ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ 749 นางตายไปแล้ว

Now you are reading ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ Chapter 749 นางตายไปแล้ว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 749 นางตายไปแล้ว

ซั่งกวนหว่านที่ถูกเจียงอวี่เฉิงผลักออกอย่างกะทันหัน สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที แววตาของนางมีประกายขุ่นเคือง!

ตอนที่นางกำลังจะพูด แต่นางก็เห็นสายตาของเจียงอวี่เฉิงที่มองมาพอดี

ตื่นตระหนก ตกใจ หวาดกลัว…และยังมีร่องรอยของความรังเกียจอยู่ด้วย แม้ว่าจะซ่อนไว้ซ่อนเอาไว้ลึกมากก็ตาม!

ซั่งกวนหว่านชะงักไป จากนั้นก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าใบหน้าของนางมีรอยข่วนที่กษายะหางวายุทิ้งเอาไว้มากมาย

นี่เจียงอวี่เฉิง…รังเกียจใบหน้าของนางหรือ?

ซั่งกวนหว่านรู้สึกเหมือนทั้งร่างกายถูกแช่แข็ง เลือดทั่วทั้งร่างไหลออกมาจากบริเวณใบหน้า ความโกรธโมโหยากจะบรรยายก็ระเบิดขึ้นมาในใจของนาง!

เมื่อเจียงอวี่เฉิงเห็นแววตาของนางที่เปลี่ยนไป ตอนนั้นเขาก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าการที่ผลักนางออกไปนั้นไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง เขาจึงรีบสาวเท้าเดินไปด้านหน้า

“หว่านเอ๋อร์ ใบหน้าของเจ้า…บาดเจ็บได้อย่างใด?”

คำพูดจริงใจ สีหน้าเป็นกังวล ราวกับว่ากำลังเป็นห่วงนางจริงๆ

แต่ร่องรอยความรังเกียจที่อยู่บนใบหน้าของเขาเมื่อครู่นี้ กลับสลักลึกลงไปในสมองของนางแล้ว!

บนโลกนี้ไม่มีใครไม่ใส่ใจใบหน้าของตัวเอง

โดยเฉพาะซั่งกวนหว่านที่มีฐานะเป็นองค์หญิงของราชวงศ์เรื่องใบหน้าจึงถือเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง

ตั้งแต่ปลายผมจรดเล็บเท้าล้วนต้องประณีตอย่างมาก

ตั้งแต่ปิ่นปักผมไปจนถึงรองเท้าล้วนงดงามเหนือใคร

ฐานะสูงส่ง เป็นจุดสนใจ ทุกการกระทำทุกคำพูดของนางล้วนต้องระมัดระวังอย่างยิ่ง

ยิ่งไปกว่านั้นใบหน้าของนางล่ะ?

เมื่อใบหน้าของนางถูกทำลายแล้ว ถ้านางออกไปข้างนอกล้วนแต่จะกลายเป็นเรื่องขบขันของผู้คน

ก่อนหน้านี้ซั่งกวนหว่านอยู่บนเส้นความเป็นความตายตลอด สุดท้ายนางก็รอดมาได้อย่างยากลำบาก เดิมทีนางไม่มีเวลามาห่วงใบหน้าของตัวเองด้วยซ้ำ

แต่เมื่อมาเห็นปฏิกิริยาของเจียงอวี่เฉิงในตอนนี้ ในที่สุดนางก็คิดถึงเรื่องนี้มาได้ อีกทั้งเรื่องนี้ก็กระตุ้นนางได้อย่างดี!

ซั่งกวนหว่านหัวเราะเสียงเย็น

“เจ้าไม่ถามข้าว่าเจ็บหรือไม่ ก่อนที่จะถามว่าข้าได้บาดแผลนี้มาได้อย่างใดหรอกหรือ?”

เจียงอวี่เฉิงทำพลาดไปแล้ว

โดยปกติแล้วเขาจะไม่มีทางทำพลาดด้วยเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้แน่นอน

แต่เมื่อครู่เขาไม่ทันได้ตั้งตัว อีกทั้งความคิดส่วนใหญ่ของเขาล้วนไม่ได้อยู่ที่ตัวของซั่งกวนหว่าน ดังนั้นปฏิกิริยาของเขาจะซื่อตรงไปเล็กน้อย

สุดท้ายก็กลายเป็นผลลัพธ์ดั่งเช่นตอนนี้

เขารู้จักซั่งกวนหว่านดี ด้วยเรื่องเกรงว่านางจะจดจำความแค้นเอาไว้สักระยะหนึ่งเลย

เจียงอวี่เฉิงรู้สึกปวดหัวขึ้นทันที

ก่อนหน้านี้เขาก็มีเรื่องมากมายอยู่แล้ว สุขภาพของเขาเองก็แทบจะไม่ได้รับการดูแล ตอนนี้จึงไม่มีแรงจะไปต่อกรกับซั่งกวนหว่านแล้ว

“หว่านเอ๋อร์ ข้าไม่ได้ความหมายอย่างอื่น ข้าก็แค่เป็นห่วงเจ้ามากเกินไป…”

สีหน้าของนางเช่นนั้นทำให้เจียงอวี่เฉิงเหมือนมีอันใดติดอยู่ในลำคอ นอกจากอธิบายและปลอบใจแล้วเขาก็ขี้เกียจจะพูดอย่างอื่นอีก

ก่อนหน้านี้ก็ดี ส่วนใหญ่ซั่งกวนหว่านจะเป็นคนปลอบใจ นี่จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่เขาชอบนาง

แม้ว่าเขาเองก็รู้ดีว่า ซั่งกวนหว่านไม่ได้ไร้เดียงสาและบริสุทธิ์เหมือนฉากด้านหน้าที่วาดไว้ แต่เขาเองก็ไม่รังเกียจ

ด้วยฐานะเช่นนาง การที่จะมีความคิดหรือแผนการก็เป็นเรื่องปกติ

แต่สองปีที่ผ่านมานี้ นางกลับอารมณ์ร้ายและอ่อนไหวมากขึ้นเรื่อยๆ ปกติแล้วนางจะไม่ค่อยใส่ใจเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ต้องเป็นเรื่องใหญ่เท่านั้น

เจียงอวี่เฉิงรู้สึกเหนื่อยหน่ายมาตั้งนานแล้ว ความอดทนของเขาค่อยๆ หมดลงทุกวันๆ

เขาถอนหายใจลากยาว ก่อนจะระงับอารมณ์ที่อยู่ในใจลง แล้วพูดเกลี้ยกล่อมว่า

“หว่านเอ๋อร์ แผลเหล่านี้ล้วนเป็นแผลถากๆ หลังจากกลับไปแล้วเดี๋ยวข้าจะทาโอสถน้ำแข็งให้ เท่านี้ก็หายเป็นปกติแล้ว ก่อนหน้านี้เจียงอวี่จือก็บาดเจ็บที่ใบหน้า รักษาไม่นานก็หาย แล้วไม่เห็นร่องรอยใดๆ เลย”

ซั่งกวนหว่านไม่ได้จริงจังเท่าไร เมื่อได้ยินคำพูดของเขาก็เหมือนได้ยินเรื่องน่าขัน

แน่นอนว่านางรู้ว่าบาดแผลที่ใบหน้าของนางสามารถหายดีได้

แต่ที่เจียงอวี่เฉิงเพิ่งผลักนางเมื่อครู่นี้…นางจะไม่มีวันลืม!

ฉินอีขี้เกียจจะใส่ใจสองคนนี้ จึงสาวเท้าขึ้นไปด้านหน้า

เชียงหว่านโจวรีบเดินตามไปทันที ฉินอีเหลือบสายตามองเขา

“เจ้ารออยู่ตรงนี้ก็พอแล้ว”

แม้กระทั่งเขาก็ยังสัมผัสได้ถึงความอันตราย ถ้าเชียงหว่านโจวไปด้วย ไม่เท่ากับรนหาที่ตายหรือ?

เชียงหว่านโจวขยับฝีเท้า แล้วลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็เชื่อฟังคำสั่งของฉินอี

เขารู้ได้ว่า

ถ้าฉินอีไปอาจจะสามารถพาฉู่หลิวเยว่กลับมาด้วยได้ แต่ถ้าเขาไปอาจจะกลายเป็นตัวถ่วงของนางเท่านั้น

ซั่งกวนหว่านเหลือบสายตามอง แล้วเห็นว่าฉินอีกำลังเดินไปที่ขอบเหวลึกนั้น

นางรีบพูดขึ้นว่า

“ห้ามไปนะ!”

ฉินอีทำเหมือนไม่ได้ยินเสียงนาง

ซั่งกวนหว่านรีบพูดอย่างร้อนรนว่า

“อันตราย! ด้านล่างอันตรายอย่างมาก เจ้าไปก็เท่ากับหาเรื่องตายเท่านั้น!”

เจียงอวี่เฉิงมองไปทางนั้นแล้วขมวดคิ้วแน่น

ดูจากท่าทางเช่นนี้ ฉู่หลิวเยว่น่าจะตกลงไปด้านล่าง…

ปราณเหล่านั้นอันตรายอย่างมาก ฉู่หลิวเยว่น่าจะตกลงไปสักพักหนึ่งแล้ว

เกรงว่า…

ครืน!

ทันใดนั้นก็มีเสียงดังลั่น ทันใดนั้นเสียงก็ดังออกมาจากเหวลึก!

สีหน้าของฉินอีเปลี่ยนไปทันที!

ประกายแสงสีเขียวก็สว่างขึ้น!

จากนั้นก็มีระลอกคลื่นพวยพุ่งออกมา

โคลนสีดำที่อยู่รอบข้างก็กระเพื่อมอย่างบ้าคลั่ง!

เดิมทีฉินอีคิดว่าจะกระโดดลงไป

แต่กลับถูกพลังที่บ้าคลั่งนั้นขวางเอาไว้ด้านนอก!

ในตอนนั้นเองฟ้าดินก็สั่นสะเทือน

ร่างเงาหลายร่างก็หายไปภายในพริบตา!

ในขณะเดียวกันก็มีภาพเหตุการณ์แบบนั้นเกิดขึ้นทั่วทั้งพื้นที่ด้านล่างของป่าหมอกมายา

ตู้ม!

เสียงเหมือนของหนักตกลงพื้น!

หลังจากนั้นก็มีเสียงดังขึ้นไม่หยุด!

พร้อมกับเสียงกรีดร้องที่ดังขึ้นเพราะความเจ็บปวด

เสียงเหล่านั้นทำให้ฉินอีเบิกตากว้างขึ้น!

ทันใดนั้นความมืดมิดที่อยู่ใต้ดินก็มีแสงสว่างขึ้นรอบๆ จนทำให้แสบตา

แต่เขาอดทนสะกดกลั้นความเจ็บปวดเอาไว้ แล้วมองไปรอบๆ

เขายังอยู่ในหมอกมายา

ดูจากต้นไม้ที่เคยหักโค่น เขาน่าจะอยู่ไม่ห่างจากจุดเดิมเท่าไร

เขาเงยหน้ามองขึ้นไป และแน่นอนว่าเขาเห็นต้นแม่พันธุ์อยู่ไกลๆ

เชียงหว่านโจวอยู่ด้านหลังห่างจากเขาไม่ไกล และดูเหมือนว่าจะไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัส

เจียงอวี่เฉิงและซั่งกวนหว่านก็อยู่ที่ด้านหน้าของเขา

ทั้งสองคนอยู่ในระยะที่ห่างกัน

เมื่อมองไปไกลๆ เขาก็เห็นว่ามีคนอยู่เต็มไปหมด

ส่วนใหญ่เป็นทหารม้าทมิฬ และยังมีศิษย์จากสำนักต่างๆ อีกจำนวนหนึ่ง

ฉินอีขมวดคิ้วแน่น

ดูเหมือนว่าทุกคนจะถูกไล่ออกมา…

เมื่อครู่นี้มันเป็นพลังของใครกันแน่? ถึงได้แข็งแกร่งถึงขนาดนั้น?

ต่อให้เป็นเขา ก็ยังไม่มีทางต้านทานได้!

“พี่ใหญ่!”

นั่นคือเสียงของพี่เหลยสี่

ฉินอีหันกลับไปมอง และเห็นว่าพี่เหลยสี่กำลังวิ่งมาทางนี้จริงๆ

รอจนกระทั่งเขามาถึงด้านหน้าฉินอี พี่เหลยสี่ถึงได้ตอบอย่างร้อนรนว่า

“พี่ใหญ่ ฝ่า…”

ฉินอีพูดแทรกเขาขึ้นมา

“องค์หญิงสามปลอดภัยดี”

พี่เหลยสี่รีบปิดปากทันที แต่สายตากลับเต็มไปด้วยความกังวล

“ฉู่…ฉู่หลิวเยว่ล่ะ?”

เมื่อครู่ไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้น ทุกคนถึงโดนพลังที่ยิ่งใหญ่ไล่ออกมาแบบนี้

เมื่อเขาเห็นว่าพี่ใหญ่อยู่ทางนี้เขาก็รีบวิ่งมาหาทันที แต่กลับไม่เห็นฉู่หลิวเยว่เลย

หาตัวซั่งกวนหว่านเจอแล้ว เจียงอวี่เฉิงก็ยังอยู่ เหตุใดถึงไม่มีฝ่าบาทล่ะ?

ใบหน้าของฉินอีราบเรียบอย่างมาก

“หาไม่เจอ”

“หาไม่เจอ? เหตุใดถึง…”

ทันใดนั้นเหมือนว่าพี่เหลยสี่จะนึกอันใดขึ้นมาได้ เขาจึงหยุดพูดไป แววตาเต็มไปด้วยความตกใจ

เขาหันไปมองรอบข้างอย่างรวดเร็ว เขากวาดสายตามองทุกคนอย่างละเอียด

ไม่ใช่!

ไม่ใช่!

นั่นก็ไม่ใช่!

ฝ่าบาทไม่ได้อยู่ที่นี่จริงๆ ด้วย!

เขาไม่อยากยอมแพ้ จึงสาวเท้าเดินไปดูอีกด้าน

ในตอนนั้นเองเสียงของซั่งกวนหว่านก็ดังขึ้น

“ทุกคนน่าจะอยู่ที่นี่กันหมดแล้ว ถ้าไม่ได้ออกมา ก็แสดงว่า…”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด