พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) 260 กลุ่มคนที่น่าสังเวช

Now you are reading พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) Chapter 260 กลุ่มคนที่น่าสังเวช at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 260 กลุ่มคนที่น่าสังเวช

เมื่อได้รับคำสั่งของหลิงตู้ฉิง มี่ไลและหลิวเฟ่ยเฟ่ยก็หันกลับไปขึ้นรถ แน่นอนว่าหลิงเทียนหยุนเองก็ขึ้นรถและเตรียมตัวออกเดินทาง

ในขณะที่หลิงตู้ฉิงกำลังจะจากไป เหริ่นอี้ฟางพูดว่า “ถ้าพวกเจ้าต้องการจากไปก็จงไปซะข้าจะไม่ขวาง แต่นางเป็นสมาชิกคนหนึ่งในภูเขาฟีนิกซ์ของข้า นางต้องอยู่!”

เสี่ยวเยว่เฟิงพูดกับหลิงตู้ฉิงด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วน “นายท่าน… “

หลิงตู้ฉิงเหลือบมองไปที่เหริ่นอี้ฟาง จากนั้นมองไปที่เสี่ยวเยว่เฟิงและพูดว่า “พวกเขาถูกไล่ล่ามาอย่างน่าสังเวชจนในที่สุดก็ต้องมาลงเอยเป็นผู้ลี้ภัยอยู่ที่ทะเลชางหมางเช่นนี้ แต่ยังมีหน้ามาทำโอหังลอยหน้าลอยตาอยู่ต่อข้าแบบนี้อีกงั้นเหรอ? มากับข้า ข้าจะแจ้งภูเขาฟีนิกซ์และให้เจ้าเข้าสู่วรรณะปกครองของพวกเขา ส่วนสำหรับไอ้คนกลุ่มนี้ ข้าจะแจ้งภูเขาฟีนิกซ์ให้ไล่พวกเขาออกไป ข้าเชื่อว่าภูเขาฟีนิกซ์จะต้องทำตามคำสั่งของข้าแน่นอน”

ก่อนที่เสี่ยวเยว่เฟิงจะพูดอะไร เหริ่นอี้ฟางก็หัวเราะเยาะ “เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใครถึงจะทำให้นางเข้าสู่วรรณะปกครองได้? แถมเจ้ายังบอกว่าสามารถขับไล่พวกข้าออกจากภูเขาฟีนิกซ์ได้งั้นเหรอ? นอกจากนี้นางเป็นสมาชิกของเผ่าพันธุ์เรา ดังนั้นนางต้องฟังคำสั่งของนายน้อยของเราเสมอ”

เหริ่นอี้ฟางที่ไม่ทราบถึงความลึกลับของหลิงตู้ฉิง ซึ่งผิดกับเสี่ยวเยว่เฟิงที่รู้หลายอย่างเกี่ยวกับความลึกลับของเขา ถ้าเขาสามารถสอน ‘คาถาวัฏจักรศักดิ์สิทธิ์’ ให้นางได้ การเข้าร่วมกับวรรณะปกครองก็ไม่ใช่เรื่องตลก

นางพูดอย่างซาบซึ้ง “ขอบคุณมากนายท่าน แต่ข้ายังไปไม่ได้ ข้ายังมีน้องสาวและนางยังอยู่ในฐานบัญชาการหลัก ข้าต้องไปรับนางก่อนและข้าหวังว่านายท่านจะสามารถทำให้ความปรารถนานั้นเป็นจริงแก่ข้าได้”

“งั้นก็ไปรับนางเดี๋ยวนี้” หลิงตู้ฉิงออกคำสั่งราวกับว่ามันเป็นเรื่องปกติธรรมดา

เสี่ยวเยว่เฟิงมองไปที่เหริ่นอี้ฟาง แต่สิ่งที่นางได้รับคือท่าทีที่เย็นชาของเหริ่นอี้ฟาง

“นี่เจ้าจะขัดคำสั่งข้าและจากไปจริง ๆ งั้นเหรอ? เจ้าเชื่อคำโกหกของเขางั้นเหรอ?” เหริ่นอี้ฟางพูดอย่างเย็นชา “เจ้ารู้หรือไม่ว่าการกระทำของเจ้าหมายถึงอะไร? เจ้ากำลังกลายเป็นคนทรยศต่อคนของเราทั้งหมด!”

เสี่ยวเยว่เฟิงเงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดว่า “เชื้อสายของข้าสืบทอดมาตั้งแต่บรรพบุรุษ ซึ่งจนถึงปัจจุบันคงมีแค่ครอบครัวข้าพวกเดียวเท่านั้นที่เหลืออยู่ เมื่อพ่อแม่ของข้าหนีออกจากภูเขาฟีนิกซ์ พวกเขาเองก็ได้ต่อสู้แบบเดิมพันชีวิต และข้ากลัวว่าพวกเขาเองก็น่าจะตายไปแล้ว ดังนั้นตอนนี้จึงเหลือข้าและน้องสาวของข้าเท่านั้นที่ยังคงเหลือรอด และตอนนี้นายท่านอนุญาตให้ข้าสองพี่น้องเข้าร่วมกับวรรณะปกครองแล้ว นับแต่นี้เป็นต้นไปข้าและน้องสาวขอตัดความสัมพันธ์กับพวกท่านนับแต่เป็นต้นไป”

“ดี! ดีมาก!” เหริ่นอี้ฟางหัวเราะ “ในเมื่อเจ้าต้องการทรยศเรา ดังนั้นอย่าโทษว่าข้าเลือดเย็นก็แล้วกัน เจ้าคิดว่าการเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์นั้นพิเศษมากนักเหรอไง? เจ้ารู้รึเปล่าว่าพวกข้าเองก็มีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์ด้วยเช่นกัน สำหรับน้องสาวของเจ้า เนื่องจากเจ้าต้องการหักหลังพวกเรา นางจะต้องติดตามเราจนกว่านางจะสามารถชดใช้บาปของเจ้าจนหมด!”

“นายท่าน…” เสี่ยวเยว่เฟิงเอ่ยอย่างกังวล

เสี่ยวเยว่เฟิงรู้ดีว่าไม่ว่านางจะมีพลังมากแค่ไหน แต่มันก็เป็นไปไม่ได้ที่นางจะใช้กำลังของตัวเองเพียงอย่างเดียวเพื่อพาน้องสาวของนางออกจากฐานบัญชาการหลักของกลุ่มเสื้อคลุมโลหิต

และที่สำคัญน้องสาวนางเป็นคนในครอบครัวคนเดียวที่นางมี นางจึงกังวลมากว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับน้องสาว

หลิงตู้ฉิงพูดเบา ๆ “สอยเขาลงมา แล้วเราจะไปที่ฐานบัญชาการหลักของกลุ่มเสื้อคลุมโลหิตกัน”

“นี่พวกแกกล้างั้นเหรอ!” เหริ่นอี้ฟางอารมณ์พุ่งปรี้ด ในขณะเดียวกันเขาก็หันกลับและเตรียมตัวที่จะหนีทันที

อย่างไรก็ตามในขณะที่เขากำลังจะหนี เสี่ยวเยว่เฟิงก็ได้ปลดปล่อยพลังวิญญาณสายเลือดของนางห่อหุ้มเหริ่นอี้ฟางไว้

และความแตกต่างของพลังระหว่างผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์และผู้เชี่ยวชาญที่ระดับต่ำกว่าก็ปรากฎขึ้นแก่สายตา เหริ่นอี้ฟางไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ในทันที

เหริ่นอี้ฟางรู้สึกตกตะลึงมาก นอกเหนือจากการรับรู้ถึงความแตกต่างในพลังของเสี่ยวเยว่เฟิงกับตัวเองแล้ว เขายังรู้สึกถึงการถูกข่มจากสายเลือดที่เหนือกว่าของนาง

เนื่องจากเขาเป็นคนที่มาจากภูเขาฟีนิกซ์ เขาก็เป็นคนที่มีสายเลือดฟีนิกซ์ไหลเวียนอยู่ด้วยเช่นกัน

เหตุผลที่เขาไม่อ่อนข้อให้เสี่ยวเยว่เฟิงก็เพราะเขามั่นใจว่าสายเลือดของเขานั้นสูงส่งกว่าเสี่ยวเยว่เฟิง

แต่ในขณะนี้เขากลับรู้สึกถึงการข่มจากสายเลือดที่เหนือกว่าอยู่หลายขั้น ซึ่งแม้ว่าจะเป็นนายน้อยจากกลุ่มของเขาเอง เขาก็ยังไม่เคยรู้สึกกดดันได้ถึงขนาดนี้มาก่อน

มีเพียงตอนที่เขาไปเยี่ยมเผ่าจักรพรรดิที่ภูเขาฟีนิกซ์ที่เขารู้สึกแบบนี้

เป็นไปได้ไหมว่าสิ่งที่คนตรงหน้าพูดจะเป็นเรื่องจริง สายเลือดของผู้หญิงคนนี้ได้เป็นถึงวรรณะปกครองแล้วจริง ๆ? เขาทั้งตกใจและสับสน

เสี่ยวเยว่เฟิงจับเหริ่นอี้ฟาง และมองไปที่หลิงตู้ฉิง “นายท่าน จะให้ข้านำพวกเราตรงไปที่ฐานบัญชาการหลักของกลุ่มเสื้อคลุมโลหิตเลยงั้นเหรอ? มันจะดีกว่าไหมถ้าให้ข้าไปคนเดียว?”

นางรู้ว่าการออกเดินทางในครั้งนี้ หลิงตู้ฉิงไม่ได้นำหลิงจู้และรถม้าคันเดิมออกมาด้วย เพราะของเหล่านั้นมันไม่สามารถนำเข้าไปในเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับได้และอาจจะกลายเป็นต้นตอของปัญหาเสียมากกว่า

และเมื่อไม่มีหลิงจู้และรถม้า นางก็ไม่แน่ใจว่าหลิงตู้ฉิงจะยังคงมีความแข็งแกร่งมากถึงขนาดไหน เพราะนางมั่นใจว่าที่ฐานบัญชาการหลักของกลุ่มเสื้อคลุมโลหิต มันจะไม่ได้มีเพียงผู้เชี่ยวชาญขอบเขตครึ่งสวรรค์เพียงอย่างเดียวแน่นอน

หลิงตู้ฉิงพูดอย่างเฉยเมย “ไม่ต้องกังวล ไปที่นั่นกันเลย ถ้าพวกเขากล้าทำอะไรก็ให้ทำไป ถึงตอนนั้นข้าจะให้ซือโถวช่วยเจ้า”

“ขอบคุณ นายท่าน!” เสี่ยวเยว่เฟิงพยักหน้า และบอกเส้นทางให้กงหนิวลากรถม้าไปยังฐานบัญชาการหลักของกลุ่มเสื้อคลุมโลหิตด้วยความเร็วปานกลาง

เหริ่นอี้ฟางพูดอย่างเย็นชาที่ด้านข้าง “แค่เจ้าทรยศพวกเรานี่ยังไม่เพียงพออีกเหรอ? เจ้าจะฆ่าทุกคนงั้นเหรอ?”

เขากังวลมาก เพราะต่อให้เสี่ยวเยว่เฟิงจะไม่สามารถทำอะไรกับพวกเขาได้ แต่การต่อสู้อันครึกโครมของผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์ เมื่อมันเริ่มขึ้นมันจะต้องดึงดูดกลุ่มกองกำลังน้อยใหญ่ที่อาศัยอยู่ในบริเวณรอบ ๆ ให้มาที่นี่ และเมื่อถึงเวลานั้นที่ตั้งฐานของพวกเขาจะต้องถูกเปิดเผย

และเนื่องจากเกาะน้ำเต้าเป็นเกาะในทะเลชางหมางที่ใหญ่ที่สุด ความแข็งแกร่งของขุมกำลังบนเกาะน้ำเต้านั้นมีความแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก

นอกเหนือจากหมู่บ้านดาบศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเป็นสำนักที่ทรงพลังแล้วยังมีอาณาจักรหลงซานอีกแห่งบนเกาะน้ำเต้า

อาณาจักรหลงซาน เป็นอาณาจักรที่ทรงพลังอย่างแท้จริงและมีรากฐานอำนาจมาจากการที่เคยรวมทะเลชางหมางได้สำเร็จในอดีต หากพวกเขาสามารถค้นหาที่อยู่ของฐานบัญชาการหลักของกลุ่มเสื้อคลุมโลหิตได้แล้ว พวกเขาจะต้องมาปราบกลุ่มเสื้อคลุมโลหิตอย่างแน่นอน

เมื่อถึงเวลาแห่งการต่อสู้ที่นองเลือดกับสองขุมพลังเจ้าถิ่น ใครจะรู้ว่ากลุ่มเสื้อคลุมโลหิตของพวกเขาจะเหลืออยู่กี่คน?

เสี่ยวเยว่เฟิงเพิกเฉยต่อเหริ่นอี้ฟาง และแนะนำหลิงตู้ฉิง “นายท่าน ฐานบัญชาการหลักของกลุ่มเสื้อคลุมโลหิตอยู่ใน ‘ถ้ำนภาไพศาล’ เมื่อตอนที่เราหนีออกมาจากภูเขาฟีนิกซ์ยังมีบรรดาพวกเราอีกหลายคนที่ยังไม่เติบโตเต็มที่ พวกเขาทั้งหมดยังคงหลับใหลอยู่ภายในถ้ำนภาไพศาล ถ้ำแห่งนี้ที่ซ่อนอยู่บางครั้งมันก็สามารถย้ายไปมาได้เช่นกัน หากไม่มีคนของเราเป็นผู้นำทางก็ยากที่จะหามันพบ”

“ถ้าน้องสาวของเจ้าอยู่ในถ้ำนภาไพศาล ดังนั้นเจ้าก็ไม่ต้องกังวลอะไรทั้งนั้น” หลิงตู้ฉิงยิ้ม “ตราบใดที่ข้าเข้าไปในถ้ำนภาไพศาลได้ บางทีถ้ำนภาไพศาลอาจจะกลายเป็นของข้า”

เสี่ยวเยว่เฟิงเหลือบมองไปที่เหริ่นอี้ฟาง และพูดว่า “นายท่าน ยังมีผู้บริสุทธิ์อยู่ที่นี่…”

หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดว่า “ง่ายมาก แค่ให้คนเหล่านั้นไปสวามิภักดิ์กับยี่เทียนก็พอ”

เสี่ยวเยว่เฟิงยังคงเงียบ

อย่างไรก็ตาม เหริ่นอี้ฟางไม่สามารถรับเรื่องนี้ได้อีกต่อไป

เขาไม่รู้ว่าหลิงตู้ฉิงพูดเกินจริงหรือไม่ เขาสามารถขโมย ‘ถ้ำนภาไพศาล’ ไปเป็นของตัวเองได้จริงหรือ?

อย่างไรก็ตามเขาไม่กล้าที่จะเสี่ยง

“น้องสาวของเจ้าตอนนี้ไม่ได้อยู่ที่ฐานบัญชาการของเรา นางออกไปปฏิบัติภารกิจได้สักพักแล้ว!” เหริ่นอี้ฟางรีบพูด

เมื่อได้ยินเช่นนี้อารมณ์ของเสี่ยวเยว่เฟิงก็พุ่งขึ้นทันทีและพูดอย่างเย็นชา “น้องสาวของข้ายังไม่ถึงขอบเขตประสานทะเลปราณด้วยซ้ำไม่ใช่หรือยังไง? แล้วทำไมพวกเจ้าถึงได้ปล่อยให้นางไปทำภารกิจกัน?”

แค่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตรวมแสงดาราระดับแรกก็เพียงพอที่จะเอาชีวิตน้องสาวนางแล้ว! ดังนั้นเสี่ยวเยว่เฟิงจึงเริ่มกังวลทันที

“นางเป็นคนขอไปเอง!” เหริ่นอี้ฟางรีบพูด

“เจ้าส่งน้องสาวข้าไปที่ไหน?” เสี่ยวเยว่เฟิงถามอย่างเย็นชา

“นางต้องการออกไปทำภารกิจเพื่อพัฒนาตัวเองให้แข็งแกร่งขึ้น ดังนั้นเราจึงให้นางไปที่เกาะวายุคลั่ง” เหริ่นอี้ฟางตอบ

“ข้าหวังว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับน้องสาวของข้า ไม่อย่างนั้นเรื่องจะไม่จบลงแค่นี้แน่” เสี่ยวเยว่เฟิงมองไปที่เหริ่นอี้ฟางอย่างโกรธเกรี้ยว

หลิงตู้ฉิงพูดเบา ๆ ว่า “ขึ้นรถแล้วไปที่เกาะวายุคลั่งกันเถอะ!”

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) 260 กลุ่มคนที่น่าสังเวช

Now you are reading พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) Chapter 260 กลุ่มคนที่น่าสังเวช at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 260 กลุ่มคนที่น่าสังเวช

เมื่อได้รับคำสั่งของหลิงตู้ฉิง มี่ไลและหลิวเฟ่ยเฟ่ยก็หันกลับไปขึ้นรถ แน่นอนว่าหลิงเทียนหยุนเองก็ขึ้นรถและเตรียมตัวออกเดินทาง

ในขณะที่หลิงตู้ฉิงกำลังจะจากไป เหริ่นอี้ฟางพูดว่า “ถ้าพวกเจ้าต้องการจากไปก็จงไปซะข้าจะไม่ขวาง แต่นางเป็นสมาชิกคนหนึ่งในภูเขาฟีนิกซ์ของข้า นางต้องอยู่!”

เสี่ยวเยว่เฟิงพูดกับหลิงตู้ฉิงด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วน “นายท่าน… “

หลิงตู้ฉิงเหลือบมองไปที่เหริ่นอี้ฟาง จากนั้นมองไปที่เสี่ยวเยว่เฟิงและพูดว่า “พวกเขาถูกไล่ล่ามาอย่างน่าสังเวชจนในที่สุดก็ต้องมาลงเอยเป็นผู้ลี้ภัยอยู่ที่ทะเลชางหมางเช่นนี้ แต่ยังมีหน้ามาทำโอหังลอยหน้าลอยตาอยู่ต่อข้าแบบนี้อีกงั้นเหรอ? มากับข้า ข้าจะแจ้งภูเขาฟีนิกซ์และให้เจ้าเข้าสู่วรรณะปกครองของพวกเขา ส่วนสำหรับไอ้คนกลุ่มนี้ ข้าจะแจ้งภูเขาฟีนิกซ์ให้ไล่พวกเขาออกไป ข้าเชื่อว่าภูเขาฟีนิกซ์จะต้องทำตามคำสั่งของข้าแน่นอน”

ก่อนที่เสี่ยวเยว่เฟิงจะพูดอะไร เหริ่นอี้ฟางก็หัวเราะเยาะ “เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใครถึงจะทำให้นางเข้าสู่วรรณะปกครองได้? แถมเจ้ายังบอกว่าสามารถขับไล่พวกข้าออกจากภูเขาฟีนิกซ์ได้งั้นเหรอ? นอกจากนี้นางเป็นสมาชิกของเผ่าพันธุ์เรา ดังนั้นนางต้องฟังคำสั่งของนายน้อยของเราเสมอ”

เหริ่นอี้ฟางที่ไม่ทราบถึงความลึกลับของหลิงตู้ฉิง ซึ่งผิดกับเสี่ยวเยว่เฟิงที่รู้หลายอย่างเกี่ยวกับความลึกลับของเขา ถ้าเขาสามารถสอน ‘คาถาวัฏจักรศักดิ์สิทธิ์’ ให้นางได้ การเข้าร่วมกับวรรณะปกครองก็ไม่ใช่เรื่องตลก

นางพูดอย่างซาบซึ้ง “ขอบคุณมากนายท่าน แต่ข้ายังไปไม่ได้ ข้ายังมีน้องสาวและนางยังอยู่ในฐานบัญชาการหลัก ข้าต้องไปรับนางก่อนและข้าหวังว่านายท่านจะสามารถทำให้ความปรารถนานั้นเป็นจริงแก่ข้าได้”

“งั้นก็ไปรับนางเดี๋ยวนี้” หลิงตู้ฉิงออกคำสั่งราวกับว่ามันเป็นเรื่องปกติธรรมดา

เสี่ยวเยว่เฟิงมองไปที่เหริ่นอี้ฟาง แต่สิ่งที่นางได้รับคือท่าทีที่เย็นชาของเหริ่นอี้ฟาง

“นี่เจ้าจะขัดคำสั่งข้าและจากไปจริง ๆ งั้นเหรอ? เจ้าเชื่อคำโกหกของเขางั้นเหรอ?” เหริ่นอี้ฟางพูดอย่างเย็นชา “เจ้ารู้หรือไม่ว่าการกระทำของเจ้าหมายถึงอะไร? เจ้ากำลังกลายเป็นคนทรยศต่อคนของเราทั้งหมด!”

เสี่ยวเยว่เฟิงเงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดว่า “เชื้อสายของข้าสืบทอดมาตั้งแต่บรรพบุรุษ ซึ่งจนถึงปัจจุบันคงมีแค่ครอบครัวข้าพวกเดียวเท่านั้นที่เหลืออยู่ เมื่อพ่อแม่ของข้าหนีออกจากภูเขาฟีนิกซ์ พวกเขาเองก็ได้ต่อสู้แบบเดิมพันชีวิต และข้ากลัวว่าพวกเขาเองก็น่าจะตายไปแล้ว ดังนั้นตอนนี้จึงเหลือข้าและน้องสาวของข้าเท่านั้นที่ยังคงเหลือรอด และตอนนี้นายท่านอนุญาตให้ข้าสองพี่น้องเข้าร่วมกับวรรณะปกครองแล้ว นับแต่นี้เป็นต้นไปข้าและน้องสาวขอตัดความสัมพันธ์กับพวกท่านนับแต่เป็นต้นไป”

“ดี! ดีมาก!” เหริ่นอี้ฟางหัวเราะ “ในเมื่อเจ้าต้องการทรยศเรา ดังนั้นอย่าโทษว่าข้าเลือดเย็นก็แล้วกัน เจ้าคิดว่าการเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์นั้นพิเศษมากนักเหรอไง? เจ้ารู้รึเปล่าว่าพวกข้าเองก็มีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์ด้วยเช่นกัน สำหรับน้องสาวของเจ้า เนื่องจากเจ้าต้องการหักหลังพวกเรา นางจะต้องติดตามเราจนกว่านางจะสามารถชดใช้บาปของเจ้าจนหมด!”

“นายท่าน…” เสี่ยวเยว่เฟิงเอ่ยอย่างกังวล

เสี่ยวเยว่เฟิงรู้ดีว่าไม่ว่านางจะมีพลังมากแค่ไหน แต่มันก็เป็นไปไม่ได้ที่นางจะใช้กำลังของตัวเองเพียงอย่างเดียวเพื่อพาน้องสาวของนางออกจากฐานบัญชาการหลักของกลุ่มเสื้อคลุมโลหิต

และที่สำคัญน้องสาวนางเป็นคนในครอบครัวคนเดียวที่นางมี นางจึงกังวลมากว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับน้องสาว

หลิงตู้ฉิงพูดเบา ๆ “สอยเขาลงมา แล้วเราจะไปที่ฐานบัญชาการหลักของกลุ่มเสื้อคลุมโลหิตกัน”

“นี่พวกแกกล้างั้นเหรอ!” เหริ่นอี้ฟางอารมณ์พุ่งปรี้ด ในขณะเดียวกันเขาก็หันกลับและเตรียมตัวที่จะหนีทันที

อย่างไรก็ตามในขณะที่เขากำลังจะหนี เสี่ยวเยว่เฟิงก็ได้ปลดปล่อยพลังวิญญาณสายเลือดของนางห่อหุ้มเหริ่นอี้ฟางไว้

และความแตกต่างของพลังระหว่างผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์และผู้เชี่ยวชาญที่ระดับต่ำกว่าก็ปรากฎขึ้นแก่สายตา เหริ่นอี้ฟางไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ในทันที

เหริ่นอี้ฟางรู้สึกตกตะลึงมาก นอกเหนือจากการรับรู้ถึงความแตกต่างในพลังของเสี่ยวเยว่เฟิงกับตัวเองแล้ว เขายังรู้สึกถึงการถูกข่มจากสายเลือดที่เหนือกว่าของนาง

เนื่องจากเขาเป็นคนที่มาจากภูเขาฟีนิกซ์ เขาก็เป็นคนที่มีสายเลือดฟีนิกซ์ไหลเวียนอยู่ด้วยเช่นกัน

เหตุผลที่เขาไม่อ่อนข้อให้เสี่ยวเยว่เฟิงก็เพราะเขามั่นใจว่าสายเลือดของเขานั้นสูงส่งกว่าเสี่ยวเยว่เฟิง

แต่ในขณะนี้เขากลับรู้สึกถึงการข่มจากสายเลือดที่เหนือกว่าอยู่หลายขั้น ซึ่งแม้ว่าจะเป็นนายน้อยจากกลุ่มของเขาเอง เขาก็ยังไม่เคยรู้สึกกดดันได้ถึงขนาดนี้มาก่อน

มีเพียงตอนที่เขาไปเยี่ยมเผ่าจักรพรรดิที่ภูเขาฟีนิกซ์ที่เขารู้สึกแบบนี้

เป็นไปได้ไหมว่าสิ่งที่คนตรงหน้าพูดจะเป็นเรื่องจริง สายเลือดของผู้หญิงคนนี้ได้เป็นถึงวรรณะปกครองแล้วจริง ๆ? เขาทั้งตกใจและสับสน

เสี่ยวเยว่เฟิงจับเหริ่นอี้ฟาง และมองไปที่หลิงตู้ฉิง “นายท่าน จะให้ข้านำพวกเราตรงไปที่ฐานบัญชาการหลักของกลุ่มเสื้อคลุมโลหิตเลยงั้นเหรอ? มันจะดีกว่าไหมถ้าให้ข้าไปคนเดียว?”

นางรู้ว่าการออกเดินทางในครั้งนี้ หลิงตู้ฉิงไม่ได้นำหลิงจู้และรถม้าคันเดิมออกมาด้วย เพราะของเหล่านั้นมันไม่สามารถนำเข้าไปในเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับได้และอาจจะกลายเป็นต้นตอของปัญหาเสียมากกว่า

และเมื่อไม่มีหลิงจู้และรถม้า นางก็ไม่แน่ใจว่าหลิงตู้ฉิงจะยังคงมีความแข็งแกร่งมากถึงขนาดไหน เพราะนางมั่นใจว่าที่ฐานบัญชาการหลักของกลุ่มเสื้อคลุมโลหิต มันจะไม่ได้มีเพียงผู้เชี่ยวชาญขอบเขตครึ่งสวรรค์เพียงอย่างเดียวแน่นอน

หลิงตู้ฉิงพูดอย่างเฉยเมย “ไม่ต้องกังวล ไปที่นั่นกันเลย ถ้าพวกเขากล้าทำอะไรก็ให้ทำไป ถึงตอนนั้นข้าจะให้ซือโถวช่วยเจ้า”

“ขอบคุณ นายท่าน!” เสี่ยวเยว่เฟิงพยักหน้า และบอกเส้นทางให้กงหนิวลากรถม้าไปยังฐานบัญชาการหลักของกลุ่มเสื้อคลุมโลหิตด้วยความเร็วปานกลาง

เหริ่นอี้ฟางพูดอย่างเย็นชาที่ด้านข้าง “แค่เจ้าทรยศพวกเรานี่ยังไม่เพียงพออีกเหรอ? เจ้าจะฆ่าทุกคนงั้นเหรอ?”

เขากังวลมาก เพราะต่อให้เสี่ยวเยว่เฟิงจะไม่สามารถทำอะไรกับพวกเขาได้ แต่การต่อสู้อันครึกโครมของผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์ เมื่อมันเริ่มขึ้นมันจะต้องดึงดูดกลุ่มกองกำลังน้อยใหญ่ที่อาศัยอยู่ในบริเวณรอบ ๆ ให้มาที่นี่ และเมื่อถึงเวลานั้นที่ตั้งฐานของพวกเขาจะต้องถูกเปิดเผย

และเนื่องจากเกาะน้ำเต้าเป็นเกาะในทะเลชางหมางที่ใหญ่ที่สุด ความแข็งแกร่งของขุมกำลังบนเกาะน้ำเต้านั้นมีความแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก

นอกเหนือจากหมู่บ้านดาบศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเป็นสำนักที่ทรงพลังแล้วยังมีอาณาจักรหลงซานอีกแห่งบนเกาะน้ำเต้า

อาณาจักรหลงซาน เป็นอาณาจักรที่ทรงพลังอย่างแท้จริงและมีรากฐานอำนาจมาจากการที่เคยรวมทะเลชางหมางได้สำเร็จในอดีต หากพวกเขาสามารถค้นหาที่อยู่ของฐานบัญชาการหลักของกลุ่มเสื้อคลุมโลหิตได้แล้ว พวกเขาจะต้องมาปราบกลุ่มเสื้อคลุมโลหิตอย่างแน่นอน

เมื่อถึงเวลาแห่งการต่อสู้ที่นองเลือดกับสองขุมพลังเจ้าถิ่น ใครจะรู้ว่ากลุ่มเสื้อคลุมโลหิตของพวกเขาจะเหลืออยู่กี่คน?

เสี่ยวเยว่เฟิงเพิกเฉยต่อเหริ่นอี้ฟาง และแนะนำหลิงตู้ฉิง “นายท่าน ฐานบัญชาการหลักของกลุ่มเสื้อคลุมโลหิตอยู่ใน ‘ถ้ำนภาไพศาล’ เมื่อตอนที่เราหนีออกมาจากภูเขาฟีนิกซ์ยังมีบรรดาพวกเราอีกหลายคนที่ยังไม่เติบโตเต็มที่ พวกเขาทั้งหมดยังคงหลับใหลอยู่ภายในถ้ำนภาไพศาล ถ้ำแห่งนี้ที่ซ่อนอยู่บางครั้งมันก็สามารถย้ายไปมาได้เช่นกัน หากไม่มีคนของเราเป็นผู้นำทางก็ยากที่จะหามันพบ”

“ถ้าน้องสาวของเจ้าอยู่ในถ้ำนภาไพศาล ดังนั้นเจ้าก็ไม่ต้องกังวลอะไรทั้งนั้น” หลิงตู้ฉิงยิ้ม “ตราบใดที่ข้าเข้าไปในถ้ำนภาไพศาลได้ บางทีถ้ำนภาไพศาลอาจจะกลายเป็นของข้า”

เสี่ยวเยว่เฟิงเหลือบมองไปที่เหริ่นอี้ฟาง และพูดว่า “นายท่าน ยังมีผู้บริสุทธิ์อยู่ที่นี่…”

หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดว่า “ง่ายมาก แค่ให้คนเหล่านั้นไปสวามิภักดิ์กับยี่เทียนก็พอ”

เสี่ยวเยว่เฟิงยังคงเงียบ

อย่างไรก็ตาม เหริ่นอี้ฟางไม่สามารถรับเรื่องนี้ได้อีกต่อไป

เขาไม่รู้ว่าหลิงตู้ฉิงพูดเกินจริงหรือไม่ เขาสามารถขโมย ‘ถ้ำนภาไพศาล’ ไปเป็นของตัวเองได้จริงหรือ?

อย่างไรก็ตามเขาไม่กล้าที่จะเสี่ยง

“น้องสาวของเจ้าตอนนี้ไม่ได้อยู่ที่ฐานบัญชาการของเรา นางออกไปปฏิบัติภารกิจได้สักพักแล้ว!” เหริ่นอี้ฟางรีบพูด

เมื่อได้ยินเช่นนี้อารมณ์ของเสี่ยวเยว่เฟิงก็พุ่งขึ้นทันทีและพูดอย่างเย็นชา “น้องสาวของข้ายังไม่ถึงขอบเขตประสานทะเลปราณด้วยซ้ำไม่ใช่หรือยังไง? แล้วทำไมพวกเจ้าถึงได้ปล่อยให้นางไปทำภารกิจกัน?”

แค่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตรวมแสงดาราระดับแรกก็เพียงพอที่จะเอาชีวิตน้องสาวนางแล้ว! ดังนั้นเสี่ยวเยว่เฟิงจึงเริ่มกังวลทันที

“นางเป็นคนขอไปเอง!” เหริ่นอี้ฟางรีบพูด

“เจ้าส่งน้องสาวข้าไปที่ไหน?” เสี่ยวเยว่เฟิงถามอย่างเย็นชา

“นางต้องการออกไปทำภารกิจเพื่อพัฒนาตัวเองให้แข็งแกร่งขึ้น ดังนั้นเราจึงให้นางไปที่เกาะวายุคลั่ง” เหริ่นอี้ฟางตอบ

“ข้าหวังว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับน้องสาวของข้า ไม่อย่างนั้นเรื่องจะไม่จบลงแค่นี้แน่” เสี่ยวเยว่เฟิงมองไปที่เหริ่นอี้ฟางอย่างโกรธเกรี้ยว

หลิงตู้ฉิงพูดเบา ๆ ว่า “ขึ้นรถแล้วไปที่เกาะวายุคลั่งกันเถอะ!”

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+