พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) 576 ห้ามเรียนรู้ ห้ามจดจำ ห้ามมอง!

Now you are reading พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) Chapter 576 ห้ามเรียนรู้ ห้ามจดจำ ห้ามมอง! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 576 ห้ามเรียนรู้ ห้ามจดจำ ห้ามมอง!

บรรดาผู้คนต่างไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่าเมื่อพวกเขาเข้ามาในตำหนักศักดิ์สิทธิ์หลีเทียน ประโยชน์แรกที่พวกเขาได้รับก็คือเคล็ดวิชา

หลาย ๆ คนที่เห็นเช่นนี้ต่างก็รู้สึกดีใจจนแทบคลั่ง พวกเขารีบเปิดอ่านคัมภีร์ที่ลอยอยู่ตรงหน้าทันที

“เคล็ดวิชานี้มันคือวิชาหลอมโอสถนี่นา! หากข้าเรียนรู้มันได้ทั้งหมดเมื่อไหร่ มันไม่ใช่ว่าข้าจะสามารถหลอมโอสถระดับสวรรค์ได้ง่ายราวดีดนิ้วเลยไม่ใช่งั้นเหรอ ข้ารวยแล้ว!”

“ฮ่าฮ่าฮ่า ของข้าเป็นวิธีการเพาะเลี้ยงสมุนไพรระดับสวรรค์ไปจนถึงระดับจักรพรรดิ!”

“ฮ่า! ของข้าเป็นวิธีการสร้างสมบัติวิเศษระดับจักรพรรดิ!”

“ข้าได้วิธีการสร้างสมบัติแห่งชะตาชีวิต!”

เหล่าผู้คนต่างตะโกนร้องดีใจกันอย่างบ้าคลั่ง

ทางด้านของเหล่าสำนักต่าง ๆ ที่เห็นเช่นนี้ บรรดาตัวตนระดับสูงของสำนักก็พากันออกคำสั่งกับศิษย์ของตัวเอง “จงอ่านเคล็ดต่าง ๆ ในคัมภีร์และจดจำมันเอาไว้ในหัว สำหรับใครที่คิดว่าสามารถฝึกมันได้ก็จงฝึกมันได้เลย ส่วนถ้าใครคิดว่าฝึกไม่ได้ก็จงจดจำรายละเอียดไว้รอกลับไปถึงสำนักแล้วค่อยคัดลอกพวกมันส่งให้กับหอคัมภีร์ของเรา ข้าสัญญาว่าจะแจกแต้มคุณูปการให้อย่างงาม!”

บรรดาตัวตนระดับสูงเหล่านี้ไม่สนใจที่จะฝึกหรืออ่านเคล็ดวิชาเหล่านี้ด้วยตัวเองเพราะพวกเขาไม่ต้องการเปลี่ยนเส้นทางการบ่มเพาะของตนเองอีกแล้ว และสิ่งที่พวกเขาสนใจจริง ๆ ของที่นี่ก็คือสมบัติไม่ใช่เคล็ดวิชา

“ท่านเจ้าสำนัก ข้าคิดว่าพวกเราเองก็จำเป็นต้องจดจำวิชาพวกนี้เอาไว้เพื่อไปเก็บไว้ในสำนักของเราเช่นกัน” หนิงฉิงพูดกับหมิงยู่

แต่ก่อนที่หมิงยู่จะพยักหน้าตกลง หลิงตู้ฉิงก็พูดแทรกขึ้นมาก่อน “ห้ามจดจำ ห้ามฝึกฝน ห้ามมองดูมัน!”

เมื่อได้ยินเช่นนี้เหล่าคนของหลิงตู้ฉิงที่กำลังมองไปยังคัมภีร์ตรงหน้าด้วยความอยากรู้อยากเห็นก็ก้มหน้าลงทันที

พวกเขาอยู่กับหลิงตู้ฉิงมานานจนรู้ว่าถ้าหากพวกเขาไม่ฟังคำพูดของหลิงตู้ฉิงแล้วล่ะก็พวกเขาได้ถึงคราวซวยแน่ ๆ

มู่หลงหยานถามขึ้นด้วยความสงสัยทันที “มันมีปัญหาอะไรงั้นเหรอ?”

หลิงตู้ฉิงยิ้มแต่ไม่ได้ตอบคำถามของมู่หลงหยาน เขาหันไปพูดกับคนของเขาแทน “พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องสนใจอะไรทั้งนั้น แค่เดินตามข้าเข้าไปด้านในตำหนักก็พอ”

หนิงฉิงกับเล้งหยวนมองไปที่หมิงยู่ และหลิงตู้ฉิงด้วยสีหน้าจนใจ

พวกเขาต่างบ่นพึมพำกันในใจ

หากจะห้ามแล้วก็ควรจะอธิบายอะไรบ้างสักหน่อยไม่ได้เลยเหรอไง?

มันไม่ใช่แค่หลิงตู้ฉิงเพียงคนเดียวเท่านั้นที่พาคนเดินต่อไปที่ประตูทางเข้าชั้นในของตำหนัก มันยังมีเหล่าตัวตนระดับสูงของสำนักอื่น ๆ ที่ทิ้งศิษย์ของตัวเองไว้บางส่วนไว้ที่นี่เพื่อให้จำเคล็ดวิชาและพาส่วนที่เหลือมุ่งหน้าเข้าไปต่อ

เมื่อพวกเขาได้มาถึงที่ประตูทางเข้า จู่ ๆ พวกเขาก็ได้ยินเสียงกรีดร้องด้วยความตื่นตระหนก ซึ่งเมื่อทุกคนหันไปมองทุกคนก็ได้เห็นว่าเหล่าผู้คนที่กำลังฝึกฝนเคล็ดวิชาอยู่กลางลานบางคนเริ่มหายตัวไปเรื่อย ๆ

“นี่มัน…”

ทุกคนต่างรู้สึกอึ้งกับภาพที่เห็น พวกเขางุนงงว่าคนที่หายไปถูกส่งตัวไปที่ไหนกัน?

ราวกับว่ามันรู้ความคิดของเหล่าผู้คน จิตวิญญาณของตำหนักศักดิ์สิทธิ์หลีเทียนเอ่ยขึ้นอธิบายทันที “คนเหล่านั้นได้บรรลุเคล็ดวิชาของตำหนักศักดิ์สิทธิ์หลีเทียนแล้ว พวกเขาจึงถูกส่งตัวเข้าไปด้านในตำหนักทันที นี่เป็นทางลัดอีกช่องทางหนึ่งในการเข้าไปยังด้านในตำหนัก ว่าแต่พวกเจ้าที่ไม่ยอมเรียนรู้เคล็ดวิชาที่ข้าส่งไปให้ พวกเจ้าต้องการถอนตัวงั้นหรือ?”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลิงตู้ฉิงยิ้มแต่ไม่พูดอะไรออกไป เขาพาคนของเขาเดินต่อไปที่ประตูทางเข้าโดยไม่สนใจอะไรต่อ

ทางด้านของเย่ชางคงและคนอื่น ๆ ต่างก็ยิ้มและพูดขึ้นว่า “พวกเราต้องการแค่เข้าไปในตำหนักเท่านั้น พวกเราไม่ต้องการเรียนรู้เคล็ดวิชาใด ๆ ที่นี่ทั้งสิ้น”

วิญญาณตำหนักส่ายหน้าเล็กน้อย “ข้าบอกเจ้าไปแล้วไงว่าถ้าพวกเจ้าต้องการเข้าไปด้านในตำหนัก พวกเจ้าต้องเรียนรู้เคล็ดวิชาของพวกเราซะก่อน และอย่าได้คิดจะใช้กำลังในการบุกทะลวงเข้าไปเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นพวกเจ้าจะได้เจอกับอำนาจที่พวกเจ้าไม่อาจเทียบได้”

“แต่ในเมื่อพวกเจ้าไม่ยอมเรียนรู้วิชาเหล่านั้นที่ข้ามอบให้ก่อนหน้านี้ งั้นข้าจะมอบเคล็ดวิชาการควบคุมเพลิงใหม่ให้กับพวกเจ้าเพื่อใช้ในการต้านเพลิงที่ประตูทางเข้า หากพวกเจ้าไม่เรียนรู้มันพวกเจ้าจะไม่มีวันผ่านเปลวเพลิงที่สถิตตรงประตูไปได้”

เมื่อวิญญาณตำหนักพูดจบมันก็ส่งเคล็ดการควบคุมเพลิงให้กับทุกคนที่อยู่ใกล้กับประตูทันที

บรรดาศิษย์ของทั้งสามสำนักมหาอำนาจรวมไปถึงเหล่าผู้เชี่ยวชาญขอบเขตราชันขึ้นไป ต่างก็อดไม่ได้ที่จะมองไปยังคัมภีร์ที่ลอยอยู่ตรงหน้า

“นี่มันเป็นเคล็ดการควบคุมเพลิงจริง ๆ ที่สำคัญมันไม่ได้ด้อยไปกว่าเคล็ดของสำนักข้าเลยด้วยซ้ำ!” จิ๋นฉีฮ่าวจากสำนักเบญจธาตุเอ่ยขึ้น

ด้วยคำพูดยืนยันของจิ๋นฉีฮ่าว ผู้คนมากมายก็เริ่มที่จะทำการฝึกมัน

“พวกเจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้ดู ให้เรียนรู้ ให้จดจำ!” หลิงตู้ฉิงพูดกับบรรดาคนของเขาที่ยืนอยู่ข้างหลัง

บรรดาผู้คนกลุ่มอื่นที่อยู่รอบ ๆ ต่างก็ได้ยินสิ่งที่หลิงตู้ฉิงพูดเช่นกัน ซึ่งมันทำให้พวกเขาอดไม่ได้ที่จะมองไปยังหลิงตู้ฉิงด้วยสายตาแปลกประลาด แต่พวกเขาก็ไม่ได้เอาคำพูดของหลิงตู้ฉิงไปใส่ใจมากนัก

แต่แล้วจู่ ๆ ก็มีคนผู้หนึ่งมีเพลิงปะทุออกมาจากร่างกายอย่างบ้าคลั่ง ซึ่งคนผู้นั้นก็ไม่ใช่ใครอื่น เขาคือ เย่เจียงไห่!

เย่เจียงไห่ตะโกนขึ้นด้วยความดีใจ “ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าสำเร็จเคล็ดการควบคุมเพลิงแล้ว!”

เมื่อพูดจบเขาก็เล่นกับพลังใหม่ของเข้า เขาโบกมือไปมาสร้างมังกรเพลิงขึ้นบนอากาศและปล่อยให้มันบินวนไปมาราวกับว่ามันมีชีวิต

เมื่อบรรดาผู้คนเห็นภาพที่น่าตื่นตาเช่นนี้ คนบางกลุ่มที่ยังลังเลอยู่ในตอนแรกก็ไม่ลังเลอีกต่อไปรีบทำการฝึกเคล็ดการควบคุมเพลิงทันที แม้แต่ศิษย์ของสำนักเบญจธาตุบางคนก็ร่วมวงฝึกด้วยเช่นกัน

หลิงตู้ฉิงเดินออกจากกลุ่มคนของเขาไปหยุดอยู่หน้าเย่เจียงไห่ และพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มว่า “จงจำเอาไว้ เจ้ายังค้างพริกหยกเพลิงเจ็ดสีกับข้าอยู่!”

เย่เจียงไห่ที่เพิ่งดีใจกับการที่เขาเพิ่งบรรลุพลังใหม่ แต่กลับถูกหลิงตู้ฉิงขัดความสุขแบบนี้ เขาจึงตอบกลับด้วยสีหน้าไม่พอใจนัก “เจ้าก็จงจำเอาไว้เหมือนกันว่าข้าจะคืนให้เจ้าแน่นอนหลังจากที่ออกจากที่นี่ไปแล้ว!”

จากนั้นเขาอดไม่ได้ที่ก่นด่าในใจ

มันก็แค่พริกหยกเพลิงเจ็ดสีไม่ใช่สมุนไพรระดับสวรรค์ขั้นสูงสุดสักหน่อย จะมาตามทวงบ่อย ๆ ทำไมกัน?

ข้าเป็นถึงลูกชายของเจ้าสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ เจ้ากลับมาทวงของต่อหน้าคนอื่นมากมายแบบนี้ เจ้าเป็นบ้าอะไรถึงไม่ไว้หน้าข้าบ้างเลย?

เมื่อเอ่ยเตือนจบ หลิงตู้ฉิงก็ไม่ได้สนใจอะไรเย่เจียงไห่อีก เขาพาคนของเขาเดินตรงไปที่ประตูทางเข้า

แต่แล้วในเวลาเดียวกับที่พวกเขาเดินเข้าไปใกล้กับประตูทางเข้าตำหนัก จู่ ๆ ก็มีเปลวเพลิงลุกขึ้นท่วมบดบังประตูและกำแพงทั้งหมดเอาไว้

เมื่อเห็นเช่นนี้ทุกคนก็เข้าใจแล้วว่าทำไมวิญญาณตำหนักถึงได้บอกให้พวกเขาต้องเรียนรู้เคล็ดการควบคุมเพลิงก่อนเพื่อที่จะสามารถเข้าไปด้านในตำหนักได้

วิญญาณตำหนักเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “อย่างที่ข้าเคยบอกไปก่อนหน้านี้ พวกเจ้าต้องเรียนรู้เคล็ดการควบคุมเพลิงของเราก่อน ไม่อย่างนั้นพวกเจ้าไม่มีวันเข้าไปด้านในตำหนักได้อย่างแน่นอน”

หลิงตู้ฉิงยิ้มและเอ่ยขึ้นว่า “จริงเหรอ?”

เมื่อพูดจบ หลิงตู้ฉิงพาคนของเขาไปยืนหน้าประตู จากนั้นเขาชี้นิ้วไปที่เปลวเพลิงที่กำลังลุกท่วมประตูอยู่และพูดว่า “หลีกทางไปซะ ข้าจะเข้าไป!”

จากนั้นภาพอันมหัศจรรย์ก็ปรากฏขึ้นคือ เปลวเพลิงที่ลุกท่วมอยู่หน้าประตูได้แหวกออกเว้นช่องว่างให้หลิงตู้ฉิงได้ผลักบานประตูเข้าไปด้านในพร้อมกับคนของเขา!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) 576 ห้ามเรียนรู้ ห้ามจดจำ ห้ามมอง!

Now you are reading พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) Chapter 576 ห้ามเรียนรู้ ห้ามจดจำ ห้ามมอง! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 576 ห้ามเรียนรู้ ห้ามจดจำ ห้ามมอง!

บรรดาผู้คนต่างไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่าเมื่อพวกเขาเข้ามาในตำหนักศักดิ์สิทธิ์หลีเทียน ประโยชน์แรกที่พวกเขาได้รับก็คือเคล็ดวิชา

หลาย ๆ คนที่เห็นเช่นนี้ต่างก็รู้สึกดีใจจนแทบคลั่ง พวกเขารีบเปิดอ่านคัมภีร์ที่ลอยอยู่ตรงหน้าทันที

“เคล็ดวิชานี้มันคือวิชาหลอมโอสถนี่นา! หากข้าเรียนรู้มันได้ทั้งหมดเมื่อไหร่ มันไม่ใช่ว่าข้าจะสามารถหลอมโอสถระดับสวรรค์ได้ง่ายราวดีดนิ้วเลยไม่ใช่งั้นเหรอ ข้ารวยแล้ว!”

“ฮ่าฮ่าฮ่า ของข้าเป็นวิธีการเพาะเลี้ยงสมุนไพรระดับสวรรค์ไปจนถึงระดับจักรพรรดิ!”

“ฮ่า! ของข้าเป็นวิธีการสร้างสมบัติวิเศษระดับจักรพรรดิ!”

“ข้าได้วิธีการสร้างสมบัติแห่งชะตาชีวิต!”

เหล่าผู้คนต่างตะโกนร้องดีใจกันอย่างบ้าคลั่ง

ทางด้านของเหล่าสำนักต่าง ๆ ที่เห็นเช่นนี้ บรรดาตัวตนระดับสูงของสำนักก็พากันออกคำสั่งกับศิษย์ของตัวเอง “จงอ่านเคล็ดต่าง ๆ ในคัมภีร์และจดจำมันเอาไว้ในหัว สำหรับใครที่คิดว่าสามารถฝึกมันได้ก็จงฝึกมันได้เลย ส่วนถ้าใครคิดว่าฝึกไม่ได้ก็จงจดจำรายละเอียดไว้รอกลับไปถึงสำนักแล้วค่อยคัดลอกพวกมันส่งให้กับหอคัมภีร์ของเรา ข้าสัญญาว่าจะแจกแต้มคุณูปการให้อย่างงาม!”

บรรดาตัวตนระดับสูงเหล่านี้ไม่สนใจที่จะฝึกหรืออ่านเคล็ดวิชาเหล่านี้ด้วยตัวเองเพราะพวกเขาไม่ต้องการเปลี่ยนเส้นทางการบ่มเพาะของตนเองอีกแล้ว และสิ่งที่พวกเขาสนใจจริง ๆ ของที่นี่ก็คือสมบัติไม่ใช่เคล็ดวิชา

“ท่านเจ้าสำนัก ข้าคิดว่าพวกเราเองก็จำเป็นต้องจดจำวิชาพวกนี้เอาไว้เพื่อไปเก็บไว้ในสำนักของเราเช่นกัน” หนิงฉิงพูดกับหมิงยู่

แต่ก่อนที่หมิงยู่จะพยักหน้าตกลง หลิงตู้ฉิงก็พูดแทรกขึ้นมาก่อน “ห้ามจดจำ ห้ามฝึกฝน ห้ามมองดูมัน!”

เมื่อได้ยินเช่นนี้เหล่าคนของหลิงตู้ฉิงที่กำลังมองไปยังคัมภีร์ตรงหน้าด้วยความอยากรู้อยากเห็นก็ก้มหน้าลงทันที

พวกเขาอยู่กับหลิงตู้ฉิงมานานจนรู้ว่าถ้าหากพวกเขาไม่ฟังคำพูดของหลิงตู้ฉิงแล้วล่ะก็พวกเขาได้ถึงคราวซวยแน่ ๆ

มู่หลงหยานถามขึ้นด้วยความสงสัยทันที “มันมีปัญหาอะไรงั้นเหรอ?”

หลิงตู้ฉิงยิ้มแต่ไม่ได้ตอบคำถามของมู่หลงหยาน เขาหันไปพูดกับคนของเขาแทน “พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องสนใจอะไรทั้งนั้น แค่เดินตามข้าเข้าไปด้านในตำหนักก็พอ”

หนิงฉิงกับเล้งหยวนมองไปที่หมิงยู่ และหลิงตู้ฉิงด้วยสีหน้าจนใจ

พวกเขาต่างบ่นพึมพำกันในใจ

หากจะห้ามแล้วก็ควรจะอธิบายอะไรบ้างสักหน่อยไม่ได้เลยเหรอไง?

มันไม่ใช่แค่หลิงตู้ฉิงเพียงคนเดียวเท่านั้นที่พาคนเดินต่อไปที่ประตูทางเข้าชั้นในของตำหนัก มันยังมีเหล่าตัวตนระดับสูงของสำนักอื่น ๆ ที่ทิ้งศิษย์ของตัวเองไว้บางส่วนไว้ที่นี่เพื่อให้จำเคล็ดวิชาและพาส่วนที่เหลือมุ่งหน้าเข้าไปต่อ

เมื่อพวกเขาได้มาถึงที่ประตูทางเข้า จู่ ๆ พวกเขาก็ได้ยินเสียงกรีดร้องด้วยความตื่นตระหนก ซึ่งเมื่อทุกคนหันไปมองทุกคนก็ได้เห็นว่าเหล่าผู้คนที่กำลังฝึกฝนเคล็ดวิชาอยู่กลางลานบางคนเริ่มหายตัวไปเรื่อย ๆ

“นี่มัน…”

ทุกคนต่างรู้สึกอึ้งกับภาพที่เห็น พวกเขางุนงงว่าคนที่หายไปถูกส่งตัวไปที่ไหนกัน?

ราวกับว่ามันรู้ความคิดของเหล่าผู้คน จิตวิญญาณของตำหนักศักดิ์สิทธิ์หลีเทียนเอ่ยขึ้นอธิบายทันที “คนเหล่านั้นได้บรรลุเคล็ดวิชาของตำหนักศักดิ์สิทธิ์หลีเทียนแล้ว พวกเขาจึงถูกส่งตัวเข้าไปด้านในตำหนักทันที นี่เป็นทางลัดอีกช่องทางหนึ่งในการเข้าไปยังด้านในตำหนัก ว่าแต่พวกเจ้าที่ไม่ยอมเรียนรู้เคล็ดวิชาที่ข้าส่งไปให้ พวกเจ้าต้องการถอนตัวงั้นหรือ?”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลิงตู้ฉิงยิ้มแต่ไม่พูดอะไรออกไป เขาพาคนของเขาเดินต่อไปที่ประตูทางเข้าโดยไม่สนใจอะไรต่อ

ทางด้านของเย่ชางคงและคนอื่น ๆ ต่างก็ยิ้มและพูดขึ้นว่า “พวกเราต้องการแค่เข้าไปในตำหนักเท่านั้น พวกเราไม่ต้องการเรียนรู้เคล็ดวิชาใด ๆ ที่นี่ทั้งสิ้น”

วิญญาณตำหนักส่ายหน้าเล็กน้อย “ข้าบอกเจ้าไปแล้วไงว่าถ้าพวกเจ้าต้องการเข้าไปด้านในตำหนัก พวกเจ้าต้องเรียนรู้เคล็ดวิชาของพวกเราซะก่อน และอย่าได้คิดจะใช้กำลังในการบุกทะลวงเข้าไปเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นพวกเจ้าจะได้เจอกับอำนาจที่พวกเจ้าไม่อาจเทียบได้”

“แต่ในเมื่อพวกเจ้าไม่ยอมเรียนรู้วิชาเหล่านั้นที่ข้ามอบให้ก่อนหน้านี้ งั้นข้าจะมอบเคล็ดวิชาการควบคุมเพลิงใหม่ให้กับพวกเจ้าเพื่อใช้ในการต้านเพลิงที่ประตูทางเข้า หากพวกเจ้าไม่เรียนรู้มันพวกเจ้าจะไม่มีวันผ่านเปลวเพลิงที่สถิตตรงประตูไปได้”

เมื่อวิญญาณตำหนักพูดจบมันก็ส่งเคล็ดการควบคุมเพลิงให้กับทุกคนที่อยู่ใกล้กับประตูทันที

บรรดาศิษย์ของทั้งสามสำนักมหาอำนาจรวมไปถึงเหล่าผู้เชี่ยวชาญขอบเขตราชันขึ้นไป ต่างก็อดไม่ได้ที่จะมองไปยังคัมภีร์ที่ลอยอยู่ตรงหน้า

“นี่มันเป็นเคล็ดการควบคุมเพลิงจริง ๆ ที่สำคัญมันไม่ได้ด้อยไปกว่าเคล็ดของสำนักข้าเลยด้วยซ้ำ!” จิ๋นฉีฮ่าวจากสำนักเบญจธาตุเอ่ยขึ้น

ด้วยคำพูดยืนยันของจิ๋นฉีฮ่าว ผู้คนมากมายก็เริ่มที่จะทำการฝึกมัน

“พวกเจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้ดู ให้เรียนรู้ ให้จดจำ!” หลิงตู้ฉิงพูดกับบรรดาคนของเขาที่ยืนอยู่ข้างหลัง

บรรดาผู้คนกลุ่มอื่นที่อยู่รอบ ๆ ต่างก็ได้ยินสิ่งที่หลิงตู้ฉิงพูดเช่นกัน ซึ่งมันทำให้พวกเขาอดไม่ได้ที่จะมองไปยังหลิงตู้ฉิงด้วยสายตาแปลกประลาด แต่พวกเขาก็ไม่ได้เอาคำพูดของหลิงตู้ฉิงไปใส่ใจมากนัก

แต่แล้วจู่ ๆ ก็มีคนผู้หนึ่งมีเพลิงปะทุออกมาจากร่างกายอย่างบ้าคลั่ง ซึ่งคนผู้นั้นก็ไม่ใช่ใครอื่น เขาคือ เย่เจียงไห่!

เย่เจียงไห่ตะโกนขึ้นด้วยความดีใจ “ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าสำเร็จเคล็ดการควบคุมเพลิงแล้ว!”

เมื่อพูดจบเขาก็เล่นกับพลังใหม่ของเข้า เขาโบกมือไปมาสร้างมังกรเพลิงขึ้นบนอากาศและปล่อยให้มันบินวนไปมาราวกับว่ามันมีชีวิต

เมื่อบรรดาผู้คนเห็นภาพที่น่าตื่นตาเช่นนี้ คนบางกลุ่มที่ยังลังเลอยู่ในตอนแรกก็ไม่ลังเลอีกต่อไปรีบทำการฝึกเคล็ดการควบคุมเพลิงทันที แม้แต่ศิษย์ของสำนักเบญจธาตุบางคนก็ร่วมวงฝึกด้วยเช่นกัน

หลิงตู้ฉิงเดินออกจากกลุ่มคนของเขาไปหยุดอยู่หน้าเย่เจียงไห่ และพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มว่า “จงจำเอาไว้ เจ้ายังค้างพริกหยกเพลิงเจ็ดสีกับข้าอยู่!”

เย่เจียงไห่ที่เพิ่งดีใจกับการที่เขาเพิ่งบรรลุพลังใหม่ แต่กลับถูกหลิงตู้ฉิงขัดความสุขแบบนี้ เขาจึงตอบกลับด้วยสีหน้าไม่พอใจนัก “เจ้าก็จงจำเอาไว้เหมือนกันว่าข้าจะคืนให้เจ้าแน่นอนหลังจากที่ออกจากที่นี่ไปแล้ว!”

จากนั้นเขาอดไม่ได้ที่ก่นด่าในใจ

มันก็แค่พริกหยกเพลิงเจ็ดสีไม่ใช่สมุนไพรระดับสวรรค์ขั้นสูงสุดสักหน่อย จะมาตามทวงบ่อย ๆ ทำไมกัน?

ข้าเป็นถึงลูกชายของเจ้าสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ เจ้ากลับมาทวงของต่อหน้าคนอื่นมากมายแบบนี้ เจ้าเป็นบ้าอะไรถึงไม่ไว้หน้าข้าบ้างเลย?

เมื่อเอ่ยเตือนจบ หลิงตู้ฉิงก็ไม่ได้สนใจอะไรเย่เจียงไห่อีก เขาพาคนของเขาเดินตรงไปที่ประตูทางเข้า

แต่แล้วในเวลาเดียวกับที่พวกเขาเดินเข้าไปใกล้กับประตูทางเข้าตำหนัก จู่ ๆ ก็มีเปลวเพลิงลุกขึ้นท่วมบดบังประตูและกำแพงทั้งหมดเอาไว้

เมื่อเห็นเช่นนี้ทุกคนก็เข้าใจแล้วว่าทำไมวิญญาณตำหนักถึงได้บอกให้พวกเขาต้องเรียนรู้เคล็ดการควบคุมเพลิงก่อนเพื่อที่จะสามารถเข้าไปด้านในตำหนักได้

วิญญาณตำหนักเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “อย่างที่ข้าเคยบอกไปก่อนหน้านี้ พวกเจ้าต้องเรียนรู้เคล็ดการควบคุมเพลิงของเราก่อน ไม่อย่างนั้นพวกเจ้าไม่มีวันเข้าไปด้านในตำหนักได้อย่างแน่นอน”

หลิงตู้ฉิงยิ้มและเอ่ยขึ้นว่า “จริงเหรอ?”

เมื่อพูดจบ หลิงตู้ฉิงพาคนของเขาไปยืนหน้าประตู จากนั้นเขาชี้นิ้วไปที่เปลวเพลิงที่กำลังลุกท่วมประตูอยู่และพูดว่า “หลีกทางไปซะ ข้าจะเข้าไป!”

จากนั้นภาพอันมหัศจรรย์ก็ปรากฏขึ้นคือ เปลวเพลิงที่ลุกท่วมอยู่หน้าประตูได้แหวกออกเว้นช่องว่างให้หลิงตู้ฉิงได้ผลักบานประตูเข้าไปด้านในพร้อมกับคนของเขา!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+