หมอดูยอดอัจฉริยะ 623 ลงนาม

Now you are reading หมอดูยอดอัจฉริยะ Chapter 623 ลงนาม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เงื่อนไขในข้อตกลงง่ายๆ รอบที่หนึ่ง คนของฮิราโนะ อิจิโร่เจอกับคนของฟรุส เมื่อได้ผู้ชนะ ฝ่ายที่ชนะสามารถขอท้าปะลองกับสนามของจู้เหวยเฟิง ส่วนจู้เหวยเฟิงห้ามปฏิเสธคำท้า

แต่หลังจากตรวจทานข้อตกลงเสร็จ ทั้งฮิราโนะ อิจิโร่และฟรุสต่างก็ขมวดคิ้ว และมองออกว่าในข้อตกลงมีเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม

“คุณจู้ แล้วสถานที่กับเวลาปะลองกับฝั่งคุณ วางแผนไว้ยังไง?”

ครั้งนี้ฮิราโนะอิจิโร่พานักมวยมาร่วมการแข่งขันทั้งหมดสามคน ส่วนฟรุสก็มีนักมวยในจำนวนที่เพียงพอ ทั้งสองฝั่งพร้อมแข่งขันทุกเมื่อ

แต่จู้เหวยเฟิงเหมือนไม่ได้พานักมวยมาด้วย มันเลยทำให้พวกเขารู้สึกงุนงงเล็กน้อย ถ้าการแข่งขันจบแล้วจู้เหวยเฟิงไม่ยอมจัดการแข่งขัน งั้นพวกเราก็โดนหลอกน่ะสิ?

“เอ่อ?” จู้เหวยเฟิงมองเยี่ยเทียนทันทีหลังจากฮิราโนะ อิจิโร่พูดแบบนั้น เพราะเรื่องนี้เขาตัดสินใจเองไม่ได้

เยี่ยเทียนหัวเราะแห้ง ๆ และพูดกับฮิราโนะ อิจิโร่ว่า “หลังจากการแข่งขันของทั้งสองฝั่งจบลง เริ่มแข่งขันมวยใต้ดินของพวกเราได้ทุกเมื่อ!”

“ทุกเมื่อ?” คำพูดของเยี่ยเทียนทำให้ฟรุสอึ้งเล็กน้อย และถามว่า “พวกคุณไม่มีนักมวยขึ้นมาบนเรือ จะเริ่มการแข่งขันได้ยังไง?”

ฟรุส ถือว่าเป็นบุคคลอาวุโสที่ใหญ่ที่สุดในวงการมวยใต้ดิน ฉะนั้นตลาดจีนจึงเป็นตลาดที่เขาอยากได้มานานมาก

เขาสนใจจู้เหวยเฟิงกับเยี่ยเทียนตั้งแต่สองคนนี้ลงเรือ แต่ตอนลงเรือจู้เหวยเฟิงกับเยี่ยเทียนไม่ได้ลงทะเบียนไว้ในนามนักมวย

เยี่ยเทียนมองและพูดกับฟรุสด้วยน้ำเสียงนิ่ง ๆ ว่า “ผมมาร่วมการแข่งขันครับ!”

“คุณจะขึ้นชก?!”

คำพูดของเยี่ยเทียนทำให้ฟรุสอึ้งมาก และเริ่มมองเยี่ยเทียนอย่างจริงจัง ผ่านไปครู่นึงก็ถามเยี่ยเทียนต่อว่า “คนหนุ่ม ทุก ๆ ปี อัตราการตายในสนามมวยใต้ดินเป็นเท่าไหร่ รู้มั้ย? ”

“ไม่รู้ครับ!” เยี่ยเทียนตอบด้วยความซื่อและส่ายหัว

“ร้อยละ 98 นั่นหมายความว่า การแข่งขัน100 รอบ มีผู้แพ้เพียง 2 คนเท่านั้นที่รอดชีวิต ถึงแม้จะรอด แต่สองคนนี้ก็อาจกลายเป็นคนพิการ!”

เวลานี้ความสุภาพของฟรุสหายไปจากใบหน้าแล้ว ใบหน้าของเขาแทนที่ด้วยความบ้าคลั่ง เขาอยากเห็นเยี่ยเทียนตกใจกับข้อมูลนี้จนฉี่ราด

“ผู้ชนะย่อมไม่ตาย ผมไม่ใช่ผู้แพ้แน่นอน!”

แต่ฟรุสผิดหวังเร็วมาก หน้าของเยี่ยเทียนไม่มีอารมณ์ใด ๆ แสดงออกมาและยังตอบด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ ราวกับว่าตัวเองชนะแน่นอน

“คนหนุ่มคนนี้มันบ้าไปแล้ว!”

“สมองไม่ปกติจริง ๆ เห็นสนามมวยใต้ดินเป็นสถานที่อะไร?”

“ตัวแค่เนี้ยเหรอ ขึ้นเวทีปุ๊ปก็คงถูกฉีกออกเป็นชิ้น ๆ แล้วมั้ง!”

คนที่รู้สึกประหลาดใจไม่ได้มีเพียงฟรุส แม้แต่คนที่มุงดูก็ยังรู้สึกว่าเยี่ยเทียนมั่นใจมากเกินไป

พวกเขาเป็นเจ้าของดูแลสนามวยใต้ดินทั้งนั้นและรู้จักวงการนี้เป็นอย่างดี คนที่กล้าแข่งมวยใต้ดิน ก่อนอื่นจะต้องเป็นคนกล้าและมั่นใจว่าไม่มีใครฆ่าได้

นี่คือพื้นฐานที่นักมวยทุกคนต้องมี ถ้าไม่มี เวลาที่ขึ้นชก อาจจะไม่กล้าลงกับมือคู่ต่อสู้

ในฐานะที่เป็นนักมวยคนนึง ร่างกายต้องแข็งแรง ถังหลงเองก็เป็นผู้ชายที่เต็มไปด้วยมัดกล้าม

แต่เยี่ยเทียนไม่มีรังสีใด ๆ แผ่ออกมา เนื้อหนังใต้ร่มผ้าก็ไม่มีกล้ามเนื้อโผล่ให้เห็น ถ้าจะบอกว่าเขาเป็นนักศึกษาหรือพนักงานบริษัทก็คงจะเชื่อ แต่ไม่ใช่นักมวยแน่นอน

ฉะนั้นนอกจากฮิราโนะ อิจิโร่กับจู้เหวยเฟิงที่รู้รากเหง้าของเยี่ยเทียนนิดหน่อย คนอื่น ๆ จะคิดว่าสมองของเยี่ยเทียนต้องมีปัญหาแน่ ๆ

“ไอ้หนุ่ม พูดอะไรไว้ต้องรับผิดชอบด้วยนะ จะขึ้นชกมวยใต้ดินจริงเหรอ?“ เมื่อเห็นเยี่ยเทียนไม่สะทกสะท้านกับเสียงรอบข้าง สีหน้าของฟรุสเริ่มซีเรียส

คนที่ไม่หวั่นไหวกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นต้องเป็นคนบ้าแน่ ๆ หรืออาจจะเป็นคนที่มีความมั่นใจสูงมาก

รูปร่างหน้าตาและกิริยาของเยี่ยเทียนไม่เหมือนคนบ้าสักนิด งั้นมีความเป็นไปได้อย่างเดียวเท่านั้น เขาเป็นคนที่ซ่อนความเก่งเอาไว้

หลังจากฟรุสพูดเสร็จ คนที่มุงดูอยู่ก็คิดตาม เสียงหัวเราะเริ่มเบาลง สายตาทุกคู่จับจ้องไปที่เยี่ยเทียน

เยี่ยเทียนพูดต่อด้วยสีหน้าเรียบว่า “ใช่ ถ้าไม่เชื่อ เขียนชื่อผมเอาไว้ด้วยก็ได้นะ”

“โอเค งั้นพวกเราเซ็นข้อตกลงกันตอนนี้เลย!”

ฟรุสเป็นคนอินเดียแต่ไม่เชื่อในศาสนาพุทธ ฉะนั้นเขาไม่มีความคิดเรื่องทำความดีสะสมคุณธรรม มีแต่อยากส่งเยี่ยเทียนขึ้นเวทีเพื่อให้เยี่ยเทียนตาย เพราะถ้าตายตลาดในจีนก็เหมือนได้มาฟรี ๆ

“คุณเยี่ย ผมขอย้ำอีกครั้ง การแข่งขันในครั้งนี้เป็นการต่อสู้มวยปล้ำโดยการใช้มือเปล่า ห้ามใช้อาวุธนะครับ!”

ฮิราโนะ อิจิโร่เป็นคนที่ระมัดระวังมากกว่าฟรุสหน่อย เพราะเขารู้ว่าการใช้อาวุธจะช่วยลดพลังงานลงได้เยอะ แม้ว่าเยี่ยเทียนจะไม่มีจุดเด่นแต่เขาอาจกลายเป็นปรมาจารย์เคนโด้ก็ได้

“ไม่เป็นไรครับคุณฮิราโนะ อิจิโร่ คุณกลัวเหรอครับ?”

เยี่ยเทียนพยักหน้าและทำสีหน้ากวน ๆ ออกมา พูดต่อว่า “ตอนนี้ยังไม่ได้เซ็นข้อตกลง คุณยกเลิกได้นะ ผมแข่งกับคนของฟรุสก็พอ !”

คำพูดประชดประชันของเยี่ยเทียนทำให้ฮิราโนะ อิจิโร่หน้าแดง แต่ก็ข่มความโกรธเอาไว้เพราะคำพูดของเยี่ยเทียนอีกเช่นกัน จึงตอบกลับไปว่า “ตกลง งั้นพวกเรามาลงนามกันตอนนี้เลย!”

แม้ในใจจะรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ แต่ฮิราโนะ อิจิโร่เป็นคนที่เด็ดขาด มั่นใจ แน่นอนว่าตลาดของประเทศใหญ่อย่างจีนและไทยต่างหากที่เป็นสาเหตุหลัก

ให้คนแก้ไขข้อตกลงโดยเพิ่มเวลาการแข่งขันและสถานที่เข้าไป หลังจากที่ฟรุสกับฮิราโนะ อิจิโร่ตรวจทานเสร็จ ทั้งสองก็ลงนาม

จู้เหวยเฟิงลงนามเสร็จ ข้อตกลงทั้งสามฉบับถือว่าเสร็จสมบูรณ์ มีทั้งหมดสี่ชุด ทั้งสี่ชุดนี้นอกจากผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งสามเอาไปคนละชุดแล้ว คลีเมตสันเอาไว้อีกหนึ่งชุดในฐานะพยาน

ส่วนเวลาแข่งขันถูกกำหนดไว้เป็นคืนพรุ่งนี้ตอนสามทุ่ม รอบแรกเป็นฮิราโนะ อิจิโร่กับฟรุส ผู้ชนะจะปะลองกับเยี่ยเทียนอีกทีตอนเที่ยงคืน

“ตกลง ทุกท่านครับ ผมจะเข้านอนแล้ว เราเจอกันตอนกลางคืนครับ!”

เมื่อมองเห็นจู้เหวยเฟิงเก็บข้อตกลงแล้ว เยี่ยเทียนร่ำลาทุกคนและเดินออกไป ที่จริงการแข่งขันในวันพรุ่งนี้ยังไม่กดดันเท่ากับผู้หญิงเปลือยที่อยู่ในห้องนี้

สำหรับท่าทีของเยี่ยเทียน ผู้คนไม่ได้พูดอะไรต่อ เพราะทุกคนที่เที่ยวหาความสำราญบนเรือล้วนเป็นเจ้าของสนามมวยจากที่ต่าง ๆ สำหรับผู้เข้าแข่งขันทุกคนล้วนกำลังเติมพลังและเตรียมพร้อมสำหรับสงครามที่จะมาถึง

หลังจากข้อตกลงร่วมกันลงนามเป็นที่เรียบร้อยจู้เหวยเฟิงไม่มีอารมณ์เล่นกับผู้หญิงแล้วเหมือนกันกัน เพราะก่อนเริ่มการแข่งขัน เดิมพันของเขาจะต้องกลายเป็นจริง ส่วนเงินจำนวน 800 ล้านดอลล่าร์ก็เป็นจำนวนเงินที่ทำให้เขาล้มละลายได้เช่นกัน

“เห้ แค่เข้าร่วมการแข่งขัน การรับรองก็ดีกว่าเมื่อกี้แล้วนะ?”

ตอนที่เยี่ยเทียนกับจู้เหวยเฟิงกลับถึงห้องรับแขก พวกเขาถูกพนักงานพาไปยังโซน A ซึ่งอยู่ชั้นบนสุดของเรือสำราญ ความหรูหราของห้องนี้ยิ่งกว่าโซน C อีก

“ตกลง เอาของวางไว้ตรงนี้แหละ ออกไปเถอะ!”

หลังจากยื่นทิปให้กับพนักงานที่ช่วยยกกระเป๋าเดินทางเสร็จ เขาเดินไปดึงเยี่ยเทียนที่กำลังชมวิวทะเลกลับเข้ามา และพูดด้วยน้ำเสียงที่เป็นกังวลว่า “เยี่ยเทียน นายมีความมั่นใจแค่ไหน? ทำไมเร่งให้ฉันเซ็นขนาดนั้น?”

ข้อตกลงที่อยู่ในกระเป๋า เหมือนภูเขาอันหนักอึ้งกดทับมาที่หัวของจู้เหวยเฟิง ยังไม่พูดถึงเงินเดิมพัน 800 ล้านดอลล่าร์ แค่ความปลอดภัยของเยี่ยเทียนก็ไม่ใช่สิ่งที่เขาจะรับได้

แม้ว่าเยี่ยเทียนจะเคยแสดงความสามารถอันยอดเยี่ยมที่สนามมวยในประเทศมาแล้วก็ตาม แต่ที่นี่คือสนามมวยระหว่างประเทศ ความมั่นใจที่มีต่อเยี่ยเทียนในตอนแรกหายไป ตอนนี้กลับกลายเป็นความกังวลมากถึงมากที่สุด

ถ้าหากเยี่ยเทียนแพ้จริง ๆ จู้เหวยเฟิงไม่รู้จะรับความโกรธของตระกูลซ่งได้อย่างไร ส่วนเยี่ยเทียนมาโผล่อยู่บนเรือสำราญควีนอลิซาเบธได้อย่างไร ก็เพราะเขาล่อลวงขึ้นมาน่ะสิ

“คุณนี่ เมื่อครู่ลืมว่าตัวเองเป็นใครจนจะเอาเป็นเอาตายเหลยเหรอ?”

เยี่ยเทียนขำจู้เหวยเฟิง และพูดว่า “คุณชายที่เกิดบนกองเงินกองทองอย่างคุณยังมีใจรักชาติ ผมช่วยคุณรับภาระนี้ไว้แล้วจะเป็นอะไรไปล่ะ!”

พูดตามตรง ท่าทีของจู้เหวยเฟิงทำให้เยี่ยเทียนมองเขาเปลี่ยนไป คุณชายที่พึ่งพาอำนาจของบรรพบุรุษคนนี้ ก็มีข้อดีอยู่บ้างแหละ

“ผมอยู่บนกองเงินกองทอง? ตอนนั้นผมก็ต้องฝ่าฝนฝ่าหนาวมาก่อนนะ!”

คำพูดของเยี่ยเทียนทำให้จู้เหวยเฟิงเกือบทำหน้าไม่ถูก และพูดอย่างจริงจังว่า “เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะ แพ้พนันฉันยังพอรับได้ แต่ถ้านายเป็นอะไรไป ฉันตายแน่ ๆ !”

“ไม่เป็นไรหรอก ถ้าไม่ชนะ วิธีป้องกันตัวผมก็พอมีบ้างน่า”

เยี่ยเทียนสัมผัสได้ถึงความเป็นห่วงของจู้เหวยเฟิง ครุ่นคิดไปสักครู่และพูดว่า “เอาแบบนี้ คุณไปหาเหล่าต่ง และหาข้อมูลทุกอย่างของนักมวยฮิราโนะ อิจิโร่กับนักมวยของฟรุสมาให้หมด ยิ่งละเอียดยิ่งดี!”

เมื่อก่อนเคยมีผู้ยิ่งใหญ่เคยกล่าวไว้ว่า เมื่อวางแผนกลยุทธ์สามารถดูหมิ่นศัตรูได้ แต่เมื่อใดที่ต่อสู่กับศัตรูต้องสนใจศัตรู เยี่ยเทียนไม่ใช่คนเหย่อหยิ่งจองหอง เขาไม่เคยคิดว่าการที่ตัวเองฝึกถึงระดับหลอมปราณสู่จิตได้แล้วจะเก่งที่สุด

“ตกลง ฉันจะไปจัดการให้เดี๋ยวนี้เลย เดี๋ยวกลับมา!”

จู้เหวยเฟิงพยักหน้า เมื่อก่อนเขาเคยทำข่าวกรอง เขาจึงรู้ว่าข้อมูลเหล่านี้สำคัญแค่ไหน หลังจากออกจากห้อง เขาโทรศัพท์ก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นก็เร่งฝีเท้าไปยังห้องต่งเซิงไห่

“เฮ้อ ถ้าศิษย์พี่ใหญ่เห็น ต้องว่าเราสังหารหมู่อีกแล้ว”

เยี่ยเทียนนั่งอยู่ที่ห้องรับแขก มองตัวเองในกระจกและยิ้มอย่างฝืด ๆ โดยไม่ทันตั้งตัว คิ้วที่กระดกขึ้นได้แสดงความอาฆาตสูงสุดออกมาแล้ว

คนที่ฝึกศิลปะต่อสู้ สิ่งที่สำคัญสำหรับพวกเขาคือความเด็ดขาด ถ้าต้องเผชิญเรื่องแบบนี้แล้วต่อต้านเจตจำนงของใจละก็ ตลอดชีวิตของเขา ก็คงยากที่จะพัฒนาด้านจิตใจขึ้นสูงได้

………………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด