พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) 325 เหล่าผู้คนที่น่าเวทนา

Now you are reading พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) Chapter 325 เหล่าผู้คนที่น่าเวทนา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 325 เหล่าผู้คนที่น่าเวทนา

สำหรับผู้เชี่ยวชาญขอบเขตประสานทะเลปราณ การสำแดงแสงแห่งธรรมได้ถึงระดับนี้มันจะน่าตกใจ แต่มันก็ยังคงไม่เพียงพอที่จะทำลายวิญญาณปีศาจระดับจักรพรรดิ

ดังนั้นลั่วหยุนจึงสงสัยมาก และไม่รู้ว่าหลิงตู้ฉิงไปเอาความมั่นใจมาจากไหนถึงกล้าบอกว่าเขาสามารถช่วยเขากำจัดวิญญาณปีศาจได้

หลิงตู้ฉิงไม่ตอบคำถาม แต่เขากลับพูดกับลั่วหยุน ว่า “ข้าต้องการข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับพื้นที่ใกล้เคียงของเมืองหยูหลัน เจ้าอยู่ในเมืองหยูหลันมาหลายปีแล้ว คำถามนี้ไม่น่าจะยากเกินไป ส่วนเรื่องเกี่ยวกับวิญญาณปีศาจที่เป็นปัญหาของเจ้ามาหลายปีแล้ว ข้าเชื่อว่าเจ้าคงจะไม่สนใจอะไรหากว่าจะต้องรอไปอีกสัก 2-3 ปี”

“ข้าไม่สนหรอกว่าข้าจะต้องรออีกสักกี่ร้อยปีหรือกี่พันปีก็ตาม!” ลั่วหยุนขมวดคิ้วและพูดว่า “สิ่งที่ข้าไม่เข้าใจคือทำไมท่านถึงช่วยข้า นอกจากนี้ข้าพบว่ามีบางอย่างผิดปกติกับตัวตนของท่าน ซึ่งท่านคงไม่ต้องการตอบ”

หลิงตู้ฉิงยิ้ม “สำหรับเหตุผลว่าทำไมข้าถึงช่วยเจ้า วันนึงเจ้าจะเข้าใจมันเอง ว่าแต่เจ้าจะเอายังไงกับคำขอของข้าเมื่อครู่? บอกตามตรงว่าข้าขี้เกียจที่จะหาข้อมูลเหล่านั้นด้วยตัวเอง เนื่องจากมันจะเสียเวลามากขึ้นไปอีก”

เมื่อเห็นว่าหลิงตู้ฉิงไม่ได้ตอบคำถามของเขา ลั่วหยุนจึงพูดอย่างหมดหนทาง “เฮ้อ เดี๋ยวข้าจะให้คนไปส่งข้อมูลนั้นให้แก่ท่านเอง”

หลิงตู้ฉิงพูดเบา ๆ ว่า “แล้วข้าจะรอ!”

ทันทีที่หลิงตู้ฉิงพูดจบ ร่างของเขาก็หายไปต่อหน้าต่อตาของลั่วหยุน และไปปรากฏตัวในหอการค้าเชื่อมสวรรค์แทน

ลั่วหยุนอดไม่ได้ที่จะตกตะลึง

ที่นี่คือมหาค่ายกลอาณาเขตสวรรค์ของพวกเขาในหอการค้าเชื่อมสวรรค์ แต่คนผู้นี้กลับสามารถไปมาได้ดั่งใจนึกแบบนี้ได้ยังไง? ไม่เพียงแต่เขาสามารถไปมาได้อย่างอิสระเท่านั้น แต่เขายังสามารถใช้พลังในมหาค่ายกลอาณาเขตสวรรค์เพื่อฉีกมิติออกไปด้านนอกได้โดยตรงอีกต่างหาก นี่มันออกจะไม่ธรรมดาเกินไปหน่อยไหม?

“ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นผู้อาวุโสในอดีตสักคนหนึ่งของตำหนักเทพโชคลาภของเราที่กลับชาติมาเกิดใหม่แน่ ๆ!” ลั่วหยุนส่ายหัวและพูดกับตัวเอง

เนื่องจากถ้าชายผู้นี้ไม่ใช่ผู้อาวุโสสักคนที่กลับชาติมาเกิด เขาจะสามารถทำมุทราของตำหนักเทพโชคลาภของพวกเขาได้อย่างไร? และยิ่งไปกว่านั้นถ้าชายผู้นี้ไม่ใช่ผู้อาวุโสของพวกเขาที่กลับชาติมาเกิด เขาจะมาช่วยพวกเขาโดยไม่มีเหตุผลแบบนี้ได้ยังไง?

แต่ว่าในความเป็นจริงแล้วนี่มันเป็นความจริง จริง ๆ งั้นหรือ?

ในอีกด้านหนึ่ง โม่เอ๋อและซือโถวเหวินหยวนซึ่งกำลังรออยู่ที่ห้องโถงของหอการค้าเชื่อมสวรรค์ก็อดไม่ได้ที่จะต้องตะลึง เมื่อเห็นการปรากฏตัวของหลิงตู้ฉิงอย่างกะทันหัน

ทำไมมันดูเหมือนว่าเขาเดินทางผ่านมิติมาโผล่ที่นี่ได้? นี่มันเป็นทักษะที่ผู้เชี่ยวชาญระดับสูงถึงจะสามารถใช้ได้เท่านั้น!

ในทางกลับกัน อู่จิ๋วไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ กับภาพที่เขาเห็นราวกับว่ามันเป็นเรื่องธรรมดา

เนื่องจากว่าเขาคิดว่าลั่วหยุนเป็นคนส่งหลิงตู้ฉิงให้ออกมา อย่างไรก็ตามสิ่งที่ทำให้เขาสงสัยก็คือสถานะของหลิงตู้ฉิงนั้นสูงกว่าลั่วหยุนอย่างชัดเจน และการส่งผู้ที่มีสถานะเหนือกว่าออกมาแบบนี้มันจะไม่เป็นการหยาบคายไปหน่อยงั้นเหรอ?

อย่างไรก็ตาม เขาแสร้ง ‘ลืม’ เกี่ยวกับเหตุการณ์ในมหาค่ายอาณาเขตสวรรค์และพูดกับหลิงตู้ฉิง “ท่านหลิง ทางเราได้ทำการเพิ่มรายการเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับไปแล้ว แต่ว่าเมื่อครู่นายของข้าได้บอกให้ข้ารอทำตามข้อเรียกร้องของท่านก่อน และนายของข้ายังแจ้งมาว่าให้ข้าให้ข้อมูลที่ท่านต้องการ ข้าอยากจะทราบว่าท่านหลิงต้องการที่จะเลือกให้ข้าทำอะไรให้ท่านก่อนดี?”

หลิงตู้ฉิงพยักหน้าเล็กน้อย “ข้าต้องการดูรายการสิ่งของที่รอขึ้นประมูลล่าสุดของเจ้า!”

อู่จิ๋วหยิบรายชื่อของที่กำลังจะถูกประมูลออกมาทันที หลิงตู้ฉิงมองผ่าน ๆ และพบว่าไม่มีอะไรที่น่าสนใจอย่างที่เขาต้องการ เขาจึงเลิกใส่ใจกับการหาสิ่งของไปก่อน

“บอกข้าทีว่าสำนักไหนอ่อนแอที่สุดในระแวกนี้” หลิงตู้ฉิงถามช้า ๆ “และแยกรายชื่อเหล่าสำนักที่เคยได้รับกล้วยไม้หยกกับเหล่าสำนักที่ไม่เคยได้มันมาก่อนมาให้ข้าด้วย”

จากความเข้าใจของเขาจากที่เขามองลั่วหยุน เมืองหยูหลันทั้งเมืองนี้มันก็คือหอการค้าเชื่อมสวรรค์

เมื่อทั้งเมืองนี้เปรียบเสมือนเป็นของของลั่วหยุนอยู่แล้ว ฉะนั้นมันจะเป็นไปได้อย่างไรที่ลั่วหยุนจะไม่มีข้อมูลของสถานการณ์ที่เกิดทั้งในเมืองและรอบ ๆ เมืองทั้งหมดอย่างละเอียด

และยิ่งโดยเฉพาะเกี่ยวกับเรื่องของกล้วยไม้หยก หลิงตู้ฉิงมั่นใจว่าลั่วหยุนจะต้องมีข้อมูลทุกอย่างที่เกี่ยวกับมันอย่างละเอียดยิบ

อู่จิ๋วรายงานทันที “มีสำนักมากมายที่ไม่เคยได้ครอบครองกล้วยไม้หยก อย่างไรก็ตามหากจะบอกว่าสำนักใดคือสำนักที่อ่อนแอที่สุดก็คงต้องเป็น ‘สำนักหุบเขาบุปผาอนันต์’ ! สำนักนี้เป็นการรวมกลุ่มกันของเหล่าผู้เชี่ยวชาญหญิง ซึ่งไม่ได้แข็งแกร่งมากนัก แต่ถึงแม้ว่าพวกนางจะไม่แข็งแกร่งอะไรมากนัก แต่มันก็ไม่มีใครที่จะกล้ารุกล้ำท้าทายสำนักนี้เนื่องจากมันมีเหตุผลบางอย่างที่ซ่อนอยู่”

“ส่วนถัดมาก็เป็น สำนักยอดเขาดาบสังหาร ที่แข็งแกร่งกว่านิดหน่อย สำนักนี้ถูกก่อตั้งโดยผู้เชี่ยวชาญไร้สังกัด 3 คน ศิษย์ของในสำนักนี้จะเป็นการรวมกันของกลุ่มคนอันหลากหลายที่มาจากอาณาเขตอื่น ๆ แต่เผอิญว่าในขณะนี้มันมีความขัดแย้งบางอย่างภายในสำนักของพวกเขา ซึ่งส่งผลให้ความแข็งแกร่งของสำนักพวกเขาถูกลดทอดลงไปอยู่หลายส่วน”

“นอกเหนือจากสองสำนักนี้ อันดับที่สามก็คือ สำนักดาวตก ที่ตั้งอยู่ที่ภูเขาหมางหนิว ถึงแม้ว่าชื่อสำนักจะดูน่าสนใจ แต่ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในสำนักกลับอยู่แค่ระดับเหนือล้ำเท่านั้น และผู้ที่แข็งแกร่งรองลงมาก็เป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญ 2 คนที่อยู่ในระดับสวรรค์สามัญเพียงเท่านั้น”

หลิงตู้ฉิงที่เห็นว่าอู่จิ๋วต้องการพูดต่อ เขาจึงส่ายหัวและพูดว่า “เจ้าไม่จำเป็นต้องพูดต่อแล้ว เอาแผนที่ของบริเวณรอบ ๆ นี้มาให้ข้าให้หมด เดี๋ยวข้าจะลองไปตรวจสอบพวกเขาด้วยตัวเอง”

หลังจากที่เขาพูดจบ อู่จิ๋วก็ได้มอบแผนที่ปึกหนาให้กับหลิงตู้ฉิง และเมื่อได้รับของที่ต้องการแล้ว หลิงตู้ฉิงก็เดินออกจากหอการค้าเชื่อมสวรรค์โดยมีโม่เอ๋อและซือโถวเหวินหยวนติดตามออกมาอย่างใกล้ชิด

หลังจากเดินออกจากห้องการค้าเชื่อมสวรรค์ พวกเขาก็เดินไปแวะที่สระหยูหลัน เมื่อมองไปที่น้ำในทะเลสาบสีเขียวเข้ม หลิงตู้ฉิงก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัว

ที่ก้นของสระนี้จะต้องเป็นที่ที่มีวิญญาณปีศาจสถิตอยู่แน่นอน

หลิงตู้ฉิงมองไปที่กลุ่มคนที่อยู่รอบ ๆ สระด้วยสายตาเย้ยหยัน

กลุ่มคนที่น่าเวทนาเหล่านี้ที่ต่างพากันต้องการอยากจะครอบครองกล้วยไม้หยก พวกเขาหารู้ไม่ว่าวาสนาที่พวกเขาใฝ่ฝันถึงมันคือหายนะที่จะทำให้พวกเขากลายเป็นหุ่นเชิดของวิญญาณปีศาจ ที่จะใช้ร่างกายของพวกเขามาสร้างความวายป่วงให้กับเมืองนี้ทั้งเมืองเมื่อมันพร้อม!

หลังจากที่หลิงตู้ฉิงกลับมาถึงเรือนบนยอดเขา เขาก็ตรงเข้าไปที่ห้องของมี่ไลทันที ซึ่งด้านในห้องนั้นมีภรรยาทั้ง 3 คนและลูกชายของเขาอีก 1 คน กำลังตั้งอกตั้งใจฝึกฝนวิชาเจตจำนงแปลงสรรพสิ่ง

อย่างไรก็ตาม หลิงตู้ฉิงไม่ได้มาที่ห้องของมี่ไลเพื่อดูภรรยาและลูกของเขาฝึกวิชาเจตจำนงแปลงสรรพสิ่ง แต่เขาจ้องมองไปที่หญิงสาวในยันต์สั่งสวรรค์ เพื่ออธิบายสถานการณ์ในเมืองหยูหลันให้นางฟัง

“ใต้ดินของเมืองนี้มีวิญญาณปีศาจระดับจักรพรรดิสถิตอยู่ ซึ่งมันมีวิธีการบางอย่างที่มันสามารถสร้างเมล็ดพันธุ์ปีศาจขึ้นมาได้เพื่อทำให้ผู้คนบางส่วนกลายเป็นหุ่นเชิดของมัน ข้าอยากให้เจ้าช่วยจับตาดูมันให้หน่อย เนื่องจากข้าคงจะต้องออกไปอยู่ข้างนอกสักพัก!” หลิงตู้ฉิงพูด

หญิงสาวในภาพวาดตอบกลับด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า “ตราบใดที่มันไม่ปรากฏตัวในที่แจ้งก็ไม่มีอะไรต้องกลัว ส่วนคำขอของเจ้า เจ้าจงออกไปอยู่ข้างนอกให้สบายใจเถอะ และจงจำไว้ว่าเส้นทางการบ่มเพาะของเจ้าคือการสื่อสารกับผู้คน แต่ต้องเป็นการสื่อสารระหว่างหัวใจและอารมณ์ไม่ใช่แค่ร่างกาย”

“อ๋อ!” หลิงตู้ฉิงพยักหน้า

“ส่วนที่นี่เจ้าก็น่าจะรู้ดีว่าไม่มีอะไรให้ต้องเป็นห่วง ด้วยการปกป้องจากอสูรกลืนวิญญาณและอาวุธวิเศษระดับจักรพรรดิ มันไม่มีทางที่วิญญาณปีศาจนั่นจะบุกเข้ามาได้อยู่แล้ว!” หญิงสาวในภาพวาดพูด

หลิงตู้ฉิงพยักหน้า จากนั้นเขาก็พูดกับเย่ชิงเฉิงและคนอื่น ๆ “ข้าขอสั่งห้ามไม่ให้พวกเจ้าไปยุ่งกับกล้วยไม้หยกนั่น มันไม่ใช่โอสถระดับสวรรค์ แต่มันคือเมล็ดพันธุ์ปีศาจ”

นอกเหนือจากเย่ชิงเฉิง แน่นอนว่าคนที่เหลือย่อมไม่รู้ว่าเมล็ดพันธุ์ปีศาจคืออะไร แต่พวกเขาทั้งหมดก็เชื่อฟังในคำพูดของหลิงตู้ฉิง และสัญญาว่าจะไม่ไปยุ่งกับกล้วยไม้หยก

หลังจากเตือนทุกคนแล้ว หลิงตู้ฉิงก็กลับไปหากงหนิวและพูดว่า “พาข้าไปที่ภูเขา หมางหนิว!”

เมื่อได้รับคำสั่ง กงหนิวก็กลายร่างเป็นปีศาจกระทิงอเวจีทันที และเริ่มลากรถม้าไปส่งหลิงตู้ฉิงและอีก 2 คนไปยังภูเขาหมางหนิว

หลังจากหยุดอยู่เหนือภูเขาหมางหนิวและมองดูมันอยู่สักพัก หลิงตู้ฉิงก็สั่งให้กงหนิวไปที่สำนักยอดเขาดาบสังหารต่อ

หลังจากมองไปที่สำนักยอดเขาดาบสังหารอยู่สักพัก หลิงตู้ฉิงก็ส่ายหัวและมุ่งหน้าไปต่อที่สำนักหุบเขาบุปผาอนันต์

เมื่อมองไปที่สำนักหุบเขาบุปผาอนันต์ หลิงตู้ฉิงก็ยังคงส่ายหัว

“คนพวกนี้มันช่างน่าเวทนาจริง ๆ” หลิงตู้ฉิงถอนหายใจ “เฮ้อ…สำนักแต่ละสำนักช่างอ่อนแอไม่แพ้กันเลยแม้แต่น้อย แต่ดูเหมือนว่าสำนักหุบเขาบุปผาอนันต์นี้จะดูมีชีวิตชีวากว่าสำนักอีกสองสำนักอยู่บ้างล่ะนะ เอาล่ะ! ลองดูกับสำนักนี้ก่อนก็แล้วกัน!”

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) 325 เหล่าผู้คนที่น่าเวทนา

Now you are reading พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) Chapter 325 เหล่าผู้คนที่น่าเวทนา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 325 เหล่าผู้คนที่น่าเวทนา

สำหรับผู้เชี่ยวชาญขอบเขตประสานทะเลปราณ การสำแดงแสงแห่งธรรมได้ถึงระดับนี้มันจะน่าตกใจ แต่มันก็ยังคงไม่เพียงพอที่จะทำลายวิญญาณปีศาจระดับจักรพรรดิ

ดังนั้นลั่วหยุนจึงสงสัยมาก และไม่รู้ว่าหลิงตู้ฉิงไปเอาความมั่นใจมาจากไหนถึงกล้าบอกว่าเขาสามารถช่วยเขากำจัดวิญญาณปีศาจได้

หลิงตู้ฉิงไม่ตอบคำถาม แต่เขากลับพูดกับลั่วหยุน ว่า “ข้าต้องการข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับพื้นที่ใกล้เคียงของเมืองหยูหลัน เจ้าอยู่ในเมืองหยูหลันมาหลายปีแล้ว คำถามนี้ไม่น่าจะยากเกินไป ส่วนเรื่องเกี่ยวกับวิญญาณปีศาจที่เป็นปัญหาของเจ้ามาหลายปีแล้ว ข้าเชื่อว่าเจ้าคงจะไม่สนใจอะไรหากว่าจะต้องรอไปอีกสัก 2-3 ปี”

“ข้าไม่สนหรอกว่าข้าจะต้องรออีกสักกี่ร้อยปีหรือกี่พันปีก็ตาม!” ลั่วหยุนขมวดคิ้วและพูดว่า “สิ่งที่ข้าไม่เข้าใจคือทำไมท่านถึงช่วยข้า นอกจากนี้ข้าพบว่ามีบางอย่างผิดปกติกับตัวตนของท่าน ซึ่งท่านคงไม่ต้องการตอบ”

หลิงตู้ฉิงยิ้ม “สำหรับเหตุผลว่าทำไมข้าถึงช่วยเจ้า วันนึงเจ้าจะเข้าใจมันเอง ว่าแต่เจ้าจะเอายังไงกับคำขอของข้าเมื่อครู่? บอกตามตรงว่าข้าขี้เกียจที่จะหาข้อมูลเหล่านั้นด้วยตัวเอง เนื่องจากมันจะเสียเวลามากขึ้นไปอีก”

เมื่อเห็นว่าหลิงตู้ฉิงไม่ได้ตอบคำถามของเขา ลั่วหยุนจึงพูดอย่างหมดหนทาง “เฮ้อ เดี๋ยวข้าจะให้คนไปส่งข้อมูลนั้นให้แก่ท่านเอง”

หลิงตู้ฉิงพูดเบา ๆ ว่า “แล้วข้าจะรอ!”

ทันทีที่หลิงตู้ฉิงพูดจบ ร่างของเขาก็หายไปต่อหน้าต่อตาของลั่วหยุน และไปปรากฏตัวในหอการค้าเชื่อมสวรรค์แทน

ลั่วหยุนอดไม่ได้ที่จะตกตะลึง

ที่นี่คือมหาค่ายกลอาณาเขตสวรรค์ของพวกเขาในหอการค้าเชื่อมสวรรค์ แต่คนผู้นี้กลับสามารถไปมาได้ดั่งใจนึกแบบนี้ได้ยังไง? ไม่เพียงแต่เขาสามารถไปมาได้อย่างอิสระเท่านั้น แต่เขายังสามารถใช้พลังในมหาค่ายกลอาณาเขตสวรรค์เพื่อฉีกมิติออกไปด้านนอกได้โดยตรงอีกต่างหาก นี่มันออกจะไม่ธรรมดาเกินไปหน่อยไหม?

“ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นผู้อาวุโสในอดีตสักคนหนึ่งของตำหนักเทพโชคลาภของเราที่กลับชาติมาเกิดใหม่แน่ ๆ!” ลั่วหยุนส่ายหัวและพูดกับตัวเอง

เนื่องจากถ้าชายผู้นี้ไม่ใช่ผู้อาวุโสสักคนที่กลับชาติมาเกิด เขาจะสามารถทำมุทราของตำหนักเทพโชคลาภของพวกเขาได้อย่างไร? และยิ่งไปกว่านั้นถ้าชายผู้นี้ไม่ใช่ผู้อาวุโสของพวกเขาที่กลับชาติมาเกิด เขาจะมาช่วยพวกเขาโดยไม่มีเหตุผลแบบนี้ได้ยังไง?

แต่ว่าในความเป็นจริงแล้วนี่มันเป็นความจริง จริง ๆ งั้นหรือ?

ในอีกด้านหนึ่ง โม่เอ๋อและซือโถวเหวินหยวนซึ่งกำลังรออยู่ที่ห้องโถงของหอการค้าเชื่อมสวรรค์ก็อดไม่ได้ที่จะต้องตะลึง เมื่อเห็นการปรากฏตัวของหลิงตู้ฉิงอย่างกะทันหัน

ทำไมมันดูเหมือนว่าเขาเดินทางผ่านมิติมาโผล่ที่นี่ได้? นี่มันเป็นทักษะที่ผู้เชี่ยวชาญระดับสูงถึงจะสามารถใช้ได้เท่านั้น!

ในทางกลับกัน อู่จิ๋วไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ กับภาพที่เขาเห็นราวกับว่ามันเป็นเรื่องธรรมดา

เนื่องจากว่าเขาคิดว่าลั่วหยุนเป็นคนส่งหลิงตู้ฉิงให้ออกมา อย่างไรก็ตามสิ่งที่ทำให้เขาสงสัยก็คือสถานะของหลิงตู้ฉิงนั้นสูงกว่าลั่วหยุนอย่างชัดเจน และการส่งผู้ที่มีสถานะเหนือกว่าออกมาแบบนี้มันจะไม่เป็นการหยาบคายไปหน่อยงั้นเหรอ?

อย่างไรก็ตาม เขาแสร้ง ‘ลืม’ เกี่ยวกับเหตุการณ์ในมหาค่ายอาณาเขตสวรรค์และพูดกับหลิงตู้ฉิง “ท่านหลิง ทางเราได้ทำการเพิ่มรายการเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับไปแล้ว แต่ว่าเมื่อครู่นายของข้าได้บอกให้ข้ารอทำตามข้อเรียกร้องของท่านก่อน และนายของข้ายังแจ้งมาว่าให้ข้าให้ข้อมูลที่ท่านต้องการ ข้าอยากจะทราบว่าท่านหลิงต้องการที่จะเลือกให้ข้าทำอะไรให้ท่านก่อนดี?”

หลิงตู้ฉิงพยักหน้าเล็กน้อย “ข้าต้องการดูรายการสิ่งของที่รอขึ้นประมูลล่าสุดของเจ้า!”

อู่จิ๋วหยิบรายชื่อของที่กำลังจะถูกประมูลออกมาทันที หลิงตู้ฉิงมองผ่าน ๆ และพบว่าไม่มีอะไรที่น่าสนใจอย่างที่เขาต้องการ เขาจึงเลิกใส่ใจกับการหาสิ่งของไปก่อน

“บอกข้าทีว่าสำนักไหนอ่อนแอที่สุดในระแวกนี้” หลิงตู้ฉิงถามช้า ๆ “และแยกรายชื่อเหล่าสำนักที่เคยได้รับกล้วยไม้หยกกับเหล่าสำนักที่ไม่เคยได้มันมาก่อนมาให้ข้าด้วย”

จากความเข้าใจของเขาจากที่เขามองลั่วหยุน เมืองหยูหลันทั้งเมืองนี้มันก็คือหอการค้าเชื่อมสวรรค์

เมื่อทั้งเมืองนี้เปรียบเสมือนเป็นของของลั่วหยุนอยู่แล้ว ฉะนั้นมันจะเป็นไปได้อย่างไรที่ลั่วหยุนจะไม่มีข้อมูลของสถานการณ์ที่เกิดทั้งในเมืองและรอบ ๆ เมืองทั้งหมดอย่างละเอียด

และยิ่งโดยเฉพาะเกี่ยวกับเรื่องของกล้วยไม้หยก หลิงตู้ฉิงมั่นใจว่าลั่วหยุนจะต้องมีข้อมูลทุกอย่างที่เกี่ยวกับมันอย่างละเอียดยิบ

อู่จิ๋วรายงานทันที “มีสำนักมากมายที่ไม่เคยได้ครอบครองกล้วยไม้หยก อย่างไรก็ตามหากจะบอกว่าสำนักใดคือสำนักที่อ่อนแอที่สุดก็คงต้องเป็น ‘สำนักหุบเขาบุปผาอนันต์’ ! สำนักนี้เป็นการรวมกลุ่มกันของเหล่าผู้เชี่ยวชาญหญิง ซึ่งไม่ได้แข็งแกร่งมากนัก แต่ถึงแม้ว่าพวกนางจะไม่แข็งแกร่งอะไรมากนัก แต่มันก็ไม่มีใครที่จะกล้ารุกล้ำท้าทายสำนักนี้เนื่องจากมันมีเหตุผลบางอย่างที่ซ่อนอยู่”

“ส่วนถัดมาก็เป็น สำนักยอดเขาดาบสังหาร ที่แข็งแกร่งกว่านิดหน่อย สำนักนี้ถูกก่อตั้งโดยผู้เชี่ยวชาญไร้สังกัด 3 คน ศิษย์ของในสำนักนี้จะเป็นการรวมกันของกลุ่มคนอันหลากหลายที่มาจากอาณาเขตอื่น ๆ แต่เผอิญว่าในขณะนี้มันมีความขัดแย้งบางอย่างภายในสำนักของพวกเขา ซึ่งส่งผลให้ความแข็งแกร่งของสำนักพวกเขาถูกลดทอดลงไปอยู่หลายส่วน”

“นอกเหนือจากสองสำนักนี้ อันดับที่สามก็คือ สำนักดาวตก ที่ตั้งอยู่ที่ภูเขาหมางหนิว ถึงแม้ว่าชื่อสำนักจะดูน่าสนใจ แต่ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในสำนักกลับอยู่แค่ระดับเหนือล้ำเท่านั้น และผู้ที่แข็งแกร่งรองลงมาก็เป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญ 2 คนที่อยู่ในระดับสวรรค์สามัญเพียงเท่านั้น”

หลิงตู้ฉิงที่เห็นว่าอู่จิ๋วต้องการพูดต่อ เขาจึงส่ายหัวและพูดว่า “เจ้าไม่จำเป็นต้องพูดต่อแล้ว เอาแผนที่ของบริเวณรอบ ๆ นี้มาให้ข้าให้หมด เดี๋ยวข้าจะลองไปตรวจสอบพวกเขาด้วยตัวเอง”

หลังจากที่เขาพูดจบ อู่จิ๋วก็ได้มอบแผนที่ปึกหนาให้กับหลิงตู้ฉิง และเมื่อได้รับของที่ต้องการแล้ว หลิงตู้ฉิงก็เดินออกจากหอการค้าเชื่อมสวรรค์โดยมีโม่เอ๋อและซือโถวเหวินหยวนติดตามออกมาอย่างใกล้ชิด

หลังจากเดินออกจากห้องการค้าเชื่อมสวรรค์ พวกเขาก็เดินไปแวะที่สระหยูหลัน เมื่อมองไปที่น้ำในทะเลสาบสีเขียวเข้ม หลิงตู้ฉิงก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัว

ที่ก้นของสระนี้จะต้องเป็นที่ที่มีวิญญาณปีศาจสถิตอยู่แน่นอน

หลิงตู้ฉิงมองไปที่กลุ่มคนที่อยู่รอบ ๆ สระด้วยสายตาเย้ยหยัน

กลุ่มคนที่น่าเวทนาเหล่านี้ที่ต่างพากันต้องการอยากจะครอบครองกล้วยไม้หยก พวกเขาหารู้ไม่ว่าวาสนาที่พวกเขาใฝ่ฝันถึงมันคือหายนะที่จะทำให้พวกเขากลายเป็นหุ่นเชิดของวิญญาณปีศาจ ที่จะใช้ร่างกายของพวกเขามาสร้างความวายป่วงให้กับเมืองนี้ทั้งเมืองเมื่อมันพร้อม!

หลังจากที่หลิงตู้ฉิงกลับมาถึงเรือนบนยอดเขา เขาก็ตรงเข้าไปที่ห้องของมี่ไลทันที ซึ่งด้านในห้องนั้นมีภรรยาทั้ง 3 คนและลูกชายของเขาอีก 1 คน กำลังตั้งอกตั้งใจฝึกฝนวิชาเจตจำนงแปลงสรรพสิ่ง

อย่างไรก็ตาม หลิงตู้ฉิงไม่ได้มาที่ห้องของมี่ไลเพื่อดูภรรยาและลูกของเขาฝึกวิชาเจตจำนงแปลงสรรพสิ่ง แต่เขาจ้องมองไปที่หญิงสาวในยันต์สั่งสวรรค์ เพื่ออธิบายสถานการณ์ในเมืองหยูหลันให้นางฟัง

“ใต้ดินของเมืองนี้มีวิญญาณปีศาจระดับจักรพรรดิสถิตอยู่ ซึ่งมันมีวิธีการบางอย่างที่มันสามารถสร้างเมล็ดพันธุ์ปีศาจขึ้นมาได้เพื่อทำให้ผู้คนบางส่วนกลายเป็นหุ่นเชิดของมัน ข้าอยากให้เจ้าช่วยจับตาดูมันให้หน่อย เนื่องจากข้าคงจะต้องออกไปอยู่ข้างนอกสักพัก!” หลิงตู้ฉิงพูด

หญิงสาวในภาพวาดตอบกลับด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า “ตราบใดที่มันไม่ปรากฏตัวในที่แจ้งก็ไม่มีอะไรต้องกลัว ส่วนคำขอของเจ้า เจ้าจงออกไปอยู่ข้างนอกให้สบายใจเถอะ และจงจำไว้ว่าเส้นทางการบ่มเพาะของเจ้าคือการสื่อสารกับผู้คน แต่ต้องเป็นการสื่อสารระหว่างหัวใจและอารมณ์ไม่ใช่แค่ร่างกาย”

“อ๋อ!” หลิงตู้ฉิงพยักหน้า

“ส่วนที่นี่เจ้าก็น่าจะรู้ดีว่าไม่มีอะไรให้ต้องเป็นห่วง ด้วยการปกป้องจากอสูรกลืนวิญญาณและอาวุธวิเศษระดับจักรพรรดิ มันไม่มีทางที่วิญญาณปีศาจนั่นจะบุกเข้ามาได้อยู่แล้ว!” หญิงสาวในภาพวาดพูด

หลิงตู้ฉิงพยักหน้า จากนั้นเขาก็พูดกับเย่ชิงเฉิงและคนอื่น ๆ “ข้าขอสั่งห้ามไม่ให้พวกเจ้าไปยุ่งกับกล้วยไม้หยกนั่น มันไม่ใช่โอสถระดับสวรรค์ แต่มันคือเมล็ดพันธุ์ปีศาจ”

นอกเหนือจากเย่ชิงเฉิง แน่นอนว่าคนที่เหลือย่อมไม่รู้ว่าเมล็ดพันธุ์ปีศาจคืออะไร แต่พวกเขาทั้งหมดก็เชื่อฟังในคำพูดของหลิงตู้ฉิง และสัญญาว่าจะไม่ไปยุ่งกับกล้วยไม้หยก

หลังจากเตือนทุกคนแล้ว หลิงตู้ฉิงก็กลับไปหากงหนิวและพูดว่า “พาข้าไปที่ภูเขา หมางหนิว!”

เมื่อได้รับคำสั่ง กงหนิวก็กลายร่างเป็นปีศาจกระทิงอเวจีทันที และเริ่มลากรถม้าไปส่งหลิงตู้ฉิงและอีก 2 คนไปยังภูเขาหมางหนิว

หลังจากหยุดอยู่เหนือภูเขาหมางหนิวและมองดูมันอยู่สักพัก หลิงตู้ฉิงก็สั่งให้กงหนิวไปที่สำนักยอดเขาดาบสังหารต่อ

หลังจากมองไปที่สำนักยอดเขาดาบสังหารอยู่สักพัก หลิงตู้ฉิงก็ส่ายหัวและมุ่งหน้าไปต่อที่สำนักหุบเขาบุปผาอนันต์

เมื่อมองไปที่สำนักหุบเขาบุปผาอนันต์ หลิงตู้ฉิงก็ยังคงส่ายหัว

“คนพวกนี้มันช่างน่าเวทนาจริง ๆ” หลิงตู้ฉิงถอนหายใจ “เฮ้อ…สำนักแต่ละสำนักช่างอ่อนแอไม่แพ้กันเลยแม้แต่น้อย แต่ดูเหมือนว่าสำนักหุบเขาบุปผาอนันต์นี้จะดูมีชีวิตชีวากว่าสำนักอีกสองสำนักอยู่บ้างล่ะนะ เอาล่ะ! ลองดูกับสำนักนี้ก่อนก็แล้วกัน!”

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+