ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ 804 วิธีของหรงซิว

Now you are reading ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ Chapter 804 วิธีของหรงซิว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 804 วิธีของหรงซิว

ใบโพธิ์สีทองม่วง!

ใบไม้นั่นเกาะติดอยู่บนกู่ฉินอย่างเงียบเชียบ รอบตัวของมันมีชั้นแสงสีทองห้อมล้อมอยู่ มองดูแล้วราวกับอำพันสีใส

ฉู่หลิวเยว่แกะมันออกจากกู่ฉินอย่างเบามือ

แล้วลอบมองยังใบโพธิ์สีทองม่วงในมือของตนอย่างระมัดระวัง

แม้ตอนนี้มันจะติดอยู่ในผนึก แต่ก็ยังสัมผัสได้ถึงพลังอันแรงกล้า

ใบโพธิ์สีทองม่วงเปล่งแสงระยิบระยับ

ฉู่หลิวเยว่ก็มองอินทรีสามตาและพยักหน้าเล็กน้อย

พรึบ…

ปีกขนาดใหญ่ของอินทรีสามตาโบกสะบัด!

พร้อมลมปราณที่พลุ่งพล่านออกมา!

ทันใดนั้น ดวงตาทั้งสามของมันก็เปิดออก!

พลันมีแสงสีแดงเข้มพุ่งออกมาจากดวงตาเหล่านั้น! แล้วห่อหุ้มใบโพธิ์สีทองม่วงทองไว้ทันที!

กึก!

มีเสียงแตกร้าวดังขึ้น

ผนึกด้านนอกของใบโพธิ์สีทองม่วงแตกออกเป็นเสี่ยงๆ!

ผนึกเหล่านั้นแตกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย และกลายเป็นเศษดาวกระจายสีทองอมแดงจำนวนนับไม่ถ้วน พลันกระจัดกระจายไปรอบๆ!

ผนึกของใบโพธิ์สีทองม่วงถูกเปิดแล้ว!

ตัวของมันสั่นเล็กน้อย ก่อนจะหมุนตัวและมุ่งหน้าไปทางอื่น!

คิดจะหนีสินะ!

ฉู่หลิวเยว่ยกมือขึ้น เปลวไฟจากหม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์พวยพุ่งขึ้นมาบนฝ่ามือ แล้วบินออกไป! แล้วเปลี่ยนรูปกลายเป็นม่านกั้นพลังขนาดใหญ่ ที่ขวางหน้าใบโพธิ์สีทองม่วงไว้!

ใบโพธิ์สีทองม่วงที่สัมผัสได้ถึงสิ่งผิดปกติ ก็ถึงกับหยุดชะงัก

แต่ในขณะที่มันกำลังจะเปลี่ยนทิศทางหนี อินทรีสามตาก็กระพือปีกอีกครั้ง!

เสียงร้องคำรามอันน่าหวาดกลัวของปักษาดังกึกก้องจนสุราลัยยังต้องยำเกรง!

หวีด!

เสียงนี้ดังก้องไปทั่วพื้นที่และคงอยู่เป็นเวลานาน!

ทั้งน่ายำเกรง เต็มไปด้วยศรัทธา และความปรารถนา…

เสมือนแส้เสียงทุ้มต่ำของสิ่งมีชีวิตโบราณ ที่มาพร้อมความกดดันบีบเค้นของพลังปราณที่น่ากลัว ชวนให้คนเสียขวัญ!

นี่คือเสียงอัญเชิญต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าอินทรีสามตา!

และดูเหมือนใบโพธิ์สีทองม่วงจะสัมผัสได้ถึงบางอย่าง มันไม่หนีแล้ว แต่กลับหยุดอยู่กับที่ด้วยความงุนงง

ฉู่หลิวเยว่คิดว่าอินทรีสามตาและใบโพธิ์สีทองม่วงนั้น ต้องมีความสัมพันธ์อันใดบางอย่างที่นางไม่รู้อยู่เป็นแน่

แม้จะมองไม่เห็น แต่ก็ยังสัมผัสได้ชัดเจน

นั่นคือความสัมพันธ์ที่ฝังอยู่ในสายโลหิต หลังจากพึ่งพาอาศัยกันนับหมื่นปี!

ทันใดนั้น นางก็เห็นใบโพธิ์สีทองม่วงขยับเบาๆ และกระโจนไปอยู่ตรงหน้าอินทรีสามตา!

ยามนี้ไข่มุกโลหิตที่สกัดจากโครงกระดูกของไท่ซวีเฟิ่งหลงก็ได้หลอมรวมกับวัตถุดิบยาชนิดอื่นๆ สีแดงสดของโลหิตที่มีในตอนแรกนั้น ได้เปลี่ยนเป็นสีแดงเข้มราวสีดำ!

อินทรีสามตาเฝ้ามองใบโพธิ์สีทองม่วงมาหลายปีแล้ว

ทว่าต่อมา ใบโพธิ์สีทองม่วงก็ค่อยๆ ลอยขึ้นไปติดอยู่ที่ดวงตาที่สาม!

พร้อมพลังปราณที่เปรียบเสมือนสายน้ำอุ่นของฤดูใบไม้ผลิ ที่แทรกซึมเข้าไปในชั้นดินที่แข็งเป็นน้ำแข็ง ขับไล่ความหนาวเย็นทั้งหมดออกไป

ใบโพธิ์สีทองม่วงผสานเข้ากับตาที่สามของอินทรีสามตาทันที

สีแดงเข้มในดวงตานั้น สลายไปอย่างรวดเร็ว ราวกับน้ำแข็งที่แตกละลาย!

จากนั้น ชั้นพลังปราณสีทองม่วง ก็กระจายออกมา!

ซึ่งพอดวงตาคู่นั้นเปลี่ยนจากสีแดงเข้มเป็นสีทองม่วง ฉู่หลิวเยว่ก็ถึงกับใจเต้นไม่เป็นจังหวะ!

เมื่อก่อนดวงตาที่สามของอินทรีสามตานั้นจะมีสีแดงฉานเสมอ และเต็มไปด้วยลมปราณที่ดุร้ายและเย็นชา

แต่ในเวลานี้ ความโหดเหี้ยมและความกระหายเลือดภายในตัวมันได้จางหายไปแล้ว และสิ่งที่ถูกแทนที่คือ ความแข็งแกร่งและความสง่างาม ที่น่าตกตะลึงและไร้เทียมทาน!

ช่างดูเย็นชา สูงศักดิ์ และหยิ่งยโส!

นั่นคือการควบคุมพลังปราณที่มีเพียงอสูรศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นที่ทำได้!

และสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ มันยังมีพลังชีวิตที่แกร่งกล้าและเจิดจรัสอีกด้วย!

ขณะที่ฉู่หลิวเยว่กำลังตกตะลึงอยู่นั้น อินทรีสามตาก็ขยับตัวแล้วบินไปข้างหน้าโครงกระดูกของไท่ซวีเฟิ่งหลง!

มันกลืนไข่มุกโลหิตสีแดงเข้มเข้าไปในคราเดียว!

กระดูกชิ้นหนึ่งค่อยๆ ลอยขึ้นและรวมเข้ากับโครงร่างเงาสีดำขนาดใหญ่!

หลังจากนั้นไม่นาน กล้ามเนื้อและเส้นเลือดก็เริ่มเติบโต แผ่ปกคลุมทั่วโครงกระดูกเปราะบางนั่น!

ฉู่หลิวเยว่กระตุ้นเปลวไฟรอบตัวให้พุ่งออกไปทันที! ก่อนจะล้อมรอบร่างเงานั่นไว้อย่างสมบูรณ์ และเริ่มเผาไหม้อย่างบ้าคลั่ง!

ด้วยความช่วยเหลือของเปลวไฟนี้ ดูเหมือนว่าการเจริญเติบโตของกล้ามเนื้อและเส้นเลือดจะเร็วขึ้นกว่าเดิม!

ไม่นาน กระดูกนั่นก็กลายเป็นปีกข้างหนึ่ง

…ไท่ซวีเฟิ่งหลงและอินทรีสามตาไม่ได้เป็นเผ่าพันธุ์เดียวกัน ซึ่งถ้าให้ย้อนกลับไปแล้ว บรรพบุรุษที่แท้จริงของอินทรีสามตาคืออสูรศักดิ์สิทธิ์อย่างหงส์ทองคำ

และนั่นคือสาเหตุที่อินทรีสามตาไม่สามารถยืมกระดูกของไท่ซวีเฟิ่งหลงมาใช้ได้ทั้งหมด แต่สามารถเลือกเฉพาะชิ้นที่เหมาะให้มันใช้งานได้เท่านั้น

ดังนั้นมันจึงใช้กระดูกนี้เพื่อสร้างกระดูกส่วนปีกของมันเอง!

ทว่าพลังของสายโลหิตที่อยู่ในกระดูกเหล่านี้ ได้ถูกฉู่หลิวเยว่ดึงออกมาจนหมดแล้ว ดังนั้นสำหรับอินทรีสามตาแล้ว แม้จะใช้เพียงกระดูกชิ้นเดียว แต่ความจริงก็ถือเป็นการเปลี่ยนพลังทั้งหมดของมัน ให้กลายมาเป็นของตัวเอง

ฉู่หลิวเยว่ส่งโครงกระดูกที่เหลือกลับไปยังหม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์ จากนั้นโครงกระดูกอีกส่วนหนึ่งก็บินออกมาจากมัน!

ย้อนกลับไปตอนนั้น ในอาณาเขตเซียนเทพของราชวงศ์เทียนลิ่ง ฉู่หลิวเยว่ได้เก็บโครงกระดูกกลับมาทั้งหมด

ครานั้นองค์ไท่จู่บอกไว้ว่า เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงไม่ให้เผ่าไท่ซวีเฟิ่งหลงหาเจอ เขาจึงต้องแบ่งโครงกระดูกออกเป็นสองส่วน

ภายในหม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์ พวกมันสามารถรวมเป็นหนึ่งเดียวได้ แต่ด้วยการปรามของหม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาจึงไม่จำเป็นจะต้องกังวลว่ามันจะแผลงฤทธิ์อันใดหรือเปล่า

แต่เมื่อนำมันออกมา ฉู่หลิวเยว่ก็ต้องแยกมันออกจากกัน

เมื่อเห็นว่าครึ่งหนึ่งของปีกกำลังก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ฉู่หลิวเยว่ก็หายใจเข้าลึกๆ และเริ่มปรับแต่งพลังของสายโลหิตในโครงกระดูกชิ้นนี้

อันที่จริงกระบวนการนี้ใช้เวลานานมาก และตามข้อมูลของอินทรีสามตา พวกนางจะต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่งในการหลอมรวมจิตวิญญาณของมันเข้ากับโครงกระดูกนี้อย่างสมบูรณ์ ดังนั้นฉู่หลิวเยว่จึงต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่

กระบวนการที่ดำเนินไปก่อนหน้านี้ถูกจัดฉากอีกครั้ง

ขั้นตอนที่ทำไปก่อนหน้านี้ ถูกกระทำใหม่ซ้ำอีกครา

เมื่อเปลวไฟห่อหุ้มกระดูกไว้ส่วนหนึ่งและเผาพวกมัน ฉู่หลิวเยว่ก็ดึงวัตถุดิบยาชิ้นที่สองออกมาจากกระบี่หลงหยวน

ยามนี้นางต้องขอบคุณองค์ไท่จู่ที่ทิ้งวัตถุดิบหลายสิ่งหลายอย่างไว้ให้กัน

มิฉะนั้น จักต้องวิ่งวุ่นเพื่อรวบรวมวัตถุดิบยาล้ำค่าเหล่านี้จนเหนื่อยแน่นอน

ฉู่หลิวเยว่ทุ่มสุดตัวเพื่อช่วยอินทรีสามตาคืนร่าง ขณะที่หรงซิวซึ่งอยู่อีกด้านหนึ่ง ได้ซ่อมแซมรอยร้าวในชุดเกราะศักดิ์สิทธิ์ทองแดงให้นางแล้ว

เรียบและลื่น จนเหมือนเดิมแทบทุกประการ และไร้ซึ่งร่องรอยความเสียหาย

หากมีใครมาเห็นภาพนี้ พวกเขาจะต้องตกใจยกใหญ่แน่ๆ

เพราะอาวุธโบราณอย่างเกราะศักดิ์สิทธิ์ทองแดงนั้น ความจริงแล้วแทบจะซ่อมให้กลับมาเหมือนเดิมไม่ได้ด้วยซ้ำ

แต่หรงซิวกลับซ่อมมันได้อย่างสมบูรณ์!

นี่มัน สุดยอดจริงๆ!

แม้แต่คนที่เก่งในเรื่องการหลอมอาวุธอย่างองค์ไท่จู่ ก็ยังไปไม่ถึงระดับนั้นเลย!

ทว่าหรงซิวกลับมองชุดเกราะศักดิ์สิทธิ์ทองแดง ราวกับยังไม่พอใจเท่าที่ควร

มันถือเป็นอาวุธโบราณระดับสูงสุด แต่น่าเสียดายที่ต้องมาประมือกับเมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์

แม้วันนี้จะได้รับการซ่อมแซมแล้ว แต่ในอนาคตฉู่หลิวเยว่ก็ต้องเผชิญกับอันตรายอีกหลายๆ รูปแบบ

หรงซิวคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองฉู่หลิวเยว่

นางกำลังจดจ่ออยู่กับการสรรสร้างกระดูกของไท่ซวีเฟิ่งหลง

เขายกยิ้มมุมปากเล็กน้อย พลันมีเส้นแสงสีทองปรากฏขึ้นที่ปลายนิ้วของเขา

จากนั้นเขาก็ทิ้งอักขระขนาดเท่าฝ่ามือไว้บนชุดเกราะศักดิ์สิทธิ์ทองแดง

ลวดลายนั่นกะพริบเล็กน้อยแล้วหายไปอย่างรวดเร็ว จนมองไม่เห็นความแตกต่างที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด