ระบบสัตว์เลี้ยงที่แข็งแกร่ง 51

Now you are reading ระบบสัตว์เลี้ยงที่แข็งแกร่ง Chapter 51 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

SB:ตอนที่ 51 กำลังใจจากพี่น้อง

“พี่หยาง ท่านจะพาข้าไปหาพวกอสูรคลั่งเหล่านั้นหรือ!?” หลี่เตี๋ยซู่ตกตะลึงอย่างมากกับอสูรตรงหน้า พวกมันสูงและแข็งแรง ซึ่งพวกมันเหล่านี้ยากที่จะพบเจอ แต่บัดนี้พวกมันถูกนำมาอยู่ต่อหน้าเขา

ลู่หยางพยักหน้า และกล่าว “ในพื้นที่แห่งนี้ พวกมันเป็นเพียงอสูรชั้นต้น ไปเลือกพวกมันมา ดูว่าเจ้าชอบตัวไหน ตราบเท่าทีเจ้าชอบมัน มันก็จะเป็นของเจ้า”

ที่นี่มีอสูรหลากหลายมาก พวกมันอยู่ระดับต้นทั้งหมดและสายเลือดธรรมดา ด้วยวิชาควบคุมอสูรแปดดาวของหลี่เตี๋ยซู่ เขาสามารถควบคุมมันได้แน่ ดังนั้นลู่หยางสบายใจได้ และอีกอย่างอสูรชั้นต้นนั้นไม่แพงมาก เพียงหนึ่งหรือสองร้อยผลึก เงินจำนวนเท่านี้นั้นถือว่าเล็กน้อยสำหรับเขา ยิ่งกว่านั้น เมื่อเตี๋ยซู่เป็นผู้ฝึกอสูร เขาจะช่วยลู่หยางได้มากแน่นอน

เตี๋ยซู่ไม่เคยเข้าใกล้กับอสูรดุร้ายขนาดนี้มาก่อน เมื่อก่อนที่เขาได้ยินเกี่ยวกับอสูรร้ายคลั่งในหุบเขา เขาจะหลบซ่อนและหวาดกลัว ใครจะกล้าไปพบพวกมัน?

เมื่อเขาคิดว่าในอีกไม่นานเขาจะได้เป็นเจ้านายของพวกอสูรคลั่งพวกนี้แล้ว เขารู้สึกตื่นเต้นในใจ เขาได้แต่ถามลู่หยาง

“พี่หยาง ท่านมีประสบการณ์มากกว่านี้ ทำไมไม่ช่วยข้าเลือกอสูรที่เหมาะสมกับข้าหล่ะ?”

ลู่หยางตื่นตากับอสูรหลากหลายตรงหน้าเขา แต่เมื่อเขาคิดดูอีกที มันก็เป็นเพียงอสูรชั้นต้นและสำหรับใช้ชั่วคราวเท่านั้นดังเช่นเม็ดยานำจิตวิญญาณ อีกไม่นานเขาก็ต้องหาอสูรที่ดีกว่านี้ให้เตี๋ยซู่ เมื่อเขาลองคิดดู เตี๋ยซู่เป็นคนซื่อสัตย์และซื่อตรง

คนทั่วไปจะคิดว่าอสูรร้ายพื้นฐานที่ดีที่สุดคือ สุนัขป่าจันทราเงินดังเช่นหลี่ยี่ เพราะสุนัขป่าจันทราเงินนี่ถือว่าแข็งแกร่งมากสำหรับอสูรชั้นต้น มันแข็งแกร่งกว่าสุนัขพันธ์ยักษ์แน่นอนและบางตัวสามารถเอาชนะสุนัขยักษ์สองตัวได้ เพียงแต่ว่าสุนัขป่าจันทราเงินเหมือนจะไม่เข้ากับเตี๋ยซู่ ในความคิดลู่หยางเตี๋ยซู่จะเข้ากับหมียักษ์มากกว่า

ดังนั้นสายตาเขาจับจ้องไปที่หมีสีน้ำตาลตัวใหญ่ – หมีพลังเดรัจฉาน

ในหมู่อสูรชั้นต้น มันถือว่ามีความแข็งแกร่งที่ดีเลย แม้มันจะไม่ว่องไวเท่าสุนัขป่าจันทราเงิน แต่มันแกร่งกว่า เพียงแค่หลังจากอสูรดุร้ายเช่นนี้ผสานกับเตี๋ยซู่มันจะเข้ากับภาพลักษณ์ของเตี๋ยซู่ที่ตัวใหญ่โตหรือไม่เท่านั้นเอง

เขาชี้ไปที่หมีนั่นและกล่าว “ทำไมเจ้าไม่เอาเจ้านั่นมาเป็นสัตว์เลี้ยงอสูรหล่ะ?”

“ดีเหมือนกัน!” เมื่อพี่หยางพูดขึ้นมา ข้าเลือกหมีนั่น “ทว่า…”เสียงของเตี๋ยซู่เบาลงเรื่อยๆ ท้ายที่สุดเขากล่าวอย่างกระดากอายว่า”พี่หยาง ข้าเกรงว่าคงต้องให้ท่านช่วยเหลือ ท่านก็รู้ว่าข้าไม่มีเงินเลย”

 

“เจ้าน้องโง่!” ลู่หยางตบไปที่บ่าหนาของเตี๋ยซู่ และกล่าวด้วยเสียงเข้ม “ข้าให้เจ้ามานี่เพื่อจะช่วยเจ้าเป็นผู้ฝึกอสูร และมันเป็นสิ่งที่ข้าสัญญากับเจ้า เรื่องเงินน่ะ เจ้าไม่ต้องห่วง แม้ข้าจะไม่ใช่คนรวยตอนนี้ แต่จำนวนค่าใช้จ่ายแค่นี้ไม่ถือว่าเยอะสำหรับข้าหรอก

“มันช่าง… ข้าขอบคุณพี่หยางมาก ถ้าพ่อและแม่ข้ารู้ว่าข้าเป็นผู้ฝึกอสูรละก็ พวกท่านจะมีความสุขขนาดไหนกัน”

“เจ้าน้องโง่ อย่าพึ่งดีใจเร็วไป ข้ายังหวังพึ่งเจ้ามาช่วยข้าล้างแค้นเจ้าหลี่ซิ่วอยู่นะ สำหรับพ่อและแม่เจ้า เมื่อเจ้ามีเวลา กลับบ้านและบอกลุงหลี่เรื่องของเจ้า เมื่อเจ้ามีเวลา ซื้อบ้านสักหลังในแคว้นนี้ซะ

เมื่อได้ยินว่าลู่หยางอยากให้เขานำพ่อแม่เขามาอยู่ในแคว้น เตี๋ยซู่ร้องไห้อีกครา ในสายตาของบ้านนอกอย่างเขา ความฝันสูงสุดคือการย้ายมาอยู่ในแคว้นใหญ่ และในการที่จะย้ายมานั้นอย่างน้อยมันต้องเป็นผู้ฝึกอสูร นี่เป็นเรื่องที่เตี๋ยซู่ไม่กล้าคิดเลยในอดีต แต่บัดนี้ความฝันนั้นใกล้ความจริงแล้ว

“พี่ชาย!”
“ไม่ต้องพูดอะไรอีก รีบใช้วิชาควบคุมอสูรของเจ้าเร็ว” ลู่หยางตบบ่าเตี๋ยซู่และกล่าวอย่างจริงใจ

วิชาควบคุมอสูรแปดดาวกับอสูรชั้นต้นเช่นนี้เรียกได้ว่ากำราบมันได้ในคราเดียวเลย เมื่อแสงสว่างวาบขึ้นมา ไม่มีการต่อต้านแม้แต่น้อยกรงเหล็กรอบตัวหมีนั่นสลายหายไป เตี๋ยซู่ทำตามคำแนะนำในวิชาควบคุมอสูรและออกคำสั่งแรก หมีใหญ่กลายเป็นแสงสีขาวพุ่งเข้าไปในร่างกายเขา กลายเป็นสัตว์เลี้ยงอสูรตัวแรกของเขา

“ยินดีด้วยสำหรับท่านทั้งสอง ท่านได้รับหมีใหญ่อย่างเป็นทางการ!” ข้ารับใช้ปรากฏตัวด้านหลังทั้งสองและกล่าวอย่างสุภาพ

แต่ลู่หยางรู้ทันทีว่าเขาแค่ต้องการมาเพื่อเก็บเงิน เพราะนี่คืองานของพวกเขา ทุกครั้งที่พวกเขาขายอสูรได้ พวกเขาต้องการเงินตอบแทน

หมีใหญ่พลังเดรัจฉานนั้นไม่ใช่ถูกๆ มันแพงกว่าสุนัขป่าจันทราเงิน เพราะว่ามันแข็งแกร่งกว่ามาก

ลู่หยางนำบัตรทองคำออกมาจากอกเสื้อและกล่าวต่อข้ารับใช้ “บอกราคาข้ามา!”

ข้ารับใช้ดวงตาลุกวาวเมื่อเห็นบัตรทองคำ ในสายตาพวกเขาสิ่งนี้เป็นสิ่งบ่งบอกสถานะ ทุกคนที่มีบัตรทองคำมีทั้งพลังและอิทธิพล ท่าทีของเขาเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง “พี่ชาย นี่มันบัตรอภิสิทธิ์ทองของตำหนักเมฆาม่วงเรา แม้ท่านซื้อของที่นี่ ท่านก็จะได้ส่วนลด หลังจากส่วนลดแล้วท่านแค่ต้องจ่ายเพียงสามร้อยผลึก”

ลู่หยางถอนหายใจเบา สายตาเขาไม่เลวเลย แม้จะหักส่วนลดแล้ว ราคาของหมีนี่ก็ไม่ถูกเลยเมื่อเทียบกับสุนัขป่าจันทราเงิน นี่แสดงให้เห็นว่าหมีนี่แข็งแกร่งกว่ามันมาก สิ่งสำคัญก็คือเมื่ออสูรเช่นนี้ถูกปราบ มันจะมีประโยชน์มากกว่าเดิมอีก

ลู่หยางและเตี๋ยซู่ออกจากตำหนักเมฆาม่วงอย่างยินดีหลังจากจ่ายผลึกแล้ว

ลู่หยางกล่าว “ทีนี้เจ้าก็เป็นผู้ฝึกอสูรเต็มตัวแล้วนะ และเจ้าสามารถอาศัยอยู่แคว้นเซียงหยางต่อไปได้อีก เมื่อถึงเวลาข้าจะซื้อบ้านให้เจ้า”
“พี่หยาง ข้าว่าพี่ควรหางานให้ข้าในแคว้นนะ เมื่อข้ามีรายได้ในอนาคตข้าจะได้ไม่ต้องรบกวนท่านไง” เตี๋ยซู่กล่าว

เพียงแค่ว่าลู่หยางก็ไม่ได้คุ้นเคยกับแคว้นเซียงหยางมากเช่นกัน เขาพึ่งพาตำหนักเมฆาม่วงอย่างมากเขาถึงอยู่ได้ หากเขาต้องการช่วยเตี๋ยซู่หางานในแคว้นละก็ เขาคงหางานที่เหมาะกับเตี๋ยซู่ไม่ได้ง่ายๆ หากเขาต้องการอาศัยที่นี่เขาต้องมีงาน แม้ลู่หยางจะช่วยเขาได้ แต่มันไม่ใช่ทางออกระยะยาว

ความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาในหัวเขา เขานึกถึงคนคนหนึ่งทันที และกล่าวต่อเตี๋ยซู่

“ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปหาคนบางคน เมื่อเจ้าเจอเขา เจ้าจะไม่ต้องกังวลอะไรเลยในแคว้นเซียงหยางแห่งนี้!”

ลู่หยางไม่ได้มีสหายมากมายทีนี่ สหายคนเดียวที่เขาเชื่อใจได้คือซุนวู

ซุนวูเป็นสหายที่ดีและตรงไปตรงมา เขาเป็นถึงนายน้อยเมืองชิงหยาง หากเขารู้ว่าผู้ฝึกอสูรคนใหม่ปรากฏขึ้นจากเมือง เขาต้องดีใจมากเป็นแน่ ดังเช่นตอนที่เขารู้ว่าลู่หยางได้เป็นผู้ฝึกอสูร

ยิ่งกว่านั้น ด้วยสถานะของซุนวูในเซียงหยาง มันง่ายมากไม่ใช่หรอที่จะช่วยใครสักคนหางาน เมื่อลู่หยางมาถึงนี่ใหม่ๆ เขาจะหางานให้ลู่หยาง เพียงแต่หลังจากเขารู้ว่าลู่หยางเข้าร่วมตำหนักเมฆาม่วง เขาไม่พูดถึงมันอีกเลย หากเขาขอความช่วยเหลือซุนวูตอนนี้ เขาต้องช่วยได้แน่

ตำหนักกลิ่นสุรา เราควรไปพบเขาที่นั่นดีกว่าลู่หยางจะได้เลี้ยงมื้อใหญ่ให้เตี๋ยซู่กินอิ่มท้อง

“น้องชาย เจ้านี่นับวันจะใจป้ำขึ้นเรื่อยๆนะเนี่ย เจ้าถึงกับเลี้ยงข้ามื้อใหญ่ที่ร้านหรูหราเช่นนี้ ปกติข้าไม่ค่อยมาดื่มกินที่นี่นะเนี่ย!”
ก่อนที่เขาจะไปถึง เสียงดังของซุนวูดังขึ้นกังวานทั้งตำหนัก ทุกๆคนต่างรู้ว่าซุนวูมาที่นี่เมื่อได้ยินเสียงเขา

ลู่หยางกล่าว “เขาอยู่นี่แล้ว เตี๋ยซู่มาเร็วไปพบเขากัน!”

เตี๋ยซู่เช็ดมือที่เปื้อนน่องไก่ เขาไม่มีเวลาแม้จะเช็ดมุมปากที่เปื้อน เขาวิ่งตามลู่หยางไปพร้อมกล่าวถาม “พี่หยาง ทำไมเสียงนี้คุ้นๆจัง ข้าเคยพบคนนี้มาก่อนนี่นา เคยเห็นเขาด้วย!”
“เจ้าจะรู้ในไม่ช้า!”
ขณะที่เขาทั้งสองกำลังลงบันไดไป พวกเขาพบชายร่างกำยำ เขาคือซุนวู พวกมันทั้งสามมองดูกันและกัน

“น้องชาย นี่คือ”ซุนวูถาม

ลู่หยางกล่าวถาม “พี่ใหญ่ซุนวู นี่น้องข้ามาจากเมืองชิงหยางของเรา! เขาเป็นน้องที่เติบโตกันมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก เขาพึ่งเป็นผู้ฝึกอสูรและมาที่เซียงหยางแห่งนี้ ข้าถึงรีบพาเขา

“ดี ดีมาก เอาล่ะ!” ซุนวูกล่าวสามคำติดต่อกัน หลังจากได้ข่าวดี หน้าเขาแดงอย่างยินดีเขากล่าวต่อ “เมืองชิงหยางของข้าเต็มไปด้วยยอดฝีมือมากพรสวรรค์จริงๆ”

เขาดึงมือลู่หยางและเตี๋ยซู่ทันทีและพาขึ้นไปชั้นบน ไปยังห้องที่จองไว้ เขาเรียกข้ารับใช้มาทันทีและสั่งไวน์ชั้นดีสามขวด และกล่าวว่าเขาต้องการดื่มกินกับพี่น้องสองคนนี้

หลังจากดื่มไวน์ ซุนวูตื่นเต้นยิ่งขึ้นและกล่าว “หากสมาชิกในเมืองเราสามารถเป็นเช่นพวกเจ้าได้ก็จะดีสิ ในอนาคตจำนวนสมาชิกในเมืองเราจะสูงขึ้น ถึงตอนนั้น ใครจะกล้าดูถูกเมืองชิงหยางของเรา

จากคำกล่าวของซุนวู ลู่หยางมองบางอย่างออก แต่มันไม่เหมาะที่จะถามไปโดยตรง เขาพูดเพียงว่า “พี่ใหญ่ซุนวูไม่ต้องห่วง ในอนาคต พวกเราจะมีพี่น้องเพิ่มขึ้นแน่นอน!”

ซุนวูยิ้มกว้างและกล่าว “หากพ่อข้ารู้ว่าคนรุ่นใหม่ในเมืองเก่งกาจเช่นพวกเจ้า เขาต้องยินดีเป็นแน่ ข้าจะพาเจ้าไปพบเขาวันนึง!”

“ตกลง!” ลู่หยางยกไวน์ดื่ม

“เอ้อ จริงสิ ข้ายังไม่รู้เลยจะเรียกน้องชายนี่ว่าอะไรดี”

เมื่อพวกเขาดื่มกิน พวกเขาลืมทุกสิ่งยิ่งกว่านั้น เตี๋ยซู่ไม่เก่งเรื่องพูดจาเขาเลยเคี้ยวน่องไก่ และยกแก้วขึ้นชน ซุนวูจึงนึกขึ้นได้ว่าเขาดีใจเกินไปและลืมคนสำคัญของวันนี้

ลู่หยางเกาหัวอย่างอายและกล่าวแนะนำ “นี่คือน้องชายของข้าเอง เขาชื่อหลี่เตี๋ยซู่ เขาเป็นบุตรของลุงหลี่ เมื่อเราเป็นเด็กข้าชอบเรียกเขาเอ้อโกวจื่อ”

“เอ้อโกวจื่อ!”

“ข้าว่าเอ้อโกวจื่อน่ะดีแล้วนะ!” เตี๋ยซู่เคี้ยวน่องไก่และหัวเราะ

ซุนวูเกือบจะสำลักไวน์ในปาก กลั้นหัวเราะแทบไม่ไหว เพียงแค่เขาพูดไม่กี่คำ ซุนวูก็รู้บุคลิกของเขาแล้ว ซุนวูเองก็ยอมรับในตัวเขาและตัดสินใจที่จะนับเขาเป็นน้องอีกคน

เขาหัวเราะอย่างชื่นใจและกล่าว “ต่อไปนี้ พวกเราสามคนจะอยู่ด้วยกันที่เซียงหยางแห่งนี้!”

ลู่หยางยกไวน์ขึ้นและกล่าว “มาเถอะ ชนแก้วกันและพวกเราจะเป็นพี่น้องร่วมสาบานกันนับแต่นี้ไป!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด