พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) 372 แร่ทองคำศักดิ์สิทธิ์

Now you are reading พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) Chapter 372 แร่ทองคำศักดิ์สิทธิ์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 372 แร่ทองคำศักดิ์สิทธิ์

หลังจากส่งหนิงฮ่าวไปแล้ว เสี่ยวเยว่เฟิงก็พาน้องสาวไปเก็บตัวบ่มเพาะต่อ

ตราบใดที่หลิงตู้ฉิงอยู่ นางก็ไม่ต้องกังวลว่าจะมีคนบุกเข้ามา

และยิ่งไปกว่านั้น ขณะนี้ในเรือนมีผู้คนอาศัยอยู่เป็นจำนวนมากแถมแต่ละคนก็ล้วนแต่เป็นผู้ที่มาจากขุมกำลังที่แข็งแกร่งทั้งนั้น หากมีใครที่หาญกล้าบุกเข้ามาในเรือนในช่วงเวลานี้มันก็เหมือนกับรนหาที่ตายเท่านั้น

แต่ถ้าหากเป็นเรื่องจิปาถะ หยุนจื่อรุ่ยและเปียนเฉียวเฉียวสามารถจัดการเองได้

ในชั่วพริบตาเวลาก็ผ่านไปอีกหลายปี เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ทั้งสองก็เติบโตเป็นหญิงสาวที่งามสง่า

ด้วยผลพวงจากการที่พวกนางได้รับการชี้แนะจากเสี่ยวเยว่เฟิง พวกนางทั้งสองจึงมีรากฐานการบ่มเพาะที่มั่นคงและไม่รีบร้อนที่จะทะลวงผ่านไปยังขอบเขตต่อไป

ดังนั้นหลังจากหลายปีผ่านไป ระดับการบ่มเพาะของพวกนางก็ยังคงอยู่ที่ขอบเขตประสานทะเลปราณระดับ 5

นอกจากการบ่มเพาะแล้วพวกนางยังคอยดูแลความเรียบร้อยและทำความสะอาดบริเวณต่าง ๆ ของเรือน

ปัญหาเดียวคือหลังจากที่เด็กหญิงทั้งสองเติบโตเป็นสาวเต็มตัว พวกนางก็เริ่มมองไปที่หลิงตู้ฉิงและหลิงเทียนหยุนมากขึ้นเรื่อย ๆ

ซึ่งแน่นอนว่าจำนวนครั้งในการมองไปที่หลิงตู้ฉิงนั้นย่อมมากกว่า เนื่องจากหลิงเทียนหยุนใช้เวลาส่วนใหญ่หมดไปกับการเก็บตัวอยู่แต่ในห้องเพื่อฝึกวิชาเจตจำนงแปลงสรรพสิ่ง

ดังนั้นเด็กสาวทั้งสองจึงมักจะไปนั่งที่ด้านข้างของหลิงตู้ฉิง เพื่อดูเขาหลอมโอสถหรือสร้างสมบัติวิเศษต่าง ๆ

ซึ่งแค่ได้ทำเช่นนี้พวกนางก็รู้สึกมีความสุขในหัวใจ

แต่ถึงแม้ว่าพวกนางจะมีความสุข พวกนางก็ยังมีความรู้สึกขัดแย้งในใจว่าทำไมเจ้านายของพวกนางถึงไม่ค่อยจะทำตัวสนใจพวกนางเลย

ในขณะที่เปียนเฉียวเฉียวหลงอยู่ในห้วงความคิด ก็มีเสียงหนึ่งปลุกให้นางตื่นขึ้นจากห้วงความคิดของนาง

“เฉียวเอ๋อ เจ้านายของเจ้าอยู่ที่ไหน?” สีเป่ยเซียะถามขึ้น

“องค์หญิง นายท่านอยู่ในสวนด้านหลัง!” เปียนเฉียวเฉียวรีบตอบกลับ

“ไปรายงานกับเจ้านายของเจ้าให้ข้าที ว่าข้ามีเรื่องจะปรึกษากับเขา” สีเป่ยเซียะพูดขึ้นพลางส่งยิ้มให้นาง

เมื่อได้ยินเช่นนี้ดวงตาของเปียนเฉียวเฉียวสว่างขึ้น จากนั้นนางยืนขึ้นอย่างเร่งรีบและพูดว่า “องค์หญิงโปรดรอสักครู่ ข้าจะไปรายงานให้นายท่านทราบเดี๋ยวนี้”

นางมีข้ออ้างที่จะได้เข้าไปเห็นหลิงตู้ฉิงอีกครั้งแล้ว

หลังจากเข้าไปในสวนด้านหลัง เมื่อเห็นว่าหลิงตู้ฉิงกำลังยุ่งอยู่กับการหลอมโอสถ นางจึงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“นายท่าน องค์หญิงมีเรื่องจะคุยกับท่าน ท่านต้องการเชิญนางเข้ามาหรือไม่?”

หลิงตู้ฉิงพยักหน้าและพูดว่า “ให้นางเข้ามา”

เปียนเฉียวเฉียววิ่งออกไปและพาสีเป่ยเซียะเข้ามาในสวน

สีเป่ยเซียะไม่แปลกใจที่เห็นหลิงตู้ฉิงกำลังหลอมโอสถ นางถามว่า “เจ้ากำลังหลอมโอสถชนิดใด?”

หลิงตู้ฉิงพูดอย่างไม่เป็นทางการว่า “ข้ากำลังหลอม โอสถเพลิงหยวน”

สีเป่ยเซียะถามไปอย่างนั้น แต่นางไม่ได้คาดหวังว่าหลิงตู้ฉิงจะตอบจริง ๆ

นางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งเกี่ยวกับชื่อของโอสถที่หลิงตู้กล่าวมาและเมื่อนางเองก็ไม่รู้ว่าโอสถเพลิงหยวนมีไว้เพื่ออะไร นางจึงไม่ได้สนใจมันอีก นางจึงพูดขึ้นต่อว่า “ข้าตัดสินใจแล้วว่าข้าเห็นด้วยกับข้อตกลงที่ท่านเคยเอ่ยมาก่อนหน้านี้”

ดวงตาของหลิงตู้ฉิงสว่างขึ้นทันที เขาเงยหน้าขึ้นมองสีเป่ยเซียะและถามว่า “ตอนนี้เจ้าได้นำ แร่ทองคำศักดิ์สิทธิ์ ติดตัวมาด้วยรึเปล่า?”

สีเป่ยเซียะพยักหน้าและหยิบวัตถุชิ้นหนึ่งที่มีขนาดเท่าเล็บมือออกมา ซึ่งมีแสงหลากสีอันงดงามเปล่งประกายออกมา

หลิงตู้ฉิงมองไปที่มันและพยักหน้าอย่างมีความสุข “คุณภาพดีมาก ข้าจะให้ผลึกวิญญาณเพิ่มแก่เจ้าตามจำนวนที่ข้าเคยตกลงกับเจ้าไป!”

“ขอบคุณ!” สีเป่ยเซียะหัวเราะ

การได้รับผลึกวิญญาณเป็นสิ่งที่ดีอย่างยิ่ง

“จากที่ข้าสังเกต เจ้ากำลังจะทะลวงไปยังระดับรู้แจ้งใช่รึเปล่า?” หลิงตู้ฉิงมองประเมินสีเป่ยเซียะและพูดขึ้น

สีเป่ยเซียะตอบอย่างตรงไปตรงมาว่า “ใช่แล้ว ด้วยผลึกวิญญาณจำนวนมาก จิตวิญญาณของข้าก็พัฒนาขึ้นไปอีกระดับ ตอนนี้ข้าจึงกำลังเตรียมการที่จะทะลวงไปยังระดับรู้แจ้ง”

นางไม่สงสัยอีกต่อไปว่า หลิงตู้ฉิงสามารถมองทะลุระดับการบ่มเพาะของนางได้อย่างไร เพราะตอนนี้นางค่อนข้างมั่นใจว่าหลิงตู้ฉิงต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญที่กลับมาเกิดใหม่แน่นอน

โดยเฉพาะอย่างยิ่งความจริงที่ว่าเขาสามารถใช้สุดยอดวิชากระบี่ เช่น วิชาดาราโลหิตประสานกระบี่ ที่มาของเขาจะต้องไม่ธรรมดาแน่นอน

“เจ้าคงจะไม่มีปัญหาอะไรในการทะลวงไปยังระดับรู้แจ้ง” หลิงตู้ฉิงประเมิน “อย่างไรก็ตามความเข้าใจของเจ้าที่มีต่อกฎในระดับนักบุญนั้นยังไม่ละเอียดถี่ถ้วนนัก และไม่เพียงแค่เท่านั้นเจ้ายังไม่เข้าใจวิชาลับของสำนักเจ้าที่มีผลต่อสายเลือดของเจ้าอย่างถ่องแท้ ซึ่งมันอาจส่งผลต่อการพัฒนาในอนาคตของเจ้า”

สีเป่ยเซียะพูดด้วยรอยยิ้มที่บูดเบี้ยว “ฟังท่านพูด เหมือนว่าท่านจะรู้วิธีฝึกของสำนักเบญจธาตุเป็นอย่างดีเลยสินะ?”

“ที่ข้ารู้มันก็แค่เรื่องสองเรื่องเท่านั้นน่ะ” หลิงตู้ฉิงพูด

“ข้าอยากรู้จริง ๆ ว่าท่านเรียนรู้วิชาของสำนักเบญจธาตุของเรามาจากไหน? หรือว่าท่านจะเคยเป็นผู้อาวุโสของสำนักเราในอดีต?” สีเป่ยเซียะมองไปที่หลิงตู้ฉิงด้วยแววตาสงสัย

หลิงตู้ฉิงหยุดคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนที่จะพูดว่า “เจ้าไม่อยากรู้หรอกว่าข้ารู้ได้อย่างไร”

เนื่องจากตอนนี้พวกเขามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน หากหลิงตู้ฉิงเอ่ยออกมาว่าเขาเคยสังหารบรรพบุรุษของนางเพื่อชิงวิชามา ความสัมพันธ์ของพวกเขาคงจะได้กลายเป็นศัตรูต่อกันทันที

ถึงแม้ว่าเรื่องราวมันจะผ่านมานานมากแล้ว แต่เวลามันก็ไม่สามารถช่วยให้ความขุ่นเคืองลดลงได้หากนางรู้เรื่องเข้า

ดังนั้นแม้ว่าเขาจะพูดถึงวิชาเหล่านี้ เขาก็ไม่ได้บอกที่มาของมัน

ตราบใดที่เขาไม่พูดอะไรก็ไม่มีใครรู้ว่าเขาได้รับวิชาเหล่านี้มาได้อย่างไร

“แล้วเจ้าบอกได้ไหมว่าข้ายังมีข้อบกพร่องที่ตรงไหน?” สีเป่ยเซียะถามขึ้นด้วยสีหน้าสงสัย

หลิงตู้ฉิงมองไปที่สีเป่ยเซียะและพูดว่า “ระดับการบ่มเพาะของข้ายังไม่สูงพอ ข้าจึงยังไม่สามารถแสดงให้เจ้าเห็นได้ และอีกอย่างพวกเราสองคนเป็นเพียงแค่คู่ค้ากัน ดังนั้นข้าจะไม่แสดงมันให้เจ้าเห็นเห็นเปล่า ๆ หรอกนะ”

“ขี้เหนียว!” สีเป่ยเซียะอดไม่ได้ที่จะโต้กลับ

หลังจากหยุดอยู่ครู่หนึ่ง นางก็ถามขึ้นด้วยสีหน้ามีความหวัง “จากที่ท่านพูด ถ้าข้าจ่ายราคาให้อย่างเหมาะสมและท่านเองก็มีความสามารถเพียงพอ ท่านจะแสดงให้ข้าดูได้ใช่ไหม?”

“ใช่!” หลิงตู้ฉิงตอบอย่างตรงไปตรงมา

สีเป่ยเซียะยืดหลังของนางทันทีและโบกมือ “ถ้าอย่างนั้นบอกข้ามาว่าราคาเท่าไหร่ที่ข้าต้องจ่ายเพื่อที่ท่านจะยอมแสดงมันให้ข้าเห็น ส่วนเรื่องความสามารถข้าคิดว่าคนอย่างท่านที่สามารถใช้วิชาดาราโลหิตประสานกระบี่ได้นั้นจะต้องมีวิธีการที่จะแสดงมันให้ข้าดูได้อยู่แล้ว ถูกต้องไหม?”

หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดว่า “ถ้าเจ้าตกลงที่จะทำสัญญากับข้าและยอมรับเงื่อนไขของข้าอีกข้อหนึ่ง ข้าสามารถแสดงให้เจ้าเห็นได้แน่นอน แต่ถ้าเจ้าเต็มใจที่จะเป็นภรรยาของข้า ปัญหาของเจ้าข้าจะแก้มันให้โดยที่เจ้าไม่จำเป็นต้องทำข้อตกลงอะไรกับข้าเลย”

เขาจำได้ว่าก่อนหน้านี้หญิงสาวในยันต์สั่งสวรรค์ ขอให้เขาหาผู้หญิงเพิ่ม แม้ว่านี่จะเป็นสิ่งที่เขาค่อนข้างรำคาญ แต่เขาก็ยังต้องพยายามยอมรับมันให้ได้

สีเป่ยเซียะตะคอก “เจ้ามีภรรยาอยู่แล้วตั้งหลายคนแล้วนี่ เจ้ายังจะมาคิดอกุศลกับข้าอีกงั้นเหรอ? ข้าไม่ใช่หญิงชาวบ้านธรรมดาที่จะตกหลุมรักใครง่าย ๆ หรอกนะ!”

หลิงตู้ฉิงพูดขึ้นด้วยสีหน้าครุ่นคิด “นี่เจ้าหมายถึงว่าเจ้าจะไม่มีวันมีความปรารถนาในแบบหญิงและชายเลยงั้นเหรอ?”

สีเป่ยเซียะที่ได้ยินเช่นนี้กลับรู้สึกโมโหเป็นอย่างมาก ไอ้คนบ้านี่กำลังล้อนางเล่นอยู่งั้นเหรอ?

ไอ้คนหน้าไม่อายคนนี้สามารถพูดเช่นนี้กับนางโดยใช่สีหน้าจริงจังขนาดนี้ได้ยังไง?

นางสบถด่าในใจอยู่หลายครั้งก่อนที่จะพูดว่า “ช่างมัน! ข้าไม่อยากจะรู้อะไรอีกต่อไปแล้ว ข้าขอตัว!”

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) 372 แร่ทองคำศักดิ์สิทธิ์

Now you are reading พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) Chapter 372 แร่ทองคำศักดิ์สิทธิ์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 372 แร่ทองคำศักดิ์สิทธิ์

หลังจากส่งหนิงฮ่าวไปแล้ว เสี่ยวเยว่เฟิงก็พาน้องสาวไปเก็บตัวบ่มเพาะต่อ

ตราบใดที่หลิงตู้ฉิงอยู่ นางก็ไม่ต้องกังวลว่าจะมีคนบุกเข้ามา

และยิ่งไปกว่านั้น ขณะนี้ในเรือนมีผู้คนอาศัยอยู่เป็นจำนวนมากแถมแต่ละคนก็ล้วนแต่เป็นผู้ที่มาจากขุมกำลังที่แข็งแกร่งทั้งนั้น หากมีใครที่หาญกล้าบุกเข้ามาในเรือนในช่วงเวลานี้มันก็เหมือนกับรนหาที่ตายเท่านั้น

แต่ถ้าหากเป็นเรื่องจิปาถะ หยุนจื่อรุ่ยและเปียนเฉียวเฉียวสามารถจัดการเองได้

ในชั่วพริบตาเวลาก็ผ่านไปอีกหลายปี เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ทั้งสองก็เติบโตเป็นหญิงสาวที่งามสง่า

ด้วยผลพวงจากการที่พวกนางได้รับการชี้แนะจากเสี่ยวเยว่เฟิง พวกนางทั้งสองจึงมีรากฐานการบ่มเพาะที่มั่นคงและไม่รีบร้อนที่จะทะลวงผ่านไปยังขอบเขตต่อไป

ดังนั้นหลังจากหลายปีผ่านไป ระดับการบ่มเพาะของพวกนางก็ยังคงอยู่ที่ขอบเขตประสานทะเลปราณระดับ 5

นอกจากการบ่มเพาะแล้วพวกนางยังคอยดูแลความเรียบร้อยและทำความสะอาดบริเวณต่าง ๆ ของเรือน

ปัญหาเดียวคือหลังจากที่เด็กหญิงทั้งสองเติบโตเป็นสาวเต็มตัว พวกนางก็เริ่มมองไปที่หลิงตู้ฉิงและหลิงเทียนหยุนมากขึ้นเรื่อย ๆ

ซึ่งแน่นอนว่าจำนวนครั้งในการมองไปที่หลิงตู้ฉิงนั้นย่อมมากกว่า เนื่องจากหลิงเทียนหยุนใช้เวลาส่วนใหญ่หมดไปกับการเก็บตัวอยู่แต่ในห้องเพื่อฝึกวิชาเจตจำนงแปลงสรรพสิ่ง

ดังนั้นเด็กสาวทั้งสองจึงมักจะไปนั่งที่ด้านข้างของหลิงตู้ฉิง เพื่อดูเขาหลอมโอสถหรือสร้างสมบัติวิเศษต่าง ๆ

ซึ่งแค่ได้ทำเช่นนี้พวกนางก็รู้สึกมีความสุขในหัวใจ

แต่ถึงแม้ว่าพวกนางจะมีความสุข พวกนางก็ยังมีความรู้สึกขัดแย้งในใจว่าทำไมเจ้านายของพวกนางถึงไม่ค่อยจะทำตัวสนใจพวกนางเลย

ในขณะที่เปียนเฉียวเฉียวหลงอยู่ในห้วงความคิด ก็มีเสียงหนึ่งปลุกให้นางตื่นขึ้นจากห้วงความคิดของนาง

“เฉียวเอ๋อ เจ้านายของเจ้าอยู่ที่ไหน?” สีเป่ยเซียะถามขึ้น

“องค์หญิง นายท่านอยู่ในสวนด้านหลัง!” เปียนเฉียวเฉียวรีบตอบกลับ

“ไปรายงานกับเจ้านายของเจ้าให้ข้าที ว่าข้ามีเรื่องจะปรึกษากับเขา” สีเป่ยเซียะพูดขึ้นพลางส่งยิ้มให้นาง

เมื่อได้ยินเช่นนี้ดวงตาของเปียนเฉียวเฉียวสว่างขึ้น จากนั้นนางยืนขึ้นอย่างเร่งรีบและพูดว่า “องค์หญิงโปรดรอสักครู่ ข้าจะไปรายงานให้นายท่านทราบเดี๋ยวนี้”

นางมีข้ออ้างที่จะได้เข้าไปเห็นหลิงตู้ฉิงอีกครั้งแล้ว

หลังจากเข้าไปในสวนด้านหลัง เมื่อเห็นว่าหลิงตู้ฉิงกำลังยุ่งอยู่กับการหลอมโอสถ นางจึงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“นายท่าน องค์หญิงมีเรื่องจะคุยกับท่าน ท่านต้องการเชิญนางเข้ามาหรือไม่?”

หลิงตู้ฉิงพยักหน้าและพูดว่า “ให้นางเข้ามา”

เปียนเฉียวเฉียววิ่งออกไปและพาสีเป่ยเซียะเข้ามาในสวน

สีเป่ยเซียะไม่แปลกใจที่เห็นหลิงตู้ฉิงกำลังหลอมโอสถ นางถามว่า “เจ้ากำลังหลอมโอสถชนิดใด?”

หลิงตู้ฉิงพูดอย่างไม่เป็นทางการว่า “ข้ากำลังหลอม โอสถเพลิงหยวน”

สีเป่ยเซียะถามไปอย่างนั้น แต่นางไม่ได้คาดหวังว่าหลิงตู้ฉิงจะตอบจริง ๆ

นางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งเกี่ยวกับชื่อของโอสถที่หลิงตู้กล่าวมาและเมื่อนางเองก็ไม่รู้ว่าโอสถเพลิงหยวนมีไว้เพื่ออะไร นางจึงไม่ได้สนใจมันอีก นางจึงพูดขึ้นต่อว่า “ข้าตัดสินใจแล้วว่าข้าเห็นด้วยกับข้อตกลงที่ท่านเคยเอ่ยมาก่อนหน้านี้”

ดวงตาของหลิงตู้ฉิงสว่างขึ้นทันที เขาเงยหน้าขึ้นมองสีเป่ยเซียะและถามว่า “ตอนนี้เจ้าได้นำ แร่ทองคำศักดิ์สิทธิ์ ติดตัวมาด้วยรึเปล่า?”

สีเป่ยเซียะพยักหน้าและหยิบวัตถุชิ้นหนึ่งที่มีขนาดเท่าเล็บมือออกมา ซึ่งมีแสงหลากสีอันงดงามเปล่งประกายออกมา

หลิงตู้ฉิงมองไปที่มันและพยักหน้าอย่างมีความสุข “คุณภาพดีมาก ข้าจะให้ผลึกวิญญาณเพิ่มแก่เจ้าตามจำนวนที่ข้าเคยตกลงกับเจ้าไป!”

“ขอบคุณ!” สีเป่ยเซียะหัวเราะ

การได้รับผลึกวิญญาณเป็นสิ่งที่ดีอย่างยิ่ง

“จากที่ข้าสังเกต เจ้ากำลังจะทะลวงไปยังระดับรู้แจ้งใช่รึเปล่า?” หลิงตู้ฉิงมองประเมินสีเป่ยเซียะและพูดขึ้น

สีเป่ยเซียะตอบอย่างตรงไปตรงมาว่า “ใช่แล้ว ด้วยผลึกวิญญาณจำนวนมาก จิตวิญญาณของข้าก็พัฒนาขึ้นไปอีกระดับ ตอนนี้ข้าจึงกำลังเตรียมการที่จะทะลวงไปยังระดับรู้แจ้ง”

นางไม่สงสัยอีกต่อไปว่า หลิงตู้ฉิงสามารถมองทะลุระดับการบ่มเพาะของนางได้อย่างไร เพราะตอนนี้นางค่อนข้างมั่นใจว่าหลิงตู้ฉิงต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญที่กลับมาเกิดใหม่แน่นอน

โดยเฉพาะอย่างยิ่งความจริงที่ว่าเขาสามารถใช้สุดยอดวิชากระบี่ เช่น วิชาดาราโลหิตประสานกระบี่ ที่มาของเขาจะต้องไม่ธรรมดาแน่นอน

“เจ้าคงจะไม่มีปัญหาอะไรในการทะลวงไปยังระดับรู้แจ้ง” หลิงตู้ฉิงประเมิน “อย่างไรก็ตามความเข้าใจของเจ้าที่มีต่อกฎในระดับนักบุญนั้นยังไม่ละเอียดถี่ถ้วนนัก และไม่เพียงแค่เท่านั้นเจ้ายังไม่เข้าใจวิชาลับของสำนักเจ้าที่มีผลต่อสายเลือดของเจ้าอย่างถ่องแท้ ซึ่งมันอาจส่งผลต่อการพัฒนาในอนาคตของเจ้า”

สีเป่ยเซียะพูดด้วยรอยยิ้มที่บูดเบี้ยว “ฟังท่านพูด เหมือนว่าท่านจะรู้วิธีฝึกของสำนักเบญจธาตุเป็นอย่างดีเลยสินะ?”

“ที่ข้ารู้มันก็แค่เรื่องสองเรื่องเท่านั้นน่ะ” หลิงตู้ฉิงพูด

“ข้าอยากรู้จริง ๆ ว่าท่านเรียนรู้วิชาของสำนักเบญจธาตุของเรามาจากไหน? หรือว่าท่านจะเคยเป็นผู้อาวุโสของสำนักเราในอดีต?” สีเป่ยเซียะมองไปที่หลิงตู้ฉิงด้วยแววตาสงสัย

หลิงตู้ฉิงหยุดคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนที่จะพูดว่า “เจ้าไม่อยากรู้หรอกว่าข้ารู้ได้อย่างไร”

เนื่องจากตอนนี้พวกเขามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน หากหลิงตู้ฉิงเอ่ยออกมาว่าเขาเคยสังหารบรรพบุรุษของนางเพื่อชิงวิชามา ความสัมพันธ์ของพวกเขาคงจะได้กลายเป็นศัตรูต่อกันทันที

ถึงแม้ว่าเรื่องราวมันจะผ่านมานานมากแล้ว แต่เวลามันก็ไม่สามารถช่วยให้ความขุ่นเคืองลดลงได้หากนางรู้เรื่องเข้า

ดังนั้นแม้ว่าเขาจะพูดถึงวิชาเหล่านี้ เขาก็ไม่ได้บอกที่มาของมัน

ตราบใดที่เขาไม่พูดอะไรก็ไม่มีใครรู้ว่าเขาได้รับวิชาเหล่านี้มาได้อย่างไร

“แล้วเจ้าบอกได้ไหมว่าข้ายังมีข้อบกพร่องที่ตรงไหน?” สีเป่ยเซียะถามขึ้นด้วยสีหน้าสงสัย

หลิงตู้ฉิงมองไปที่สีเป่ยเซียะและพูดว่า “ระดับการบ่มเพาะของข้ายังไม่สูงพอ ข้าจึงยังไม่สามารถแสดงให้เจ้าเห็นได้ และอีกอย่างพวกเราสองคนเป็นเพียงแค่คู่ค้ากัน ดังนั้นข้าจะไม่แสดงมันให้เจ้าเห็นเห็นเปล่า ๆ หรอกนะ”

“ขี้เหนียว!” สีเป่ยเซียะอดไม่ได้ที่จะโต้กลับ

หลังจากหยุดอยู่ครู่หนึ่ง นางก็ถามขึ้นด้วยสีหน้ามีความหวัง “จากที่ท่านพูด ถ้าข้าจ่ายราคาให้อย่างเหมาะสมและท่านเองก็มีความสามารถเพียงพอ ท่านจะแสดงให้ข้าดูได้ใช่ไหม?”

“ใช่!” หลิงตู้ฉิงตอบอย่างตรงไปตรงมา

สีเป่ยเซียะยืดหลังของนางทันทีและโบกมือ “ถ้าอย่างนั้นบอกข้ามาว่าราคาเท่าไหร่ที่ข้าต้องจ่ายเพื่อที่ท่านจะยอมแสดงมันให้ข้าเห็น ส่วนเรื่องความสามารถข้าคิดว่าคนอย่างท่านที่สามารถใช้วิชาดาราโลหิตประสานกระบี่ได้นั้นจะต้องมีวิธีการที่จะแสดงมันให้ข้าดูได้อยู่แล้ว ถูกต้องไหม?”

หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดว่า “ถ้าเจ้าตกลงที่จะทำสัญญากับข้าและยอมรับเงื่อนไขของข้าอีกข้อหนึ่ง ข้าสามารถแสดงให้เจ้าเห็นได้แน่นอน แต่ถ้าเจ้าเต็มใจที่จะเป็นภรรยาของข้า ปัญหาของเจ้าข้าจะแก้มันให้โดยที่เจ้าไม่จำเป็นต้องทำข้อตกลงอะไรกับข้าเลย”

เขาจำได้ว่าก่อนหน้านี้หญิงสาวในยันต์สั่งสวรรค์ ขอให้เขาหาผู้หญิงเพิ่ม แม้ว่านี่จะเป็นสิ่งที่เขาค่อนข้างรำคาญ แต่เขาก็ยังต้องพยายามยอมรับมันให้ได้

สีเป่ยเซียะตะคอก “เจ้ามีภรรยาอยู่แล้วตั้งหลายคนแล้วนี่ เจ้ายังจะมาคิดอกุศลกับข้าอีกงั้นเหรอ? ข้าไม่ใช่หญิงชาวบ้านธรรมดาที่จะตกหลุมรักใครง่าย ๆ หรอกนะ!”

หลิงตู้ฉิงพูดขึ้นด้วยสีหน้าครุ่นคิด “นี่เจ้าหมายถึงว่าเจ้าจะไม่มีวันมีความปรารถนาในแบบหญิงและชายเลยงั้นเหรอ?”

สีเป่ยเซียะที่ได้ยินเช่นนี้กลับรู้สึกโมโหเป็นอย่างมาก ไอ้คนบ้านี่กำลังล้อนางเล่นอยู่งั้นเหรอ?

ไอ้คนหน้าไม่อายคนนี้สามารถพูดเช่นนี้กับนางโดยใช่สีหน้าจริงจังขนาดนี้ได้ยังไง?

นางสบถด่าในใจอยู่หลายครั้งก่อนที่จะพูดว่า “ช่างมัน! ข้าไม่อยากจะรู้อะไรอีกต่อไปแล้ว ข้าขอตัว!”

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+