ระบบสัตว์เลี้ยงที่แข็งแกร่ง 42

Now you are reading ระบบสัตว์เลี้ยงที่แข็งแกร่ง Chapter 42 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

SB:ตอนที่ 42 ปีศาจกลืนกินวิญญาณ

แม้เมื่อราชาหนอนเยือกแข็งใช้พลังน้ำแข็งทั้งหมดของมัน มันสามารถควบคุมปีศาจทั้งสองได้ชั่วครู่เดียว ในช่วงเวลาอันสั้นที่จะหลบหนีนั้นไม่พอ เพราะปีศาจทั้งสองจะตามมาจับไว้ได้ทัน มันจะดีกว่าถ้าจะฉวยจังหวะที่พวกมันถูกแช่แข็งอยู่โจมตีพวกมันด้วยพลังที่มากที่สุด

กระแสน้ำวนดำปรากฏอยู่ระหว่างคิ้วของลู่หยาง ขณะเดียวกัน ต้าเฮ่ยก็ถูกเรียกออกมาด้วย มันอ้าปากใหญ่ดำจะเขมือบรูปปั้นน้ำแข็งทั้งสอง ก้อนน้ำแข็งบนร่างของปีศาจเริ่มแตกกระจายไปทั่วพื้นเพื่อที่จะให้หลุดเป็นอิสระ อย่างไรก็ตามต้าเฮ่ยได้ใช้การกลืนกินมืดมิดเต็มกำลัง ขณะที่กระแสน้ำวนขนาดใหญ่สองสายล้อมรอบปีศาจทั้งสองอยู่

“ไอ้บ้าเอ้ย! นี่มันรังสีของไอ้สุนัขนรก ปีศาจทั้งสองร้องคำรามขึ้นในกระแสน้ำวนพร้อมทั้งคร่ำครวญด้วยความเจ็บปวด”

ลู่หยางคาดการณ์ได้ถูกแล้ว สายเลือดของสุนัขล่าเนื้อแห่งอเวจีนั้นพิเศษเล็กน้อย มันหยุดยั้งปีศาจเหล่านี้ได้ อีกทั้งต้าเฮ่ยตอนนี้ได้รับการยกระดับขึ้นถึงระดับกลางแล้ว ถึงแม้ความสามารถเฉพาะตัวยังไม่เลื่อนระดับขึ้น แต่มันแข็งแกร่งและพลังได้เพิ่มขึ้นมาก

ถ้าปีศาจทั้งสองนี้ไม่ได้มีสายเลือดชั้นจักรพรรดิ ลู่หยางและต้าเฮ่ยอาจจะสามารถกลืนกินมันทั้งสองตัวนี้ด้วยกัน

ลู่หยางเห็นร่างในกระแสน้ำวนต่อสู้ดิ้นรนอยู่อย่างต่อเนื่อง เขารู้อีกว่าการกลืนกินมืดมิดสามารถยับยั้งพวกมันได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยและถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ “เจ้าปีศาจสองตัวนี้สร้างปัญหาจริงๆ ข้าไม่รู้ว่าทำไมแค่สารฉบับเดียว และทำไมผีร้ายปีศาจต้องมาฉกฉวยมัน!”

ตามความเข้าใจของลู่หยาง ปีศาจไม่ควรกล้าที่จะออกมาเพ่นพ่านอย่างเปิดเผยเช่นนี้ แต่ทำไมพวกมันต้องเสี่ยงเพื่อสารฉบับเดียว หรือว่าสารฉบับนี้ซ่อนความลับบางอย่างที่พูดออกมาไม่ได้ไว้

ลู่หยางไม่รู้ว่าข้างในสารลับนั้นเขียนอะไรไว้ เขาได้ให้สัญญาว่าถึงเขาจะต้องจ่ายราคาที่สูงมาก เขาจะไม่ยอมให้พวกปีศาจเหล่านี้ได้สารลับไป

“ถ้าในเมื่อมันเป็นเช่นนั้น ข้าก็จะสู้กับเจ้า!” ลู่หยางตะโกนขึ้นมา

ลู่หยางโยกมือ และกองทัพสัตว์เลี้ยงสงครามของเขาก็มาเรียงรายนับสิบๆตัวอยู่ข้างหลังเขา

ราชสีห์คลั่งขนทองที่สูงไม่มีตัวไหนเทียบได้ ยืนอยู่ข้างหน้าลู่หยางเพื่อคุ้มครองเขา ข้างหลังลู่หยางคือสัตว์เลี้ยงสงครามระดับกลาง ราชาพยัคฆ์เพลิงสีชาด นอกจากนั้นยังมีสุนัขราชสีห์แผดเผาอีกสิบตัว

ตอนนี้ ถนนสายนี้ไม่เพียงแต่สว่างราวกับกลางวัน แต่มันยังเกิดคลื่นความร้อนขึ้นอีกด้วย

สีหน้าของปีศาจทั้งสองตัวเปลี่ยนไป พวกมันถูกล้อมด้วยอสูรดุร้ายกลุ่มหนึ่งที่คุกคามเข้ามาเรื่อยๆพวกมันยังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น มันมองหน้ากัน ไม่รู้ว่าจะทำอะไร ยิ่งไปกว่านั้นยังมีกระแสน้ำวนมหึมาสองสายที่กำลังกลืนกินร่างของพวกมันอยู่อย่างต่อเนื่อง ขณะที่พวกมันกำลังมึนงงกันอยู่นั้น กระแสน้ำวนดำก็ดึงร่างของพวกมันให้เข้ามาใกล้กัน และพลังกลืนกินก็ยิ่งรุนแรงขึ้น

ถึงตอนนี้ ลู่หยางยกมือทั้งสองข้างขึ้นสูง เกิดลูกบอลเพลิงสองลูกในฝ่ามือของเขา ที่ด้านหลังเขา สัตว์เลี้ยงสงครามนับสิบตัวต่างก็ส่งเสียงคำรามกันขึ้นพร้อมทั้งแสดงความสามารถเฉพาะตัวออกมา

ขณะเดียวกัน ดาวตกที่ลุกเป็นไฟนับสิบดวงตกลงมาเผาถนนโดยรอบเป็นทะเลเพลิงก่อนที่ปีศาจทั้งสองจะหลุดจากการกลืนกินมืดมิด พวกมันถูกดูดกลืนอีกครั้งหนึ่งเข้าไปในทะเลเพลิง ขณะเดียวกันเสาใหญ่มหึมาที่ลุกเป็นไฟสองต้นพุ่งตรงไปยังหน้าอกของพวกมัน

“บ้าเอ้ย!”  “ความสามารถของไอ้เด็กเวรนี่ไม่ธรรมดาเลย ไม่รู้ว่าทำไมมันควบคุมอสูรดุร้ายได้ตั้งมากมายขนาดนั้น และทำไมอสูรเหล่านี้อย่างน้อยที่สุดมีสายเลือดชั้นยอดทุกตัว”

“ไม่ต้องสงสัยเลยว่าไอ้หลี่ยี่ตายด้วยน้ำมือของมัน”

หลังจากที่โบกลูกบอลเพลิงในมือของเขา ลู่หยางมองไปที่ปีศาจดำด้วยสายตาเย็นชาพร้อมกล่าวว่า “ไม่ว่าใครมายั่วข้า ข้าไม่ปล่อยให้มันไปง่ายๆ ไม่ว่าจะหลี่ยี่หรือเจ้า พวกเจ้าต้องตาย!”

“เจ้านี่ปากดีนัก! ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะทำได้!”

ปีศาจสองตัวนี้ถูกล้อมรอบด้วยทะเลเพลิงและอุณหภูมิที่ร้อนมากยังคงแผดเผาอยู่ ลู่หยางเองก็มองไม่เห็นว่าเกิดอะไรขึ้นข้างในทะเลเพลิง

รังสีในทะเลเพลิงเริ่มอ่อนลง อ่อนลง และในที่สุดหลังจากทะเลเพลิงสลายหายไปหมด ลู่หยางมองเห็นชัดเจนแล้ว ไม่มีร่องรอยของพวกมันอยู่ตรงที่ที่ทะเลเพลิงแผดเผา ไม่มีแม้แต่รอยขี้เถ้า

“พวกมันต้องซ่อนตัวอยู่ที่ไหนซักแห่ง พวกมันต้องไม่ตายง่ายๆ!”

“ติ้ง!”  “เราพบปีศาจกลืนกินวิญญาณสองตัว เป็นปีศาจระดับกลาง มีสายเลือดชั้นยอด อยู่ใกล้แค่เอื้อม!”

“ติ้ง!”  “เราพบปีศาจกลืนกินวิญญาณสองตัว เป็นปีศาจระดับกลาง มีสายเลือดชั้นยอด อยู่ใกล้แค่เอื้อม!”

“ติ้ง!”  “เราพบปีศาจกลืนกินวิญญาณสองตัว เป็นปีศาจระดับกลาง มีสายเลือดชั้นยอด อยู่ใกล้แค่เอื้อม!”

“…”

เสียงเตือนของระบบดังไม่หยุดอยู่ในหูของลู่หยาง เขายกหัวขึ้นและพบว่ามีเมฆดำลอยอยู่เหนือหัวของเขาปิดกั้นแสงจันทร์และส่องเงาดำทาบลงมาที่ตัวเขา

“เด็กน้อย ฝีมือเจ้าไม่เลวทีเดียว ไอ้สุนัขนรกนั่นถือเป็นไพ่ตายซินะ เราประเมินเจ้าต่ำไป” เสียงของปีศาจดังมาจากเมฆดำ

ปีศาจอีกตัวพูดว่า “ถ้าเราไม่ลงมือกับเจ้าวันนี้ ข้าเกรงว่าพวกเราต้องติดกับเจ้าแน่ แต่ว่า  ถ้าเจ้ามีความสามารถแค่นั้น” “ งั้นวันนี้ ไม่เพียงแต่เจ้าต้องมอบสารลับฉบับนั้นให้เรา พวกเราจะเอาชีวิตเจ้าด้วย!”

“สารลับเหรอ?”  “พวกเจ้ากำลังพูดถึงสารของข้ารึ?” ลู่หยางรู้สึกว่างานที่เขารับปากไว้ไม่ธรรมดาเสียแล้ว แต่เขาได้สัญญาไว้แล้ว ถ้าเขาเป็นลูกผู้ชาย เขาต้องรักษาสัญญา

ลู่หยางยืดตัวขึ้น เขาเงยหน้าขึ้นมองเมฆดำ แท้จริงแล้วเป็นควันดำ เขาไม่รู้ว่าปีศาจสองตัวนี้มาจากไหน พวกมันไม่กลัวไฟ อีกทั้งยังกลายเป็นควันได้ กลยุทธ์ที่พวกมันใช้ก็ยอดเยี่ยม แต่ไม่ได้หมายความว่าลู่หยางไม่มีเลย

เขาพูดเสียงดังใส่ปีศาจว่า “พวกสุนัขรับใช้ ของที่เจ้าต้องการอยู่ในกระเป๋าของปู่คนนี้ ถ้ามีความสามารถ ก็มาเอาไปเลย”

“ไอ้เด็กสกปรก ยังกล้าโอหังอยู่อีก หรือเจ้าไม่กลัวตายจริงๆ!”

ปีศาจอีกตัวกล่าวว่า “พวกมนุษย์ก็เป็นเช่นนี้แหละ ปากแข็ง แต่เมื่อความตายใกล้เข้ามา พวกมันเปลี่ยนเป็นคนละคนเลย ดูอย่างคนที่เราจับได้ครั้งที่แล้วสิ คร่ำครวญจนแทบจะเป็นลม ยอมขายวิญญาณ แล้วกลายมาเป็นคนรับใช้เรา”

“คนที่จับได้ครั้งที่แล้วเหรอ?” ลู่หยางเกือบลืมไปเลย พอพวกมันพูดขึ้นมา เขานึกถึงหลี่ยี่ขึ้นมาทันที

ทีแรกเป็นเพื่อน ต่อมาเป็นศัตรู ลู่หยางไม่ลืมถาพใบหน้าของหลี่ยี่ก่อนตาย กับรังสีที่น่ารำคาญบนตัวของเขา นั่นเป็นรังสีของปีศาจ คิดมาถึงตอนนี้ ต้องมีบางอย่างเกี่ยวกับปีศาจสองตัวนี้ที่อยู่ตรงหน้าเขา

ลู่หยางถามขึ้น “มนุษย์ที่พวกเจ้าพูดถึงคือหลี่ยี่ใช่มั้ย?”

ปีศาจยิ้มน่ากลัว บอกว่า “ใช่แล้ว ถ้าเขาไม่ใช่เพื่อนของเจ้า พวกเราคงไม่ตามหาเขาหรอก”

“เขาไม่ใช่เพื่อนของข้า แต่เป็นศัตรู” ลู่หยางบอก

“ฮ่า ฮ่า”  “แต่เขาช่างน่าผิดหวังจัง แม้เราจะให้พลังกับมัน เราก็ยังฆ่าเจ้าไม่ได้!”

“น่าเสียดาย มันต้องมาตายด้วยน้ำมือเจ้า” ปีศาจกล่าว

“พวกเจ้าก็เหมือนกัน สมควรตาย!”

น้ำเสียงเขาเย็นชาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นจะเอาชีวิต ทันทีทีพูดจบ ลู่หยางกระโดดลอยขึ้นไปในอากาศ พร้อมๆกับอสูรร้ายนับสิบตัวที่อยู่ข้างหลังเขา

ขณะเดียวกัน ลูกบอลเพลิงนับสิบลอยพุ่งไปที่ปีศาจสองตัว เพลิงสีชาด กับเพลิงดาราแผดเผาก็ระเบิดขึ้นไปในท้องฟ้า

“มาดูกันซิว่าพวกเจ้าจะตายไหมครั้งนี้!” ลู่หยางพูดอย่างมาดมั่น มือทั้งสองข้างของเขาขยับไปมาขณะที่กำลังแสดงศิลปะอันศักดิ์สิทธิ์

“เฉพาะเจ้าที่มีความสามารถเฉพาะตัวอย่างนั้นรึ? เจ้าจะได้เห็นความสามารถเฉพาะตัวของพวกเราปีศาจก้นสมุทร!”

ปีศาจแข็งแรงทั้งสองตัวดูเหมือนจะไม่ทันได้เตรียมตัวก่อน แต่พวกมันก็รวบรวมพลังในความมืดและพร้อมที่จะให้ลู่หยางได้ลิ้มลองกระบวนท่ามรณะ พวกมันปล่อยพลังที่แข็งแกร่งที่สุดออกมา

ทั่วทั้งท้องฟ้ามืดมัวลงราวกับปกคลุมไปด้วยก้อนเมฆดำๆ ขณะเดียวกันผีร้ายนับไม่ถ้วนต่างก็ร้องโหยหวลอยู่ข้างใน

“ย่ำราตรีร้อยวิญญาณ!” ปีศาจกลืนกินวิญญาณคำรามอย่างบ้าคลั่ง

นี่เป็นความสามารถเฉพาะตัวของตระกูลปีศาจกลืนกินวิญญาณ ยิ่งไปกว่านั้น มันเป็นความสามารถเฉพาะตัวที่ระดับเจ้าโลกซึ่งมีพลังแข็งแกร่งกว่าพลังของเพลิงสีชาด และของทุ่งหญ้าเพลิงดารา

เมื่อความมืดและวิญญาณชั่วร้ายปรากฏขึ้น เปลวเพลิงทั้งหมดในท้องฟ้าจะถูกกลืนกินเข้าไป รวมถึงตัวลู่หยางเองด้วย ร่างกายของเขาถูกโอบรัดโดยผีร้ายนับไม่ถ้วน

“นี่เป็นความสามารถเฉพาะตัวที่ระดับเจ้าโลกหรือนี่? พลังอำนาจมันแข็งแกร่งจริงๆ!”

ปีศาจชั้นจักพรรดิ์สองตัวนี้ได้ทำลายการร่วมโจมตีของอสูรชั้นยอดนับสิบตัวลงอย่างง่ายดาย พลังของความสามารถเฉพาะตัวระดับเจ้าโลกเพิ่มขึ้นมากกว่าสิบเท่า

แม้จะมีความแตกต่างระหว่างปีศาจกับอสูรดุร้าย ความแตกต่างในด้านพลังไม่ควรจะมีมากเกินไป

ขณะที่วิญญาณชั่วร้ายนับร้อยผุดขึ้นมา ร่างสีทองของราชสีห์คลั่งขนทองเริ่มขยับ ตัวสูงใหญ่และทรงอำนาจของมันกระโดดขึ้นไปในความมืด

พลังฉีของมันทรงอำนาจมากแม้แต่ผีที่ดุร้ายที่สุดยังทนไม่ได้ ในที่สุดพลังฉีก็ได้ขับไล่เหล่าวิญญาณชั่วร้ายออกไป แล้วราชสีห์คลั่งขนทองก็กลับมาอยู่ปกป้องลู่หยางอยู่ข้างๆเขา

“ระฆังทองคำอมตะ!” ลู่หยางคำรามขึ้น เป็นครั้งแรกที่เขาใช้ความสามารถเฉพาะตัวของราชสีห์คลั่งขนทอง

แสงสีทองพุ่งขึ้นไปบนฟ้า ราวกับระฆังใบใหญ่ทำด้วยทองคำบริสุทธิ์ปรากฏอยู่นอกตัวลู่หยาง ล้อมเขาไว้ข้างใน วิญญาณชั่วร้ายนับร้อยคำรามและกระโจนเข้าใส่ลู่หยาง พวกมันพุ่งชนระฆังทองคำอมตะ หัวของพวกมันแตกกระจายกลายเป็นควันดำหายไปในอากาศ

ปีศาจทั้งสองตัวมึนงงกับสถานการณ์หักมุมที่เกิดขึ้น มันตะโกนด้วยความแปลกใจ

“มันสามารถหยุดย่ำราตรีร้อยวิญญาณได้! หรือนี่ก็ป็นความสามารถเฉพาะตัวระดับเจ้าโลกเหมือนกัน!?”

มีเพียงความสามารถที่ระดับเดียวกันที่จะต้านทานการโจมตีของย่ำราตรีร้อยวิญญาณได้  นี่เป็นเพราะตระกูลปีศาจกลืนกินวิญญาณสู้รบไม่เก่ง ดังนั้นมันถึงไม่สามารถทำลายการคุ้มกันของระฆังทองคำอมตะได้

ปีศาจทั้งสองกลายร่างจากควันดำมาเป็นร่างมนุษย์ มันมองไปที่ร่างสีทองตรงหน้าแล้วพูดว่า ”เด็กน้อย ดูเหมือนว่าถ้าข้าไม่ใช้ไพ่ตายของข้าวันนี้ ข้าจะจัดการกับเจ้าไม่ได้ซะแล้ว!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด