ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ 969 ก็คือพวกเขา

Now you are reading ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ Chapter 969 ก็คือพวกเขา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 969 ก็คือพวกเขา

นางไม่รู้ว่าพวกเขาอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไร เสื้อคลุมยาวสีปีกอีกา ทำให้เขายิ่งดูหล่อเหลามากยิ่งขึ้น

โดยเฉพาะดวงตาคู่นั้นที่มีสีแดงเลือด ทั้งคล้ายมารและเซียน แต่ก็ดูอันตรายอย่างยิ่ง ราวกับว่ามันสามารถดูดกลืนผู้คนได้ตลอดเวลา!

ริมฝีปากของเขายกยิ้มขึ้นเล็กน้อย กลับทำให้คนรู้สึกคาดเดาไม่ได้

เหมือนว่าเขาจะมาอยู่ที่นี่สักพักหนึ่งแล้ว…

ความคิดของฉู่หลิวเยว่เปลี่ยนไปทันที

จวินจิ่วชิงน่าจะเห็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ทั้งหมดแล้ว!

แต่บางทีอาจจะเป็นเพราะว่าฝีมือของเขานั้นแข็งแกร่งเกินไป และสามารถเก็บซ่อนลมปราณของตนเองไว้ได้เป็นอย่างดี ดังนั้นก่อนหน้านี้พวกนางจึงไม่สามารถจับสังเกตได้เลย

มู่หงอวี่และคนอื่นๆ มองจวินจิ่วชิงที่ปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหันด้วยความตกใจ

หากเขานำเรื่องนี้ออกไปพูดแล้วละก็ พวกเขาควรจะทำอย่างใด?

ต้องบอกก่อนว่าเขาคือองค์รัชทายาทแห่งราชวงศ์เป่ยหมิง หากเขาพูดละก็มันจะมีพลังอย่างมาก

ทั้งสองฝ่ายต่างเผชิญหน้ากันด้วยความเงียบ แม้กระทั่งอากาศก็เหมือนว่าจะถูกแช่แข็งไป!

ในตอนนั้นเองก็เก็บดาบหลงหยวนที่อยู่ในมือลงอย่างเป็นธรรมชาติ แล้วยิ้มบางๆ ให้กับจวินจิ่วชิง

“องค์รัชทายาท คิดไม่ถึงว่าจะได้เจอกันที่นี่ บังเอิญจริงๆ”

จวินจิ่วชิงมองไปยังผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้า

เรื่องที่นางเผาศพทำลายหลักฐานถูกคนอื่นพบแล้ว แต่คาดไม่ถึงว่าหน้าของนางจะไม่เปลี่ยนสีเช่นนี้…

เหมือนกับเมื่อก่อนไม่มีผิด

ต่อให้เปลี่ยนกายเนื้อ เปลี่ยนใบหน้า แต่นิสัยไม่มีทางเปลี่ยน

เมื่อคิดได้ถึงตรงนี้ จวินจิ่วชิงก็อดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้

“ใช่แล้ว ข้าเพิ่งไปสำรวจทางนั้นมา แต่เมื่อสังเกตได้ว่าทางนี้มีความผิดปกติ จึงเดินมาดูเสียหน่อย คิดไม่ถึงว่า…จะได้ชมอันใดที่น่าสนุกเช่นนี้”

เขาลูบคางตนเอง

“หากไม่มีอันใดผิดพลาดแล้วละก็ ตอนนี้ถานไถเฉินน่าจะรู้เรื่องแล้วสินะ? คนรอบข้างก็ช่างเถิด แต่ว่านี่คือถานไถรั่วหลี ลูกสาวเพียงคนเดียวของเขา ที่เป็นดั่งแก้วตาดวงใจ หากเขารู้ว่า…ลูกสาวสุดที่รักของเขาโดนคนฆ่าตายภายในหุบเขาบรรพกาลเฟิ่งหวง เขาจะมีสีหน้าอย่างใดกันนะ?”

ใบหน้าของฉู่หลิวเยว่ราบเรียบไม่มีเปลี่ยนแปลง

“สีหน้าของเขาจะเป็นอย่างใดนั้น ข้าจะไปรู้ได้ยังไง หากองค์รัชทายาทห่วงใยเขามากละก็ หลังจากที่ออกไปแล้ว ก็ไปปลอบใจเขาสักประโยคสองประโยคสิ แต่ว่าตอนนี้พวกเรายังมีเรื่องที่จะต้องทำ ดังนั้นต้องขอตัวไปก่อน เชิญพระองค์ตามสบาย”

เมื่อพูดจบแล้ว นางก็หมุนตัวเดินจากไป พร้อมเดินไปหามู่หงอวี่และคนอื่นๆ

“พวกเราไปกันเถิด”

เมื่อพูดจบ คาดไม่ถึงว่านางจะเดินจากไปจริงๆ

ไม่ว่าอย่างใดก็ตามการกระทำของนางถูกจวินจิ่วชิงเห็นแล้ว นางจะโต้เถียงอันใดได้อีก

ยิ่งไปกว่านั้น นางไม่รู้สึกว่าคนผู้นี้เป็นคนที่สามารถต่อรองได้

ดังนั้นนางจึงเลือกที่จะไม่พูดอันใด

จวินจิ่วชิงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย พร้อมขยับร่างกายไปขวางทางฉู่หลิวเยว่เอาไว้

“เจ้าไม่กลัวว่า หลังจากที่ข้าออกไปแล้ว ข้าจะพูดเรื่องนี้ออกไปอย่างไม่ได้ตั้งใจหรอกหรือ? คนอื่นน่ะช่างเถอะ แต่ว่าชีวิตขององค์หญิง…”

ความประมาทเพียงเล็กน้อย อาจทำให้เกิดข้อพิพาทระหว่างแคว้นได้

นางจะไม่สนใจเรื่องนี้จริงๆ หรือ?

ฉู่หลิวเยว่ลืมตาขึ้น ริมฝีปากยกยิ้มเย้ยหยัน

“ฝ่าบาทต้องการใช้สิ่งนี้เพื่อข่มขู่ข้าหรือ? ท่านไม่คิดว่าท่านได้ทำเรื่องที่เกินความจำเป็นหรอกหรือ?”

ท่านพ่อยังอยู่ในกำมือของเขา นางยังจะมาสนใจเรื่องนี้อีกหรือ?

จวินจิ่วชิงชะงักไปเล็กน้อย แต่ก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้

“เจ้าลองคิดดูก็ได้”

นางขี้เกียจจะสนใจเขาแล้ว จึงหมุนตัวแล้วเดินจากมาทันที ตั้งใจจะเดินอ้อมเขาออกไป

ถ้าไม่ใช่เพราะว่าจะต้องปกปิดเรื่องที่นางเคยไปห้องทรงอักษรของอีกฝ่ายมาก่อน ด้วยสถานการณ์เช่นนี้ นางจะต้องเปิดฉากต่อสู้กับจวินจิ่วชิงแน่นอน!

แต่ว่าตอนนี้นางทำไม่ได้!

มู่หงอวี่และคนอื่นๆ มองหน้ากันไปมา

คือ…ก่อนหน้านี้จวินจิ่วชิงทำตัวเหมือนกับรู้จักฉู่หลิวเยว่มาก่อน แต่พอมาดูตอนนี้ กลับรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติไปจริงๆ…

แต่เมื่อเห็นว่าฉู่หลิวเยว่ไม่ได้ต้องการจะพูดอันใดมากมาย และเดินออกไปทันที พวกเขาทั้งสามคนก็ไม่รู้จะพูดอันใด ดังนั้นจึงเดินตามออกไปอย่างเงียบๆ

อู๋หมิงบาดเจ็บสาหัสที่สุด อวี่เหวินจิงหงและมู่หงอวี่ช่วยพยุงแขนเขาคนละข้างให้เดินไปด้านหน้า

“ฝ่าบาท!”

ในตอนนั้นเองก็มีเสียงตะโกนดังขึ้นที่กลางอากาศ

หลังจากนั้นเงาคนสองสามคนก็มาปรากฏอยู่ตรงหน้าของจวินจิ่วชิง

พวกเขาคือสมาชิกอีกสี่คนของราชวงศ์เป่ยหมิง

“ฝ่าบาท เมื่อครู่นี้ท่านเดินเร็วมาก ข้าพยายามอย่างสุดความสามารถแล้ว ตามท่านตั้งนานกว่าจะตามทัน หวังว่าฝ่าบาทจะอภัยโทษ!”

ชายหนุ่มคนหนึ่งที่อยู่ในจำนวนนั้นพูดขึ้นพร้อมหอบแฮ่กๆ

แม้ว่าคนอื่นๆ จะไม่ได้พูดอันใด แต่ดูแล้วก็มีสภาพไม่ต่างกัน

เห็นได้ชัดว่าเพื่อวิ่งมาที่นี่ พวกเขาต้องใช้พลังไปไม่น้อย

เดิมทีพวกเขาทั้งหลายล้วนเป็นระดับสูงในหมู่ของคนที่มีพรสวรรค์ แต่เมื่อเทียบกับจวินจิ่วชิงแล้ว ถือว่ายังห่างอีกไกล

จวินจิ่วชิงยิ้มร้ายออกมา ราวกับว่าไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้มากนัก

“ไม่เป็นไร”

เมื่อฉู่หลิวเยว่ได้ยินดังนั้น นางก็หรี่ตามอง

แต่ฝีเท้าของนางยังไม่หยุด นางยังพาคนเดินต่อไปด้านหน้า เห็นได้ชัดว่านางไม่ต้องการยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของพวกเขาอีก

“ฝ่าบาท…นั่นคือ…คนของราชวงศ์เทียนลิ่ง”

ในที่สุดพวกเขาก็รู้ว่า คนที่จวินจิ่วชิงกำลังมองอยู่ตลอดนั้นคือคนที่กำลังเดินจากไป พวกเขาจึงหันกลับไปมองอย่างตั้งใจ

“นั่นไม่ใช่…ซั่งกวนเยว่หรอกหรือ?”

ชายหนุ่มคนหนึ่งอดพูดพึมพำขึ้นมาไม่ได้ แม้ว่าจะเคยเห็นแค่ครั้งหรือสองครั้ง แต่ผู้หญิงคนนั้นก็สะดุดตามาก ไม่ว่าจะยืนอยู่ที่ไหน ก็สามารถกลายเป็นจุดรวมสายตาของทุกคนได้ทันที

“ข้าจำได้ว่า ก่อนหน้านี้นางพูดว่าจะไม่เข้ามาไม่ใช่หรือ…หรือว่านางรู้สึกเสียใจภายหลังแล้ว?”

“ไม่หรอกมั้ง? ก่อนหน้านี้ข้าเคยเจอคนของราชวงศ์เทียนลิ่งสองคนมาก่อน พวกเขาอยู่ที่นี่มาตั้งแต่แรกแล้ว”

อีกคนหนึ่งเถียงขึ้น

ทันทีที่สิ้นเสียงนั้น พวกเขาทั้งหลายก็ตระหนักได้ว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง จึงหันมามองหน้ากัน

จริงสิ!

พวกเขาอยู่ที่นี่มาตั้งหลายวันแล้ว อีกทั้งก่อนหน้านี้ก็เคยเจอคนของราชวงศ์เทียนลิ่งมาก่อน รวมกันก็คือห้าคนแล้ว!

ในกลุ่มนั้นไม่มีซั่งกวนเยว่!

แล้วนางมาอยู่ที่นี่ได้อย่างใด!?

พวกเขาทั้งหลายรู้สึกสงสัยอย่างมาก แต่กลุ่มของฉู่หลิวเยว่ไม่ได้วางแผนจะอธิบายเรื่องนี้เลย

“ช่างเถอะ ไม่ต้องไปคิดเรื่องนี้แล้ว รอออกไปได้เมื่อไร ก็จะรู้เรื่องทั้งหมดเอง”

ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ด้านหน้าสุดถอนสายตาออกมา และมองไปรอบๆ ท่าทางดูเคร่งขรึมอย่างมาก

“ฝ่าบาท เมื่อครู่นี้ที่นี่เกิดเรื่องอันใดขึ้นหรือ เหตุใดถึง…”

พื้นดินเต็มไปด้วยเศษหิน แผ่นดินทรุดตัว และยังมีคราบเลือดกระจัดกระจาย

ไม่ว่าใครก็ดูออก ว่าเมื่อครู่นี้จะต้องเกิดการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่แน่นอน

“ก่อนหน้านี้ เหมือนว่าคนของราชวงศ์ไท่อวี่จะมาที่นี่…แต่เหตุใดไม่เห็นแม้แต่เงาของเขาเลยล่ะ?”

“ใช่แล้ว! ก่อนหน้านี้พวกเขา…ไล่ตามทำร้ายคนของราชวงศ์เทียนลิ่งอยู่ตลอดเลยไม่ใช่หรือ?”

หญิงสาวคนเดียวในกลุ่มเดินออกมาสองก้าว สีหน้าระแวดระวัง ราวกับว่าต้องการจะตรวจสอบอันใดบางอย่าง

“นี่…เหมือนว่าจะไม่ใช่ร่องรอยของไฟธรรมดา…”

นางมองสำรวจรอยไหม้เกรียมที่พื้นอย่างละเอียด จากนั้นก็เงยหน้าไปมองฉู่หลิวเยว่และพวก แววตาเต็มไปด้วยความสงสัยที่ปิดไม่มิด

“หรือว่า…คนของราชวงศ์ไท่อวี่จะต่อสู้กับคนของราชวงศ์เทียนลิ่ง?”

มู่หงอวี่และคนอื่นๆ ที่ได้ยินดังนั้น ก็ตัวแข็งทื่อโดยพร้อมเพรียง

แม้ว่าสิ่งที่พวกเขาทำจะถูกอำพรางไปแล้ว แต่มันก็มีร่องรอยบางอย่างที่ถูกทิ้งเอาไว้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ผู้หญิงคนนั้นเก่งมาก แค่มองเพียงครู่เดียว ก็สามารถสรุปได้อย่างถูกต้องรวดเร็ว!

หากพวกเขาไม่จัดการตอนนี้ และต่อไปอีกฝ่ายพบว่าคนของราชวงศ์ไท่อวี่ตายหมดแล้ว พวกเขาจะต้องถูกสงสัยอย่างแน่นอน!

ฉู่หลิวเยว่ชะงักไปเล็กน้อย แล้วหมุนกายกลับมา

ในตอนที่นางกำลังจะพูดขึ้น แต่จวินจิ่วชิงกลับแทรกขึ้นมาก่อน

เขายิ้มอย่างเกียจคร้านและพูดขึ้นว่า

“ถูกต้อง เมื่อครู่นี้ ทั้งสองฝ่ายได้ต่อสู้กันที่นี่จริงๆ”

ฉู่หลิวเยว่กำหมัดกรอด!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด