ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ 706 หัวรุนแรง

Now you are reading ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ Chapter 706 หัวรุนแรง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 706 หัวรุนแรง

ฉู่หลิวเยว่แข็งทื่อไปทั้งตัว มีเพียงหัวใจที่เต้นแรงราวกับแทบกระโดดออกมาจากปาก!

ทว่าภายในจิตใจกลับว่างเปล่า!

ในอดีตนางถูกต้อนจนเข้ามุม กระทั่งตัดสินใจเลือกที่จะจุดไฟเผาตัวเองให้แล้วสิ้น

แต่ก่อนหน้านั้น นางเลือกที่จะปล่อยไก่ฟ้าเก้าสีเป็นอิสระ

เพราะเมื่อเจ้านายสิ้นชนม์ สัตว์อสูรที่ได้ผูกพันธะสัญญานั้นต้องสิ้นตามไปด้วยอย่างแน่นอน

ขณะนั้นฉู่หลิวเยว่บังคับให้ทำลายสัญญาระหว่างพวกเขา และหวังว่าหนทางที่นางเลือกจะไม่ส่งผลกระทบถึงมัน

ทว่าในสถานการณ์ที่วิกฤตนั้น ท้ายที่สุดแล้วมันเกิดอันใดขึ้นกันแน่? แม้แต่ฉู่หลิวเยว่เองก็ยังไม่รู้

ก่อนหน้านี้ นางได้เคยสอบถามเกี่ยวกับเรื่องนี้มาก่อน ข่าวคราวทั้งหมดที่ได้รับคือไก่ฟ้าเก้าสีนั้นได้ตายจากไปแล้ว!

แม้ว่าฉู่หลิวเยว่จะเสียใจเป็นอย่างมาก แต่ก็ค่อยๆ ยอมรับเรื่องนี้ให้ได้ และฝังมันไว้ในส่วนลึกของหัวใจ

นางนึกว่าเรื่องที่ผ่านมานั้นเป็นเช่นนี้มาโดยตลอด คงไม่มีใครจำได้ว่าเคยมีไก่ฟ้าเก้าสีอยู่ในโลกนี้ และอยู่กับนางมาเป็นเวลานานนับหลายปี

หากแต่ตอนนี้…ครึ่งปีกนั้นที่จู่ๆ ได้บินผ่านไปนั้น กลับทำให้ฉู่หลิวเยว่เริ่มสับสน!

ความคิดเหลวไหลไร้แก่นสารผุดขึ้นในจิตใจของนาง

หรือบางทีมันอาจจะเป็นไปได้…

หรือแท้จริงแล้วไก่ฟ้าเก้าสีตัวนั้นจะยังมีชีวิตอยู่!?

ฉู่หลิวเยว่จ้องตาไม่กะพริบแม้แต่น้อย นางจ้องมองไปที่ค่ายกลหลากสีตรงหน้านั้น

ใช่แล้ว!

ค่ายกลนี้ยังมีสีสันสะดุดตาด้วย!

หากดูดีๆ นี่ไม่ใช่สีเดียวกับไก่ฟ้าเก้าสีหรอกหรือ! ?

ฉู่หลิวเยว่กำปลอกแขนเสื้อแน่น หัวใจเหมือนถูกแขวนด้วยบางสิ่ง ทรวงอกที่ว่างเปล่ากลับดูเหมือนว่าจะถูกบางอย่างบีบรัดอย่างบ้าคลั่ง นางรู้สึกอึดอัดจนพูดไม่ออก

หากมีสัตว์อสูรระดับเก้าอยู่ในนั้นจริงๆ…

แต่…ถ้าไม่ใช่ล่ะ?

ข้อนิ้วของฉู่หลิวเยว่ค่อยๆ กลายเป็นสีขาวซีด หลังจากที่ความคาดหวังและความโหยหาที่พรั่งพรูออกมา กลับมีร่องรอยของความหวาดกลัวโผล่ขึ้น

แม้ว่าไก่ฟ้าเก้าสีจะเป็นสิ่งที่พบเจอได้ยาก แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่ามันมีตัวเดียวบนโลก

ความคิดทั้งสองต่อสู้กันภายในใจของฉู่หลิวเยว่อย่างบ้าคลั่ง

ในความคิดหนึ่งมันอาจจะใช่ก็ได้? บางทีนางอาจจะได้รับความเมตตาจากสวรรค์จริงๆ ที่พาสัตว์อสูรของนางหวนกลับคืนให้นาง?

แต่อีกความคิดหนึ่งกลับคิดว่า จะมีเรื่องบังเอิญแบบนี้ในโลกได้อย่างใด? ถ้าหากไม่ใช่ เช่นนั้นนางก็ไม่ดีใจเก้อหรอกหรือ?

ในบางครา การให้ความหวังกับใคร มันก็จะทำให้เขาล้มลงอีกครั้ง แต่หากไม่เคยมีความหวังเลย มันยิ่งทำให้ยากที่จะทำใจยอมรับมันได้

ดวงตาของฉู่หลิวเยว่แห้งกร้าน ภายในลำคอราวกับจะถูกกั้นโดยบางสิ่ง พร้อมแขนขาที่เริ่มเย็นยะเยือก

นางเคยสูญเสียอย่างมาก และไม่อยากเจ็บปวดแบบนี้อีกต่อไปแล้ว

มู่หงอวี่สังเกตเห็นว่าการแสดงออกของฉู่หลิวเยว่นั้นผิดแปลกไป ราวกับมีความกังวลอยู่ภายในใจ

“หลิวเยว่…เจ้าเป็นอันใดไป?”

นางแทบจะไม่เคยเห็นฉู่หลิวเยว่แสดงสีหน้าท่าทางแบบนี้เลย

ราวกับกำลังรออันใดบางอย่างอยู่ และดูเหมือนจะมีลางสังหรณ์อันใดบางอย่างด้วยเช่นกัน

หรือนางกำลังดูสัตว์อสูรในค่ายกลหลากสีนั่นอยู่?

แต่…ตอนนี้เห็นแค่ครึ่งปีกเองไม่ใช่หรือ?

ฉู่หลิวเยว่ส่ายหัวของนางเบาๆ

“ข้าไม่เป็นไร”

ท่าทางแบบนี้ แน่หรือว่าไม่เป็นอันใดจริงๆ?

มู่หงอวี่เม้มริมฝีปากแน่น แต่เมื่อเห็นว่าฉู่หลิวเยว่ไม่อยากพูดอันใดไปมากกว่านี้ และยังคงเพ่งความสนใจไปยังสัตว์อสูรที่กำลังทะลวงพลังปราณ นางจึงทำได้เพียงกลืนสิ่งที่จะพูดกลับลงไป

ช่างเถอะ สักพักค่อยมาถามนางแล้วกันว่าตกลงมันเกิดอันใดขึ้นกันแน่!

ทันใดนั้น มู่หงอวี่ก็เหลือบไปเห็นถวนจื่อที่กำลังนั่งยองๆ บนไหล่ของฉู่หลิวเยว่โดยไม่ได้ตั้งใจ ก่อนจะเห็นแสงสีประกายวิบวับบนร่างกายของมัน

แต่แสงนั้นก็หายไปในพริบตา

มู่หงอวี่กะพริบตาแล้วเพ่งมองดูดีๆ อีกครั้ง ก่อนพบว่าลำแสงสว่างนั้นได้หายไปแล้ว

ถวนจื่อก็ยังคงเป็นถวนจื่อ ที่มีขนตามร่างกายปุกปุยสีแดงดั่งเลือด ดูเหมือนไม่มีอันใดเปลี่ยนแปลงไปเลย

หรือบางทีนางอาจจะดูผิดไปก็ได้…

มู่หงอวี่ขยี้ตา

แล้วหันไปมองดูแสงหลากสีในค่ายกลนี้ต่อ นางรู้สึกว่าตนนั้นเหมือนจะตาฟาดไปเอง

ถวนจื่อพิงที่คอของฉู่หลิวเยว่นิ่งๆ

ฉู่หลิวเยว่ไม่ได้หันกลับมามอง เพียงแค่แตะโดนร่างกายของมันโดยไม่รู้ตัว

แต่ถ้านางหันไปมองมันในตอนนี้ ก็จะเห็นว่าถวนจื่อกำลังปิดตาอยู่

และคิ้วของมันก็ยังมีแสงแวววาวด้วยเช่นกัน!

แต่ฉู่หลิวเยว่กลับไม่ทันเห็นสิ่งเหล่านี้

นางทำเพียงเงยหน้าขึ้นมอง

ท่ามกลางหมู่เมฆที่ปั่นป่วน ทัณฑ์สวรรค์สายที่หก ก็ไหลมาบรรจบกันอีกครั้ง!

ตอนนี้อารมณ์ของนางพลุ่งพล่านยิ่งกว่าใครๆ!

นางแทบอยากจะให้ทัณฑ์สวรรค์ที่เหลือผ่าลงมาให้หมด!

ขอเพียงแค่แสงที่ค่ายกลนั้นจางหายไป เมื่อมันโปร่งใสขึ้น นางก็จะสามารถเห็นสิ่งที่อยู่ข้างในนั้นได้!

และนอกจากนี้ก็ยังทำให้นางได้รู้ว่าสัตว์อสูรที่กำลังทะลวงขั้นพลังปราณนั้น ท้ายที่สุดแล้วมันจะเป็นเหมือนที่นางคาดการณ์ไว้หรือไม่!

ยากที่จะอดทนรอคอยให้ถึงเวลานั้นได้

ฉู่หลิวเยว่นับเลขในใจอย่างเงียบๆ

และในที่สุด…เปรี้ยง!

ทัณฑ์สวรรค์สายที่หกก็ผ่าลงมา!

เปรี้ยง!

พลังแห่งทัณฑ์สวรรค์สายที่หกทรงพลัง และแข็งแกร่งกว่าทัณฑ์สวรรค์ในครั้งก่อนยิ่งนัก

ทัณฑ์สวรรค์สายที่หกผ่าลงมา ฉีกความว่างเปล่าในอากาศโดยตรง!

และทิ้งรอยแฉกสีดำยาวไว้กลางอากาศ! รอยวาดนั้นยาวจากผืนฟ้าลงมาจรดพื้นดินอย่างรวดเร็ว!

ซึ่งผลที่ตามมาก็คือพลังปราณอันรุนแรงที่แผ่กระจายไปทั่วทุกทิศทาง!

ต้นไม้ที่อยู่ในรัศมีล้วนถูกโค่นล้มลงหมด!

แม้แต่พี่เหลยสี่ที่ยืนอยู่ด้านหน้าเองก็เกิดความผันผวนกระแทกเข้าใส่จนผงะถอยหลังไปสามก้าว!

เขาสบถอย่างเงียบๆ แล้วทุบค้อนลงกับพื้นอย่างแรง!

ค่ายกลปรากฏขึ้นต่อหน้าเขาทันที!

เขาหันกลับมาตะโกนใส่ฉู่หลิวเยว่และคนอื่นๆ

“ยังยืนงงอันใดกันอยู่? เหตุใดยังไม่รีบถอยออกไปอีก!?”

เข้ามายืนใกล้เสียขนาดนี้ อยากตายกันนักหรือไร!?

เขาต้องอยู่ที่นี่เพื่อคอยเฝ้าดูสถานการณ์ตรงหน้า แต่เจ้าพวกนั้นกลับมาสร้างความวุ่นวายอันใดกันตรงนี้!?

ครืน!

คลื่นที่มองไม่เห็นพุ่งเข้ามา! และตรงดิ่งไปที่ฉู่หลิวเยว่!

ท่าทีของเชียงหว่านโจวดูเย็นชาขึ้นมาทันที พลันก้าวไปข้างหน้า!

เปลวไฟสีน้ำเงินส่องแสงประกาย!

ตูม!

พลังทั้งสองปะทะกันอย่างดุเดือด!

มู่หงอวี่คว้าแขนของฉู่หลิวเยว่ทันที และรีบพานางถอยหลบอย่างไว

“หลิวเยว่! รีบไปกันเถอะ!”

ตรงนี้มันอันตรายเกินไป!

แต่ทว่าฉู่หลิวเยว่กลับคว้ามือนางเอาไว้ จากนั้นค่อยๆ หลีกทางให้

“พวกเจ้าถอยออกไปก่อน”

มู่หงอวี่ดูฉงนเล็กน้อย

“อันใดกัน?!”

เจ้าหมายความว่าอย่างใด?

“เจ้าจะไม่ถอยไปกับพวกข้า…อีกทั้งยังจะอยู่ที่นี่อย่างนั้นหรือ!?”

ฉู่หลิวเยว่จ้องไปยังค่ายกลที่อยู่ข้างหน้านางอย่างไม่ละสายตา

แสงสว่างส่องแสงแพรวพราวไปทั่วสารทิศ จนพวกเขาเกือบลืมตาไม่ขึ้น

แต่นางยังคงมองเห็นได้อย่างชัดเจน ลำแสงหลากสีกลางค่ายกล กำลังจางหายไปอย่างรวดเร็ว

นางสามารถเห็นกิ่งก้านและใบที่ม้วนหยิกของต้นฉัตรต้นนั้นแล้ว

ขอเพียงแค่…เพียงแค่เข้าไปใกล้อีกนิด…

“หลิวเยว่!”

มู่หงอวี่ตะโกนสุดเสียงและคว้ามือนางไว้อีกครั้ง

เย่หรานหร่านเตือนสติ

“หลิวเยว่! จากนี้ทัณฑ์สวรรค์ที่จะตามมา มีแต่จะแรงขึ้นเรื่อยๆ พวกเราถอยห่างออกมาก่อนเถอะ!”

ไม่ว่าฉู่หลิวเยว่ต้องการจะทำสิ่งใด อย่างใดก็ต้องรักษาชีวิตตนเองก่อนไม่ใช่หรือ?

ฉู่หลิวเยว่มองไปยังเชียงหว่านโจว พลางกดเสียงต่ำออกคำสั่งอย่างรวดเร็ว

“เสี่ยวโจว เจ้าพาสองคนนี้ออกไปเสีย!”

เชียงหว่านโจวหันกลับมา คิ้วและดวงตาอันงดงามนั้นเต็มไปด้วยความประหลาดใจ

เมื่อเห็นท่าทีที่มุ่งมั่นของฉู่หลิวเยว่ เขาก็เม้มริมฝีปากแล้วพยักหน้าเบาๆ

เนื่องจากเป็นคำสั่งของนาง ดังนั้นเขาจึงต้องเชื่อฟังและปฏิบัติตามโดยปราศจากเงื่อนไขใดๆ

เชียงหว่านโจวเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ก่อนจะดึงมู่หงอวี่และเย่หรานหร่านให้ถอยออกมา!

ความจริงสองคนนี้แทบจะสู้กำลังของเชียงหว่านโจวไม่ได้ และถูกลากออกไปอย่างมิอาจต้านทาน

เปรี้ยง!

ทัณฑ์สวรรค์สายที่เจ็ดผ่าลงมาสุดแรง!

ฉู่หลิวเยว่กำมือแน่น แล้วกระโดดข้ามออกไปข้างหน้า!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด