ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ 420 คู่สร้างคู่สม [รีไรท์]

Now you are reading ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ Chapter 420 คู่สร้างคู่สม [รีไรท์] at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 420 คู่สร้างคู่สม [รีไรท์]

พลันฉู่หลิวเยว่ก็รีบเอ่ยกับเหยียนเก๋อว่า

“ขอบคุณคุณชายรองเหยียน หากเจอเถ้าแก่ใหญ่อีกครั้ง ข้าจะขอบคุณเขาด้วยตัวเองอีกที”

เหยียนเก๋อได้แต่ยิ้มเหย “ชะ…เช่นนั้นก็หมดธุระแล้ว ข้าขอตัวลา ข้าไม่ต้องการรบกวนเวลาขององค์ชายหลีหวัน และท่านหญิงหลิวเยว่อีก” เมื่อพูดจบเขาก็รีบพุ่งตัวออกไปอย่างไว

ฉู่หลิวเยว่กะพริบตาปริบๆ เหตุใดนางถึงรู้สึกว่าฝีเท้าของเหยียนเก๋อนั้นดูเร่งรีบกว่าปกติ…ราวกับหนีตายก็ไม่ปาน?

หรงซิวเหลือบมองฉู่หลิวเยว่เงียบๆ

จากนั้นอวี๋มั่วก็ยืดหลังตรงทันทีและบังคับม้าให้เดินไปข้างหน้าอีกครั้ง

จากนั้นหรงซิวก็ปิดม่านลงแล้วพูดอย่างใจเย็น

“แท้จริงแล้วตอนที่เจ้าอยู่ในสุสาน เจ้าได้เจอกับเถ้าแก่ใหญ่แห่งเจินเป่าเก๋อนี่เอง”

ฉู่หลิวเยว่สบตาเขากลับ

“องค์ชายรู้จักคนผู้นี้ด้วยหรือ?”

หรงซิวยกยิ้มเบาๆ

“ไม่เชิงว่ารู้จัก ข้าแค่เคยได้ยินข่าวลือมาบ้าง”

ฉู่หลิวเยว่เหลือบมองเขาอย่างสื่อความหมาย แต่ก็เห็นเพียงการแสดงออกที่ไม่แยแส และไร้ซึ่งเงื่อนงำปริศนาใดใดให้ตรวจสอบ

หรือบางที…นางอาจจะคิดมากไปเอง?

“ชายผู้นี้ช่วยเหลือข้าหลายครั้งแล้ว วันนี้ข้าเองก็ได้เขาช่วยไว้ ข้าถึงออกมาได้อย่างปลอดภัย แต่ทว่า…ท่านรู้ได้อย่างใดว่าข้าจะโผล่ออกมาตรงนั้น?”

หรงซิวชะงักไปครู่หนึ่ง แต่ไม่นานก็กลับมาเป็นปกติ

“เสวี่ยเสวี่ยบอกข้า”

ได้ยินเช่นนั้น ฉู่หลิวเยว่จึงพยักหน้าเข้าใจ

ประสาทสัมผัสทั้งห้าของสัตว์อสูรนั้นตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา และเสวี่ยเสวี่ยก็ชอบมาคลุกคลีอยู่กับนาง มันคุ้นเคยกับลมปราณของนาง จึงเป็นเรื่องปกติที่มันจะรู้ว่านางอยู่ที่ใด

“แต่ข้าไม่เห็นเสวี่ยเสวี่ยมาพักหนึ่งแล้วนะ”

“เหตุใดมู่ชิงเห่อถึงพาเจ้ามาที่นี่?” หรงซิวเอ่ยแทรกทันควัน

ฉู่หลิวเยว่ครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วส่ายหัว

“เขาน่าจะมาหาอันใดบางอย่าง”

พูดตามจริงนางไม่รู้เลยว่าจริงๆ แล้วมู่ชิงเห่อวางแผนทำการใดอยู่กันแน่

เขาสละทุกอย่างเพื่อตามหาพีระมิดนั่น แต่ว่า…เจ้าสิ่งนั้นแท้จริงแล้วคืออันใดกัน? และถ้าเขาได้มาแล้ว เขาจะใช้มันทำอันใด?

ที่แปลกที่สุดคือเหตุใดเขาถึงพานางไปพร้อมกับแผนสำคัญและเป็นความลับเช่นนี้?

ราวกับเส้นผมบังภูเขา เหมือนจะรู้แต่ก็ไม่รู้

หรงซิวเอ่ยต่อ

“เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นเรื่องที่ร้ายแรงยิ่งนัก ท่านพ่อต้องระดมกำลังออกตามล่าพวกเจ้าแน่นอน ฉะนั้นยิ่งมีคนรู้เรื่องที่เจ้ากับมู่ชิงเห่อมาที่นี่น้อยเท่าใดก็ยิ่งดีนัก”

ฉู่หลิวเยว่ดึงสติคืนมา พลางพยักหน้าตอบ

หลังจากที่จักรพรรดิจยาเหวินและคนอื่นๆ เดินออกมาจากทางเข้าของสุสานจักรพรรดิ เยี่ยจือถิงก็ส่งสัญญาณทันที และเมื่อจงฉีพร้อมกองกำลังที่รออยู่บนยอดเขาเห็นสัญลักษณ์นั่น ต่างก็รีบพากันมาหาพวกเขาด้วยความว่องไว

จากนั้นจงฉีและทุกคนที่อยู่เบื้องหลังเขา ก็ล้วนตกตะลึงเมื่อเห็นว่ามีคนสองสามคนที่ยืนอยู่ข้างหลังจักรพรรดิจยาเหวินและเยี่ยจือถิง

คะ…คนพวกนี้บุกเข้ามาในเขตยอดเขาซีจินตั้งแต่เมื่อใด!

อีกสองคนที่เหลือนั้นเขาไม่รู้จัก ทว่าองค์รัชทายาทหรงจิ้นนี่สิ เขาไม่มีทางจำผิดคนแน่นอน!

กลับกลายเป็นว่าในตอนนี้ องค์รัชทายาทผู้เริงร่าอยู่เสมอนั้น รู้สึกอับอายขายขี้หน้าอย่างมาก อีกทั้งแม่นางและชายชราที่อยู่ข้างๆ กัน ก็ดูสีหน้าไม่ค่อยดีเช่นกัน

เยี่ยจือถิงเอ่ยปากถาม

“เมื่อครู่นี้ นอกจากพวกข้าแล้ว ยังมีผู้อื่นออกมาจากสุสานอีกหรือไม่?”

จงฉีก้มศีรษะลงทันควัน

“ทางด้านนอกได้ส่งทหาร และองครักษ์ฝีมือดีเข้ามาเพิ่มแล้ว แต่ก็…ไม่พบร่องรอยของผู้ใดเลย”

ใบหน้าของจักรพรรดิจยาเหวินซีดเผือดเพราะควันพิษ แต่เพราะความโกรธเกรี้ยว จึงเกิดหน้าดำคร่ำเครียดขึ้นมาอีกครั้ง

“จากนี้ไปสั่งทหารทุกนายจับตาดูให้ดี หากพบสิ่งผิดปกติให้รายงานข้าทันที!”

เขาไม่เชื่อว่าสองคนนั้นจะหลบซ่อนอยู่ในสุสานได้ตลอดเวลาหรอก

จงฉีและคนอื่นๆ ไม่กล้าถามว่าเหตุใดหรงจิ้นและสองคนนั้นจึงมาอยู่ที่นี่ ดังนั้นพวกเขาจึงทำได้เพียงน้อมรับคำสั่งไปพลาง

ส่วนเยี่ยจือถิงที่อยู่ข้างๆ กันก็หันหลังกลับไปมอง และกระชับพัดในมือของเขา

คนข้างในมีมือพลังแห่งสวรรค์อยู่ในมือ ไม่แน่ว่าพวกเขาอาจจะหลบหนีออกไปได้ง่ายๆ ก็เป็นได้

ทว่ายามนี้จักรพรรดิจยาเหวินกำลังโกรธ จึงตรัสออกมาตามอารมณ์ที่คุกรุ่นโดยมิได้ไตร่ตรอง หรือว่าบางที…คนที่อยู่ข้างในนั้นอาจจะหลบหนีออกมาก่อนพวกเขาแล้วก็ได้

เยี่ยจือถิงแค่นหัวเราะ พลันส่ายศีรษะ

แม้ข้าจะไม่เห็นกับตา แต่ผู้ที่แข็งแกร่งระดับนั้น…ย่อมมิใช่สิ่งที่แคว้นเย่าเฉินสามารถต่อกรได้เลย…

และเขาก็ไม่รู้ว่าพวกของซือถูซิงเฉินได้ทำกระทำอันใดให้คนผู้นั้นขุ่นเคืองใจ เพราะในขณะที่พวกเขากำลังจะหนี วงแหวนเปิดปิดทางเข้าออกนั้นก็ปิดตัวลงอย่างรวดเร็ว และกักขังทั้งสองคนไว้ภายใน

นี่มันจงใจชัดๆ

ดวงตาของเขากวาดมองซือถูซิงเฉินและคนของนาง

เหอะ เหอะ สนุกแน่งานนี้

เพียงชั่วข้ามคืน บรรยากาศในเมืองหลวงก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว

ซึ่งสาเหตุเกิดจากข่าวจักรพรรดินีสิ้นพระชนม์ และจากนั้นก็เป็นเรื่องที่หรงจิ้นดูหมิ่นบรรพบุรุษของเขา และถูกปลดออกจากตำแหน่งองค์รัชทายาท

เหตุการณ์ทั้งสองนี้เกิดขึ้นต่อกันติดๆ ทำให้ประชาชนทุกคนไม่ทันได้ตั้งตัว พลันเกิดการคาดเดา และการลงเงินพนันในหมู่ราษฎรกันอย่างอลม่าน บางคนบอกว่าจักรพรรดินีและจักรพรรดิจยาเหวินทรงครองรักกันมามาหลายปี และทรงมีพระพลานามัยที่ดีเสมอมา ซึ่งเป็นเรื่องแปลกจริงๆ ที่พระองค์จากไปอย่างกะทันหัน และหรงจิ้นเองก็ครองตำแหน่งองค์รัชทายาทมาหลายปีแล้วได้รับการยกย่องจากจักรพรรดิมาโดยตลอด แม้เมื่อก่อนเขาจะทำผิดพลาดไป และถูกตำหนิต่อหน้าสาธารณชน แต่จักรพรรดิก็ยังไม่ถอดเขาออกจากตำแหน่งองค์รัชทายาท แต่ทว่าตอนนี้เมื่อช้างเท้าหน้าอย่างจักรพรรดินีสิ้นพระชนม์ และช้างเท้าหลังอย่างหรงจิ้นถูกปลด ผู้คนจะไม่สงสัยได้อย่างใด?

อีกทั้งยังมีคนกล่าวว่า จักรพรรดินีถือตนครองอำนาจหมู่นางในทั้งวัง ซึ่งภายในอาจดูจะรักใคร่กลมเกลียว แต่ความจริงแล้วนางสนม และองค์ชายจำนวนมากสิ้นพระชนม์ด้วยฝีมือของนาง เมื่อฝ่าบาททรงทนไม่ไหวในที่สุดจึงสั่งประหารนาง หรงจิ้นที่มีส่วนเกี่ยวข้องเองก็ถูกจักรพรรดิเกลียดชัง จึงถูกประณามโดยการปลดตำแหน่งเขาเสีย

แต่ข่าวลือที่ดุเดือดที่สุดคือ ข่าวลือที่ว่าการตายของจักรพรรดินีเกี่ยวข้องกับองค์ชายสามอย่างหรงจิ่ว

ส่วนสาเหตุก็เพราะว่า อิ่งกุ้ยเหริน มารดาผู้ให้กำเนิดของเขาถูกจักรพรรดินีฆ่าตาย เขาจึงมีความขุ่นเคืองใจต่อนาง และรอโอกาสที่จะฆ่านางทิ้ง

ข่าวลืออีกอย่างของหรงจิ้นคือ…ในช่วงหลายดือนที่ผ่านมา หลังจากที่เขาถูกจักรพรรดิประณามต่อหน้าสาธารณชน และถูกกักบริเวณอยู่ในตำหนักองค์รัชทายาท แต่ก็เป็นได้เพียงองค์รัชทายาทในนามตามที่ถูกเรียกขานเท่านั้นไม่นานเขาก็ถูกโค่นลงจากบัลลังก์ในฝัน

แม้ว่าทางเบื้องบนจะสั่งห้ามมิให้ราษฎรวิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้ และพยายามระงับข่าวลือเหล่านี้ด้วยวิธีการต่างๆ แล้ว แต่การมาเยือนของซือถูเหยียน จักรพรรดิเสียนคังแห่งแคว้นซิงหลัว ก็ทำให้เรื่องทั้งหมดดูซับซ้อนมากยิ่งขึ้น

ท่ามกลางความมืดมิด ดูราวกับมีมือที่มองไม่เห็นซึ่งควบคุมสถานการณ์ทุกอย่างไว้ง่ายดาย และทำให้คลื่นแห่งความโกลาหลนี้ยิ่งปั่นป่วนมากขึ้นไปอีก!

ณ พระราชวัง ในห้องโถงใหญ่

ซือถูเหยียนและจักรพรรดิจยาเหวินกำลังเผชิญหน้ากัน

ท่าทีของซือถูเหยียนดูเย็นชา ทว่ารุนแรง

“ข้าจะพูดอีกครั้ง ส่งตัวซิงเฉินและเหลียนหนิงคืนมา แล้วยกเลิกการหมั้นของนางกับหรงจิ้นเสีย! ไม่เช่นนั้น แคว้นซิงหลัวของข้าจะไม่มีวันยอมถอยเด็ดขาด!”

จักรพรรดิจยาเหวินขำราวกับได้ยินเรื่องตลก

“ฮ่าๆ! ซือถูเหยียน เจ้ายังมีหน้ากล้าเอ่ยเช่นนั้นด้วยหรือ! เจ้าและบุตรสาวแสนรักของเจ้า รวมหัวกันทำการใด ยังต้องให้ข้าสาธยายออกมาอีกหรือ? พวกเจ้าแอบวางแผนร้ายเช่นนี้มาตั้งแต่ต้น เมื่อสิ่งต่างๆ ถูกเปิดเผยเพียงนี้แล้ว เจ้ายังมีหน้ามาทวงคนของเจ้ากลับไปง่ายๆ อีกหรือ”

ไม่แปลกใจเลยที่เมื่อก่อนซือถูเหยียนเอาแต่พูดเรื่องการสมรส อีกทั้งยังไม่สนใจผู้อื่น และเจาะจงเลือกเพียงหรงจิ้นเท่านั้น

เมื่อก่อนเขาเคยคิดเล่นๆ ว่านั่นเป็นเพราะซือถูเหยียนสนใจตำแหน่งองค์รัชทายาทของหรงจิ้น ทว่าพอมาคิดอีกทีตอนนี้ เขาซึ่งเป็นผู้ครองแคว้นซิงหลัวกลับคิดการใหญ่เช่นนี้กับแคว้นของเขา

ตอนนั้นเขาต้องเมาน้ำมันหมูแน่ๆ ถึงได้วางใจคนผู้นี้

เมื่อซือถูเหยียนได้รับข่าว เขาก็แล้วรู้ว่าเรื่องนี้ถูกเปิดเผยอย่างสมบูรณ์ แต่ถึงจักรพรรดิจยาเหวินจะพูดเช่นนี้เขาก็ไม่สนใจ

เขามาที่นี่เพื่อพาซือถูซิงเฉินกลับไป!

ความอุตสาหะเพียรพยายามของเขาที่มีมาเนิ่นนานต้องสูญไป เพราะเขาไม่คิดว่าหรงจิ้นจะเป็นบุตรแห่งสวรรค์ตัวปลอม ในใจเขาเต็มไปด้วยความโกรธ และความขุ่นเคืองจนไม่รู้จะไปลงที่ผู้ใด

“ว่าอย่างใด เจ้าจะไม่ยอมคืนคนให้ข้าใช่หรือไม่?”

จักรพรรดิจยาเหวินยิ้มเย็น

“คืนให้หรือ สองคนนั้นบุกรุกเข้าไปในพื้นที่ของสวรรค์ สมกับเป็นคู่สร้างคู่สมกันเสียจริง เมื่อสิ้นสุดระยะเวลาไว้ทุกข์หนึ่งเดือนของจักรพรรดินี ข้าจะให้พวกเขาสมรสกันอย่างเป็นทางการ!”

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *