ผอ.จะไม่สนได้เหรอ” ฉินอวี้หลงพูดขึ้นเสียงดังอยู่หน้าประตูห้องพักครู กัวไฮว่เองก็สัมผัสได้ว่านอกประตูมีคนยืนอออยู่เต็ม

        “พวกเขาเข้ามาไม่ได้เหรอ” หลินซวงพูดขึ้นเบาๆ

        “คุณไม่ต้องมายุ่งหรอก ที่เหลือไว้ผมจัดการเอง” กัวไฮว่พูดพลางวาดมือไปในอากาศ ประตูห้องพักครูก็ถูกเปิดออก

        “พวกเธอรออยู่ข้างนอก เดี๋ยวฉันเข้าไปเอง” หลี่สวินอวี้พูดเสียงดังจากนั้นก็เดินเข้าไปในห้องพักครูของหลินซวง

        “ผอ.ครับ ให้พวกเขาเข้ามาเถอะ จะได้ไม่มีข่าวลือเหลวไหลอีก” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “เด็กบ้า เธอทำอะไรอยู่ในห้องครูหลินซวง ทำไมต้องล็อกประตู เกิดอะไรขึ้น” หลี่สวินอวี้ถามขึ้น

        “ในเมื่อมีปัญหาด้านการเรียนก็ต้องมาหาครูสิ นี่น่าจะเป็นกฎของโรงเรียนนะครับ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “ไม่ทราบว่าผอ.กับทุกคนมาที่นี่มีอะไรเหรอครับ”

        “ทำไมต้องล็อกประตู พวกเราเคาะประตูอยู่ด้านนอกเกือบหนึ่งชั่วโมงแล้ว ทำไมไม่เปิด” หัวหน้าเซวียนถามขึ้นด้วยความสงสัย ถ้ากัวไฮว่มีปัญหา เธอก็จะรับผิดชอบเอง

        “ล็อกประตูเสียครับ พวกเราเลยเปิดประตูให้ทุกคนไม่ได้” กัวไฮว่พูดขึ้นเบาๆ

        “ครูหลิน ผมจำได้ว่าตอนบ่ายครูใส่ชุดทำงานนี่นา ครูไปเปลี่ยนเป็นชุดฉางเผาตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอ ดูท่าชุดฉางเผานี่ไม่ใช่ของครูหรอกมั้ง” ฉินอวี้หลงเค้นคำถามจากสมองแล้วถามขึ้นเสียงดัง “ครูกับกัวไฮว่ทำอะไรอยู่ในห้องพักครู พวกคุณย่อมรู้ดี หน้าไม่อาย”

        “เพี๊ยะ!” ไม่มีใครทันได้มอง จู่ๆ ก็มีรอยนิ้วมือทั้งห้าปรากฏขึ้นอยู่บนหน้าของฉินอวี้หลง ฟันร่วงออกมาสี่ซี่

        “พวกเราทำอะไร พวกเราย่อมรู้ดี แกทำอะไร แกเองก็ย่อมรู้ดี” กัวไฮว่หรี่ตาพลางพูดขึ้น “ดูทรงแล้วคนดีจะถูกรังแกได้ง่าย ขนาดตอนที่ฉันถูกเรียกว่าสี่ตัวอันตรายเมืองอู่เฉิง ยังไม่เห็นจะมีใครกล้าสาดขี้ใส่ฉันเลย ดูอะไร ดูว่าฉันป้าบๆ ครูหรือเปล่า ถูกไหม ดูสถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้าไม่ออกหรือไง ไสหัวไป ถ้าไม่อยากตายก็ไสหัวไป”

        กัวไฮว่ตะคอกเสียงดัง จากนั้นฝูงชนที่อยู่ด้านหลังหลี่สวินอวี้ก็วิ่งสลายตัวไปในพริบตาเดียว

        “ยายหนูหลิน ที่นี่ไม่มีคนอื่น เกิดอะไรขึ้นกันแน่ บอกมา” หลี่สวินอวี้มองหลินซวงแล้วถามขึ้นเบาๆ โดยไม่แยแสฉินอวี้หลง

        “ไม่มีอะไร ฉันป่วยน่ะค่ะ กัวไฮว่เขามียาฉันเลยเรียกเขามาให้ช่วยรักษาอาการป่วย ก็เท่านั้นเอง” หลินซวงพูด “ผอ.คิดว่าเกิดอะไรขึ้นเหรอคะ”

        “ไม่มีอะไรแล้วก็ดี ในเมื่อไม่มีอะไรแล้ว งั้นพวกเราไปกันเถอะ” หลี่สวินอวี้พูดยิ้มเจื่อน ถึงแม้หลินซวงจะใส่ชุดฉางเผา ทว่าผมเผ้ากลับกะเซอะกะเซิง นักเรียนชายกับครูสาวอยู่ในห้องกันเกือบสองชั่วโมง แบบนี้จะไม่แปลกได้อย่างไรกัน

        “ตาแก่หลี่ เป็นนักเรียนนี่มันน่าเบื่อจริงๆ เลย ฉันจะไม่สร้างปัญหาให้แกแล้ว พรุ่งนี้ฉัน กัวไฮว่ จะไม่ใช่นักเรียนที่โรงเรียนฟู่จงเมืองอู่เฉิงอีกแล้วล่ะ” กัวไฮว่พูดเสียงดัง “ลาก่อน โรงเรียนฟู่จง”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ 86 ลาก่อนฟู่จง

Now you are reading [นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ Chapter 86 ลาก่อนฟู่จง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        กัวไฮว่ไร้ซึ่งสติ แต่ก็สัมผัสได้ว่าฉินอวี้หลงอยู่ที่นั่น เขาวาดมือไปในอากาศครั้งหนึ่งแล้วพาหลินซวงเขาไปในน้ำเต้าของตน

        “ซวงเอ๋อร์ ตอนแรกตั้งใจจะให้คุณได้เริ่มต้นอย่างงดงาม แต่กลัวว่าครั้งนี้จะไม่ได้แล้ว ผมรักคุณนะ” กัวไฮว่พูดพลางกอดหลินซวงได้แน่น ทว่าหลินซวงกลับรุกล้ำหนักกว่าเดิม เธอผลักกัวไฮว่ไปบนพื้น จากนั้นทั้งสองก็เริ่มทำตามสัญชาตญาณดิบ

        “พี่อวี้เอ๋อร์ เป็นอะไรไป ทำไมรู้สึกว่าพี่กระวนกระวายล่ะ” หนานกงหลิงโม่อ่านบันทึกบำเพ็ญเพียรเสร็จบทหนึ่งมีบางส่วนที่ไม่เข้าใจเลยจะมาถามอวี้เอ๋อร์ แต่พบว่าอวี้เอ๋อร์ขมวดคิ้วย่นจึงถามขึ้นเบาๆ

        “เกิดเรื่องขึ้นกับตาบ้าแล้ว แต่ฉันคำนวณดูไม่ได้ว่าเกิดเรื่องอะไร เมื่อกี้ฉันสัมผัสได้ว่าพลังเซียนของเขาสะพัด สะพัดแรงขนาดนั้น ต้องเกิดเรื่องแน่” อวี้เอ๋อร์พูดเบาๆ

        “งั้นทำไงดีล่ะ เราหาวิธีช่วยเขากันเถอะ” หนานกงหลิงโม่พูดขึ้นด้วยความตระหนก

        “น้องหลิงโม่ จากศักยภาพของตาบ้าแล้วเนี่ย ถ้าคนที่ทำให้กัวไฮว่ตกอยู่ในความยากลำบากจะทำอะไรพวกเราก็ง่ายนิดเดียว รอรับชะตากรรมเถอะ” เมื่ออวี้เอ๋อร์พูดเสร็จเธอก็หลับตาทั้งสองอีกครั้ง “เจ้าบ้า เจ้าอย่ามาเกิดเรื่องตอนที่ข้าเพิ่งจะมายังแดนมนุษย์สิ”

        ผ่านไปประมาณสองชั่วโมง กัวไฮว่ก็ฟื้นคืนสติ หลินซวงเองก็ฟื้นสติแล้ว เพราะเธอผ่านสมรภูมิรบมาสองชั่วโมงเลยหมดสติไป

        “แม่มันเถอะ พลังเซียนไม่โจมตียาโป๊วแฮะ ถ้าอยู่ที่สวรรค์แล้วข้าเอาของสิ่งนี้ติดตัวไปด้วย ต่อไปจะไปกลัวใครได้อีก” กัวไฮว่มองหลินซวงที่มีสภาพเปลือยเปล่า จากนั้นก็มามองตนเองแล้วพูดขึ้นด้วยความจนใจ “ทว่าการบำเพ็ญเพียรคู่แบบนี้เหมาะกับเต๋าดีนะ มีพลังเซียนเข้าไปในร่างไปเยอะเลย”

        “ครูหลินซวง ต่อไปจะไม่มีครูหลินซวงอะไรอีกแล้วล่ะ จากนี้คุณจะเป็นเมียผม” ขณะที่กัวไฮว่พูดก็มีพลังเซียนเข้าไปในร่างกายของหลินซวงระลอกหนึ่ง จากนั้นหลินซวงก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา

        “ไม่ต้องปิดหรอก อะไรที่ควรเห็นอะไรที่ไม่ควรเห็นผมดูมาหมดแล้ว” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “เธอหันหลังไป ฉันจะใส่เสื้อผ้า” หลินซวงพูดขึ้นด้วยสีหน้าแดงระเรื่อ “ตาบ้า เสื้อถูกนายฉีกจนขาดแบบนี้ฉันจะใส่ยังไงล่ะ ที่นี่ที่ไหนเนี่ย มีเสื้อผ้าหรือเปล่า” นอกจากชุดชั้นในที่ไม่ขาด เสื้อผ้าอื่นทุกชิ้นต่างก็ถูกฉีกขาดไม่เหลือชิ้นดี

        “คุณใส่ชุดนี่ก่อนเถอะ” กัวไฮว่พูดพลางโยนชุดฉางเผาไปให้หลินซวง “เดี่ยวผมจะให้คุณดูอะไร” กัวไฮว่พูดพลางวาดมือ จากนั้นก็มีภาพที่เด็กไม่ควรดูปรากฏขึ้นกลางอากาศ ซึ่งก็คือภาพอันน่าตื่นเต้นของทั้งคู่เมื่อสักครู่นี้นี่เอง ท่าทางรุกล้ำของหลินซวงทำเอาหลินซวงหน้าแดงก่ำขึ้นมาอีกรอบหนึ่ง

        “ที่ให้เธอดูไม่ใช่เพราะผมจะหลบหนี เรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะผม ผมจะรับผิดชอบคุณเอง” กัวไฮว่พูดขึ้นเบาๆ “มาเป็นผู้หญิงของผมเถอะ ผมจะทำให้คุณมีความสุข”

        “เด็กบ้า เธอจะทำให้ฉันมีความสุขได้ยังไง ถ้าฉันเป็นผู้หญิงของเธอแล้วเวยเวยล่ะ ถังซีกับซูเยี่ยล่ะ โยวโยวล่ะ แถมยังมีอวี้เอ๋อร์กับซุนหลิงหลิงอีก เป็นผู้หญิงของเธอกันหมดหรือเปล่า” หลินซวงพูดเบาๆ

        “ใช่ พวกเธอเป็นผู้หญิงของผมหมด” กัวไฮว่พูดอย่างเป็นจริงเป็นจัง “หลินซวง คุณคิดให้ดีนะ ผมไม่บังคับใคร แต่ว่าผมชอบคุณ ตกหลุมรักคุณมาตั้งแต่แรกเห็น คุณยังไม่เข้าใจผม ผมว่าถ้ารอจนคุณเข้าใจผม บางทีตอนนั้นคุณอาจจะเพิ่งรู้จักผมจริงๆ ก็ได้”

        “ทุกอย่างมันไม่ได้ง่ายแบบที่เธอคิดหรอก” หลินซวงพูดเบาๆ “ฉันชื่อหลินซวง เป็นครูประจำชั้นมอสี่ห้องหนึ่ง เป็นครูของเธอ กัวไฮว่ และฉันยังเป็นลูกสาวคนโตของตระกูลหลิน เป็นคู่หมั้นของกู่เลี่ย ตระกูลกู่แห่งเมืองหลวงอีกด้วย ถ้าเธออยากให้ฉันเป็นผู้หญิงของเธอ งั้นแสดงว่าเธอก็ตบหน้าตระกูลกู่เข้าให้แล้ว ใครก็ช่วยเธอไม่ได้ ออกไปจากที่นี่ยังไง ให้ฉันออกไปเถอะ”

        “ตระกูลกู่?” กัวไฮว่พูดพึมพำกับตนเองแล้วค้นข้อมูลเกี่ยวกับตระกูลกู่ในสมองของกัวไฮว่ที่มีก่อนหน้านี้

        ตระกูลกู่เป็นตระกูลบำเพ็ญเพียรแห่งหัวซย่า กู่เจิ้นเหลยผู้เป็นหัวหน้าตระกูลกู่ เป็นหัวหน้ากลุ่มผู้พลังวิเศษหัวซย่า เป็นบุคคลชั้นแนวหน้าในแถบฉางผิง

        “คุณเป็นผู้หญิงของผมก็คือเป็นผู้หญิงของผม ไม่ว่าตระกูลกู่หรือว่าจะตระกูลอื่น พวกเขาไม่มีสิทธิ์มาก้าวก่าย ในเมื่อคุณกับเจ้ากู่เลี่ยนั่นยังไม่ได้แต่งงานกัน งั้นก็ถอนหมั้นเสียสิ รอไว้ออกไปแล้วผมจะไปจัดการเรื่องนี้ที่ตระกูลกู่เอง” กัวไฮว่พูดพลางวาดมือไปบนอากาศ จากนั้นทั้งสองก็ปรากฏตัวอยู่ที่ห้องพักครูหลินซวงอีกครั้ง

        “ครูป้าบป้าบนักเรียน ผอ.ครับ เหมือนว่ากัวไฮว่นี่ผอ.จะเป็นคนพาเข้ามาที่โรงเรียนมัธยมแห่งมหาวิทยาลัยอู่เฉิงเองนะครับ เกิดเรื่องต่ำช้าแบบนี้ขึ้น ผอ.จะไม่สนได้เหรอ” ฉินอวี้หลงพูดขึ้นเสียงดังอยู่หน้าประตูห้องพักครู กัวไฮว่เองก็สัมผัสได้ว่านอกประตูมีคนยืนอออยู่เต็ม

        “พวกเขาเข้ามาไม่ได้เหรอ” หลินซวงพูดขึ้นเบาๆ

        “คุณไม่ต้องมายุ่งหรอก ที่เหลือไว้ผมจัดการเอง” กัวไฮว่พูดพลางวาดมือไปในอากาศ ประตูห้องพักครูก็ถูกเปิดออก

        “พวกเธอรออยู่ข้างนอก เดี๋ยวฉันเข้าไปเอง” หลี่สวินอวี้พูดเสียงดังจากนั้นก็เดินเข้าไปในห้องพักครูของหลินซวง

        “ผอ.ครับ ให้พวกเขาเข้ามาเถอะ จะได้ไม่มีข่าวลือเหลวไหลอีก” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “เด็กบ้า เธอทำอะไรอยู่ในห้องครูหลินซวง ทำไมต้องล็อกประตู เกิดอะไรขึ้น” หลี่สวินอวี้ถามขึ้น

        “ในเมื่อมีปัญหาด้านการเรียนก็ต้องมาหาครูสิ นี่น่าจะเป็นกฎของโรงเรียนนะครับ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “ไม่ทราบว่าผอ.กับทุกคนมาที่นี่มีอะไรเหรอครับ”

        “ทำไมต้องล็อกประตู พวกเราเคาะประตูอยู่ด้านนอกเกือบหนึ่งชั่วโมงแล้ว ทำไมไม่เปิด” หัวหน้าเซวียนถามขึ้นด้วยความสงสัย ถ้ากัวไฮว่มีปัญหา เธอก็จะรับผิดชอบเอง

        “ล็อกประตูเสียครับ พวกเราเลยเปิดประตูให้ทุกคนไม่ได้” กัวไฮว่พูดขึ้นเบาๆ

        “ครูหลิน ผมจำได้ว่าตอนบ่ายครูใส่ชุดทำงานนี่นา ครูไปเปลี่ยนเป็นชุดฉางเผาตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอ ดูท่าชุดฉางเผานี่ไม่ใช่ของครูหรอกมั้ง” ฉินอวี้หลงเค้นคำถามจากสมองแล้วถามขึ้นเสียงดัง “ครูกับกัวไฮว่ทำอะไรอยู่ในห้องพักครู พวกคุณย่อมรู้ดี หน้าไม่อาย”

        “เพี๊ยะ!” ไม่มีใครทันได้มอง จู่ๆ ก็มีรอยนิ้วมือทั้งห้าปรากฏขึ้นอยู่บนหน้าของฉินอวี้หลง ฟันร่วงออกมาสี่ซี่

        “พวกเราทำอะไร พวกเราย่อมรู้ดี แกทำอะไร แกเองก็ย่อมรู้ดี” กัวไฮว่หรี่ตาพลางพูดขึ้น “ดูทรงแล้วคนดีจะถูกรังแกได้ง่าย ขนาดตอนที่ฉันถูกเรียกว่าสี่ตัวอันตรายเมืองอู่เฉิง ยังไม่เห็นจะมีใครกล้าสาดขี้ใส่ฉันเลย ดูอะไร ดูว่าฉันป้าบๆ ครูหรือเปล่า ถูกไหม ดูสถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้าไม่ออกหรือไง ไสหัวไป ถ้าไม่อยากตายก็ไสหัวไป”

        กัวไฮว่ตะคอกเสียงดัง จากนั้นฝูงชนที่อยู่ด้านหลังหลี่สวินอวี้ก็วิ่งสลายตัวไปในพริบตาเดียว

        “ยายหนูหลิน ที่นี่ไม่มีคนอื่น เกิดอะไรขึ้นกันแน่ บอกมา” หลี่สวินอวี้มองหลินซวงแล้วถามขึ้นเบาๆ โดยไม่แยแสฉินอวี้หลง

        “ไม่มีอะไร ฉันป่วยน่ะค่ะ กัวไฮว่เขามียาฉันเลยเรียกเขามาให้ช่วยรักษาอาการป่วย ก็เท่านั้นเอง” หลินซวงพูด “ผอ.คิดว่าเกิดอะไรขึ้นเหรอคะ”

        “ไม่มีอะไรแล้วก็ดี ในเมื่อไม่มีอะไรแล้ว งั้นพวกเราไปกันเถอะ” หลี่สวินอวี้พูดยิ้มเจื่อน ถึงแม้หลินซวงจะใส่ชุดฉางเผา ทว่าผมเผ้ากลับกะเซอะกะเซิง นักเรียนชายกับครูสาวอยู่ในห้องกันเกือบสองชั่วโมง แบบนี้จะไม่แปลกได้อย่างไรกัน

        “ตาแก่หลี่ เป็นนักเรียนนี่มันน่าเบื่อจริงๆ เลย ฉันจะไม่สร้างปัญหาให้แกแล้ว พรุ่งนี้ฉัน กัวไฮว่ จะไม่ใช่นักเรียนที่โรงเรียนฟู่จงเมืองอู่เฉิงอีกแล้วล่ะ” กัวไฮว่พูดเสียงดัง “ลาก่อน โรงเรียนฟู่จง”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+