ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ 971 ต้องเลือก

Now you are reading ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ Chapter 971 ต้องเลือก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 971 ต้องเลือก

ก่อนหน้านี้เขาได้ส่งแหวนเฉียนคุนมาให้นาง และข้างในนั้นก็มีสิ่งของจำเป็นแทบทุกชนิด

ทั้งเม็ดยาและสมบัติล้ำค่า

ซึ่งมันมีประโยชน์ในยามจำเป็นเช่นนี้มาก

มู่หงอวี่หัวเราะหึๆ

“ข้าเคยบอกแล้วว่าหลีอ๋องปฏิบัติต่อเจ้าต่างจากคนอื่น! ไหนเจ้าพูดเสีย สาเหตุที่หลีอ๋องย้ายสำนักในครานั้นเป็นเพราะเจ้าใช่หรือไม่?”

หากนางมิใช่คนพิเศษในใจเขา เขาจะห่วงใยและเอาใจใส่ขนาดนี้ได้อย่างใด

ฉู่หลิวเยว่งอนิ้วแล้วดีดหน้าผากนางเบาๆ

“หากเจ้าว่างขนาดคิดเรื่องพรรณนี้ได้ ก็เอาเวลาไปรักษาฟื้นฟูกำลังของตัวเองเสีย เราจะได้ไล่ตามพวกของเจี่ยนเฟิงฉือกับเสี่ยวโจวได้ทัน”

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ท่าทีของมู่หงอวี่และอีกสองคนก็พลันจริงจังขึ้นทันตา

ทางด้านพวกนางนั้นถูกคนของราชวงศ์ไท่อวี่ตามล่า และไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้นกับสองคนนั้นบ้าง

“หลิวเยว่ กระดิ่งทองคำของเราถูกทำลายจนไม่เหลือชิ้นดี ทำให้เราติดต่อกับพวกเขาไม่ได้แล้ว เช่นนั้นจักทำเช่นไรดี?”

ฉู่หลิวเยว่ถูกระดิ่งทองคำที่ข้อมือของตน ด้วยสายตาจดจ่อพร้อมตั้งสมาธิมั่น

“พวกเขาสองคนไล่ตามพวกเจ้ามา แล้วบดขยี้กระดิ่งทองคำเสียหมด นั่นเป็นเหตุผลที่ข้าบุกเข้ามาที่นี่”

“อันใดนะ? พวกเขาเองก็…”

หลายคนมองหน้ากัน ก่อนจะตระหนักได้ถึงความร้ายแรงของเรื่องนี้

ฉู่หลิวเยว่เงยหน้าขึ้นและมองไปยังทิศทางหนึ่ง

“พวกเขาน่าจะยังอยู่ที่นั่น ข้าไม่รู้ว่าสถานการณ์ทางนั้นจักเป็นเช่นไร แต่พวกเราควรจะพักกันก่อน แล้วค่อยตามไปทีหลัง”

“ทั้งสองคนแข็งแกร่งมาก จะเป็นไปได้อย่างใดที่…” อวี่เหวินจิงหงขมวดคิ้วไม่เข้าใจ “อีกอย่าง สาเหตุที่พวกเรายุ่งวุ่นวายเช่นนี้ ก็เพราะถูกคนของราชวงศ์ไท่อวี่ไล่ฆ่าตั้งแต่แรกเริ่ม แต่ไฉนพวกเขาถึงได้… หรือพวกเขาจะเผชิญกับสถานการณ์เช่นเดียวกันกับเรา?”

ราชวงศ์ที่เข้ามาด้านในมีทั้งหมดห้าราชวงศ์ และหลังจากการคาดคะเนแล้ว ผู้ที่สามารถลงมือโจมตีพวกเขาได้ น่าจะเป็นคนจากราชวงศ์ตงหนิงเสียมากกว่า

ฉู่หลิวเยว่ส่ายศีรษะ

“ในเมื่อยังไม่เห็นกับตา ก็ยังมิอาจสรุปได้ ยิ่งไปกว่านั้น บนหุบเขาบรรพกาลเฟิ่งหวงแห่งนี้ล้วนมีอันตรายแอบแฝงอยู่ทุกที่…”

แต่ถึงจะพูดแบบนี้ ความจริงแล้วฉู่หลิวเยว่ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจนัก

เสี่ยวโจวนั้นเติบโตขึ้นในชายแดนทางใต้ ซึ่งถ้าอยู่ในภูมิประเทศเช่นนี้แล้วเขาน่าจะเคลื่อนไหวได้คล่องตัวที่สุด

ส่วนเจี่ยนเฟิงฉือนั้น… ถึงจะเกียจคร้านและเอาแน่เอานอนไม่ได้ ทว่ายามจวนตัวเขาก็สู้สุดใจ แต่หากสู้ไม่ได้เขาก็จะรีบหนีเอาตัวรอด เขาเป็นคนที่จะไม่ยอมปล่อยให้ตัวเองตกอยู่ในอันตรายเด็ดขาด

ทว่าสามารถผลักสองคนนี้ให้จนมุมได้… ดูท่าแล้วคงจะไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เสียแล้วกระมัง

แต่ฉู่หลิวเยว่ไม่ได้พูดมันออกไป และทำเพียงพยายามฟื้นฟูร่างกายของทั้งสามคนให้ได้มากที่สุด

สภาพของมู่หงอวี่ถือว่าดีกว่าใครเพื่อน ตามตัวนางมีเพียงบาดแผลภายนอกบางส่วน และไม่มีผลกระทบมากนัก

อวี่เหวินจิงหงขาหักข้างหนึ่ง ฉู่หลิวเยว่ช่วยดัดมันกลับเข้าที่ให้เขา พร้อมพันผ้าพันแผลให้ แล้วมอบยาให้เขากิน

แม้ว่าขาของเขาจะใช้การไม่ค่อยได้ แต่เขาก็ยังสู้ไม่ถอย

ส่วนคนที่บาดเจ็บร้ายแรงที่สุดคือ อู๋หมิง เนื่องจากก่อนหน้านี้เขาได้ช่วยมู่หงอวี่และอวี่เหวินจิงหงไว้ จึงได้รับบาดเจ็บสาหัสกว่าคนอื่นๆ

ซึ่งจุดที่สำคัญที่สุดก็คือเขาม้ามแตกขั้นรุนแรง ส่งผลให้ระบบของอภัยวะภายในทั้งห้าสูญเสียการควบคุม และทำให้ยากต่อการเชื่อมต่อส่งเลี้ยงพลังปราณดั้งเดิมในร่างกายทั้งหมด

สำหรับผู้ฝึกตนแล้ว มันคือการโจมตีขั้นรุนแรงที่ยากจะคาดการณ์ได้

อวัยวะทั้งห้าที่กว่าจะก่อตัวขึ้นมาได้ ในยามนี้กลับหายไปส่วนหนึ่ง ซึ่งจะส่งผลกระทบอย่างมากต่อการฟื้นตัวและการฝึกฝนในอนาคต

และไม่แน่ว่าระดับของเขาอาจจะหยุดอยู่แค่นั้น

แต่อู๋หมิงเองกลับไม่ได้คิดเล็กคิดน้อยเกี่ยวกับเรื่องนี้มากนัก

“ขอบพระทัยฝ่าบาท ช่างเป็นโชคดีของข้าที่ยังได้มีชีวิตอยู่ต่อ ข้าไม่กล้าหวังสิ่งอื่นอีกแล้ว…”

ฉู่หลิวเยว่ขมวดคิ้วฉับและมองเขาอย่างไม่พอใจ

“เจ้าไม่หวัง แต่ข้าหวัง ข้าพาเจ้ามาที่นี่เพื่อให้เจ้ามีโอกาสพัฒนาความแข็งแกร่ง ไม่ใช่พาเจ้ามาตาย หากเจ้าพิการหรือตายจาก เช่นนั้นข้าจักไม่สูญเสียความหวังมากกว่าเจ้าอีกหรือ?”

อู๋หมิงรู้ว่านางพยายามปลอบเขา พลันหลุดยิ้มเยาะออกมาอย่างอดไม่ได้

“แต่อวัยวะทั้งห้านั้นเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน หากอวัยวะชิ้นหนึ่งเสียหาย มันก็จะรวนเสียทั้งระบบ แล้วจะซ่อมแซมมันได้อย่างใด…”

ฉู่หลิวเยว่หัวเราะเบาๆ

“เดิมทีชีพจรดั้งเดิมในกายนี้ของข้า ก็มิได้สมบูรณ์แต่อย่างใด เรียกได้ว่าเป็นคนไร้ประโยชน์ โดยแท้ แต่เจ้าในตอนนี้ยังดีกว่าข้ามิใช่หรือ? เจ้ามิได้สูญเสียอวัยวะทั้งห้า หากแต่เพียงหายไปส่วนเดียว ซึ่งไม่ใช่ปัญหาใหญ่อันใดเลย”

อู๋หมิงฉงนใจเล็กน้อย

“ที่ท่านว่ามานั้น…เรื่องจริงหรือ?”

ฉู่หลิวเยว่ตวัดตาขึ้นมองเขา ดวงตากลมที่เหมือนหยกของนางทั้งสงบนิ่งและมั่นคง

พลันความกังวลในใจของอู๋หมิงก็หายไปทันที

เขาเม้มริมฝีปาก

“ข้าน้อยน้อมรับทุกคำกล่าวของฝ่าบาท”

ฉู่หลิวเยว่พยักหน้าด้วยความพอใจ

“เจ้ารักษาตัวเองเสียก่อน แล้วหลังจากนั้นอีกสองวัน หากเจ้าดีขึ้นค่อยดำเนินการรักษาขั้นอื่นต่อไป”

“ขอบพระทัยฝ่าบาท”

ฉู่หลิวเยว่ยิ้มตอบ ก่อนจะนึกอันใดบางอย่างขึ้นมาได้ และถามว่า

“พวกเจ้าอยู่ที่นี่มาหกวันแล้ว มีโอกาสได้พบเจออันใดบ้างหรือไม่?”

ทุกคนส่ายหัว

“หลังจากที่พวกเราเข้ามาได้ไม่นาน ก็ถูกกลุ่มคนจากราชวงศ์ไท่อวี่ไล่ฆ่า จึงไม่ได้สนใจสิ่งอื่นรอบกายแต่อย่างใด”

ฉู่หลิวเยว่เองก็คิดเช่นนั้น

จังหวะเป็นตายเช่นนั้น ใครเล่าจะสนใจเรื่องอื่นกัน

“แต่ทว่า…” อวี่เหวินจิงหงเอ่ยอย่างลังเล “ข้ารู้สึกว่าความเข้มข้นของพลังปราณบนภูเขาลูกนี้ จะดูเบาบางลงกว่าตอนที่เข้ามาแรกๆ เสียอีก”

“ใช่ ข้าเองก็รู้สึกเช่นนี้!”

มู่หงอวี่รีบพยักหน้าเห็นด้วย

ฉู่หลิวเยว่แอบประหลาดใจเล็กน้อย

“เจ้าแน่ใจหรือ?”

ตอนที่นางเข้ามา นางพบว่าพลังปราณดั่งเดิมข้างในนี้รุนแรงกว่าข้างนอกหลายเท่า แต่ตอนนี้มันกลับเบาบางลงกว่าเดิมอย่างนั้นหรือ?

เช่นนั้นยามที่หุบเขาถูกเปิดออกในคราแรก มวลพลังปราณของมันคงน่ากลัวกว่านี้มากเลยสินะ?

เมื่อเห็นว่าฉู่หลิวเยว่กำลังใช้ความคิด อวี่เหวินจิงหงจึงขยายความต่อว่า

“ความจริงแล้ว ไม่ใช่ว่าพลังปราณของภูเขาทั้งลูกจะเบาบางลงหรอก ตะ…แต่ว่า…”

เขาเกาหัวราวกับไม่รู้จะอธิบายอย่างใด

แต่ทันใดนั้น เขาก็ตบศีรษะของตัวเองหนึ่งที และชี้นิ้วไปอีกด้าน

“ท่านลองมองดูตรงนั้น…”

ฉู่หลิวเยว่หรี่ตาลงทันควัน

อวี่เหวินจิงหงชี้ให้นางดูภูเขาที่สูงที่สุดและสูงชันที่สุดในที่แห่งนี้

แต่ยอดเขาที่ควรจะแหลมนั่นกลับเรียบกริบในระดับเดียวกัน ราวกับถูกบางสิ่งตัดฉับในคราเดียว

และระหว่างพวกเขากับยอดเขาแห่งนั้น ยังคงมียอดเขาสูงที่อยู่ห่างออกไปอีกหลายลูก

“ยอดเขาหลักของหุบเขาบรรพกาลเฟิ่งหวง?”

ฉู่หลิวเยว่รู้ว่าแท้จริงแล้วมันคือหุบเขาบรรพกาลเฟิ่งหวงที่แท้จริง ซึ่งเป็นสถานที่ที่บรรพบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ของราชวงศ์เป่ยหมิงทะลวงขอบเขตพลังปราณได้สำเร็จและก้าวเข้าสู่อาณาเขตเซียนเทพ!

และได้ยินมาว่าสาเหตุที่ยอดเขาแบนราบนั้น ก็เป็นเพราะบรรพบุรุษผู้ยิ่งใหญ่แห่งราชวงศ์เป่ยหมิง ตัดมันออกด้วยฝ่ามือเพียงข้างเดียว

“ใช่แล้ว! ที่นั่นแหละ! ไม่กี่วันที่ผ่านมา ดูเหมือนพลังปราณดั้งเดิมทั้งหมดจะพุ่งเข้าไปทางนั้น!”

ฉู่หลิวเยว่ใจกระตุกวูบ พลันหลับตาลง

นางรีบรวบรวมสติและสัมผัสบรรยากาศรอบๆ อย่างระมัดระวัง

ภูเขาอันกว้างใหญ่เต็มไปด้วยพลังแห่งสวรรค์และโลก

ในตอนนี้ พวกมันพวยพุ่งขึ้นมาประหนึ่งถูกดึงดูดด้วยพลังบางอย่าง และมุ่งหน้าไปยังยอดเขานั้นอย่างช้าๆ แต่มั่นคง!

หลังจากนั้นไม่นาน นางก็ลืมตาขึ้นและพยักหน้าอย่างจริงจัง

“ถูกต้อง พลังปราณดั้งเดิมของสวรรค์และโลกกำลังพุ่งไปยังด้านนั้น หากเดาไม่ผิด หลังจากนี้เก้าวันจะมีสามหยวนรวมยอดขึ้นที่ยอดเขา”

“ใช่แล้ว! ข้าเกือบลืมเรื่องนี้ไปเลย!”

อวี่เหวินจิงหงยิ้มอย่างเขินอาย

มู่หงอวี่มองทั้งสองคนไปมา และเอ่ยถามอย่างลังเล

“หลิวเยว่ ยอดเขานั่นอยู่คนละทางกับพวกเจี่ยนเฟิงฉือ พวกเรา…จะไปที่ไหนก่อนดี?”

ฉู่หลิวเยว่ตอบกลับทันทีโดยไม่ลังเล

“ไปหาคนก่อน”

**********************************

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด