ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ 179 น่ารำคาญ

Now you are reading ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ Chapter 179 น่ารำคาญ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 179 น่ารำคาญ

ฉู่หลิวเยว่ว่าเขานั้นหน้าไม่อาย ทว่าใบหูของนางกลับร้อนผ่าว

โชคดีที่ตอนนี้มืดแล้ว เขาน่าจะมองเห็นไม่ชัด

นางสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อสงบสติอารมณ์ จากนั้นขึ้นไปบนชั้นสองราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“ตอนนี้องค์ชายมีที่พักอาศัยของตนเองในสำนักแล้ว เหตุใดวันๆ ยังต้องวิ่งมาหาข้า?”

หรงซิวไม่ตอบ ทว่าเหมือนจะยิ้มแต่กลับไม่ยิ้ม

“ตำแหน่งตรงนี้ของเจ้าดีมาก ไม่ว่าข้าจะทำสิ่งใด เจ้าเพียงแค่มองจากตรงนี้ก็สามารถเห็นข้าได้อย่างชัดเจน ด้วยเหตุนี้ข้าจึงต้องมาด้วยตนเอง”

ฉู่หลิวเยว่ชะงัก

“องค์ชาย ข้าเลือกที่นี่ก่อน”

หากนางรู้ว่าหรงซิวจะมา หรือว่าอยู่ที่ตรงนั้น นางจะไม่เลือกที่นี่อย่างแน่นอน

นางเดินไปยังตู้ พลางหยิบขิงฝานออกมา แล้วใส่ลงในถ้วยชา

เติมน้ำร้อนลงไป รสขมและรสเผ็ดร้อนแผ่ซ่านอย่างรวดเร็ว

นางรินน้ำชาหนึ่งถ้วย แล้วส่งให้เขา

“เชิญ องค์ชาย”

หรงซิวยิ้ม พลางเหลือบมอง

“เหตุใดต้องเป็นชาขิงทุกครั้งที่ข้ามา?”

ฉู่หลิวเยว่พูดอย่างจริงจัง “ที่นี่ไม่มีชารสเลิศ หากท่านเต็มใจก็เชิญดื่ม แต่ถ้าหากไม่ก็มิต้องฝืน”

หรงซิวยิ้มมุมปาก และดึงถ้วยชาจากมือนาง

มือของทั้งสองสัมผัสกัน

ฉู่หลิวเยว่เหลือบมองเขา ทว่ากลับเห็นสีหน้าของเขาปกติราวกับไม่รู้ว่ายามนี้ไม่ปกติ

หน้ายังหนาเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน!

ฉู่หลิวเยว่ต่อว่าในใจ

“บนตัวของเจ้ามีกลิ่นยา เมื่อวานเจ้าหลอมยาทั้งคืนหรือ?”

หรงซิวจิบชา พลางจับจ้องไปยังใบหน้าของนาง และรอยยิ้มของเขาก็ค่อยๆเลือนราง

ฉู่เหลิวเย่วตาโตเล็กน้อย “องค์ชายรู้ได้อย่างไร?”

หรือว่าเมื่อวานเขามา?

ไม่ นางจำไม่ได้ว่าเขามา?

หรงซิวเชยคางนางขึ้น

ฉู่หลิวเยว่เอื้อมมือมาลูบหน้าตนเอง “มีสิ่งใดติดหน้าข้าหรือ?”

หรงซิวถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ พร้อมทั้งหัวเราะเบาๆ

คนฉลาดมักจะสับสนในเวลาแบบนี้

เขาก้าวเข้ามาใกล้อีกสองสามก้าว และยืนอยู่ตรงหน้าฉู่หลิวเยว่

การอยู่ใกล้ร่างสูงใหญ่ ทำให้รู้สึกถูกกดขี่อย่างอธิบายไม่ถูก

จากนั้น เขาก็ยื่นมือออกมา

ฉู่หลิวเยว่กำลังจะก้าวถอยหลัง ทว่าดวงตากลับสอดประสานกับเขา

ราวกับว่ามีคลื่นน้ำไหลเชี่ยวที่เต็มไปด้วยความหวงแหนภายใต้ดวงตาที่สงบและลึกซึ้ง

ร่าวกายของฉู่หลิวเยว่แข็งทื่อ ขยับเขยื้อนไม่ได้

นิ้วอันอบอุ่นของหรงซิวสัมผัสที่ใต้ตาของนาง

ภายใต้เสียงไฟสามารถเห็นรอยคล้ำจางๆ ใต้ตาของนางได้อย่างชัดเจน

หากไม่อยู่ทั้งคืนคงไม่เกิดเรื่องแบบนี้

“แค่เพื่อนร่วมชั้นผู้หนึ่ง มันคุ้มค่าหรือ?”

เขาพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำและสีหน้าที่อยากจะคาดเดา

ฉู่หลิวเยว่เม้มริมฝีปาก

นางไม่ใช่คาดไม่ถึงว่าหรงซิวจะรู้ว่านางกำลังช่วยเลี่ยวจงซู เพราะถึงอย่างไรนางตั้งใจที่จะล่องูออกจากถ้ำ

“ข้ากับเขาเคยทุกข์ยากลำบากมาด้วยกัน เมื่อเห็นว่าเขากำลังจะตาย แน่นอนว่าข้าไม่สามารถอยู่เฉยๆ โดยไม่ช่วยเขาได้”

หรงซิวหรี่ตา

คำพูดเช่นนี้ไม่ได้ผิดอะไร เพียงแต่ว่าเขาไม่สบายใจ

หากไม่ใช่เพราะรู้ว่านางมีจุดประสงค์อื่น…

“ไม่มีโอกาสอีกแล้ว”

เขาพูดด้วยน้ำเสียงสุขุมเยือกเย็น

ฉู่หลิวเยว่เลิกคิ้ว

“องค์ชายนี่คือเรื่องของข้า ดูเหมือนท่านจะไม่มีสิทธิยุ่งใช่หรือไม่?”

ริมฝีปากบางของหรงซิวยกขึ้นเล็กน้อย

“โอ้? หากข้าบอกว่าข้ามีสิทธิล่ะ?”

ฉู่หลิวเยว่ยิ้มหยัน

“องค์ชาย มันเป็นเรื่องจริงที่ท่านนั้นสูงศักดิ์ แต่เหตุใดข้าต้องฟังท่านด้วยเล่า?”

มือของหรงซิวเลื่อนมาจับที่แก้มและใบหน้าของนาง พร้อมทั้งขยับเข้ามาประชิดตัว

หัวใจของฉู่หลิวเยว่เต้นรัวผิดจังหวะ พลางมองไปที่ใบหน้าเจ้าเล่ห์ของเขาที่เข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว

นางอยากจะถอยหลังกลับ ทว่ามือในแขนเสื้อกลับกำแน่น เมื่อคลายออกก็ยังไม่สามารถขยับได้

ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อใดที่ดูเหมือนว่านางจะคุ้นเคยกับความใกล้ชิดของหรงซิว

ประหนึ่ง…ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติ

เขาจ้องมองนางด้วยแววตาที่ลึกซึ้ง ราวกับว่ามีแรงดึงดูดที่จะกลืนกินทุกสิ่ง

ทันใดนั้น เขาเอียงหัวเล็กน้อย พร้อมทั้งยิ้มและกระซิบข้างหูของนางอย่างแผ่วเบา “มีสิทธิเพราะว่า…ข้าคุ้นเคยกับคนที่เจ้าชอบเป็นอย่างดี”

แม้เป็นประโยคที่เรียบง่าย ทว่ากลับเหมือนสายฟ้าที่ฟาดลงมากลางใจของฉู่หลิวเยว่ในทันใด!

เขาได้ยิน!

และยังได้ยินอย่างชัดเจน!

ถ้าหากเป็นเมื่อก่อนฉู่หลิวเยว่ยังสามารถแกล้งทำเป็นไม่รู้ว่าเขาได้ยินอะไร ทว่าตอนนี้ไม่สามารถทำเช่นนั้นได้

หัวใจของนางเต้นรัว ใบหน้าร้อนผ่าว

นางเอื้อมมือออกไป พร้อมทั้งผลักเขาออกอย่างรวดเร็ว “องค์ชาย ท่านได้ยินผิดแล้ว ข้าไม่ได้พูดว่าคนผู้นั้นคือท่าน”

“แล้วข้าพูดหรือว่าคนผู้นั้นคือข้า?”

หรงซิวถามกลับอย่างเย็นชา ทำให้การโต้เถียงของฉู่หลิวเยว่หยุดลงอย่างกะทันหัน

นางวางมือทั้งสองข้างบนแผ่นอกกว้างและแข็งแกร่งของเขา โดยที่ไม่รู้เลยว่าตอนนี้ควรถอยเดินหน้าหรือถอยหลัง

ยิ่งปกปิดกลับยิ่งเปิดเผย มันคือเหตุการณ์เช่นนี้เอง!

หรงซิวมองไปที่นางเพื่อดื่มด่ำสีหน้าเขินอายของหญิงสาว เมื่อรู้สึกสบายใจ

เขาจึงอุ้มนางขึ้นมา

“องค์ชาย!?”

“เมื่อวานเจ้าพักผ่อนไม่เต็มที่ วันนี้ข้าจะอยู่กับเจ้า”

หรงซิวอุ้มนางไปที่เตียง และวางนางลงอย่างนุ่มนวล จากนั้นเขาจึงเอนกายลงข้างๆ นาง

ฉู่หลิวเยว่กลับรู้สึกประหลาดใจ “…เอ่อ องค์ชายไม่นอนหรือ?”

หรงซิวนอนหนุนแขนหนึ่งแขน และหันมามองนางด้วยรอยยิ้ม

“นอนได้แล้ว ไม่ต้องกังวลเรื่องอื่น”

ฉู่หลิวเยว่กลืนคำพูดที่เหลือทันที นางลังเลอยู่สักพักแล้วหลับตาลง

อาจเป็นเพราะสองวันที่ผ่านมานางเหนื่อยมาก ไม่นานนัก นางจึงผล็อยหลับไป

หรงซิวจับมือนางด้วยมืออีกข้าง จากนั้นกระแสสีเงินแวววับจึงไหลเข้าสู่ฝ่ามือนางอย่างเงียบๆ

ฉู่หลิวเยว่เริ่มหายใจได้ยาวมากขึ้น

ไม่รู้ว่าเพราะนางฝันร้ายหรือไม่ คิ้วของนางจึงขมวดปมแน่นด้วยสีหน้าเจ็บปวด

ครั้นเมื่อหรงซิวเห็น เขาจึงยื่นมือออกไปลูบคิ้วของนางช้าๆ เพื่อให้คิ้วคลายปมแน่น พลางพึมพำเบาๆ “เยว่เอ๋อร์ ไม่ต้องกลัว ข้าอยู่นี่…”

เสียงของเขาแผ่วเบาราวกับจะสลายหายไปกับสายลมเมื่อใดก็ได้

สีหน้าเข็บปวดของฉู่หลิวเยว่ค่อยๆ จางหายไป และกลับมาสงบอีกครั้ง

นางเอนตัวเข้าใกล้พื้นที่ที่อบอุ่นโดยไม่รู้ตัว และในที่สุดนางก็เข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของหรงซิว

หรงซิวมองไปยังใบหน้สที่หลับใหลของหญิงสาวที่อยู่ต่อหน้าเขา จากนั้นร่องรอยความสงสารในดวงตาของเขาก็เอ่อล้นออกมา

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *