หมอดูยอดอัจฉริยะ 787 โลกแห่งความฝัน

Now you are reading หมอดูยอดอัจฉริยะ Chapter 787 โลกแห่งความฝัน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“คุณหนูเจียงซาน ผมได้จัดหาโรงแรมที่ดีที่สุดในเคปทาวน์ให้  มองออกไปจากห้องพักสามารถเห็นวิวชายหาดและทะเลได้ ผมเชื่อว่าคุณจะต้องพอใจ”

รถขับออกมาจากสนามบิน ตลอดทางเหมียวจื่อหลงไม่ได้หุบยิ้มลงเลย เขาคิดหาถ้อยคำมาเอาอกเอาใจเด็กสาว พร้อมกับบังคับให้ตนเองเข้าสู่การหลับใหล ให้ตัวเขานึกคำพูดที่จะใช้เยินยอความงามของเธอ

“ขอบคุณค่ะ แต่ว่าคุณเหมียวคะ พวกเราเผ่ายิปซีชอบท่องเที่ยวพเนจร ที่นี่คุณมีเต็นท์หรือกระโจมไหมคะ?”

เด็กสาวหลุดหัวเราะออกมา เธอสามารถอ่านใจคนได้ แต่สิ่งที่คนอื่นไม่รู้คือความสามารถพิเศษของเธอชนิดนี้ต้องแลกด้วยบางสิ่ง ทุกครั้งที่ใช้มัน เธอจะรู้สึกอ่อนเพลียเหนื่อยล้าหนักๆเข้าจนรู้สึกถึงขั้นว่าอายุของเธอจะสั้นลง

ดังนั้นที่เหมียวจื่อหลงกังวลมากเกินไป เด็กสาวไม่ถึงกับอ่านใจเขาได้ตลอดเวลา ถ้าเป็นเช่นแล้วละก็ เกรงว่าเธอคงจะไม่มีทางอยู่รอดมาจนถึงวันนี้

“คุณหนูเจียงซาน ที่เคปทาวน์นี่ไม่ค่อยสงบสุขมากนัก ผมว่า…คุณคงไม่อยากจะไปนอนเป็นเพื่อนขอทานข้างถนนหรอกจริงไหม?”

วาจาที่เลื่อนลอยของเด็กสาวกลับทำให้เหมียวจื่อหลงหน้าเปลี่ยนสี ล้อเล่นใช่ไหม มาเคปทาวน์จะนอนกระโจมได้หรือ เกรงว่าคงไม่ต้องรอถึงพรุ่งนี้เช้า เด็กสาวคนนี้คงไม่เหลือแม้แต่ผมสักเส้น ผ่านไปอีกหนึ่งเดือน เธอคงจะถูกพบตัวอยู่ในซ่องโสเภณีชั้นต่ำที่ไหนสักแห่งในเมือง ช่วงหลายปีมานี้ซ่องโสเภณีกำลังเป็นที่นิยมอีกครั้ง

“อ๋อ ถ้าอย่างนั้นก็น่าเสียดาย ฉันไปมาหลายประเทศเคยนอนในเต็นท์ใต้ท้องฟ้าทั้งนั้น ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ      เหลยเร่งร้อน ฉันคงจะพกติดตัวมาเอง

เด็กสาวยักไหล่ กลับไม่ได้เรียกร้องต้องการนอนในเต็นท์ต่อ เธอเป็นเด็กผู้หญิง แม้จะใช้ความสามารถที่มีจัดการกับปัญหาได้ด้วยตัวเอง แต่ก็ไม่ควรจะหาเรื่องใส่ตัว?

“คุณหนูเจียงซาน พวกเรามาถึงโรงแรมแล้ว มีอะไรคุณสามารถโทรติดต่อผมหรือพี่เหลยได้ตลอดเวลา”

เมื่อส่งเธอมาถึงห้องพักโรงแรม เหมียวจื่อหลงเห็นว่าเธอไม่มีอะไรจะคุยกับเหลยหู่อีก ทั้งสองจึงขอตัวกลับออกมา

ความจริงแล้วเหมียวจื่อหลงได้เปิดห้องไว้ที่โรงแรมอีกห้องเป็นห้องตรงข้ามกับเด็กสาว แต่เมื่อมาถึงโรงแรมแล้วเขากลับเปลี่ยนใจ เขาเปลี่ยนห้องของตัวเองอยู่ให้ห่างจากห้องของเธอให้มากที่สุด เพราะเหมียวจื่อหลงไม่รู้ว่าเด็กสาวจะสามารถอ่านความคิดคนอื่นผ่านกำแพงห้องได้หรือไม่ ราวกับว่าเขาไปทำเรื่องผิดร้ายแรงมา จึงไม่อยากให้ใครอ่านความคิดของตน

“ศิษย์พี่ ไปหาคนๆนี้มาจากไหน? อ่านใจคนได้ด้วย น่ากลัวจริงๆ”

เมื่อมาถึงห้องพักของตัวเองแล้ว เหมียวจื่อหลงยังใจสั่นเหงื่อแตกไม่หาย เมื่อครู่รู้สึกราวกับว่าเขาถูกเด็กสาวมองทะลุเสื้อผ้ามองเห็นร่างอันเปลือยเปล่าของตัวเอง เป็นความรู้สึกที่แย่มากๆ

สำหรับเหมียวจื่อหลงนั้น เหลยหู่รู้สึกไม่ต่างกัน เขาพยักหน้าพูดขึ้น “ฉันก็เคยเจอ คนที่เลี้ยงดูเธอเป็นคนเผ่ายิปซี เป็นหมอดูหาเลี้ยงชีพอยู่ในพื้นที่แถบนั้น….”

หลังออกจากสมาคมหงเหมินช่วงหลายเดือนแรกเขารู้สึกหมดอาลัยตายอยาก เขามีบ้านสวนอยู่ที่ตำบลเล็กๆแห่งหนึ่งในออสเตรเลีย จึงพาครอบครัวหลบไปอยู่ที่นั่นสักพัก

แล้วเขาก็ได้พบกับเมเดียน่าที่ตำบลแห่งนี้

เด็กสาวคนนี้มีชีวิตน่าสงสาร เธอเคยมีฐานะทางบ้านที่มั่นคง พ่อแม่เป็นคนเชื้อสายจีนที่เดินทางมาตั้งรกรากในออสเตรเลียช่วงปี 80 ทำงานหนักอยู่สิบกว่าปีจนได้เป็นผู้มีฐานะแบบชนชั้นกลาง

แต่เหมือนโชคชะตาเล่นตลก จะด้วยเคราะห์กรรมใดก็ตามทำให้ครอบครัวของเธอประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ซึ่งคร่าชีวิตบิดามารดาของเธอไป ตอนนั้นเธอมีอายุแค่เพียงสามขวบ หลังผ่านการตรวจสอบทั้งหมดแล้วเด็กหญิงไม่มีญาติหลงเหลืออยู่ในประเทศจีนเลย

ตามกฎหมายในออสเตรเลีย เด็กหญิงต้องถูกส่งตัวไปที่บ้านเด็กกำพร้า แต่ด้วยมรดกที่เธอได้รับเป็นเงินจำนวนไม่น้อย ต้องรอจนถึงอายุสิบห้าปีถึงจะครอบครองทรัพย์สินทั้งหมดได้ ในช่วงสิบสองปีก่อนที่เธอจะอายุสิบห้า เธอจะต้องอยู่ในความดูแลของรัฐบาล

แต่ตอนนั้นมีชาวบ้านเสนอตัวจะรับเลี้ยงเด็กหญิง แต่ว่าเธอเป็นหญิงชาวยิปซี

ก่อนที่เธอจะได้สิทธิ์ดูแลเด็กต้องผ่านอุปสรรคขัดขวางจากผู้ที่ไม่เห็นด้วยมากมาย สุดท้ายแล้วชาวบ้านพากันลงคะแนนเสียงให้เธอได้สิทธิ์ในการรับเลี้ยงเด็กหญิง

เมเดียน่าหรือเจียงซาน ตั้งแต่อายุห้าขวบก็เริ่มแสดงความสามารถที่เหนือมนุษย์ออกมา ตอนที่แม่เลี้ยงของเธอทำนายโชคชะตาให้คนอื่น เธอมักจะพูดสิ่งที่น่าตกใจออกมาอยู่บ่อยๆ จนเมื่ออายุสิบขวบก็มีชื่อเสียงว่าเป็นนักทำนายตัวน้อย

ตอนเหลยหู่พบกับเธอนั้น เจียงซานได้พูดถึงความในใจที่เหลยหู่กำลังคิดอยู่ออกมาได้ถูกต้อง ทั้งยังแสดงความสามารถเหนือธรรมชาติออกมา ทำให้เหลยหู่ยกย่องเธอและลงทุนสร้างบ้านให้เธอและแม่เลี้ยงยิปซีของเธอด้วย เขากับเธอจึงมีสัมพันธ์อันดีเรื่อยมา

ฟังที่เหลยหู่เล่าจบ เหมียวจื่อหลงถามต่อว่า “ศิษย์พี่เหลย นอกจากวิชาอ่านใจคนแล้ว เธอยังเป็นวิชาอะไรอีก?”

สายตาของเหลยหู่สว่างวาบขึ้น “เธอสามารถควบคุมร่างกายมนุษย์ได้ แม้จะแค่ชั่วครู่เดียว แต่สำหรับเราสองคนที่ฝึกวิชาหมัดมวยมา นั่นก็เป็นโอกาสจัดการคู่ต่อสู้ให้ถึงตายได้แล้ว!”

ตอนเพิ่งเริ่มรู้จักเจียงซานได้ไม่นาน ลูกน้องของเหลยหู่เคยพูดจาเกี้ยวพาราสีเด็กสาวไป กลับถูกเธอสะกดร่างกาย มัดมือมัดเท้าไว้ แล้วถูกตบเข้าที่หน้าหลายที นี่จึงทำให้เหลยหู่รู้ถึงความสามารถที่ซ่อนอยู่ของเธอ

พอได้สนิทสนมกับเด็กสาวแล้วเหลยหู่ให้เธอใช้พลังวิเศษของเธอกับตัวเขา เขาฝึกวิชาเข้าขั้นแล้วยังรู้สึกเหมือนตัวเองตกลงไปอยู่ในหนองน้ำ ขยับตัวไม่ได้ไปหลายวินาที

เหลยหู่จึงต้องการให้เด็กสาวคนนี้เดินทางมาที่เคปทาวน์ ด้วยความคิดที่ว่าจะให้เด็กสาวใช้พลังวิเศษของเธอกับเยี่ยเทียน

“ศิษย์พี่เหลย พี่พูดจริงหรือ?”

เหมียวจื่อหลงฟังจบก็ตื่นเต้นใหญ่ ถ้าเด็กสาวคนนี้ทำให้เยี่ยเทียนขยับตัวไม่ได้ไปหลายวินาที กระสุนนับร้อยนัดที่ถูกระดมยิงออกไปจะต้องยิงถูกตัวเขาแน่นอน ต่อให้เป็นซูเปอร์แมนก็บินหนีไปไม่พ้น

เหลยหู่หัวเราะเสียงเย็น “แน่สิ ฉันอยากจะให้เจ้าหนุ่มนั่นตายไปเสียเดี๋ยวนี้เลย เจียงซานคนนี้เอาไว้จัดการเขาโดยเฉพาะ”

“ดี ศิษย์พี่เหลย เอาแบบนี้แล้วกัน ขอแค่พี่ทำให้เด็กสาวคนนั้นยอมลงมือ เยี่ยเทียนจะต้องตายอย่างไม่มีเงื่อนไข!”

เหมียวจื่อหลงกระตือรือร้นมากขึ้น พูดต่อว่า “ศิษย์พี่พักผ่อนก่อน ฉันจะไปเตรียมงานบางอย่าง….”

เหมียวจื่อหลงรู้ว่าครั้งนี้เหลยหู่เลือกทำถูกแล้ว จากเดิมที่ฆ่าเยี่ยเทียนได้สำเร็จมีโอกาสเพียงครึ่งเดียว แต่เมื่อมีความสามารถของเด็กสาวคนนั้นแล้ว ยิ่งเพิ่มความมั่นใจให้เขามากขึ้น ถ้าอยากจะบรรลุผล จะต้องล่อเยี่ยเทียนให้ออกมาจากโรงแรมก่อน

เหมียวจื่อหลงรีบบอกลาเหลยหู่แล้วออกจากโรงแรมไป เหลยหู่ไปเคาะประตูห้องของเด็กสาวแล้วพาเธอไปที่ห้องอาหารหรูหราของโรงแรมเพื่อรับประทานอาหารมื้อใหญ่

เจียงซานโตมากับแม่เลี้ยงที่มีความเป็นอยู่ยากลำบาก เมื่อเห็นอาหารชั้นดีวางเรียงอยู่ตรงหน้าทำให้เธอแสดงท่าทางตื่นเต้นแบบเด็กสาวทั่วไป เรื่องที่เหลยหู่ขอร้องให้เธอบังคับร่างกายคนให้อยู่นิ่งๆนั้น เธอคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็ตอบตกลง

……-

“อ๊า?!” เมเดียน่าที่กลับมาถึงห้องพัก เธอนอนหลับไปได้สองชั่วโมงกว่าแล้วก็สะดุ้งตื่น

“ทำไมเป็นอย่างนี้?” ใบหน้าอ่อนหวานของเธอปรากฏแววหวาดกลัว เพราะในฝันนั้นมีแต่ศพกองพะเนินเป็นภูเขาเลือด สำหรับเด็กสาววัยสิบกว่าปีอย่างเธอมันไม่เคยปรากฎมาก่อน

ในสายตาของเหลยหู่ เด็กสาวมีความสามารถพิเศษในการอ่านใจคนและบังคับร่างกายคนอื่น แต่เหลยหู่ไม่รู้ว่าความจริงแล้วเธอสามารถหยั่งรู้ถึงความคิดของคนอื่นได้เพียงคร่าวๆเท่านั้น จากการวิเคราะห์ของตัวเองถึงจะเข้าใจความถูกผิดดีชอบในใจของคนอื่น

ความสามารถที่แท้จริงของเธอนอกจากการบังคับร่างกายของคนอื่นแล้ว ยังสามารถทำนายอนาคตว่าดีหรือร้าย แต่วิธีที่ชาวยิปซีนิยมใช้ที่สุดอย่างไพ่ยิปซีนั้น เจียงซานกลับฝันเห็นเรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต

สถานการณ์แบบนี้หลายคนก็เคยเป็นมาก่อน เหมือนกับลางสังหรณ์ว่าเรือไททานิคจะจม มีสามหรือสี่คนที่อยู่ที่อื่นฝันถึงเหตุการณ์นั้นตอนที่หลับสนิทอยู่ในบ้าน ความจริงแล้วเป็นการพิสูจน์โลกแห่งความฝันของพวกเขา

เหตุการณ์แปลกๆแบบนี้ไม่เหมือนความฝันของเด็กสาวที่มีมาตั้งแต่เด็ก เรื่องที่เกิดในความฝันของเธอนั้นเก้าในสิบของเรื่องที่เธอฝันถึงจะเกิดขึ้นในอนาคต แต่เด็กสาวไม่เคยเล่าเรื่องเหล่านี้ให้ใครฟังเลย มีเพียงแม่เลี้ยงของเธอ คนทั่วไปต่างคิดว่าเธอเป็นนักทำนายที่มีพรสวรรค์คนหนึ่งเท่านั้น

“น่ากลัวจริง ตายหมดเลย!” เด็กสาวลืมตาโพลงกำปลายผ้าห่มไว้แน่น ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมหน้า แม้เธอจะตื่นเกือบเต็มตาแล้ว แต่แววตาเธอของเธอยังหลงเหลือความหวาดกลัวอยู่

คิดถึงฝันที่เธอฝันถึงนั้น เจียงซานตะลึงค้างไปแล้วแต่สีหน้ายังดูงุนงง “ไม่ถูกสิ ทำไมฉันถึงไม่เป็นอะไรเลย? ทั้งๆที่เมื่อก่อนในโลกความฝันจะชักนำให้ฉันมาที่นี่!”

สาเหตุที่เธอไปอยู่อียิปต์ก็เพราะ เมื่อหนึ่งปีก่อน เธอมักจะฝันซ้ำซ้อนอยู่เพียงอย่างเดียว ในฝันนั้นมีเสียงที่ฟังดูคุ้นเคยและใกล้ชิดบอกให้เธอมาที่แอฟริกา

แต่เมื่อปีที่แล้ว เจียงซานยังอายุไม่ครบสิบห้าปี ไม่สามารถรับมรดกจากพ่อแม่ได้

มาถึงปีนี้เธออายุเต็มสิบห้า เธอถึงได้ถอนเงินมรดกออกมาส่วนหนึ่ง เพื่อใช้ดำเนินชีวิตเป็นยิปซีพเนจรแบบแม่เลี้ยงของเธอ สถานที่แรกที่เธอเลือกคืออียิปต์ที่อยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของแอฟริกา

“จะเตือนคนๆนั้นดีไหมน้า?” เจียงซานอายุยังน้อย แต่ติดตามแม่เลี้ยงไปหลายที่ ความคิดของเหลยหู่นั้นเธอมองออกตั้งแต่แรกแล้ว

เธอใช้ชีวิตแบบเผ่ายิปซีมาตั้งแต่เด็ก ถูกเด็กคนอื่นๆดูถูกมาก เด็กสาวไม่ค่อยสนใจความคิดของคนอื่นเท่าไหร่ แม่เลี้ยงของเธอเคยบอกเอาไว้ว่าพวกเขาต้องใช้จิตวิญญาณของตัวเองหาคำตอบให้ผู้อื่น พระเจ้าจะไม่ลงโทษพวกเขาหรอก

“ช่างเถอะ พรุ่งนี้ค่อยบอกเขา” เด็กสาวคิดได้ดังนี้ก็ปิดตาล้มตัวลงนอน สำหรับเธอครั้งนี้เป็นเพียงการแลกเปลี่ยนกับเหลยหู่ครั้งหนึ่งเท่านั้น

“เอ๋? น่าสนใจ หรือว่าคนๆนั้นกำลังนึกถึงฉันอยู่?”

ตอนที่เด็กสาวตกใจตื่นจากความฝัน เยี่ยเทียนเองก็รู้สึกถึงความสั่นไหวในดวงจิต แล้วตื่นขึ้นจากห้วงภวังค์ลึก

…………………………………………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด