ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ 829 ไม่เจอกันนาน

Now you are reading ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ Chapter 829 ไม่เจอกันนาน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 829 ไม่เจอกันนาน

น้ำเสียงของชีหานราบเรียบอย่างมาก

“ข้าเป็นแค่คนส่งจดหมายตัวเล็กๆ ไม่เคยร่วมงานกับคุณชายเจี่ยนมาก่อนเลย แต่ว่า…ข้าเองก็อยู่ที่ซีหลิงมาหลายปีแล้ว ดังนั้นจึงเคยพบปะคุณชายเจี่ยนอยู่หลายครั้ง แต่คิดไม่ถึงว่า คุณชายเจี่ยนจะจำข้าน้อยได้?”

สามารถเรียกได้ว่าเจี่ยนเฟิงฉือเป็นอันธพาลของเมืองซีหลิง คนที่เจอเขาก็มีจำนวนไม่น้อย

ต่อให้ไม่เคยเจอด้วยตัวเอง ก็ต้องได้ยินข่าวลือของเขามาไม่น้อยอย่างแน่นอน

โดยเฉพาะดวงตาที่มีสีฟ้าโดดเด่น ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของตระกูลเจี่ยน ในหุบเขาเขี้ยวมังกร มีใครที่ไม่รู้บ้าง?

เจี่ยนเฟิงฉือหรี่ตาแล้วยิ้มบางๆ

“ที่ข้าพูดไม่ได้หมายความว่าเช่นนั้น”

“โปรดให้อภัยที่ข้าน้อยเป็นคนโง่ด้วยขอรับ ไม่ทราบว่าสิ่งที่คุณชายพูดนั้นหมายความว่าอย่างใดกันแน่ หากมีเรื่องอันใดกรุณาพูดออกมาเลยเถิดขอรับ”

ในใจของชีหานสามารถคาดเดาได้หลายส่วนแล้ว แต่ใบหน้าของเขาไม่ได้แสดงสีหน้าตื่นตระหนกขึ้นมาเลยแม้แต่น้อย เขายังถามด้วยสีหน้าราบเรียบเช่นเดิม

ท้ายที่สุดแล้วเขาก็คือสิบสามผู้พิทักษ์เยว่ ถ้าเขาไม่สามารถจัดการได้ เขาก็ไร้ประโยชน์เกินไปแล้ว

เจี่ยนเฟิงฉือยกแขนขึ้นกอดอก แล้วเอามือข้างหนึ่งลูบคางเบาๆ รอยยิ้มมุมปากก็กดลึกขึ้นด้วย

“ก็ไม่รู้ว่าเหตุใด เมื่อข้าได้เจอเจ้า ข้าก็รู้สึกคุ้นเคยอย่างมาก ราวกับว่า…เคยรู้จักเจ้า”

“คุณชายเจี่ยนคงล้อเล่นแล้ว ฐานะของข้าต่ำต้อยอย่างมาก ข้าจะมีโอกาสพบท่านได้อย่างใด?”

“ถูกต้อง ข้าเองก็ไม่จำเป็นต้องส่งจดหมายออกไปนอกเขตพรมแดนม่านฟ้า และไม่เคยได้พูดคุยกับพวกเจ้ามาก่อน…แต่เจ้าคล้ายกับเพื่อนเก่าของข้าคนหนึ่ง”

เจี่ยนเฟิงฉือเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย

“ในชื่อของเขาก็มีคำว่า “ชี” เหมือนกัน เจ้าว่ามันจะบังเอิญกันเกินไปหรือไม่?”

รูม่านตาของชีหานหดเล็กน้อย

ตอนนี้เขาปรับหน้าตาใหม่ทั้งหมดแล้ว ต่อให้เจียงอวี่เฉิงมายืนอยู่ตรงนี้ ก็ไม่สามารถมองออกได้

แต่เจี่ยนเฟิงฉือสามารถทำได้

เพราะว่าเจี่ยนเฟิงฉือคุ้นเคยกับสิบสามผู้พิทักษ์เยว่มากกว่าเจียงอวี่เฉิง!

โดยเฉพาะชีหาน

ก่อนหน้านี้เจี่ยนเฟิงฉือมีปัญหากับซั่งกวนเยว่ตลอด มีธุระหรือไม่มีธุระก็มักชอบไปสร้างความวุ่นวายให้ตลอด

เมื่อถึงตอนนั้น ชีหานจะเป็นคนที่เข้าไปปะทะกับเขาเป็นประจำ

ระดับการบำเพ็ญเพียรของชีหานสูงกว่าเจี่ยนเฟิงฉือ และยิ่งไปกว่านั้นเจี่ยนเฟิงฉือคือเซียนหมอ และมีการใช้โอสถบ้างบางครั้ง

ทั้งสองคนมีแพ้มีชนะ โดยพื้นฐานแล้วพวกเขามักจะเสมอกัน

อีกทั้งเรื่องราวระหว่างพวกเขาทั้งคู่ก็ต่างเข้าใจกันดี

แม้ว่าใบหน้าของชีหานจะเย็นชาตลอดเวลา แต่ก็จงรักภักดีต่อซั่งกวนเยว่อย่างมาก

ทุกครั้งที่มีเรื่องเกี่ยวกับซั่งกวนเยว่ เขานั้นไม่สงวนท่าทีเลยแม้แต่น้อย

เขาเป็นคนที่กล้าหาญและเลือดร้อน ซึ่งทั้งหมดนั้นจะอุทิศให้กับคนคนเดียว

และด้วยนิสัยนี้ ทำให้ตอนนั้นพวกเขาถึงรีบกลับมาที่ซีหลิง และได้เห็นหอบรรพกษัตริย์ที่กำลังมอดไหม้ ไม่ว่าผู้ใดจะขวางทางเขาไว้ เขาก็เลือกที่จะกระโจนเข้าไปในกองเพลิง จนสุดท้ายใบหน้าก็เสียโฉม!

ตอนนี้เมื่อมาเจอเจี่ยนเฟิงฉืออีกครั้ง เขาคงจะจำได้ ซึ่งนี่เป็นเรื่องที่เขาคาดเดาเอาไว้อยู่แล้ว

แต่ในเวลานี้มันไม่ใช่โอกาสที่ควรจะเปิดเผยตัวเท่าไรนัก

“คุณชายเจี่ยนต้องการจะพูดอันใดกันแน่หรือขอรับ?”

ชีหานขมวดคิ้วมุ่น

เมื่อเห็นว่าทั้งสองกำลังพูดคุยกันอยู่ตลอด ทหารยามสองนายก็อดที่จะเหลือบสายตามองเป็นครั้งคราวไม่ได้

เจี่ยนเฟิงฉือยิ้มขึ้นทันที

“ไม่มีอันใด แค่ข้ารู้สึกว่าคุ้นเคยเท่านั้นก็พอแล้ว!”

ชีหานชะงักไป

ท่าทางของเจี่ยนเฟิงฉือ ราวกับแน่ใจในฐานะของเขาแล้ว แต่เหตุใดถึงยังช่วยเขาปกปิดอยู่ล่ะ…”

ทันใดนั้นเจี่ยนเฟิงฉือก็โยนถุงหนักๆ ถุงหนึ่งให้เขา และชีหานก็รับเอาไว้

“นี่คือเงินหนึ่งพันผลึกศิลาขาว ถ้าวันนี้เจ้าช่วยงานข้าหนึ่งอย่าง เงินนี้จะเป็นของเจ้า”

ชีหานรู้สึกสงสัยมากยิ่งขึ้น แต่ก็ยังถามต่อไปว่า

“คุณชายเจี่ยนจะให้ข้าน้อยทำอันใด?”

เจี่ยนเฟิงฉือกะพริบตาปริบๆ

“ข้าจะไปที่หอชุนเฟิง เจ้าไปกับข้าหน่อยสิ”

ชีหานคิดไม่ถึงว่าเจี่ยนเฟิงฉือจะใช้เงินมากมายขนาดนี้เพื่อให้เขาเดินทางไปที่หอชุนเฟิงด้วยกันเท่านั้น

เมื่อทั้งสองคนเดินมาถึงหน้าประตูหอชุนเฟิง ชีหานก็มั่นใจว่าเจี่ยนเฟิงฉือไม่ได้ล้อเขาเล่น

“ไปกันเถอะ!”

เมื่อเห็นว่าชีหานยืนอยู่ที่หน้าประตู แววตายากจะอธิบาย ในใจของเจี่ยนเฟิงฉือก็หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง

ถ้านี่เป็นในตอนอดีต ชีหานจะต้องโจมตีใส่เขาอย่างแน่นอน!

แต่น่าเสียดายที่ตรงนี้มีผู้ชมอยู่จำนวนมาก และเนื่องจากข้อจำกัดของฐานะของเขา ดังนั้นเขาจึงต้องเดินตามอีกฝ่ายไปอย่างอดทน

น้ำเสียงของชีหานเย็นชาขึ้นหลายส่วน รัศมีรอบข้างก็เย็นขึ้นราวกับสามารถแช่คนให้ตายได้

“คุณชายเจี่ยน เรื่องเช่นนี้ไม่ควรนำมาล้อเล่นละมั้ง? นี่ท่านคิดจะทำอันใดกันแน่ พูดมาตามตรงเถิดขอรับ”

เมื่อเจี่ยนเฟิงฉือเห็นว่าฝ่าเท้าทั้งสองข้างของเขาหยุดนิ่งราวกับว่ามีคนมาตอกตะปูเอาไว้ และปฏิเสธการเดินขึ้นไปข้างหน้าอย่างเอาเป็นเอาตาย อีกนิดก็เกือบจะทำให้เขาหัวเราะออกเสียงมาแล้ว

“หอชุนเฟิงแห่งนี้เป็นสถานที่ที่ชายหนุ่มในซีหลิงล้วนถวิลหา แต่เหตุใดฉินชี เจ้าถึงหลีกเลี่ยงราวกับเจองูหรือแมงป่องได้เล่า? มีเรื่องอันใด รอเจ้าเข้าไปพร้อมข้าก็จะรู้เรื่องเอง”

ใบหน้าของชีหานตึงเครียด

ถ้าเขาไม่กลัวว่าเจี่ยนเฟิงฉือจะทำให้ความลับของเขาถูกเปิดเผย เขาไม่มีวันทนให้อีกฝ่ายมาทำตัวกำเริบเสิบสานกับเขาแบบนี้แน่นอน!

แต่ว่าให้เขาเข้ามาในที่แบบนี้ สำหรับเขาแล้วถือว่าเป็นการลงโทษเลยทีเดียว

ตอนนั้นเองแม่เล้าจางก็เห็นว่าเจี่ยนเฟิงฉือเข้ามาในหอแล้ว นางจึงรีบออกมาต้อนรับอย่างรวดเร็ว พร้อมรอยยิ้มที่อ่อนหวาน

“โอ้ นี่มันคุณชายเจี่ยนไม่ใช่หรือ? ไม่ได้มาตั้งนานเลยนะเจ้าคะ! น้องสาวที่หอก็บ่นคิดถึงท่านกันระงมเลยเจ้าค่ะ”

ใบหน้าของชีหานก็ปรากฏรอยยิ้มที่เหยียดหยามออกมา

ในเมืองซีหลิงนี้ มีใครไม่รู้บ้างว่าหอชุนเฟิงคือบ้านหลังที่สองของเจี่ยนเฟิงฉือ

เขาอยู่ที่นี่นานกว่าอยู่ที่หุบเขาเขี้ยวมังกรเสียอีก!

อย่างใดก็ตามเจี่ยนเฟิงฉือไม่ได้รู้สึกละอายใจเลยแม้แต่น้อย เขาหัวเราะอย่างมีความสุข พร้อมทำท่าเพลิดเพลินไปกับหมู่มวลบุปผาในหอนี้

เจี่ยนเฟิงฉือไม่ต้องหันกลับไปมอง ก็รู้ได้ทันทีว่าชีหานกำลังมองเขาด้วยสายตาแบบใดอยู่

พรึ่บ…

เขาโบกพัดออกมา ก่อนจะยิ้มให้อย่างเจ้าชู้

“ข้าไม่พบหลิ่วเอ๋อร์น้อยวันเดียว เหมือนไม่พบกันสามวสันต์ แต่ข้าก็มานี่แล้วไม่ใช่หรือ?”

แม่เล้าจางเป็นคนที่เฉลียวฉลาด ตอนที่อยู่ด้านใน เขาก็เห็นว่าเจี่ยนเฟิงฉือคุยกับชายที่อยู่ด้านหลังตลอดเวลา อีกทั้งท่าทางก็ดูคุ้นเคยอย่างมาก

ดังนั้นหลังจากที่ต้อนรับเจี่ยนเฟิงฉือแล้ว แม่เล้าจางก็รีบยิ้มให้กับชีหานทันที

“โอ้ คุณชายท่านนี้มีบุคลิกที่ล้ำเลิศจริงๆ เหตุใดก่อนหน้านี้ถึงไม่เคยเห็นหน้าท่านมาก่อนเลยเล่า? วันนี้มาที่นี่เป็นครั้งแรกใช่หรือไม่เจ้าคะ?”

ชีหานรีบเบี่ยงตัวหลบแม่เล้าจางอย่างรวดเร็ว ร่างกายของเขาก็แผ่รัศมีที่เย็นชาออกมามากขึ้นกว่าเดิม

การกระทำของแม่เล้าจางไร้ประโยชน์ทันที ทำให้นางรู้สึกกระดากอายเล็กน้อย นางจึงมองไปที่เจี่ยนเฟิงฉืออย่างไม่รู้ตัว

“ฮ่าๆ แม่เล้าจาง คนนี้คือสหายของข้าเอง วันนี้เขามากับข้า มีข้าอยู่ แม่เล้าจางไม่ต้องกังวลใจไป ไปเชิญหลิ่วเอ๋อร์น้อยมาเถิด เรื่องอื่นไม่ต้องมาปรนนิบัติแล้ว”

เมื่อเห็นว่าเจี่ยนเฟิงฉือปกป้องชายผู้นี้อย่างมาก ท่าทางของนางก็ดูเกรงใจมากขึ้นหลายส่วน จากนั้นจึงหัวเราะพร้อมพูดว่า

“เจ้าค่ะๆ เชิญทั้งสองท่านด้านในเจ้าค่ะ!”

เมื่อพูดจบ นางก็รีบวิ่งไปตามสุ่ยหลิ่วเอ๋อร์

เมื่อได้ยินชื่อของสุ่ยหลิ่วเอ๋อร์ สีหน้าของเขาก็ชะงักไปเล็กน้อย

เจี่ยนเฟิงฉือเชิดคางขึ้น

“ไปกันเถอะ!”

ชีหานชะงักไปครู่หนึ่ง ในที่สุดก็สาวเท้าตามอีกฝ่ายไป

นี่เป็นเวลากลางวัน เดิมทีหอชุนเฟิงก็ไม่ได้มีคนมากมายขนาดนั้น กอปรกับนี่เป็นเรื่องปกติมากที่เจี่ยนเฟิงฉือจะมาที่นี่ ดังนั้นจึงไม่ค่อยดึงดูดความสนใจของคนอื่นมากเท่าใด

อีกอย่าง อาจจะเป็นเพราะเจี่ยนเฟิงฉือได้สั่งการเอาไว้แล้ว ดังนั้นจึงไม่มีใครมารบกวนที่นี่เลย

ภายในห้องพัก เงียบสงบอย่างมาก

เจี่ยนเฟิงฉือนั่งลงบนที่นั่งอย่างเกียจคร้าน ริมฝีปากยกยิ้มเป็นรอยยิ้มที่ชั่วร้าย

“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ ชีหาน”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด