ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ 1032 ไม่ได้

Now you are reading ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ Chapter 1032 ไม่ได้ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1032 ไม่ได้

ทันทีที่สิ้นเสียง ภายในห้องโถงก็เงียบกริบ

สีหน้าของหลินเทียนเฟิงเปลี่ยนเป็นแข็งค้าง

“ระดับเจ็ด?”

ฉู่หลิวเยว่พยักหน้าเบาๆ

ตอนนี้นางสามารถหลอมโอสถอายุวัฒนะได้ในระดับเจ็ดได้โดยไม่มีปัญหา

แต่ในระดับที่สูงกว่านี้…นางยังไม่เคยลองมาก่อน ดังนั้นถ้าให้พูดไปตอนนี้คงจะไม่ดีเท่าไร

“อยู่เพียงแค่ระดับเจ็ด แต่เจ้ากลับอวดดีมาพูดว่าสามารถรักษาอาการป่วยของลูกชายข้าได้เนี่ยนะ!?”

หลินเทียนเฟิงโกรธจนหัวเราะ

ก่อนหน้านี้เขายังรู้สึกตื่นเต้นอยู่พักหนึ่ง เพราะคิดว่าจะได้เจอกับยอดฝีมือแล้ว ใครจะรู้เล่าว่า…คนผู้นั้นจะเป็นแค่หมอเทวดาระดับเจ็ดคนหนึ่งเท่านั้น!?

ฉู่หลิวเยว่เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย

เมื่ออยู่ในราชวงศ์เทียนลิ่ง หมอเทวดาระดับเจ็ดจะได้รับการยกย่องสรรเสริญเป็นอย่างมากแล้ว

แต่เมื่อมาอยู่ที่นี่ เห็นได้ชัดว่าไม่อยู่ในสายตาของพวกเขาเลย

“ใครก็ได้! รีบโยนนางออกไป!”

หลินเทียนเฟิงเต็มไปด้วยความโมโห เขาสะบัดแขนเสื้อ แล้วสั่งคนให้โยนนางออกไป

“ช้าก่อน”

ฉู่หลิวเยว่พูดขึ้นเสียงเรียบ

น้ำเสียงของนางเบามาก แต่แฝงไปด้วยแรงกดดันและพลังที่ไม่สามารถเพิกเฉยได้ ทำให้นายทหารรอบข้างที่เตรียมตัวจะมาจับตัวนางต้องชะงักไป

“ประมุขหลิน เพียงเพราะแค่ข้าเป็นหมอเทวดาระดับเจ็ด แม้แต่โอกาสท่านยังไม่ให้ข้าเลยหรือ แล้วยังจะรีบไล่ข้าออกไปเช่นนี้”

“หมอเทวดาระดับเจ็ด! แม้กระทั่งคุณสมบัติของการเป็นหมอเทวดาประจำตระกูลหลินเจ้ายังไม่มีเลย! แล้วเจ้ายังจะลองอีกหรือ?”

ใบหน้าของหลินเทียนเฟิงเต็มไปด้วยความโกรธ พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาอย่างอดไม่ได้

“ฝันกลางวันไปเถอะ!”

ระดับต่ำที่สุดของหมอเทวดาประจำตระกูลหลินคือหมอเทวดาระดับแปดขั้นกลาง!

ระดับที่แข็งแกร่งที่สุด คือผู้ที่สามารถหลอมยาอายุวัฒนะระดับเก้าขั้นสูงสุดได้!

อีกทั้งโรคของจือเฟย พวกเขายังไม่มีหนทางรักษา

แค่หมอเทวดาระดับเจ็ดคนหนึ่ง จะมาอยู่ในสายตาของพวกเขาได้อย่างใด!

หลินเทียนเฟิงรู้สึกว่าเด็กสาวที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ต้องการจะมาหลอกลวงเขา

เขาชำเลืองสายตาไปมองตู๋กูโม่เป่าที่นั่งอยู่ด้านข้าง

ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นว่านางพาเด็กมาด้วย เขาอาจจะลงมือไปนานแล้ว!

“เร็วเข้า! หากยังวุ่นวายอยู่ละก็ อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ!”

ฉู่หลิวเยว่เม้มริมฝีปาก

“ประมุขหลิน คุณชายสี่อ่อนแอมาตั้งแต่กำเนิด เกิดมาก็มีโรคนี้แล้ว แต่ช่วงหลายปีมานี้ อาการ

ค่อยๆ รุนแรงขึ้นใช่หรือไม่?”

เดิมทีหลินเทียนเฟิงจะหมุนกายเดินกลับไปแล้ว แต่เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เขาก็ชะงักฝีเท้า

เขาหันหน้ากลับมามองฉู่หลิวเยว่ด้วยความประหลาดใจ

ฉู่หลิวเยว่พูดต่อว่า

“หากข้าเดาไม่ผิด ในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมานี้คุณชายสี่เริ่มไอเป็นเลือด”

หลินเทียนเฟิงหน้าเปลี่ยนสีไปทันที

เขาจ้องฉู่หลิวเยว่ตาเขม็ง และออกคำสั่งกับทหารโดยรอบ

“พวกเจ้าถอยลงไปก่อน หากข้าไม่อนุญาต ก็ห้ามใครเข้ามา!”

เหล่าทหารยามล้วนมองหน้ากัน แต่ก็รีบตอบสนองด้วยความรวดเร็ว

“ขอรับ!”

เมื่อพวกเขาพูดจบ ทุกคนก็ออกไปอย่างรวดเร็ว

ภายในห้องโถง จึงเหลือเพียงฉู่หลิวเยว่ ตู๋กูโม่เป่า และหลินเทียนเฟิงสามคนเท่านั้น

“เจ้า…เจ้ารู้เรื่องนี้ได้อย่างใด?”

หลินเทียนเฟิงถามขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

ก่อนหน้านี้หลินจือเฟยปิดบังเขาเรื่องกระอักเลือดมาโดยตลอด ทั้งคนในจวน และนอกจวนแทบจะไม่มีใครรู้เรื่องนี้เลย

แม้กระทั่งเขา เขาพบเรื่องนี้โดยบังเอิญเมื่อครึ่งปีที่แล้ว

เขาไม่คุ้นหน้าของตู๋กูเยว่มาก่อน อีกทั้งหน้าตายังดูธรรมดา พูดตามหลักแล้ว นางไม่น่าจะรู้เรื่องนี้

“แน่นอนว่าข้าฟังออก”

ฉู่หลิวเยว่หัวเราะ

“มีเรื่องหนึ่ง ข้าลืมบอกประมุขหลินไป ตัวข้านั้นมาจากด้านนอกอาณาจักรเสิ่นซวี่ เมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้ ข้าได้บังเอิญพบกับคุณชายสี่ที่หน้าประตูเมือง และได้พูดคุยกับเขาสองสามประโยค ในตอนนั้นเขาไอไม่หยุด ข้าจึงสามารถฟังออก”

หลินเทียนเฟิงตกตะลึงไป หลังจากผ่านไปสักพักเขาถึงค่อยได้สติกลับมา

“เจ้าเป็นคนนอกอาณาจักร?”

“เจ้าค่ะ”

“ก่อนหน้านี้เคยพบจือเฟยมาก่อนแล้ว?”

“เจ้าค่ะ”

“เพียงแค่ได้ยินเสียงเขาไอ เจ้าก็สามารถวินิจฉัยออกแล้ว?”

“แน่นอนว่าไม่เจ้าค่ะ”

ฉู่หลิวเยว่เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย

“ในตอนนั้นข้าได้รอบสังเกตสีหน้าของคุณชายสี่อยู่หลายครั้ง ทั้งฟัง และมอง ทำให้ข้าสามารถเดาออก”

หลินเทียนเฟิงอ้าปากค้าง

แม่นางผู้นี้…

มีความสามารถที่ยิ่งใหญ่จริงๆ!?

ต้องบอกก่อนว่า แม้กระทั่งหมอเทวดาที่เก่งที่สุดในหน้าผาแดนสวรรค์ที่มาจับชีพจรให้เมื่อก่อนหน้านี้ ก็ยังดูความผิดปกตินี้ไม่ออก!

อีกทั้งนางได้เจอกับจือเฟยไม่นาน เหตุใดถึงเดาถูกได้เยอะขนาดนี้?!

หลินเทียนเฟิงไม่อยากจะเชื่อ แต่ในเมื่อแม่นางคนนี้กล่าวว่าตนเองมาจากนอกอาณาจักร ดูเหมือนว่าถ้านางจะโกหกไปก็ไม่มีประโยชน์…

หรือว่ามันจะเป็น…เรื่องจริง!?

“เจ้า…”

หลินเทียนเฟิงลังเลที่จะพูดออกมา แต่เขาไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างใดดี

ด้านหนึ่งก็เพราะว่าแม่นางคนนี้มีระดับการฝึกฝนไม่สูง อีกทั้งเป็นคนที่มาจากด้านนอกอาณาจักร ดังนั้นจึงไม่รู้รายละเอียดอันใด

ส่วนอีกด้านหนึ่ง เหมือนว่านางจะมีความสามารถจริงๆ…

“เจ้าสามารถรักษาได้จริงๆ หรือ?”

หลินเทียนเฟิงสั่นสะท้านไปเล็กน้อย

ฉู่หลิวเยว่หัวเราะขึ้นมา

“ประมุขหลิน ที่นี่คือหน้าผาแดนสวรรค์ เป็นถิ่นของตระกูลหลิน ต่อให้ข้าโง่กว่านี้ ข้าก็ไม่มีทางมาหาเรื่องตระกูลหลินด้วยตนเองแบบนี้ ท่านล่ะคิดว่าอย่างใด?”

เมื่อนางพูดเช่นนี้ หลินเทียนเฟิงก็รู้สึกว่าคำพูดของนางนั้นมีเหตุผล

นางเป็นคนมาจากนอกอาณาจักรเสิ่นซวี่ อีกทั้งยังหอบลูกมาด้วยหนึ่งคน ถ้าพูดตามตรงแล้วที่นี่นางไม่มีผู้ที่จะสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง

ถึงขนาดกล้ามาหาหน้าจวนแบบนี้ หมายความว่านางต้องมีวิธีจริงๆ

หลินเทียนเฟิงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็กัดฟันกรอด

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าจะให้โอกาสเจ้าสักครั้ง เจ้า…”

“นายท่าน ไม่ได้เจ้าค่ะ”

เขายังพูดไม่ทันจบ ก็ถูกขัดจังหวะขึ้นมาเสียก่อน

ฉู่หลิวเยว่หันกลับไปมอง

เป็นแม่นางคนหนึ่งแต่งเนื้อแต่งตัวหรูหรา สง่างาม

นางยังดูสาวมาก และก็งดงามมาก

“อวี้เออร์ เจ้ามาที่นี่ได้อย่างใด?”

หลินเทียนเฟิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

ฉู่หลิวเยว่หลุบสายตาลงต่ำ

ที่แท้นางก็คือหลู่อวี้เออร์

นางน่าจะอายุสามสิบกว่าแล้ว แต่ว่าดูไม่ออกเลยสักนิด มิน่าล่ะด้วยฐานะธรรมดาแต่สามารถปีนขึ้นเตียงของหลินเทียนเฟิงได้

หลู่อวี้เออร์เดินมาหยุดอยู่ด้านข้างของหลินเทียนเฟิง คิ้วขมวดมุ่น จากนั้นก็ถามด้วยน้ำเสียงเบาบางว่า

“นายท่าน เมื่อครู่ข้าเห็นว่าเหล่าทหารยามต่างรีบออกมา จึงเป็นห่วงว่าจะเกิดเรื่องอันใดขึ้น ถึงได้บุกเข้ามาที่นี่…ท่านคงไม่โทษข้าหรอกใช่หรือไม่?”

หลินเทียนเฟิงลูบมือของนาง

“เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ ข้าจะโทษเจ้าได้อย่างใด อย่าคิดมากไปเลย แต่เพียงเพราะข้ากับ…คุณหนูตู๋กูเยว่กำลังปรึกษากันอยู่เล็กน้อย”

หลู่อวี้เออร์กวาดสายตามามอง ราวกับว่าเพิ่งเห็นว่ามีตู๋กูเยว่นั่งอยู่

เมื่อเห็นใบหน้าธรรมดาของนาง และเด็กน้อยที่หน้าเหมือนตุ๊กตานั่งอยู่ด้านข้าง นางจึงลอบถอนหายใจออกมา

ในช่วงหลายปีมานี้ นางได้เจอกับคลื่นเล็ก คลื่นน้อย ที่ต้องการจะคว้าตำแหน่งเฉกเช่นนาง

หากไม่ใช่เพราะว่านางป้องกันอย่างเข้มงวด…ตำแหน่งนายหญิงนี้ จะมาตกอยู่ที่นางได้หรือ?!

“คนผู้นี้ก็คือคุณหนูตู๋กูเยว่สินะ”

นางค่อยๆ ยิ้มออกมา ความสงสัยปรากฏขึ้นในใจของนาง

เหมือนว่าแม่นางคนนี้จะเป็นคนที่มารักษาหลินจือเฟยสินะ?

เมื่อดูท่าทางเช่นนี้ ก็เหมือนว่าจะไม่ใช่คนเก่งกาจอันใด

“นายท่าน คุณหนูตู๋กูเยว่ยังสาวเช่นนี้ และยังพาเด็กมาด้วย ท่านก็อย่าทำให้นางตกใจล่ะ”

นางพูดหยอกล้อ

หลินเทียนเฟิงส่ายหน้า

“ไม่หรอก ข้ากำลังจะพานางไปลองจับชีพจรจือเฟยก่อน เพื่อดูสถานการณ์”

“อันใดนะ?”

หลู่อวี้เออร์ตกใจอย่างมาก แล้วพูดโพล่งออกมา

“จะทำเช่นนั้นได้อย่างใด?!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด