ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ 731 คนของข้า

Now you are reading ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ Chapter 731 คนของข้า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 731 คนของข้า

ซั่งกวนหว่านตกใจอย่างมาก! รีบถอยหลังทันที!

ในขณะเดียวกันก็สร้างม่านพลังเอาไว้ที่ด้านหน้าของตัวเอง!

ไม่รู้ว่าเพราะไฟสีเขียวนั่นหรือเปล่า ม่านพลังที่ปรากฏขึ้นมาตอนนี้จึงเป็นสีเขียวจางๆ

ตู้ม!

เปลวเพลิงสีชาดนั้นชนเข้าไปกับม่านพลังอย่างรุนแรง!

เสียงดังสนั่น!

ม่านพลังสั่นสะเทือนรุนแรง!

หัวใจของซั่งกวนหว่านเหมือนถูกอันใดบางอย่างบีบรัดจนแน่น ขยับตัวไม่ได้แล้วกองอยู่ที่พื้น นางจ้องมองไปที่เปลวเพลิงสีชาดด้วยความตกใจกลัวระคนโมโห นางกลัวว่าวินาทีต่อมาเปลวเพลิงนั้นจะพุ่งเข้ามาหานางได้!

แต่โชคดีที่ม่านพลังนี้แข็งแกร่งกว่าที่นางคิด

หลังจากการต่อสู้ที่ดุเดือด เปลวเพลิงสีชาดกลุ่มนั้นก็ยังคงถูกขัดขวางต่อไป

เพียงแต่สีของม่านพลังจะจางลงเล็กน้อย

แต่อย่างใดก็ตามในตอนนี้ซั่งกวนหว่านไม่ได้คำนึงถึงเรื่องนั้น

เมื่อนางเห็นว่าเปลวเพลิงสีชาดค่อยๆ ชะงักเล็กน้อยเพราะไม่สามารถทะลวงม่านพลังไปได้ ในที่สุดมันก็ล่าถอยออกไป ในตอนนั้นนางจึงถอนหายใจออกมา

ดูเหมือนว่าที่นางดูดกลืนพลังของคนอื่นไปจำนวนมากขนาดนี้ก็มีประโยชน์เหมือนกัน

แต่ทว่า…เปลวเพลิงก้อนนี้มาจากที่ใดกันแน่?

ซั่งกวนหว่านพยุงร่างกายของตัวเองให้ลุกขึ้นยืนอย่างยากลำบาก จากนั้นก็ก้าวไปด้านหน้าหนึ่งก้าว แล้วจ้องเปลวเพลิงนั้นตาเขม็ง

สีแดงเข้มแบบนี้…เหมือนว่านางเคยเห็นที่ไหนมาก่อน?

อีกทั้งเปลวเพลิงกลุ่มนี้ก็ลอยอยู่กลางอากาศอย่างเงียบๆ ไม่ก้าวขึ้นมา แล้วไม่ถอยหลัง

นี่เป็นความรู้สึกเหมือนกำลังถูกจ้องมอง และทำให้นางรู้สึกไม่สบายกายอย่างมาก

นางกัดฟันกรอด ต้องการจะกำจัดเปลวเพลิงเหล่านี้ให้พ้นทาง

แต่ในตอนนี้แค่นางจะหลบการโจมตีจากอีกฝ่ายก็ยังทำได้ยากเลย ถ้ามันพุ่งเข้ามาอีกครั้ง นางก็ไม่แน่ใจว่าจะเกิดอันใดขึ้น

นางเช็ดเลือดที่ริมฝีปากของตัวเอง

บนเกราะศักดิ์สิทธิ์ทองแดง ก็ยังมีคราบเลือดของนางอยู่ประปราย

เปลวเพลิงนี้…เปลวเพลิง…

จริงสิ!

ทันใดนั้นแววตาของซั่งกวนหว่านก็เปล่งประกายขึ้นมา!

…นี่มันเป็นเปลวเพลิงของฉู่หลิวเยว่ยามร่ายวิชาไม่ใช่หรือ?!

หรือว่าฉู่หลิวเยว่จะเป็นคนลงมือ?

“ไม่…เป็นไปไม่ได้…”

ซั่งกวนหว่านขมวดคิ้วเป็นปม

ฉู่หลิวเยว่อยู่ที่นี่ หรือว่านางจะมาช่วยตนเองได้หรือไม่ไม่สำคัญ แต่นางจะจัดการอีกฝ่ายอย่างใดนั่นเป็นเรื่องสำคัญที่สุด!?

นางมองไปทางเปลวเพลิงกลุ่มนั้น ทันใดนั้นแววตาของนางก็สว่างวาบ!

เหมือนว่าในเปลวเพลิงนี้จะมีเงาร่างที่เลือนรางอยู่!

นางจ้องอีกฝ่ายอย่างละเอียดแล้วกะพริบตาปริบๆ

ทันใดนั้นนางก็อ้าปากค้างทันที

…ด้านในนั้นเหมือนว่าจะเป็นไก่ฟ้าเก้าสีตัวหนึ่ง!

ไม่!

นี่มันแตกต่างจากไก่ฟ้าเก้าสีอยู่หลายส่วน!

อีกทั้ง…แรงกดดันก็แข็งแกร่งมาก!

ตอนนี้ในหัวของซั่งกวนหว่านเต็มไปด้วยการคาดเดา ทันใดนั้นเงาร่างในเปลวเพลิงก็เงยหน้าขึ้นอย่างกะทันหัน

จากนั้น…ก็เบิกตากว้าง!

ลำแสงที่งดงามสว่างขึ้น!

หัวใจของซั่งกวนหว่านเต้นอย่างไม่เป็นจังหวะ!

นางตอบสนองแทบจะในทันที จากนั้นก็พุ่งตัวไปด้านหน้า! นางเปลี่ยนพลังดั้งเดิมเป็นกระบี่ แล้วแทงเข้าไปอย่างรุนแรง!

แต่อย่างใดก็ตามกลุ่มเปลวเพลิงสีชาดก็ระเบิดตัวขึ้นในทันที!

ตู้ม!

ทันใดนั้นมันก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยทันที!

เป็นนางจริงๆ ด้วย!

ฉู่หลิวเยว่ลืมตาขึ้น จิดสังหารที่เย็นชาพาดผ่านแววตาอย่างรวดเร็ว

แม้ว่านางจะเห็นเพียงแวบเดียว แต่นางก็สามารถจำอีกฝ่ายได้อย่างแม่นยำว่านั่นคือซั่งกวนหว่านแน่นอน!

และเหมือนว่านางจะต่างไปจากก่อนหน้านี้เล็กน้อย

แม้ว่าใบหน้าและรูปร่างยังคงเหมือนเดิม แต่สีหน้าบนใบหน้า…เหมือนว่ามีอันใดบางอย่างไม่ถูกต้อง

แล้วอีกอย่างตรงหน้าผากของนางมีอักขระยันต์สีดำตัวหนึ่งปรากฏอยู่ ดูแล้วรู้สึกแปลกตาอย่างมาก

แต่สิ่งที่ทำให้นางรู้สึกรำคาญใจมากที่สุดก็คือ ซั่งกวนหว่านสวมเกราะศักดิ์สิทธิ์ทองแดงอยู่!

ฉู่หลิวเยว่เม้มริมฝีปากของตนเองแน่น ราวกับมีน้ำค้างแข็งมาเกาะอยู่บนใบหน้าแล้ว

นางได้รับเกราะศักดิ์สิทธิ์ทองแดงมาโดยบังเอิญ และนางก็ทะนุถนอมมันอย่างดีมาโดยตลอด

คิดไม่ถึงว่าตอนนี้ซั่งกวนหว่านจะเอาไปเป็นของตัวเองเช่นนี้!

“หลิวเยว่ เป็นอย่างใดบ้าง? รู้อันใดมาหรือ?”

เสียงของมู่หงอวี่ดึงสติของฉู่หลิวเยว่ให้กลับคืนมา

นางหลับตาลงแล้วเงยหน้าขึ้น

แววตาของนางค่อยๆ สงบลง

นางพยักหน้า

“เหมือนว่าใจกลางของหล่มโคลนจะมีคนอยู่ แต่ว่าข้าเห็นไม่ชัดว่าคนผู้นั้นคือใคร?”

“สามารถสำรวจได้ขนาดนั้นก็สุดยอดมากแล้ว!” มู่หงอวี่พูดขึ้น

ฉู่หลิวเยว่ยิ้มบางๆ แล้วลูบเข้าที่ไหล่ของถวนจื่อ

“ข้าล้วนต้องพึ่งถวนจื่อทั้งนั้น”

เมื่อครู่นางโน้มน้าวให้ถวนจื่อช่วยเหลือ

ตอนนี้มันเป็นสัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์แล้ว อีกทั้งมันอยู่ที่นี่เป็นเวลาหนึ่งปีกว่า มันย่อมรู้ตำแหน่งของที่นี่อย่างชัดเจนอยู่แล้ว

และก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ มันสามารถหาตำแหน่งของซั่งกวนหว่านได้ทันที!

และเพราะว่านางได้ทำพันธสัญญากับถวนจื่อแล้ว ใจสื่อถึงกัน มันจึงเป็นเรื่องง่ายที่จะเห็นสิ่งที่มันเห็นด้วยเช่นกัน

ซั่งกวนหว่านระมัดระวังอย่างมาก เพื่อความปลอดภัยนางจะไม่ปล่อยให้ถวนจื่ออยู่ที่นั่นนานเกินไป เมื่อมองอยู่ครู่หนึ่ง มันก็รีบถอนตัวออกมาทันที

ไม่ปล่อยให้ซั่งกวนหว่านหาเบาะแสเจอเด็ดขาด

นึกถึงตอนสุดท้ายที่ซั่งกวนหว่านรู้สึกตัวขึ้นมา และมีสีหน้าดุร้ายมากขึ้น ฉู่หลิวเยว่ก็หัวเราะเสียงเย็นในใจ

ซั่งกวนหว่านทำเรื่องที่น่ารังเกียจมากมายในที่ลับ ดังนั้นซั่งกวนหว่านจึงกังวลมากกว่าใคร และกลัวคนพบมากที่สุด

ต่อให้นางเป็นองค์หญิงสามที่สูงส่งของราชวงศ์เทียนลิ่ง แต่ถ้าเรื่องนี้ถูกเผยแพร่ออกไป นางจะต้องไม่มีหนทางให้เดินต่อไปอย่างแน่นอน

นางใช้วิธีเลวทรามเพื่อดูดกลืนพลังดั้งเดิมของคนอื่น คร่าชีวิตผู้คน เพื่อฟื้นฟูเส้นทางบำเพ็ญเพียรของตนเอง…

หากเรื่องเช่นนี้ถูกเปิดโปง สิ่งที่รอคอยนางอยู่ก็คือ ถูกคนเป็นหมื่นๆ แสนๆ ประณาม และลงโทษไม่ให้ผุดไม่ให้เกิดตลอดกาล!

และแน่นอนว่านางกลัว!

เมื่อครู่นี้ซั่งกวนหว่านคงกลัวจนตื่นตระหนกเลยล่ะสิท่า?

เมื่อคิดถึงตรงนี้อารมณ์ของฉู่หลิวเยว่ก็ดีขึ้นมาก

นางหันไปมองทางมู่ชิงเห่อ

“รองแม่ทัพมู่ สถานการณ์ของนายทหารเหล่านี้เป็นอย่างใดบ้าง?”

มู่ชิงเห่อเพิ่งแจกยาให้กับนายทหารชุดสุดท้ายเสร็จ

เมื่อได้ยินดังนั้น เขาก็เงยหน้าขึ้นมา แล้วมองทางฉู่หลิวเยว่ด้วยสายตาซับซ้อน

“มีสี่คนไม่ไหวแล้ว อีกยี่สิบเอ็ดคนบาดเจ็บสาหัส ส่วนที่เหลือสบายดี”

ฉู่หลิวเยว่กวาดสายตามองคนเหล่านั้น

สถานการณ์เมื่อครู่อันตรายมาก แต่จำนวนคนบาดเจ็บและล้มตายดีกว่าที่คาดไว้มาก

นั่นเป็นเพราะว่านายทหารม้าทมิฬกลุ่มนี้ ส่วนใหญ่เคยเป็นคนที่อาศัยอยู่ในแดนภังคะมาก่อน

ถ้าเปลี่ยนเป็นนายทหารธรรมดา ผลลัพธ์คงจะต้องแย่กว่านี้อย่างแน่นอน

มู่ชิงเห่อชะงักไปเล็กน้อยแล้วพูดว่า

“ขอบคุณมาก”

ฉู่หลิวเยว่ยิ้มจางๆ

“เมื่อครู่รองแม่ทัพมู่พูดขอบคุณไปแล้วไม่ใช่หรือ? ที่สามารถช่วยเหลือพวกเขาได้ เป็นเพราะความพยายามของทุกคนต่างหาก รองแม่ทัพมู่ไม่ต้องมาขอบคุณข้าคนเดียวหรอก”

มู่ชิงเห่อเม้มริมฝีปากแน่น

แม้ว่าฉู่หลิวเยว่จะพูดอย่างเป็นกลาง แต่เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ ทุกคนต่างมองเห็นได้อย่างชัดเจน

ทั้งหมดนี้เป็นเพราะฉู่หลิวเยว่รับผิดชอบ

ถ้าไม่ได้นางและกษายะหางวายุลงมือตัดรากไม้ที่เลื้อยพันอยู่ และเผาพวกมันอีกมากกว่าครึ่ง ต่อให้พวกเขาที่เหลืออยากช่วยเหลือ แต่ก็ไม่มีทางลงมือได้แน่นอน

การเคลื่อนไหวที่รวดเร็วคล่องแคล่วของนางทำให้ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก

พวกเขาถึงได้เข้าใจแล้วว่าฉู่หลิวเยว่ที่เป็นจอมยุทธ์ระดับห้า แข็งแกร่งกว่าที่พวกเขาจินตนาการเอาไว้เสียอีก!

ฉู่หลิวเยว่ไม่ยิ้มรับความดีความชอบ แต่มู่ชิงเห่อก็ไม่อยากรับบุญคุณเหล่านี้ไว้อย่างสบายใจ

กลุ่มทหารม้าทมิฬมีความสำคัญต่อเขาอย่างมาก สามารถช่วยคนเหล่านี้กลับมาได้ ในใจของเขาก็รู้สึกซาบซึ้งอย่างมาก

“ในฐานะรองแม่ทัพแห่งทหารม้าทมิฬ โปรดรับคำขอบคุณนี้ไว้ด้วย”

ฉู่หลิวเยว่ทัดผมลงที่ข้างหูของตนเองแล้วพูดอย่างยิ้มๆ ว่า

“รองแม่ทัพมู่ไม่ต้องเกรงใจ นี่เป็นเรื่องสมควรแล้ว”

คนของนาง ไม่ว่าอย่างใดนางก็ต้องช่วย

“พวกเรารีบไปที่ใจกลางของหล่มโคลนนี้เถิด เราต้องจับมือมืดที่อยู่เบื้องหลังนั้นให้ได้!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด