ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน 316 รอคุณทะลวงด่านแล้ว ผมจะมาเป็นอธิการบดี (1)

Now you are reading ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน Chapter 316 รอคุณทะลวงด่านแล้ว ผมจะมาเป็นอธิการบดี (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 316 รอคุณทะลวงด่านแล้ว ผมจะมาเป็นอธิการบดี (1)

การแข่งขันรอบคัดเลือกเริ่มต้นขึ้นอย่างดุเดือด

แต่ละสนามย่อยล้วนมีนักข่าวเข้าไปถ่ายสัมภาษณ์

หลิวต้าลี่ปะปนอยู่ในฝูงชน กำลังเข้าไปสังเกตการณ์สนามแยก เตรียมตัวเลือกผู้เข้าแข่งขันบางส่วนเพื่อติดตามการสัมภาษณ์

ผลปรากฏว่าดูอยู่พักหนึ่ง หลิวต้าหลี่ก็รับรู้ได้ถึงอันตราย

เหมือนว่า…จะถูกคนจับจ้องอยู่!

ตอนที่เห็นผู้ฝึกยุทธ์แต่งกายด้วยเครื่องแบบมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้สองคนเดินเข้ามาหาเขา หลิวต้าลี่ก็มีปฏิกิริยาโต้ตอบอย่างว่องไว ไม่รอให้คนเดินเข้ามา ชั่วพริบตานั้นวิ่งไปแทบไม่เห็นเงา หลิวต้าลี่ที่อยู่ขั้นสามตอนปลาย ในหมู่นักศึกษาเซี่ยงไฮ้ถือว่าแข็งแกร่งมากเช่นกัน

เขาคิดจะวิ่งหนี คนทั่วไปไม่อาจจับเขาได้จริงๆ

หลังจากนั้นไม่นาน นักข่าวสาวคนหนึ่งก็เข้าสู่สนาม สมาชิกสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ที่รับหน้าที่ตรวจสอบกวาดสายตามองแวบหนึ่ง…น่าเกลียดเกินไปแล้ว!

ผู้หญิงน่าเกลียดแบบนี้มาเป็นนักข่าวจะสัมภาษณ์คนได้งั้นเหรอ?

ทั้งการแต่งหน้า…แทบไม่ใช่การแต่งหน้าแล้ว อย่างกับว่าทำรองพื้นหกใส่หน้าเท่านั้น

ผ่านด่านตรวจสอบแล้ว ‘นักข่าวสาว’ จึงถอนหายใจ แค่นเสียงเบาว่า “ตกหลุมพรางฉันจนได้ คิดว่าหลิวต้าลี่จับง่ายขนาดนั้นจริงๆ หรือไง?”

ขึ้นชื่อว่าเป็นคนบ้าที่แอบตามถ่ายคนอื่นมาอย่างยาวนาน กระทั่งสถานที่ต่อสู้ของยอดฝีมือขั้นแปด เขายังหาซอกซอยเล็ดลอดเข้าไปได้ เผชิญหน้ากับสนามแข่งขันย่อยที่ตรวจสอบไม่เข้มงวดเช่นนี้ ปะปนเข้าไปไม่นับเป็นเรื่องยากอะไร

“ฟางผิง…เจ้าคนไร้ยางอาย นึกไม่ถึงว่าจะบังคับใช้อำนาจที่มีอยู่มาจับฉัน น่าอายอะไรอย่างนี้!”

ด่าฟางผิงไปชุดหนึ่งแล้ว หลิวต้าลี่ก็อารมณ์ดีขึ้นไม่น้อย

ไอ้เวรนั่นอยู่ขั้นสี่ เหาะเหินในอากาศได้แล้ว น่าจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของตัวเอง หลบก่อนค่อยว่ากัน

รอเขาหาเงินได้เยอะ ซื้อยาบำรุงนิดหน่อยทะลวงเข้าขั้นสี่ หมอนั่นก็ไม่อาจทำอะไรเขาได้แล้ว

ฟางผิงวางสายโทรศัพท์ แค่นเสียงว่า “หมอนี่คงยังอยู่ในเซี่ยงไฮ้ ไม่แน่ว่าอาจจะอยู่ใต้หูใต้ตาทุกคนเนี่ยแหละ เจ้าหมอนั่นอยากได้เงินจะตายไป…”

กระทั่งเงินของฟางผิงยังกล้าหลอกเอาไป ไม่ต้องคิดก็รู้แล้วว่าหลิวต้าลี่ใจกล้าขนาดไหน

ตอนนี้การแข่งขันผู้ฝึกยุทธ์เปิดฉากขึ้น หลิวต้าลี่หนีไปแบบนี้ ฟางผิงไม่เชื่อหรอก

น่าเสียดายที่ทีมลาดตระเวนของเซี่ยงไฮ้มีไม่เยอะ ทั้งยังเป็นนักศึกษาทั้งหมด ฟางผิงให้พวกเขาตามหาพักหนึ่งได้อยู่แล้ว แต่หากให้พวกเขาหาหลิวต้าลี่โดยเฉพาะไม่ทำงานอย่างอื่น นั่นคงไม่ได้ เว้นเสียแต่ว่าฟางผิงจะประกาศภารกิจให้จับหลิวต้าลี่

แต่ขั้นสามตอนปลาย…ภารกิจนี้ค่าตอบแทนไม่ใช่น้อย

เงินยังไม่ทันเอากลับมา ยังต้องจ่ายทุนออกไปอีก ฟางผิงยอมที่จะรอสักพักก่อนดีกว่า

ไม่สนใจหลิวต้าลี่อีก การแข่งขันร้อยอันดับแรกต้องจัดที่มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ เวลานั้นหากหลิวต้าลี่ยังอยู่ในเซี่ยงไฮ้ต้องมาอย่างแน่นอน เข้ามาในมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้แล้วเขาก็อย่าหวังจะหนีออกไปเลย

ฝ่ายการเงิน ครั้งนี้ฟางผิงไม่ได้มาเอาคะแนน แต่มารับเงินสด

ฟางผิงที่เงินเดือนสูงถึงสิบห้าล้าน มาเอาล่วงหน้าหนึ่งปี มูลค่าจึงสูงถึงหนึ่งร้อยแปดสิบล้าน

หลิวเมิ่งเหยาที่รับหน้าที่แจกจ่ายอดเอ่ยไม่ได้ “รุ่นน้องฟาง อีกสองตำแหน่งที่เหลือนายก็จะเอาไปด้วย?”

ตอนนี้ฟางผิงยังควบตำแหน่งหัวหน้าอีกสองฝ่าย ล่วงหน้ามาเอาเงินเดือนทั้งปี นั่นไม่ใช่จำนวนน้อยๆ

ฟางผิงเอ่ยอย่างมีเหตุผลว่า “เรื่องการรับนักศึกษา ผมก็ขยันขันแข็งมาตลอด รวมถึงการจัดงานแข่งขันผู้ฝึกยุทธ์ครั้งนี้ยังทำเพื่อแย่งชิงทรัพยากรด้วย ผมคิดว่าไม่มีหัวหน้าฝ่ายรับนักศึกษาคนไหนทำได้ดีเท่าผมแล้วมั้ง? ส่วนฝ่ายกิจการภายใน…ทำควบกับตำแหน่งประธานมาตลอด ตอนนี้ถ้ำใต้ดินไม่มีภารกิจ หากมีภารกิจ ผมก็จะพาทุกคนลงถ้ำไปเหมือนกัน อย่างครั้งก่อนฉินเฟิ่งชิงจะลงไปในถ้ำ ผมไม่ใช่เป็นฝ่ายเสนอตัวจะไปกับเขาหรือไง? ทางกิจการภายในผมก็พยายามอย่างเต็มที่…”

หลิวเมิ่งเหยากลืนไม่เข้าคายไม่ออก แต่ยังคงส่งใบเสร็จประทับตราให้กับฟางผิง

ครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนหลิวเมิ่งเหยาจะเอ่ยเสียงเบา “ขอบคุณรุ่นน้องด้วย”

“หืม?”

“ครั้งนี้ฉันได้หนึ่งพันสองร้อยคะแนน น่าจะเพียงพอให้ฝึกฝนจนถึงขั้นสี่แล้ว”

ระดับหัวหน้าได้หนึ่งร้อยคะแนนต่อเดือน หนึ่งปีก็เป็นหนึ่งพันสองร้อยคะแนน

หลิวเมิ่งเหยามาจากจากสาขาศึกษาวิจัย อันที่จริงพลังต่อสู้ไม่นับว่าแข็งแกร่งเท่าไหร่ ก่อนหน้านี้ก็อยู่ขั้นสามตอนกลาง เพิ่งจะเข้าสู่ขั้นสามตอนปลายได้ไม่นาน

สำหรับเธอแล้ว หนึ่งพันสองร้อยคะแนน ถือว่าหาได้ยากยิ่ง

พวกฟางผิงไม่ทันไรก็หาคะแนนได้หลายพันหรือกระทั่งหลายหมื่นคะแนนแล้ว แต่นั่นมันฟางผิง ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามอย่างหลิวเมิ่งเหยา เดือนหนึ่งทำภารกิจง่ายๆ บางส่วน อย่างมากก็มีรายได้ไม่กี่ล้านเท่านั้น

เงินสามสิบหกล้าน เธอต้องใช้เวลาหลายปี ทั้งยังต้องเสี่ยงอันตราย

ก่อนจบการศึกษาอาจจะหาคะแนนได้ไม่เยอะขนาดนี้ด้วยซ้ำ เข้าสู่สังคมแล้ว หาเงินยิ่งยากขึ้นไปอีก

ขั้นสี่คงอยู่อีกไกลลิบ

ตอนนี้ได้ล่วงหน้าหนึ่งพันสองร้อยคะแนน เธอสามารถเข้าสู่ขั้นสี่โดยไม่ขาดแคลนทรัพยากร ที่เหลือก็ต้องดูความสามารถในการฝึกวิชาของตัวเองแล้ว

ฟางผิงยิ้มบางๆ ว่า “คนกันเอง เกรงใจอะไรครับ ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่ใช่เงินของผม หลักๆ อยู่ที่การสนับสนุนของรุ่นพี่ที่จบไปแล้วต่างหาก กลับไปทุกคนทะลวงด่านแล้ว ให้ทางสมาคมส่งธงเชิดชูเกียรติไปแขวนที่หน้าประตูบริษัทพวกเขาหน่อย ใช้เงินซื้อหน้าตาก็นับว่าคุ้มค่าแล้ว ผมยังมีธุระอีก ต้องขอตัวก่อน ใช่สิ หนึ่งหมื่นสี่พันคะแนนของผมก็ส่งมาแล้วใช่หรือเปล่า?”

“อืม ส่งแล้ว”

“แบบนี้แสดงว่าผมน่าจะได้หกร้อยล้านแล้ว?”

ฟางผิงเดาะลิ้น คะแนนพวกนี้มองแล้วไม่ค่อยรู้สึกอะไร เปลี่ยนเป็นเงินแล้วเยอะจริงๆ!

“ใช่ ครั้งนี้รุ่นน้องเป็นเศรษฐีอันดับหนึ่งของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้อย่างแท้จริง” หลิวเมิ่งเหยาสัพยอกออกไป

หกร้อยล้าน นักศึกษาอย่างพวกเขาทั้งชั่วชีวิตมีหลายคนที่หาไม่ได้ด้วยซ้ำ

ฟางผิงหัวเราะ คำนวณอยู่พักหนึ่ง ครั้งนี้ตัวเองสามารถเพิ่มค่าทรัพย์สินได้เท่าไหร่กัน?

หนึ่งหมื่นสี่พันคะแนน ครั้งนี้สามารถเพิ่มค่าทรัพย์สินถึงหนึ่งร้อยสี่สิบล้าน สวัสดิการสมาคมผู้ฝึกยุทธ์หนึ่งร้อยแปดสิบล้าน รวมเข้าด้วยกันแล้วเป็นสามร้อยยี่สิบล้าน

ตอนนี้ค่าทรัพย์สินของเขายังมีอยู่สามร้อยเจ็ดสิบห้าล้าน รวมทั้งหมดก็เป็นหกร้อยเก้าสิบห้าล้าน!

“เกือบเจ็ดร้อยล้านแล้ว!”

ฟางผิงลอบดีใจ ครั้งนี้หาเงินได้เยอะจริงๆ

ค่าทรัพย์สินเกือบเจ็ดร้อยล้าน เงินสดหกร้อยล้าน แปลงเป็นเงินทั้งหมดคือหนึ่งพันสามร้อยล้าน คนทั่วไปสามารถฝึกจนถึงขั้นปรมาจารย์ได้เลยสินะ อันดับแรกต้องมีพรสวรรค์และโชคช่วยซะก่อน

“ตอนนี้ถึงเวลาที่ฉันต้องใช้เงินซื้อเวลาแล้ว แต่ถึงจะนับว่าใช้เงินซื้อเวลา หากราบรื่นจริงๆ ก็เพียงพอให้ฉันฝึกวิชาจนถึงขั้นหกแล้ว แน่นอนว่าห้องแหล่งพลังงานพวกนั้นจะไปบ่อยๆ ไม่ได้ หลังจากนี้ไม่ต้องไปแล้ว”

“ยังขาดค่าทรัพย์สินอีกสามร้อยล้าน น่าจะยากแล้ว”

ฟางผิงส่ายหัวเบาๆ อัพเกรดระบบตอนนี้ยังไม่มีหวัง

ครั้งนี้หาเงินก้อนโตได้พร้อมกับฉินเฟิ่งชิงนั่นเป็นเพราะโชคดี โชคดีไม่ได้มีบ่อยๆ สามร้อยล้านไม่อาจหาได้ง่ายๆ แล้ว

ออกมาจากสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ ฟางผิงก็ไปธนาคารภายในมหาวิทยาลัย

โอนเงินหกร้อยล้าน แม้ว่าเงินจะหมุนเวียนเป็นจำนวนมาก แต่ในมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ การซื้อของแลกเปลี่ยนขนาดนี้ก็มีให้เห็นอยู่เช่นกัน ขอบเขตจำกัดของธนาคารสาขามหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ก็เยอะกว่าสถานที่ทั่วไปไม่น้อย

ไม่ถึงสองชั่วโมง เงินของฟางผิงก็เข้าบัญชี

ตอนนี้ฟางผิงอดมองตัวเลขเบื้องหน้าตัวเองไม่ได้

ทรัพย์สิน : 695,000,000

ปราณ : 1400 แคล (2099 แคล+)

จิตใจ : 580 เฮิรตซ์ (699 เฮิรตซ์)

หลอมกระดูก : 177 ชิ้น (100%) , 29 ชิ้น (30%+)

เพิ่งจะออกด่านมาสองวัน ขีดจำกัดปราณของฟางผิงมีการเพิ่มขึ้นอีกครั้ง เพิ่มถึงเก้าแคล

ตอนนี้ขีดจำกัดปราณของเขาสูงกว่าผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่สูงสุดทั่วไปอีก

ขีดจำกัดเพิ่มขึ้นหมายถึงความแข็งแกร่งของพื้นฐานร่างกายที่มากขึ้น รวมถึงความแข็งแกร่งของปราณด้วย

การจัดงานแข่งขันผู้ฝึกยุทธ์ยังคงคึกคักอย่างยิ่ง ฟางผิงกลับยุ่งขึ้นมาอีกครั้ง

วันที่ 11 ตุลาคม ฟางผิงนำทีมผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามหกคนของสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ เจียดเวลาจากงานยุ่ง กวาดล้างรังของลัทธินอกรีตบริเวณรอบนอกของเซี่ยงไฮ้ สังหารผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามหนึ่งคน ขั้นหนึ่งขั้นสองอีกนับสิบคน

วันที่ 12 ตุลาคม ฟางผิงนัดพบกับจางอวี่เฉียงของทำเนียบผู้ว่าหนานเจียงอย่างลับๆ ถูกนักข่าวถ่ายภาพไว้ได้ สื่อคาดเดาว่าหลังจากฟางผิงจบการศึกษาแล้วอาจจะกลับไปรับตำแหน่งที่หนานเจียง

ภายในหนานเจียงมีข่าวลือว่าเมื่อฟางผิงเรียนจบแล้ว ผู้ว่ามณฑลหนานเจียง จางติ้งหนานสัญญาว่าจะให้ตำแหน่งรองผู้ว่าหนานเจียงแก่เขา

แต่ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ว่าหนานเจียง จางติ้งหนานเป็นปรมาจารย์ยอดฝีมือ เขาแนะนำฟางผิงให้รับตำแหน่งรองผู้ว่า ฟางผิงเองก็เป็นประธานสมาคมผู้ฝึกยุทธ์มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ โอกาสที่ถูกปฏิเสธนั้นมีน้อยเช่นกัน

เวลาชั่วพริบตาข่าวลือเกี่ยวกับผู้สมัครรับช่วงต่อตำแหน่งผู้ว่าหนานเจียงหลังจากที่จางติ้งหนานเกษียณก็กระจายไปทั่วโลกผู้ฝึกยุทธ์

หวังจินหยางหรือฟางผิง?

สองคนนี้เป็นผู้เข้าแข่งขันที่มีความสามารถที่สุด!

แม้ว่าจางติ้งหนานยังไม่เกษียณเร็วๆ นี้ แต่พวกเขาทั้งสองยังอายุน้อยเช่นกัน บางทีไม่กี่สิบปีข้างหน้าพวกเขาอาจจะได้เป็นผู้ว่าการมณฑล มีอำนาจใหญ่โตอย่างแท้จริง

เวลานั้นทั้งสองคนเพิ่งจะสามสิบปีเท่านั้น

เดิมทีคิดว่าฟางผิงจากมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้จะไม่กลับหนานเจียงอีกแล้ว ไม่ว่าจะด้านทหารหรือการเมือง ฟางผิงล้วนมีอนาคตไม่น้อย

หวังจินหยางกลายเป็นผู้สมัครรับช่วงต่อตำแหน่งผู้ว่าการมณฑล อยู่ในความคิดของใครหลายคนเช่นกัน

แต่ตอนนี้ฟางผิงที่เป็นมือดีรุ่นใหม่เหมือนจะมีความคิดกลับบ้านเกิดเหมือนกัน ช่วงเวลานั้นจึงดึงดูดการคาดเดาของผู้คนไม่น้อย

——————

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด