พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) 517 เบาะแสอันน้อยนิด

Now you are reading พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) Chapter 517 เบาะแสอันน้อยนิด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 517 เบาะแสอันน้อยนิด

เมื่อได้ยินเรื่องเล่าที่อันหยวนตู่เล่ามาทั้งหมด หลิงตู้ฉิงก็รู้สึกเศร้าอยู่ลึก ๆ ในใจ

ทาสกระบี่ในตอนนั้นน่าจะตายแล้วแน่นอน ส่วนกระบี่ที่ปล่อยออกมานั้นน่าจะเป็นเจตจำนงที่ทาสกระบี่เหลือเอาไว้ก่อนตาย

ถึงแม้ว่าทาสกระบี่จะตายไปแล้ว แต่เขาก็ยังคงไร้เทียมทาน!

ช่างน่าเสียดายจริง ๆ …

“ได้ยินเรื่องราวของผู้อาวุโสเทพกระบี่เช่นนี้ มันทำให้ข้ารู้สึกอดอยากจะดื่มไม่ได้จริง ๆ ผู้อาวุโสจะว่าอะไรหากข้าขอท่านดื่มสักจอก?” หลงเฉินที่ยืนอยู่ด้านหลังหลิงตู้ฉิงเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าชื่นชมในความเก่งกล้าของเทพกระบี่

อันหยวนตู่เหลือบมองไปทางหลงเฉิน และพูดว่า “เจ้านี่มันใจกล้าจริง ๆ ได้! ในเมื่อเจ้าอยากดื่มข้าก็จะให้ดื่ม!”

เมื่อพูดจบ อันหยวนตู่ส่งสัญญาณสาวใช้ที่อยู่ข้างเขารินเหล้าใส่จอกให้กับหลงเฉิน

หลงเฉินรับจอกสุรามา จากนั้นเขาดื่มมันจนหมด แต่เมื่อเขาดื่มเสร็จเขาเรอออกมาคำหนึ่งพร้อมกับค่อย ๆ ไหลตัวลงนั่งบนเก้าอี้และหลับไปในทันที

“มังกรน้อยเอ้ย…จอกเดียวก็หลับซะแล้ว เจ้านี่มันน่าเบื่อจริง ๆ” อันหยวนตู่เอ่ยขึ้นพลางมองไปที่คนอื่น ๆ และเอ่ยขึ้นว่า “มีใครในพวกเจ้าอยากจะลองบ้างไหม?”

เมื่อทุกคนได้เห็นสภาพของหลงเฉินเช่นนี้ ใครมันจะกล้าลองอีก? แม้แต่เย่หยูหลันยังเลือกที่จะปฏิเสธ

“แล้วท่านล่ะ อยากจะลองสักจอกไหม?” อันหยวนตู่เอ่ยไปทางหลิงตู้ฉิง

“ไม่จำเป็น เจ้าเล่าเรื่องของเทพกระบี่ต่อดีกว่า” หลิงตู้ฉิงผายมือเป็นสัญญาณให้อันหยวนตู่เล่าต่อ

สุราของหมู่บ้านลูกท้อนั้นไม่ได้มีรสชาติที่เลิศรสอะไรมากมาย และด้วยระดับการบ่มเพาะของเขาในตอนนี้ หากเขาดื่มมันเข้าไปเขาก็ไม่สามารถซึมซับประโยชน์ของมันได้อย่างเต็มที่

“เฮ้อ ท่านนี่มันช่างไม่มีอารมณ์สุนทรีย์บ้างเลยจริง ๆ” อันหยวนตู่รินเหล้าพลางพูดต่อ “หลังจากที่เทพกระบี่สังหารศัตรูของเขาลงไปหมดแล้ว จากนั้นเขาก็ทำการสลักอักษรลงบนหน้าผาและเขาก็ใช้เจตจำนงกระบี่เจาะยอดผาสร้างสุสานของตนเองขึ้น และเมื่อสุสานถูกสร้างเรียบร้อย ร่างของเขาก็เดินหายเข้าไปด้านในสุสานและไม่กลับออกมาอีกเลย เหลือทิ้งไว้แต่สถานที่ที่เรียกว่าสุสานกระบี่ ซึ่งท่านคงเห็นสุสานกระบี่แล้วใช่ไหม? แล้วต่อมาหลังจากที่เทพกระบี่ได้หายเข้าไปในสุสานของตนเองราวร้อยปี ตระกูลหลินก็ปรากฏขึ้นและกล่าวว่าพวกเขาคือลูกหลานที่แท้จริงของเทพกระบี่ ซึ่งนั่นก็คือครั้งแรกที่ลูกหลานของเทพกระบี่ได้ปรากฎตัวขึ้น”

หลิงตู้ฉิงพยักหน้าเล็กน้อย ในตอนที่เขาเห็นกระบี่คมสวรรค์ เขาก็เดาได้ทันทีว่าตระกูลหลินนั้นถูกบงการโดยทาสกระบี่

แต่ปัญหาก็คือเขาวางแผนทั้งหมดนี้ไว้เพื่ออะไร?

“แน่นอนว่าเมื่อลูกหลานของเทพกระบี่ปรากฏกาย เหล่าศัตรูของเทพกระบี่ที่ต้องการชำระแค้นก็ต้องปรากฎขึ้นเช่นกัน” อันหยวนตู่เล่าต่อ “ซึ่งในเวลานั้นทุกคนก็ได้เห็นการปรากฎของกระบี่คมสวรรค์ ซึ่งตระกูลหลินได้นำมันออกมาใช้สังหารเหล่าศัตรูที่มารุกรานตระกูลของพวกเขาไปมากมาย จากนั้นสถานการณ์จึงกลายเป็นว่าลูกหลานที่แท้จริงของเทพกระบี่ก็ได้ถูกยืนยันไปโดยปริยายทันที เพราะกระบี่คมสวรรค์ก็คือกระบี่ที่เคยเป็นกระบี่ประจำกายของเทพกระบี่ในอดีต หากไม่ใช่ลูกหลานที่แท้จริงตระกูลหลินก็คงไม่มีวันมีมันได้และต่อให้กระบี่คมสวรรค์จะไม่ได้ไร้เทียมทานอะไรมากถึงขนาดต่อกรกับคนได้หมดทั้งโลก แต่ด้วยการดำรงอยู่ของสุสานกระบี่มันจึงทำให้ไม่มีผู้เชี่ยวชาญที่ระดับสูงพอที่จะปราบกระบี่คมสวรรค์คนไหนกล้าที่จะเข้ามาในอาณาเขตสุสานกระบี่ ดังนั้นตระกูลหลินจึงอยู่รอดได้ด้วยดีมาจนถึงทุกวันนี้”

“และหลังจากนั้นไปอีก 100 ปีก็มีผู้หญิงคนหนึ่งที่เดินหอบลูกของนางมานั่งร้องห่มร้องไห้อยู่หน้าสุสานกระบี่ ซึ่งเด็กชายคนนั้นก็คือบรรพบุรุษของตระกูลเย่ในตอนนี้ ซึ่งมันก็กลายเป็นว่าตระกูลที่สองที่กล่าวว่าตนเองเป็นลูกหลานของเทพกระบี่ได้ปรากฎตัวขึ้น”

“ตระกูลกู๋คือตระกูลที่สามที่ปรากฏขึ้น ตระกูลกู๋นั้นปรากฏตัวออกมาช้าหน่อย มันน่าจะราว ๆ ประมาณ 3,000 ปี หลังจากที่เทพกระบี่ตายลง”

“แต่ถึงแม้ทั้งสามตระกูลนี้จะกล่าวว่าพวกเขาคือลูกหลานของเทพกระบี่ แต่พวกเขาทั้งสามตระกูลกลับไม่รู้จักกัน แถมยังไม่พยายามที่จะเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างกันอีกต่างหาก”

“หลังจากนั้นผ่านไปอีก 2,000 ปี หลังจากที่ทั้งสามตระกูลที่กล่าวว่าตัวเองเป็นลูกหลานของเทพกระบี่ปรากฎขึ้น ชื่อเสียงของสุสานกระบี่ก็เริ่มโด่งดังไปไกลส่งผลให้มีผู้คนมากมายจากทั่วทุกสารทิศต่างพากันเข้ามาแวะเวียนที่สุสานกระบี่เพื่อศึกษาเจตจำนงของเทพกระบี่ที่เหลือทิ้งไว้ หรือมีแม้กระทั่งบางคนที่เข้าไปในสุสานกระบี่เพื่อศึกษาเต๋ากระบี่ของเทพกระบี่ ซึ่งจากนั้นเวลามันก็ได้ผ่านมาเป็นเวลากว่า 27,000 ปีที่อาณาเขตแห่งนี้ถูกเปลี่ยนชื่อเป็นอาณาเขตสุสานกระบี่”

หลิงตู้ฉิงนั่งฟังอันหยวนตู่พลางครุ่นคิดอยู่ในใจ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าสองตระกูลแรกนั้นทำไมถึงต้องถูกมอบหมายมาให้อ้างว่าเป็นลูกหลานของเทพกระบี่ แต่ที่เขารู้แน่ ๆ ก็คือตระกูลที่สามนั้นไม่ใช่

และสิ่งที่เขาอยากรู้มากที่สุดอีกอย่างก็คือ สรุปแล้วในเมื่อทั้งสามตระกูลนี้ต่างไม่ใช่ลูกหลานที่แท้จริงของเทพกระบี่ เทพกระบี่นั้นมีลูกหลานที่แท้จริงของตัวเองจริงบ้างหรือเปล่า?

หลังจากดื่มไปอีกหนึ่งจอก อันหยวนตู่ก็พูดต่อ “หลังจากนั้นต่อมาอีก 20,000 ปี มันก็เริ่มมีผู้คนที่อ้างตัวว่าเป็นลูกหลานของเทพกระบี่เพิ่มขึ้นมากเรื่อย ๆ บางตระกูลก็เดินตรงไปที่สุสานกระบี่ทันทีเพื่อขอให้ดวงวิญญาณของเทพกระบี่สอนเต๋ากระบี่ให้กับตนเอง บางตระกูลก็เข้าไปในสุสานกระบี่เพื่อหวังว่าตนเองจะได้พบกับเทพกระบี่ที่พวกเขากล่าวอ้างว่าเป็นบรรพบุรุษของตนเอง แต่น่าเสียดายที่ไม่ว่าจะมีใครร่ำร้องอย่างไร มันก็ไม่มีสัญญาณใด ๆ ตอบสนองออกมาจากสุสานกระบี่แม้เพียงน้อยนิด”

“หากอ้างอิงจากข้อมูลในบันทึกของข้าแล้ว ในตอนนี้มันมีเหล่าตระกูลถูกกล่าวอ้างว่าตนเองเป็นลูกหลานที่แท้จริงของเทพกระบี่อยู่ 173 ตระกูล ซึ่งในบรรดาตระกูลเหล่านี้ทั้งหมดมันก็มีทั้งตระกูลใหญ่ไปยันตระกูลเล็กสุดที่มีสมาชิกในตระกูลแค่เพียงโหลเดียว แต่แน่นอนว่าตระกูลที่โด่งดังที่สุดก็คือสามตระกูลแรกที่กล่าวอ้างขึ้นมาว่าตนเองเป็นลูกหลานที่แท้จริงของเทพกระบี่ ซึ่งอันที่จริงข้าว่าเทพกระบี่ก็คงไม่คิดเหมือนว่าหลังจากที่เขาตายไปแล้ว มันกลับมีคนอ้างว่าเป็นลูกหลานของเขาอยู่ทั่วอาณาเขตสุสานกระบี่เต็มไปหมดแบบนี้”

หลิงตู้ฉิงในตอนนี้รู้สึกปวดหัวเป็นอย่างมาก ตระกูลมากมายอ้างว่าตัวเองเป็นลูกหลานที่แท้จริงของเทพกระบี่แบบนี้ งั้นเขาจะตามหาความจริงได้ง่าย ๆ ได้ยังไง ว่าใครกันที่เป็นของจริงและใครกันที่เป็นของปลอม?

หลิงตู้ฉิงเอ่ยถามขึ้น “ถ้างั้นในบรรดาร้อยเจ็ดสิบกว่าตระกูลนี้ มีตระกูลไหนบ้างที่พอจะเชื่อถือได้? ในฐานะที่ข้าได้รับความไว้วางใจมาจากใครบางคนให้สืบเรื่องนี้ ดังนั้นข้าต้องทำทุกอย่างให้มันถูกต้อง”

อันหยวนตู่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็เอ่ยว่า “ลูกหลานที่แท้จริงของเทพกระบี่นั้นต้องมีอย่างแน่นอน ซึ่งน่าจะซ่อนตัวอยู่ที่ไหนสักแห่งในโลกนี้ ส่วนเหตุผลที่ว่าทำไมถึงมีตระกูลมากมายที่กล่าวอ้างว่าเป็นลูกหลานที่แท้จริงของเทพกระบี่แบบนี้ ข้าคิดว่ามันน่าจะเป็นกลลวงที่เทพกระบี่สร้างขึ้นไว้เพื่อปกป้องลูกลานที่แท้จริงของตนเอง ส่วนใครเป็นลูกหลานที่แท้จริงของเทพกระบี่นั้นมันคงไม่มีใครรู้ มันไม่มีใครรู้ด้วยซ้ำว่าตลอดระยะเวลา 500 ปีที่เทพกระบี่เที่ยวเตร็ดเตร่ไปทั่วอาณาเขตสุสานกระบี่ ในตอนนั้นเขาได้ทำอะไรลงไปบ้าง หรือมีผู้หญิงกี่คนที่เขาได้มีสัมพันธ์ด้วย”

หลิงตู้ฉิงขมวดคิ้วมองไปที่อันหยวนตู่ และเอ่ยว่า “ข้าถามเจ้าว่ามีตระกูลไหนที่พอจะเชื่อถือได้ แต่เจ้ากลับเล่าเรื่องต่อ ในเมื่อเป็นแบบนี้ข้าจะไม่ให้สูตรน้ำค้างหยกแห่งสรวงสวรรค์กับเจ้า!”

“ข้ารู้แล้วล่ะน่า!” อันหยวนตู่พยักหน้า “ข้าก็แค่เปรยแนวคิดเบื้องต้นให้ก่อนแล้วจากนั้นข้าจะบอกข้อสรุปให้ฟังทีหลังไงเล่า! เอาล่ะ ในบรรดา 173 ตระกูลที่กล่าวอ้างมาว่าเป็นลูกหลานที่แท้จริงของเทพกระบี่นั้น ข้าบอกได้เลยว่า 169 ตระกูลนั้นกุเรื่องขึ้นมา”

“ใน 169 ตระกูลเหล่านั้น เพียงแค่กุเรื่องขึ้นมาเพื่อใช้ประโยชน์จากชื่อเสียงของเทพกระบี่ แต่ว่าอีกสี่ตระกูลนั้นน่าสงสัยเป็นอย่างมาก แต่ถึงแม้ว่าพวกเขาจะน่าสงสัยแต่มันก็ยังมีความเป็นไปได้ที่พวกเขาจะเป็นตัวจริงหรือตัวปลอมก็ได้เหมือนกันหมด”

“ถึงแม้ว่าข้าจะไม่รู้ว่าท่านมีวิธีไหนในการพิสูจน์ว่าใครเป็นตัวจริงหรือใครเป็นตัวปลอม แต่จากข้อมูลของข้าก็คือ ข้ามีอยู่ 4 สถานที่ที่ลูกหลานที่แท้จริงของเทพกระบี่น่าจะอาศัยอยู่”

“ที่แรกก็คือทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองผนึกกระบี่ ซึ่งเป็นสถานที่แรกที่เทพกระบี่ได้ไปเยือนเมื่อเขามาถึงที่อาณาเขตสุสานกระบี่ และยังเป็นสถานที่ที่เขาใช้เวลาอยู่อาศัยนานกว่า 60 ปี”

“สถานที่ที่สองก็คือทางทิศเหนือของหุบเขาเร้นกระบี่ ซึ่งสถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่เทพกระบี่อยู่อาศัยนานที่สุดถึง 200 กว่าปีแถมยังเป็นสถานที่ที่เขารับลูกศิษย์มาไว้ด้วยอีกต่างหาก แต่น่าเสียดายที่ลูกศิษย์ของเขาผู้นั้นกลับถูกสังหารและตายลงอย่างน่าเวทนา”

“ส่วนอีกสองที่ก็คือยอดเขาชมจันทราและทางทิศเตะวันตกเฉียงหนือของยอดเขาคมกระบี่ ทั้งสองสถานที่นี้ล้วนแล้วแต่เป็นสถานที่ที่เทพกระบี่อยู่อาศัยเป็นเวลาไม่น้อยเช่นกัน แต่ละแห่งที่เขาอยู่กินเวลาประมาณ 70-80 ปี ซึ่งสถานที่ที่ข้ากล่าวมาทั้งหมดนั้นล้วนแล้วแต่เป็นสถานที่ที่มีความเป็นไปได้มากที่สุดที่เขาจะทิ้งลูกหลานของตนเองไว้ที่นั่น”

“หากท่านต้องการ ข้าสามารถให้ข้อมูลท่านเกี่ยวกับแผนผังการเดินทางของเทพกระบี่ตั้งแต่มาที่อาณาเขตสุสานกระบี่จนเขาไปจบลงที่สุสานกระบี่ได้ ซึ่งข้าคิดว่ามูลค่าของข้อมูลลับนี้มันน่าจะพอที่จะแลกกับสูตรน้ำค้างหยกแห่งสรวงสวรรค์ของท่าน ท่านว่าไหม?”

หลิงตู้ฉิงส่ายหัวทันที “มันยังไม่พอ!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) 517 เบาะแสอันน้อยนิด

Now you are reading พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) Chapter 517 เบาะแสอันน้อยนิด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 517 เบาะแสอันน้อยนิด

เมื่อได้ยินเรื่องเล่าที่อันหยวนตู่เล่ามาทั้งหมด หลิงตู้ฉิงก็รู้สึกเศร้าอยู่ลึก ๆ ในใจ

ทาสกระบี่ในตอนนั้นน่าจะตายแล้วแน่นอน ส่วนกระบี่ที่ปล่อยออกมานั้นน่าจะเป็นเจตจำนงที่ทาสกระบี่เหลือเอาไว้ก่อนตาย

ถึงแม้ว่าทาสกระบี่จะตายไปแล้ว แต่เขาก็ยังคงไร้เทียมทาน!

ช่างน่าเสียดายจริง ๆ …

“ได้ยินเรื่องราวของผู้อาวุโสเทพกระบี่เช่นนี้ มันทำให้ข้ารู้สึกอดอยากจะดื่มไม่ได้จริง ๆ ผู้อาวุโสจะว่าอะไรหากข้าขอท่านดื่มสักจอก?” หลงเฉินที่ยืนอยู่ด้านหลังหลิงตู้ฉิงเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าชื่นชมในความเก่งกล้าของเทพกระบี่

อันหยวนตู่เหลือบมองไปทางหลงเฉิน และพูดว่า “เจ้านี่มันใจกล้าจริง ๆ ได้! ในเมื่อเจ้าอยากดื่มข้าก็จะให้ดื่ม!”

เมื่อพูดจบ อันหยวนตู่ส่งสัญญาณสาวใช้ที่อยู่ข้างเขารินเหล้าใส่จอกให้กับหลงเฉิน

หลงเฉินรับจอกสุรามา จากนั้นเขาดื่มมันจนหมด แต่เมื่อเขาดื่มเสร็จเขาเรอออกมาคำหนึ่งพร้อมกับค่อย ๆ ไหลตัวลงนั่งบนเก้าอี้และหลับไปในทันที

“มังกรน้อยเอ้ย…จอกเดียวก็หลับซะแล้ว เจ้านี่มันน่าเบื่อจริง ๆ” อันหยวนตู่เอ่ยขึ้นพลางมองไปที่คนอื่น ๆ และเอ่ยขึ้นว่า “มีใครในพวกเจ้าอยากจะลองบ้างไหม?”

เมื่อทุกคนได้เห็นสภาพของหลงเฉินเช่นนี้ ใครมันจะกล้าลองอีก? แม้แต่เย่หยูหลันยังเลือกที่จะปฏิเสธ

“แล้วท่านล่ะ อยากจะลองสักจอกไหม?” อันหยวนตู่เอ่ยไปทางหลิงตู้ฉิง

“ไม่จำเป็น เจ้าเล่าเรื่องของเทพกระบี่ต่อดีกว่า” หลิงตู้ฉิงผายมือเป็นสัญญาณให้อันหยวนตู่เล่าต่อ

สุราของหมู่บ้านลูกท้อนั้นไม่ได้มีรสชาติที่เลิศรสอะไรมากมาย และด้วยระดับการบ่มเพาะของเขาในตอนนี้ หากเขาดื่มมันเข้าไปเขาก็ไม่สามารถซึมซับประโยชน์ของมันได้อย่างเต็มที่

“เฮ้อ ท่านนี่มันช่างไม่มีอารมณ์สุนทรีย์บ้างเลยจริง ๆ” อันหยวนตู่รินเหล้าพลางพูดต่อ “หลังจากที่เทพกระบี่สังหารศัตรูของเขาลงไปหมดแล้ว จากนั้นเขาก็ทำการสลักอักษรลงบนหน้าผาและเขาก็ใช้เจตจำนงกระบี่เจาะยอดผาสร้างสุสานของตนเองขึ้น และเมื่อสุสานถูกสร้างเรียบร้อย ร่างของเขาก็เดินหายเข้าไปด้านในสุสานและไม่กลับออกมาอีกเลย เหลือทิ้งไว้แต่สถานที่ที่เรียกว่าสุสานกระบี่ ซึ่งท่านคงเห็นสุสานกระบี่แล้วใช่ไหม? แล้วต่อมาหลังจากที่เทพกระบี่ได้หายเข้าไปในสุสานของตนเองราวร้อยปี ตระกูลหลินก็ปรากฏขึ้นและกล่าวว่าพวกเขาคือลูกหลานที่แท้จริงของเทพกระบี่ ซึ่งนั่นก็คือครั้งแรกที่ลูกหลานของเทพกระบี่ได้ปรากฎตัวขึ้น”

หลิงตู้ฉิงพยักหน้าเล็กน้อย ในตอนที่เขาเห็นกระบี่คมสวรรค์ เขาก็เดาได้ทันทีว่าตระกูลหลินนั้นถูกบงการโดยทาสกระบี่

แต่ปัญหาก็คือเขาวางแผนทั้งหมดนี้ไว้เพื่ออะไร?

“แน่นอนว่าเมื่อลูกหลานของเทพกระบี่ปรากฏกาย เหล่าศัตรูของเทพกระบี่ที่ต้องการชำระแค้นก็ต้องปรากฎขึ้นเช่นกัน” อันหยวนตู่เล่าต่อ “ซึ่งในเวลานั้นทุกคนก็ได้เห็นการปรากฎของกระบี่คมสวรรค์ ซึ่งตระกูลหลินได้นำมันออกมาใช้สังหารเหล่าศัตรูที่มารุกรานตระกูลของพวกเขาไปมากมาย จากนั้นสถานการณ์จึงกลายเป็นว่าลูกหลานที่แท้จริงของเทพกระบี่ก็ได้ถูกยืนยันไปโดยปริยายทันที เพราะกระบี่คมสวรรค์ก็คือกระบี่ที่เคยเป็นกระบี่ประจำกายของเทพกระบี่ในอดีต หากไม่ใช่ลูกหลานที่แท้จริงตระกูลหลินก็คงไม่มีวันมีมันได้และต่อให้กระบี่คมสวรรค์จะไม่ได้ไร้เทียมทานอะไรมากถึงขนาดต่อกรกับคนได้หมดทั้งโลก แต่ด้วยการดำรงอยู่ของสุสานกระบี่มันจึงทำให้ไม่มีผู้เชี่ยวชาญที่ระดับสูงพอที่จะปราบกระบี่คมสวรรค์คนไหนกล้าที่จะเข้ามาในอาณาเขตสุสานกระบี่ ดังนั้นตระกูลหลินจึงอยู่รอดได้ด้วยดีมาจนถึงทุกวันนี้”

“และหลังจากนั้นไปอีก 100 ปีก็มีผู้หญิงคนหนึ่งที่เดินหอบลูกของนางมานั่งร้องห่มร้องไห้อยู่หน้าสุสานกระบี่ ซึ่งเด็กชายคนนั้นก็คือบรรพบุรุษของตระกูลเย่ในตอนนี้ ซึ่งมันก็กลายเป็นว่าตระกูลที่สองที่กล่าวว่าตนเองเป็นลูกหลานของเทพกระบี่ได้ปรากฎตัวขึ้น”

“ตระกูลกู๋คือตระกูลที่สามที่ปรากฏขึ้น ตระกูลกู๋นั้นปรากฏตัวออกมาช้าหน่อย มันน่าจะราว ๆ ประมาณ 3,000 ปี หลังจากที่เทพกระบี่ตายลง”

“แต่ถึงแม้ทั้งสามตระกูลนี้จะกล่าวว่าพวกเขาคือลูกหลานของเทพกระบี่ แต่พวกเขาทั้งสามตระกูลกลับไม่รู้จักกัน แถมยังไม่พยายามที่จะเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างกันอีกต่างหาก”

“หลังจากนั้นผ่านไปอีก 2,000 ปี หลังจากที่ทั้งสามตระกูลที่กล่าวว่าตัวเองเป็นลูกหลานของเทพกระบี่ปรากฎขึ้น ชื่อเสียงของสุสานกระบี่ก็เริ่มโด่งดังไปไกลส่งผลให้มีผู้คนมากมายจากทั่วทุกสารทิศต่างพากันเข้ามาแวะเวียนที่สุสานกระบี่เพื่อศึกษาเจตจำนงของเทพกระบี่ที่เหลือทิ้งไว้ หรือมีแม้กระทั่งบางคนที่เข้าไปในสุสานกระบี่เพื่อศึกษาเต๋ากระบี่ของเทพกระบี่ ซึ่งจากนั้นเวลามันก็ได้ผ่านมาเป็นเวลากว่า 27,000 ปีที่อาณาเขตแห่งนี้ถูกเปลี่ยนชื่อเป็นอาณาเขตสุสานกระบี่”

หลิงตู้ฉิงนั่งฟังอันหยวนตู่พลางครุ่นคิดอยู่ในใจ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าสองตระกูลแรกนั้นทำไมถึงต้องถูกมอบหมายมาให้อ้างว่าเป็นลูกหลานของเทพกระบี่ แต่ที่เขารู้แน่ ๆ ก็คือตระกูลที่สามนั้นไม่ใช่

และสิ่งที่เขาอยากรู้มากที่สุดอีกอย่างก็คือ สรุปแล้วในเมื่อทั้งสามตระกูลนี้ต่างไม่ใช่ลูกหลานที่แท้จริงของเทพกระบี่ เทพกระบี่นั้นมีลูกหลานที่แท้จริงของตัวเองจริงบ้างหรือเปล่า?

หลังจากดื่มไปอีกหนึ่งจอก อันหยวนตู่ก็พูดต่อ “หลังจากนั้นต่อมาอีก 20,000 ปี มันก็เริ่มมีผู้คนที่อ้างตัวว่าเป็นลูกหลานของเทพกระบี่เพิ่มขึ้นมากเรื่อย ๆ บางตระกูลก็เดินตรงไปที่สุสานกระบี่ทันทีเพื่อขอให้ดวงวิญญาณของเทพกระบี่สอนเต๋ากระบี่ให้กับตนเอง บางตระกูลก็เข้าไปในสุสานกระบี่เพื่อหวังว่าตนเองจะได้พบกับเทพกระบี่ที่พวกเขากล่าวอ้างว่าเป็นบรรพบุรุษของตนเอง แต่น่าเสียดายที่ไม่ว่าจะมีใครร่ำร้องอย่างไร มันก็ไม่มีสัญญาณใด ๆ ตอบสนองออกมาจากสุสานกระบี่แม้เพียงน้อยนิด”

“หากอ้างอิงจากข้อมูลในบันทึกของข้าแล้ว ในตอนนี้มันมีเหล่าตระกูลถูกกล่าวอ้างว่าตนเองเป็นลูกหลานที่แท้จริงของเทพกระบี่อยู่ 173 ตระกูล ซึ่งในบรรดาตระกูลเหล่านี้ทั้งหมดมันก็มีทั้งตระกูลใหญ่ไปยันตระกูลเล็กสุดที่มีสมาชิกในตระกูลแค่เพียงโหลเดียว แต่แน่นอนว่าตระกูลที่โด่งดังที่สุดก็คือสามตระกูลแรกที่กล่าวอ้างขึ้นมาว่าตนเองเป็นลูกหลานที่แท้จริงของเทพกระบี่ ซึ่งอันที่จริงข้าว่าเทพกระบี่ก็คงไม่คิดเหมือนว่าหลังจากที่เขาตายไปแล้ว มันกลับมีคนอ้างว่าเป็นลูกหลานของเขาอยู่ทั่วอาณาเขตสุสานกระบี่เต็มไปหมดแบบนี้”

หลิงตู้ฉิงในตอนนี้รู้สึกปวดหัวเป็นอย่างมาก ตระกูลมากมายอ้างว่าตัวเองเป็นลูกหลานที่แท้จริงของเทพกระบี่แบบนี้ งั้นเขาจะตามหาความจริงได้ง่าย ๆ ได้ยังไง ว่าใครกันที่เป็นของจริงและใครกันที่เป็นของปลอม?

หลิงตู้ฉิงเอ่ยถามขึ้น “ถ้างั้นในบรรดาร้อยเจ็ดสิบกว่าตระกูลนี้ มีตระกูลไหนบ้างที่พอจะเชื่อถือได้? ในฐานะที่ข้าได้รับความไว้วางใจมาจากใครบางคนให้สืบเรื่องนี้ ดังนั้นข้าต้องทำทุกอย่างให้มันถูกต้อง”

อันหยวนตู่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็เอ่ยว่า “ลูกหลานที่แท้จริงของเทพกระบี่นั้นต้องมีอย่างแน่นอน ซึ่งน่าจะซ่อนตัวอยู่ที่ไหนสักแห่งในโลกนี้ ส่วนเหตุผลที่ว่าทำไมถึงมีตระกูลมากมายที่กล่าวอ้างว่าเป็นลูกหลานที่แท้จริงของเทพกระบี่แบบนี้ ข้าคิดว่ามันน่าจะเป็นกลลวงที่เทพกระบี่สร้างขึ้นไว้เพื่อปกป้องลูกลานที่แท้จริงของตนเอง ส่วนใครเป็นลูกหลานที่แท้จริงของเทพกระบี่นั้นมันคงไม่มีใครรู้ มันไม่มีใครรู้ด้วยซ้ำว่าตลอดระยะเวลา 500 ปีที่เทพกระบี่เที่ยวเตร็ดเตร่ไปทั่วอาณาเขตสุสานกระบี่ ในตอนนั้นเขาได้ทำอะไรลงไปบ้าง หรือมีผู้หญิงกี่คนที่เขาได้มีสัมพันธ์ด้วย”

หลิงตู้ฉิงขมวดคิ้วมองไปที่อันหยวนตู่ และเอ่ยว่า “ข้าถามเจ้าว่ามีตระกูลไหนที่พอจะเชื่อถือได้ แต่เจ้ากลับเล่าเรื่องต่อ ในเมื่อเป็นแบบนี้ข้าจะไม่ให้สูตรน้ำค้างหยกแห่งสรวงสวรรค์กับเจ้า!”

“ข้ารู้แล้วล่ะน่า!” อันหยวนตู่พยักหน้า “ข้าก็แค่เปรยแนวคิดเบื้องต้นให้ก่อนแล้วจากนั้นข้าจะบอกข้อสรุปให้ฟังทีหลังไงเล่า! เอาล่ะ ในบรรดา 173 ตระกูลที่กล่าวอ้างมาว่าเป็นลูกหลานที่แท้จริงของเทพกระบี่นั้น ข้าบอกได้เลยว่า 169 ตระกูลนั้นกุเรื่องขึ้นมา”

“ใน 169 ตระกูลเหล่านั้น เพียงแค่กุเรื่องขึ้นมาเพื่อใช้ประโยชน์จากชื่อเสียงของเทพกระบี่ แต่ว่าอีกสี่ตระกูลนั้นน่าสงสัยเป็นอย่างมาก แต่ถึงแม้ว่าพวกเขาจะน่าสงสัยแต่มันก็ยังมีความเป็นไปได้ที่พวกเขาจะเป็นตัวจริงหรือตัวปลอมก็ได้เหมือนกันหมด”

“ถึงแม้ว่าข้าจะไม่รู้ว่าท่านมีวิธีไหนในการพิสูจน์ว่าใครเป็นตัวจริงหรือใครเป็นตัวปลอม แต่จากข้อมูลของข้าก็คือ ข้ามีอยู่ 4 สถานที่ที่ลูกหลานที่แท้จริงของเทพกระบี่น่าจะอาศัยอยู่”

“ที่แรกก็คือทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองผนึกกระบี่ ซึ่งเป็นสถานที่แรกที่เทพกระบี่ได้ไปเยือนเมื่อเขามาถึงที่อาณาเขตสุสานกระบี่ และยังเป็นสถานที่ที่เขาใช้เวลาอยู่อาศัยนานกว่า 60 ปี”

“สถานที่ที่สองก็คือทางทิศเหนือของหุบเขาเร้นกระบี่ ซึ่งสถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่เทพกระบี่อยู่อาศัยนานที่สุดถึง 200 กว่าปีแถมยังเป็นสถานที่ที่เขารับลูกศิษย์มาไว้ด้วยอีกต่างหาก แต่น่าเสียดายที่ลูกศิษย์ของเขาผู้นั้นกลับถูกสังหารและตายลงอย่างน่าเวทนา”

“ส่วนอีกสองที่ก็คือยอดเขาชมจันทราและทางทิศเตะวันตกเฉียงหนือของยอดเขาคมกระบี่ ทั้งสองสถานที่นี้ล้วนแล้วแต่เป็นสถานที่ที่เทพกระบี่อยู่อาศัยเป็นเวลาไม่น้อยเช่นกัน แต่ละแห่งที่เขาอยู่กินเวลาประมาณ 70-80 ปี ซึ่งสถานที่ที่ข้ากล่าวมาทั้งหมดนั้นล้วนแล้วแต่เป็นสถานที่ที่มีความเป็นไปได้มากที่สุดที่เขาจะทิ้งลูกหลานของตนเองไว้ที่นั่น”

“หากท่านต้องการ ข้าสามารถให้ข้อมูลท่านเกี่ยวกับแผนผังการเดินทางของเทพกระบี่ตั้งแต่มาที่อาณาเขตสุสานกระบี่จนเขาไปจบลงที่สุสานกระบี่ได้ ซึ่งข้าคิดว่ามูลค่าของข้อมูลลับนี้มันน่าจะพอที่จะแลกกับสูตรน้ำค้างหยกแห่งสรวงสวรรค์ของท่าน ท่านว่าไหม?”

หลิงตู้ฉิงส่ายหัวทันที “มันยังไม่พอ!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+