พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) 377 สถานการณ์ภายในทะเลชางหมาง

Now you are reading พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) Chapter 377 สถานการณ์ภายในทะเลชางหมาง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 377 สถานการณ์ภายในทะเลชางหมาง

เวลาที่เขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับจะเปิดขึ้นก็ใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ แต่หลิงตู้ฉิงและคนของเขาก็ยังคงอยู่ในเมืองหยูหลันโดยที่ยังไม่มีท่าทีว่าจะเคลื่อนไหวใด ๆ

ทุกวันเขาจะอยู่อย่างสันโดษในเรือนของเขา บ่มเพาะอย่างเงียบ ๆ เพื่อเตรียมเข้าสู่เขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับ

ในขณะนี้มี่ไล หลิวเฟ่ยเฟ่ย เย่ชิงเฉิงและหลิงเทียนหยุน กำลังฝึกฝนทักษะเจตจำนงแปลงสรรพสิ่ง ด้วยความตั้งใจทั้งหมดของพวกเขาที่มีเพื่อหวังว่าพวกเขาจะสามารถฝึกฝนมันจนถึงจุดที่พวกเขาจะสามารถเข้าไปด้านในเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับได้โดยไม่ต้องใช้กุญแจ

ส่วนอี้ลั่วเอ๋อก็พยายามฝึกวิชาผีเสื้อยมโลกเริงระบำอย่างเต็มที่ เพื่อรอให้เขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับเปิดขึ้นเช่นกัน

แน่นอนว่านอกจากการฝึกฝนแล้ว อี้ลั่วเอ๋อยังมีงานอดิเรกอีกอย่างหนึ่งนั่นคือการถามผู้หญิงทุกคนที่อยู่รอบตัวนางเกี่ยวกับวิธีทำให้ร่างกายใหญ่ขึ้น เพราะการกระทำของหลิงตู้ฉิงทำให้นางหมดความมั่นใจในรูปร่างของตัวนางเอง

ในขณะที่ทุกคนกำลังรอให้เขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับเปิดอย่างใจจดใจจ่อ มรสุมแห่งความวุ่นวายก็กำลังก่อตัวขึ้นภายในทะเลชางหมาง

เดิมทีสถานการณ์ภายในทะเลชางหมางก็สับสนวุ่นวายมากอยู่แล้ว ซึ่งผู้คนมากมายจากหลากหลายอำนาจต่างแอบฟังข่าวภายในอยู่ด้านนอกอย่างเงียบ ๆ และพยายามค้นหาความลับของทะเลชางหมางไปพร้อม ๆ กัน

และเนื่องจากผนึกแห่งสมดุลของทะเลชางหมางได้ถูกยกระดับขึ้น ขณะนี้ผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ด้านในทะเลชางหมางต่างก็พากันทะลวงขอบเขตไปยังขอบเขตสวรรค์กันเป็นจำนวนไม่น้อย

ซึ่งมันก็เป็นเรื่องธรรมดาที่จะต้องเกิดขึ้น เนื่องจากผู้คนในทะเลชางหมางนี้ถูกปิดผนึกมาเป็นเวลานานแล้ว

และด้วยการเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์ สถานการณ์ภายในของทะเลชางหมางจึงรุนแรงและสับสนวุ่นวายมากขึ้น

ในหลาย ๆ พื้นที่ของทะเลชางหมางนั้นมีการต่อสู้ที่รุนแรงเกิดขึ้นทุกวัน

ประการหนึ่งคือการแย่งชิงสมบัติต่าง ๆ ที่พวกเขาค้นพบ หรืออีกประการหนึ่งก็คือการควบคุมพื้นที่อิทธิพลของตนเพื่อให้ตนเองได้รับทรัพยากรและข้อมูลเกี่ยวกับความลับมากขึ้น

และภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ อาณาจักรที่ดึงดูดความสนใจได้มากที่สุดก็คืออาณาจักรจันทรา

ขณะนี้บนเกาะหยกขาว มีหลายคนกำลังพูดคุยเรื่องราวเกี่ยวกับอาณาจักรจันทรา

“พวกมันกำลังใกล้เข้ามาเต็มที ไม่มีใครสามารถหยุดพวกมันได้เลย!” หนึ่งในกลุ่มคนกำลังคร่ำครวญ “ข้าอยากจะรู้จริง ๆ ว่าเป็นขุมกำลังใดกันที่หนุนหลังอาณาจักรจันทราบ้านี่อยู่และสั่งให้มันมาบุกพวกเรา ตอนนี้พวกมันก็ได้ยึดเกาะไปสิบกว่าเกาะแล้วแถมมันยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดขยายพื้นที่ลงเลยด้วยซ้ำ!”

“จะมีใครได้อีกล่ะ? แค่ดูจากสัญลักษณ์กองทัพของพวกมันก็รู้แล้วว่าต้องเป็นพวกตำหนักมังกรแน่นอน!” ใครบางคนพูดขึ้นด้วยอารมณ์โกรธแค้น

“ถ้าจะบอกว่ามันคือ ตำหนักมังกร มันก็ดูไม่เหมือนซะทีเดียว นอกเหนือจากการที่กองทัพของพวกมันสามารถแปลงร่างเป็นมังกรตัวใหญ่ได้แล้ว พวกเราก็ไม่เห็นว่าจะมีคนของเผ่ามังกรอยู่ในกองทัพของพวกมันเลย”

หลายคนงงงวยกับคำถามเหล่านี้ ซึ่งแน่นอนว่าผู้ที่จะสามารถตอบคำถามเหล่านี้ได้ย่อมต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน

“นอกจากกองทัพนั่นที่เรียกว่ากองทัพมังกรแล้ว ข้าได้ยินมาว่าตอนนี้มีกองทัพที่สองได้ปรากฏตัวในอาณาจักรจันทราและกองทัพที่สองนี้ยิ่งดูแปลกมากกว่าซะอีก โดยเฉพาะความสามารถของผู้คนที่อยู่ในกองทัพนั้นช่างแปลกประหลาดสุดแสนจะบรรยาย พวกเขาบางคนสามารถใช้ค่ายกลได้ บางคนก็ใช้ภาพวาดเพื่อสังหารศัตรู บางคนใช้พิษได้และศัตรูของพวกเขาบางคนก็ถูกสังหารอย่างลึกลับเมื่อนอนหลับไป”

“ข่าวของพวกเจ้านั้นช้าเกินไปแล้ว เมื่อไม่นานมานี้ข้าได้ยินว่าพวกอาณาจักรจันทราได้เลี้ยงมนุษย์ที่สามารถกินสิ่งมีชีวิตได้ทุกประเภท ไม่เว้นแม้กระทั่งมนุษย์ด้วยกันมันก็ยังกิน! ข้าไม่รู้จริง ๆ ว่าไอ้พวกอาณาจักรจันทรามันคิดอะไรอยู่ มันถึงได้กล้าเลี้ยงปีศาจที่น่ากลัวมากมายเอาไว้ในอาณาจักรแบบนี้”

“ใจเย็นก่อน ตอนนี้ข้าได้ยินมาว่าอาณาจักรใหญ่ ๆ หลายอาณาจักรก็กำลังหารือเกี่ยวกับเรื่องการจัดการกับอาณาจักรจันทรากันอยู่!”

จากนั้นบางคนที่อยู่ในกลุ่มก็ขัดจังหวะและพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงหยิ่งผยอง “แม้ว่าอาณาจักรจันทราจะครอบครองเกาะมากกว่าสิบเกาะ แต่อาณาจักรหลงซานของเราก็ไม่มีอะไรที่ด้อยไปกว่า ไม่เพียงแต่อาณาจักรหลงซานของเราครอบครองพื้นที่ใหญ่ที่สุดของเกาะน้ำเต้าที่ความแข็งแกร่งเพียงเกาะเดียวก็สามารถประชันกับเกาะอื่นได้ถึงห้าเกาะแล้ว อาณาจักรหลงซานของเราก็ยังมีเกาะอื่น ๆ อีก 7 เกาะที่อยู่ภายใต้อาณัติ แถมอาณาจักรหลงซานของเรายังได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากผู้คนของตำหนักมังกร”

เมื่อผู้คนที่อยู่ที่รอบ ๆ ได้ยินว่าคนที่พูดผู้นี้เป็นคนที่มาจากอาณาจักรหลงซาน พวกเขาก็เอ่ยทักทายด้วยความนอบน้อมทันที

เนื่องจากในทะเลชางหมางอาณาจักรหลงซานนับว่าเป็นอาณาจักรที่แข็งแกร่งที่สุดก็ว่าได้ และเมื่อไหร่ที่พวกเขาออกรบ มันจะต้องมีคนจากเผ่ามังกรคอยเป็นกองหน้ารุกรานเกาะอื่น ๆ โดยการใช้ประโยชน์จากทะเล ซึ่งวิธีการที่พวกเขาใช้นั้นก็ช่างเรียบง่ายและมีประสิทธิภาพ และวิธีการนั้นก็คือการสร้างคลื่นขนาดยักษ์เข้าถล่มเกาะทั้งเกาะให้เกิดน้ำท่วมใหญ่ ก่อนที่ฝั่งตรงข้ามจะได้ทันจัดทัพซะด้วยซ้ำ

เมื่อเห็นวิธีการเช่นนี้ บรรดาขุมกำลังต่าง ๆ ก็เข้าใจได้ทันทีว่าการเติบโตของอาณาจักรหลงซานนั้นเป็นผลพวงมาจากขุมกำลังที่อยู่ภายนอก

“อาณาจักรจันทราไม่มีค่าอะไรให้พูดถึงทั้งนั้น อาณาจักรหลงซานของเราจะทำลายพวกเขาในไม่ช้าก็เร็ว” คนจากอาณาจักรหลงซานพูดอย่างภาคภูมิใจ “และท้ายที่สุดทะเลชางหมางนี้จะรวมเป็นหนึ่งเดียวโดยอาณาจักรหลงซานของเรา ในเวลานั้นผู้คนของอาณาจักรจันทราทั้งหมดจะต้องยอมศิโรราบให้กับเรา จักรพรรดิของพวกเขาจะกลายเป็นทาสของเรา เจ้าหญิงของพวกเขาทั้งหมดจะเป็นได้แค่นางบำเรอของเรา! อั่ก!…..”

ในขณะที่บุคคลจากอาณาจักรหลงซานกำลังพูดจาโอ้อวดอย่างสนุกปาก จู่ ๆ ก็มีกระบี่ทะลวงออกมาจากปากของเขา

สิ่งที่แปลกประหลาดที่สุดก็คือด้ามจับของกระบี่นั้นอยู่ภายในร่างกายของเขา ในขณะที่ปลายกระบี่นั้นทะลุออกมาอยู่ด้านนอกราวกับว่ามีใครบางคนซ่อนตัวอยู่ในร่างของเขาและแทงกระบี่ออกมาจากภายในร่างของเขาออกมาทางปาก

นอกเหนือจากชายผู้นี้ที่ตายแล้ว บรรดาผู้คนที่มาจากอาณาจักรหลงซานที่มากับเขาต่างก็ตกตายตามกันไปทั้งหมด

ฉากที่แปลกประหลาดนี้ทำให้หัวใจของทุกคนสั่นระรัวด้วยความหวาดกลัว

เกิดอะไรขึ้น? จู่ ๆ กระบี่นั่นมันโผล่ทะลุออกมาจากร่างกายแบบนั้นได้ยังไง?

ทุกคนต่างตกใจกับฉากประหลาดนี้ และจากนั้นพวกเขาต่างก็รีบวิ่งหนีตายแยกย้ายจากไปอย่างรวดเร็ว

เมื่อทุกคนจากไป ร่างของสาวสวยผู้หนึ่งก็ปรากฎขึ้น เมื่อนางเดินผ่านคนตาย สาวสวยผู้นั้นก็เหลือบไปที่ศพของชายปากพร่อยที่นางเพิ่งสังหารไปด้วยสีหน้าเย้ยหยัน “อาณาจักรกระจอก ๆ ของเจ้าเนี่ยนะจะมาจับน้องหกของข้าไปเป็นทาส? จะมาจับพวกข้าไปเป็นทาส?”

นางพ่นลมออกจมูกดัง ‘ฮึ’ จากนั้นนางก็เดินไปตามป้ายบอกทางและพบหอการค้าที่มีตัวอักษรคำว่า ‘มี่’ ตัวเล็ก ๆ อยู่ด้านหน้า

หญิงสาวที่ดูบอบบางแต่สง่างามเดินเข้าไปด้านในทันที และพูดขึ้นกับคนเฝ้าร้าน “แจ้งข่าวที่พวกเจ้าได้ยินมาทั้งหมด!”

คนในหอการค้าโค้งคำนับต่อหญิงสาวและนำทางนางเข้าไปในห้องลับ และให้ข้อมูลที่รวบรวมมาให้นางทันที

หญิงสาวมองไปที่มันสักพัก จากนั้นก็หยิบแผ่นหยกออกมาชิ้นหนึ่งและบันทึกข้อมูลทั้งหมดลงในแผ่นหยก จากนั้นนางก็ดึงประตูแปลก ๆ ออกมาจากแหวนมิติ พลางโบกมือของนางส่งผลให้บานประตูได้เปิดออกและจากนั้นนางก็โยนแผ่นหยกที่นางเพิ่งบันทึกข้อมูลทั้งหมดเข้าไปด้านในประตู และปิดประตูลงพร้อมกับเก็บมันเข้าไปในแหวนมิติตามเดิม

จากนั้นร่างของนางก็หายไปจากห้องอย่างไร้ร่องรอย ในเวลาไล่เลี่ยกันร่างของนางก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้นางได้อยู่ห่างออกไปหลายสิบกิโลเมตรแล้วจากหอการค้ามี่

จากนั้นนางก็หายตัวอย่างต่อเนื่องอีกหลายครั้ง จนท้ายที่สุดนางก็กลับไปถึงแนวหน้าของสนามรบของอาณาจักรจันทรา และปรากฏตัวต่อหน้าหลิงว่านจุน

“น้องห้า ทำไมเจ้าถึงมาที่นี่อีกแล้ว?” หลิงว่านจุนเงยหน้าขึ้น “ข้าไม่ได้บอกให้เจ้าอยู่เฉย ๆ ไปแล้วงั้นเหรอ? เจ้าก็รู้ดีว่าในตอนนี้ข้างนอกนั่นมีผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญอยู่มากมาย ซึ่งต่อให้เจ้าจะเดินทางผ่านมิติได้แต่เจ้าก็ใช่ว่าจะปลอดภัยเต็มสิบส่วน”

แน่นอนว่าหญิงสาวคนนี้ไม่ใช่ใครอื่น นางคือ หลิงฟ่างหัว

หลายสิบปีที่ผ่านมา นางได้ดูดซับสายเลือดของหนูมิติจนหมดและเข้าใจความลับของการเดินทางผ่านมิติ จนทำให้นางเดินทางไปมาได้อย่างอิสระ

หลิงฟ่างหัวกระโดดขึ้นไปบนโต๊ะของหลิงว่านจุน นางไขว้ขาและเขย่ามัน ขณะที่นางพูดด้วยสีหน้าหมดอารมณ์ “ใช่ว่าข้าอยากจะตะลอนไปตะลอนมาแบบนี้ซะที่ไหนกันเล่า แต่น้องหกส่งข่าวมาให้ข้าช่วยเขารวบรวมข้อมูลให้ต่างหากล่ะ!”

“ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็จงระวังตัวเอาไว้ โดยเฉพาะเมื่อเจ้าต้องเผชิญกับผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์” หลิงยู่ชานเดินเข้ามาและพูดด้วยรอยยิ้ม

“พี่ใหญ่!” หลิงฟ่างพยักหน้าทักทาย “ไม่ต้องกังวล ตราบใดที่ข้าไม่ล่วงล้ำเข้าไปในอาณาเขตสวรรค์ของพวกเขา พวกเขาก็ไม่มีทางที่จะจับข้าได้แน่นอน ไม่อย่างนั้นท่านแม่และคนอื่น ๆ คงไม่ไว้ใจให้ข้าไปโน่นมานี่ได้แบบนี้หรอก แต่อันที่จริงข้านั้นอยากลองออกจากทะเลชางหมางจริง ๆ ข้าอยากจะออกไปเห็นว่าโลกภายนอกมันเป็นอย่างไร”

หลิงยู่ชานสีหน้าเปลี่ยนเป็นจริงจังทันที “ท่านพ่อเคยกำชับเอาไว้ก่อนจะเดินทางว่าอย่าออกจากทะเลชางหมาง!”

“ข้ารู้แล้วล่ะน่า ข้าก็แค่คิดมันขึ้นมาเฉย ๆ!” หลิงฟ่างหัวพูดอย่างช่วยไม่ได้ “เฮ้อ ตอนนี้ข้าล่ะสงสัยจริง ๆ ว่าท่านพ่ออยู่ที่ไหนและเขาจะกลับมาเมื่อไหร่?”

หลิงยู่ชานหัวเราะและพูดว่า “จากที่ข้าคำนวณ มันก็คงจะอีกไม่นานนักหรอก เขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับควรจะเปิดขึ้นในอีกไม่ช้า แต่ก็ดีเลย ในเมื่อน้องห้า เจ้าได้มาอยู่ที่นี่พอดี ถ้างั้นเจ้าก็ช่วยพวกพี่รวบรวมข้อมูลของที่นี่ให้หน่อยเพื่อที่เราจะได้ยึดเกาะหยกขาวนี้ได้โดยเร็ว”

อย่างไรก็ตาม ในขณะที่เขาพูดจบ เงาของหลิงฟ่างหัวก็หายไปแล้วโดยทิ้งประโยคไว้ว่า “พวกท่านสู้ด้วยตัวเองเถอะ ข้าขอไปเดินเล่นที่เกาะอื่นต่อดีกว่า”

หลิงยู่ชานและหลิงว่านจุนมองหน้ากันแล้วส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ เนื่องจากพวกเขาเองก็ไม่สามารถทำอะไรกับหลิงฟ่างหัวได้ หลังจากนางได้เรียนรู้วิธีเดินทางผ่านมิติแล้ว หากนางต้องการจะไปที่ไหน พวกเขาก็ไม่มีทางจะทำอะไรกับนางได้เลย

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) 377 สถานการณ์ภายในทะเลชางหมาง

Now you are reading พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) Chapter 377 สถานการณ์ภายในทะเลชางหมาง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 377 สถานการณ์ภายในทะเลชางหมาง

เวลาที่เขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับจะเปิดขึ้นก็ใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ แต่หลิงตู้ฉิงและคนของเขาก็ยังคงอยู่ในเมืองหยูหลันโดยที่ยังไม่มีท่าทีว่าจะเคลื่อนไหวใด ๆ

ทุกวันเขาจะอยู่อย่างสันโดษในเรือนของเขา บ่มเพาะอย่างเงียบ ๆ เพื่อเตรียมเข้าสู่เขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับ

ในขณะนี้มี่ไล หลิวเฟ่ยเฟ่ย เย่ชิงเฉิงและหลิงเทียนหยุน กำลังฝึกฝนทักษะเจตจำนงแปลงสรรพสิ่ง ด้วยความตั้งใจทั้งหมดของพวกเขาที่มีเพื่อหวังว่าพวกเขาจะสามารถฝึกฝนมันจนถึงจุดที่พวกเขาจะสามารถเข้าไปด้านในเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับได้โดยไม่ต้องใช้กุญแจ

ส่วนอี้ลั่วเอ๋อก็พยายามฝึกวิชาผีเสื้อยมโลกเริงระบำอย่างเต็มที่ เพื่อรอให้เขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับเปิดขึ้นเช่นกัน

แน่นอนว่านอกจากการฝึกฝนแล้ว อี้ลั่วเอ๋อยังมีงานอดิเรกอีกอย่างหนึ่งนั่นคือการถามผู้หญิงทุกคนที่อยู่รอบตัวนางเกี่ยวกับวิธีทำให้ร่างกายใหญ่ขึ้น เพราะการกระทำของหลิงตู้ฉิงทำให้นางหมดความมั่นใจในรูปร่างของตัวนางเอง

ในขณะที่ทุกคนกำลังรอให้เขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับเปิดอย่างใจจดใจจ่อ มรสุมแห่งความวุ่นวายก็กำลังก่อตัวขึ้นภายในทะเลชางหมาง

เดิมทีสถานการณ์ภายในทะเลชางหมางก็สับสนวุ่นวายมากอยู่แล้ว ซึ่งผู้คนมากมายจากหลากหลายอำนาจต่างแอบฟังข่าวภายในอยู่ด้านนอกอย่างเงียบ ๆ และพยายามค้นหาความลับของทะเลชางหมางไปพร้อม ๆ กัน

และเนื่องจากผนึกแห่งสมดุลของทะเลชางหมางได้ถูกยกระดับขึ้น ขณะนี้ผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ด้านในทะเลชางหมางต่างก็พากันทะลวงขอบเขตไปยังขอบเขตสวรรค์กันเป็นจำนวนไม่น้อย

ซึ่งมันก็เป็นเรื่องธรรมดาที่จะต้องเกิดขึ้น เนื่องจากผู้คนในทะเลชางหมางนี้ถูกปิดผนึกมาเป็นเวลานานแล้ว

และด้วยการเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์ สถานการณ์ภายในของทะเลชางหมางจึงรุนแรงและสับสนวุ่นวายมากขึ้น

ในหลาย ๆ พื้นที่ของทะเลชางหมางนั้นมีการต่อสู้ที่รุนแรงเกิดขึ้นทุกวัน

ประการหนึ่งคือการแย่งชิงสมบัติต่าง ๆ ที่พวกเขาค้นพบ หรืออีกประการหนึ่งก็คือการควบคุมพื้นที่อิทธิพลของตนเพื่อให้ตนเองได้รับทรัพยากรและข้อมูลเกี่ยวกับความลับมากขึ้น

และภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ อาณาจักรที่ดึงดูดความสนใจได้มากที่สุดก็คืออาณาจักรจันทรา

ขณะนี้บนเกาะหยกขาว มีหลายคนกำลังพูดคุยเรื่องราวเกี่ยวกับอาณาจักรจันทรา

“พวกมันกำลังใกล้เข้ามาเต็มที ไม่มีใครสามารถหยุดพวกมันได้เลย!” หนึ่งในกลุ่มคนกำลังคร่ำครวญ “ข้าอยากจะรู้จริง ๆ ว่าเป็นขุมกำลังใดกันที่หนุนหลังอาณาจักรจันทราบ้านี่อยู่และสั่งให้มันมาบุกพวกเรา ตอนนี้พวกมันก็ได้ยึดเกาะไปสิบกว่าเกาะแล้วแถมมันยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดขยายพื้นที่ลงเลยด้วยซ้ำ!”

“จะมีใครได้อีกล่ะ? แค่ดูจากสัญลักษณ์กองทัพของพวกมันก็รู้แล้วว่าต้องเป็นพวกตำหนักมังกรแน่นอน!” ใครบางคนพูดขึ้นด้วยอารมณ์โกรธแค้น

“ถ้าจะบอกว่ามันคือ ตำหนักมังกร มันก็ดูไม่เหมือนซะทีเดียว นอกเหนือจากการที่กองทัพของพวกมันสามารถแปลงร่างเป็นมังกรตัวใหญ่ได้แล้ว พวกเราก็ไม่เห็นว่าจะมีคนของเผ่ามังกรอยู่ในกองทัพของพวกมันเลย”

หลายคนงงงวยกับคำถามเหล่านี้ ซึ่งแน่นอนว่าผู้ที่จะสามารถตอบคำถามเหล่านี้ได้ย่อมต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน

“นอกจากกองทัพนั่นที่เรียกว่ากองทัพมังกรแล้ว ข้าได้ยินมาว่าตอนนี้มีกองทัพที่สองได้ปรากฏตัวในอาณาจักรจันทราและกองทัพที่สองนี้ยิ่งดูแปลกมากกว่าซะอีก โดยเฉพาะความสามารถของผู้คนที่อยู่ในกองทัพนั้นช่างแปลกประหลาดสุดแสนจะบรรยาย พวกเขาบางคนสามารถใช้ค่ายกลได้ บางคนก็ใช้ภาพวาดเพื่อสังหารศัตรู บางคนใช้พิษได้และศัตรูของพวกเขาบางคนก็ถูกสังหารอย่างลึกลับเมื่อนอนหลับไป”

“ข่าวของพวกเจ้านั้นช้าเกินไปแล้ว เมื่อไม่นานมานี้ข้าได้ยินว่าพวกอาณาจักรจันทราได้เลี้ยงมนุษย์ที่สามารถกินสิ่งมีชีวิตได้ทุกประเภท ไม่เว้นแม้กระทั่งมนุษย์ด้วยกันมันก็ยังกิน! ข้าไม่รู้จริง ๆ ว่าไอ้พวกอาณาจักรจันทรามันคิดอะไรอยู่ มันถึงได้กล้าเลี้ยงปีศาจที่น่ากลัวมากมายเอาไว้ในอาณาจักรแบบนี้”

“ใจเย็นก่อน ตอนนี้ข้าได้ยินมาว่าอาณาจักรใหญ่ ๆ หลายอาณาจักรก็กำลังหารือเกี่ยวกับเรื่องการจัดการกับอาณาจักรจันทรากันอยู่!”

จากนั้นบางคนที่อยู่ในกลุ่มก็ขัดจังหวะและพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงหยิ่งผยอง “แม้ว่าอาณาจักรจันทราจะครอบครองเกาะมากกว่าสิบเกาะ แต่อาณาจักรหลงซานของเราก็ไม่มีอะไรที่ด้อยไปกว่า ไม่เพียงแต่อาณาจักรหลงซานของเราครอบครองพื้นที่ใหญ่ที่สุดของเกาะน้ำเต้าที่ความแข็งแกร่งเพียงเกาะเดียวก็สามารถประชันกับเกาะอื่นได้ถึงห้าเกาะแล้ว อาณาจักรหลงซานของเราก็ยังมีเกาะอื่น ๆ อีก 7 เกาะที่อยู่ภายใต้อาณัติ แถมอาณาจักรหลงซานของเรายังได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากผู้คนของตำหนักมังกร”

เมื่อผู้คนที่อยู่ที่รอบ ๆ ได้ยินว่าคนที่พูดผู้นี้เป็นคนที่มาจากอาณาจักรหลงซาน พวกเขาก็เอ่ยทักทายด้วยความนอบน้อมทันที

เนื่องจากในทะเลชางหมางอาณาจักรหลงซานนับว่าเป็นอาณาจักรที่แข็งแกร่งที่สุดก็ว่าได้ และเมื่อไหร่ที่พวกเขาออกรบ มันจะต้องมีคนจากเผ่ามังกรคอยเป็นกองหน้ารุกรานเกาะอื่น ๆ โดยการใช้ประโยชน์จากทะเล ซึ่งวิธีการที่พวกเขาใช้นั้นก็ช่างเรียบง่ายและมีประสิทธิภาพ และวิธีการนั้นก็คือการสร้างคลื่นขนาดยักษ์เข้าถล่มเกาะทั้งเกาะให้เกิดน้ำท่วมใหญ่ ก่อนที่ฝั่งตรงข้ามจะได้ทันจัดทัพซะด้วยซ้ำ

เมื่อเห็นวิธีการเช่นนี้ บรรดาขุมกำลังต่าง ๆ ก็เข้าใจได้ทันทีว่าการเติบโตของอาณาจักรหลงซานนั้นเป็นผลพวงมาจากขุมกำลังที่อยู่ภายนอก

“อาณาจักรจันทราไม่มีค่าอะไรให้พูดถึงทั้งนั้น อาณาจักรหลงซานของเราจะทำลายพวกเขาในไม่ช้าก็เร็ว” คนจากอาณาจักรหลงซานพูดอย่างภาคภูมิใจ “และท้ายที่สุดทะเลชางหมางนี้จะรวมเป็นหนึ่งเดียวโดยอาณาจักรหลงซานของเรา ในเวลานั้นผู้คนของอาณาจักรจันทราทั้งหมดจะต้องยอมศิโรราบให้กับเรา จักรพรรดิของพวกเขาจะกลายเป็นทาสของเรา เจ้าหญิงของพวกเขาทั้งหมดจะเป็นได้แค่นางบำเรอของเรา! อั่ก!…..”

ในขณะที่บุคคลจากอาณาจักรหลงซานกำลังพูดจาโอ้อวดอย่างสนุกปาก จู่ ๆ ก็มีกระบี่ทะลวงออกมาจากปากของเขา

สิ่งที่แปลกประหลาดที่สุดก็คือด้ามจับของกระบี่นั้นอยู่ภายในร่างกายของเขา ในขณะที่ปลายกระบี่นั้นทะลุออกมาอยู่ด้านนอกราวกับว่ามีใครบางคนซ่อนตัวอยู่ในร่างของเขาและแทงกระบี่ออกมาจากภายในร่างของเขาออกมาทางปาก

นอกเหนือจากชายผู้นี้ที่ตายแล้ว บรรดาผู้คนที่มาจากอาณาจักรหลงซานที่มากับเขาต่างก็ตกตายตามกันไปทั้งหมด

ฉากที่แปลกประหลาดนี้ทำให้หัวใจของทุกคนสั่นระรัวด้วยความหวาดกลัว

เกิดอะไรขึ้น? จู่ ๆ กระบี่นั่นมันโผล่ทะลุออกมาจากร่างกายแบบนั้นได้ยังไง?

ทุกคนต่างตกใจกับฉากประหลาดนี้ และจากนั้นพวกเขาต่างก็รีบวิ่งหนีตายแยกย้ายจากไปอย่างรวดเร็ว

เมื่อทุกคนจากไป ร่างของสาวสวยผู้หนึ่งก็ปรากฎขึ้น เมื่อนางเดินผ่านคนตาย สาวสวยผู้นั้นก็เหลือบไปที่ศพของชายปากพร่อยที่นางเพิ่งสังหารไปด้วยสีหน้าเย้ยหยัน “อาณาจักรกระจอก ๆ ของเจ้าเนี่ยนะจะมาจับน้องหกของข้าไปเป็นทาส? จะมาจับพวกข้าไปเป็นทาส?”

นางพ่นลมออกจมูกดัง ‘ฮึ’ จากนั้นนางก็เดินไปตามป้ายบอกทางและพบหอการค้าที่มีตัวอักษรคำว่า ‘มี่’ ตัวเล็ก ๆ อยู่ด้านหน้า

หญิงสาวที่ดูบอบบางแต่สง่างามเดินเข้าไปด้านในทันที และพูดขึ้นกับคนเฝ้าร้าน “แจ้งข่าวที่พวกเจ้าได้ยินมาทั้งหมด!”

คนในหอการค้าโค้งคำนับต่อหญิงสาวและนำทางนางเข้าไปในห้องลับ และให้ข้อมูลที่รวบรวมมาให้นางทันที

หญิงสาวมองไปที่มันสักพัก จากนั้นก็หยิบแผ่นหยกออกมาชิ้นหนึ่งและบันทึกข้อมูลทั้งหมดลงในแผ่นหยก จากนั้นนางก็ดึงประตูแปลก ๆ ออกมาจากแหวนมิติ พลางโบกมือของนางส่งผลให้บานประตูได้เปิดออกและจากนั้นนางก็โยนแผ่นหยกที่นางเพิ่งบันทึกข้อมูลทั้งหมดเข้าไปด้านในประตู และปิดประตูลงพร้อมกับเก็บมันเข้าไปในแหวนมิติตามเดิม

จากนั้นร่างของนางก็หายไปจากห้องอย่างไร้ร่องรอย ในเวลาไล่เลี่ยกันร่างของนางก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้นางได้อยู่ห่างออกไปหลายสิบกิโลเมตรแล้วจากหอการค้ามี่

จากนั้นนางก็หายตัวอย่างต่อเนื่องอีกหลายครั้ง จนท้ายที่สุดนางก็กลับไปถึงแนวหน้าของสนามรบของอาณาจักรจันทรา และปรากฏตัวต่อหน้าหลิงว่านจุน

“น้องห้า ทำไมเจ้าถึงมาที่นี่อีกแล้ว?” หลิงว่านจุนเงยหน้าขึ้น “ข้าไม่ได้บอกให้เจ้าอยู่เฉย ๆ ไปแล้วงั้นเหรอ? เจ้าก็รู้ดีว่าในตอนนี้ข้างนอกนั่นมีผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญอยู่มากมาย ซึ่งต่อให้เจ้าจะเดินทางผ่านมิติได้แต่เจ้าก็ใช่ว่าจะปลอดภัยเต็มสิบส่วน”

แน่นอนว่าหญิงสาวคนนี้ไม่ใช่ใครอื่น นางคือ หลิงฟ่างหัว

หลายสิบปีที่ผ่านมา นางได้ดูดซับสายเลือดของหนูมิติจนหมดและเข้าใจความลับของการเดินทางผ่านมิติ จนทำให้นางเดินทางไปมาได้อย่างอิสระ

หลิงฟ่างหัวกระโดดขึ้นไปบนโต๊ะของหลิงว่านจุน นางไขว้ขาและเขย่ามัน ขณะที่นางพูดด้วยสีหน้าหมดอารมณ์ “ใช่ว่าข้าอยากจะตะลอนไปตะลอนมาแบบนี้ซะที่ไหนกันเล่า แต่น้องหกส่งข่าวมาให้ข้าช่วยเขารวบรวมข้อมูลให้ต่างหากล่ะ!”

“ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็จงระวังตัวเอาไว้ โดยเฉพาะเมื่อเจ้าต้องเผชิญกับผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์” หลิงยู่ชานเดินเข้ามาและพูดด้วยรอยยิ้ม

“พี่ใหญ่!” หลิงฟ่างพยักหน้าทักทาย “ไม่ต้องกังวล ตราบใดที่ข้าไม่ล่วงล้ำเข้าไปในอาณาเขตสวรรค์ของพวกเขา พวกเขาก็ไม่มีทางที่จะจับข้าได้แน่นอน ไม่อย่างนั้นท่านแม่และคนอื่น ๆ คงไม่ไว้ใจให้ข้าไปโน่นมานี่ได้แบบนี้หรอก แต่อันที่จริงข้านั้นอยากลองออกจากทะเลชางหมางจริง ๆ ข้าอยากจะออกไปเห็นว่าโลกภายนอกมันเป็นอย่างไร”

หลิงยู่ชานสีหน้าเปลี่ยนเป็นจริงจังทันที “ท่านพ่อเคยกำชับเอาไว้ก่อนจะเดินทางว่าอย่าออกจากทะเลชางหมาง!”

“ข้ารู้แล้วล่ะน่า ข้าก็แค่คิดมันขึ้นมาเฉย ๆ!” หลิงฟ่างหัวพูดอย่างช่วยไม่ได้ “เฮ้อ ตอนนี้ข้าล่ะสงสัยจริง ๆ ว่าท่านพ่ออยู่ที่ไหนและเขาจะกลับมาเมื่อไหร่?”

หลิงยู่ชานหัวเราะและพูดว่า “จากที่ข้าคำนวณ มันก็คงจะอีกไม่นานนักหรอก เขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับควรจะเปิดขึ้นในอีกไม่ช้า แต่ก็ดีเลย ในเมื่อน้องห้า เจ้าได้มาอยู่ที่นี่พอดี ถ้างั้นเจ้าก็ช่วยพวกพี่รวบรวมข้อมูลของที่นี่ให้หน่อยเพื่อที่เราจะได้ยึดเกาะหยกขาวนี้ได้โดยเร็ว”

อย่างไรก็ตาม ในขณะที่เขาพูดจบ เงาของหลิงฟ่างหัวก็หายไปแล้วโดยทิ้งประโยคไว้ว่า “พวกท่านสู้ด้วยตัวเองเถอะ ข้าขอไปเดินเล่นที่เกาะอื่นต่อดีกว่า”

หลิงยู่ชานและหลิงว่านจุนมองหน้ากันแล้วส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ เนื่องจากพวกเขาเองก็ไม่สามารถทำอะไรกับหลิงฟ่างหัวได้ หลังจากนางได้เรียนรู้วิธีเดินทางผ่านมิติแล้ว หากนางต้องการจะไปที่ไหน พวกเขาก็ไม่มีทางจะทำอะไรกับนางได้เลย

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+