ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ 400 กอบโกยแต่เพียงผู้เดียว [รีไรท์]

Now you are reading ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ Chapter 400 กอบโกยแต่เพียงผู้เดียว [รีไรท์] at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 400 กอบโกยแต่เพียงผู้เดียว [รีไรท์]

ตอนที่ 400 กอบโกยแต่เพียงผู้เดียว

แกว้ก!

เพียงพริบตา ก็มีเสียงแผดร้องของนกกระเรียนดังขึ้นมาจากระยะไกล!

เยี่ยเหล่าและกลุ่มคนรอบกายล้วนหันไปมอง ก่อนจะเห็นนกกระเรียนสีดำ ที่มีลำคอสีแดงไล่ขึ้นไปจรดปลายคางระหง กำลังบินถลามาทางนี้!

มันคือสัตว์อสูรระดับห้า นกกระเรียนหงอนพู่สีดำ!

ซึ่งเป็นสัตว์อสูรของจักรพรรดิแห่งแค้วนเย่าเฉิน!

และจักรพรรดิจยาเหวินก็กำลังขี่กระเรียนตัวนั้นมายังสุสานของจักรพรรดิ!

หากเป็นสถานการณ์ปกติ เหล่าราชวงศ์จะไม่ค่อยเรียกใช้นกกระเรียนหงอนพู่สีดำ ทว่าเมื่อเกิดเรื่องกับสุสานของจักรพรรดิ จักรพรรดิจยาเหวินจึงไม่ได้ใส่ใจเรื่องกฎเกณฑ์สักนิด

และเจ้าสิ่งนี้ทำให้เขามาถึงได้อย่างรวดเร็ว เพียงแค่ช้ากว่าเยี่ยเหล่าไปเล็กน้อยเท่านั้น

ระหว่างทางจักรพรรดิจยาเหวินได้คาดเดาสถานการณ์ไปต่างๆ นาๆ แต่เมื่อเขาได้เห็นร่างหลายร่างยืนคอยอยู่บนยอดเขาซีจิน หัวใจของเขาก็ดิ่งฮวบลงทันที

ยอดเขาซีจินคือพื้นที่ที่นอกจากเขาแล้ว ก็ไม่มีผู้ใดที่สามารถขึ้นมาบนนี้ได้อีก แต่พอเห็นผู้คนจำนวนมากมารวมตัวกันอยู่ที่นี่ตอนนี้ ก็ทำให้เขารับรู้ได้ทันทีว่าสิ่งต่างๆ นั้น เลวร้ายกว่าที่เขาคาดไว้อย่างที่เห็นได้ชัด

“ถวายบังคมฝ่าบาท!”

ผู้อาวุโสจงฉีและคนอื่นๆ กล่าวทำความเคารพด้วยความกังวลใจอย่างมาก

ส่วนเยี่ยเหล่านั้นมีสถานะที่สูงส่งอยู่แล้ว จึงไม่ต้องเอ่ยคำนับแต่อย่างใด

หลังจากที่นกกระเรียนหงอนพู่สีดำลดตัวลงมาแตะพื้นแล้ว เยี่ยเหล่าก็ก้าวไปข้างหน้าและถามว่า

“ฝ่าบาท กุญแจค่ายกลของยอดเขาซีจิน ถูกคนขโมยไปอย่างนั้นหรือ?”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น จักรพรรดิจยาเหวินที่กำลังกระโดดลงจากหลังนกกระเรียนหงอนพู่สีดำ ก็ถึงกับประหลาดใจสุดขีด

“ไม่หนิ!? ข้าเก็บมันไว้อย่างดี ตอนนี้ข้าก็เอามันมาด้วย!”

เยี่ยเหล่าและคนอื่นๆ มองหน้ากันอย่างตกตะลึง

“ฝ่าบาท ท่านแน่ใจหรือ?” เยี่ยเหล่าถามอีกครั้ง

จักรพรรดิจยาเหวินแบมืออกมาทันควัน ก่อนที่รูปแบบของเครื่องมือไสยเวทย์บางอย่าง จะพลุบหายแวบเข้าไปในฝ่ามือของเขา

กุญแจนั่นยังอยู่ที่จักรพรรดิจยาเหวิน!

“หมายความว่าอย่างใดกัน? เยี่ยเหล่า ใยเจ้าถึงถามข้าเยี่ยงนี้?” จักรพรรดิจยาเหวินยังคงสับสน

เยี่ยเหล่าตอบกลับอย่างเคร่งเครียด

“มีผู้บุกรุกสองคนลักลอบเปิดระบบค่ายกลของยอดเขาซีจินอย่างเงียบๆ อีกทั้งยังเปิดประตุสุสานของจักรพรรดิด้วย และตอนนี้พวกเขาได้เข้าไปแล้ว กระบวนการทั้งหมดดำเนินไปอย่างเงียบเฉียบ กระทั่งจงฉีและคนอื่นๆ ตระหนักได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติและรีบขึ้นมายังยอดเขา ฉะนั้น เราเลยสงสัยว่าสองคนนั่นขโมยกุญแจของฝ่าบาทมา แต่ตอนนี้มันกลับไม่เป็นเช่นนั้น”

จักรพรรดิจยาเหวินตกตะลึงกับข้อมูลจำนวนมากเหล่านี้ พลันเอ่ยด้วยเสียงสั่นเครือ

“วะ ว่าอย่างใดนะ!? สุสานของจักรพรรดิถูกเปิด…”

ทว่าก่อนจะได้พูดจบ หางตาของเขาก็เหลือบไปเห็นวงแหวนที่กำลังหมุนอยู่!

เมื่อครู่เขามัวแต่ลนลาน จนไม่ทันเห็นมัน!

หัวใจของจักรพรรดิจยาเหวินบีบรัดแน่นราวกับถูกมือที่มองไปเห็นกำไว้ จนเขาแทบหายใจไม่ออก

สุสานจักรพรรดิแห่งอาณาจักรเย่าเฉินนั้นมีประวัติมานานนับพันปี และจะเปิดได้ก็ต่อเมื่อจักรพรรดิองค์ก่อนสิ้นพระชนม์แล้วเท่านั้น

ทว่าตอนนี้มันได้ถูกเปิดออกแล้ว!?

“มันเป็น…ผู้ใดกัน!?”

ใบหน้าของจักรพรรดิจยาเหวินซีดเผือด เส้นเลือดบนหน้าผากของเขาโป่งนูนจนแทบระเบิด

ผู้อาวุโสจงฉีและคนอื่นๆ คุกเข่าลงทันที

“ฝ่าบาท ขอท่านทรงระงับพระพิโรธ! คือข้า… ข้า… ข้าไม่เห็นรูปลักษณ์ของสองคนนั้น… ผู้ใต้บังคับบัญชาผู้นี้ไร้ความสามารถ โปรดยกโทษให้ข้าด้วยเถิด!”

จักรพรรดิจยาเหวินสูดหายใจเข้าลึกๆ และพยายามระงับความโกรธที่พลุ่งพล่านอยู่ในหัวใจของตัวเอง

เกิดเรื่องขึ้นแล้วขนาดนี้ จะให้มาลงทัณฑ์กันยามนี้ก็มิใช่เรื่อง!?

“ไปหาตัวพวกมันให้ข้าเดี๋ยวนี้! ตามหาสองคนนั้นให้พบ!”

ผู้อาวุโสจงฉีและคนอื่นๆ ล้วนเหงื่อแตกพลัก

เยี่ยเหล่าถอนหายใจและช่วยอธิบาย

“ฝ่าบาท สุสานจักรพรรดิถูกเปิดออกแล้ว และคนธรรมดาไม่สามารถเข้าไปได้ ข้าเกรงว่าท่านจะต้องเข้าไปเอง ส่วนข้าจะรอหาจังหวะเข้าไปให้ได้”

จักรพรรดิจยาเหวินขมวดคิ้วมุ่น

“ข้าลืมเรื่องนี้ไปเลย… เดี๋ยวนะ หากเจ้าพูดเช่นนั้น แล้วพวกเขาสองคนเข้าไปได้อย่างใด!?”

ทุกคน ณ ที่แห่งนั้นต่างตกอยู่ในความเงียบ

พวกนั้นเปิดค่ายกลของยอดเขาซีจินได้ และยังทำเรื่องอื่นได้ด้วย?

นั่นหมายความว่าผู้บุกรุกจะต้องเตรียมการมาดีมากๆ!

หลังจากฉุกคิดเช่นนั้น ในใจจักรพรรดิจยาเหวินก็พลันรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอย่างอดไม่ได้

เขาลงทุนส่งกองกำลังทหารมาเฝ้ายอดเขาซีจินตลอดเวลา แต่กลับคิดไม่ถึงว่าจะโดนคนนอกหาช่องโหว่ แล้วลอบเข้ามาเอารัดเอาเปรียบกันได้ง่ายถึงเพียงนี้!

ราวกับว่าเขาโดนตบหน้าอย่างแรง!

เขาเดินไปยังวงแหวนนั่น พลางขมวดคิ้ว

หลังจากตอนที่จักรพรรดิองค์ก่อนถูกฝัง เขาก็ไม่เคยเห็นวงแหวนนี่หมุนอีกเลย

คาดไม่ถึงจริงๆ ว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้…

จักรพรรดิจยาเหวินสูดหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะยกมือขึ้นช้าๆ

บนฝ่ามือของเขามีลวดลายอักขระแปลกๆ ปรากฏขึ้นอีกครั้ง

และจู่ๆ ก็มีแสงสีเงินพุ่งขึ้นมาเหนือวงแหวน!

แต่ไม่นานแสงก็ดับลงอย่างรวดเร็ว!

พลันท่าทางของจักรพรรดิจยาเหวินเปลี่ยนไปทันตา!

เขาเปิดทางเข้าสุสานไม่ได้หรือนี่!?

ภายในป่าทึบด้านนอกเขตยอดเขาซีจิน มีใครบางคนกำลังเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว

นั่นก็คือ ซือถูซิงเฉินและหรงจิ้น

หรงจิ้นเงยหน้าขึ้นพลางถอนหายใจ ก่อนจะพูดว่า

“ไปด้านข้างอีกนิดก็ถึงยอดเขาซีจินแล้ว”

ซือถูซิงเฉินหันมองตามทิศทางที่หรงจิ้นเอ่ย

ท่ามกลางทิวเขามากมายราวเกลียวคลื่นเหล่านี้ ยอดเขาซีจินยังคงเป็นยอดเขาที่มองเห็นได้ชัดเจนที่สุด

มันทั้งอันตรายและสูงชัน ทว่างดงามน่าตระการตา

แม้ว่าจะอยู่ห่างจากยอดเขามาก แต่นางก็สามารถสัมผัสได้ถึงความกดดันที่น่าตกใจ

ฝ่ามือบางของนางที่อยู่ใต้แขนเสื้อกำแน่น

ซึ่งหมายความว่า พลังปราณที่วนเวียนอยู่ภายนอกค่ายกลของยอดเขาซีจินนั้นทรงพลังมาก…

และเกรงว่าเรื่องนี้คงจะวุ่นวายกว่าที่คิดเสียแล้ว…

ทว่าในตอนที่นางกำลังจะก้าวไปข้างหน้า หรงจิ้นก็หยุดนางไว้เสียก่อน

“ช้าก่อน! ซิงเฉิน”

ซือถูซิงเฉินหันกลับไป ก่อนจะเห็นหรงจิ้นที่กำลังจ้องมองยอดเขาซีจินด้วยสีหน้าจริงจัง

“หากไปไกลกว่านี้ ก็จะเข้าอาณาเขตของยอดเขาซีจินแล้ว เจ้าไปต่อไม่ได้แล้ว”

ซือถูซิงเฉินไม่เข้าใจ นัยน์ตาของนางฉายแววสับสน

หรงจิ้นจึงอธิบายให้นางเข้าใจ

“มักจะมีทหารเฝ้ายามอยู่ที่นั่นเป็นจำนวนมาก อีกทั้งตอนนี้กำลังมีบางอย่างเกิดขึ้นกับสุสานของจักรพรรดิ ฉะนั้นจะต้องมีกำลังพลมาสมทบเพิ่มอีกแน่นอน หรือไม่บางทีจักรพรรดิอาจเดินทางมาถึงแล้วด้วย ในกรณีนี้ หากเจ้าเข้าไป เจ้าต้องถูกจับได้แน่นอน เพื่อความปลอดภัย โปรดรอข้าอยู่ที่นี่!”

ซือถูซิงเฉินตกตะลึงกับคำพูดเหล่านี้

นางพยายามทุกวิถีทางเพื่อช่วยหรงจิ้นหนีออกจากตำหนักองค์รัชทายาท และแอบพาเขามาจนถึงที่นี่ แต่ตอนนี้เขากลับอยากให้นางหยุดรอเขาอยู่ที่นี่คนเดียวอย่างนั้นหรือ!?

บ้าบอสิ้นดี!

นางฝืนยิ้มออกมา

“องค์ชาย อย่าได้กังวลเลยเพคะ ซิงเฉินจะไม่สร้างปัญหาให้กับท่านแน่นอน เราไม่สามารถคาดเดาสถานการณ์ข้างหน้าได้เลย หากท่านไปคนเดียว ข้าเกรงว่ามันจะอันตรายเกินไป ฉะนั้นได้โปรดให้ซิงเฉินไปกับท่านด้วยเถิด!”

หรงจิ้นเริ่มแสดงท่าทีลังเล

พอเห็นแบบนั้น ซือถูซิงเฉินจึงเอ่ยเสียงเบาราวน้อยอกน้อยใจ

“ที่ท่านกังวล เพราะท่านกลัวว่าหากไปถึงที่นั่นแล้ว ซิงเฉินผู้นี้จะเป็นตัวถ่วงของท่านใช่หรือไม่?”

“ไม่ใช่!”

หรงจิ้นปฏิเสธทันที แต่ดวงตาของเขาสั่นไหวเล็กน้อย ราวรู้สึกผิด

“ขะ ข้าแค่กังวลว่า หากเราสองคนไปด้วยกัน มันอาจจะทำให้เกิดปัญหาที่ไม่จำเป็นขึ้นได้… ตอนนี้ข้ายังคงเป็นองค์รัชทายาท เมื่อมีบางอย่างเกิดขึ้นกับสุสานจักรพรรดิ ดังนั้นการที่ข้ามาปรากฏตัวที่นี่ จึงถือเป็นเรื่องปกติ แต่เจ้า… ซิงเฉิน เรายังไม่ได้จัดงานมงคลสมรสอย่างเป็นทางการ ถ้าเจ้าถูกจับได้ ข้าเกรงว่ามันจะไม่เป็นผลดีนัก…”

ซือถูซิงเฉินยิ้มเยาะในใจ

คำพูดของหรงจิ้นนั้นช่างฟังดูดีเสียเหลือเกิน!

เขาคงลืมไปสินะว่า ตอนนี้ตัวเขาเองยังถูกกักบริเวณอยู่ในตำหนักองค์รัชทายาท!?

ถ้าเขาถูกจับได้ ผลที่ตามมาก็ไม่ได้ดีไปกว่าเธอ!

แต่เขาแค่อยากไปคนเดียว!

เพราะหรงจิ้นรู้สึกว่าดวงตาของซือถูซิงเฉินนั้น ดูเหมือนจะอ่านสถานการณ์ทั้งหมดได้อย่างทะลุปรุโปร่ง และนั่นทำให้เขาไม่สบายใจ

ทว่าไม่นาน ซือถูซิงเฉินก็เอ่ยต่อ

“อย่างนั้น ซือถูจะรอองค์ชายอยู่ที่นี่”

หรงจิ้นเงยหน้าขึ้นและเห็นว่าบนใบหน้าของซือถูซิงเฉินยังมีรอยยิ้มจางๆ คงไว้ ราวกับไม่ได้รู้สึกน้อยใจแต่อย่างใด

เขาจึงถอนหายใจอย่างโล่งอก แล้วตอบกลับทันที

“ข้าจะรีบกลับมา!”

เมื่อพูดจบเขาก็รีบพุ่งตัวกระโดดออกไปอย่างรวดเร็ว

ซือถูซิงเฉินมองไปที่หลังของเขาและเยาะเย้ยเบาๆ

อยากทำตัวเป็นคนข้ามแม่น้ำได้แล้วรื้อสะพานทิ้ง เพื่อประโยชน์ส่วนตัวอย่างนั้นหรือ?

คิดตื้นเกินไปหรือเปล่า?

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *