ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ 735 ของที่มีเจ้าของ

Now you are reading ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ Chapter 735 ของที่มีเจ้าของ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 735 ของที่มีเจ้าของ

ทุกคนหยุดโดยพร้อมเพรียงกัน ก่อนจะยืนรอฉู่หลิวเยว่

ตลอดทางที่ผ่านมา นี่แทบจะเป็นความเคยชินของพวกเขาแล้ว เมื่อเจอสถานการณ์ใด ฉู่หลิวเยว่จะเข้าไปสำรวจก่อนคนแรก หลังจากได้รับคำยืนยันปัญหาจากนางแล้ว ก็ค่อยทำตามสิ่งที่ฉู่หลิวเยว่สั่งการ

ตอนแรกก็มีบางคนไม่ยินยอม เพราะด้วยรูปร่างหน้าตาของฉู่หลิวเยว่ที่งดงามเกินกว่าจะทำเรื่องเช่นนี้ได้

แต่เมื่อฉู่หลิวเยว่พาพวกเขาหลบเลี่ยงการโจมตีได้หลายครั้ง อีกทั้งสามารถช่วยเหลือผู้คนได้อย่างต่อเนื่อง คำถามเหล่านี้จึงค่อยๆ หายไป

ทุกคนต่างปฏิบัติตามอย่างเชื่อฟัง พี่เหลยสี่เดินติดตามไปอย่างใกล้ชิด

ฉู่หลิวเยว่เหลือบสายตามองเขาแล้วยิ้มให้อีกฝ่าย

“พี่ใหญ่เหลยไม่ต้องตามข้ามาทุกครั้งก็ได้นะ ระยะห่างที่ใกล้ขนาดนี้ต่อให้เกิดอันใดขึ้น ข้าก็สามารถรับมือได้อยู่แล้ว”

พี่เหลยสี่ชะงักเล็กน้อย แล้วพูดออกมาว่า

“ป้องกันเรื่องไม่คาดฝัน ข้าตามมาด้วยจะดีที่สุด”

แน่นอนว่าฝ่าบาทมีฝีมือ

แต่โลกนี้นั้นไม่แน่นอน ไม่เช่นนั้นจะเรียกว่าอุบัติเหตุได้หรือ

ตอนนั้นฝ่าบาทอยู่ห่างจากระดับเก้าเพียงก้าวเดียว ฝีมือแข็งแกร่งเพียงใด?

แต่แล้วเป็นอย่างใดเล่า?

ยังถูกคนใส่ร้ายและทรยศ แล้วร่างยังจมอยู่ในทะเลเพลิง!

นั่นเป็นเพราะสิบสามผู้พิทักษ์เยว่ไว้วางใจฝ่าบาทมากเกินไป ดังนั้นพวกมันจึงฉวยโอกาสนี้ลงมือ

ตอนนี้เขามีโอกาสอีกครั้ง เขาจะไม่ยอมให้เรื่องเหล่านั้นเกิดขึ้นซ้ำสองอย่างเด็ดขาด!

ฉู่หลิวเยว่จ้องหน้าพี่เหลยสี่ ในใจก็รู้สึกอบอุ่นใจขึ้นมา

“ขอบคุณพี่ใหญ่เหลยมากเจ้าค่ะ”

พี่เหลยสี่กระแอมไอออกมาอย่างอดไม่อยู่ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นเห็นคนอยู่สองสามคน

มองดูแล้วคนเหล่านั้นเป็นหนุ่มสาวประมาณสองสามคน อีกทั้งคนที่อยู่ด้านหน้าสุดก็ดูคุ้นตาเล็กน้อย…

“นั่นใครน่ะ?”

ฉู่หลิวเยว่มองตามสายตาของเขา เมื่อมองเห็นนางก็ยิ้มออกมา

นั่นมันซ่งชิงเหนียนจากสำนักกระบี่เมฆาม่วงไม่ใช่หรือ?

ด้านข้างของเขามีผู้ติดตามอยู่อีกสามคน และหยางซิ่นเอ๋อร์ก็เป็นหนึ่งในนั้น

ในตอนนั้นซ่งชิงเหนียนเพิ่งจะตัดรากที่เลื้อยพันรอบตัวเองสำเร็จ และกำลังจะช่วยเหลือคนอื่น เมื่อได้ยินเสียงเคลื่อนไหว เขาก็หันกลับมามองอย่างระวังภัยทันที

“ใคร!?”

เขาเห็นพี่เหลยสี่ที่อยู่ด้านหน้าเป็นคนแรก ในใจก็รู้สึกตกใจขึ้นมา

ชายแปลกหน้าผู้นี้แข็งแกร่งอย่างมาก!

เขากระชับกระบี่ที่อยู่ในมือแน่นขึ้น

พี่เหลยสี่นึกหน้าซ่งชิงเหนียนออกแล้ว แต่ยังต้องแสร้งทำเป็นไม่รู้จัก

เขาใช้สายตาสำรวจซ่งชิงเหนียนก่อนจะหัวเราะเยาะเย้ยว่า

“อย่าทำเช่นนั้นสิ! หากข้าต้องการลงมือกับเจ้า ใครล่ะจะมาขวางทางได้!”

ซ่งชิงเหนียนขมวดคิ้วแน่น ในตอนที่เขากำลังจะพูดขึ้น เขาก็เห็นฉู่หลิวเยว่ที่เดินตามมาด้านหลัง

“พี่ใหญ่เหลย คนเหล่านี้คือคนรู้จักของข้า ท่านอย่าทำให้เขาตกใจสิ”

ฉู่หลิวเยว่กล่าวด้วยรอยยิ้ม

พี่เหลยสี่แค่นหัวเราะเสียงเบา สองมือกอดอก ไม่มีท่าทางที่จะช่วยเหลือเลยแม้แต่น้อย

คนของสำนักกระบี่เมฆาม่วง…เขาไม่อยากจะช่วยเหลือเลย!

“ฉู่หลิวเยว่? เหตุใดถึงเป็นเจ้าได้ล่ะ?”

ในใจของซ่งชิงเหนียนยังรู้สึกหวาดกลัวพี่เหลยสี่อยู่ แต่เมื่อหันมามองทางฉู่หลิวเยว่แววตายังคงมีประกายความสงสัยแฝงอยู่

และดูเหมือนว่านางจะสบายดี ไม่ได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย

เขาสูญเสียของวิเศษไปตั้งมากมายกว่าจะยืนหยัดมาได้ถึงขนาดนี้ สภาพดูอนาถมากกว่าฉู่หลิวเยว่หลายเท่าตัวนัก

บนตัวของนางจะต้องมีอันใดผิดปกติอย่างแน่นอน!

ฉู่หลิวเยว่กวาดสายตามองคนเหล่านั้น

ซ่งชิงเหนียนดูไม่เป็นไร นอกจากร่างกายมีบาดแผลเล็กน้อย ส่วนอื่นก็ไม่เป็นไรแล้ว

ท้ายที่สุดแล้วนายน้อยของสำนักกระบี่เมฆาม่วงคงจะมีของวิเศษปกป้องตนเองจำนวนไม่น้อย

ส่วนคนอื่นๆ ก็ดูอนาถกว่าเล็กน้อย

แต่ว่าหยางซิ่นเอ๋อร์ก็ดูเหมือนว่าจะไม่เป็นไรเช่นกัน

ทันใดนั้นฉู่หลิวเยว่ก็นึกขึ้นได้ว่า เหมือนว่าเมื่อครู่ซ่งชิงเหนียนกำลังอุ้มหยางซิ่นเอ๋อร์เอาไว้ในอ้อมแขน

“คุณชายซ่งไม่ต้องกังวลไป พวกเราแค่ผ่านทางมาเท่านั้น เมื่อได้ยินเสียงเคลื่อนไหวจึงรีบเข้ามาดู คิดไม่ถึงว่าจะเจอพวกเจ้าอยู่ที่นี่ เดิมทีแค่จะมาดูว่าพวกเจ้าต้องการความช่วยเหลือหรือไม่ แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ต้องแล้ว”

ซ่งชิงเหนียนกวาดสายตามองฉู่หลิวเยว่แล้วขมวดคิ้วมุ่น

“ช่วยพวกเรา? เจ้าน่ะหรือ?”

น้ำเสียงของเขายังมีความเหยียดหยามที่ปิดบังไม่มิดด้วย

ฉู่หลิวเยว่เลิกคิ้วขึ้น

ได้สิ

ในเมื่อคนเขาก็พูดมาเช่นนี้แล้ว แล้วเหตุใดนางต้องใช้หน้าอุ่นแปะก้นเย็น*ด้วยล่ะ?

“เหมือนว่าคุณชายซ่งจะดูไม่ชอบพวกเราอย่างมาก เช่นนั้นพวกเราก็ไม่รบกวนแล้ว ขอตัว”

ฉู่หลิวเยว่พูดจบก็รีบเดินออกไปทันที

พี่เหลยสี่แค่นหัวเราะหึๆ พร้อมตามหลังไปทันที

นิสัยของฝ่าบาทนั้นยังเหมือนเดิมไม่มีผิด แต่ก็เหมือนมีอันใดเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย

หากเป็นเมื่อก่อนเมื่อฝ่าบาทเห็นหน้าคนของสำนักกระบี่เมฆาม่วง ไม่ว่าอย่างใดก็ต้องเถียงกับเขาสักหลายประโยค

แต่ตอนนี้ ฝ่าบาทไม่พูดอันใดก็จากไปเสียแล้ว!

มีความสุขยิ่ง!

เมื่อเห็นว่าฉู่หลิวเยว่และคนอื่นยอมจากไปแต่โดยดี ซ่งชิงเหนียนก็รู้สึกสับสนขึ้นมา

นี่…นี่มันหมายความว่าอย่างใดกันแน่?!

เขามองแผ่นหลังของทั้งสองคนที่เดินจากไป ซ่งชิงเหนียนก็ขมวดคิ้วแน่น ในใจรู้สึกโมโหขึ้นมา

คาดไม่ถึงว่าฉู่หลิวเยว่จะกล้าหักหน้าเช่นนี้!

เขาคือคนของสำนักกระบี่เมฆาม่วง เดิมทีก็ไม่ต้องการรอความช่วยเหลือจากใคร! แล้วนับประสาอันใดกับฉู่หลิวเยว่!?

ช่างน่าขันนัก!

นางคิดว่าฉายาผู้ที่แข็งแกร่งของเขาคือ สุนัขจิ้งจอกแอบอ้างบารมีเสืองั้นหรือ?

เขาถอนสายตาออกมาด้วยความขยะแขยง จากนั้นเขาก็ลากหยางซิ่นเอ๋อร์ที่อยู่ใกล้ที่สุด ก่อนจะตัดรากที่พันรอบตัวนางออก

“ซิ่นเอ๋อร์ ฝีมือของเจ้าไม่น่าอ่อนแอขนาดนี้สิ หรือว่าร่างกายของเจ้ามีปัญหาอันใดหรือไม่?”

ซ่งชิงเหนียนถามขึ้นมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ

สีหน้าของหยางซิ่นเอ๋อร์ตึงเครียดทันที ก่อนจะดึงข้อมือกลับโดยไม่รู้ตัว

เพราะว่ารอบข้างมืดสนิทดังนั้นซ่งชิงเหนียนจึงมองไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงทางสีหน้าของนาง

“…ไม่มีเจ้าค่ะ อาจจะเพราะเดินทางไกล จึงรู้สึกเหนื่อยล้าเล็กน้อยละมั้ง? อีกทั้งช่วงนี้ระดับการบำเพ็ญเพียรของข้ากำลังติดคอขวด ดังนั้น…”

ซ่งชิงเหนียนก็ไม่ได้สงสัยอันใดมาก เมื่อได้ยินดังนั้นก็เชื่อสนิทใจ

“ไม่เป็นไร มีข้าอยู่ ข้าจะปกป้องเจ้าเอง”

หยางซิ่นเอ๋อร์มองเขาอย่างซาบซึ้ง แล้วกล่าวขอบคุณเบาๆ

ซ่งชิงเหนียนได้รับสายตาเทิดทูนและชื่นชมจากนาง ก็รู้สึกอารมณ์ดีอย่างมาก จนลืมเรื่องของฉู่หลิวเยว่ไปเสียสนิท

หลังจากนั้นเขาก็กำลังจะลงมือช่วยเหลือคนอีกสองคนให้ลงมา

“พวกเรารีบออกจากสถานที่บ้าๆ แห่งนี้…”

เขายังพูดไม่ทันจบ แต่ทันใดนั้นในความมืดก็มีลมกรรโชกแรง!

หึ!

เสียงดังแหวกอากาศมา!

คาดไม่ถึงรากไม้ขนาดใหญ่จำนวนมากจะพุ่งใส่พวกเขาพร้อมกัน!

ซ่งชิงเหนียนอารมณ์เสียมาก รีบดึงหยางซิ่นเอ๋อร์เข้ามาในอ้อมกอดทันที! แล้วถอยตัวหลบไปด้านหลัง!

เมื่อเขาเคลื่อนไหวเช่นนั้น แต่คนที่เหลือสองคนยังไม่ถูกดึงออกจากหล่มโคลน เมื่อแยกจากกันพวกเขาก็ถูกรากไม้รัดจนแน่น

“ช่วย…อึก!”

เพียงในเวลาสั้นๆ เสียงร้องขอความช่วยเหลือก็เงียบลงทันที

กร๊อบ!

เสียงกระดูกแตกดังลั่น!

คาดไม่ถึงว่ารากไม้หล่านั้นจะรัดคอของพวกเขาทั้งสองแล้วหักอย่างรุนแรง โหดเหี้ยมอย่างมาก!

ศีรษะของทั้งสองคนเอียงด้วยท่าทางแปลกๆ ดวงตาแทบจะถลนออกมา หลังจากนั้นไม่นานพวกเขาก็หมดลมหายใจไป!

ฉู่หลิวเยว่หันกลับไปมอง สายตาคมปลาบ!

นางสะกิดปลายเท้าแล้วพุ่งตรงไปทางนั้นทันที!

ในขณะเดียวกันนางก็สะบัดมือออก เปลวเพลิงสีชาดกลุ่มหนึ่งกลายเป็นแส้เพลิง พร้อมฟาดไปที่รากไม้เหล่านั้นอย่างรวดเร็ว!

“ถวนจื่อ!”

ฉู่หลิวเยว่ตะโกนออกมา!

ถวนจื่อสยายปีกทั้งสองข้างขึ้น ลำแสงที่งดงามก็ส่องประกายออกมา! พร้อมพันกับเปลวเพลิงสีชาดนั้น!

เปลวเพลิงสีชาดพุ่งตรงไปที่รากไม้เหล่านั้นแล้วลุกลามไปทั่ว!

“กรี๊ด…”

อุณหภูมิร้อนจัดที่ได้มาอย่างไม่ทันตั้งตัว ทำให้นางกรีดร้องเสียงดัง!

เปลวเพลิงลุกลาม!

พรึ่บ!

มันทะลุผ่านม่านพลังเข้ามาโดยตรง!

ซั่งกวนหว่านถ่ายเทปราณดั้งเดิมลงไปในเกราะศักดิ์สิทธิ์ทองแดงโดยจิตใต้สำนึก!

แต่กลับไม่สามารถปลุกเกราะศักดิ์สิทธิ์ทองแดงได้ มันปฏิเสธพลังของนางทั้งหมด!

แววตาของซั่งกวนหว่านเต็มไปด้วยความตกใจ!

เกราะศักดิ์สิทธิ์ทองแดง…ยังมีเจ้าของอยู่!

*ใช้หน้าอุ่นแปะก้นเย็น หมายถึง แสดงความรู้สึกอันอบอุ่นกับความเย็นชาของอีกฝ่าย หรือ ถูกดูแคลนต่อเจตนาที่ดี

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด