ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะบทที่ 135 พิชิตอีกาทอง การมาถึงของจอมมาร

Now you are reading ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ Chapter บทที่ 135 พิชิตอีกาทอง การมาถึงของจอมมาร at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 135 พิชิตอีกาทอง การมาถึงของจอมมาร

เมื่อหานเจวี๋ยออกมานอกถ้ำเทวาแล้วแหงนหน้ามองขึ้นไป เห็นดวงอาทิตย์ที่แปรเปลี่ยนเป็นอีกาทองสองตัวนั้นนับวันยิ่งใหญ่โตขึ้นเรื่อยๆ

หรือพวกมันกำลังจะลงมายังโลก

หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว

หยางเทียนตง สวินฉางอัน มู่หรงฉี่และไก่คุกรัตติกาลต่างกังวลสุดขีด

โดยเฉพาะไก่คุกรัตติกาล เพราะเหตุร้ายนี้เป็นมันที่สร้างขึ้น!

เมื่อคิดว่าวิหคศักดิ์สิทธิ์ในตำนานอย่างอีกาทองกำลังจะลงมายังโลก มันก็รู้สึกหวาดกลัวอย่างยิ่ง

อู้เต้าเจี้ยนเดินตามออกมาจากถ้ำ เมื่อเงยหน้าขึ้นมอง ก็เอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ “ดวงอาทิตย์สองดวงนั้นกำลังจะตกลงมาแล้วหรือ”

ไม่เพียงแต่พวกเขา แม้แต่เหล่าศิษย์ของสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์เองก็ยังรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ เริ่มมีผู้คนทะยานขึ้นไปในอากาศมากขึ้นเรื่อยๆ ชี้ไม้ชี้มือไปที่ดวงอาทิตย์ทั้งสามดวงบนท้องฟ้า

หานเจวี๋ยลังเล หรือเขาควรจะยิงอีกาทองสองตัวนั้นดี เผื่อมันจะตกใจจนหนีเตลิดไป?

เขาสัมผัสได้ถึงอุณหภูมิที่สูงมากขึ้นเรื่อยๆ พลันรู้สึกว่าไม่สามารถรอได้อีกต่อไปแล้ว จึงรีบร้อนถีบตัวทะยานกายขึ้นทันที ก่อนจะเข้ามาอยู่ใต้ท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว

เมื่อเงยหน้าขึ้นมอง เขาเห็นอีกาเพลิงขนาดใหญ่สองตัวที่กำลังพุ่งชนปราการท้องฟ้า เพลิงสุริยะบนร่างกายเริ่มแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆ

อีกาทองมีรูปร่างคล้ายกับอีกาเพลิง มีขาสามขา ปีกกว้างสิบลี้ ท่าทางโอหังเป็นที่สุด ดูไม่ออกแม้แต่น้อยว่ายังอยู่ในวัยเยาว์

ปราการท้องฟ้าปรากฏเป็นรอยร้าวขึ้น อีกาทองสามขาสองตัวกำลังจะบุกเข้ามา

เวลานั้นเอง!

พลันมีอักขระแถวหนึ่งปรากฏขึ้นตรงหน้าหานเจวี๋ย

[ตรวจสอบพบผู้มีดวงชะตาแต่กำเนิด จะตรวจสอบที่มาหรือไม่]

ผู้มีดวงชะตาแต่กำเนิด?

หานเจวี๋ยเลือกที่จะตรวจสอบทันที

[อีกาทองเทพ: ระดับมหายานขั้นเจ็ด อยู่ในวัยเยาว์ อีกาทองน้อยที่ถูกเผ่าเทพอีกาทองทอดทิ้งเนื่องด้วยระดับสติปัญญา สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายพลังของต้นฝูซัง เพื่อที่จะแข็งแกร่งขึ้น จึงมาเยือนโลกมนุษย์โดยเฉพาะ เนื่องจากเผ่ามารรบกวนดวงชะตามรรคาสวรรค์ อีกาทองคำน้อยทั้งสองจึงค้นพบโอกาส ต้องการฝ่าฝืนบุกเข้าสู่โลกมนุษย์]

ข้อมูลที่เหมือนกันทั้งสองส่วนปรากฏขึ้นต่อหน้าหานเจวี๋ย

หืม?

ถูกเผ่าเทพอีกาทองทอดทิ้ง?

หานเจวี๋ยจับได้ถึงข้อมูลสำคัญ

ในเมื่อถูกทอดทิ้ง เช่นนั้นหากหานเจวี๋ยสังหารพวกมัน คงไม่เป็นการล่วงเกินเผ่าเทพอีกาทองหรอกกระมัง

ก็ไม่แน่

ยิ่งเป็นเผ่าเทพเช่นนี้ แน่นอนว่าต้องหยิ่งทระนงในศักดิ์ศรีเป็นอย่างมาก หากรู้ว่าคนในเผ่าของตนถูกมนุษย์ปุถุชนปลิดชีพ จะไม่เกิดโทสะได้อย่างไร

หานเจวี๋ยครุ่นคิดอย่างเงียบๆ

นักพรตผู้หนึ่งปรากฏกายขึ้นกลางอากาศไม่ไกลนัก เขาเผยสีหน้าตกตะลึงออกมา “อีกาทองสามขา! แย่แล้ว!”

เขาตกใจกลัวจึงหายตัวไปจากตรงนั้นทันที

ใบหน้าของหานเจวี๋ยเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม คนผู้นี้มาล้อเล่นหรือ

ตู้ม!

ปราการท้องฟ้าแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ราวกับแผ่นกระจก อีกาทองตัวน้อยทั้งสองรีบพุ่งมาทางหานเจวี๋ย หรือหากพูดให้ถูกคือมันกำลังพุ่งมายังพื้นโลก

สองนิ้วของหานเจวี๋ยยิงพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างต่อเนื่อง ทำให้ไอกระบี่พุ่งสูงขึ้นสู่ท้องฟ้า

ดรรชนีกระบี่โลกาสวรรค์ทลายภพ!

ร่างของอีกาทองน้อยทั้งสองถูกแทงทะลุ ส่งเสียงร้องโหยหวนออกมา เปลวเพลิงสุริยะแท้บนร่างสลายหายไปในชั่วพริบตา

หากมิใช่สายเลือดอีกาทองเทพ พวกมันคงตายลงไปตั้งแต่ตรงนั้นแล้ว!

หานเจวี๋ยโบกมือ สำแดงพลังวิเศษภูษาเอกภพ นำพวกมันเข้าไปในแขนเสื้อของเขา

แม้แต่เซวียนฉิงจวินที่อยู่ในระดับมหายานขั้นแปดเมื่อเผชิญหน้ากับเขายังถูกสังหารในชั่วพริบตา นับประสาอะไรกับอีกาทองตัวน้อยระดับมหายานขั้นเจ็ดสองตัวนี้

แม้ว่าอีกาทองตัวน้อยจะเป็นเผ่าเทพ แต่ทว่าพวกมันก็ยังเล็กอยู่

หานเจวี๋ยกำลังจะจากไป หากแต่มีเงาร่างหนึ่งห้อตะบึงเข้ามา เขาก็คือจี้เซียนเสิน

“แล้วดวงอาทิตย์สองดวงนั่นเล่า” จี้เซียนเสินเอ่ยถามอย่างสงสัย เมื่อเห็นหานเจวี๋ย เขากลับไม่รู้สึกแปลกใจเลย

หานเจวี๋ยเอ่ยอย่างสงบ “ไปแล้ว”

ปราการท้องฟ้าฟื้นฟูกลับมาอย่างรวดเร็ว ราวกับว่าไม่ได้พังทลายลงมาอย่างไรอย่างนั้น

หานเจวี๋ยสงสัยเป็นอย่างมากว่าที่นอกปราการนี้คืออะไร

อีกาทองตัวน้อยต่างสามารถบุกรุกเข้ามาได้ พวกเทพเซียนอื่นๆ ก็บุกรุกเข้ามาได้เช่นกันใช่หรือไม่

จู่ๆ เขาก็รู้สึกไม่สบายใจ โลกมนุษย์นี้อาจจะไม่ปลอดภัย

จี้เซียนเสินเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าหานเจวี๋ย พินิจพิเคราะห์เขาอย่างละเอียด เอ่ยด้วยดวงตาเป็นประกายว่า “คนที่สังหารจักรพรรดิมารคือท่านใช่หรือไม่ ปราณกระบี่เมื่อครู่นี้ข้าก็สัมผัสได้อย่างชัดเจน!”

หากเป็นหานเจวี๋ยจริงๆ เช่นนั้นเขาก็สบายใจแล้ว

เป็นเรื่องยากที่จะยอมรับว่ามีคนแข็งแกร่งกว่าตน เขาก็ไม่คาดหวังว่าจะมีผู้ที่แข็งแกร่งกว่าเขาถึงสองคน!

หานเจวี๋ยพยักหน้าลง เอ่ยว่า “เรื่องนี้ห้ามแพร่งพรายออกไป อันดับหนึ่งในใต้หล้าให้เป็นท่านเช่นเดิม”

จี้เซียนเสินขมวดคิ้วเอ่ย “เหตุใดกัน ท่านฝึกบำเพ็ญมิใช่เพื่อชื่อเสียงหรือ”

“ข้าฝึกบำเพ็ญเพื่อความเป็นอมตะ”

เมื่อได้ฟังคำตอบของหานเจวี๋ย จี้เซียนเสินก็เงียบไป

หานเจวี๋ยหมุนตัวจากไป

จี้เซียนเสินไม่ได้ขัดขวาง เพียงแต่มองแผ่นหลังของเขาด้วยความรู้สึกซับซ้อน

[ความประทับใจที่จี้เซียนเสินมีต่อท่านเพิ่มขึ้น ระดับความประทับใจในขณะนี้คือ 3 ดาว]

เมื่อหานเจวี๋ยเห็นข้อความแจ้งเตือนตรงหน้า ก็ส่ายหน้าหลุดยิ้มออกมา

เขาเดินตรงกลับไปที่ต้นฝูซัง

มู่หรงฉี่เอ่ยถามเป็นคนแรกว่า “อาจารย์ปู่ สถานการณ์เป็นเช่นไร ท่านกำจัดอีกาทองไปแล้วหรือ”

บนท้องนภาเหลือดวงอาทิตย์เพียงดวงเดียว นั่นก็เพียงพอที่จะบอกผลลัพธ์แล้ว

ทุกคนต่างพากันมองหานเจวี๋ยด้วยความชื่นชม

หานเจวี๋ยเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นว่า “เรื่องนี้ห้ามเผยแพร่ออกไป ทำเป็นไม่เคยรับรู้ก็แล้วกัน!”

เมื่อทุกคนได้ยินก็รีบร้อนพยักหน้าลงอย่างรวดเร็ว

หานเจวี๋ยเดินไปนั่งลงที่ใต้ต้นฝูซัง จากนั้นหลับตาลง คนอื่นๆ ไม่กล้าที่จะรบกวนเขา ทำเพียงวิพากษ์วิจารณ์กันอยู่ข้างๆ

หานเจวี๋ยใช้พลังจิตเข้าไปในโลกใบเล็กของพลังวิเศษภูษาเอกภพ ในความมืดมิด อีกาทองตัวเล็กสองตัวเบียดเสียดอยู่ด้วยกันด้วยเนื้อตัวสั่นระริก

หลังจากเปลวเพลิงสุริยะแท้จริงได้ดับสลายไปแล้ว พวกมันดูน่าสงสารอย่างเห็นได้ชัด

“ให้โอกาสพวกเจ้าอีกครั้ง หากยอมรับข้าเป็นนายท่าน ข้าจะไว้ชีวิตพวกเจ้า จนกว่าพวกเจ้าจะแข็งแกร่งขึ้น” หานเจวี๋ยกล่าว

พลังจิตถ่ายทอดคำพูดของเขาไปยังร่างของอีกาทองทั้งสอง แปรเปลี่ยนเป็นข้อความที่พวกมันสามารถเข้าใจได้

อีกาสีทองตัวน้อยทั้งสองมองหน้าสบตากัน

ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง

พวกมันก้มศีรษะให้หานเจวี๋ย แสดงถึงการยอมจำนนด้วยความเต็มใจ

หานเจวี๋ยก็ไม่ได้รู้สึกวางใจ เพราะอย่างนั้นจึงแอบประทับตราประทับหกวิถีไว้บนร่างของพวกมันอย่างลับๆ

เขาคิดจะจับตาดูพวกมันสักระยะ หลังจากนั้นค่อยปล่อยอีกาทองตัวน้อยออกไป

เหตุผลที่รับอีกาทองตัวน้อยมาเลี้ยงดู เป็นเพราะหลังจากนี้ต้นฝูซังอาจดึงดูดอีกาทองตัวอื่นๆ มาได้ จึงเป็นการดีกว่าที่จะยอมให้กับเทพอีกาทองที่ถูกทอดทิ้งทั้งสอง ภายภาคหน้าจะได้ใช้อีกาทองเป็นสัตว์พาหนะ เช่นนั้นยิ่งโดดเด่นมิใช่หรือ

ผู้คนในใต้หล้าต่างโต้เถียงเรื่องอีกาทองกันอย่างดุเดือด แต่ด้วยการหายตัวไปอย่างกะทันหันของดวงอาทิตย์ทั้งสอง ใต้หล้าก็ตกอยู่ในความสงบในไม่ช้า

หนึ่งเดือนหลังจากนั้น

หานเจวี๋ยแน่ใจแล้วว่าสติปัญญาของอีกาทองทั้งสองนั้นต่ำต้อยเป็นอย่างมาก ราวกับเด็กอายุสามหรือสี่ขวบอย่างไรอย่างนั้น หายเจวี๋ยจึงอาศัยโอกาสในตอนที่พวกมันอายุยังน้อย เพิ่มตราประทับหกวิถีในจิตวิญญาณของพวกมัน เพื่อนับจากนี้จะได้ควบคุมความเป็นความตายของพวกมันได้

ตราประทับหกวิถีถูกอำพรางไว้อย่างดี ยากที่พวกมันจะพบเจอ

หลังจากทำทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย หานเจวี๋ยจึงปล่อยพวกมันออกมา

อีกาทองทั้งสองตัวย่อตัวให้มีขนาดเทียบเท่ากับไก่คุกรัตติกาล ก่อนบินขึ้นไปบนต้นฝูซังด้วยความตื่นเต้น หานเจวี๋ยกำชับให้พวกมันควบคุมเปลวเพลิงสุริยะแท้จริงอย่างเคร่งครัด แต่ถึงกระนั้นไก่คุกรัตติกาลก็ยังหวาดกลัวมากเมื่อเผชิญหน้ากับพวกมัน

“นายท่าน… พวกมันจะกินข้าหรือไม่” ไก่คุกรัตติกาลเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ รู้สึกราวกับกำลังจะร้องไห้

หานเจวี๋ยพ่นลมหายใจกล่าวว่า “ไม่ใช่เจ้าหรอกหรือที่เรียกพวกมันมา จากนี้ไปพวกเจ้าก็อยู่เป็นเพื่อนกัน!”

ไก่คุกรัตติกาลอยากร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตา

หยางเทียนตงมองไปที่อีกาทองทั้งสองตัว รู้สึกหวาดกลัวโดยสัญชาตญาณ

สำหรับเผ่าปีศาจ อีกาทองเป็นสายเลือดชั้นสูง หยางเทียนตงผู้ซึ่งมีสายเลือดเทพปีศาจย่อมต้องหวาดกลัวเป็นธรรมดา

สวินฉางอัน มู่หรงฉี่และอู้เต้าเจี้ยนต่างก็รู้สึกสงสัย

หลังจากเลี้ยงดูอีกาทองทั้งสองแล้ว หานเจวี๋ยก็กลับไปในถ้ำเทวาฟ้าประทานเพื่อฝึกฝนต่อ

ระหว่างนั้น หลี่ชิงจื่อและฉางเยวี่ยเอ๋อร์ได้มาเยี่ยมเยียน พวกเขาต่างก็ตกใจเมื่อได้เห็นอีกาทองตัวน้อย ในขณะเดียวกันก็สงสัยในพลังตบะของหานเจวี๋ยมากยิ่งขึ้น

ที่แท้แล้วเขาแข็งแกร่งเพียงใดกันแน่

แม้แต่สัตว์เทพก็สามารถพิชิตได้!

…..

หนึ่งปีต่อมา

หานเจวี๋ยที่กำลังฝึกอยู่ถูกเสียงหนึ่งปลุกให้ได้สติขึ้น

‘คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะแอบซ่อนหญิงสาวไว้ในถ้ำด้วย’

เซวียนฉิงจวิน!

น้ำเสียงของนางราวกับหัวเราะแต่ไม่ได้หัวเราะ ฟังแล้วทำให้ในใจหานเจวี๋ยรู้สึกประหม่าอย่างบอกไม่ถูก

เขากระจายพลังจิตออกไปในทันที พบว่าเซวียนฉิงจวินมาถึงที่ตีนเขาของเขาเพียรบำเพ็ญเซียนแล้ว

“เจ้าออกไปก่อน”

หานเจวี๋ยมองไปทางอู้เต้าเจี้ยน ก่อนเอ่ยสั่ง ในขณะเดียวกันก็ใช้พลังจิตเปิดค่ายกลคุ้มกันเขา ปล่อยให้เซวียนฉิงจวินเข้ามา

แม้ว่าอู้เต้าเจี้ยนจะไม่เข้าใจ แต่ก็ยังลุกยืนขึ้นอย่างว่าง่าย

เมื่อนางเพิ่งจะเดินออกจากถ้ำเทวาไปก็พบเข้ากับเซวียนฉิงจวิน

เซวียนฉิงจวินไม่ได้สนใจนาง เพียงเดินเข้าไปในถ้ำเทวาทันที

อู้เต้าเจี้ยนขมวดคิ้ว มองดูประตูศิลาของถ้ำเทวาที่ปิดลง ในใจของนางรู้สึกไม่สบอารมณ์อย่างบอกไม่ถูก

……………………………………………………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะบทที่ 135 พิชิตอีกาทอง การมาถึงของจอมมาร

Now you are reading ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ Chapter บทที่ 135 พิชิตอีกาทอง การมาถึงของจอมมาร at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 135 พิชิตอีกาทอง การมาถึงของจอมมาร

เมื่อหานเจวี๋ยออกมานอกถ้ำเทวาแล้วแหงนหน้ามองขึ้นไป เห็นดวงอาทิตย์ที่แปรเปลี่ยนเป็นอีกาทองสองตัวนั้นนับวันยิ่งใหญ่โตขึ้นเรื่อยๆ

หรือพวกมันกำลังจะลงมายังโลก

หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว

หยางเทียนตง สวินฉางอัน มู่หรงฉี่และไก่คุกรัตติกาลต่างกังวลสุดขีด

โดยเฉพาะไก่คุกรัตติกาล เพราะเหตุร้ายนี้เป็นมันที่สร้างขึ้น!

เมื่อคิดว่าวิหคศักดิ์สิทธิ์ในตำนานอย่างอีกาทองกำลังจะลงมายังโลก มันก็รู้สึกหวาดกลัวอย่างยิ่ง

อู้เต้าเจี้ยนเดินตามออกมาจากถ้ำ เมื่อเงยหน้าขึ้นมอง ก็เอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ “ดวงอาทิตย์สองดวงนั้นกำลังจะตกลงมาแล้วหรือ”

ไม่เพียงแต่พวกเขา แม้แต่เหล่าศิษย์ของสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์เองก็ยังรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ เริ่มมีผู้คนทะยานขึ้นไปในอากาศมากขึ้นเรื่อยๆ ชี้ไม้ชี้มือไปที่ดวงอาทิตย์ทั้งสามดวงบนท้องฟ้า

หานเจวี๋ยลังเล หรือเขาควรจะยิงอีกาทองสองตัวนั้นดี เผื่อมันจะตกใจจนหนีเตลิดไป?

เขาสัมผัสได้ถึงอุณหภูมิที่สูงมากขึ้นเรื่อยๆ พลันรู้สึกว่าไม่สามารถรอได้อีกต่อไปแล้ว จึงรีบร้อนถีบตัวทะยานกายขึ้นทันที ก่อนจะเข้ามาอยู่ใต้ท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว

เมื่อเงยหน้าขึ้นมอง เขาเห็นอีกาเพลิงขนาดใหญ่สองตัวที่กำลังพุ่งชนปราการท้องฟ้า เพลิงสุริยะบนร่างกายเริ่มแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆ

อีกาทองมีรูปร่างคล้ายกับอีกาเพลิง มีขาสามขา ปีกกว้างสิบลี้ ท่าทางโอหังเป็นที่สุด ดูไม่ออกแม้แต่น้อยว่ายังอยู่ในวัยเยาว์

ปราการท้องฟ้าปรากฏเป็นรอยร้าวขึ้น อีกาทองสามขาสองตัวกำลังจะบุกเข้ามา

เวลานั้นเอง!

พลันมีอักขระแถวหนึ่งปรากฏขึ้นตรงหน้าหานเจวี๋ย

[ตรวจสอบพบผู้มีดวงชะตาแต่กำเนิด จะตรวจสอบที่มาหรือไม่]

ผู้มีดวงชะตาแต่กำเนิด?

หานเจวี๋ยเลือกที่จะตรวจสอบทันที

[อีกาทองเทพ: ระดับมหายานขั้นเจ็ด อยู่ในวัยเยาว์ อีกาทองน้อยที่ถูกเผ่าเทพอีกาทองทอดทิ้งเนื่องด้วยระดับสติปัญญา สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายพลังของต้นฝูซัง เพื่อที่จะแข็งแกร่งขึ้น จึงมาเยือนโลกมนุษย์โดยเฉพาะ เนื่องจากเผ่ามารรบกวนดวงชะตามรรคาสวรรค์ อีกาทองคำน้อยทั้งสองจึงค้นพบโอกาส ต้องการฝ่าฝืนบุกเข้าสู่โลกมนุษย์]

ข้อมูลที่เหมือนกันทั้งสองส่วนปรากฏขึ้นต่อหน้าหานเจวี๋ย

หืม?

ถูกเผ่าเทพอีกาทองทอดทิ้ง?

หานเจวี๋ยจับได้ถึงข้อมูลสำคัญ

ในเมื่อถูกทอดทิ้ง เช่นนั้นหากหานเจวี๋ยสังหารพวกมัน คงไม่เป็นการล่วงเกินเผ่าเทพอีกาทองหรอกกระมัง

ก็ไม่แน่

ยิ่งเป็นเผ่าเทพเช่นนี้ แน่นอนว่าต้องหยิ่งทระนงในศักดิ์ศรีเป็นอย่างมาก หากรู้ว่าคนในเผ่าของตนถูกมนุษย์ปุถุชนปลิดชีพ จะไม่เกิดโทสะได้อย่างไร

หานเจวี๋ยครุ่นคิดอย่างเงียบๆ

นักพรตผู้หนึ่งปรากฏกายขึ้นกลางอากาศไม่ไกลนัก เขาเผยสีหน้าตกตะลึงออกมา “อีกาทองสามขา! แย่แล้ว!”

เขาตกใจกลัวจึงหายตัวไปจากตรงนั้นทันที

ใบหน้าของหานเจวี๋ยเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม คนผู้นี้มาล้อเล่นหรือ

ตู้ม!

ปราการท้องฟ้าแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ราวกับแผ่นกระจก อีกาทองตัวน้อยทั้งสองรีบพุ่งมาทางหานเจวี๋ย หรือหากพูดให้ถูกคือมันกำลังพุ่งมายังพื้นโลก

สองนิ้วของหานเจวี๋ยยิงพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างต่อเนื่อง ทำให้ไอกระบี่พุ่งสูงขึ้นสู่ท้องฟ้า

ดรรชนีกระบี่โลกาสวรรค์ทลายภพ!

ร่างของอีกาทองน้อยทั้งสองถูกแทงทะลุ ส่งเสียงร้องโหยหวนออกมา เปลวเพลิงสุริยะแท้บนร่างสลายหายไปในชั่วพริบตา

หากมิใช่สายเลือดอีกาทองเทพ พวกมันคงตายลงไปตั้งแต่ตรงนั้นแล้ว!

หานเจวี๋ยโบกมือ สำแดงพลังวิเศษภูษาเอกภพ นำพวกมันเข้าไปในแขนเสื้อของเขา

แม้แต่เซวียนฉิงจวินที่อยู่ในระดับมหายานขั้นแปดเมื่อเผชิญหน้ากับเขายังถูกสังหารในชั่วพริบตา นับประสาอะไรกับอีกาทองตัวน้อยระดับมหายานขั้นเจ็ดสองตัวนี้

แม้ว่าอีกาทองตัวน้อยจะเป็นเผ่าเทพ แต่ทว่าพวกมันก็ยังเล็กอยู่

หานเจวี๋ยกำลังจะจากไป หากแต่มีเงาร่างหนึ่งห้อตะบึงเข้ามา เขาก็คือจี้เซียนเสิน

“แล้วดวงอาทิตย์สองดวงนั่นเล่า” จี้เซียนเสินเอ่ยถามอย่างสงสัย เมื่อเห็นหานเจวี๋ย เขากลับไม่รู้สึกแปลกใจเลย

หานเจวี๋ยเอ่ยอย่างสงบ “ไปแล้ว”

ปราการท้องฟ้าฟื้นฟูกลับมาอย่างรวดเร็ว ราวกับว่าไม่ได้พังทลายลงมาอย่างไรอย่างนั้น

หานเจวี๋ยสงสัยเป็นอย่างมากว่าที่นอกปราการนี้คืออะไร

อีกาทองตัวน้อยต่างสามารถบุกรุกเข้ามาได้ พวกเทพเซียนอื่นๆ ก็บุกรุกเข้ามาได้เช่นกันใช่หรือไม่

จู่ๆ เขาก็รู้สึกไม่สบายใจ โลกมนุษย์นี้อาจจะไม่ปลอดภัย

จี้เซียนเสินเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าหานเจวี๋ย พินิจพิเคราะห์เขาอย่างละเอียด เอ่ยด้วยดวงตาเป็นประกายว่า “คนที่สังหารจักรพรรดิมารคือท่านใช่หรือไม่ ปราณกระบี่เมื่อครู่นี้ข้าก็สัมผัสได้อย่างชัดเจน!”

หากเป็นหานเจวี๋ยจริงๆ เช่นนั้นเขาก็สบายใจแล้ว

เป็นเรื่องยากที่จะยอมรับว่ามีคนแข็งแกร่งกว่าตน เขาก็ไม่คาดหวังว่าจะมีผู้ที่แข็งแกร่งกว่าเขาถึงสองคน!

หานเจวี๋ยพยักหน้าลง เอ่ยว่า “เรื่องนี้ห้ามแพร่งพรายออกไป อันดับหนึ่งในใต้หล้าให้เป็นท่านเช่นเดิม”

จี้เซียนเสินขมวดคิ้วเอ่ย “เหตุใดกัน ท่านฝึกบำเพ็ญมิใช่เพื่อชื่อเสียงหรือ”

“ข้าฝึกบำเพ็ญเพื่อความเป็นอมตะ”

เมื่อได้ฟังคำตอบของหานเจวี๋ย จี้เซียนเสินก็เงียบไป

หานเจวี๋ยหมุนตัวจากไป

จี้เซียนเสินไม่ได้ขัดขวาง เพียงแต่มองแผ่นหลังของเขาด้วยความรู้สึกซับซ้อน

[ความประทับใจที่จี้เซียนเสินมีต่อท่านเพิ่มขึ้น ระดับความประทับใจในขณะนี้คือ 3 ดาว]

เมื่อหานเจวี๋ยเห็นข้อความแจ้งเตือนตรงหน้า ก็ส่ายหน้าหลุดยิ้มออกมา

เขาเดินตรงกลับไปที่ต้นฝูซัง

มู่หรงฉี่เอ่ยถามเป็นคนแรกว่า “อาจารย์ปู่ สถานการณ์เป็นเช่นไร ท่านกำจัดอีกาทองไปแล้วหรือ”

บนท้องนภาเหลือดวงอาทิตย์เพียงดวงเดียว นั่นก็เพียงพอที่จะบอกผลลัพธ์แล้ว

ทุกคนต่างพากันมองหานเจวี๋ยด้วยความชื่นชม

หานเจวี๋ยเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นว่า “เรื่องนี้ห้ามเผยแพร่ออกไป ทำเป็นไม่เคยรับรู้ก็แล้วกัน!”

เมื่อทุกคนได้ยินก็รีบร้อนพยักหน้าลงอย่างรวดเร็ว

หานเจวี๋ยเดินไปนั่งลงที่ใต้ต้นฝูซัง จากนั้นหลับตาลง คนอื่นๆ ไม่กล้าที่จะรบกวนเขา ทำเพียงวิพากษ์วิจารณ์กันอยู่ข้างๆ

หานเจวี๋ยใช้พลังจิตเข้าไปในโลกใบเล็กของพลังวิเศษภูษาเอกภพ ในความมืดมิด อีกาทองตัวเล็กสองตัวเบียดเสียดอยู่ด้วยกันด้วยเนื้อตัวสั่นระริก

หลังจากเปลวเพลิงสุริยะแท้จริงได้ดับสลายไปแล้ว พวกมันดูน่าสงสารอย่างเห็นได้ชัด

“ให้โอกาสพวกเจ้าอีกครั้ง หากยอมรับข้าเป็นนายท่าน ข้าจะไว้ชีวิตพวกเจ้า จนกว่าพวกเจ้าจะแข็งแกร่งขึ้น” หานเจวี๋ยกล่าว

พลังจิตถ่ายทอดคำพูดของเขาไปยังร่างของอีกาทองทั้งสอง แปรเปลี่ยนเป็นข้อความที่พวกมันสามารถเข้าใจได้

อีกาสีทองตัวน้อยทั้งสองมองหน้าสบตากัน

ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง

พวกมันก้มศีรษะให้หานเจวี๋ย แสดงถึงการยอมจำนนด้วยความเต็มใจ

หานเจวี๋ยก็ไม่ได้รู้สึกวางใจ เพราะอย่างนั้นจึงแอบประทับตราประทับหกวิถีไว้บนร่างของพวกมันอย่างลับๆ

เขาคิดจะจับตาดูพวกมันสักระยะ หลังจากนั้นค่อยปล่อยอีกาทองตัวน้อยออกไป

เหตุผลที่รับอีกาทองตัวน้อยมาเลี้ยงดู เป็นเพราะหลังจากนี้ต้นฝูซังอาจดึงดูดอีกาทองตัวอื่นๆ มาได้ จึงเป็นการดีกว่าที่จะยอมให้กับเทพอีกาทองที่ถูกทอดทิ้งทั้งสอง ภายภาคหน้าจะได้ใช้อีกาทองเป็นสัตว์พาหนะ เช่นนั้นยิ่งโดดเด่นมิใช่หรือ

ผู้คนในใต้หล้าต่างโต้เถียงเรื่องอีกาทองกันอย่างดุเดือด แต่ด้วยการหายตัวไปอย่างกะทันหันของดวงอาทิตย์ทั้งสอง ใต้หล้าก็ตกอยู่ในความสงบในไม่ช้า

หนึ่งเดือนหลังจากนั้น

หานเจวี๋ยแน่ใจแล้วว่าสติปัญญาของอีกาทองทั้งสองนั้นต่ำต้อยเป็นอย่างมาก ราวกับเด็กอายุสามหรือสี่ขวบอย่างไรอย่างนั้น หายเจวี๋ยจึงอาศัยโอกาสในตอนที่พวกมันอายุยังน้อย เพิ่มตราประทับหกวิถีในจิตวิญญาณของพวกมัน เพื่อนับจากนี้จะได้ควบคุมความเป็นความตายของพวกมันได้

ตราประทับหกวิถีถูกอำพรางไว้อย่างดี ยากที่พวกมันจะพบเจอ

หลังจากทำทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย หานเจวี๋ยจึงปล่อยพวกมันออกมา

อีกาทองทั้งสองตัวย่อตัวให้มีขนาดเทียบเท่ากับไก่คุกรัตติกาล ก่อนบินขึ้นไปบนต้นฝูซังด้วยความตื่นเต้น หานเจวี๋ยกำชับให้พวกมันควบคุมเปลวเพลิงสุริยะแท้จริงอย่างเคร่งครัด แต่ถึงกระนั้นไก่คุกรัตติกาลก็ยังหวาดกลัวมากเมื่อเผชิญหน้ากับพวกมัน

“นายท่าน… พวกมันจะกินข้าหรือไม่” ไก่คุกรัตติกาลเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ รู้สึกราวกับกำลังจะร้องไห้

หานเจวี๋ยพ่นลมหายใจกล่าวว่า “ไม่ใช่เจ้าหรอกหรือที่เรียกพวกมันมา จากนี้ไปพวกเจ้าก็อยู่เป็นเพื่อนกัน!”

ไก่คุกรัตติกาลอยากร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตา

หยางเทียนตงมองไปที่อีกาทองทั้งสองตัว รู้สึกหวาดกลัวโดยสัญชาตญาณ

สำหรับเผ่าปีศาจ อีกาทองเป็นสายเลือดชั้นสูง หยางเทียนตงผู้ซึ่งมีสายเลือดเทพปีศาจย่อมต้องหวาดกลัวเป็นธรรมดา

สวินฉางอัน มู่หรงฉี่และอู้เต้าเจี้ยนต่างก็รู้สึกสงสัย

หลังจากเลี้ยงดูอีกาทองทั้งสองแล้ว หานเจวี๋ยก็กลับไปในถ้ำเทวาฟ้าประทานเพื่อฝึกฝนต่อ

ระหว่างนั้น หลี่ชิงจื่อและฉางเยวี่ยเอ๋อร์ได้มาเยี่ยมเยียน พวกเขาต่างก็ตกใจเมื่อได้เห็นอีกาทองตัวน้อย ในขณะเดียวกันก็สงสัยในพลังตบะของหานเจวี๋ยมากยิ่งขึ้น

ที่แท้แล้วเขาแข็งแกร่งเพียงใดกันแน่

แม้แต่สัตว์เทพก็สามารถพิชิตได้!

…..

หนึ่งปีต่อมา

หานเจวี๋ยที่กำลังฝึกอยู่ถูกเสียงหนึ่งปลุกให้ได้สติขึ้น

‘คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะแอบซ่อนหญิงสาวไว้ในถ้ำด้วย’

เซวียนฉิงจวิน!

น้ำเสียงของนางราวกับหัวเราะแต่ไม่ได้หัวเราะ ฟังแล้วทำให้ในใจหานเจวี๋ยรู้สึกประหม่าอย่างบอกไม่ถูก

เขากระจายพลังจิตออกไปในทันที พบว่าเซวียนฉิงจวินมาถึงที่ตีนเขาของเขาเพียรบำเพ็ญเซียนแล้ว

“เจ้าออกไปก่อน”

หานเจวี๋ยมองไปทางอู้เต้าเจี้ยน ก่อนเอ่ยสั่ง ในขณะเดียวกันก็ใช้พลังจิตเปิดค่ายกลคุ้มกันเขา ปล่อยให้เซวียนฉิงจวินเข้ามา

แม้ว่าอู้เต้าเจี้ยนจะไม่เข้าใจ แต่ก็ยังลุกยืนขึ้นอย่างว่าง่าย

เมื่อนางเพิ่งจะเดินออกจากถ้ำเทวาไปก็พบเข้ากับเซวียนฉิงจวิน

เซวียนฉิงจวินไม่ได้สนใจนาง เพียงเดินเข้าไปในถ้ำเทวาทันที

อู้เต้าเจี้ยนขมวดคิ้ว มองดูประตูศิลาของถ้ำเทวาที่ปิดลง ในใจของนางรู้สึกไม่สบอารมณ์อย่างบอกไม่ถูก

……………………………………………………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะบทที่ 135 พิชิตอีกาทอง การมาถึงของจอมมาร

Now you are reading ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ Chapter บทที่ 135 พิชิตอีกาทอง การมาถึงของจอมมาร at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 135 พิชิตอีกาทอง การมาถึงของจอมมาร

เมื่อหานเจวี๋ยออกมานอกถ้ำเทวาแล้วแหงนหน้ามองขึ้นไป เห็นดวงอาทิตย์ที่แปรเปลี่ยนเป็นอีกาทองสองตัวนั้นนับวันยิ่งใหญ่โตขึ้นเรื่อยๆ

หรือพวกมันกำลังจะลงมายังโลก

หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว

หยางเทียนตง สวินฉางอัน มู่หรงฉี่และไก่คุกรัตติกาลต่างกังวลสุดขีด

โดยเฉพาะไก่คุกรัตติกาล เพราะเหตุร้ายนี้เป็นมันที่สร้างขึ้น!

เมื่อคิดว่าวิหคศักดิ์สิทธิ์ในตำนานอย่างอีกาทองกำลังจะลงมายังโลก มันก็รู้สึกหวาดกลัวอย่างยิ่ง

อู้เต้าเจี้ยนเดินตามออกมาจากถ้ำ เมื่อเงยหน้าขึ้นมอง ก็เอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ “ดวงอาทิตย์สองดวงนั้นกำลังจะตกลงมาแล้วหรือ”

ไม่เพียงแต่พวกเขา แม้แต่เหล่าศิษย์ของสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์เองก็ยังรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ เริ่มมีผู้คนทะยานขึ้นไปในอากาศมากขึ้นเรื่อยๆ ชี้ไม้ชี้มือไปที่ดวงอาทิตย์ทั้งสามดวงบนท้องฟ้า

หานเจวี๋ยลังเล หรือเขาควรจะยิงอีกาทองสองตัวนั้นดี เผื่อมันจะตกใจจนหนีเตลิดไป?

เขาสัมผัสได้ถึงอุณหภูมิที่สูงมากขึ้นเรื่อยๆ พลันรู้สึกว่าไม่สามารถรอได้อีกต่อไปแล้ว จึงรีบร้อนถีบตัวทะยานกายขึ้นทันที ก่อนจะเข้ามาอยู่ใต้ท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว

เมื่อเงยหน้าขึ้นมอง เขาเห็นอีกาเพลิงขนาดใหญ่สองตัวที่กำลังพุ่งชนปราการท้องฟ้า เพลิงสุริยะบนร่างกายเริ่มแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆ

อีกาทองมีรูปร่างคล้ายกับอีกาเพลิง มีขาสามขา ปีกกว้างสิบลี้ ท่าทางโอหังเป็นที่สุด ดูไม่ออกแม้แต่น้อยว่ายังอยู่ในวัยเยาว์

ปราการท้องฟ้าปรากฏเป็นรอยร้าวขึ้น อีกาทองสามขาสองตัวกำลังจะบุกเข้ามา

เวลานั้นเอง!

พลันมีอักขระแถวหนึ่งปรากฏขึ้นตรงหน้าหานเจวี๋ย

[ตรวจสอบพบผู้มีดวงชะตาแต่กำเนิด จะตรวจสอบที่มาหรือไม่]

ผู้มีดวงชะตาแต่กำเนิด?

หานเจวี๋ยเลือกที่จะตรวจสอบทันที

[อีกาทองเทพ: ระดับมหายานขั้นเจ็ด อยู่ในวัยเยาว์ อีกาทองน้อยที่ถูกเผ่าเทพอีกาทองทอดทิ้งเนื่องด้วยระดับสติปัญญา สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายพลังของต้นฝูซัง เพื่อที่จะแข็งแกร่งขึ้น จึงมาเยือนโลกมนุษย์โดยเฉพาะ เนื่องจากเผ่ามารรบกวนดวงชะตามรรคาสวรรค์ อีกาทองคำน้อยทั้งสองจึงค้นพบโอกาส ต้องการฝ่าฝืนบุกเข้าสู่โลกมนุษย์]

ข้อมูลที่เหมือนกันทั้งสองส่วนปรากฏขึ้นต่อหน้าหานเจวี๋ย

หืม?

ถูกเผ่าเทพอีกาทองทอดทิ้ง?

หานเจวี๋ยจับได้ถึงข้อมูลสำคัญ

ในเมื่อถูกทอดทิ้ง เช่นนั้นหากหานเจวี๋ยสังหารพวกมัน คงไม่เป็นการล่วงเกินเผ่าเทพอีกาทองหรอกกระมัง

ก็ไม่แน่

ยิ่งเป็นเผ่าเทพเช่นนี้ แน่นอนว่าต้องหยิ่งทระนงในศักดิ์ศรีเป็นอย่างมาก หากรู้ว่าคนในเผ่าของตนถูกมนุษย์ปุถุชนปลิดชีพ จะไม่เกิดโทสะได้อย่างไร

หานเจวี๋ยครุ่นคิดอย่างเงียบๆ

นักพรตผู้หนึ่งปรากฏกายขึ้นกลางอากาศไม่ไกลนัก เขาเผยสีหน้าตกตะลึงออกมา “อีกาทองสามขา! แย่แล้ว!”

เขาตกใจกลัวจึงหายตัวไปจากตรงนั้นทันที

ใบหน้าของหานเจวี๋ยเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม คนผู้นี้มาล้อเล่นหรือ

ตู้ม!

ปราการท้องฟ้าแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ราวกับแผ่นกระจก อีกาทองตัวน้อยทั้งสองรีบพุ่งมาทางหานเจวี๋ย หรือหากพูดให้ถูกคือมันกำลังพุ่งมายังพื้นโลก

สองนิ้วของหานเจวี๋ยยิงพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างต่อเนื่อง ทำให้ไอกระบี่พุ่งสูงขึ้นสู่ท้องฟ้า

ดรรชนีกระบี่โลกาสวรรค์ทลายภพ!

ร่างของอีกาทองน้อยทั้งสองถูกแทงทะลุ ส่งเสียงร้องโหยหวนออกมา เปลวเพลิงสุริยะแท้บนร่างสลายหายไปในชั่วพริบตา

หากมิใช่สายเลือดอีกาทองเทพ พวกมันคงตายลงไปตั้งแต่ตรงนั้นแล้ว!

หานเจวี๋ยโบกมือ สำแดงพลังวิเศษภูษาเอกภพ นำพวกมันเข้าไปในแขนเสื้อของเขา

แม้แต่เซวียนฉิงจวินที่อยู่ในระดับมหายานขั้นแปดเมื่อเผชิญหน้ากับเขายังถูกสังหารในชั่วพริบตา นับประสาอะไรกับอีกาทองตัวน้อยระดับมหายานขั้นเจ็ดสองตัวนี้

แม้ว่าอีกาทองตัวน้อยจะเป็นเผ่าเทพ แต่ทว่าพวกมันก็ยังเล็กอยู่

หานเจวี๋ยกำลังจะจากไป หากแต่มีเงาร่างหนึ่งห้อตะบึงเข้ามา เขาก็คือจี้เซียนเสิน

“แล้วดวงอาทิตย์สองดวงนั่นเล่า” จี้เซียนเสินเอ่ยถามอย่างสงสัย เมื่อเห็นหานเจวี๋ย เขากลับไม่รู้สึกแปลกใจเลย

หานเจวี๋ยเอ่ยอย่างสงบ “ไปแล้ว”

ปราการท้องฟ้าฟื้นฟูกลับมาอย่างรวดเร็ว ราวกับว่าไม่ได้พังทลายลงมาอย่างไรอย่างนั้น

หานเจวี๋ยสงสัยเป็นอย่างมากว่าที่นอกปราการนี้คืออะไร

อีกาทองตัวน้อยต่างสามารถบุกรุกเข้ามาได้ พวกเทพเซียนอื่นๆ ก็บุกรุกเข้ามาได้เช่นกันใช่หรือไม่

จู่ๆ เขาก็รู้สึกไม่สบายใจ โลกมนุษย์นี้อาจจะไม่ปลอดภัย

จี้เซียนเสินเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าหานเจวี๋ย พินิจพิเคราะห์เขาอย่างละเอียด เอ่ยด้วยดวงตาเป็นประกายว่า “คนที่สังหารจักรพรรดิมารคือท่านใช่หรือไม่ ปราณกระบี่เมื่อครู่นี้ข้าก็สัมผัสได้อย่างชัดเจน!”

หากเป็นหานเจวี๋ยจริงๆ เช่นนั้นเขาก็สบายใจแล้ว

เป็นเรื่องยากที่จะยอมรับว่ามีคนแข็งแกร่งกว่าตน เขาก็ไม่คาดหวังว่าจะมีผู้ที่แข็งแกร่งกว่าเขาถึงสองคน!

หานเจวี๋ยพยักหน้าลง เอ่ยว่า “เรื่องนี้ห้ามแพร่งพรายออกไป อันดับหนึ่งในใต้หล้าให้เป็นท่านเช่นเดิม”

จี้เซียนเสินขมวดคิ้วเอ่ย “เหตุใดกัน ท่านฝึกบำเพ็ญมิใช่เพื่อชื่อเสียงหรือ”

“ข้าฝึกบำเพ็ญเพื่อความเป็นอมตะ”

เมื่อได้ฟังคำตอบของหานเจวี๋ย จี้เซียนเสินก็เงียบไป

หานเจวี๋ยหมุนตัวจากไป

จี้เซียนเสินไม่ได้ขัดขวาง เพียงแต่มองแผ่นหลังของเขาด้วยความรู้สึกซับซ้อน

[ความประทับใจที่จี้เซียนเสินมีต่อท่านเพิ่มขึ้น ระดับความประทับใจในขณะนี้คือ 3 ดาว]

เมื่อหานเจวี๋ยเห็นข้อความแจ้งเตือนตรงหน้า ก็ส่ายหน้าหลุดยิ้มออกมา

เขาเดินตรงกลับไปที่ต้นฝูซัง

มู่หรงฉี่เอ่ยถามเป็นคนแรกว่า “อาจารย์ปู่ สถานการณ์เป็นเช่นไร ท่านกำจัดอีกาทองไปแล้วหรือ”

บนท้องนภาเหลือดวงอาทิตย์เพียงดวงเดียว นั่นก็เพียงพอที่จะบอกผลลัพธ์แล้ว

ทุกคนต่างพากันมองหานเจวี๋ยด้วยความชื่นชม

หานเจวี๋ยเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นว่า “เรื่องนี้ห้ามเผยแพร่ออกไป ทำเป็นไม่เคยรับรู้ก็แล้วกัน!”

เมื่อทุกคนได้ยินก็รีบร้อนพยักหน้าลงอย่างรวดเร็ว

หานเจวี๋ยเดินไปนั่งลงที่ใต้ต้นฝูซัง จากนั้นหลับตาลง คนอื่นๆ ไม่กล้าที่จะรบกวนเขา ทำเพียงวิพากษ์วิจารณ์กันอยู่ข้างๆ

หานเจวี๋ยใช้พลังจิตเข้าไปในโลกใบเล็กของพลังวิเศษภูษาเอกภพ ในความมืดมิด อีกาทองตัวเล็กสองตัวเบียดเสียดอยู่ด้วยกันด้วยเนื้อตัวสั่นระริก

หลังจากเปลวเพลิงสุริยะแท้จริงได้ดับสลายไปแล้ว พวกมันดูน่าสงสารอย่างเห็นได้ชัด

“ให้โอกาสพวกเจ้าอีกครั้ง หากยอมรับข้าเป็นนายท่าน ข้าจะไว้ชีวิตพวกเจ้า จนกว่าพวกเจ้าจะแข็งแกร่งขึ้น” หานเจวี๋ยกล่าว

พลังจิตถ่ายทอดคำพูดของเขาไปยังร่างของอีกาทองทั้งสอง แปรเปลี่ยนเป็นข้อความที่พวกมันสามารถเข้าใจได้

อีกาสีทองตัวน้อยทั้งสองมองหน้าสบตากัน

ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง

พวกมันก้มศีรษะให้หานเจวี๋ย แสดงถึงการยอมจำนนด้วยความเต็มใจ

หานเจวี๋ยก็ไม่ได้รู้สึกวางใจ เพราะอย่างนั้นจึงแอบประทับตราประทับหกวิถีไว้บนร่างของพวกมันอย่างลับๆ

เขาคิดจะจับตาดูพวกมันสักระยะ หลังจากนั้นค่อยปล่อยอีกาทองตัวน้อยออกไป

เหตุผลที่รับอีกาทองตัวน้อยมาเลี้ยงดู เป็นเพราะหลังจากนี้ต้นฝูซังอาจดึงดูดอีกาทองตัวอื่นๆ มาได้ จึงเป็นการดีกว่าที่จะยอมให้กับเทพอีกาทองที่ถูกทอดทิ้งทั้งสอง ภายภาคหน้าจะได้ใช้อีกาทองเป็นสัตว์พาหนะ เช่นนั้นยิ่งโดดเด่นมิใช่หรือ

ผู้คนในใต้หล้าต่างโต้เถียงเรื่องอีกาทองกันอย่างดุเดือด แต่ด้วยการหายตัวไปอย่างกะทันหันของดวงอาทิตย์ทั้งสอง ใต้หล้าก็ตกอยู่ในความสงบในไม่ช้า

หนึ่งเดือนหลังจากนั้น

หานเจวี๋ยแน่ใจแล้วว่าสติปัญญาของอีกาทองทั้งสองนั้นต่ำต้อยเป็นอย่างมาก ราวกับเด็กอายุสามหรือสี่ขวบอย่างไรอย่างนั้น หายเจวี๋ยจึงอาศัยโอกาสในตอนที่พวกมันอายุยังน้อย เพิ่มตราประทับหกวิถีในจิตวิญญาณของพวกมัน เพื่อนับจากนี้จะได้ควบคุมความเป็นความตายของพวกมันได้

ตราประทับหกวิถีถูกอำพรางไว้อย่างดี ยากที่พวกมันจะพบเจอ

หลังจากทำทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย หานเจวี๋ยจึงปล่อยพวกมันออกมา

อีกาทองทั้งสองตัวย่อตัวให้มีขนาดเทียบเท่ากับไก่คุกรัตติกาล ก่อนบินขึ้นไปบนต้นฝูซังด้วยความตื่นเต้น หานเจวี๋ยกำชับให้พวกมันควบคุมเปลวเพลิงสุริยะแท้จริงอย่างเคร่งครัด แต่ถึงกระนั้นไก่คุกรัตติกาลก็ยังหวาดกลัวมากเมื่อเผชิญหน้ากับพวกมัน

“นายท่าน… พวกมันจะกินข้าหรือไม่” ไก่คุกรัตติกาลเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ รู้สึกราวกับกำลังจะร้องไห้

หานเจวี๋ยพ่นลมหายใจกล่าวว่า “ไม่ใช่เจ้าหรอกหรือที่เรียกพวกมันมา จากนี้ไปพวกเจ้าก็อยู่เป็นเพื่อนกัน!”

ไก่คุกรัตติกาลอยากร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตา

หยางเทียนตงมองไปที่อีกาทองทั้งสองตัว รู้สึกหวาดกลัวโดยสัญชาตญาณ

สำหรับเผ่าปีศาจ อีกาทองเป็นสายเลือดชั้นสูง หยางเทียนตงผู้ซึ่งมีสายเลือดเทพปีศาจย่อมต้องหวาดกลัวเป็นธรรมดา

สวินฉางอัน มู่หรงฉี่และอู้เต้าเจี้ยนต่างก็รู้สึกสงสัย

หลังจากเลี้ยงดูอีกาทองทั้งสองแล้ว หานเจวี๋ยก็กลับไปในถ้ำเทวาฟ้าประทานเพื่อฝึกฝนต่อ

ระหว่างนั้น หลี่ชิงจื่อและฉางเยวี่ยเอ๋อร์ได้มาเยี่ยมเยียน พวกเขาต่างก็ตกใจเมื่อได้เห็นอีกาทองตัวน้อย ในขณะเดียวกันก็สงสัยในพลังตบะของหานเจวี๋ยมากยิ่งขึ้น

ที่แท้แล้วเขาแข็งแกร่งเพียงใดกันแน่

แม้แต่สัตว์เทพก็สามารถพิชิตได้!

…..

หนึ่งปีต่อมา

หานเจวี๋ยที่กำลังฝึกอยู่ถูกเสียงหนึ่งปลุกให้ได้สติขึ้น

‘คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะแอบซ่อนหญิงสาวไว้ในถ้ำด้วย’

เซวียนฉิงจวิน!

น้ำเสียงของนางราวกับหัวเราะแต่ไม่ได้หัวเราะ ฟังแล้วทำให้ในใจหานเจวี๋ยรู้สึกประหม่าอย่างบอกไม่ถูก

เขากระจายพลังจิตออกไปในทันที พบว่าเซวียนฉิงจวินมาถึงที่ตีนเขาของเขาเพียรบำเพ็ญเซียนแล้ว

“เจ้าออกไปก่อน”

หานเจวี๋ยมองไปทางอู้เต้าเจี้ยน ก่อนเอ่ยสั่ง ในขณะเดียวกันก็ใช้พลังจิตเปิดค่ายกลคุ้มกันเขา ปล่อยให้เซวียนฉิงจวินเข้ามา

แม้ว่าอู้เต้าเจี้ยนจะไม่เข้าใจ แต่ก็ยังลุกยืนขึ้นอย่างว่าง่าย

เมื่อนางเพิ่งจะเดินออกจากถ้ำเทวาไปก็พบเข้ากับเซวียนฉิงจวิน

เซวียนฉิงจวินไม่ได้สนใจนาง เพียงเดินเข้าไปในถ้ำเทวาทันที

อู้เต้าเจี้ยนขมวดคิ้ว มองดูประตูศิลาของถ้ำเทวาที่ปิดลง ในใจของนางรู้สึกไม่สบอารมณ์อย่างบอกไม่ถูก

……………………………………………………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+