ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ 900 ถ่อมตน

Now you are reading ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ Chapter 900 ถ่อมตน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 900 ถ่อมตน

เสียงตะโกนดังกึกก้อง ทำให้กริชสีเงินเล่มนั้นพุ่งตรงไปด้านหน้าทันที และจัดการลำแสงสีดำนั้นอย่างรวดเร็ว!

ทรายสีทองที่อยู่โดยรอบลอยฟุ้งขึ้น!

ลมกระโชกแรงอย่างบ้าคลั่ง!

เสวี่ยเสวี่ยที่เดินตามหลังหรงซิวอยู่ มันจึงรีบหดคอแล้วเดินถอยหลังไปทันทีอย่างรู้ความ

ก่อนหน้านี้ไม่กี่วันมันเพิ่งจะมีโอกาสได้อาบน้ำ มันเพิ่งมีเนื้อตัวที่สะอาดสะอ้าน ดังนั้นมันจึงไม่อยากจะเลอะเทอะเช่นเดิม!

หลังจากนั้นไม่นานพายุทรายที่อยู่รอบข้างก็ค่อยๆ สงบลง เหมือนว่าทะเลทรายจันทราสีชาดได้กลับเข้าสู่ความสงบแล้ว

มีเพียงแสงอาทิตย์ที่แสดแสง แผดเผา เหมือนกับกำลังจะเผาไหม้พื้นแผ่นดินให้เกรียม

หรงซิวชะงักฝีเท้าเล็กน้อย จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นไปมอง

ท่ามกลางทะเลทรายที่ไกลสุดลูกหูลูกตา นอกจากพวกเขาทั้งสองแล้วล้วนไม่มีใคร

เสียงอ่อนเยาว์ทว่าเย็นชาดังขึ้นที่ข้างหูของเขา

“มีคนกลั่นแกล้งนังหนูเยว่เออร์หรือ?”

หรงซิวหยุดนิ่ง แววตาเหมือนมีเปลวเพลิงสีทองลุกท่วม แต่ทันใดนั้นก็ค่อยๆ หายไป!

“เป็นคนของถ้ำปีศาจทมิฬ”

“คนของถ้ำปีศาจทมิฬนั้นหานางพบได้อย่างใด?”

นี่เป็นเสียงของหลานเซียว

“พวกเขาไม่ยอมอยู่ในอาณาเขตของตัวเองให้ดีๆ เหตุใดถึงต้องเดินทางไปยังเทียนลิ่งแห่งนี้ด้วย?”

ริมฝีปากของหรงซิวยกยิ้มขึ้น พร้อมหัวเราะเสียงเบา

“หลายปีก่อนหน้านี้คนผู้นั้นได้สูญเสียกายหยาบไปแล้ว ตอนนี้เหลือเพียงจิตวิญญาณสายหนึ่งเท่านั้น และอยู่ในร่างของผู้บำเพ็ญเพียรอย่างต่อเนื่อง มันใช้วิธีการดูดซับการบำเพ็ญเพียรของพวกเขาเพื่อรักษาชีวิตของตนเองเอาไว้”

พรึ่บ!

ทรายที่อยู่ด้านหน้าของเขาเกิดการเคลื่อนไหว จากนั้นก็มีร่างร่างหนึ่งปรากฏขึ้นมาท่ามกลางทะเลสาบ ดูแล้วเหมือนเด็กอายุห้าหกหนาวเท่านั้น

“เจ้ารู้จักคนผู้นั้นหรือ?” ตู๋กูโม่เป่าถามขึ้น

“เคยคุยกันหนึ่งครั้ง”

หรงซิวหรี่ตามอง นัยน์ตาหงส์มีประกายนุ่มลึกยากคาดเดา

“เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าตอนนี้เขาจะใจกล้ามากขนาดนี้เชียว”

แม้แต่เยว่เอ๋อยังกล้าจะแตะต้อง

หลานเซียวพูดขึ้นอย่างเกียจคร้าน

“ไม่ว่าเขาจะมาที่เทียนลิ่งเหตุใด หากต้องการจะแตะต้องนังหนูเยว่เออร์ เช่นนั้นก็ต้องผ่านพวกเราไปให้ได้ก่อน ผู้อาวุโสลำดับห้า ก่อนหน้านี้เจ้าได้ติดต่อกับคนของถ้ำปีศาจทมิฬมากน้อยเท่าใด?”

“ยะยะอย่าพูดไร้สาระสิ!” ผู้อาวุโสลำดับห้ารีบพูดปฏิเสธทันที “ข้าไม่ได้สนิทกับพวกเขาเสียหน่อย”

หลานเซียวหัวเราะเสียงเบา

“ไม่สนิท? ไม่สนิทแล้วเหตุใดส่งของบรรณาการให้เจ้าเป็นระยะเวลาสิบปีติดต่อกัน? ได้ยินมาว่าทุกปีพวกเขาจะส่งของขวัญมาให้เจ้านี่นา มาทีก็มาเป็นกอง…”

“หยุด!”

ผู้อาวุโสลำดับห้าตะโกนออกมาอย่างปวดหัวโนเวล-พีดีเอฟ

“ข้าผิดเอง เจ้ายังไม่พอใจอีกหรือ?! ตอนแรกข้าคิดว่าพวกเขาแค่มาขอโอสถเท่านั้น ข้าไม่รู้หรอกว่าพวกเขาจะทำไปทำเรื่องอันใด? แล้วอีกอย่าง ข้าไม่เคยช่วยเหลือพวกเขาเลยสักครั้งเดียว!”

ตู๋กูโม่เป่าพูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า

“เจ้าไม่ได้ช่วยแต่นั่นเป็นเพราะว่าเจ้าถูกขังอยู่ในทะเลทรายจันทราสีชาดต่างหากเล่า!”

หากผู้อาวุโสลำดับห้าไม่ได้อยู่ที่นี่ ไม่แน่ว่าเขาอาจจะรวมกลุ่มกับพวกถ้ำปีศาจทมิฬไปแล้วก็ได้!

ผู้อาวุโสลำดับห้าถอนหายใจออกมายาวๆ

แบบนี้จะให้อธิบายว่าอย่างใดกันเนี่ย!

เขาไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับถ้ำปีศาจทมิฬจริงๆ เพียงแต่เขาเห็นความพยายามที่ผ่านมาตลอดสิบปี ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจไปพบอีกทีสักครั้ง

อีกครั้งการพบหน้าก็เป็นไปอย่างรีบร้อน และเขาไม่ได้ทำอันใดเลยแม้แต่น้อย

ผ่านมาหลายปีแล้ว แต่เขาก็ยังคิดไม่ถึงว่าเรื่องราวเหล่านี้จะถูกหยิบยกขึ้นมาพูดใหม่อีกครั้ง!

“ถ้า…ถ้าเช่นนั้นให้ข้าไปหาพวกถ้ำปีศาจทมิฬแล้วกล่าวตักเตือนพวกเขาสักคำเป็นอย่างใด?”

ผู้อาวุโสลำดับห้าถามขึ้นอย่างไม่แน่ใจ เขาคิดแล้วคิดอีกก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

“ถ้าพูดตามตรงแล้ว ถ้ำปีศาจทมิฬนั้นอยู่ดีๆ ไม่มีความจำเป็นจะต้องมายุ่งกับเทียนลิ่งเลย…หรือว่าพวกเขามาที่นี่เพราะของที่ติดตัวนังหนูอยู่?”

นางต้องมีสมบัติหลายชิ้นแน่นอน…

“คนผู้นั้นถูกถ้ำปีศาจทมิฬไล่ออกมาเมื่อหลายปีก่อน”

หรงซิวพูดขึ้นเสียงเรียบ

ตู๋กูโม่เป่าและคนอื่นๆ ก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

“ไล่ออก? เขาไปทำเรื่องอันใดไว้ คาดไม่ถึงว่าแม้กระทั่งถ้ำปีศาจทมิฬก็ยังไม่สามารถอดทนได้?” ตู๋กูโม่เป่ารีบถามขึ้นมา

หรงซิวส่ายหน้า

“เรื่องนี้ต้องถามคนผู้นั้นเองแล้ว”

ทันทีที่เขาขยับเท้า ร่างเงาเหล่านั้นก็จางหายไปอย่างรวดเร็วราวกับภูตผี!

หลังจากผ่านไปครึ่งเค่อ ในที่สุดเขาก็หยุดนิ่ง ตรงนี้เขากำลังยืนอยู่ที่ศูนย์ของทะเลทรายจันทราสีชาดพอดิบพอดี…ที่นั่นคือข้างทะเลสาบสีคราม

เขามองตรงไปด้านหน้าแล้วยิ้มเล็กน้อย

“ตอนนี้ข้าได้ผ่านการทดสอบของผู้อาวุโสสามท่านแล้ว ตามข้อตกลง ข้าสามารถออกจากที่นี่ได้แล้วใช่หรือไม่ขอรับ?”

ตู๋กูโม่เป่าหัวเราะเสียงเย็น

“เจ้าผ่านการทดสอบนี้ตั้งนานแล้วเหตุใดต้องแสร้งทำตัวเป็นลำบากใจอยู่อีกเล่า?”

เมื่อพิจารณาจากฝีมือที่เขาแสดงในช่วงสุดท้ายแล้ว นั่นหมายความว่าก่อนหน้านี้เขาได้ซ่อนความแข็งแกร่งที่แท้จริงเอาไว้!

หรงซิวยิ้มขึ้นพร้อมโค้งคำนับอย่างเกรงใจ พร้อมพูดอย่างถ่อมตนว่า

“ความจริงแล้วข้าก็เพิ่งได้เลื่อนขั้นมาเมื่อไม่นานมานี้ ทั้งนี้ยังต้องขอบคุณผู้อาวุโสทั้งหลายที่คอยชี้แนะ หากข้าไม่สามารถเลื่อนขั้นได้อย่างโชคดี เกรงว่าหรงซิวจะต้องติดอยู่ที่นี่เป็นเวลานานแล้ว”

“ได้รับผลประโยชน์ที่ต้องการแล้ว แต่แสร้งทำตัวเหมือนไม่อยากได้!”

หลานเซียวด่าออกมาอย่างอดไม่ได้

เดิมทีเขาต้องการจะสร้างความลำบากใจให้กับเจ้าเด็กนี้เสียหน่อย แต่กลับคิดไม่ถึงเลยว่า นอกจากจะไม่ทำให้เขาเจ็บปวดแล้ว ยังถือโอกาสเป็นการช่วยให้อีกฝ่ายได้เลื่อนขั้นอีกด้วย!

เหมือนกับว่าต้องการโยนหินใส่หัวของอีกฝ่ายเพื่อเป็นการสั่งสอน แต่คิดไม่ถึงว่าโยนไปแล้วจะกลายเป็นหินรองเท้าของคนอื่นให้เขาได้เหยียบก้าวขึ้นไป!

ความรู้สึกเช่นนี้มันช่างทรมานจริงๆ!

โชคดีที่ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดลูกไม้ไว้หลายอย่างเพื่อจัดการกับหรงซิว แต่ว่าทั้งหมดนี้มันก็ยังง่ายเกินไปสำหรับเขาอยู่ดี

หรงซิวมีภูมิต้านทานกับคำพูดเหล่านี้มานานแล้ว ตั้งแต่วันที่เขากับเยว่เอ๋อได้อยู่ด้วยกันนั้น พวกเขาก็รู้สึกว่าหรงซิวนั้นขัดหูขัดตาอย่างมากแล้ว ดังนั้นหรงซิวจึงผ่านการทดสอบมาหลายพันครั้ง และสามารถรับมือได้แล้ว

“แล้วอีกอย่าง…ข้าไม่ได้ดูแลเยว่เอ๋อให้ดี ทำให้ผู้อาวุโสทั้งหลายเป็นห่วงแล้ว นั่นก็เป็นความผิดของข้าเช่นกัน”

ตู๋กูโม่เป่าและคนอื่นๆ ก็เงียบไปครู่หนึ่ง

แม้ว่าพวกเขาทั้งหลายจะเป็นคนที่ปากร้าย แต่พวกเขาก็รู้ว่าหรงซิวนั้นปฏิบัติตัวต่อเยว่เอ๋ออย่างใด

แต่ไม่ว่าจะเป็นทางใด เขาล้วนย่อมไม่อยากให้มีเรื่องราวดังเช่นวันนี้เกิดขึ้นอย่างแน่นอน

ระคลอกคลื่นปรากฏขึ้นเหนือผิวน้ำ

ตู๋กูโม่เป่ากล่าว

“เจ้าไปเถอะ! หากนังหนูเป็นอันใดไปแม้แต่น้อย พวกเราจะไม่ปล่อยเจ้าไปเด็ดขาด”

หรงซิวประสานหมัดเข้าด้วยกัน

“ผู้อาวุโสทั้งสามโปรดรักษาตนด้วย ผู้น้อยขอตัวลา”

เมื่อพูดจบ ในที่สุดเขาก็หมุนตัวจากไป เสวี่ยเสวี่ยก็เดินตามหลังไป

หนึ่งคนหนึ่งอสูรเลือนหายไปจากความว่างเปล่าอย่างรวดเร็ว

ทะเลทรายจันทราสีชาดกลับสู่ความสงบอีกครั้ง

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร ผู้อาวุโสลำดับห้าก็ถามขึ้นมาอย่างระมัดระวัง

“จะปล่อยให้พวกเขาไปเช่นนี้หรือ แล้ว…พวกเราจะทำอย่างใดต่อไปล่ะ?”

พวกเขาไม่มีออกจากทะเลทรายจันทราสีชาด สามารถออกไปในระยะเวลาสั้นอย่างน้อยเดือนละครั้งเท่านั้น

ไม่ว่าต้องการจะทำอันใดล้วนมีข้อจำกัดทั้งนั้น

“นังหนูเยว่เออร์กลับไปที่เมืองหลวง แต่พวกเราไม่สามารถไปช่วยนางได้เลย…”

“หากเป็นเรื่องไอ้หมาไอ้แมวนางสามารถแก้ไขปัญหาได้อยู่แล้ว เป็นพวกเราที่มองนางผิดไป”

ตู๋กูโม่เป่าพูดเสียงเย็น

“ถึงจะพูดเช่นนั้นก็ตามเถิด แต่นังหนูเยว่เออร์ถูกคนรังแกนะ หรือว่าพวกเราจะยืนมองเช่นนี้ต่อไป?”

หลานเซียวไม่สามารถทนฟังต่อไปได้ ดังนั้นจึงโต้เถียงออกมาอย่างไม่เห็นด้วย

“ไม่อย่างแน่นอน”

ตู๋กูโม่เป่าค่อยๆ พูดมาว่า

“ไม่ต้องห่วง ข้ามีแผน”

ซีหลิง วังหลวง ตำหนักหลางคุน

เมื่อกริชเล่มนั้นบินออกมา จากนั้นก็ทำลายลำแสงสีดำสนิทจนหมดสิ้น!

เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นภายในชั่วพริบตา ฉู่หลิวเยว่ยังไม่ทันได้มองการเคลื่อนไหวของกริชนั้นได้อย่างชัดเจน ทันใดนั้นนางก็ได้ยินเสียงกรีดร้องโหยหวนดังขึ้นที่ข้างหู

ในตอนนั้นเองทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้าก็พลันสลายไป!

กระแสปราณที่คุกคามสายนั้นก็ถูกกำจัดออกไปในทันที!

สัญลักษณ์บนกริชเล่มนั้นก็ค่อยๆ หายไปอย่างไร้ร่องรอย ก่อนจะบินกลับไปอยู่ที่กลางฝ่ามือของฉู่หลิวเยว่

ฉู่หลิวเยว่กะพริบตาปริบๆ

ปราณเมื่อกี้มัน…

หรงซิว!?

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด