ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ 222 อันดับที่หนึ่งชั่วคราว! [รีไรท์]

Now you are reading ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ Chapter 222 อันดับที่หนึ่งชั่วคราว! [รีไรท์] at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 222 อันดับที่หนึ่งชั่วคราว! [รีไรท์]

ในเวลาเดียวกัน ลมปราณในร่างกายของซือถูจื่อเยว่ก็ลดลงอย่างรวดเร็ว ชีพจรของเขาและดาบหลิงเซียวอยู่ที่เดียวกันเต้นช้าลงเรื่อยๆ ในตอนนี้ท่วงท่าของเขาถูกทำลายลงและจะถูกกลืนกินโดยธรรมชาติ

ภายในใจของเขาขุ่นเคืองขึ้นอีกครั้ง ซือถูจื่อเยว่ขยับตัวและต้องการจะลุกขึ้นแต่อาจรีบร้อนเกินไปการเคลื่อนไหวนี้ทําให้เขาทรุดตัวลงกับพื้นในสภาพตกต่ำ กระอักเลือดออกมาสองสามครั้ง และใบหน้าของเขาซีดราวกับผี!

“ท่านพี่!” ซือถูซิงเฉินลุกขึ้นด้วยความตื่นตระหนก รีบตรงไปที่สนามประลองทันที และเมื่อนางอยู่ขอบสนาม จู่ๆ ก็มีเสียงหนึ่งเอ่ยดังขึ้นให้นางได้ยิน

“องค์หญิงใหญ่ซือถู ถ้าเจ้าขึ้นเวทีตอนนี้ เขาแพ้แน่” ซือถูซิงเฉินตัวแข็งทื่อทันทีหยุดฝีเท้าลง แล้วหันกลับไปมอง

ฉู่หลิวเยว่ยืนอยู่บนเวที มองดูนางที่แสดงทีท่าด้วยความเกียจคร้านที่เหมือนยิ้มแต่ก็ยังไม่ยิ้ม มือในแขนเสื้อของซือถูซิงเฉินกำแน่นทันที!

“ฉู่หลิวเยว่!”

“เรียกข้าทำไมหรือ ข้าก็อยู่นี่” ฉู่หลิวเยว่ดูเหมือนจะไม่ได้ยินดียินร้ายกับความโกรธในการเรียกของซือถูซิงเฉินเลย กลับกันนางยังเชิดหน้าขึ้น

“ข้าเห็นแก่พี่ชายของเจ้าที่ยังอยากจะสู้อีกครั้ง มันจะดูไม่เหมาะสมหากเจ้าจะขึ้นมาตอนนี้” สีหน้าของซือถูซิงเฉินเปลี่ยนไปทันใด นางมองไปที่ซือถูจื่อเยว่อีกครั้ง

นางที่ขยับไปยืนใกล้ๆ เห็นเลือดที่เลอะเทอะบนใบหน้าของเขาได้อย่างชัดเจน หัวใจของนางเหมือนถูกแทงด้วยดาบ ความเจ็บปวดนั้นไม่มีที่สิ้นสุด

“ท่านพี่!”

ซือถูจื่อเยว่ที่ได้ยินเสียงของนาง เงยหน้ามองขึ้นด้วยความยากลำบาก

“ซิงเฉิน…เจ้า…กลับไป” ขณะพูดเขาพยายามพยุงร่างของตัวเองให้ลุกขึ้นยืน

แต่อาการบาดเจ็บภายในของเขารุนแรงเกินไป เขาล้มลงอีกคราในขณะที่เขาพยายามลุกขึ้น ดวงตาของซือถูซิงเฉินเต็มไปด้วยน้ำตาเอ่อล้น ในความคิดของนางซือถูจื่อเยว่เป็นผู้ฝึกยุทธ์อัจฉริยะที่โดดเด่นที่สุดมาโดยตลอด เขาเป็นคนมีจิตใจแข็งแกร่งและฮึกเหิม นางจึงภาคภูมิใจอยู่เสมอ ไม่เคยมีช่วงเวลาที่น่าอับอายเช่นนี้ และคนที่เป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดนี้คือฉู่หลิวเยว่!

“ท่านพี่…”

ซือถูซิงเฉินถูกกีดกันไม่ให้เข้าไปยังลานประลอง ทั้งที่ทุกคนก็เห็นว่าตอนนี้เขาไม่มีแรงจะสู้แล้ว แม้ว่าพลังของฉู่หลิวเยว่จะหมดลง ริมฝีปากของนางก็ซีด แต่นางกลับไม่ได้รับบาดเจ็บเลย หากทั้งสองยังประลองกันต่อตอนจบอาจจะไม่เปลี่ยนแปลง แต่มันจะทำให้ในตอนจบพี่ชายของนางดูน่าเกลียดยิ่งขึ้นไปอีก

นางไม่สามารถเอ่ยออกไปได้ คนที่ภูมิใจในตัวพี่ชายจะยอมรับว่าแพ้ให้กับผู้ฝึกยุทธ์ระดับสองได้อย่างไร ฉู่หลิวเยว่มองดูซือถูซิงเฉิน แล้วยกยิ้มขึ้นมา

“ถ้าเจ้าต้องการจะดำเนินต่อ ข้าจะประลองกับเจ้าจนจบ”

ความหมายก็คือ ถ้าซือถูจื่อเยว่ไม่ยอมรับความพ่ายแพ้โดยสมัครใจ นางจะประลองต่อ!

ทุกคนต่างมองดูเหตุการณ์นี้ด้วยความคิดที่ซับซ้อน

ก่อนเริ่มการประลอง ไม่สิแม้ก่อนธูปหอมนั้นจะหมด ใครจะคิดว่าฉู่หลิวเยว่จะได้เปรียบในท้ายที่สุด ยิ่งไปกว่านั้นนางยังสามารถประจันหน้ากับซือถูจื่อเยว่มาถึงจุดดังกล่าวได้

ในที่สุดเฉิงหันก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป กล่าวด้วยใบหน้าบูดบึ้ง

“ซิงเฉิน ช่วยพี่ชายของเจ้าลงมา!” ซือถูซิงเฉินเหลือบมองเฉิงหันอย่างลังเล ในที่สุดก็จับยกมุมกระโปรงขึ้นเพื่อเตรียมขึ้นเวที

“ไม่…ไม่” ซือถูจื่อเยว่ส่ายหน้าไปมา คิ้วของเขาขมวดขึ้น

ถ้าก้าวลงตอนนี้ ก็ถือว่าแพ้อย่างสมบูรณ์ใช่หรือไม่

“นำเขาลงมา!” เสียงของเฉิงหันตะคอกดังขึ้น ซือถูซิงเฉินจากที่ชะงักชั่วคราวกับคำของพี่ชายแต่ในที่สุดนางก็ก้าวขึ้นเวทีไป

ฝูงชนเงียบไปครู่หนึ่ง นี่หมายความว่า…ซือถูจื่อเยว่แพ้แล้ว!

“ท่านพี่ เราลงไปกันเถอะ”

ซือถูซิงเฉินพยุงแขนของพี่ชาย กล่าวขึ้นด้วยความลำบากใจ ซือถูจื่อเยว่รู้สึกโกรธมากจนสะบัดมืออย่างแรงเพื่อพยายามสลัดนางออก อย่างไรก็ตามด้วยแรงของเขาที่น้อยลงทำให้เขาไม่สามารถหลุดพ้นจากมือของซือถูซิงเฉินได้

นางกัดริมฝีปากล่างของตัวเอง จากนั้นนางก็เข้าใจว่าเหตุใดท่านอาจารย์ถึงให้นางขึ้นมาช่วยพี่ชายของนางลงไปจากการเวทีการประลองโดยตรง นั่นเพราะเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส นางอดไม่ได้ที่จะช่วยพยุงยกซือถูจื่อเยว่ขึ้น

“ท่านพี่ ถ้ามีเรื่องอื่นอันใดค่อยกลับไปคุยกันได้หรือไม่” แต่ซือถูจื่อเยว่ไม่อยากจากไปเช่นนี้ นั้นมันเป็นความอัปยศอย่างมาก แม้เขาจะรู้สภาพร่างกายของตัวเองดี และต่อให้เขาคิดที่จะอยู่ต่อก็ไม่มีโอกาสชนะเช่นกัน

เขามองลึกเข้าไปที่ดวงตาของฉู่หลิวเยว่ แววตาของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ และความขุ่นเคืองฉู่หลิวเยว่ไม่ได้สนใจสายตานั้น นางยังคงยิ้มและโบกมือ

“ค่อยๆ เดินล่ะ”

ซือถูจื่อเยว่กระอักเลือดออกมาอีกครั้งหนึ่ง ซือถูซิงเฉินรู้สึกไม่พอใจในที่สุดนางก็อดไม่ได้ที่จะหันหน้ากลับไปจ้องที่ฉู่หลิวเยว่พลางเอ่ยขึ้น

“อาจารย์เคยบอกข้าว่า อย่าท้อแท้เมื่อพ่ายแพ้ อย่าเย่อหยิ่งเมื่อตนชนะ มิฉะนั้นเมื่อไรที่มีการหกคะเมนครั้งใหญ่ในเวลานั้นเจ้าจะต้องเจ็บปวดมากอย่างแน่นอน”

ฉู่หลิวเยว่เพียงกะพริบตา

“เจ้าสำนักเฉิงหันเป็นที่เคารพนับถืออย่างสูงจริงๆ สิ่งที่เจ้าพูดก็สมเหตุสมผล เพียงแต่…”

นางหันไปมองและหยุดลงที่ซือถูจื่อเยว่ กล่าวด้วยความเสียใจ

“น่าเสียดาย พี่ชายของเจ้าดูเหมือนจะไม่เคยได้ยินเรื่องนี้ เจ้าเห็นว่านี่คือจุดที่ข้าได้หกคะเมนครั้งใหญ่หรือ”

ซือถูซิงเฉินถึงกับสำลักนางไม่เคยเห็นคนไร้ยางอายเช่นนี้ที่สับสนขาวดำ!

ซือถูจื่อเยว่กําลังจะหมดสติ เขายกแขนขึ้นราวกับอยากทำอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายแขนของเขาก็ห้อยลงอย่างอ่อนแรง “ข้าหวังว่าเจ้าจะภูมิใจเสมอ”

ซือถูซิงเฉินมองลึกไปที่ดวงตาของฉู่หลิวเยว่แล้วไม่พูดอะไรอีก หันกลับมาและจากไปพร้อมกับซือถูจื่อเยว่

ฉู่หลิวเยว่มองไปที่ด้านหลังของทั้งสองคนที่จากไป มุมปากของนางโค้งขึ้นเล็กน้อย

“ขอบใจสำหรับพรของเจ้า! ข้าจะพยายามให้ดีที่สุดอย่างแน่นอน!”

ซือถูซิงเฉินเดือดพล่านอยู่ครู่หนึ่ง คนผู้นั้นเกี่ยวข้องกับฉู่หลิวเยว่ได้อย่างไร

ทรยศ เจ้าเล่ห์ ร้ายกาจ!

เขาคิดอันใดอยู่หรือเพียง…เพราะใบหน้านั้นอย่างนั้นหรือ ใบหน้าของซือถูซิงเฉินเต็มไปด้วยความกังวล หลังจากที่ช่วยซือถูจื่อเยว่ลงมา นางก็ไม่สามารถสงบใจลงได้

อย่างไรก็ตาม ฉู่หลิวเยว่ไม่ได้คำนึงถึงพวกเขาเลย ตอนนี้นางสนใจเพียงแค่สิ่งเดียวเท่านั้น

“ผู้อาวุโสซุน ตามกฎแล้ว ตอนนี้ข้า…ผ่านเข้ารอบที่สองใช่หรือไม่”

ซุนจ้งเหยียนไม่สามารถอธิบายด้วยอาการที่ยังคงตกตะลึงอยู่ ท่าทีของฉู่หลิวเยว่ ทำให้เขาภาคภูมิใจ และปลาบปลื้มใจเป็นอย่างยิ่งเมื่อนึกถึงความเป็นไปได้นั้นอีกครั้ง เขามองไปที่ฉู่หลิวเยว่ในเวลานี้ พลางเอ่ยตอบ

“ใช่อย่างแน่นอน!” เขามองไปรอบๆ กล่าวอย่างกระตือรือร้น

“ในการประลองครานี้ ฉู่หลิวเยว่จากสำนักเทียนลู่ชนะ! อันดับชั่วคราวของงานสมาคมเยาวชน ฉู่หลิวเยว่ประสบความสำเร็จในการท้าดวลคือ อันดับที่หนึ่ง!”

เสียงทุ้มลึกดังกึกก้องไปทั่วสนามการประลองในทันที

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *