ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ 297 ดินแดนนรก [รีไรท์]

Now you are reading ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ Chapter 297 ดินแดนนรก [รีไรท์] at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 297 ดินแดนนรก [รีไรท์]

“หยุด!”

จู่ๆ ก็มีเสียงทุ้มต่ำดังขึ้นมา!

ในขณะเดียวกัน ทุกคนเห็นเพียงแสงระยิบระยับสีเงินหล่นลงมา ปิดทับบนรอยแตกของค่ายกล!

ทันทีที่พลังทั้งสองมาสัมผัสกัน ก็รวมตัวเข้าด้วยกันทันที

จากนั้นบริเวณที่มืดไปเมื่อครู่นี้ก็สว่างขึ้นทันที

ค่ายกลที่สั่นไหวก่อนหน้านี้ก็มีพลังลำหนึ่งพุ่งเข้าไปและสงบลงทันที

ทุกคนพากันมองตาค้าง แต่กลับเห็นเงาสีเทากำลังเดินดุ่มๆ เข้ามาจากที่โล่ง!

ซุนจ้งเหยียนเห็นคนคนนั้นก็ตกใจจนตะโกนออกมา

“อาจารย์ลุง!”

ถ้าคนที่เดินมานั้นไม่ใช่หัวหน้าสำนักอย่างเยี่ยจือถิงแล้วจะเป็นใคร

บนตัวของเขายังคงสวมชุดขนแกะสีเทาอยู่ ในมือถือพัด และพลังบนตัวก็ไม่ได้มีความผันผวนใดๆ ดูแล้วเรียบง่ายเหมือนคนชราทั่วไป

แต่ทุกคนในที่นั้นต่างรู้ว่าเขาคือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด!

เมื่ออาจารย์แล้วนักเรียนทุกคนเห็นเยี่ยจือถิงแล้ว ก็รู้สึกโล่งใจตามๆ กัน

เฉิงหันและฝูอวิ๋นซานที่เฝ้ามองสถานการณ์อยู่ไกลๆ ก็อึ้งไปทันที พวกเขาไม่คิดว่าเยี่ยจือถิงจะมาอย่างกะทันหันแบบนี้!

“มาได้ทันเวลาพอดีเชียว!”

เฉิงหันจ้องมองร่างนั้นตาเขม็งก่อนจะกัดฟันเอ่ยปาก

ฝูอวิ๋นซานอดที่จะตะโกนไม่ได้

“ไม่เจอมานานหลายปี ดูเหมือนพลังของผู้อาวุโสเยี่ยจะแข็งแกร่งขึ้นอีกแล้ว…”

ในใจของเฉิงหันรู้สึกกระวนกระวายขึ้นอีก

เขามองเหตุการณ์นี้ออก!

เดิมทียังอยากจะที่เมืองหลวงเพื่อเอาชนะเยี่ยจือถิงสักครั้ง แต่กลับต้องอับอายขายหน้าเสียก่อน

ถ้าเยี่ยจือถิงไม่ปรากฏตัว เขาก็คงจะเสียดายมากเหมือนกัน

ต่อมาเมื่อรู้ว่าเยี่ยจือถิงมีลูกศิษย์ เขาก็อยากจะให้ซือถูซิงเฉินเอาชนะลูกศิษย์ของอีกฝ่ายให้ได้

แต่ไม่นึกว่าลูกศิษย์ของเยี่ยจือถิงจะเป็นฉู่หลิยเยว่

อีกอย่างฉู่หลิวเยว่ยังคว้าที่หนึ่งในสมาคมเยาวชนไปถึงสองตำแหน่งอีกด้วย

สิ่งที่ทำให้เขาหงุดหงิดมากที่สุดก็คือที่ซือถูซิงเฉินได้ที่หนึ่งด้านการแพทย์ อันที่จริงก็เป็นเพราะผลงานของฉู่หลิวเยว่

ต่อมาเขาก็รู้สึกคิดผิดที่ตอบรับปากข้อเสนอการให้ฉู่หลิวเยว่เข้าแข่งขันแทนซือถูซิงเฉิน

เดิมทีเขาก็รู้สึกร้อนท้องไปหมด ไม่คิดเลยว่าขณะที่กำลังจะออกจากเมืองหลวงจะเจอกับการเปลี่ยนแปลงของหอคอยจิ่วโยว และเยี่ยจือถิงก็ออกมาอีกด้วย

แต่ที่สำคัญที่สุดก็คือพลังของเยี่ยจือถิงนั้นแข็งแกร่งกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด

ในใจของเฉิงหันมั่นใจว่า ถ้าทั้งพวกเขาสองคนมารวมตัวกัน ก็ยังคงไม่เหมาะที่จะเป็นศัตรูของเยี่ยจือถิงอยู่ดี

“หอคอยจิ่วโยวเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้ว ข้าดูแล้วพวกเขาคงจัดการได้ยากแน่นอน”

เฉิงหันเอ่ยปากด้วยสีหน้าเศร้าหมอง

ฝูอวิ๋นซานรู้สึกลังเล

ด้านหนึ่งเขาก็ไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับเรื่องอันตรายแบบนี้ มิอาจมีใครรู้ด้านล่างว่ามีพลังของหอคอยจิ่วโยวนั้นเป็นอย่างใดกันแน่?

อีกด้านหนึ่ง เขาก็ไม่อยากจะทำผิดต่อเยี่ยจือถิงแบบนั้น

ขณะที่เขากำลังยืดเยื้ออยู่ เยี่ยจือถิงก็ค่อยๆ เดินเข้าไปในเศษระยิบระยับนั้นแล้ว

เมื่อเขาพัดพัดในมือของเขา ก็มีลำแสงของดวงดาวตกลงมา ก่อนจะวาดลำแสงเจิดจ้าอยู่กลางอากาศ จากนั้นก็ตกลงบนสากเงินที่อยู่กลางค่ายกลผนึกสวรรค์

สากเงินที่เดิมทียังสั่นไหวช้าๆ ก็หมุนเร็วขึ้นอีกครั้ง! นอกจากนั้นยังแผ่พลังอันแข็งแกร่งไปรอบๆ ด้วย

ค่ายกลผนึกสวรรค์ใหญ่ยักษ์กลับมาเปล่งประกายอีกครั้ง

เงามืดที่ทำให้สัมผัสได้ถึงการข่มขู่ได้หยุดลง และจ้องไปยังเยี่ยจือถิงด้วยความหวาดระแวง

มันรู้ดีว่าเมื่อเยี่ยจือถิงมาถึงแล้วจะต้องนำพาอันตรายที่ยิ่งใหญ่มาให้มันแน่นอน

แล้วทั้งสองฝ่ายก็ปะทะกัน

ทันทีที่เยี่ยจือถิงเห็นมัน แววตาของคนชราที่ปกติแล้วจะพร่ามัว แต่ตอนนี้กลับชัดเจน และเต็มไปด้วยพลังกดดันอย่างหาอันใดมาเทียบไม่ได้!

“เดรัจฉาน!หยุดซะ!”

เสียงที่ดังกังวานดั่งเสียงฟ้าร้องดังขึ้น!

ลำแสงขัดกันบนค่ายกลผนึกสวรรค์!

เงาสีกำนั้นมีแววตาแดงและต้องการจะต่อสู้ผ่านไป

เยี่ยจือถิงที่เป็นหัวหน้าสำนักของสำนักเทียนลู่ก็เป็นเจ้าของที่แท้จริงของสากเงินนั้นเช่นกัน เมื่อเขาปรากฏตัวในตอนนั้น แน่นอนว่าพลังข่มขู่ของค่ายกลผนึกสวรรค์ก็ต้องแข็งแกร่งขึ้นไม่มีวันหยุดแน่นอน

“ไปซะ!”

เยี่ยจือถิงโบกพัดที่ถืออยู่ในมืออีกครั้ง!

ค่ายกลผนึกมากที่ยิ่งใหญ่เหมือนคลื่นทะเลก็กระทุ้งขึ้นอย่างต่อเนื่อง!

อ๊าก…

เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดของเงาสีดำนั้นดังขึ้น แล้วร่างของมันก็ถูกตัดแบ่งออกทันที ก่อนจะกลายเป็นดวงดาวสีดำแล้วตกกระจายไปทั่ว

แม้แต่เปลวไฟสีดำที่กำลังลุกไหม้อยู่ก็เหมือนจะได้รับผลกระทบจนถดถอยไปมาก และไม่ได้ลุกลามขึ้นไปข้างบนอีก

เมื่อซุนจ้งเหยียนเห็นฉากนั้นแล้ว ความหนักใจก็ลดลงทันที

“ท่านอาจารย์ลุง ในที่สุดท่านก็ยับยั้งมันได้!”

ซุนจ้งเหยียนเอ่ยปากด้วยความตื่นเต้นดีใจ

ถ้าช้ากว่านี้อีกนิดเดียว เกรงว่าค่ายกลผนึกสวรรค์นี้คงถูกเดรัจฉานตัวนั้นทำลายไปแล้ว

เยี่ยจือถิงหัวเราะลั่น

“ถ้าไม่ออกมา ทั้งสำนักของข้าคงจะถูกเดรัจฉานนั่นทำลายไปแล้วล่ะ!”

ซุนจ้งเหยียนขอโทษด้วยการก้มหน้ารู้สึกผิด

“เป็นเพราะข้าเองที่ไม่มีปัญญา…”

“เรื่องนี้ข้าไม่โทษพวกเจ้าหรอก ไอ้เดรัจฉานนี้มันอยากจะออกมาตั้งนานแล้ว เพียงแต่ว่ามันยังหาโอกาสที่ดีไม่ได้ก็เท่านั้น แล้วบังเอิญว่าข้ากำลังพยายามทะลุทะลวงข้ามขั้นพลังจนไม่ทันได้สนใจ เมื่อประมาทไปหน่อยจึงทำให้เกิดเหตุการณ์ในวันนี้ขึ้นได้”

เยี่ยจือถิงส่ายหน้าเพื่อบอกกับซุนจ้งเหยียนว่าไม่ได้กล่าวโทษอันใด

ซุนจ้งเหยียนถามด้วยความสงสัย

“ถ้าอย่างงั้น…อาจารย์ลุง ท่านว่าตอนนี้เราควรทำอย่างใด?”

เพราะเดรัจฉานตัวนั้นยังไม่ได้ยอมแพ้แน่นอน

อีกอย่าง…

“ท่านอาจารย์ลุง บนหอคอยจิ่วโยวทั้งได้เกิดรอยร้าวขึ้นแล้ว กลัวว่าต่อไปจะไม่สามารถต้านเดรัจฉานตัวนั้นได้อีก”

จากนั้นก็ต้องเป็นเรื่องใหญ่กว่าเดิม!

เยี่ยจือถิงเหลือบมองหอคอยจิ่วโยวแล้วก็เห็นว่าบนหอคอยนั้นมีรอยร้าวอยู่รอยหนึ่งที่เห็นได้อย่างชัดเจน

สีหน้าของเขาดูเคร่งขรึมขึ้นทันที

ถ้าเป็นแบบนี้ เรื่องต้องยุ่งยากกว่าที่คิดไวอยู่มากแน่นอน…

แววตาของเขาตกไปอยู่ที่ค่ายกลผนึกสวรรค์อีกครั้ง ก่อนจะคิดหาวิธีกำจัดปัญหานี้

ทันใดนั้นแววตาของเขาก็นิ่งไป

“ในหอคอยจิ่วโยวนั้นยังมีคนอยู่อีกรึ!”

ซุนจ้งเหยียนตกใจจนปาดเหงื่อ

“ใช่…ใช่”

“คนที่อยู่ชั้นที่สี่คือใคร?”

“…องค์ชาย องค์ที่เจ็ด” ซุนจ้งเหยียนไม่กล้าปิดบังจึงเอ่ยปากทันที

เยี่ยจือถิงขมวดคิ้วแน่น

“เขาเข้าไปได้อย่างใด?”

“เอ่อ…”

ไม่ทันได้รอให้ซุนจ้งเหยียนตอบ เยี่ยจือถิงก็เจอกับเรื่องที่น่าตกตะลึงอีกครั้ง

“ชั้นที่อยู่เหนือกว่าชั้นที่ห้าก็ยังมีคนอีกรึ!”

ซุนจ้งเหยียนรีบพยักหน้าโดยไม่ทันได้สนใจอันใด

“ใช่แล้ว หลิวเยว่ยังอยู่ข้างบนอยู่ ท่านสามารถเห็นชั้นที่นางอยู่ได้หรือไม่?”

อาจารย์ลุงเก่งกาจกว่าเขามาก ต้องสามารถเห็นสถานการณ์ชั้นข้างบนได้แน่นอน

เมื่อได้ยินชื่อที่คุ้นเคยแล้ว เยี่ยจือถิงก็หรี่ตาลงทันที

“เจ้าบอกว่าใครนะ?”

ซุนจ้งเหยียนชะงักไปสักพักก่อนจะเอ่ยปากเสียงเบา

“…ฉู่หลิวเยว่”

เยี่ยจือถิงหมดคำพูดทันที

ศิษย์หัวแก้วหัวแหวนคนเดียวของเขานี่เอง

ยังเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้

ตอนนี้หอคอยจิ่วโยวอันตรายถึงขนาดไหน

ที่นางเข้าไปนั้นมันเป็นหนทางแห่งความตายชัดๆ

“นะนะ…นางขึ้นไปได้อย่างใด!”

ซุนจ้งเหยียนน้ำตาตกใน

เขาก็อยากรู้เหมือนกัน

เยี่ยจือถิงร้อนรนใจ จงรีบร้อนแล้วมองไปยังค่ายกลผนึกสวรรค์อีกครั้ง เพื่อจะดูสถานการณ์ของฉู่หลิวเยว่อีกครั้ง

เมื่อมองไปแล้วสีหน้าของเขาดูไม่ค่อยดีนัก

“ข้ารู้สึกเพียงแค่ว่านางต้องอยู่ชั้นด้านบนแน่นอน แต่ไม่รู้อย่างแน่ชัดว่านางจะอยู่ชั้นที่เท่าใด ตอนนี้รู้เพียงแค่ว่านางไม่ได้อยู่ในชั้นที่หก”

ถ้างั้นก็แสดงว่าอย่างน้อยนางต้องอยู่ชั้นที่เจ็ดแน่นอน

เขตแดนนรกแบบนั้น นางจะไปได้อย่างใด

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *