ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ 591 รหัสลับ [รีไรท์]

Now you are reading ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ Chapter 591 รหัสลับ [รีไรท์] at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 591 รหัสลับ [รีไรท์]

จะว่าไปแล้ว ในซีหลิงนั้นมีคนคนหนึ่ง ที่สามารถจ่ายเงินขนาดนี้ได้ในครั้งเดียว

อีกทั้งคนคนนั้นจะต้องเลือกวิธีประมูลเพื่อให้ได้ตัวมู่หงอวี่กลับไปอย่างแน่นอน

…ฉู่หลิวเยว่

เพียงแต่เขาไม่รู้ว่าคนคนนั้นจะใช่นางจริงๆ หรือไม่?

“เป็นอันใดไปหรือ? เจ้าคิดอันใดได้อย่างนั้นหรือ?” สุ่ยหลิ่วเอ๋อร์ถามขึ้นมาอย่างประหลาดใจ

มือข้างหนึ่งของเจี่ยนเฟิงฉือก็ลูบไปที่พัดกระดูกอย่างไม่รู้ตัว

“ห้องส่วนตัวที่ชั้นสาม จะไม่มีทางรู้ว่าอีกฝ่ายคือใคร ใช่หรือไม่…”

สุ่ยหลิ่วเอ๋อร์พยักหน้าอย่างเข้าใจทันที

“เจ้าอยากสืบฐานะของอีกฝ่ายใช่หรือไม่?”

เจี่ยนเฟิงฉือพยักหน้า แต่ก็ส่ายหน้า

“ไม่ ข้าแค่อยากจะมั่นใจเท่านั้น ว่าใช่นางหรือไม่…”

ถ้าเป็นฉู่หลิวเยว่ละก็ เขาจะได้วางมือจากการประมูลนี้

ถ้าไม่ใช่…เช่นนั้นไม่ว่าอย่างใดเขาก็จะต้องชนะการประมูลครั้งนี้ให้ได้!

“เจ้ามีวิธีหรือไม่?” เขามองสุ่ยหลิ่วเอ๋อร์

“เจ้าคิดว่าข้าเก่งทุกเรื่องหรืออย่างใด? การคุ้มกันของหออวี่เซี่ยงหนาแน่นอย่างมาก อยากสืบฐานะของคนที่อยู่ห้องส่วนตัวชั้นสามนั้น ยากเหมือนขึ้นสวรรค์!

สุ่ยหลิ่วเอ๋อร์เหลือบสายตามองเขา

เจี่ยนเฟิงฉือครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็คิดได้

มีแล้ว!

“หกล้านหกแสน!”

เขาเสนอราคาอีกครั้ง!

ฉู่หลิวเยว่ขมวดคิ้วแน่น

อีกฝ่ายเสนอราคาอีกครั้งจริงๆ ด้วย

หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ไม่แน่ว่า…

“นี่คือการประมูลครั้งสุดท้ายของวันนี้แล้ว ข้าจะต้องได้มาครอบครอง! ไม่ว่าใครก็ตามที่คิดจะเสนอราคา ข้าจะเพิ่มเงินอีกสิบส่วน!”

อีกฝ่ายกล่าวเสริม

ฉู่หลิวเยว่ชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็มีแสงสว่างวาบเข้ามาในสมองของนาง!

นั่นคือ…เจี่ยนเฟิงฉือหรือ!?

นอกจากเขาแล้วไม่มีใครพูดเช่นนี้แน่นอน!

ฉู่หลิวเยว่ทั้งประหลาดใจทั้งดีใจ

เห็นได้ชัดว่าเขากำลังหยั่งเชิงนางอยู่!

นางเงียบไปครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า

“ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ข้าก็ขอถอนตัว!”

“เป็นนางจริงๆ ด้วย!”

เจี่ยนเฟิงฉือถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ทั่วทั้งร่างหนาวเย็น จากนั้นค่อยรู้สึกตัวว่าแผ่นหลังของเขามีเหงื่อเย็นๆ ผุดขึ้นมามากมาย

น่าจะเป็นเพราะตื่นเต้น…

เขาเม้มริมฝีปากแน่น และรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยมีความรู้สึกแบบนี้มาก่อนเลย…

เมื่อครู่ยังไม่รู้สึกตัว ตอนนี้เพิ่งนึกขึ้นได้ว่า ปฏิกิริยาของเขามันคงจะมากเกินไปหน่อย…

“ตอนนี้เจ้าคงวางใจได้แล้วสินะ?” สุ่ยหลิ่วเอ๋อร์ที่อยู่ด้านข้างก็อดที่จะหยอกล้อไม่ได้ “กลับไปแล้วเจ้าก็มาสารภาพกับข้าด้วย ว่าเจ้าเป็นอันใดกับแม่นางคนนั้น!”

เจี่ยนเฟิงฉือเป็นคนที่ร้อยบุปผารายล้อม กลับมิอาจแปดเปื้อนแม้เพียงกลีบเดียว**

นี่น่าจะเป็นครั้งแรกที่เขากระวนกระวายเพื่อผู้หญิงคนหนึ่ง…

ริมฝีปากของเจี่ยนเฟิงฉือยกขึ้นเล็กน้อย

“จะเป็นอันใดกันได้เล่า แค่สหายทั่วไปเท่านั้น”

แต่สุ่ยหลิ่วเอ๋อร์กลับไม่เชื่อ

“แม่นางเช่นข้าก็เป็นสหายของเจ้า เหตุใดเจ้าดูไม่กระวนกระวายเช่นนั้นบ้างเล่า?”

เจี่ยนเฟิงฉือมองนางด้วยความเย็นชา

สุ่ยหลิ่วเอ๋อร์ขมวดคิ้ว

“เจ้าจะไม่พูดก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวข้าจะกลับไปถามนางเอง! ร่างซวีหยวน…สายตาของเจ้านี่ไม่เลวเลยนะ…”

เจี่ยนเฟิงฉือ “…”

ก่อนหน้านี้เขาก็ไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน!

แต่เมื่อเห็นว่าสุ่ยหลิ่วเอ๋อร์ตัดสินใจไปแล้ว เขาก็ขี้เกียจอธิบาย อธิบายไปก็ไม่มีประโยชน์

แต่ว่าเรื่องสำคัญที่สุดในตอนนี้ เขาจะต้องรีบไปพามู่หงอวี่มาที่นี่ให้เร็วที่สุด

ในตอนนั้นซ่งเจิงก็ขานราคาอีกสองครั้ง แต่ก็ไม่มีใครตอบรับสักคน

เขามองไปรอบๆ

“หกล้านห้าแสนผนึกศิลาขาว ครั้งที่สาม! สิ้นสุดการประมูล!”

หลังจากจบการประมูลมู่หงอวี่แล้ว ทันใดนั้นภายในห้องส่วนตัวของฉู่หลิวเยว่ก็มีเสียงประหลาดดังขึ้น

นางหันหลังกลับไปมอง จากนั้นก็เห็นว่ามีช่องว่างสีดำช่องหนึ่งปรากฏขึ้นบนพื้นอย่างกะทันหัน

จากนั้นหยกสีขาวรูปร่างสี่เหลี่ยมก็ค่อยๆ ลอยขึ้นมา

นี่คือเครื่องมือเฉพาะของหออวี่เซี่ยงเพื่อสำหรับเรียกเก็บเงินลูกค้า

ฉู่หลิวเยว่วางแหวนเฉียนคุนเอาไว้บนนั้น ทันใดนั้นเงินหนึ่งหมื่นผนึกศิลาขาวก็หล่นลงไปในหินสีขาวก้อนนั้น

หลังจากที่ของตกลงไปด้านล่างแล้ว

หลังจากนั้นไม่นานก็มีกระบี่เล่มหนึ่งถูกส่งกลับมา

นั่นคือกระบี่เทพเมฆาสำริด!

ฉู่หลิวเยว่รู้สึกดีใจอย่างมาก จากนั้นก็ค่อยๆ หยิบกระบี่เล่มนั้นขึ้นมาอย่างเบามือ

ตัวกระบี่เล่มนี้เป็นสีทองแดงสำริด มีเพียงด้ามกระบี่เท่านั้นที่ดูเหมือนนกยูงสีฟ้า

ก่อนหน้านี้นางมองจากระยะไกล ทำให้เห็นไม่ชัดเจน

แต่ตอนนี้เมื่อกระบี่มาอยู่ในมือแล้ว นางจึงสามารถสัมผัสถึงความหนักของกระบี่เล่มนี้

ตอนนั้นฉู่หลิวเยว่ก็คิดขึ้นได้ว่า…เงินหนึ่งหมื่นผนึกศิลาขาวที่เสียไปนั้น ช่างคุ้มค่าอย่างมาก!

นางชมของสิ่งนั้นอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็เก็บมันลง

กรงสีดำขนาดใหญ่ที่อยู่กลางห้องโถงในงานประมูลก็ได้หายไปแล้ว

พวกเขาน่าจะส่งมู่หงอวี่ไปยังคนที่สามารถประมูลนางได้

เมื่อนึกถึงสภาพน่าสงสารของมู่หงอวี่ที่ได้เห็นเมื่อครู่นี้ หัวใจของฉู่หลิวเยว่ก็เหมือนถูกอันใดบางอย่างทิ่มแทงหัวใจ

นางรีบออกจากห้องส่วนตัวด้วยความรวดเร็ว

แม้ว่าที่ชั้นสามจะมีห้องส่วนตัวจำนวนไม่น้อย แต่ละห้องนั้นก็เป็นอิสระอยู่ห่างออกจากกัน

โดยห้องส่วนตัวแต่ละห้องนั้นมีทางลงไปยังชั้นสองโดยตรง

ดังนั้น ไม่ว่าด้านบนหรือด้านล่างจะเข้าหรือว่าจะออก ก็สามารถรับรองความเป็นส่วนตัวได้อย่างแน่นอน

จากนั้นฉู่หลิวเยว่ก็เลือกที่จะออกจากหออวี่เซี่ยงโดยตรง

ตอนที่เดินมาถึงที่หน้าประตู ก็เห็นว่ามีคนจำนวนไม่น้อยกำลังออกมาเช่นกัน

ฉู่หลิวเยว่ก็เดินปะปนอยู่ในกลุ่มนั้น บางครั้งก็ได้รับสายตาของความสนใจ

แต่คนพวกนั้นก็แค่มองมาแล้วก็มองผ่านไป

ฉู่หลิวเยว่ได้ยินอย่างชัดเจน ว่าพวกเขากำลังคุยกันเรื่องงานประมูลที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ อีกทั้ง…ข่าวลือของร่างซวีหยวน!

ใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งวัน เรื่องนี้จะต้องแพร่กระจายไปทั่วเมืองหลวงอย่างแน่นอน!

ฉู่หลิวเยว่ก็เดินออกจากประตูมา ก่อนจะรอในตำแหน่งที่อยู่ไม่ไกลจาก

หลังจากผ่านไปสักพัก ผู้คนก็ทยอยกลับกันไปหมดแล้ว ในที่สุดเงาร่างของเจี่ยนเฟิงฉือก็ปรากฏขึ้นในสายตาของฉู่หลิวเยว่!

ข้างกายของเขายังมีสุ่ยหลิ่วเอ๋อร์ด้วย

แล้วก็…มู่หงอวี่!

ใบหน้าของนางซีดขาว นางเดินกะเผลกอยู่ด้านข้างของเจี่ยนเฟิงฉือ

แต่ว่าอย่างใดก็ตามสีหน้าของนางดูตื่นเต้นดีใจอย่างมาก นางกำลังคุยกับสุ่ยหลิ่วเอ๋อร์ที่อยู่ด้านข้างอย่างออกรสออกชาติ

“ที่นี่คือราชวงศ์เทียนลิ่งจริงๆ หรือ? งั้น…ฉู่หลิวเยว่ล่ะ? นางไม่ได้อยู่ที่นี่ด้วยหรือ?”

ฉู่หลิวเยว่สาวเท้าไปด้านหน้าทันที!

“หงอวี่!”

**สำนวน จากวรรณกรรมเรื่องหมู่ตานถิง แปลว่า บุรุษผู้หนึ่งซึ่งรูปงามมาก จนหญิงสาวต่างชื่นชอบ แต่เขากลับไม่สนใจหญิงสาวเหล่านั้นแม้แต่คนเดียว

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *