หวนคืนชะตาแค้น 76 เกรงว่าโลกจะไม่โกลาหล (3)

Now you are reading หวนคืนชะตาแค้น Chapter 76 เกรงว่าโลกจะไม่โกลาหล (3) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ปัง! มู่หรงอวี้ยืนขึ้นและทุบโต๊ะด้วยฝ่ามืออย่างรุนแรงทำให้ถ้วยชาบนโต๊ะกระเด็นตกลงจากโต๊ะพร้อมกับชาที่ไหลรินลงบนพื้น สีหน้าของมู่หรงอวี้พลันมืดมน เอ่ยขึ้นด้วยเสียงทุ้มต่ำ ส่งคนไปจับกุมผู้ที่จัดเวทีประลองทันที ข้าจะไปรายงานเสด็จพ่อ!
พ่อบ้านใหญ่กล่าวด้วยสีหน้าขมขื่นว่า กระหม่อมเกรงว่าจะสายเกินไป ตวนอ๋อง องค์ชายเก้าแคว้นเย่ว์ เลี่ยอ๋อง และหย่งจยาจวิ้นจู่แห่งเป่ยฮั่น รวมทั้งราชทูตของเกาจวี้ หนานอานและโหรวหรานทั้งหมดล้วนไปถึงแล้ว แม้ว่าพวกคนจากแคว้นเล็กๆ ที่ห่างไกลเหล่านี้อาจจะไม่รู้ถึงความสำคัญของจิ่วจ่วนหลิงหลง แต่พวกเขาเพียงแค่อยากที่จะร่วมสนุกเท่านั้น ตราบใดที่แคว้นเย่ว์และเป่ยฮั่นเข้าร่วมด้วย เรื่องนี้ก็อาจมีแนวโน้มที่จะไม่สามารถควบคุมได้อย่างสมบูรณ์ แม้ตอนนี้แคว้นหวาจะร้องขอให้หยุดเพียงฝ่ายเดียวก็คงจะหยุดไม่ได้อีกต่อไป
นอกจากนี้…ผู้จัดได้วางรางวัลทิ้งไว้และจากไปแล้ว เหลือไว้เพียงคนรับใช้สองคนที่ไม่รู้เรื่องอันใดเลยเท่านั้นที่คอยคุ้มกัน… พ่อบ้านใหญ่กล่าวด้วยสีหน้าขมขื่น
มู่หรงอวี้เหล่มอง กล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำ ถ้าหากว่าสิ่งนั้นเป็นของปลอมเล่า
พ่อบ้านใหญ่เงียบไม่พูดจา ไม่มีผู้ใดเคยเห็นจิ่วจ่วนหลิงหลงและไม่มีผู้ใดเคยเห็นแผนที่ขุมทรัพย์ของตระกูลกู้ว่ามีหน้าตาเป็นอย่างไร และถ้ามันเป็นของปลอมจริงๆ?
มู่หรงอวี้อดที่จะนึกถึงเสียงหัวเราะของกู้ซิ่วถิงไม่ได้
‘หลังจากวันคล้ายวันพระราชสมภพของโอรสสวรรค์ในปีนี้ สมบัติของตระกูลกู้จะไม่มีอีกต่อไป!’ จะไม่มีอีกต่อไป…ด้วยวิธีนี้? ทุกแว่นแคว้นมาร่วมงานฉลองของพระบิดา จึงทิ้งสมบัติอันน่าทึ่งทำให้เกิดความวุ่นวายในเมืองหลวงเช่นนี้ กู้มู่เหยียน…เจ้านี่มัน!
ส่งคนไปรายงานเสด็จพ่อ ขอให้เสด็จพ่อทรงออกความเห็น มู่หรงอวี้กล่าวอย่างเคร่งขรึม
พ่ะย่ะค่ะ น้อมรับพระบัญชา
มู่หรงอวี้นั่งลงเพื่อตั้งสติ ดวงตาของเขาเย็นชา มองไปที่ซู่เฉิงโหวและพูดว่า ท่านโหว พวกเราไปดูกันเถิด มู่ฉังหมิงไม่กล้าปฏิเสธจึงรีบตอบรับ เชิญท่านอ๋อง
เวทีประลองอยู่ไม่ไกลจากเรือมังกร ตั้งอยู่บนพื้นที่ว่างเปล่าริมฝั่งแม่น้ำที่เรือมังกรไม่ผ่าน เวทีสร้างขึ้นที่นี่ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่ได้รับความสนใจจากบุคคลภายนอกมากนักเพราะมีเวทีแสดงความสามารถมากมายตามบริเวณริมฝั่งแม่น้ำ มีผู้มีพรสวรรค์ด้านกวีนิพนธ์ การประดิษฐ์ตัวอักษรและภาพวาด อีกทั้งยังมีนางโลมที่มีชื่อเสียงมาขับร้องเพลงและเต้นรำ แน่นอนว่ามีผู้มาแสดงฝีมือความสามารถไม่น้อยเลย ดังนั้นเรื่องที่เจ้าของเวทีประลองจะพูดความจริงหรือไม่นั้นที่นี่จึงไม่ได้รับความสนใจจากผู้ใด เมื่อผู้มีอำนาจเหล่านี้มาถึง เวทีการประลองก็ได้ถูกสร้างขึ้นมาแล้วและก็ไม่รู้ว่าเจ้าของเวทีการประลองนั้นไปอยู่ที่ใดแต่กลับปล่อยให้ยอดฝีมือสองคนคอยคุ้มกันกล่องทองคำที่อยู่ข้างหน้าพวกเขา ภายในกล่องผ้าไหมที่ถูกเปิดอยู่ครึ่งหนึ่งนั้นเปล่งประกายท่ามกลางแสงแดด ลำแสงเก้าสีส่องสะท้อนออกมาคล้ายกับจิ่วจ่วนหลิงหลงในตำนานที่ผู้คนกล่าวขานกันเป็นอย่างมาก
เจ้าของเวทีประลองนี้คำนวณไว้ได้ดีทีเดียว หากเหล่าองค์ชายและท่านอ๋องมาถึงเร็วกว่านี้ เขาจะไม่สามารถจากไปได้อย่างแน่นอน และหากคนเหล่านี้มาถึงช้าสักหน่อยแต่ด้วยฝีมือของชายทั้งสองที่ทิ้งไว้ ไม่ว่าพวกเขาจะแข็งแกร่งสักเพียงใดก็ตามก็อาจจะถูกคนอื่นแย่งชิงสิ่งของจากไปได้ ในเวลานี้องค์ชายทั้งหมดและราชทูตของแคว้นต่างๆ ก็มาถึงเกือบจะพร้อม ๆ กัน ใครก็อย่าได้คิดที่จะแอบกระทำการอย่างลับๆ ได้ ชั่วขณะหนึ่ง เวทีประลองอันเรียบง่ายแต่เดิมนี้ได้กลับกลายเป็นสถานที่ที่มีชีวิตชีวาที่สุดในริมแม่น้ำไปเสียแล้ว เมื่อมู่หรงอวี้มาถึง รอบๆ ก็แออัดไปด้วยผู้คนเรียบร้อยแล้ว
อ้าว น้องหก เจ้ามาช้าไปเสียหน่อยนะ ที่นั่งด้านหน้าย่อมเป็นของเหล่าองค์ชายและราชทูตจากแคว้นต่างๆ เมื่อเห็นมู่หรงอวี้เดินเข้ามาพร้อมกับใครบางคน องค์ชายสี่มู่หรงเสียก็กล่าวขึ้นด้วยรอยยิ้ม
มู่หรงอวี้ไม่ได้มีท่าทีโกรธเคือง เพียงส่งยิ้มบางๆ ตัวข้านั้นไม่ได้รับข่าวสารไวเท่ากับพี่สี่ เมื่อได้ยินข่าวก็รีบส่งคนไปรายงานต่อเสด็จพ่อจึงมาสายไปเล็กน้อย
ทันทีที่เขาพูดเช่นนี้ใบหน้าขององค์ชายคนอื่นๆ ก็ดูไม่ค่อยดี ไม่ว่าจะเป็นเพราะความเห็นแก่ตัวหรือเพราะความคิดไม่ถึง แต่พวกเขานั้นไม่ได้ส่งใครไปรายงานต่อเสด็จพ่อ ผลงานคราวนี้ถูกมู่หรงอวี้แย่งชิงไปก่อนเสียแล้ว
องค์ชายเจ็ดมู่หรงจ้าวยิ้มแล้วกล่าวว่า พี่สี่ โดยปกติแล้วพี่หกก็มีความกตัญญูต่อพระบิดามากที่สุด อีกทั้งยังต้องกังวลเรื่องของพี่สะใภ้หกอีก ดังนั้นจึงมาช้า องค์ชายเจ็ดที่มีอายุเพียงสิบเก้าปีแต่ก็ไม่ใช่ตะเกียงที่ประหยัดน้ำมันเช่นกัน ท่านตาของเขาเป็นแม่ทัพใหญ่ปกป้องแคว้นที่กุมอำนาจทางการทหารไปทั่วหล้า แม้ว่าเขาจะอายุน้อยกว่ามู่หรงอวี้และคนอื่นๆ อยู่ไม่น้อยแต่ว่าเขาก็มีคุณสมบัติที่จะแข่งขันเพื่อชิงตำแหน่งเหมือนกัน หลังจากได้ยินคำพูดของมู่หรงจ้าวทุกคนก็มองไปยังมู่หรงอวี้ด้วยสีหน้าท่าทางแปลกๆ
พระชายาหายตัวไปแต่กงอ๋องยังคงมานั่งดูการแข่งขันในเวทีประลองที่นี่อีก หรือว่า…สมบัติของตระกูลกู้ยังสำคัญกว่าพระชายาอีกอย่างนั้นหรือ
เมื่อคิดถึงความสัมพันธ์ระหว่างกงอ๋องและคุณหนูใหญ่ตระกูลกู้เมื่อในอดีตกับข่าวลือที่ว่าพระชายาและกงอ๋องนั้นต่างก็เคารพซึ่งกันและกัน แต่ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็รู้สึกว่าใบหน้าที่อ่อนโยนและสง่างามของกงอ๋องนั้นดูราวกับเสแสร้งจอมปลอมอยู่ไม่น้อย
มู่หรงเสียพ่นลมหายใจและพยักหน้าโดยไร้รอยยิ้ม น้องเจ็ดพูดถูก ข้าเข้าใจน้องหกผิดไป
องค์ชายใหญ่ฝูอ๋องมู่หรองเค่อที่นั่งอยู่แถวหน้าเหลือบมองไปยังพี่น้องของตนด้วยความปวดหัวและพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นว่า น้องสี่ น้องเจ็ด ต่อหน้าคนนอกตั้งมากมาย สงบปากสงบคำเสียหน่อย
มู่หรงเสียยังคงไว้หน้ามู่หรงเค่ออยู่ จึงพยักหน้าเบาๆ แต่มู่หรงจ้าวนั้นพ่นลมหายใจและหันศีรษะออกไปอีกทาง เสด็จแม่ของเขาเป็นบุตรีของแม่ทัพใหญ่ปกป้องแคว้นแต่เสด็จแม่ของมู่หรงเค่อเป็นเพียงนางกำนัลในวังหลวง ดังนั้นเขาจึงรู้สึกมีคุณสมบัติที่จะดูถูกพี่ใหญ่อย่างมู่หรงเค่อได้ แต่ในฐานะที่เป็นพระโอรสคนโตของฮ่องเต้ มู่หรงเค่อรู้สึกอับอายที่น้องชายไม่ไว้หน้าเขาเช่นนี้ ใบหน้าของเขาจึงบึ้งตึงเล็กน้อย
พี่ใหญ่ น้องเจ็ดยังเล็กนัก อย่าถือสาเอาความเลยพ่ะย่ะค่ะ มู่หรงซีเอ่ยขึ้นเบาๆ ที่ด้านข้างเขา
มู่หรงเค่อมองไปที่มู่หรงซีด้วยใบหน้าที่นิ่งสงบ จากนั้นก็มองไปที่กลุ่มพี่น้องที่มีการแสดงออกที่แตกต่างกันไปพลางถอนหายใจและหยุดพูด
น้องรองเกิดมาด้วยฐานะสูงศักดิ์ได้รับการเรียกขานว่าเป็นองค์รัชทายาททันทีที่เขาเกิด ทุกวันนี้คนอย่างน้องรองยังสามารถอดทนได้ แล้วเขาจะไม่สามารถได้หรืออย่างไรเล่า เขาเพียงต้องการดูว่าน้องชายเหล่านี้นั้นจะก่อความวุ่นวายอะไรกันแน่
ฝั่งนี้มีองค์ชายหลายคนที่ชิงดีชิงเด่นกันเองทั้งในที่เปิดเผยและในที่ลับ อีกฝั่งหนึ่งราชทูตของแคว้นต่างๆ ก็ถือว่าได้มาดูการแสดงละคร
บนเวทีมีการแสดงประลองดาบอย่างดุเดือด ที่ด้านล่างเวทีก็มีการปะทะคารมอย่างดุเด็ดเผ็ดร้อน เป็นการแสดงละครที่ดีทีเดียว
หรงเหยี่ยนมองดูองค์ชายแคว้นหวาสองสามคนอย่างครุ่นคิด หลังจากที่คิดดูแล้วก็หันไปมองหรงจิ่นที่อยู่ข้างๆ แล้วถามว่า น้องเก้า เหล่าองค์ชายแคว้นหวานั้น น้องเก้าคิดว่าคนใดที่เหมาะสมกับน้องหญิงหก องค์หญิงที่ถูกพามาด้วย โดยปกติแล้วไม่ใช่เพียงแค่มาร่วมงานเฉลิมฉลองเท่านั้น จำเป็นต้องอภิเษกสมรสเชื่อมความสัมพันธ์โดยเลือกคนที่เหมาะสมที่สุด หากว่าองค์หญิงของแคว้นเย่ว์นั้นสามารถขึ้นเป็นฮองเฮาของแคว้นหวาในอนาคตได้ก็ย่อมดีที่สุด แต่หากไม่ได้…ฮ่องเต้องค์ต่อไปของแคว้นหวาหากมีสายเลือดของแคว้นเย่ว์รวมอยู่ด้วยก็นับว่าเป็นเรื่องที่ไม่เลวเช่นกัน
หรงจิ่นหาวขึ้นมาอย่างเกียจคร้านและพูดอย่างเฉยเมย ให้อยู่ในความดูแลของพี่สี่เถิด ข้ารู้เรื่องแบบนี้ที่ไหนกัน แต่ข้ารู้สึกว่าแทนที่พี่สี่จะคิดว่าองค์ชายพระองค์ใดจะชนะตำแหน่งไม่สู้พิจารณาคนที่อยู่บนบัลลังก์อยู่แล้วไปเลยเล่า ฮ่องเต้แคว้นหวาทรงมีพระชนมายุยาวนาน ปีนี้เขาก็มีพระชนมายุเพียงห้าสิบพรรษาเท่านั้นเอง ดูท่าทางแล้วเป็นไปได้ที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกยี่สิบปีก็เป็นไปได้ ไม่แน่ว่า…ฮ่องเต้องค์ต่อไปของแคว้นหวาอาจจะมาจากองค์หญิงแคว้นเย่ว์ของเราก็ได้
น้องเก้าระมัดระวังคำพูดด้วย หรงเหยี่ยนพูดอย่างเคร่งขรึม ไม่พอใจเล็กน้อยสำหรับน้องชายที่ไร้ศีลธรรมในคำพูดและการกระทำของเขามาโดยตลอด องค์หญิงไหวหยางที่อยู่ถัดจากเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไป พี่เก้า ท่านหมายความว่าอย่างไร
เรื่องการอภิเษกสมรส ความแตกต่างระหว่างการแต่งให้กับองค์ชายรูปงามที่อยู่ในวัยเจริญพันธุ์กับการแต่งให้กับชายชราอายุห้าสิบปีนั้นไม่ใช่เรื่องเล็ก แม้ว่าชายชราจะเป็นราชาของแคว้น แต่องค์หญิงไหวหยางในฐานะองค์หญิงแห่งแคว้นเย่ว์ก็ไม่อยากทำผิดต่อตัวเอง ถ้าหากนางแต่งให้กับองค์ชาย ไม่ว่าจะเป็นองค์ชายองค์ใดก็ตามคงจะไม่เฉยชาต่อตน แต่ถ้าหากนางเข้าวังไปในฐานะพระสนม ฮ่องเต้แคว้นหวาก็คงจะแค่มอบตำแหน่งพระสนมสักตำแหน่งให้แก่นางและนางจะต้องไปแข่งขันกับกลุ่มสตรีที่เป็นที่โปรดปรานเหล่านั้น แม้ว่าฮ่องเต้แคว้นหวาจะดูไม่เหมือนชายอายุห้าสิบปี แต่องค์หญิงไหวหยางก็เป็นเพียงหญิงสาวอายุแค่สิบหกปีเท่านั้น

ตอนต่อไป

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *