พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) 231 ห้าสัตว์เทวะหลอมเป็นหนึ่ง

Now you are reading พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) Chapter 231 ห้าสัตว์เทวะหลอมเป็นหนึ่ง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 231 ห้าสัตว์เทวะหลอมเป็นหนึ่ง

ย้อนกลับไปเมื่อ 15 นาทีที่แล้ว ที่คฤหาสน์ตระกูลหลิง

ร่างของอู่หยุนจี๋โผล่ออกมาจากท้องฟ้าและพูดว่า “ค่ายกลของพวกเจ้านี่ไม่เลวเลย แต่พวกมันก็เป็นเพียงระดับครึ่งสวรรค์เท่านั้น แต่กองทัพศักดิ์สิทธิ์ของข้าสามารถสร้างค่ายกลระดับสวรรค์ได้ ด้วยพลังของพวกเจ้าเพียงเท่านี้มันไม่เพียงพอที่จะทำลายค่ายกลของข้าได้หรอก ยอมจำนนซะ ข้ารับประกันได้ว่าถ้าหากพวกเจ้ายอมจำนน พวกเจ้าทุกคนจะได้รับการละเว้นโทษตาย!”

อู่หยุนจี๋มีความสุขมาก เขาไม่เคยคิดเลยว่าการที่เขามาที่ที่น่าสังเวชเช่นทะเลชางหมาง เขาจะสามารถเจอกับสิ่งล้ำค่าเช่นนี้ อย่างเช่นที่เขากำลังเผชิญอยู่ก็คือกระบวนรบทั้งห้าที่แปลกประหลาด หากเขายอมทำให้คนเหล่านี้ยอมจำนนและมอบกระบวนรบนี้ให้กับเขาได้ เขาจะกลายเป็นแม่ทัพที่ไร้เทียมทานได้อย่างไม่ต้องสงสัย

กระบวนรบทั้งห้านี้ถูกสร้างขึ้นโดยทหารอีก 750 คนของตระกูลหลิงอย่างไม่ต้องสงสัยเลย แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าระดับการบ่มเพาะของ 750 คนนี้แข็งแกร่งแค่ไหน แต่เขาก็มั่นใจมากว่าไม่แข็งแกร่งเท่ากองทัพศักดิ์สิทธิ์ของเขาแน่นอน

ทหารกองทัพศักดิ์สิทธิ์ของเขาทุกคนล้วนอยู่ในขอบเขตรวมแสงดาราทั้งหมด

อู่หยุนจี๋เดาระดับการบ่มเพาะของเหล่าทหารตระกูลหลิงจากค่าเฉลี่ยระดับการบ่มเพาะของคนในอาณาจักรจันทราที่อยู่ในขอบเขตรวมแสงดารากันไม่มาก ฉะนั้นมันจึงเป็นไปไม่ได้ที่ทหารทั้ง 750 คนนี้จะแข็งแกร่งไปกว่าทหารของเขา

และถ้ากองกำลังทั้ง 750 คนของตระกูลหลิงที่ยังไม่ได้อยู่ในขอบเขตรวมแสงดาราทุกคนยังมีพลังขนาดนี้ แล้วถ้ากองทัพศักดิ์สิทธิ์ของเขาได้ใช้กระบวนรบนี้แทนล่ะ?

นั่นไม่ได้หมายความว่ากองทัพของเขาจะกลายเป็นกองทัพที่ไร้เทียมทานเลยงั้นเหรอ?

เมื่อคิดจนเกิดความโลภถึงขีดสุดแล้ว อู่หยุนจี๋ยิ้มและพูดว่า “แต่การที่พวกเจ้าจะรอดโทษตายได้ ข้ามีเงื่อนไขว่าพวกเจ้าต้องมอบวิธีการฝึกกระบวนรบทั้งหมดของพวกเจ้ามาให้ข้า แล้วข้าจะช่วยหาทางออกให้กับพวกเจ้ารวมไปถึงข้ายังสามารถรับพวกเจ้าทั้งหมดมาเข้าร่วมกับกองทัพศักดิ์สิทธิ์ของข้าได้ แต่ความอดทนของข้ามีจำกัดนะ ข้าหวังว่าเจ้าจะตัดสินใจกันได้เร็ว ๆ ไม่ทำให้ข้าต้องรอนานเกินไป”

ร่างของหลิงฉุยฟงปรากฏขึ้นจากร่างของตุ่นปีศาจอเวจีและพูดว่า “ยอมแพ้งั้นเหรอ? ใครให้ความมั่นใจขนาดนี้กับเจ้า?”

“ผนึกกระบวนรบและรวมเข้าเป็นหนึ่งเดียว!” ด้วยเสียงตะโกนจากหลิงฉุยฟง กระบวนรบสัตว์เทวะทั้งห้าก็วิ่งเข้ามาชนกันและเริ่มหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว และกลายร่างเป็นสัตว์ประหลาด ที่ลำตัวของมันแบ่งครึ่งเป็นกิเลนและราชสีห์ขาว มีส่วนหางเป็นลำตัวและหัวมังกร บนหลังของมันถูกปกคลุมด้วยกระดองของเต่าอัศนีทมิฬซึ่งปล่อยปราณสายฟ้าออกจากกระดองอย่างต่อเนื่อง ที่สำคัญกว่านั้นสัตว์ประหลาดตัวนี้มีหัวถึงสามหัวแบ่งเป็นหัวของ กิเลน ราชาราชสีห์ ตัวตุ่นปีศาจ

เมื่อรวมร่างกันเสร็จ ด้วยพลังต่างธาตุกันของเหล่าสัตว์เทวะจึงทำให้พลังวิญญาณที่แผ่ออกมาจากร่างของสัตว์ประหลาดยักษ์ตัวนี้มีสีสันที่หลากหลายทั้งสีดำ สีแดง สีขาว สีฟ้า และยังมีปราณของสายฟ้าไหลอยู่บนร่างของมัน

“ท่องเมฆา!” หลิงฉุยฟงตะโกน

หลังจากสิ้นเสียงของหลิงฉุยฟง ร่างของสัตว์ประหลาดก็กระโจนบินขึ้นไปบนท้องฟ้า

“พวกเจ้าภูมิใจกับอาณาเขตสวรรค์ที่พวกเจ้าสร้างมากนักใช่ไหม? เจ้าจงดูให้เต็มสองตาว่าพวกข้านี่แหละจะทำลายมันเอง!” หลิงฉุยฟงหัวเราะเยาะ “อัศนีทลายสวรรค์!”

หลิงฉุยฟงตอนนี้เป็นเหมือนสมองของสัตว์ประหลาด ด้วยคำสั่งของเขาปราณสายฟ้าที่ไหลเวียนอยู่รอบ ๆ ตัวของสัตว์ประหลาดก็ได้ก่อรูปเป็นมังกรสองตัวและพุ่งเข้าโจมตีไปที่กำแพงโดมอาณาเขตสวรรค์ที่อยู่เหนือหัวของเขา ที่ถูกสร้างขึ้นโดยทหารของอู่หยุนจี๋

แค่การปะทะครั้งแรกรอยแตกเล็กน้อยก็ปรากฏขึ้นทันที

ต้องรู้ว่าโดมอาณาเขตสวรรค์นี้มีพลังเทียบเท่ากับพลังของผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์ และถ้าหากมันถูกทำให้มีรอยร้าวได้แบบนี้ก็แสดงว่าพลังที่ปะทะเข้ากับมันนั้นต้องเหนือกว่า

อันที่จริงอู่หยุนจี๋รู้แล้วว่าเรื่องราวต้องไม่เป็นไปด้วยดีแน่นอน เมื่อเขาเห็นภาพการรวมกันของกระบวนรบทั้งห้า

กระบวนรบเดี่ยว ๆ ยังคงมีความแข็งแกร่งระดับครึ่งสวรรค์ แล้วถ้ากระบวนรบทั้งห้ารวมเข้าด้วยกันมันจะเป็นอย่างไร?

ในตอนแรกก่อนที่กระบวนรบทั้งห้ากำลังจะรวมตัวกัน อู่หยุนจี๋รู้ดีว่าเขาจะปล่อยให้กระบวนการรวมตัวกันนี้สำเร็จไม่ได้ เขาจึงเริ่มใช้อำนาจของ ‘อาณาเขตสวรรค์’ ซึ่งอำนาจของมันจะส่งผลให้ใครก็ตามที่มีระดับต่ำกว่าและอยู่ในอาณาเขตจะไม่สามารถต้านทานอำนาจของผู้เปิดใช้อาณาเขตนี้ได้ ความสามารถเช่นนี้เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์เท่านั้นที่มี

เขาคาดหวังไว้ว่าถึงแม้เขาจะไม่สามารถทำลายกระบวนรบทั้งห้าได้ แต่อย่างน้อย ๆ มันก็ควรจะรบกวนกระบวนรบทั้งห้าให้ไม่สามารถหลอมรวมกันได้

แต่น่าเสียดายที่อำนาจของ ‘อาณาเขตสวรรค์’ เมื่อมันถูกส่งไปถึงกระบวนรบทั้งห้าที่กำลังรวมตัวกันอยู่ มันก็ถูกทำให้ละลายหายไปทันทีด้วยพลังอันมหาศาลของกระบวนรบทั้งห้า และการหลอมรวมของพวกมันก็เสร็จสิ้น

แต่เมื่อหลังจากการหลอมรวมของกระบวนรบทั้งห้าเสร็จสิ้น อู่หยุนจี๋ก็ตระหนักได้ว่าแม้หลังจากหลอมรวมเสร็จ ระดับพลังของสัตว์ประหลาดยักษ์ที่อยู่ตรงหน้าเขามันก็ยังไม่เข้าสู่ขอบเขตสวรรค์ เมื่อเห็นเช่นนี้เขาจึงโล่งใจ

“ข้าก็นึกว่ามันจะน่ากลัวได้สักแค่ไหน ที่แท้มันก็แค่สัตว์ประหลาดที่รูปร่างน่าเกลียดตัวหนึ่งที่ระดับพลังยังไม่ถึงขอบเขตสวรรค์ด้วยซ้ำ แล้วเจ้ายังกล้าที่จะฝันลม ๆ แล้ง ๆ หวังว่าจะฆ่าข้าได้งั้นรึ!” อู่หยุนจี๋หัวเราะเยาะ

แต่แล้วเมื่อเขาเห็นการโจมตีแรกของสัตว์ประหลาดนี้ที่ส่งผลให้มีรอยแตกปรากฎขึ้นกับอาณาเขตสวรรค์ของเขาบนท้องฟ้า สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นน่าเกลียดทันที

อู่หยุนจี๋ที่ตกตะลึงตะโกนด้วยน้ำเสียงเดือดดาลทันที “ไอ้บ้าเอ๊ย ข้าจะฆ่าพวกเจ้า!”

ถึงแม้ว่าเขาจะต้องการกระบวนรบเหล่านี้ แต่เมื่อเขารู้สึกได้ถึงอันตรายอย่างยิ่งยวดที่เกิดขึ้นมาจากมัน เขาก็ไม่มีทางเลือกซึ่งก็คือต้องทำลายมันให้สิ้นซาก

เมื่อพูดจบ อู่หยุนจี๋จึงรีบพุ่งขึ้นฟ้ามาหาสัตว์ประหลาดที่ถูกควบคุมด้วยหลิงฉุยฟงอย่างรวดเร็ว แต่ในขณะที่เขากำลังจะถึง หลิงฉุยฟงก็ตะโกนขึ้น “มังกรพเนจร!”

สัตว์ประหลาดเหวี่ยงหางของมันและปล่อยพิษเข้าปกคลุมทั้งร่างของอู่หยุนจี๋ จากนั้นร่างของสัตว์ประหลาดก็บินพุ่งลงมาที่พื้น

“หอกปฐพี!” อู่หยุนจี๋ตะโกนเสียงดังและหนามแหลมธาตุดินจำนวนมากก็พุ่งขึ้นจากพื้นเจาะตัวสัตว์ประหลาด

“สายฟ้า!” อู่หยุนจี๋ตะโกนอีกครั้ง สายฟ้าที่หนาแน่นฟาดลงมาจากท้องฟ้าเข้าใส่สัตว์ประหลาดอย่างรุนแรง

เมื่อมองไปที่หนามแหลมบนพื้น หลิงฉุยฟงหัวเราะเยาะ “ปฐพีอำพลาง!”

สัตว์ประหลาดมุดดินผ่านหนามแหลมโดยไม่มีผลกระทบใด ๆ และไปโผล่ขึ้นในอีกที่หนึ่งซึ่งอยู่นอกบริเวณหนามแหลมที่ปรากฎขึ้น

จากนั้นหลิงฉุยฟงตะโกนขึ้นอีกครั้ง “เข็มพิษอเวจี!”

ปากของตัวตุ่นได้เปิดอ้าขึ้นและปล่อยกรดพิษที่ถูกควบแน่นจนกลายเป็นเข็มนับร้อยพุ่งเข้าหากำแพงโดมทีอยู่ใกล้ที่สุด จนส่งผลให้เกิดรูขนาดใหญ่ที่ผนังกำแพงทันที

ในเวลานี้หากพวกเขาต้องการออกไปพวกเขาสามารถใช้รูปแบบเคลื่อนทัพปฐพีอำพลางเพื่อออกไปข้างนอกได้

อย่างไรก็ตามหลิงฉุยฟงไม่ได้ต้องการออกไปข้างนอก แต่เขาใช้รูปแบบเคลื่อนทัพมังกรพเนจร เพื่อหลบการโจมตีของอู่หยุนจี๋ จากนั้นเขาใช้ท่องเมฆาทะยานพุ่งเข้าหาจุดบนสุดของกำแพงโดมบนท้องฟ้าอีกครั้ง

“ราชสีห์คำราม! มังกรคำราม!”

“เปลวเพลิงกิเลนเทวะ!”

“อัศนีทลายสวรรค์!”

อู่หยุนจี๋ไม่มีทางจัดการกับสัตว์ประหลาดได้เลย เขาทำได้เพียงแค่เฝ้าดูเมื่อสัตว์ประหลาดพุ่งขึ้นฟ้าหรือพุ่งใส่กำแพงที่อยู่ด้านล่างบนพื้นดินครั้งแล้วครั้งเล่า การโจมตีอย่างหนักหน่วงเหล่านี้สร้างความเสียหายจำนวนมากให้กับกองทัพศักดิ์สิทธิ์

ในที่สุดเมื่อหลิงฉุยฟงเปิดใช้งานอัศนีทลายสวรรค์อีกครั้ง โดมที่ปิดท้องฟ้าทั้งหมดก็พังทลายลง ขณะนี้กองทัพศักดิ์สิทธิ์ไม่สามารถรักษาการคงอยู่ของ ‘อาณาเขตสวรรค์’ พวกเขาได้อีกต่อไป เนื่องจากกระบวนรบของพวกเขาได้ถูกทำลายไปเรียบร้อยแล้ว

เมื่อมองไปที่ร่างของเหล่าทหารกองทัพศักดิ์สิทธิ์ที่กระอักเลือดไม่หยุด ร่างของหลิงฉุยฟงก็ปรากฏขึ้นจากแผงอกของสัตว์ประหลาด เขามองไปที่อู่หยุนจี๋และหัวเราะอย่างเย็นชา “เจ้าคิดว่าข้าไม่เคยเห็น ‘อาณาเขตสวรรค์’ มาก่อนงั้นเหรอ? เจ้าไม่มีทางรู้ได้หรอกว่า กว่าที่พวกข้าจะแข็งแกร่งได้ขนาดนี้พวกข้าฝึกกันยังไง! และข้าจะบอกอะไรเจ้าให้เอาบุญ ไอ้ ‘อาณาเขตสวรรค์’ บ้าบออะไรนี่พวกข้าก็ใช้มันได้เหมือนกันนั่นแหละ แต่พวกข้าไม่มาเสียเวลากับการใช้ทักษะโง่ ๆ นี่ ที่ดีแต่เอาไว้ใช้ข่มเหงพวกคนที่มีระดับต่ำกว่าเท่านั้นหรอก ฮ่าฮ่า! เอาล่ะ ตอนนี้พวกเจ้าทุกคนจงยอมจำนนซะ! แต่ถ้าหากพวกเจ้ายังกล้าขัดขืนต่ออีก ข้าจะฆ่าพวกเจ้าให้หมดทันที!”

เมื่อสิ้นคำพูดของหลิงฉุยฟง ร่างของสัตว์ประหลาดก็แยกออกจากกัน และกลับกลายเป็นสัตว์เทวะทั้งห้าเช่นเดิม ซึ่งแต่ละตัวก็ทำหน้าที่แยกกันกระจัดกระจายไปล้อมบรรดากองทัพศักดิ์สิทธิ์ของอู่หยุนจี๋ไม่ให้พวกเขาขัดขืนและหลบหนี

หลิงฉุยฟงที่ออกจากร่างของตัวตุ่นแล้ว เขาได้บินไปหาหลิงเจิ้งสงที่ดูเหนื่อยเล็กน้อยและพูดว่า “ท่านพ่อ ข้าขอฝากให้ท่านช่วยสั่งทหารของท่านที่เหลือดูแลคนกลุ่มนี้แทนข้าที พวกมันทั้งหมดอยู่ในขอบเขตรวมแสงดารา การฆ่าพวกมันทิ้งคงจะน่าเสียดาย ตอนนี้ข้าจะไว้ชีวิตพวกมันก่อนและดูว่าหลานชายของข้าจะมีแผนการใช้ประโยชน์จากพวกมันต่ออีกรึเปล่า”

แววตาของหลิงเจิ้งสง ในตอนนี้กลับกลายเป็นเหี้ยมเกรียมเมื่อเขามองไปยังเหล่าเชลยศึกและพูดด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยกลิ่นอายสังหาร “นี่เจ้าไม่รู้งั้นเหรอว่าเวลาไหนควรจะเมตตาหรือเวลาไหนควรจะโหดเหี้ยม? ฆ่าพวกมันให้หมดเดี๋ยวนี้! จากนั้นตรงไปที่คฤหาสน์สราญรมย์ พวกเขาต้องการพลังของเจ้า”

หลิงเจิ้งสงไม่สนใจว่าทหารของหลิงฉุยฟงทั้ง 750 คนนี้เหนื่อยแค่ไหนและเขาไม่สนใจว่ากองทัพศักดิ์สิทธิ์ที่เหลือมีค่าแค่ไหน ตอนนี้เขาต้องรีบสนับสนุนคฤหาสน์สราญรมย์อย่างรวดเร็วเพราะเขาเข้าใจดีว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่นั่นจะต้องรุนแรงกว่า เพื่อเป้าหมายนี้แม้ว่าเขาจะทำให้ทหารทั้ง 750 คนนี้เหนื่อยจนตายเขาก็ไม่สน

หลิงฉุยฟงยิ้มและพูดว่า “ท่านพ่อ คำสั่งที่ข้าได้รับคือให้ปกป้องคฤหาสน์ของท่าน! ข้าจะไม่ไปไหนโดยไม่มีคำสั่งจากหลานชายของข้า! นอกจากนี้ ข้าคิดว่าตอนนี้ท่านควรบินขึ้นไปให้สูง ๆ และคอยดูภาพที่กำลังจะเกิดขึ้นในคฤหาสน์สราญรมย์ ไม่เช่นนั้นท่านจะต้องเสียใจที่ไม่ได้เห็นภาพอันน่าตื่นตะลึงที่หลายชายของท่านกำลังจะสร้าง”

เมื่อพูดจบ หลิงฉุยฟงจึงบินขึ้นไปบนท้องฟ้าทันทีเพื่อรอดูเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นในคฤหาสน์สราญรมย์จากระยะไกล

สำหรับกองทัพศักดิ์สิทธิ์ ภายใต้การถูกควบคุมของกระบวนรบสัตว์เทวะทั้งห้า หากพวกเขายังคงต้องการที่จะขัดขืนต่อ นั่นก็หมายถึงว่าพวกเขารนหาที่ตายแล้ว

อู่หยุนจี๋มองไปรอบ ๆ ด้วยใบหน้าที่เศร้าหมอง เขานั่งลงและเริ่มโคจรพลังวิญญาณเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ เขารู้ดีว่าความหวังที่จะหลบหนีได้นั่นไม่มีอีกต่อไป ตอนนี้เขาทำได้แค่หวังว่ากองกำลังอื่น ๆ ที่กำลังบุกคฤหาสน์สราญรมย์อยู่จะคว้าชัยชนะมาได้และมาช่วยพวกเขา

แต่เรื่องราวมันจะง่ายอย่างที่เขาฝันไว้จริง ๆ เช่นนั้นเหรอ?

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) 231 ห้าสัตว์เทวะหลอมเป็นหนึ่ง

Now you are reading พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) Chapter 231 ห้าสัตว์เทวะหลอมเป็นหนึ่ง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 231 ห้าสัตว์เทวะหลอมเป็นหนึ่ง

ย้อนกลับไปเมื่อ 15 นาทีที่แล้ว ที่คฤหาสน์ตระกูลหลิง

ร่างของอู่หยุนจี๋โผล่ออกมาจากท้องฟ้าและพูดว่า “ค่ายกลของพวกเจ้านี่ไม่เลวเลย แต่พวกมันก็เป็นเพียงระดับครึ่งสวรรค์เท่านั้น แต่กองทัพศักดิ์สิทธิ์ของข้าสามารถสร้างค่ายกลระดับสวรรค์ได้ ด้วยพลังของพวกเจ้าเพียงเท่านี้มันไม่เพียงพอที่จะทำลายค่ายกลของข้าได้หรอก ยอมจำนนซะ ข้ารับประกันได้ว่าถ้าหากพวกเจ้ายอมจำนน พวกเจ้าทุกคนจะได้รับการละเว้นโทษตาย!”

อู่หยุนจี๋มีความสุขมาก เขาไม่เคยคิดเลยว่าการที่เขามาที่ที่น่าสังเวชเช่นทะเลชางหมาง เขาจะสามารถเจอกับสิ่งล้ำค่าเช่นนี้ อย่างเช่นที่เขากำลังเผชิญอยู่ก็คือกระบวนรบทั้งห้าที่แปลกประหลาด หากเขายอมทำให้คนเหล่านี้ยอมจำนนและมอบกระบวนรบนี้ให้กับเขาได้ เขาจะกลายเป็นแม่ทัพที่ไร้เทียมทานได้อย่างไม่ต้องสงสัย

กระบวนรบทั้งห้านี้ถูกสร้างขึ้นโดยทหารอีก 750 คนของตระกูลหลิงอย่างไม่ต้องสงสัยเลย แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าระดับการบ่มเพาะของ 750 คนนี้แข็งแกร่งแค่ไหน แต่เขาก็มั่นใจมากว่าไม่แข็งแกร่งเท่ากองทัพศักดิ์สิทธิ์ของเขาแน่นอน

ทหารกองทัพศักดิ์สิทธิ์ของเขาทุกคนล้วนอยู่ในขอบเขตรวมแสงดาราทั้งหมด

อู่หยุนจี๋เดาระดับการบ่มเพาะของเหล่าทหารตระกูลหลิงจากค่าเฉลี่ยระดับการบ่มเพาะของคนในอาณาจักรจันทราที่อยู่ในขอบเขตรวมแสงดารากันไม่มาก ฉะนั้นมันจึงเป็นไปไม่ได้ที่ทหารทั้ง 750 คนนี้จะแข็งแกร่งไปกว่าทหารของเขา

และถ้ากองกำลังทั้ง 750 คนของตระกูลหลิงที่ยังไม่ได้อยู่ในขอบเขตรวมแสงดาราทุกคนยังมีพลังขนาดนี้ แล้วถ้ากองทัพศักดิ์สิทธิ์ของเขาได้ใช้กระบวนรบนี้แทนล่ะ?

นั่นไม่ได้หมายความว่ากองทัพของเขาจะกลายเป็นกองทัพที่ไร้เทียมทานเลยงั้นเหรอ?

เมื่อคิดจนเกิดความโลภถึงขีดสุดแล้ว อู่หยุนจี๋ยิ้มและพูดว่า “แต่การที่พวกเจ้าจะรอดโทษตายได้ ข้ามีเงื่อนไขว่าพวกเจ้าต้องมอบวิธีการฝึกกระบวนรบทั้งหมดของพวกเจ้ามาให้ข้า แล้วข้าจะช่วยหาทางออกให้กับพวกเจ้ารวมไปถึงข้ายังสามารถรับพวกเจ้าทั้งหมดมาเข้าร่วมกับกองทัพศักดิ์สิทธิ์ของข้าได้ แต่ความอดทนของข้ามีจำกัดนะ ข้าหวังว่าเจ้าจะตัดสินใจกันได้เร็ว ๆ ไม่ทำให้ข้าต้องรอนานเกินไป”

ร่างของหลิงฉุยฟงปรากฏขึ้นจากร่างของตุ่นปีศาจอเวจีและพูดว่า “ยอมแพ้งั้นเหรอ? ใครให้ความมั่นใจขนาดนี้กับเจ้า?”

“ผนึกกระบวนรบและรวมเข้าเป็นหนึ่งเดียว!” ด้วยเสียงตะโกนจากหลิงฉุยฟง กระบวนรบสัตว์เทวะทั้งห้าก็วิ่งเข้ามาชนกันและเริ่มหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว และกลายร่างเป็นสัตว์ประหลาด ที่ลำตัวของมันแบ่งครึ่งเป็นกิเลนและราชสีห์ขาว มีส่วนหางเป็นลำตัวและหัวมังกร บนหลังของมันถูกปกคลุมด้วยกระดองของเต่าอัศนีทมิฬซึ่งปล่อยปราณสายฟ้าออกจากกระดองอย่างต่อเนื่อง ที่สำคัญกว่านั้นสัตว์ประหลาดตัวนี้มีหัวถึงสามหัวแบ่งเป็นหัวของ กิเลน ราชาราชสีห์ ตัวตุ่นปีศาจ

เมื่อรวมร่างกันเสร็จ ด้วยพลังต่างธาตุกันของเหล่าสัตว์เทวะจึงทำให้พลังวิญญาณที่แผ่ออกมาจากร่างของสัตว์ประหลาดยักษ์ตัวนี้มีสีสันที่หลากหลายทั้งสีดำ สีแดง สีขาว สีฟ้า และยังมีปราณของสายฟ้าไหลอยู่บนร่างของมัน

“ท่องเมฆา!” หลิงฉุยฟงตะโกน

หลังจากสิ้นเสียงของหลิงฉุยฟง ร่างของสัตว์ประหลาดก็กระโจนบินขึ้นไปบนท้องฟ้า

“พวกเจ้าภูมิใจกับอาณาเขตสวรรค์ที่พวกเจ้าสร้างมากนักใช่ไหม? เจ้าจงดูให้เต็มสองตาว่าพวกข้านี่แหละจะทำลายมันเอง!” หลิงฉุยฟงหัวเราะเยาะ “อัศนีทลายสวรรค์!”

หลิงฉุยฟงตอนนี้เป็นเหมือนสมองของสัตว์ประหลาด ด้วยคำสั่งของเขาปราณสายฟ้าที่ไหลเวียนอยู่รอบ ๆ ตัวของสัตว์ประหลาดก็ได้ก่อรูปเป็นมังกรสองตัวและพุ่งเข้าโจมตีไปที่กำแพงโดมอาณาเขตสวรรค์ที่อยู่เหนือหัวของเขา ที่ถูกสร้างขึ้นโดยทหารของอู่หยุนจี๋

แค่การปะทะครั้งแรกรอยแตกเล็กน้อยก็ปรากฏขึ้นทันที

ต้องรู้ว่าโดมอาณาเขตสวรรค์นี้มีพลังเทียบเท่ากับพลังของผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์ และถ้าหากมันถูกทำให้มีรอยร้าวได้แบบนี้ก็แสดงว่าพลังที่ปะทะเข้ากับมันนั้นต้องเหนือกว่า

อันที่จริงอู่หยุนจี๋รู้แล้วว่าเรื่องราวต้องไม่เป็นไปด้วยดีแน่นอน เมื่อเขาเห็นภาพการรวมกันของกระบวนรบทั้งห้า

กระบวนรบเดี่ยว ๆ ยังคงมีความแข็งแกร่งระดับครึ่งสวรรค์ แล้วถ้ากระบวนรบทั้งห้ารวมเข้าด้วยกันมันจะเป็นอย่างไร?

ในตอนแรกก่อนที่กระบวนรบทั้งห้ากำลังจะรวมตัวกัน อู่หยุนจี๋รู้ดีว่าเขาจะปล่อยให้กระบวนการรวมตัวกันนี้สำเร็จไม่ได้ เขาจึงเริ่มใช้อำนาจของ ‘อาณาเขตสวรรค์’ ซึ่งอำนาจของมันจะส่งผลให้ใครก็ตามที่มีระดับต่ำกว่าและอยู่ในอาณาเขตจะไม่สามารถต้านทานอำนาจของผู้เปิดใช้อาณาเขตนี้ได้ ความสามารถเช่นนี้เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์เท่านั้นที่มี

เขาคาดหวังไว้ว่าถึงแม้เขาจะไม่สามารถทำลายกระบวนรบทั้งห้าได้ แต่อย่างน้อย ๆ มันก็ควรจะรบกวนกระบวนรบทั้งห้าให้ไม่สามารถหลอมรวมกันได้

แต่น่าเสียดายที่อำนาจของ ‘อาณาเขตสวรรค์’ เมื่อมันถูกส่งไปถึงกระบวนรบทั้งห้าที่กำลังรวมตัวกันอยู่ มันก็ถูกทำให้ละลายหายไปทันทีด้วยพลังอันมหาศาลของกระบวนรบทั้งห้า และการหลอมรวมของพวกมันก็เสร็จสิ้น

แต่เมื่อหลังจากการหลอมรวมของกระบวนรบทั้งห้าเสร็จสิ้น อู่หยุนจี๋ก็ตระหนักได้ว่าแม้หลังจากหลอมรวมเสร็จ ระดับพลังของสัตว์ประหลาดยักษ์ที่อยู่ตรงหน้าเขามันก็ยังไม่เข้าสู่ขอบเขตสวรรค์ เมื่อเห็นเช่นนี้เขาจึงโล่งใจ

“ข้าก็นึกว่ามันจะน่ากลัวได้สักแค่ไหน ที่แท้มันก็แค่สัตว์ประหลาดที่รูปร่างน่าเกลียดตัวหนึ่งที่ระดับพลังยังไม่ถึงขอบเขตสวรรค์ด้วยซ้ำ แล้วเจ้ายังกล้าที่จะฝันลม ๆ แล้ง ๆ หวังว่าจะฆ่าข้าได้งั้นรึ!” อู่หยุนจี๋หัวเราะเยาะ

แต่แล้วเมื่อเขาเห็นการโจมตีแรกของสัตว์ประหลาดนี้ที่ส่งผลให้มีรอยแตกปรากฎขึ้นกับอาณาเขตสวรรค์ของเขาบนท้องฟ้า สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นน่าเกลียดทันที

อู่หยุนจี๋ที่ตกตะลึงตะโกนด้วยน้ำเสียงเดือดดาลทันที “ไอ้บ้าเอ๊ย ข้าจะฆ่าพวกเจ้า!”

ถึงแม้ว่าเขาจะต้องการกระบวนรบเหล่านี้ แต่เมื่อเขารู้สึกได้ถึงอันตรายอย่างยิ่งยวดที่เกิดขึ้นมาจากมัน เขาก็ไม่มีทางเลือกซึ่งก็คือต้องทำลายมันให้สิ้นซาก

เมื่อพูดจบ อู่หยุนจี๋จึงรีบพุ่งขึ้นฟ้ามาหาสัตว์ประหลาดที่ถูกควบคุมด้วยหลิงฉุยฟงอย่างรวดเร็ว แต่ในขณะที่เขากำลังจะถึง หลิงฉุยฟงก็ตะโกนขึ้น “มังกรพเนจร!”

สัตว์ประหลาดเหวี่ยงหางของมันและปล่อยพิษเข้าปกคลุมทั้งร่างของอู่หยุนจี๋ จากนั้นร่างของสัตว์ประหลาดก็บินพุ่งลงมาที่พื้น

“หอกปฐพี!” อู่หยุนจี๋ตะโกนเสียงดังและหนามแหลมธาตุดินจำนวนมากก็พุ่งขึ้นจากพื้นเจาะตัวสัตว์ประหลาด

“สายฟ้า!” อู่หยุนจี๋ตะโกนอีกครั้ง สายฟ้าที่หนาแน่นฟาดลงมาจากท้องฟ้าเข้าใส่สัตว์ประหลาดอย่างรุนแรง

เมื่อมองไปที่หนามแหลมบนพื้น หลิงฉุยฟงหัวเราะเยาะ “ปฐพีอำพลาง!”

สัตว์ประหลาดมุดดินผ่านหนามแหลมโดยไม่มีผลกระทบใด ๆ และไปโผล่ขึ้นในอีกที่หนึ่งซึ่งอยู่นอกบริเวณหนามแหลมที่ปรากฎขึ้น

จากนั้นหลิงฉุยฟงตะโกนขึ้นอีกครั้ง “เข็มพิษอเวจี!”

ปากของตัวตุ่นได้เปิดอ้าขึ้นและปล่อยกรดพิษที่ถูกควบแน่นจนกลายเป็นเข็มนับร้อยพุ่งเข้าหากำแพงโดมทีอยู่ใกล้ที่สุด จนส่งผลให้เกิดรูขนาดใหญ่ที่ผนังกำแพงทันที

ในเวลานี้หากพวกเขาต้องการออกไปพวกเขาสามารถใช้รูปแบบเคลื่อนทัพปฐพีอำพลางเพื่อออกไปข้างนอกได้

อย่างไรก็ตามหลิงฉุยฟงไม่ได้ต้องการออกไปข้างนอก แต่เขาใช้รูปแบบเคลื่อนทัพมังกรพเนจร เพื่อหลบการโจมตีของอู่หยุนจี๋ จากนั้นเขาใช้ท่องเมฆาทะยานพุ่งเข้าหาจุดบนสุดของกำแพงโดมบนท้องฟ้าอีกครั้ง

“ราชสีห์คำราม! มังกรคำราม!”

“เปลวเพลิงกิเลนเทวะ!”

“อัศนีทลายสวรรค์!”

อู่หยุนจี๋ไม่มีทางจัดการกับสัตว์ประหลาดได้เลย เขาทำได้เพียงแค่เฝ้าดูเมื่อสัตว์ประหลาดพุ่งขึ้นฟ้าหรือพุ่งใส่กำแพงที่อยู่ด้านล่างบนพื้นดินครั้งแล้วครั้งเล่า การโจมตีอย่างหนักหน่วงเหล่านี้สร้างความเสียหายจำนวนมากให้กับกองทัพศักดิ์สิทธิ์

ในที่สุดเมื่อหลิงฉุยฟงเปิดใช้งานอัศนีทลายสวรรค์อีกครั้ง โดมที่ปิดท้องฟ้าทั้งหมดก็พังทลายลง ขณะนี้กองทัพศักดิ์สิทธิ์ไม่สามารถรักษาการคงอยู่ของ ‘อาณาเขตสวรรค์’ พวกเขาได้อีกต่อไป เนื่องจากกระบวนรบของพวกเขาได้ถูกทำลายไปเรียบร้อยแล้ว

เมื่อมองไปที่ร่างของเหล่าทหารกองทัพศักดิ์สิทธิ์ที่กระอักเลือดไม่หยุด ร่างของหลิงฉุยฟงก็ปรากฏขึ้นจากแผงอกของสัตว์ประหลาด เขามองไปที่อู่หยุนจี๋และหัวเราะอย่างเย็นชา “เจ้าคิดว่าข้าไม่เคยเห็น ‘อาณาเขตสวรรค์’ มาก่อนงั้นเหรอ? เจ้าไม่มีทางรู้ได้หรอกว่า กว่าที่พวกข้าจะแข็งแกร่งได้ขนาดนี้พวกข้าฝึกกันยังไง! และข้าจะบอกอะไรเจ้าให้เอาบุญ ไอ้ ‘อาณาเขตสวรรค์’ บ้าบออะไรนี่พวกข้าก็ใช้มันได้เหมือนกันนั่นแหละ แต่พวกข้าไม่มาเสียเวลากับการใช้ทักษะโง่ ๆ นี่ ที่ดีแต่เอาไว้ใช้ข่มเหงพวกคนที่มีระดับต่ำกว่าเท่านั้นหรอก ฮ่าฮ่า! เอาล่ะ ตอนนี้พวกเจ้าทุกคนจงยอมจำนนซะ! แต่ถ้าหากพวกเจ้ายังกล้าขัดขืนต่ออีก ข้าจะฆ่าพวกเจ้าให้หมดทันที!”

เมื่อสิ้นคำพูดของหลิงฉุยฟง ร่างของสัตว์ประหลาดก็แยกออกจากกัน และกลับกลายเป็นสัตว์เทวะทั้งห้าเช่นเดิม ซึ่งแต่ละตัวก็ทำหน้าที่แยกกันกระจัดกระจายไปล้อมบรรดากองทัพศักดิ์สิทธิ์ของอู่หยุนจี๋ไม่ให้พวกเขาขัดขืนและหลบหนี

หลิงฉุยฟงที่ออกจากร่างของตัวตุ่นแล้ว เขาได้บินไปหาหลิงเจิ้งสงที่ดูเหนื่อยเล็กน้อยและพูดว่า “ท่านพ่อ ข้าขอฝากให้ท่านช่วยสั่งทหารของท่านที่เหลือดูแลคนกลุ่มนี้แทนข้าที พวกมันทั้งหมดอยู่ในขอบเขตรวมแสงดารา การฆ่าพวกมันทิ้งคงจะน่าเสียดาย ตอนนี้ข้าจะไว้ชีวิตพวกมันก่อนและดูว่าหลานชายของข้าจะมีแผนการใช้ประโยชน์จากพวกมันต่ออีกรึเปล่า”

แววตาของหลิงเจิ้งสง ในตอนนี้กลับกลายเป็นเหี้ยมเกรียมเมื่อเขามองไปยังเหล่าเชลยศึกและพูดด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยกลิ่นอายสังหาร “นี่เจ้าไม่รู้งั้นเหรอว่าเวลาไหนควรจะเมตตาหรือเวลาไหนควรจะโหดเหี้ยม? ฆ่าพวกมันให้หมดเดี๋ยวนี้! จากนั้นตรงไปที่คฤหาสน์สราญรมย์ พวกเขาต้องการพลังของเจ้า”

หลิงเจิ้งสงไม่สนใจว่าทหารของหลิงฉุยฟงทั้ง 750 คนนี้เหนื่อยแค่ไหนและเขาไม่สนใจว่ากองทัพศักดิ์สิทธิ์ที่เหลือมีค่าแค่ไหน ตอนนี้เขาต้องรีบสนับสนุนคฤหาสน์สราญรมย์อย่างรวดเร็วเพราะเขาเข้าใจดีว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่นั่นจะต้องรุนแรงกว่า เพื่อเป้าหมายนี้แม้ว่าเขาจะทำให้ทหารทั้ง 750 คนนี้เหนื่อยจนตายเขาก็ไม่สน

หลิงฉุยฟงยิ้มและพูดว่า “ท่านพ่อ คำสั่งที่ข้าได้รับคือให้ปกป้องคฤหาสน์ของท่าน! ข้าจะไม่ไปไหนโดยไม่มีคำสั่งจากหลานชายของข้า! นอกจากนี้ ข้าคิดว่าตอนนี้ท่านควรบินขึ้นไปให้สูง ๆ และคอยดูภาพที่กำลังจะเกิดขึ้นในคฤหาสน์สราญรมย์ ไม่เช่นนั้นท่านจะต้องเสียใจที่ไม่ได้เห็นภาพอันน่าตื่นตะลึงที่หลายชายของท่านกำลังจะสร้าง”

เมื่อพูดจบ หลิงฉุยฟงจึงบินขึ้นไปบนท้องฟ้าทันทีเพื่อรอดูเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นในคฤหาสน์สราญรมย์จากระยะไกล

สำหรับกองทัพศักดิ์สิทธิ์ ภายใต้การถูกควบคุมของกระบวนรบสัตว์เทวะทั้งห้า หากพวกเขายังคงต้องการที่จะขัดขืนต่อ นั่นก็หมายถึงว่าพวกเขารนหาที่ตายแล้ว

อู่หยุนจี๋มองไปรอบ ๆ ด้วยใบหน้าที่เศร้าหมอง เขานั่งลงและเริ่มโคจรพลังวิญญาณเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ เขารู้ดีว่าความหวังที่จะหลบหนีได้นั่นไม่มีอีกต่อไป ตอนนี้เขาทำได้แค่หวังว่ากองกำลังอื่น ๆ ที่กำลังบุกคฤหาสน์สราญรมย์อยู่จะคว้าชัยชนะมาได้และมาช่วยพวกเขา

แต่เรื่องราวมันจะง่ายอย่างที่เขาฝันไว้จริง ๆ เช่นนั้นเหรอ?

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+