ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ 984 ไพ่ตาย

Now you are reading ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ Chapter 984 ไพ่ตาย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 984 ไพ่ตาย

ทันใดนั้น ก็มีริ้วแสงสีขาวผ่องแห่งรุ่งอรุณปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า

วันสุดท้ายของการรอคอยมาถึงแล้ว!

ทัณฑ์สวรรค์ที่ฟาดลงมาสายนี้ คือจุดเริ่มต้นของการมาถึงของสามหยวนรวมยอด!

เมื่อทัณฑ์สวรรค์ผ่าลงมาใส่กลุ่มแสงหลากสี พลังปราณดั้งเดิมจำนวนมหาศาลก็เริ่มพุ่งออกมาจากกลุ่มแสงหลากสีนั่น และกระจายไปทั่วชั้นอากาศ!

หึ่ง…

คลื่นแสงรูปวงแหวนสีแดงแผ่กระจายไปทุกสารทิศอย่างรวดเร็ว!

ผืนฟ้าครึ่งหนึ่งพลันสว่างวาบขึ้น!

ราวกับคลื่นทะเลที่ซัดเข้ามากระทบโขดหินอย่างแรง!

และเหมือนกับกระแสน้ำที่พัดพาทุกอย่างออกไป!

พลังอันยิ่งใหญ่และน่าสะพรึงกลัวพุ่งไปข้างหน้า!

“มาแล้ว!”

ใครบางคนตะโกนขึ้นมา!

ทุกคนบนยอดเขาเงยหน้าขึ้น พลันตื่นตัวตั้งสติแน่วแน่!

พลังอันไร้ขีดจำกัดส่องแสงสีแดงลงมาจากฟากฟ้า!

พร้อมแรงกดดันอันน่าอัศจรรรย์ที่แผ่ลงมาด้านล่างด้วยความเร็วสูง!

“หึ่ง!”

พลังอันน่าสะพรึงกลัวนี้ยังมิได้สาดส่องลงมาเต็มกำลังเลยด้วยซ้ำ แต่มันกลับส่งผลกระทบอันใหญ่หลวงและสยบทุกคนที่อยู่ด้านล่างได้!

ชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างหลังกงซุนอี้กระอักเลือดออกมา! ใบหน้าของเขาซีดเผือด!

เขาเงยหน้าขึ้นมองด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความตื่นตระหนก

ว่ากันว่าพลังของสามธาตุที่อยู่ด้านบนนั้น จะสามารถรวมตัวกันได้ใหม่หลายต่อหลายคราตามลำดับ

และมีเพียงผู้ที่สามารถทนรับมันได้จนจบเท่านั้น ที่จะสามารถรับพลังอันไร้ขีดจำกัดนี่ได้! และภายในพลังนั่นก็มีแม้กระทั่งพลังปราณศักดิ์สิทธิ์ที่องค์ไท่จู่แห่งราชวงศ์เป่ยหมิงทิ้งไว้ด้วย!

แต่ไหนแต่ไรเขาไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะได้เป็นคนรับพลังนั่น และไม่เคยคิดเลยว่า แม้แต่คลื่นพลังสายแรกเขาก็ทนรับมันไม่ได้ด้วยซ้ำ!

ทว่าในขณะเดียวกัน ก็ไม่ใช่แค่เขาที่รู้สึกกระอักกระอ่วนกับเหตุการณ์นี้

พลังปราณสีแดงอันน่าเกรงขามแผ่กระจายออกไป จนทั่วทั้งผืนฟ้านั้นแทบจะกลายเป็นทะเลสีชาด!

แสงสีแดงกระจายตัวอยู่เหนือกลุ่มเมฆดำทมึน เหนือภูเขาที่ทับซ้อนกัน และแนวป่าที่ส่งเสียงแซกแซ่ดุจเสียงคำราม!

พลังปราณอันเกรี้ยวกราดหลายสายถาโถมเข้ามาจากทุกทิศทุกทาง ก่อนจะหลั่งไหลเข้าสู่ร่างกายและวิ่งพล่านไปตามเส้นเลือดอย่างดุเดือด!

มันเจ็บจนแทบจะทนไม่ไหว!

จากนั้นชายที่ยืนอยู่ข้างหลังเขาก็กระอักเลือดออกมาคนแรก และไม่สามารถทนต่อพลังนั้นได้อีกต่อไป ชายหนุ่มถึงกับเข่าอ่อน แล้วทรุดตัวลงคุกเข่ากับพื้น!

กรอบ!

ท่ามกลางเสียงแตกร้าวของพื้นดิน เขาแทบไม่ได้ยินเสียงกระดูกหัวเข่าที่กระทบกับหินนั่นเลยด้วยซ้ำ

แม้แต่กงซุนอี้เองก็ยังทิ้งเรื่องทุกอย่างเมื่อครู่ไป และออกไปจัดการกับพลังอำนาจที่อยู่ตรงหน้าเขา

แค่เอาตัวเองให้รอดยังยาก ใครมันจะไปสนใจเรื่องคนอื่นกัน?

พลังปราณสีแดงถาโถมลงมาพร้อมแนวป่าส่วนใหญ่บนยอดเขาที่ถูกทำลงในพริบตา!

ต้นไม้น้อยใหญ่หักพัง พร้อมกองหินถล่มระเนระนาด!

“อ๊าก…”

เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดดังก้องกังวานไปทั่วหุบเขา

แค่ฟังเสียงร้องนั่น ก็รู้แล้วว่าเจ้าของร่างนั้นกำลังเผชิญความเจ็บปวดและความทุกข์ทรมานมากมายเพียงใด

ทั้งบนท้องฟ้าและพื้นดินล้วนเกิดความโกลาหลขึ้น!

และนี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น!

เมื่อทั่วทั้งท้องนภาเกือบจะถูกพลังปราณดั้งเดิมสีแดงนี้ปกคลุมราวกับจมอยู่ใต้น้ำ ก็พลันมีเงาสีดำบินโฉบเข้ามาจากระยะไกลด้วยความปราดเปรียว!

มันคืออินทรีสามตา!

พร้อมหญิงสาวผู้หนึ่งที่ยืนอยู่บนหลังของมัน

นางสวมชุดคลุมตัวโคร่งสีแดง ผมสีดำยาวพลิ้วไหวตามแรงลม!

มีคราบเลือดเปรอะเปื้อนตามใบหน้าและร่างกายของนาง แต่มันกลับไม่ได้ดูน่าหวาดหวั่นเลยสักนิด ตรงข้ามกัน มันกลับทำให้เจ้าของร่างนั้นเต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้อันเยือกเย็นและแข็งแกร่ง!

ดวงตาคู่นั้นจับจ้องไปยังยอดเขาหลักที่อยู่ไม่ไกลนัก

บรรยากาศระหว่างท้องนภาและพสุธานั้นถูกห้อมล้อมไปด้วยความมืดมิด และมีเพียงกลุ่มแสงหลากสีเท่านั้นที่ส่องแสงเจิดจรัสชัดเจนที่สุด!

หากมองจากตรงนี้ จะสามารถมองเห็นคลื่นความผันผวนในห้วงมิตินั่นได้ทั้งหมด!

คลื่นความผันผวนเหล่านี้มีศูนย์กลางอยู่ที่กลุ่มแสงสีนั้นอย่างไม่ต้องสงสัย!

ครั้นมองแวบแรก มันดูเหมือน… เหมือนว่าคลื่นพลังแห่งสวรรค์และโลกที่กำลังพลุ่งพล่านเหล่านี้ กำลังหายใจเข้าออกเป็นจังหวะ เสมือนว่ามันมีชีวิตอย่างใดอย่างนั้น!

ฉู่หลิวเยว่หรี่ตาลงเมื่อสัมผัสได้ถึงอันตราย ทว่ามุมปากของนางกลับยกยิ้มจางๆ

“เจ้านั่นคือสิ่งที่ขัดขวางข้าเมื่อครู่ก่อน ใช่หรือไม่?”

“ใช่ ข้างในกลุ่มแสงหลากสีนั่นมีพลังปราณศักดิ์สิทธิ์จำนวนหนึ่งถูกเก็บซ่อนไว้ เห็นได้ชัดว่ามันยังมีจิตสำนึกขององค์ไท่จู่แห่งราชวงศ์เป่ยหมิงในตอนนั้นสถิตอยู่บางส่วน และมันคงสัมผัสได้ถึงภัยคุกคามจากเจ้า ดังนั้นมันจึงคิดว่าพลังของเจ้าเป็นปรปักษ์อันใหญ่หลวงสำหรับมัน”

“มันคงจะสัมผัสได้ตั้งแต่ยามที่เจ้าทะลวงข้ามาแล้ว และนั่นคือสาเหตุที่เกิดเรื่องวุ่นวายต่างๆ ตามมาในภายหลัง”

ฉู่หลิวเยว่ยิ้มเยาะ

“มันอุส่าต์ให้เกียรติต้อนรับข้าเสียใหญ่โตเพียงนี้ เช่นนั้นหากข้าไม่มอบของกำนัลตอบแทนมันบ้าง ก็คงจะดูไม่เหมาะสมเท่าไร?”

ก่อนหน้านั้นนางไม่ได้สนใจพลังของสามหยวนรวมยอดเลยสักนิด และคิดเพียงว่าหลังจากเข้ามาแล้ว นางจักต้องช่วยเหลือมู่หงอวี่และพาคนอื่นๆ ออกไปได้อย่างปลอดภัย

แต่กลับคาดไม่ถึงว่ายังไม่ทันจะได้ลงมือ อีกฝ่ายกลับตั้งแง่ใส่นางเป็นคนแรก และพยายามกักขังนางไว้ในห้วงมิติอันแสนวุ่นวายนั่นด้วย!

แต่นางยึดมั่นในหลักการที่ว่า ผู้ใดไม่รุกรานนาง นางจักไม่รุกรานผู้นั้น! แต่หากผู้ใดรุกรานนาง นางจักถอนรากถอนโคนมันเสีย!

องค์ไท่จู่ครุ่นคิดพักหนึ่ง

“นี่เจ้าคิดจะเข้าไปชิงพลังปราณศักดิ์สิทธิ์นั่นมาจริงๆ หรือ? แต่เจ้าควรรู้ว่า ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเจ้าแล้ว ถ้าเจ้าอยากเอาชนะคนเหล่านั้น แล้วเข้าไปรับแรงกดดันจากพลังปราณศักดิ์สิทธิ์นั่น… ย่อมมิใช่เรื่องง่ายเลย!”

แค่จัดการกับจวินจิ่วชิงคนเดียว ก็ยากเกินพอแล้ว!

เขาเป็นถึงองค์รัชทายาทแห่งราชวงศ์เป่ยหมิง แล้วเขาจะยอมให้คนอื่นขโมยพลังปราณศักดิ์สิทธิ์ ที่บรรพบุรุษของพวกเขาทิ้งไว้ได้อย่างใด

พรึบ!

แสงสีดำสว่างวาบขึ้นในมือของฉู่หลิวเยว่!

พร้อมกระบี่หลงหยวนที่ปรากฏขึ้นมา!

“จะชิงมาได้หรือไม่ ประเดี๋ยวก็รู้เอง!”

นางกล่าวพลันพุ่งไปข้างหน้า! ก่อนจะกระโดดลงไปอยู่ตรงเชิงเขาของยอดเขาหลักอย่างรวดเร็ว!

ร่างของอินทรีสามตาหายวับไปในอากาศทันควัน และกลับเข้าไปสถิตภายในร่างของฉู่หลิวเยว่ดังเดิม!

ฉู่หลิวเยว่เงยหน้ามองขึ้นไปด้านบนและเริ่มเดินขึ้นไป!

ฉู่หลิวเยว่กลายเป็นคนสุดท้ายที่ขึ้นไปถึงยอดเขาหลัก

และการที่นางเลือกจะปีนขึ้นไปบนเขายามนี้ ย่อมยากลำบากกว่าคนอื่นๆ อย่างไม่ต้องสงสัย

เนื่องจากตอนที่คนอื่นๆ ขึ้นไปก่อนหน้านี้ พวกเขายังไม่เจอกับอนุภาคของพลังปราณอันแข็งแกร่ง และการบีบบังคับของสามหยวนรวมยอดที่ซัดสาดลงมาหยุดพวกเขา!

ทว่าในเวลานี้ พลังที่น่าสะพรึงกลัวได้ปกคลุมยอดเขาหลักทั้งหมดไว้แล้ว ทุกย่างก้าวนั้นยากเย็นแสนเข็ญยิ่งนัก!

แต่โชคดีที่ฉู่หลิวเยว่มิได้บาดเจ็บร้ายแรง และด้วยแรงเสริมจากชุดเกราะศักดิ์สิทธิ์ทองแดงกับกระบี่หลงหยวนแล้ว ทำให้การบุกขึ้นไปนั้นไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่คิด

เมื่อเดินขึ้นมาได้สักพัก นางก็พบกับชายหนุ่มคนหนึ่ง

เด็กหนุ่มผู้นั้นกำลังวิ่งลงจากเชิงเขาอย่างเร่งรีบ

พลันสังเกตเห็นฉู่หลิวเยว่จากหางตา

ทั้งสองคนสบตากัน

เด็กหนุ่มลังเลอยู่ครู่หนึ่ง พลันเบิกตากว้าง

“เจ้า เจ้าคือ…”

ฉู่หลิวเยว่จดจำใบหน้านี้ได้ ดูเหมือนว่าเขาจะมาจากราชวงศ์ซีเหยียน

นางพยักหน้าเล็กน้อยเป็นสัญญาณกลับไป ก่อนจะมุ่งหน้าขึ้นไปต่อเรื่อยๆ

“ไอ้หยา นี่เจ้า เจ้าจะขึ้นไปหรือ?”

เด็กหนุ่มรู้สึกสับสนเล็กน้อยแล้วโพล่งถามพัลวัน

ฉู่หลิวเยว่เลิกคิ้วขึ้น

แค่นี้ยังไม่ชัดเจนอีกหรือ?

“ข้างบนนั้นอันตรายมาก!”

เด็กหนุ่มโบกมือระรัว พร้อมสีหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว

“เจ้ารีบลงไปกับข้าดีกว่า!”

ฉู่หลิวเยว่ “…”

นางอมยิ้มบางๆ

“ขอบใจมาก แต่ไม่เป็นไร”

แต่เมื่อเห็นว่านางไม่ยอมฟังคำเกลี้ยกล่อม เด็กหนุ่มผู้นั้นก็ยิ่งกังวลมากขึ้น

“ไอ้หยา! เจ้าเพิ่งขึ้นมาจากข้างล่างเลยไม่รู้เรื่องอันใด! ยิ่งเข้าใกล้ยอดเขามากเท่าไร แรงกดดันอันหนักอึ้งก็ยิ่งจะเบียดทับเจ้ามากขึ้นเท่านั้น! แถมยังอันตรายมากด้วย! เจ้าอย่าจริงจังกับมันนักเลย…”

ขณะเดียวกันนั้น ท่ามกลางหมู่เมฆดำทมิฬที่กำลังปั่นป่วน ทัณฑ์สวรรค์ครั้งที่สองก็กระหน่ำลงมา!

เปรี้ยง!

เกิดลำแสงเจิดจ้าเหนือกลุ่มแสงหลากสี!

หลังจากนั้นพลังปราณสีส้มอันไร้ขีดจำกัดก็พุ่งออกมา!

ทั้งหนักแน่นและรวดเร็วฉับไว!

ไม่นาน พลังปราณอันน่าสะพรึงกลัวนั้นก็พุ่งเข้ามายังจุดที่ทั้งสองคนยืนอยู่!

“เจ้าดูสิ! ข้าเพิ่งพูดไปเองว่ามันอันตราย…”

เด็กหนุ่มผู้นั้นรีบพูดจนลิ้นแทบพัน แต่ก่อนที่เขาจะพูดจบ ก็พลันต้องหยุดชะงักทันที

เนื่องจากพลังปราณดั้งเดิมเหล่านั้นหยุดนิ่งอยู่ตรงหน้าหญิงสาว และห่างจากตัวนางเพียงหนึ่งก้าวเท่านั้น!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด