ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ 951 หุบเขาบรรพกาลเฟิ่งหวงเปิด

Now you are reading ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ Chapter 951 หุบเขาบรรพกาลเฟิ่งหวงเปิด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 951 หุบเขาบรรพกาลเฟิ่งหวงเปิด

ฉู่หลิวเยว่ส่ายหน้า

“จักรพรรดิราชวงศ์ทุกท่าน โปรดรออยู่ที่ด้านนอก ซึ่งข้าเองก็ไม่มีข้อยกเว้น”

คนที่สามารถเข้าไปได้มีแค่ห้าคนเท่านั้น ตอนนี้นางก็พามาแค่ห้าคนพอดิบพอดี

“มีเจี่ยนเฟิงฉือและเสี่ยวโจวอยู่ น่าจะไม่มีปัญหาอันใด ข้านั้นจะรอเจ้าอยู่ด้านนอกก็พอแล้ว”

เมื่อเห็นว่าฉู่หลิวเยว่ตัดสินใจเช่นนี้แล้ว มู่หงอวี่ก็รู้ว่าต้องให้โน้มน้าวใจอย่างใดก็ไร้ประโยชน์ แต่นางก็ยังรู้สึกเสียดายอยู่

“แต่นี่เป็นโอกาสที่หาได้ยากมากเลยนะ…”

หากพลาดครั้งนี้ไป จะต้องเสียดายมากอย่างแน่นอน

ฉู่หลิวเยว่โค้งขึ้นเป็นรอยยิ้ม

“วางใจเถอะ ข้ามีแผนการอยู่แล้ว”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น มู่หงอวี่จึงได้แต่จำใจพยักหน้า

“เชิญผู้อาวุโสทุกท่านเข้าประจำที่”

ตามคำสั่งของชายชราผู้หนึ่ง ผู้อาวุโสที่แข็งแกร่งของราชวงศ์ทั้งหลาย ก็เข้าไปประจำตำแหน่งที่ปรึกษากันไว้ตั้งแต่ตอนแรก!

พวกเขายืนอยู่ด้านหน้าม่านพลังขนาดใหญ่สีสันงดงาม ผู้อาวุโสที่แข็งแกร่งนั้นล้วนอยู่ในแต่ละมุมของตนเอง ทำมุมเป็นรูปห้าเหลี่ยมขนาดใหญ่

ในรูปแบบห้าเหลี่ยม ทำมุมห้ามุม และแต่ละคนล้วนเป็นยอดฝีมือของแต่ละราชวงศ์

ในจำนวนคนเหล่านี้ คนที่อ่อนแอที่สุดนั้นคือจอมยุทธ์ระดับแปด!

แต่ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดคือชายชราคนที่พูดขึ้นเมื่อสักครู่นี้ เขาเป็นผู้อาวุโสจากราชวงศ์เป่ยหมิง…จอมยุทธ์ระดับเก้าขั้นสูง ฮวาเซียน!

ตามหลักการแล้วเขาอยู่ห่างจากแดนเซียนที่แข็งแกร่งเพียงแค่ก้าวเดียวเท่านั้น และเขายังถือว่าเป็นผู้แข็งแกร่งเหนือยอดพีระมิดที่คู่ควรอีกด้วย!

มีคนจำนวนมากมายที่แอบคาดเดาว่าผู้แข็งแกร่งอันดับสองนั้นคือใคร ไม่ทราบว่าเขาจะกลายเป็นผู้ที่แข็งแกร่งอันดับของเป่ยหมิงได้หรือไม่!

แต่ที่หุบเขาบรรพกาลเฟิ่งหวงเปิดในครั้งนี้ แน่นอนว่าเขาเป็นผู้นำ!

“ลงมือ…”

ฮวาเซียนออกคำสั่ง ทุกคนก็ลงมือพร้อมกัน!

“พรึ่บๆ”

ในชั่วพริบตาเดียว พลังดั้งเดิมหลากสีก็พุ่งตรงไปสู่ม่านพลังเหล่านั้น โดยพุ่งไปตรงกลางในรัศมีรูปห้าเหลี่ยมจนเกิดเป็นกลุ่มก้อนหนึ่งขึ้น!

เวลาค่อยๆ ผ่านไปอย่างช้าๆ กลุ่มก้อนของลำแสงนั้นก็ขยายใหญ่มากขึ้นเรื่อยๆ

ทางด้านล่าง อัจฉริยะวัยเยาว์ของราชวงศ์ต่างๆ ก็ลุกขึ้นยืนเช่นกัน และเตรียมตัวเข้าแถวเพื่อที่จะเข้าไปด้านใน

คนที่ยืนด้านหน้าสุด และสามารถเข้าไปคนแรกก็คือ ราชวงศ์เป่ยหมิง

จวินจิ่วชิงเองก็อยู่ในแถวด้วยเช่นกัน!

ด้านข้างของเขามีชายหนุ่มสามคน และหญิงสาวอีกหนึ่งคน

ดูแล้วแต่ละคนล้วนอายุไม่เกินยี่สิบปีเท่านั้น แต่ปราณที่กระจายออกมานั้น ไม่สามารถดูเบาได้เลยทีเดียว!

ในตอนนี้พวกเขาไม่กี่คนกำลังรวมตัวกันอยู่ เหมือนกำลังปรึกษากันอยู่ว่า หลังจากเข้าไปแล้วควรจะมีแผนการอย่างใดบ้าง

จวินจิ่วชิงยืนฟังด้วยใบหน้าเกียจคร้าน คล้ายว่ากำลังเหม่อลอยอยู่เล็กน้อย

ฟังไปสักพักเขาก็รู้สึกเบื่อหน่ายขึ้นมา จากนั้นเขาก็กวาดสายตาไปรอบๆ แล้วหันไปมองทางราชวงศ์เทียนลิ่ง

ทันใดนั้นเขาก็ขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย

“นี่คือกระดิ่งทองคำ ลูกปัดแต่ละเม็ดจะเหนี่ยวนำเข้าหากัน หลังจากเข้าไปแล้ว พวกเจ้าสามารถใช้สิ่งนี้ติดต่อหากันได้” ฉู่หลิวเยว่หยิบกำไลลูกปัดออกมาจากแหวนเฉียนคุน นางออกแรงเพียงเล็กน้อยแล้วดึงกำไลนั้นให้ขาด ก่อนจะมอบลูกปัดให้กับเจี่ยนเฟิงฉือและคนอื่นๆ

อีกทั้งนางก็ยังเก็บลูกปัดเม็ดที่ใหญ่ที่สุดเอาไว้กับตัวด้วย และนั่นเป็นเม็ดเดียวที่มีลวดลายสลักเอาไว้อยู่

“ถ้าเจอเรื่องอันตราย สามารถบีบลูกปัดให้แตกได้ มันจะมีค่ายกลระดับแปดปรากฏขึ้นมา สามารถป้องกันการโจมตีให้พวกเจ้าได้”

เมื่อได้ยินดังนั้นทุกคนก็แสดงสีหน้าตกใจออกมา คิดไม่ถึงว่าลูกปัดสีทองที่ดูกลมเกลี้ยงเหล่านี้ จะมีพลังที่ร้ายแรงขนาดนี้ได้

เจี่ยนเฟิงฉือสำรวจมันอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็หันไปมองทางฉู่หลิวเยว่

“ถ้าจำไม่ผิดละก็ กำไลกระดิ่งทองคำนี้มันพังไปแล้วไม่ใช่หรือ?”

ฉู่หลิวเยว่พยักหน้า แล้วพูดขึ้นอย่างเฉยเมยว่า

“ใช่แล้ว แต่ว่าข้าซ่อมได้แล้ว”

เจี่ยนเฟิงฉือ “…” ทำเหมือนข้าไม่ได้ถามก็แล้วกัน!

เหตุใดถึงลืมไปได้ว่าคนผู้นี้เป็นคนโรคจิต?

ต่อให้มาเกิดใหม่ และไม่ได้มีเส้นชีพจรเทียนจิงแล้ว แต่พรสวรรค์ก็ยังสูงส่งเหมือนเดิม

เดิมทีเขาคิดว่าจะใช้โอกาสนี้ สามารถเอาชนะได้สักรอบ แต่มาดูแล้วมันก็ยากมากเหลือเกิน

น่าโมโหกว่าเดิมเสียอีก!

“เมื่อพลังค่ายกลระดับแปดที่อยู่ด้านในนี้แสดงขึ้นมาแล้ว พลังของมันทั้งหมดจะสลายไป หากเจออันตรายอีกครั้ง วิธีเดียวที่เหลืออยู่คือทำลายสัญญาณเตือนภัยให้เร็วที่สุด! แต่เมื่อลูกปัดกระดิ่งทองคำถูกทำลายไปแล้ว คนที่ถือลูกปัดลูกอื่นๆ ก็จะสามารถรับรู้ได้ รวมถึงข้าด้วย!”

“อีกทั้งหลังจากที่ลูกปัดถูกทำลายไปแล้ว มันจะมีกลิ่นพิเศษโชยออกมา และติดอยู่ที่ตัวคนผู้นั้นนานสามวัน ดังนั้นคนอื่นๆ จะต้องรีบไปช่วยคนผู้นั้นให้เร็วที่สุด และแน่นอนว่าเรื่องที่สำคัญที่สุดคือ ในช่วงเวลานั้น หากจะไปช่วยคนอื่นต้องมั่นใจเสียก่อนว่าตนเองปลอดภัยดี”

อู๋หมิงมองไปทางม่านพลังอันนั้น แล้วกระซิบถามเสียงเบาว่า

“ฝ่าบาท ที่หุบเขาบรรพกาลเฟิ่งหวงเปิดขึ้นในครั้งนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือสามหยวนรวมยอด ทุกคนควรจะให้ความสนใจให้เรื่องนี้ ถึงแม้จะมีการต่อสู้กัน แต่มันคงจะไม่เกินไปจริงหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ? ท้ายที่สุดแล้ว…จักรพรรดิทุกคนก็ล้วนรออยู่ด้านนอก”

หากเกิดการบาดเจ็บและเสียชีวิตจริงๆ หลังจากออกมาแล้วเขาจะอธิบายกันอย่างใด?

“โง่!”

อวี่เหวินจิงหงใช้ข้อศอกกระทุ้งเขา แล้วเชิดคางขึ้นเล็กน้อย

“อู่หมิง จิตใจของเจ้าหมกมุ่นอยู่แต่การบำเพ็ญเพียรจนเสียสติไปแล้ว! เจ้าคิดว่าคนเหล่านั้นเป็นคนดีขนาดนั้นเลยหรือ เขาจะยอมแบ่งผลประโยชน์ให้ เพียงเพราะสามหยวนรวมยอดนั้นแข็งแกร่งเกินไปหรือ? สิ่งล่อใจมาก อันตรายก็มากขึ้นเท่านั้น!”

“เจ้าลองดูสิ ในที่แห่งนี้มีใครบ้างที่ไม่เตรียมตัวที่จะไป? ถ้าพวกเราไม่เตรียมตัวให้ดี ถึงตอนนั้นอาจจะตายโดยไม่รู้ตัว!”

อู๋หมิงมองตามสายตาของเขา และพบว่าเป็นเช่นนั้นจริง ๆ

หนุ่มสาวของราชวงศ์อื่นๆ ล้วนเป็นคนที่มีพรสวรรค์ และเหมือนว่ากำลังปรึกษาอันใดบางอย่างอยู่ ทุกคนล้วนมีสีหน้าที่เคร่งครึ้ม บรรยากาศตึงเครียด แฝงด้วยความอันตรายเล็กๆ อีกด้วย

“เช่นนี้เหมือนว่าข้านั้นคิดง่ายเกินไปแล้ว…”

อู๋หมิงรู้สึกละอายใจเล็กน้อย แต่ว่าก็ยังกำหมัดแน่น

“ฝ่าบาทวางใจเถิด ข้านั้นจะทุ่มสุดแรง”

ไม่ว่าอย่างใด เขาก็ไม่สามารถทำให้ฝ่าบาทขายหน้าได้!

ฉู่หลิวเยว่ยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย นางไม่ได้สนใจเรื่องเหล่านี้เท่าไรนัก เพียงมองหน้าเขาไม่กี่คนแล้วพูดขึ้นอย่างจริงจังว่า

“เรื่องเหล่านั้นล้วนเป็นเรื่องรอง ความปลอดภัยต้องมาก่อน”

“พ่ะย่ะค่ะ!”

“น่าเสียดาย ซั่งกวนเยว่ไม่ได้วางแผนว่าจะเข้าไปด้านใน…”

ถานไถรั่วหลีให้ความสนใจกับราชวงศ์เทียนลิ่งจากระยะไกลอยู่ตลอด เมื่อเห็นว่าซั่งกวนเยว่กำลังอธิบายอันใดบางอย่างกับคนอีกห้าคนอย่างอดทน นางก็อดที่จะรู้สึกผิดหวังไม่ได้

เดิมทีนางคิดว่าจะใช้โอกาสนี้ มอบบทเรียนอย่างหนักให้กับอีกฝ่าย!

เมื่ออยู่ด้านนอกนางสามารถใช้ท่าทางโอ้อวดตนเองได้อย่างเต็มที่ แต่เมื่อถึงด้านในของหุบเขาบรรพกาลเฟิ่งหวงแล้ว นางจะได้เจอกับการประลองความแข็งแกร่งที่แท้จริง!

“นางก็น่าจะรู้ว่าตนเองสู้พวกเราไม่ได้ละมั้ง ดังนั้นจึงตั้งใจที่จะหลบอยู่ที่นี่?”

อวี๋เจ๋อเฟิงพูดขึ้นอย่างดูถูก

“แต่ว่ารั่วหลีไม่ต้องกังวล กำจัดนางไม่ได้ เช่นนั้นก็ให้พวกเขาได้ลำบากเพิ่มขึ้นอีกนิดก็แล้วกัน อย่างน้อยก็ถือว่าได้เก็บดอกเบี้ยมาบ้าง!”

ถานไถรั่วหลีแค่นหัวเราะดังหึ

“แน่นอนอยู่แล้ว!”

คนของราชวงศ์เทียนลิ่งพวกนั้น ในบรรดาของราชวงศ์ทั้งหมดนี้ พวกเขาเป็นคนที่มีฝีมือย่ำแย่มากที่สุด!

จะจัดการเมื่อไรก็ได้อยู่แล้ว

“ในกลุ่มนั้นคนที่แข็งแกร่งที่สุดน่าจะเป็นเจี่ยนเฟิงฉือ แต่ได้ยินมาว่าเขาคือเซียนหมอ ระดับการต่อสู้คงอยู่ในระดับปานกลาง ส่วนคนอื่นๆ ก็ไม่จำเป็นต้องพูดแล้ว”

อวี๋เจ๋อเฟิงมองไปยังถานไถรั่วหลีอย่างกระตือรือร้น

“รั่วหลี เมื่อถึงตอนนั้นข้าจะช่วยเจ้าระบายอารมณ์เอง”

ถานไถรั่วหลีพยักหน้า

“ข้าจะทำให้ซั่งกวนเยว่รู้ว่า ใครสามารถยั่วโมโห และใครไม่ได้!”

หลังจากที่ทุกคนกำลังเตรียมตัว แสงอัสดงสุดท้ายยังไม่พ้นขอบภูเขาสีดำ

ผู้อาวุโสฮวาเซียนก็ออกคำสั่งขึ้นว่า

“หุบเขาบรรพกาลเฟิ่งหวง…เปิด!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด