ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ 988 เหตุใดถึงยังไม่หยุด

Now you are reading ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ Chapter 988 เหตุใดถึงยังไม่หยุด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 988 เหตุใดถึงยังไม่หยุด

เคร้ง!

โล่สีดำที่ดูเก่าแก่และทนทานร่วงลงสู่พื้นดินอย่างแรง จนเกิดรอยแตกร้าวนับไม่ถ้วนขึ้นบนพื้นดิน!

ฉู่หลิวเยว่จ้องมองรอยแตกแขนงที่ขยายตัวขึ้น รูม่านตาพลันหดตัวลงทันควัน

ก่อนหน้านี้ถึงนางจะใช้กระบี่หลงหยวนฟาดฟันเพียงใด แต่มันก็ไม่เคยทิ้งร่องรอยไว้บนพื้นดินเช่นนี้เลยสักครั้ง…

และนางก็เพิ่งสังเกตเห็นว่ายอดเขาที่ราบเรียบแห่งนี้ ค่อนข้างแตกต่างจากยอดเขาของภูเขาลูกอื่นที่อยู่รอบๆ

ภูเขาลูกอื่นนั้นถูกพลังปราณอันรุนแรงดุจน้ำป่าไหลหลากเมื่อครู่ทำลายจนราบเป็นหน้ากลอง และแม้แต่บนยอดเขาเองก็ยังพังยับเยิน

แต่บนยอดเขาแห่งนี้กลับไม่ได้รับผลกระทบอันใดเลย!

ทว่าเพียงโล่สีดำตกลงใส่พื้นผิวของมัน แผ่นดินด้านล่างกลับแตกเป็นเสี่ยงๆ…

เมื่อก่อนฉู่หลิวเยว่ก็เคยแอบคิดว่าโล่สีดำลึกนั้นเต็มไปด้วยพลังลึกลับอันแกร่งกล้า และมันอาจจะแข็งแกร่งได้มากกว่าที่นางคิดเสียอีก

ซึ่งพอเห็นผลลัพธ์ในตอนนี้แล้ว ก็รู้เลยว่านางคิดถูก!

ด้วยความช่วยเหลือของโล่สีดำนี้ จะทำให้แรงบีบอัดที่ประทังใส่ฉู่หลิวเยว่นั้นลดลงในทันที

มันทำให้นางยังพอมีโอกาสได้หายใจหายคอบ้าง

หลังจากรีบปรับสมดุลลมปราณแล้ว นางก็เริ่มคิดหาวิธีรับมือขั้นต่อไป

จวินจิ่วชิงได้เปรียบมากกว่านางในทุกด้านอย่างไม่ต้องสงสัย และการที่นางจะพลิกกลับมาชนะในตอนท้ายนั้นเป็นเรื่องที่ยากมาก

แต่ในเมื่อมาขนาดนี้แล้ว ก็ต้องลองดูกันสักตั้ง!

ยิ่งไปกว่านั้น นางยังไม่ได้เอาคืนเรื่องที่นางประสบในห้วงมิติอันวุ่นวายก่อนหน้านี้ด้วย!

ฉู่หลิวเยว่เงยหน้าขึ้นแล้วมองตรงไปข้างหน้า

พลังปราณสีทองที่ล้อมรอบจวินจิ่วชิงอยู่นั้น กำลังถูกเขากลืนกินอย่างรวดเร็ว!

ซึ่งการดูดกลืนกระแสพลังปราณที่เกิดจากการรวมตัวกันของสามหยวนรวมยอดนั้น ขึ้นอยู่กับความสามารถของแต่ละคน

และการที่เขาสามารถดูดกลืนมันได้ในจำนวนมาก ก็ถือว่ามีชัยเหนือผู้อื่นแล้ว

ยิ่งกลืนกินมันเข้าไปมากเท่าไร ก็จะยิ่งเพิ่มความแข็งแกร่งได้มากขึ้นเท่านั้น

แต่แน่นอนว่าสิ่งนี้ก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้ฝึกตนแต่ละคนด้วย

เพราะหากผู้ใดโลภมากและกลืนกินพลังปราณดั้งเดิมสุ่มสี่สุ่มห้า จองหองไม่สนใจขีดจำกัดของตนเอง สุดท้ายคนผู้นั้นก็จะใช้พลังอำนาจกระทำการอันตรายที่เป็นภัยต่อสังคม และไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ใดๆ เลย

ขณะเดียวกัน ดอกท้อสีทองเล็กๆ นั่นก็ค่อยๆ ร่วงหล่นจากท้องนภาอย่างเงียบเชียบ

ฉู่หลิวเยว่เอื้อมมือออกไปคว้ามันทันที และจับดอกท้อนั่นไว้ได้

เมื่อมองแวบแรก ฉู่หลิวเยว่ก็ปักใจเชื่อทันทีว่านี่คือสิ่งที่นางเห็นในกลุ่มแสงสีทองก่อนหน้านี้!

แต่ทันทีที่แตะต้องมัน ดอกท้อก็ค่อยๆ สลายไปและกลายเป็นลำแสงหลายสาย แล้วพุ่งเข้าใส่ฝ่ามือของนาง

พลังอันอบอุ่นหลั่งไหลเข้าสู่แขนขาและฝังเข้าไปในกระดูก!

อาการบาดเจ็บจากเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ เริ่มฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว!

ฉู่หลิวเยว่ตกใจจนพูดไม่ออก

เหมือนเจ้านี่จะ… ไม่ใช่พลังของสามหยวนรวมยอดเลย?

แต่มันไปโผล่อยู่ตรงนั้นได้อย่างใดกัน?

แถมมันยังดูเหมือนดอกท้อทั่วไป…

“ตูม ตูม ตูม”!

ยังไม่ทันที่ฉู่หลิวเยว่จะได้คิดหาคำตอบ ก็มีคลื่นพลังบางอย่างพลุ่งพล่านขึ้นมาอีกครั้ง!

นางมองดูฝ่ามือของตัวเองด้วยแววตาลึกซึ้ง และสลัดความคิดเหล่านั้นออกไปทันที ก่อนจะนั่งขัดตะหมาดแล้ววางมือทั้งสองข้างไว้บนเข่าเพื่อทำสมาธิ

พลังปราณสีทองนับไม่ถ้วนพุ่งลงมาจากท้องฟ้าเสมือนคลื่นน้ำ พลันห่อหุ้มร่างของนางไว้อย่างสมบูรณ์!

ฉู่หลิวเยว่สูดหายใจเข้าลึกๆ และเริ่มกลืนกินพลังปราณรอบตัวอย่างตะกละตะกลาม!

ฉู่หลิวเยว่ดูดซับพลังแห่งสวรรค์และโลกอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นไม่นาน ก็มีกระแสน้ำวนที่เกิดจากพลังปราณสีทอง ปรากฏขึ้นเหนือศีรษะ

และในขณะเดียวกัน ลมปราณบนร่างกายของนางก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นกัน!

ทว่าสิ่งนี้ไม่ได้สร้างความมั่นใจให้กับพวกของมู่หงอวี่ที่กำลังเฝ้าดูอยู่นัก ตรงกันข้ามกัน มันทำให้พวกเขากังวลยิ่งกว่าเดิมต่างหาก!

“เหตุใดฝ่าบาทจึงรีบกลืนกินพลังปราณดั้งเดิมด้วยเช่นนั้น!? นี่มัน อันตรายเกินไปแล้ว! ตอนนี้นางเป็นแค่ผู้ฝึกตนระดับหกขั้นสูงสุดเท่านั้นเองนะ!”

สีหน้าของอวี่เหวินจิงหงเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก

ด้วยความเร็วเช่นนี้ เพียงแค่เค่อเดียวก็เกรงว่าร่างกายของนางอาจจะทนไม่ไหวเอาได้!

ทว่าถึงจะกังวลมากเพียงใด แต่พวกเขาก็ไม่สามารถเข้าใกล้ยอดเขาหลักได้ในเวลานี้ และทำได้เพียงมองดูนางอย่างหมดหนทาง

มู่หงอวี่กำมือแน่น หัวใจดวงน้อยบีบตัวแน่นอย่างน่าอึดอัด

นางเม้มปากแล้วพูดอย่างหนักแน่นว่า

“ข้าเชื่อในวีถีของนาง นางต้องทำได้อย่างแน่นอน!”

“ไม่เจียมตัวเอาเสียเลย!”

หลังจากที่กงซุนอี้ถูกดีดลงมายอดเขา ภายนอกเขาไม่ได้รับบาดเจ็บอันใดมาก แต่ภายในใจนั้นเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวเมื่อเห็นสถานการณ์บนยอดเขา

เขาไม่เถียงหากจวินจิ่วชิงสามารถยืนหยัดและสืบทอดอำนาจนี้ได้

แต่สำหรับซั่งกวนเยว่ผู้นั้นแล้ว มันเป็นไปได้อย่างใด?

แค่ทะลวงค่ายกลของหุบเขาบรรพกาลเฟิ่งหวงเข้ามาได้ก็เกินคนแล้ว และตอนนี้ก็ยังจะสู้กับจวินจิ่ว

ชิงอีกหรือ?

ใครมันมอบความกล้าบ้าบิ่นเช่นนั้นให้นางกัน?

ชิงไต้พยายามรักษาบาดแผลของตนอย่างยากลำบาก พลางจ้องมองไปที่ยอดเขาหลักอย่างใจจดใจจ่อ

ซั่งกวยเยว่ต้องการช่วงชิงพลังปราณวิถีสุดท้ายนั่น แต่เหตุใดองค์รัชทายาทถึงไม่หยุดยั้งนาง?

เมื่อทั้งสองเผชิญหน้ากันเมื่อครู่ แน่นอนว่าเขามีเวลาและจังหวะในการสกัดกั้นนาง…

ชิงไต้ขบเม้มริมฝีปากแน่น

นางอยู่กับองค์ชายมาตั้งแต่ยังเด็ก แม้จะไม่กล้าพูดได้เต็มปากว่านางรู้จักเขาดี แต่นางก็คุ้นเคยกับนิสัยของเขาและพอจะเดาความคิดของเขาได้เล็กน้อย

เขาเกลียดคนที่ชอบมาแย่งของๆ เขาที่สุด

และเมื่อหุบเขาบรรพกาลเฟิ่งหวงเปิดออกในครานี้ เขาจะต้องคว้าชัยชนะมาให้ได้ พูดตามหลักก็คือเขาไม่ควรอ่อนข้อให้ซั่งกวนเยว่…

แต่พอนึกถึงสายตาที่เขามองนางอย่างสื่อความหมายก่อนหน้านี้แล้ว ชิงไต้ก็พลันรู้สึกอึดอัดใจมากขึ้น

หรือว่าองค์ชายจะ… สนใจในตัวซั่งกวนเยว่จริง?”

ครั้นคิดเช่นนี้ ชิงไต้ก็เผลอกำข้อมือแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว

ไม่ใช่แค่คนเหล่านี้เท่านั้นที่เห็นเหตุการณ์บนยอดเขา ทว่าขณะนี้ทุกคนที่รออยู่นอกค่ายกลเองก็เห็นภาพนั้นเช่นกัน

ซึ่งพวกเขาล้วนมีปฏิกิริยาที่แตกต่างกัน

“ซั่งกวนเยว่ขึ้นไปบนนั้นจริงๆ ด้วย…”

สีหน้าของกงซุนเซียวเต็มไปด้วยความซับซ้อนทางอารมณ์ ก่อนจะหันมองจวินฉีจืออย่างใจเย็น

จวินฉีจือยังคงสงบนิ่ง พลางลูบเคราของเขาและกล่าวว่า

“เป็นเรื่องดีที่คนหนุ่มสาวมีความทะเยอทะยานมุมานะ”

ทว่าอีกนัยก็แปลได้ว่า ซั่งกวนเยว่ไม่มีทางเอาชนะจวินจิ่วชิงได้อย่างแน่นอน

และความจริงแล้วคนส่วนใหญ่เองก็คิดเช่นนั้น

สำหรับการต่อสู้ในครานี้ ซั่งกวนเยว่ไม่มีโอกาสชนะแน่นอน

“เหมือนนางจะใช้บางอย่างบังตัวนางไว้เลย”

หนิงหยวนโพล่งขึ้นมากะทันหัน

แต่น่าเสียดายที่เมื่อมองจากภายนอกแล้ว พวกเขาเห็นเพียงเค้าโครงของมันเท่านั้น

“มันเหมือน…โล่…”

ถานไถเฉินหัวเราะเยาะ

“ไม่ว่าจะเป็นโล่หรืออันใด สุดท้ายผลแพ้ชนะก็ถูกกำหนดไว้แล้ว!”

ภายในพลังปราณดั้งเดิมอันไร้ขีดจำกัดนั่น จักต้องมีพลังปราณศักดิ์สิทธิ์ซ่อนอยู่แน่นอน!

แม้ว่าซั่งกวนเยว่จะมีอาวุธศักดิ์สิทธิ์ หากดูจากความแข็งแกร่งของนางในปัจจุบันแล้ว ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่นางจะใช้พลังของตัวเองสู้กับพลังปราณศักดิ์สิทธิ์!

ศึกในครานี้… นางจักแพ้แน่!

จากมุมมองของถานไถเฉินแล้ว เขามีความสุขมากที่เห็นซั่งกวนเยว่ “รนหาที่ตาย” เช่นนี้

ยิ่งตอนนี้นางบ้าคลั่งมากเท่าไร จุดจบของนางก็จะยิ่งย่ำแย่มากขึ้นเท่าตัว!

ไว้รอกระทั่งนางออกมาแล้วค่อยจัดการนางดีกว่า… จะได้ฆ่านางได้ง่ายๆ หน่อย!

เพียงพริบตาก็ผ่านไปหนึ่งเค่อแล้ว

ฉู่หลิวเยว่ยังคงนิ่งเสมือนภูเขา พลางกลืนกินพลังปราณดั้งเดิมของสวรรค์และโลกที่อยู่รายรอบ

สิ่งนี้ทำให้อวี่เหวินจิงหงและคนอื่นๆ ประหลาดใจ

จากการคำนวณของพวกเขาก่อนหน้านี้ ฉู่หลิวเยว่น่าจะดูดกลืนได้นานสุดเพียงหนึ่งเค่อ จากนั้นร่างกายของนางก็จะทนไม่ไหว

แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นว่า… นางยังนั่งอยู่ตรงนั้นได้อย่างสบายๆ?

พวกเขาจึงทำได้เพียงเฝ้ามองต่อไปอย่างอดทน

แต่พวกเขาคิดไม่ถึงว่าการรอครั้งนี้จะใช้เวลาถึงครึ่งชั่วยาม!

และตอนนี้ทางด้านฉู่หลิวเยว่ก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ ทั้งสิ้น!

เมื่อพิจารณาจากเกลียวคลื่นสีทองราวกระแสน้ำวนเหนือศีรษะของนางแล้ว จะเห็นได้ว่านางยังคงกลืนกินพลังเหล่านั้นเข้าไปอย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว!

ร่างกายของนางนั้นเปรียบเสมือนหลุมลึกอันไร้ก้นบึ้ง ที่รวมเอาพลังปราณเหล่านี้ไว้ด้วยกัน!

พลันหัวใจที่เคยสงบของอวี่เหวินจิงหงก็สั่นไหวขึ้นมาอีกครั้ง

“หะ เหตุใดฝ่าบาทถึงยังไม่หยุดอีก!?”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด