ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ 865 อภิเษกสมรส

Now you are reading ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ Chapter 865 อภิเษกสมรส at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 865 อภิเษกสมรส

วันอภิเษกสมรสและพระราชพิธีบรมราชาภิเษกขององค์หญิงสามนั้น คือวันที่มีการเฉลิมฉลองทั่วราชอาณาจักรอย่างยิ่งใหญ่

ตลอดสามวันที่ผ่านมา ประชาชนทั่วทั้งเมืองซีหลิงล้วนจัดงานรื่นเริงสังสรรค์กันอย่างคึกคัก

และในวันที่หก มิถุนายน ความกระตือรือร้นของทุกคนก็ถึงจุดสูงสุด

บนท้องถนน ผ้าแพรสีแดงปลิวไสว และเกือบทุกครัวเรือนต่างก็แขวนโคมแดงเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของการเฉลิมฉลอง

นับตั้งแต่องค์หญิงใหญ่จากไปเมื่อสองปีก่อน ก็ไม่เคยมีการเฉลิมฉลองครั้งใหญ่ในเมืองซีหลิงอีกเลย

ผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนล้วนแห่กันไปที่ถนน เสียงหัวเราะเฮฮาดังกังวานอยู่ทั่วทุกหนทุกแห่ง สีหน้าของทุกคนเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและความคาดหวัง เพราะอยากจะเห็นว่างานอภิเษกสมรสในครานี้จักออกมาเป็นอย่างใด และจะอลังการอย่างที่คิดไว้หรือไม่

บนถนนที่ทอดจากจวนตระกูลเจียงไปยังพระราชวัง มีทหารม้าทมิฬสองกลุ่มคอยคุ้มกันอยู่ริมสองข้างทางไม่ห่าง

พรมสีแดงผืนใหญ่ถูกปูและทอดยาวออกไปหลายลี้

ซึ่งที่ด้านบนของพรมนั้น ถูกปักด้วยลายเมฆาสีทองเพื่อความเป็นมงคล มันส่องประกายระยิบระยับ ดูหรูหราภายใต้แสงตะวันในยามเช้า

หากเป็นงานอภิเษกสมรสขององค์หญิงทั่วไปล่ะก็ จักไม่สามารถใช้พิธีการเช่นนี้ได้

แต่ทว่าวันนี้ซั่งกวนหว่านกำลังจะขึ้นครองบัลลังก์เป็นจักรพรรดินี!

และในฐานะจักรพรรดินี นางจึงสามารถใช้ทรัพยากรเหล่านี้ได้โดยอัตโนมัติ

ที่ด้านหน้าประตูตระกูลเจียง เสียงประทัดหนึ่งร้อยแปดสายดังขึ้นติดต่อกัน!

ดอกไม้ไฟสีสวยพุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า จากนั้นก็มาชั้นม่านพลังปราณบางๆ ปกคลุมไปทั่วทั้งภายในและภายนอกจวนตระกูลเจียง

พลันปรากฏม้าอูจุยตัวใหญ่ขึ้นที่ประตูทางเข้าจวนตระกูลเจียง

เจ้าสิ่งนี้คือสัตว์อสูรระดับแปดที่มีร่างกายและขาทั้งสี่ข้างที่แข็งแรงทรงพลังยิ่ง ทั้งตัวของมันเป็นสีดำขลับมันวาว ยกเว้นกีบทั้งสี่ของมันที่เป็นสีขาวดุจหิมะ ราวกับกำลังเหาะเหินอยู่เหนือผืนหิมะขาวโพลน

เส้นขนทั่วทั้งร่างกายของมันดำสนิทมิมีสีอื่นแทรกแซมแต่อย่างใด ดวงตากลมโตทั้งสองข้างทอประกายสีเขียวอมฟ้า มันใสบริสุทธิ์ผุดผ่องราวมรกตเนื้อดี

ประชาชนทุกคนล้วนตั้งความหวังกับงานครานี้ และในที่สุดเจียงอวี่เฉิงก็เดินออกมา

วันนี้เขาสวมชุดคุลมผ้าแพรสีแดงสด ผมที่เคยปล่อยระยาวของเขาถูกรวบขึ้นเป็นมวยสูง แล้วใช้เครื่องหัวที่เหมือนมงกุฎหยกสีขาวครอบรัดมวยผมไว้

เดิมทีเขาก็ได้ชื่อว่าเป็นหนุ่มรูปงามประจำเมืองซีหลิงอยู่แล้ว ทว่าเครื่องแต่งกายในวันนี้ยิ่งช่วยเสริมภาพลักษณ์ของเขาดูดีกว่าเดิม คิ้วเรียวคมประดุจกระบี่ และดวงตาที่เปล่งประกายมีชีวิตชีวานั่น ทำให้เขาดูหล่ออย่างมิอาจพรรณนาได้

ดังนั้น เมื่อเขาปรากฏตัว ก็พลันมีเสียงร้องชื่นชมต่างๆ นาๆ ดังขึ้นจากฝูงชน

สตรีหลายนางมองเขาด้วยสายตาแพรวพราวและแก้มนวลที่ขึ้นสีแดงระเรื่อ ใบหน้าของพวกนางเต็มไปด้วยความชื่นชมที่ปิดไม่มิด

ไม่ว่าจะเป็นภูมิหลัง รูปร่างหน้าตา หรือพรสวรรค์ของเขา เจียงอวี่เฉิงผู้นี้ถือได้ว่าเป็นสุดยอดแห่งบุรุษเลยก็ว่าได้

“มีเพียงองค์หญิงในราชวงศ์เท่านั้นแหละ…ที่ได้บุรุษเช่นนี้ไปครอง”

เสียงพึมพำของใครบางคนดังออกมาจากวงสนทนาของหมู่ฝูงชน

“แต่ข้าว่าการอภิเษกสมรสกับราชวงศ์นั้นไม่ได้ดีอย่างที่คิด โดยเฉพาะการที่เขาอภิเษกสมรสกับองค์หญิงสาม… เขายิ่งแทบไม่มีอิสระ เริ่มแรกมันก็ดีเสมือนสามัญชนได้ของขวัญจากจักรพรรดิ แต่หลังจากนั้นก็ไม่ต่างจากสามีภรรยาทั่วไปหรอก…”

“แต่ถึงจะพูดเช่นนั้น ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป สถานะของตระกูลเจียงทั้งหมดจะถูกยกระดับให้สูงขึ้น! รวมถึงตัวคุณชายใหญ่เจียงเองด้วย และสิทธิในการตัดใจเรื่องในราชสำนักนั้นสำคัญยิ่งกว่าการแต่งงานเป็นไหนๆ …ลาภลอยเช่นนี้ ใครๆ ก็อยากได้กันทั้งนั้น!”

“ใช่แล้ว! ก่อนหน้านี้เขาก็มีอำนาจล้นมือแล้ว ขาดก็แต่สถานะทางสังคมที่ยังมิได้อยู่เหนือกว่าผู้ใด เขาจึงจะถูกคนอื่นวิจารณ์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้… แต่ตราบใดที่เขาแต่งงานกับองค์หญิงสาม มีหรือที่คนจะกล้ากล่าวหาเขาเช่นนั้นอีก?”

“เหอะ ที่เขามีวันนี้ได้ มิใช่เพราะการจากไปอย่างกะทันหันขององค์หญิงใหญ่ จนทุกอย่างตกไปอยู่ในการดูแลของเขาหรอกหรือ? แต่หลังจากที่เขารับช่วงต่อ เขาก็เริ่มไม่อยากคืนมัน และสุดท้าย มันก็เป็นเช่นนั้นเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน และในเมื่อทุกอย่างลงตัวราวถูกจังหวะขนาดนี้… หากในอนาคตเขาคิดอยากจะทำสิ่งใด ก็เกรงว่าจะมีเพียงไม่กี่คนที่สามารถจัดการเขาได้…”

“เงียบน่า! เบาเสียงลงหน่อย! อยากตายกันหรือไร!”

เรื่องแบบนี้ หากเจ้าตัวได้ยินเข้าคงไม่ดีแน่!

โชคดีที่ถนนเต็มไปด้วยผู้คน และมีเสียงดังเอิกเกริกไม่ขาดสาย ซึ่งนอกเสียจากคนที่อยู่ใกล้ๆ แล้ว ก็ไม่มีใครได้ยินการสนทนาดังกล่าวเลย

เจียงอวี่เฉิงเดินไปที่ม้าอูจุย พลันกระโดดขึ้นไปนั่งบนหลังม้าอย่างง่ายดาย!

ที่ด้านหลังของเขา คณะจากกรมวังได้เตรียมการเสร็จสิ้นแล้ว กล่องไม้แดงที่เต็มไปด้วยสมบัติต่างๆ ถูกวางเรียงต่อกัน จนแทบมองไม่เห็นจุดสิ้นสุด

นอกจากสินสอดทองหมั้นที่ตระกูลเจียงได้เตรียมไว้แล้ว ก็ไม่มีใครเดาได้เลยว่า สมบัติข้างในกล่องจะมีค่ามากมายเพียงใด!

เจียงอวี่เฉิงเตะเท้ากระทุ้งท้องม้าเบาๆ จากนั้นม้าศึกตัวใหญ่ก็ควบไปด้านหน้าทันที

เสียงฆ้องและกลองดังไปทั่วท้องถนน เสียงดนตรีจากพิธีการดังกังวานไม่หยุด

เจียงอวี่เฉิงนำขบวนผู้คนไปที่พระราชวัง

ฝูงชนเองก็ปฏิบัติตามเขาอย่างดี

และเมื่อมองจากระยะไกล จักเห็นได้ว่าเป็นการร่วมขบวนที่น่าทึ่งมาก!

เนื่องจากพิธีอภิเษกสมรสในวันนี้ค่อนข้างพิเศษ ทางกรมวังจึงได้จัดงานนี้ขึ้นที่ตำหนักหลางคุน ดังนั้นบุคคลสำคัญทั้งหมดในราชวงศ์เทียนลิ่ง จึงมุ่งหน้าเข้าไปในวังโดยตรง เพื่อรอคอยการมาถึงของเจียงอวี่เฉิง

เจียงอวี่เฉิงนั่งสูงเด่นเป็นสง่าอยู่บนหลังม้า และเมื่อเขาเงยหน้าขึ้น เขาสามารถมองเห็นพระราชวังอันยิ่งใหญ่และสง่างามได้อย่างชัดเจน

ท่าทีของเขาสงบนิ่ง ทว่านัยน์ตากลับปรากฏคลื่นอารมณ์บางอย่าง

เขาจินตนาการถึงภาพนี้หลายต่อหลายครั้ง

และหลังจากผ่านมาหลายปี ในที่สุดมันก็กลายเป็นจริง

มันยังเป็นบนถนนเข้าวังเส้นเดิมกับตอนนั้น ทว่าหลังประตูบานใหญ่นั่น กลับมิใช่คนเดิมที่เคยรอเขาแล้ว

แต่นั่นหาได้สำคัญต่อเขาไม่

เพราะสิ่งที่เขาต้องทำก็คือ ก้าวผ่านประตูนั้นไป!

ไม่ว่าใครจะรออยู่หลังประตู ก็ไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว!

ทางสำนักพระราชวังเองก็ได้เตรียมการไว้ตั้งแต่ก่อนรุ่งสาง

ขั้นตอนของพิธีการนั้นยุ่งยากและซับซ้อน อีกทั้งต้องใช้ทรัพยากรมากมาย

ฉานอี้ตรวจสอบซ้ำแล้วซ้ำเล่า กับคนที่กรมวังส่งมา เพราะกลัวว่าจะพลาดอันใดไป

ภายในห้องโถงใหญ่ของตำหนักฮวาหยาง ซั่งกวนหว่านตื่นแต่เช้าและปล่อยให้แม่นมผู้มีประสบการณ์สองคนช่วยนางแต่งตัว

แน่นอนว่าก่อนหน้านี้นางสวมหน้ากากกันได้แล้ว

แม้ว่ารอยแผลเป็นบนใบหน้าจะดีขึ้นมาก และไม่เป็นฝีหนองอีกแล้ว แต่ก็ยังมีรอยแผลเป็นที่เกิดจากการตกสะเก็ดอยู่ประปราย

ถ้าจะกำจัดให้หมด ก็เกรงว่าจักต้องใช้เวลาเป็นเดือน

ยิ่งไปกว่านั้น แก้มซีกหนึ่งของนางก็ยังคงบวมแดงจากแรงตบของเจียงอวี่เฉิงไม่หาย

แม่นมทั้งสองเป็นนางข้าหลวงอาวุโสของวัง ที่ได้ทำหน้าที่ส่งตัวองค์หญิงหลายคนเข้าพิธีอภิเษกสมรส และมีประสบการณ์ในด้านนี้สูงมาก

ทว่าเมื่อมาถึงตำหนักฮวาหยาง เพื่อแต่งตัวให้ซั่งกวนหว่าน ทั้งคู่กลับรู้สึกประหม่าขึ้นมาเสียอย่างนั้น

…อีกทั้งวันนี้ซั่งกวนหว่านจะขึ้นครองราชย์ด้วย!

พวกนางเคยรับใช้องค์หญิงมาแล้วหลายองค์ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่พวกนางได้มีส่วนในพิธีการที่มากด้วยมาตราฐานเช่นนี้

ทุกคนล้วนทราบกันดีว่า พวกเขาจักต้องเตรียมงานพิธีอันยิ่งใหญ่เช่นนี้อย่างระมัดระวัง และห้ามเกิดข้อผิดพลาดเด็ดขาด!

ในประวัติศาสตร์นับพันปีของราชวงศ์เทียนลิ่งนั้น เคยมีจักรพรรดินีขึ้นครองราชย์อยู่เหมือนกัน แต่ก็มีเพียงไม่กี่องค์

เดิมทีพวกเขาทั้งหมดคิดว่าองค์หญิงใหญ่จักเป็นผู้สืบทอดบัลลังก์นี้ แต่ก็คิดไม่ถึงว่าจะมีเรื่องร้ายเกิดขึ้นเสียก่อน ฝ่าบาทเองก็ล้มป่วยติดเตียง ดังนั้นตำแหน่งนี้จึงตกเป็นขององค์หญิงสามอย่างซั่งกวนหว่าน ผู้ซึ่งไม่เคยอยู่ในสายตาใครโดยปริยาย

นอกจากนี้ ไม่นานมานี้พวกนางยังเจอกับอีกหนึ่งปัญหา ซึ่งก็คือซั่งกวนหว่านที่ดูจะอารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าไร

นางนั่งอยู่ตรงนั่นด้วยใบหน้าที่ไร้ความรู้สึก และรัศมีเย็นยะเยือกรอบตัวนางนั้น แทบจะทำให้ห้องทั้งห้องกลายเป็นน้ำแข็ง!

นี่มันแปลกเกินไป

วันนี้เป็นวันสำคัญของนางนะ!

อีกทั้งยังเป็นงานอภิเษกสมรสและการขึ้นครองราชย์ที่ยิ่งใหญ่ สำหรับคนทั่วไปนั้น เป็นเรื่องที่ยากมากที่พวกเขาจะไขว่คว้าความสมบูรณ์แบบทั้งสองอย่างนี้ได้ในคราเดียว แต่นางกลับได้ทั้งสองอย่างนี้มาอย่างง่ายดาย?

ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป นางคือบุคคลที่มีเกียรติที่สุดในราชวงศ์เทียนลิ่งทั้งหมด และนับจากนี้ อาณาเขตหลายพันลี้จะกลายเป็นของนาง!

แล้วนางจะยังอารมณ์เสียอันใดอีก?

หากไม่นับสิ่งเหล่านี้ นางก็ยังมีเจียงอวี่เฉิง บุคคลในฝันของสตรีหลายพันคนอีก

จะมีสตรีใดในโลกที่ไม่อิจฉานางบ้าง?

แต่พวกนางก็ไม่กล้าถามอันใดออกไป

แม่นมทั้งสองตัวสั่นขณะช่วยซั่งกวนหว่านแต่งตัว และสวมมงกุฎและสายสะพายให้นาง หลังจากที่ทุกอย่างได้รับการตกแต่งอย่างเหมาะสม ในที่สุดฉานอี้ก็ส่งเสียงให้สัญญาณมาจากข้างนอก

“ราชบุตรเขยเข้าประตูวังมาแล้วเจ้าค่ะ!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด