หมอดูยอดอัจฉริยะ 418 พบกับศัตรู (3)

Now you are reading หมอดูยอดอัจฉริยะ Chapter 418 พบกับศัตรู (3) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
ตอนที่ 418 พบกับศัตรู (3)

ตอนกลางคืนในภูเขาฉางไป๋นั้นเงียบผิดปกติ ราวกับอยู่ในโลกหนึ่งที่ไร้เสียง ในบ้านไม้มีแค่เสียงฟืนที่แตก“พึบๆ” ออกมา ถึงทำให้รู้สึกตัวได้ว่านี่อยู่ในโลกของความจริง

สภาพแวดล้อมนี้เหมาะมากสำหรับการเดินลมปราณ หลังจากที่หูหงเต๋อทานข้าวอิ่มแล้วก็นอนหลับไป เยี่ยเทียนลุกไปนั่งเงียบๆ ที่มุมของบ้าน ใช้ความรู้สึกสัมผัสถึงผืนดินอันบริสุทธิ์ที่ไม่มีใครมาแตะต้อง

แตกต่างจากพลังงานจากค่ายกลในเรือนสี่ประสานที่ปักกิ่ง พลังงานที่นี่ไม่เข้มข้นเท่า แต่กลับเป็นพลังงานที่สะอาดและบริสุทธิ์  เหมือนกับพลังงานจากหยกที่เยี่ยเทียนได้มา

“เมื่อเห็นพลังงานที่เกิดจากความศรัทธาของศาสนาพุทธและสาสนาทางตะวันตก ที่สามารถคงอยู่ได้นาน และมีผู้ที่เลื่อมใสศรัทธามากมาย ต้องมีสิ่งที่พิเศษเฉพาะตัว!”

เมื่อคิดถึงพลังงานชนิดนั้นในตอนที่พบกับเมิ่งตาบอดระหว่างที่ต่อสู้กันเมื่อหลายวันก่อน ความคิดของเยี่ยเทียนก็อดคิดถึงพระพุทธศาสนาและนิกายทางตะวันตกไม่ได้ ตอนนี้ในหัวของเขาว่างเปล่า เปลี่ยนความคิดของเขาไปยังสิ่งที่เขาศรัทธา

เยี่ยเทียนค่อยๆหลับตาลงอย่างช้าๆ  เข้าไปอยู่ในสมาธิขั้นสูง ลมหายใจก็เปลี่ยนไป ทุก ๆ สองสามนาที ถึงจะเห็นการขึ้นลงของหน้าอก

“ซาซา……ซาซา……”ทันใดนั้นก็มีเสียงฝีเท้ากระทบกับหิมะไปถึงหูของเยี่ยเทียน ปลุกเขาออกจากการทำสมาธิ

“เหล่าหู ตื่นๆ!”เยี่ยเทียนเริ่มปริปากพูด หูหงเต๋อที่เดิมทีกำลังหลับใหลอยู่ก็ลืมตาขึ้น คนที่ใช้ชีวิตอยู่ในภูเขา ระแวดระวังไม่น้อยกว่าเยี่ยเทียนเลย

“ตุ๊บๆ!”เสียงดังก้องกังวาน บ้านไม้ทั้งหลังสั่นไปหมด ประตูที่ไม่แข็งแรงบานนั้นถูกกระแทกจากด้านนอก เงาดำที่มาพร้อมกับลมหนาวจนเข้ากระดูกได้เข้ามาที่ในบ้าน

“เฮ้ย หมีดำเหรอ !”สายตาของเยี่ยเทียนดีมาก สายตาก็เห็นเป็นหมีดำที่มีความสูงประมาณหนึ่งเมตรห้าสิบเซนติเมตร

หลังจากที่เข้ามาในบ้าน หมีดำตัวนั้นก็เหมือนจะกลัวกองไฟ แต่ก็ไม่อยากออกไป ใช้จมูกดมไปที่พวกเยี่ยเทียนทั้งสองคน แล้วมุดเข้าไปที่มุมหนึ่งของกระท่อมล้มตัวลงนอนหลับไปโดยไม่สนใจอะไร

“หมี……หมีดำตัวนี้ใครเป็นคนเลี้ยง”

เมื่อเห็นภาพนี้ เยี่ยเทียนก็เบิกตาโต ในความคิดของเขา หมีดำเป็นสัตว์ที่ทำร้ายมนุษย์ แต่จากที่เห็นข้างหน้ากลับเป็นตรงกันข้ามกับสิ่งที่เขารู้มา

ที่จริงก็เยี่ยเทียนเตรียมรับมือแล้ว ไม่ต้องออกแรงเหยื่อก็เข้ามาอยู่ในอุ้งมือ คิดว่าพรุ่งนี้จะได้กินอุ้งเท้าของหมี แต่ด้วยท่าทางที่ไร้เดียงสาของหมีตัวนี้ ทำให้เยี่ยเทียนไม่สามารถลงมือได้

“ฮึม!” เหมือนกำลังจะตอบคำถามของเยี่ยเทียน หมีดำตัวนั้นพลิกตัวขึ้นมา พร้อมกับส่งเสียงออกมา

“ให้มันนอนที่นี่เถอะ เจ้าหมีดำตาบอดนี่ คงไม่ทำร้ายใครหรอก!”

หูหงเต๋อก็คิดไม่ถึงว่ากลางดึกจะมีหมีดำตาบอดเข้าในบ้าน ลุกขึ้นส่ายหัว แล้วยกแผงประตูไปปิดทางที่ลมเย็นเข้ามาในห้อง

“เหล่าหู ถ้ามันเอาก้นนั่งบนตัวคุณทั้งคืนจะทำยังไง ”

เยี่ยเทียนเคยได้ยินคนพูดว่า สำหรับหมีดำสิ่งที่ทรงพลังมากที่สุดไม่ใช่ฝ่ามือที่ตบออกมา แต่เป็นก้นของมัน คนที่แข็งแกร่งเมื่อถูกก้นมันนั่งทับ ก็อาจกลายเป็นเนื้อบดได้

หูหงเต๋อยิ้มแล้วพูดว่า “ไม่เป็นไร นี่เพิ่งเข้าฤดูหนาว ในท้องของมันมีน้ำมันเต็มไปหมด คาดว่าเจ้านี้จะหาโพรงไม้ไม่เจอ ก็เลยเข้ามาที่นี่……”

หมีดำที่ใช้ชีวิตอยู่ในทางเหนือ จะเคยชินกับการจำศีล ทุกปีตอนที่หิมะตก พวกมันจะขดในโพรงไม้ไม่กินไม่ดื่มอะไร อาศัยไขมันที่สะสมก่อนหน้านี้ในช่วงฤดูหนาว

แต่ถ้าหมีดำเข้าสู่การจำศีล แล้วถูกคนปลุกให้ตื่น ก็จะไม่เชื่องขนาดนี้ จะดุร้ายเหมือนเสือในป่า ต้องพยายามถอยให้มันเพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะ

คืนนั้นทั้งคืน คนสองคนกับหมีหนึ่งตัวก็อยู่ด้วยกันอย่างสงบสุข ในวันที่สองตอนเช้า ขณะที่เยี่ยเทียนและหูหงเต๋อจะออกบ้าน หมีตัวใหญ่นี้ก็ยังส่งเสียงคำรามดังสนั่นมองดูทั้งสองคนที่กำลังจะเดินทางจากไป

“เหล่าหู จะทำอะไรต่อ จะไปตามหาพวกเมิ่งตาบอด หรือไปขุดโสม” หลังจากที่ออกมาจากบ้านไม้ เยี่ยเทียนก็มองไปที่หูหงเต๋อ เขาไม่คุ้นเคยกับสถานการณ์บนภูเขาแบบนี้

หูหงเต๋อคิดสักพัก พูดว่า “ไปตามหาเมิ่งตาบอดดีกว่า โสมขุดช้าไปสองสามวันก็ไม่เป็นไรหรอก!”

หูหงเต๋อไม่อยากเสียเปรียบฝ่ายตรงข้าม หลังจากอยู่บนบนภูเขาฉางไป๋เป็นเวลาหลายปี คนแก่จวนเข้าโลงอย่างเขากลับถูกเมิ่งตาบอดคิดร้ายเอา แม้กระทั่งหลานสาวของเขาก็เกือบจะถูกฆ่าตาย ทำให้เขาหายใจไม่เต็มปอด

“ดี ผมเองก็อยากเห็นวิชาลัทธิชามันกับตา!”เยี่ยเทียนกลับไม่สนใจ เขาสนใจในความสามารถของเมิ่งตาบอดที่มีวิชาเรียกวิญญาณโดยไม่ต้องฝึกฝนด้วยตัวเอง

“ลืมเอาสมุนไพรต้าฮวงมาด้วย ไปเถอะ ทางขึ้นภูเขามีแค่เส้นทางเดียว น่าจะเห็นร่องรอยที่พวกเขาทิ้งไว้!”

ตอนที่พวกเมิ่งตาบอดขึ้นไปบนภูเขา หิมะยังตกอยู่  หิมะตกที่หนักจึงกลบร่องรอยหลายอย่าง แต่หูหงเต๋อที่อยู่บนภูเขามาหลายปี ขอแค่ให้มีเบาะแสเล็กๆ ใดก็ได้ เขาจะรู้ว่าอีกฝ่ายเดินไปทางไหน

หลังจากปีนขึ้นไปภูเขาสูงกว่า 2,000 เมตร ก็พบกองไฟถูกฝังอยู่ใต้หิมะ

หลังจากที่หูหงเต๋อมองไปรอบๆ ก็พูดว่า “ถูกต้อง เมิ่งตาบอดไปทางหมู่บ้านบนภูเขา!”

“หมู่บ้านภูเขาที่ปีนั้นพ่อของคุณเคยอยู่ใช่ไหม”เยี่ยเทียนถามด้วยความประหลาดใจ

“ถูกต้อง ที่นั่นภูมิประเทศสูงชัน และยังเป็นที่ลับมาก นอกจากตัวฉันเองแล้ว ก็หาเจอได้ยาก”

พอพูดถึงตรงนี้ ใบหน้าของหูหงเต๋อเผยสีหน้าที่โกรธแค้นขึ้น “ที่จริงเมิ่งตาบอดก็ไม่รู้จักที่นั่นหรอก แต่ปีนั้นพ่อของฉันพามันมาเอง มันกลับทรยศเนรคุณ!”

ในตอนที่พ่อของเมิ่งตาบอดถูกยิงตาย หูอวิ๋นเป้าที่เมื่อนึกถึงเรื่องเก่าๆ ก็จะพาเมิ่งตาบอดไปอาศัยอยู่บนภูเขาสองสามเดือน และยังสอนวิชาเล็กน้อยให้กับเขา

แต่ต่อมาการตามจับหูอวิ๋นเป้าเริ่มเข้มข้นขึ้น เขากลัวเมิ่งตาบอดลำบาก ก็เลยส่งกลับบ้านไป ทำให้เมิ่งตาบอดเกลียดแค้นหูอวิ๋นเป้า

เยี่ยเทียนส่ายหน้า พูดว่า “เหล่าหู ไม่ถูกต้อง เมิ่งตาบอดก็น่าจะรู้ว่าคุณก็รู้ทางไปหมู่บ้านบนภูเขานั่น เขาไม่กลัวคุณตามไปทันเหรอ”

“ไอ้คนนี่มันมีจิตใจอำมหิต ที่เข้ามาที่ภูเขานี่คาดว่ามีเจตนาอะไรที่ไม่ดีแน่ คงอยากจะลองดีกับฉัน”

ถ้าพูดว่าบนโลกนี้คนที่เข้าใจตัวเราเองมากที่สุด ถ้าไม่ใช่คนในครอบครัว ก็ต้องเป็นคนที่เกลียดคุณจนเข้ากระดูก ก็เหมือนกับเมิ่งตาบอดที่รู้ว่าหูหงเต๋อจะตามเข้าไปในภูเขาเหมือนกัน หูหงเต๋อก็รู้จิตใจของเมิ่งตาบอดเป็นอย่างดี

“งั้นถ้าพวกเราบุกเข้าไป ก็เป็นไปตามความต้องการของเขา”  ถึงแม้กลยุทธของเมิ่งตาบอดจะไม่ซับซ้อน แต่ระวังตัวไว้ก่อนดีกว่า เยี่ยเทียนไม่อยากตกลงไปในหลุมพรางนี้

“ไม่เป็นไร ผมรู้เส้นลัด พวกเราสามารถไปถึงหมู่บ้านในภูเขา ก่อนพวกมัน”

ใบหน้าของหูหงเต๋อยิ้มอย่างโหดเหี้ยม “พ่อของฉันเป็นถึงหัวหน้าภูเขาฉางไป๋ ลูกของเขาก็ต้องไม่ใช่คนขี้ขลาด อยากจะประลองกับฉัน ฝีมือของเมิ่งตาบอดยังอ่อนหัด!”

ชื่อเสียงเรียงนามของหูหงเต๋อที่ภูเขาฉางไป๋ไม่ใช่ว่าอยู่ๆก็ได้มา ปีที่ทหารญี่ปุ่นบุกเข้ามา หูหงเต๋ออายุราวๆสิบสี่ปี ยังฆ่าพวกสารเลวญี่ปุ่นได้ตั้งหกคนโดยที่ไม่ได้รับการช่วยเหลือจากพ่อของเขา นี่คือเหตุผลที่เขาได้รับการยอมรับจากคนทั่วไป

เยี่ยเทียนกับหูหงเต๋อ ต่างก็เป็นคนที่มีฝีมือยอดเยี่ยม ภูเขาที่คนธรรมดาดูเหมือนจะผ่านไม่ได้ สำหรับพวกเขาแล้วไม่มีอะไรมาก ภายในหนึ่งวัน พวกเขาก็ข้ามภูเขาสองลูกได้แล้ว

คืนนั้นพวกเขาพักในบ้านไม้อีกหลังในภูเขา ทั้งสองผลัดกันเฝ้ายาม เพราะตามคาดการณ์ของหูหงเต๋อพวกเขาเข้าใกล้เมิ่งตาบอดแล้ว ถึงแม้พวกมันจะเดินทางล่วงหน้ามาแล้วสามวันก็ตาม

เช้าวันต่อมา หูหงเต๋อยังคงพาเยี่ยเทียนบุกเข้าไปในป่าทึบ พอถึงตอนเที่ยง ทั้งสองคนก็มาถึงตีนเขาแห่งหนึ่ง

ชี้ไปยังหมอกที่ปกคลุมอยู่บนภูเขา หูหงเต๋อพูดว่า “เยี่ยเทียน นั่นคือบ้านที่พ่อฉันเคยหลบอยู่ แต่ก่อนที่ตีนเขาจะมีบ้านอยู่หลายหลัง แต่ถูกพวกทหารญี่ปุ่นเผาจนหมด!”

“เป็นสถานที่ที่ดี ง่ายต่อการป้องกันและยากในการโจมตี”

เยี่ยเทียนดูอย่างละเอียดสักพักหนึ่ง ยอดเขานี้แตกต่างยอดเขาอื่นของภูเขาฉางไป่ ทางขึ้นที่มีระยะยาวไกลมีความลาดชัด  มีแค่ทางขึ้นเล็กๆ ทางหนึ่งที่สูงและชันมาก ในปีนั้นทหารญี่ปุ่นคงจะสูญเสียกำลังพลเป็นอย่างมาก

“เหล่าหู เป็นอะไรไป”เมื่อเห็นสายของหูหงเต๋อที่จ้องมองไปยังภูเขาที่คดโค้งลูกนั้น เยี่ยเทียนถึงกลับไปตบที่ไหล่ของเขา

“เฮ้อ ไม่เป็นไร เยี่ยเทียน พวกเราขี้นภูเขาก่อนเถอะ ไปรอพวกมันบนภูเขากัน!”

หูหงเต๋อไม่ได้มาที่นี่หลายปี ยืนอยู่ที่ตรงตีนภูเขาสักพักหนึ่ง เมื่อนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อหลายสิบปีก่อน ก็ตกอยู่ในภวังค์

เยี่ยเทียนใช้มือในการคำนวณทำนายสักพัก คิ้วขมวดขึ้น ยืนมือไปจับหูหงเต๋อ พูดว่า

“เดี๋ยวก่อน ผมเพิ่งคำนวณเมื่อกี้ พวกมันน่าจะอยู่ที่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ 30 ไมล์ ยังไม่ได้ขึ้นไปบนภูเขา!”

คนรู้วิชาพยากรณ์ส่วนใหญ่จะรู้ถึงวิธีได้รับโชคดีและการหลีกเลี่ยงเคราะห์ร้าย เมื่อเยี่ยเทียนมาอยู่ในจุดที่พวกเมิ่งตาบอดเคยมา ก็สามารถทำนายได้ว่าตอนนี้พวกมันตอนนี้อยู่กลางภูเขาและไม่ห่างจากจุดที่พวกเขาอยู่ การพยากรณ์ของเยี่ยเทียนถือว่าแม่นยำสูงมาก

“อยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือ 30 ไมล์เหรอ ตรงนั้นมันที่ตั้งของบึงน้ำมังกรดำ”

หูหงเต๋อได้ยินถึงกับตะลึง ที่ตรงนั่นมีบึงน้ำที่ลึกมาก ตลอดทั้งปีถูกปกคลุมไปด้วยหมอกควันพิษ น้อยคนที่จะกล้าเข้าใกล้บริเวณนั้น

เมื่อหูหงเต๋ออธิบายเกี่ยวกับบึงน้ำมังกรดำ เยี่ยเทียนยิ้มพูดว่า “เหล่าหู ก็เป็นแค่ถ้ำเสือ ผมและคุณจะกลัวอะไรอีก!”

“ดี เมื่อพบกับศัตรู คนที่กล้าเท่านั้นจึงจะเป็นผู้ชนะ พวกเราไปกัน!”

หูหงเต๋อพูดกับเยี่ยเทียนอย่างโกรธแค้น โยนของหลายอย่างลงบนพื้น แค่ถือคันหน้าไม้ไว้ ที่ระหว่างเอวก็ยังพกมีดภูเขาที่แหลมคมเล่มหนึ่ง

เนื่องจากในภูเขาเป็นป่าทึบ เมื่อประจันหน้ากันในป่า พวกอาวุธปืนจึงไม่ใช่ทางเลือกที่ดีที่สุด ในการต่อสู้แบบประชิดตัวอาวุธพวกนี้จึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด

“รีบหน่อย เดินเร็วอีกหน่วย เดินไปอีกเจ็ดแปดไมล์ถึงจะพักผ่อนได้!”

ห่างออกไปจากที่พวกเยี่ยเทียนสองคนอยู่อีกมากกว่าสามสิบไมล์ เมิ่งตาบอดกำลังเร่งตุนจื้อเซินและพรรคพวก เขารู้ตัวว่าการที่พาพวกนี้มาด้วยเป็นความผิดพลาดอย่างมาก มันทำให้เขาไปถึงที่รังเก่าช้าไปอีกหนึ่งวันจากที่คาดการณ์ไว้

ทำให้เมิ่งตาบอดร้อนใจเป็นอย่างมาก บางครั้งในใจของเขาก้รู้สึกสั่นระรัว เหมือนเมื่อตอนอายุสิบแปดที่ถูกเสือโคร่งไซบีเรียจ้องหน้า แล้วเขาก็รู้สึกได้ด้วยตัวเองว่า หูหงเต๋อห่างจากเขาไม่ไกลแล้ว

……

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด