พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) 183 ขอทานตัวเหม็น

Now you are reading พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) Chapter 183 ขอทานตัวเหม็น at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 183 ขอทานตัวเหม็น

เดิมทีอาจารย์หลายคนไม่สนใจสิ่งที่พวกเขาเผชิญในศาลาศักดิ์สิทธิ์

อย่างไรก็ตามเมื่อพวกเขากลับไปสอนที่คณะเดิมและเริ่มชั้นเรียน พวกเขาค้นพบปัญหาใหญ่หลวง ในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมาพวกเขาเข้าชั้นเรียนที่ศาลาศักดิ์สิทธิ์บ่อยครั้ง หลังจากฟังบทเรียนแล้วพวกเขาก็จะมาถ่ายทอดความเข้าใจและความรู้ให้กับนักศึกษาในคณะตน ดังนั้นความรู้ของนักศึกษาก็เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ นี่เป็นปรากฏการณ์ที่ดี แต่ตอนนี้พวกเขากลับถูกปิดผนึกการรู้แจ้งเต๋าของตนเอง รวมไปถึงลืมสิ่งที่ได้เรียนรู้และนำมาสอนทั้งหมดไปแล้ว เมื่อเผชิญคำถามของนักศึกษาเหล่านี้ พวกเขาจึงไม่สามารถตอบอะไรได้เลย

“อะไรนะ!? ขอบเขตประสานทะเลปราณมีระดับ 12 ด้วยเหรอ แล้วต้องฝึกยังไงถึงจะไปถึงระดับ 12 ได้??”

“นี่มันวิธีการหลอมโอสถอะไรกัน ทำไมข้าไม่เคยได้ยินมาก่อน!?”

“เกิดบ้าอะไรกันขึ้น นี่มันมีวิธีการสร้างสมบัติแบบไหนกัน ทำไมข้าถึงไม่เคยได้ยินแต่แล้วทำไมพวกเจ้าถึงรู้จักมันกันหมดเลย!?”

“……”

บรรดานักศึกษาต่างมองไปยังอาจารย์ของตัวเองราวกับว่ามองไปยังตาแก่ที่สติฟั่นเฟือนไปหมดแล้ว

พวกเขาต่างคิดในใจกับตัวเองคล้ายคลึงกัน ก็นี่ไม่ใช่บทเรียนที่ท่านพึ่งสอนไปเมื่อวานไม่ใช่เหรอไง? แล้วท่านจะมาลืมพวกมันเอาดื้อ ๆ วันนี้ได้ไงกัน?

เมื่อการสอนยิ่งดำเนินไปเหล่านักศึกษาก็เริ่มบ่นอาจารย์ของพวกเขาทีละคน

ส่วนกลุ่มอาจารย์ที่โดนคาถาซุ่มเสียงแห่งเทพอสูรไปนั้น ตอนนี้พวกเขาเดือดร้อนอย่างมาก เพราะพวกเขา ‘ไม่รู้’ จริง ๆ

แต่สิ่งที่ทำให้พวกเขายิ่งรู้สึกสิ้นหวังมากขึ้นกว่าเดิมก็เกิดขึ้น เมื่อเหล่าผู้อาวุโสของสถาบันที่หายหน้าหายตาไปจากสถาบันราชวงศ์มานานแล้ว จู่ ๆ ก็เดินเข้ามาในแต่ละคณะ และพวกเขาเริ่มสั่ง ‘งานแปลก ๆ’ ให้พวกเขาทำ

อันที่จริงบรรดาอาจารย์และคณบดีของแต่ละคณะนั้นก็ไม่ชอบใจเช่นกันที่จู่ ๆ พวกเขาก็ต้องมาโดนผู้อาวุโสเหล่านี้ชี้ไม้ชี้มือสั่งตามใจชอบ แต่เมื่อพวกเขาคิดถึงว่าบรรดาผู้อาวุโสเหล่านี้ล้วนเป็นตัวตนระดับสูงในขอบเขตรวมแสงดาราและพวกเขายังมีความรู้เหนือกว่า ดังนั้นบรรดาอาจารย์เล็ก ๆ อย่างพวกเขาจะทำอะไรได้?

ตัวอย่างเช่น หลูเทียนหมิง คณบดีของคณะโอสถศาสตร์ เขาได้รับการชี้แนะเส้นทางเต๋าโอสถของตัวเองมาจากตันเหริน และตอนนี้ตันเหรินกำลังจะมาเป็นคณบดีคณะโอสถศาสตร์แทน เขาจะกล้าบ่นได้อย่างไร? เขาจึงทำได้เพียงแค่สละตำแหน่งให้เท่านั้น

ไม่ต้องพูดถึงหลูเทียนหมิง แม้แต่จิ๋นห้าวหมิงยังต้องสละตำแหน่ง อย่างไรก็ตามจิ๋นห้าวหมิงได้เปรียบกว่าหลูเทียนหมิงก็ตรงที่เขามีระดับการบ่มเพาะที่สูงถึงขอบเขตรวมแสงดาราระดับ 5 และเขายังเป็นหนึ่งในบรรดาอาจารย์ 25 คนที่ไม่ได้ลุกขึ้นยืน เขาจึงยังคงได้รับตำแหน่งรองคณบดีคณะศาสตร์ยุทธ ส่วนหลูเทียนหมิงถูกลดตำแหน่งลงมาให้กลายเป็นอาจารย์ธรรมดาคนนึง

ในตอนนี้สถานการณ์ในคณะอื่น ๆ ของสถาบันราชวงศ์เปลี่ยนไปทุกวัน มีเพียงคณะเดียวที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรเลยก็คือคณะเตรียมทหาร

หลายคนที่ได้รับผลกระทบ และสังเกตเห็นข้อยกเว้นนี้ พวกเขาจึงหันไปจับตาดูความเคลื่อนไหวขององค์จักรพรรดิ เพื่อรอดูว่าจะปฏิกิริยาใด ๆ ตอบโต้ออกมาบ้างไหมเพื่อที่พวกเขาจะสามารถหวังพึ่งได้บ้าง

แต่น่าเสียดายที่ไม่มีการตอบรับใด ๆ

ในความเป็นจริงไม่ใช่ทางราชวงศ์ไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ จักรพรรดิเหลียงซานนั้นบอกให้คนของเขาจับตาดูความเคลื่อนไหวและเหตุการณ์ต่าง ๆ ไว้อยู่แล้ว แต่ในตอนนี้เขาเลือกที่จะยังไม่ทำอะไรก่อน เนื่องจากเขายังไม่แน่ใจในสถานะของหลิงตู้ฉิง

“ฝ่าบาท…” ผู้อาวุโสในชุดคลุมสีเทามองไปที่เหลียงซาน

เหลียงซานโบกมือปัดด้วยความรำคาญและพูดว่า “ลืมไปซะ อย่าไปใส่ใจไอ้พวกไร้ค่าพวกนั้น กับอีแค่ข้าสั่งงานง่าย ๆ อย่างหาข้อมูลของหลิงตู้ฉิงมาเพิ่ม พวกมันยังทำไม่ได้ แถมยังพลาดท่าถูกฆ่าตายอีกต่างหาก พวกไร้ความสามารถแบบนี้ตาย ๆ ไปบ้างได้ก็ดี ยิ่งมีพวกมันเยอะก็ยิ่งเลี้ยงเสียข้าวสุก! ส่วนความวุ่นวายในสถาบันราชวงศ์ เรายังไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับมัน ตราบใดที่คณะเตรียมทหารยังคงไม่ถูกแทรกแซง ยังไงซะพวกนักศึกษาที่จบออกมาก็ต้องกลายมาเป็นหมากให้ข้าอยู่ดี”

ชายชราชุดเทายิ้มอย่างขมขื่น แต่ไม่พูดอะไร

“มีข่าวจาก จางหมิงบ้างไหม?” เหลียงซานหยุดชั่วขณะก่อนที่จะถามอีกครั้ง

ชายชราส่ายหัวและพูดว่า “จางหมิง เพียงแค่แจ้งกลับมาว่าเขาพบร่องรอยบางอย่าง แต่เขายังจำเป็นต้องใช้เวลาอีกพักถึงจะได้เรื่องขอรับ”

เหลียงซานพยักหน้าช้า ๆ พลางคิดอะไรบางอย่างเขาถามอีกครั้ง “ถ้าอย่างนั้นก็ช่างมันไปก่อน แล้วเรื่องของสวนร้อยพฤกษาล่ะ?”

ผู้อาวุโสในชุดคลุมสีเทาส่ายหัว “ข้ายังหานางไม่เจอเลยฝ่าบาท! ศิษย์ของพวกเขาซ่อนตัวได้ดีจริง ๆ จนป่านนี้นางยังไม่พลาดทิ้งร่องรอยอะไรไว้เลย ในตอนแรกข้าคิดว่านางถูกซ่อนอยู่ในคฤหาสน์สราญรมย์ แต่เมื่อข้าส่งคนไปตรวจสอบแล้ว ในท้ายที่สุดคน ๆ กลับกลายเป็นยามยืนอยู่ที่ทางเข้าของคฤหาสน์สราญรมย์นั่นแหละ”

เหลียงซานพูดอย่างเหยียดหยาม “ข้าบอกเจ้าไปตั้งนานแล้วว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่นางจะซ่อนตัวอยู่ในคฤหาสน์นั่น ทำไมเจ้าถึงไม่เชื่อข้า! ถ้านางอยู่ในนั้นจริง ๆ ด้วยความคุ้มครองของหลิงตู้ฉิง นางจะจำเป็นต้องซ่อนตัวไปทำไม? เฮ้อ…เพื่อที่จะได้รับการสนับสนุนด้านโอสถของสวนร้อยพฤกษา ข้าคงจะต้องใช้วิธีพิเศษเพื่อช่วยพวกเขาค้นหาสักหน่อยแล้ว”

“ฝ่าบาท ข้าคิดว่าเรื่องราวของศิษย์หญิงคนนี้มันออกจะดูแปลก ๆ ไปหน่อย ข้าไม่เข้าใจว่าทำไมสวนร้อยพฤกษาถึงได้ร้อนรนขนาดนี้?” ชายชราถาม

เหลียงซานส่ายหัว “นั่นคือปัญหาของพวกเขา อย่าไปสนใจมันเลย แม้ว่าจะมีความลับอะไรแฝงอยู่ แต่มันเป็นเรื่องความมั่นคงภายในของสำนักพวกเขา เราไม่จำเป็นต้องสร้างศัตรู”

ชายชราชุดเทาถอนหายใจและไม่พูดอะไรอีก

และในเวลานี้บนถนนห่างจากอาณาจักรจันทรามากกว่า 200 ลี้ ขอทานที่ร่างกายส่งกลิ่นฉุนกำลังตามหลังกลุ่มคนที่กำลังมุ่งหน้าไปยังอาณาจักรจันทรา

ขอทานผู้นี้แต่งกายด้วยเสื้อผ้าขาด ๆ และกลิ่นกายของเขาก็ตลบอบอวล

แต่ถ้าสังเกตผิวพรรณของขอทานผู้นี้ผ่านรูเล็ก ๆ บนเสื้อขาด ๆ นั่น จะเห็นผิวอันขาวราวหิมะ รวมไปถึงรูปร่างอันสมสัดส่วน แม้แต่ระดับการบ่มเพาะของขอทานผู้นี้ก็ไม่ได้อ่อนแอแต่อย่างใด ขอทานผู้นี้มีระดับการบ่มเพาะสูงถึงขอบเขตประสานทะเลปราณ

หากคนอื่นที่ได้รู้ความจริงเหล่านี้ของขอทานผู้นี้ คงไม่มีใครเชื่อแน่นอนว่าคนผู้นี้จะตกอับเป็นขอทาน

“อีก 5 วันการรับสมัครนักศึกษาใหม่ของสถาบันราชวงศ์จะเริ่มขึ้น” ขอทานตัวเหม็นมองไปยังทิศทางของอาณาจักรจันทรา “ตราบใดที่ข้าไปถึงสถาบันราชวงศ์ได้ข้าก็รอด!”

ขอทานตัวเหม็นคนนี้คือ โจวจื่อซิน ศิษย์ของสวนร้อยพฤกษาที่กำลังหลบหนี

อันที่จริงโจวจื่อซินไม่ต้องการทำเช่นนี้กับตัวเอง แต่นางก็ไม่มีทางเลือกอื่น

นางมีกลิ่นหอมของสมุนไพรและพืชพรรณบนร่างกายของนาง ถ้านางไม่กลายเป็นขอทานตัวเหม็นฉึ่งนางย่อมจะถูกพบตัวได้เร็วมาก

มันเป็นเพราะกลิ่นเหม็นบนร่างกายของนาง นางตั้งใจสร้างกลิ่นเหม็นเพื่อปกปิดร่างกายของนางจากกลิ่นของต้นไม้และพืชพันธุ์

ในฐานะหญิงสาวที่รักความงาม ตอนนี้นางรู้สึกรังเกียจตัวเองจริง ๆ แต่เพื่อความอยู่รอดนางทำได้เพียงแค่อดทนต่อความรู้สึกไม่สบายนี้

ไม่ว่าอย่างไรความไม่สบายตัวนี้ก็ยังดีกว่าถูกคนอื่นจับกิน

“มู่เอ๋อได้เวลากินข้าว!” คนรับใช้คนหนึ่งนำอาหารมาส่งให้นาง จากนั้นเขาก็หันกลับและวิ่งหนีไป

โจวจื่อซินเหม็นมากจนไม่มีใครอยากเข้าใกล้นาง

“ขอบคุณ!” โจวจื่อซินขอบคุณเขา

มู่เอ๋อเป็นนามแฝงของนาง โชคดีที่นางติดตามกองคาราวานไม่เช่นนั้นนางจะตกอยู่ในอันตราย

ขณะที่นางกำลังก้มศีรษะลงเพื่อรับประทานอาหาร ชายวัยกลางคนก็เดินมานั่งข้าง ๆ โจวจื่อซิน

เมื่อมองไปที่คิ้วที่ขมวดแน่นของเขาก็เห็นได้ชัดว่ากลิ่นของโจวจื่อซิน ทำให้เขารู้สึกอยากจะอาเจียน

“ท่านหมิง ไม่ทราบว่าท่านต้องการอะไรงั้นหรือ?” โจวจื่อซินถามอย่างกังวล

นางรู้ว่าผู้ชายคนนี้เป็นเจ้าของกองคาราวาน แซ่ของเขาคือหมิงและมีคนบอกว่าเขากำลังรีบไปที่เมืองหลวงเพื่อพบปะครอบครัวของเขา

ชายวัยกลางคนแซ่หมิงส่ายหัวและพูดว่า “สาวน้อย เจ้าต้องซ่อนตัวจากใครบางคนใช่ไหม? ไม่งั้นกลิ่นตัวของเจ้าคงไม่เหม็นได้ถึงขนาดนี้”

โจวจื่อซินตอบด้วยจิตใจเต้นระส่ำ “ท่านหมิง ข้าเปล่านะ ข้าไม่ได้ซ่อนตัวจากใคร ส่วนเรื่องกลิ่นของข้า ข้าต้องขออภัยแต่ข้าเกิดมาพร้อมกับร่างกายแบบนี้ ข้าทำอะไรไม่ได้เลย”

ชายวัยกลางคนแซ่หมิงยิ้มและพูดว่า “ชั่วชีวิตนี้ข้าเองก็อ่านหนังสือมามากและยังได้ผ่านประสบการณ์มาหลายอย่าง ซึ่งมันทำให้ข้าสามารถแยกแยะอะไรหลาย ๆ อย่างได้อย่างง่ายดาย ข้าอยากจะแนะนำอะไรบางอย่างให้เจ้าทำตามซะหน่อย ข้าเข้าใจว่าเจ้าคงกำลังจะหลบใครบางคนอยู่ แต่ถ้าเจ้าอยากจะทำให้แนบเนียนกว่านี้ เจ้าควรขจัดกลิ่นที่อยู่บนตัวเจ้าออกไปบ้าง โดยเฉพาะกลิ่นที่คล้ายกับกลิ่นสาปของสัตว์ ซึ่งมันไม่ควรมีอยู่บนตัวมนุษย์! สิ่งที่เจ้าทำตอนนี้มันกลับทำให้ตัวเจ้าเองโดดเด่นมากกว่าเดิมเจ้ารู้บ้างไหม!”

“และเบื้องหน้าของเราคือเมื่อหลวงอาณาจักรจันทรา เมื่อเราเข้าไปในเมืองเราจะต้องถูกตรวจสอบแน่นอน ฉะนั้นจงเก็บคำแนะนำของข้าเอาไปคิดให้ดี และพอเราไปถึงเมืองหลวง เมื่อเราจะต้องแยกจากกัน เจ้าควรระวังตัวไว้ให้ดี”

“ท่านหมิง ถ้าท่านบอกได้ว่าข้ามีปัญหาแล้วท่านมาช่วยข้าทำไม?” โจวจื่อซินถามอย่างสงสัย

“ดูจากรูปร่างหน้าตาของเจ้า เจ้าน่าจะมีอายุใกล้เคียงกับลูกสาวของข้า ดังนั้นข้าจึงตัดสินใจช่วยเจ้า!” ชายวัยกลางคนแซ่หมิงหัวเราะ “แต่ข้าจะช่วยเจ้าได้แค่ถึงหน้าประตูเมืองหลวงอาณาจักรจันทราเท่านั้น ข้าจะไม่ช่วยอะไรเจ้าอีกแล้วเพื่อไม่ให้ครอบครัวของข้าเดือดร้อน”

โจวจื่อซินพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือของท่าน หากมีโอกาสในอนาคตข้าจะตอบแทนท่านอย่างแน่นอน”

“ถ้าเรามีโอกาสเจอกันในอนาคตข้าก็ยินดี!” ชายวัยกลางคนแซ่หมิงพูดด้วยรอยยิ้มขณะที่ลุกขึ้น ก่อนที่จะสั่งให้กองคาราวานเดินหน้าต่อไป

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) 183 ขอทานตัวเหม็น

Now you are reading พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) Chapter 183 ขอทานตัวเหม็น at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 183 ขอทานตัวเหม็น

เดิมทีอาจารย์หลายคนไม่สนใจสิ่งที่พวกเขาเผชิญในศาลาศักดิ์สิทธิ์

อย่างไรก็ตามเมื่อพวกเขากลับไปสอนที่คณะเดิมและเริ่มชั้นเรียน พวกเขาค้นพบปัญหาใหญ่หลวง ในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมาพวกเขาเข้าชั้นเรียนที่ศาลาศักดิ์สิทธิ์บ่อยครั้ง หลังจากฟังบทเรียนแล้วพวกเขาก็จะมาถ่ายทอดความเข้าใจและความรู้ให้กับนักศึกษาในคณะตน ดังนั้นความรู้ของนักศึกษาก็เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ นี่เป็นปรากฏการณ์ที่ดี แต่ตอนนี้พวกเขากลับถูกปิดผนึกการรู้แจ้งเต๋าของตนเอง รวมไปถึงลืมสิ่งที่ได้เรียนรู้และนำมาสอนทั้งหมดไปแล้ว เมื่อเผชิญคำถามของนักศึกษาเหล่านี้ พวกเขาจึงไม่สามารถตอบอะไรได้เลย

“อะไรนะ!? ขอบเขตประสานทะเลปราณมีระดับ 12 ด้วยเหรอ แล้วต้องฝึกยังไงถึงจะไปถึงระดับ 12 ได้??”

“นี่มันวิธีการหลอมโอสถอะไรกัน ทำไมข้าไม่เคยได้ยินมาก่อน!?”

“เกิดบ้าอะไรกันขึ้น นี่มันมีวิธีการสร้างสมบัติแบบไหนกัน ทำไมข้าถึงไม่เคยได้ยินแต่แล้วทำไมพวกเจ้าถึงรู้จักมันกันหมดเลย!?”

“……”

บรรดานักศึกษาต่างมองไปยังอาจารย์ของตัวเองราวกับว่ามองไปยังตาแก่ที่สติฟั่นเฟือนไปหมดแล้ว

พวกเขาต่างคิดในใจกับตัวเองคล้ายคลึงกัน ก็นี่ไม่ใช่บทเรียนที่ท่านพึ่งสอนไปเมื่อวานไม่ใช่เหรอไง? แล้วท่านจะมาลืมพวกมันเอาดื้อ ๆ วันนี้ได้ไงกัน?

เมื่อการสอนยิ่งดำเนินไปเหล่านักศึกษาก็เริ่มบ่นอาจารย์ของพวกเขาทีละคน

ส่วนกลุ่มอาจารย์ที่โดนคาถาซุ่มเสียงแห่งเทพอสูรไปนั้น ตอนนี้พวกเขาเดือดร้อนอย่างมาก เพราะพวกเขา ‘ไม่รู้’ จริง ๆ

แต่สิ่งที่ทำให้พวกเขายิ่งรู้สึกสิ้นหวังมากขึ้นกว่าเดิมก็เกิดขึ้น เมื่อเหล่าผู้อาวุโสของสถาบันที่หายหน้าหายตาไปจากสถาบันราชวงศ์มานานแล้ว จู่ ๆ ก็เดินเข้ามาในแต่ละคณะ และพวกเขาเริ่มสั่ง ‘งานแปลก ๆ’ ให้พวกเขาทำ

อันที่จริงบรรดาอาจารย์และคณบดีของแต่ละคณะนั้นก็ไม่ชอบใจเช่นกันที่จู่ ๆ พวกเขาก็ต้องมาโดนผู้อาวุโสเหล่านี้ชี้ไม้ชี้มือสั่งตามใจชอบ แต่เมื่อพวกเขาคิดถึงว่าบรรดาผู้อาวุโสเหล่านี้ล้วนเป็นตัวตนระดับสูงในขอบเขตรวมแสงดาราและพวกเขายังมีความรู้เหนือกว่า ดังนั้นบรรดาอาจารย์เล็ก ๆ อย่างพวกเขาจะทำอะไรได้?

ตัวอย่างเช่น หลูเทียนหมิง คณบดีของคณะโอสถศาสตร์ เขาได้รับการชี้แนะเส้นทางเต๋าโอสถของตัวเองมาจากตันเหริน และตอนนี้ตันเหรินกำลังจะมาเป็นคณบดีคณะโอสถศาสตร์แทน เขาจะกล้าบ่นได้อย่างไร? เขาจึงทำได้เพียงแค่สละตำแหน่งให้เท่านั้น

ไม่ต้องพูดถึงหลูเทียนหมิง แม้แต่จิ๋นห้าวหมิงยังต้องสละตำแหน่ง อย่างไรก็ตามจิ๋นห้าวหมิงได้เปรียบกว่าหลูเทียนหมิงก็ตรงที่เขามีระดับการบ่มเพาะที่สูงถึงขอบเขตรวมแสงดาราระดับ 5 และเขายังเป็นหนึ่งในบรรดาอาจารย์ 25 คนที่ไม่ได้ลุกขึ้นยืน เขาจึงยังคงได้รับตำแหน่งรองคณบดีคณะศาสตร์ยุทธ ส่วนหลูเทียนหมิงถูกลดตำแหน่งลงมาให้กลายเป็นอาจารย์ธรรมดาคนนึง

ในตอนนี้สถานการณ์ในคณะอื่น ๆ ของสถาบันราชวงศ์เปลี่ยนไปทุกวัน มีเพียงคณะเดียวที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรเลยก็คือคณะเตรียมทหาร

หลายคนที่ได้รับผลกระทบ และสังเกตเห็นข้อยกเว้นนี้ พวกเขาจึงหันไปจับตาดูความเคลื่อนไหวขององค์จักรพรรดิ เพื่อรอดูว่าจะปฏิกิริยาใด ๆ ตอบโต้ออกมาบ้างไหมเพื่อที่พวกเขาจะสามารถหวังพึ่งได้บ้าง

แต่น่าเสียดายที่ไม่มีการตอบรับใด ๆ

ในความเป็นจริงไม่ใช่ทางราชวงศ์ไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ จักรพรรดิเหลียงซานนั้นบอกให้คนของเขาจับตาดูความเคลื่อนไหวและเหตุการณ์ต่าง ๆ ไว้อยู่แล้ว แต่ในตอนนี้เขาเลือกที่จะยังไม่ทำอะไรก่อน เนื่องจากเขายังไม่แน่ใจในสถานะของหลิงตู้ฉิง

“ฝ่าบาท…” ผู้อาวุโสในชุดคลุมสีเทามองไปที่เหลียงซาน

เหลียงซานโบกมือปัดด้วยความรำคาญและพูดว่า “ลืมไปซะ อย่าไปใส่ใจไอ้พวกไร้ค่าพวกนั้น กับอีแค่ข้าสั่งงานง่าย ๆ อย่างหาข้อมูลของหลิงตู้ฉิงมาเพิ่ม พวกมันยังทำไม่ได้ แถมยังพลาดท่าถูกฆ่าตายอีกต่างหาก พวกไร้ความสามารถแบบนี้ตาย ๆ ไปบ้างได้ก็ดี ยิ่งมีพวกมันเยอะก็ยิ่งเลี้ยงเสียข้าวสุก! ส่วนความวุ่นวายในสถาบันราชวงศ์ เรายังไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับมัน ตราบใดที่คณะเตรียมทหารยังคงไม่ถูกแทรกแซง ยังไงซะพวกนักศึกษาที่จบออกมาก็ต้องกลายมาเป็นหมากให้ข้าอยู่ดี”

ชายชราชุดเทายิ้มอย่างขมขื่น แต่ไม่พูดอะไร

“มีข่าวจาก จางหมิงบ้างไหม?” เหลียงซานหยุดชั่วขณะก่อนที่จะถามอีกครั้ง

ชายชราส่ายหัวและพูดว่า “จางหมิง เพียงแค่แจ้งกลับมาว่าเขาพบร่องรอยบางอย่าง แต่เขายังจำเป็นต้องใช้เวลาอีกพักถึงจะได้เรื่องขอรับ”

เหลียงซานพยักหน้าช้า ๆ พลางคิดอะไรบางอย่างเขาถามอีกครั้ง “ถ้าอย่างนั้นก็ช่างมันไปก่อน แล้วเรื่องของสวนร้อยพฤกษาล่ะ?”

ผู้อาวุโสในชุดคลุมสีเทาส่ายหัว “ข้ายังหานางไม่เจอเลยฝ่าบาท! ศิษย์ของพวกเขาซ่อนตัวได้ดีจริง ๆ จนป่านนี้นางยังไม่พลาดทิ้งร่องรอยอะไรไว้เลย ในตอนแรกข้าคิดว่านางถูกซ่อนอยู่ในคฤหาสน์สราญรมย์ แต่เมื่อข้าส่งคนไปตรวจสอบแล้ว ในท้ายที่สุดคน ๆ กลับกลายเป็นยามยืนอยู่ที่ทางเข้าของคฤหาสน์สราญรมย์นั่นแหละ”

เหลียงซานพูดอย่างเหยียดหยาม “ข้าบอกเจ้าไปตั้งนานแล้วว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่นางจะซ่อนตัวอยู่ในคฤหาสน์นั่น ทำไมเจ้าถึงไม่เชื่อข้า! ถ้านางอยู่ในนั้นจริง ๆ ด้วยความคุ้มครองของหลิงตู้ฉิง นางจะจำเป็นต้องซ่อนตัวไปทำไม? เฮ้อ…เพื่อที่จะได้รับการสนับสนุนด้านโอสถของสวนร้อยพฤกษา ข้าคงจะต้องใช้วิธีพิเศษเพื่อช่วยพวกเขาค้นหาสักหน่อยแล้ว”

“ฝ่าบาท ข้าคิดว่าเรื่องราวของศิษย์หญิงคนนี้มันออกจะดูแปลก ๆ ไปหน่อย ข้าไม่เข้าใจว่าทำไมสวนร้อยพฤกษาถึงได้ร้อนรนขนาดนี้?” ชายชราถาม

เหลียงซานส่ายหัว “นั่นคือปัญหาของพวกเขา อย่าไปสนใจมันเลย แม้ว่าจะมีความลับอะไรแฝงอยู่ แต่มันเป็นเรื่องความมั่นคงภายในของสำนักพวกเขา เราไม่จำเป็นต้องสร้างศัตรู”

ชายชราชุดเทาถอนหายใจและไม่พูดอะไรอีก

และในเวลานี้บนถนนห่างจากอาณาจักรจันทรามากกว่า 200 ลี้ ขอทานที่ร่างกายส่งกลิ่นฉุนกำลังตามหลังกลุ่มคนที่กำลังมุ่งหน้าไปยังอาณาจักรจันทรา

ขอทานผู้นี้แต่งกายด้วยเสื้อผ้าขาด ๆ และกลิ่นกายของเขาก็ตลบอบอวล

แต่ถ้าสังเกตผิวพรรณของขอทานผู้นี้ผ่านรูเล็ก ๆ บนเสื้อขาด ๆ นั่น จะเห็นผิวอันขาวราวหิมะ รวมไปถึงรูปร่างอันสมสัดส่วน แม้แต่ระดับการบ่มเพาะของขอทานผู้นี้ก็ไม่ได้อ่อนแอแต่อย่างใด ขอทานผู้นี้มีระดับการบ่มเพาะสูงถึงขอบเขตประสานทะเลปราณ

หากคนอื่นที่ได้รู้ความจริงเหล่านี้ของขอทานผู้นี้ คงไม่มีใครเชื่อแน่นอนว่าคนผู้นี้จะตกอับเป็นขอทาน

“อีก 5 วันการรับสมัครนักศึกษาใหม่ของสถาบันราชวงศ์จะเริ่มขึ้น” ขอทานตัวเหม็นมองไปยังทิศทางของอาณาจักรจันทรา “ตราบใดที่ข้าไปถึงสถาบันราชวงศ์ได้ข้าก็รอด!”

ขอทานตัวเหม็นคนนี้คือ โจวจื่อซิน ศิษย์ของสวนร้อยพฤกษาที่กำลังหลบหนี

อันที่จริงโจวจื่อซินไม่ต้องการทำเช่นนี้กับตัวเอง แต่นางก็ไม่มีทางเลือกอื่น

นางมีกลิ่นหอมของสมุนไพรและพืชพรรณบนร่างกายของนาง ถ้านางไม่กลายเป็นขอทานตัวเหม็นฉึ่งนางย่อมจะถูกพบตัวได้เร็วมาก

มันเป็นเพราะกลิ่นเหม็นบนร่างกายของนาง นางตั้งใจสร้างกลิ่นเหม็นเพื่อปกปิดร่างกายของนางจากกลิ่นของต้นไม้และพืชพันธุ์

ในฐานะหญิงสาวที่รักความงาม ตอนนี้นางรู้สึกรังเกียจตัวเองจริง ๆ แต่เพื่อความอยู่รอดนางทำได้เพียงแค่อดทนต่อความรู้สึกไม่สบายนี้

ไม่ว่าอย่างไรความไม่สบายตัวนี้ก็ยังดีกว่าถูกคนอื่นจับกิน

“มู่เอ๋อได้เวลากินข้าว!” คนรับใช้คนหนึ่งนำอาหารมาส่งให้นาง จากนั้นเขาก็หันกลับและวิ่งหนีไป

โจวจื่อซินเหม็นมากจนไม่มีใครอยากเข้าใกล้นาง

“ขอบคุณ!” โจวจื่อซินขอบคุณเขา

มู่เอ๋อเป็นนามแฝงของนาง โชคดีที่นางติดตามกองคาราวานไม่เช่นนั้นนางจะตกอยู่ในอันตราย

ขณะที่นางกำลังก้มศีรษะลงเพื่อรับประทานอาหาร ชายวัยกลางคนก็เดินมานั่งข้าง ๆ โจวจื่อซิน

เมื่อมองไปที่คิ้วที่ขมวดแน่นของเขาก็เห็นได้ชัดว่ากลิ่นของโจวจื่อซิน ทำให้เขารู้สึกอยากจะอาเจียน

“ท่านหมิง ไม่ทราบว่าท่านต้องการอะไรงั้นหรือ?” โจวจื่อซินถามอย่างกังวล

นางรู้ว่าผู้ชายคนนี้เป็นเจ้าของกองคาราวาน แซ่ของเขาคือหมิงและมีคนบอกว่าเขากำลังรีบไปที่เมืองหลวงเพื่อพบปะครอบครัวของเขา

ชายวัยกลางคนแซ่หมิงส่ายหัวและพูดว่า “สาวน้อย เจ้าต้องซ่อนตัวจากใครบางคนใช่ไหม? ไม่งั้นกลิ่นตัวของเจ้าคงไม่เหม็นได้ถึงขนาดนี้”

โจวจื่อซินตอบด้วยจิตใจเต้นระส่ำ “ท่านหมิง ข้าเปล่านะ ข้าไม่ได้ซ่อนตัวจากใคร ส่วนเรื่องกลิ่นของข้า ข้าต้องขออภัยแต่ข้าเกิดมาพร้อมกับร่างกายแบบนี้ ข้าทำอะไรไม่ได้เลย”

ชายวัยกลางคนแซ่หมิงยิ้มและพูดว่า “ชั่วชีวิตนี้ข้าเองก็อ่านหนังสือมามากและยังได้ผ่านประสบการณ์มาหลายอย่าง ซึ่งมันทำให้ข้าสามารถแยกแยะอะไรหลาย ๆ อย่างได้อย่างง่ายดาย ข้าอยากจะแนะนำอะไรบางอย่างให้เจ้าทำตามซะหน่อย ข้าเข้าใจว่าเจ้าคงกำลังจะหลบใครบางคนอยู่ แต่ถ้าเจ้าอยากจะทำให้แนบเนียนกว่านี้ เจ้าควรขจัดกลิ่นที่อยู่บนตัวเจ้าออกไปบ้าง โดยเฉพาะกลิ่นที่คล้ายกับกลิ่นสาปของสัตว์ ซึ่งมันไม่ควรมีอยู่บนตัวมนุษย์! สิ่งที่เจ้าทำตอนนี้มันกลับทำให้ตัวเจ้าเองโดดเด่นมากกว่าเดิมเจ้ารู้บ้างไหม!”

“และเบื้องหน้าของเราคือเมื่อหลวงอาณาจักรจันทรา เมื่อเราเข้าไปในเมืองเราจะต้องถูกตรวจสอบแน่นอน ฉะนั้นจงเก็บคำแนะนำของข้าเอาไปคิดให้ดี และพอเราไปถึงเมืองหลวง เมื่อเราจะต้องแยกจากกัน เจ้าควรระวังตัวไว้ให้ดี”

“ท่านหมิง ถ้าท่านบอกได้ว่าข้ามีปัญหาแล้วท่านมาช่วยข้าทำไม?” โจวจื่อซินถามอย่างสงสัย

“ดูจากรูปร่างหน้าตาของเจ้า เจ้าน่าจะมีอายุใกล้เคียงกับลูกสาวของข้า ดังนั้นข้าจึงตัดสินใจช่วยเจ้า!” ชายวัยกลางคนแซ่หมิงหัวเราะ “แต่ข้าจะช่วยเจ้าได้แค่ถึงหน้าประตูเมืองหลวงอาณาจักรจันทราเท่านั้น ข้าจะไม่ช่วยอะไรเจ้าอีกแล้วเพื่อไม่ให้ครอบครัวของข้าเดือดร้อน”

โจวจื่อซินพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือของท่าน หากมีโอกาสในอนาคตข้าจะตอบแทนท่านอย่างแน่นอน”

“ถ้าเรามีโอกาสเจอกันในอนาคตข้าก็ยินดี!” ชายวัยกลางคนแซ่หมิงพูดด้วยรอยยิ้มขณะที่ลุกขึ้น ก่อนที่จะสั่งให้กองคาราวานเดินหน้าต่อไป

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+