ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ บทที่ 332 พลิกฟ้าเปลี่ยนชะตา เปิดแม่น้ำปรโลก

Now you are reading ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ Chapter บทที่ 332 พลิกฟ้าเปลี่ยนชะตา เปิดแม่น้ำปรโลก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 332 พลิกฟ้าเปลี่ยนชะตา เปิดแม่น้ำปรโลก

ล้อเล่นอะไรอยู่?

ลัทธิอันธการ?

เผ่าอสูรงั้นหรือ

หานเจวี๋ยโมโหแทบตายแล้ว

เผ่าอสูรดูเหมือนจะเป็นแฟนคลับตัวยงของเขา แต่ความจริงคือกำลังอาศัยชื่อเจ้าแดนต้องห้ามอันธการไปก่อเรื่องชัดๆ

แบบนี้ไม่ได้การแล้ว!

หานเจวี๋ยไม่ได้รับประโยชน์อะไรจากพวกเขาเลย!

หานเจวี๋ยสอบถาม “หัวหน้าเผ่าอสูรคือผู้ใด มีนามว่าอย่างไรหรือพ่ะย่ะค่ะ”

จักรพรรดิสวรรค์เอ่ยตอบ “เผ่าอสูรเพิ่งเปลี่ยนหัวหน้าได้ไม่นาน เขามีนามว่าเซวี่ยหมิงเหอ เพิ่งหนีออกมาจากแดนชำระบาปเก้าขุมเมื่อไม่นานมานี้”

เซวี่ยหมิงเหองั้นหรือ

หานเจวี๋ยเลิกคิ้วถามต่อว่า “ฝ่าบาท ท่านรู้จักปรมาจารย์หมิงเหอหรือไม่”

“ไม่รู้”

คำตอบของจักรพรรดิสวรรค์ทำให้หานเจวี๋ยรู้สึกผิดหวังอยู่บ้าง

โลกเทพเซียนแห่งนี้มีจุดที่คล้ายคลึงกับเทวตำนานของจีนและนิยายอิงประวัติศาสตร์ในอินเทอร์เน็ตยิ่งนัก แต่ในความเป็นจริงกลับมีจุดที่ต่างกันออกไปอยู่

กล่าวโดยสรุปคือ เส้นเวลาแตกต่างกัน

ปรมาจารย์ลัญจกรสรวงบรรลุมรรคผ่านมหาเคราะห์เก้าหน จักรพรรดิสวรรค์ก็ขึ้นเป็นจักรพรรดิสวรรค์ต่อจากเฮ่าเทียน และไม่ทราบด้วยว่าเป็นจักรพรรดิสวรรค์รุ่นที่เท่าไร

หานเจวี๋ยไม่คิดต่อให้มากความ ไม่ว่าจะมีความเชื่อมโยงกับเทวตำนานจีนหรือไม่ นั่นก็ไม่เกี่ยวข้องกับเขาเลย

ส่วนโลกในชาติก่อน อันที่จริงเขาก็ไม่ได้มีความผูกพันมากมายนัก ไม่ได้ยึดติดกับการเป็นผู้ข้ามภพ หากมีโอกาสกลับไปได้ จะลองกลับไปสักหน่อยก็ได้ แต่ก็ไม่ได้มีความคิดมุ่งมั่นว่าต้องกลับไป

เขาแค่อยากฝึกบำเพ็ญมีอายุขัยยืนยาว เป็นอมตะชั่วนิรันดร์!

ไม่นานนัก จักรพรรดิสวรรค์ก็ตัดการเชื่อมต่อทางกระแสจิต

หานเจวี๋ยหยิบหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมา เริ่มสั่งสอนเซวี่ยหมิงเหอ

เขาไม่ได้สาปแช่งอีกฝ่ายมากมายนัก แช่งอยู่ห้าวันเท่านั้น เคี่ยวกรำสักยก

[ความประทับใจที่หานมิ่งมีต่อท่านเพิ่มขึ้น ระดับความประทับใจในขณะนี้คือ 4.5 ดาว]

หานเจวี๋ยมองแจ้งเตือนที่เด้งขึ้นมาตรงหน้าอย่างเฉยเมย

ค่าความประทับใจที่เจ้าเด็กคนนี้มีต่อเขาเดี๋ยวขึ้นเดี๋ยวลง มีอาการป่วยชัดๆ

หานเจวี๋ยไม่อยากมีส่วนเกี่ยวข้องกับหานมิ่งเลยสักนิด

อีกอย่างตั้งแต่เล็กจนโตทั้งสองก็ไม่เคยอยู่ด้วยกันเลย

….

ยมโลก เมืองนรกใต้พิภพ

พญายมนั่งอยู่บนบัลลังก์ภูตผีด้วยสีหน้าเรียบเฉย สายตาจับจ้องเงาดำร่างหนึ่งที่อยู่ในห้องโถง

“ใต้เท้ามาจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ใดกันแน่” พญายมเอ่ยถามเสียงขรึม

เงาดำเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ฐานะของข้าไม่สำคัญเลย สิ่งสำคัญคือสามารถทำให้ท่านพญายมบรรลุสิ่งใดได้ต่างหาก”

“เราจะไว้ใจเจ้าได้อย่างไร”

“กลุ่มอิทธิพลสำนักพุทธในเมืองนรกจะถูกกวาดล้างภายในสิบปี ข้ามาแจ้งให้พญายมอย่างท่านทราบไว้ล่วงหน้า เพื่อแสดงถึงความจริงใจ”

“โอ้ เช่นนั้นเจ้าต้องการสิ่งใด”

“แม่น้ำปรโลก!”

พญายมฟังแล้วอดไม่ได้ที่จะหรี่ตาลง

เขาเอ่ยถามด้วยสีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายมิยิ้ม “เจ้าต้องการแดนชำระบาปเก้าขุมหรือ เห็นทีว่าฐานะของใต้เท้าคงจะพิเศษยิ่ง หรือจะเกี่ยวข้องกับเซวี่ยหมิงเหอ”

เงาดำเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “วางใจเถิด ข้าไม่มีความเกี่ยวข้องกับแดนชำระบาปเก้าขุม ข้าเพียงอยากใช้ประโยชน์จากแดนชำระบาปเก้าขุม ภายหน้าข้าจะไม่มายุ่มย่ามบงการยมโลก เป้าหมายของข้าคือแดนเซียน”

พญายมตกอยู่ในห้วงความคิด

ช่วงนี้เขากำลังปวดเศียรเวียนเกล้ากับกลุ่มอิทธิพลสำนักพุทธที่นำโดยพระกษิติครรภ์อยู่จริงๆ หากไม่เก็บกวาดยมโลกให้สะอาด เขาจะกล้าวางใจไปโจมตีวังสวรรค์ได้อย่างไร

สำนักพุทธทสมควรตาย!

ผูกใจอยู่กับวังสวรรค์อย่างเหนียวแน่น!

พญายมตอบรับ “เอาเถอะ ได้ เรารับปาก!”

เงาดำเลือนหายไปกับหมอกควัน ทิ้งคำพูดไว้เพียงประโยคเดียว “ท่านพญายมเฝ้าคอยการรวมเป็นหนึ่งของยมโลกได้เลย!”

….

แดนเซียน ณ คุนหลุน

ระหว่างทิวเขา บนทะเลสาบกว้างใหญ่ผืนหนึ่ง หลงเฮ่านั่งสมาธิอยู่กลางอากาศ ไอเซียนอันไร้ที่สิ้นสุดลอยม้วนขึ้นมาจากผิวทะเลสาบ ถ่ายเทเข้าสู่ร่างหลงเฮ่า

นักพรตวัยกลางคนรายหนึ่งยืนอยู่ริมทะเลสาบ ลูบเคราขณะมองมาที่เขา

“ยอดเยี่ยมมาก ความหวังในการฟื้นฟูนิกายฉ่านสามารถฝากฝังไว้กับเด็กคนนี้ได้”

นักพรตวัยกลางคนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม เพิ่งกล่าวจบ นักพรตน้อยคนหนึ่งก็ปรากฏขึ้นข้างกาย ดูแล้วอายุเพียงห้าขวบเท่านั้น ใบหน้าจิ้มลิ้มน่ารัก แยกไม่ออกว่าเป็นชายหรือหญิง

นักพรตน้อยเปิดปากเอ่ย “อาจารย์ วังสวรรค์ส่งคนมาเยี่ยมเยือน แจ้งว่าเป็นหลงจวินพี่ชายคนโตของหลงเฮ่าขอรับ”

นักพรตวัยกลางคนเอ่ยยิ้มๆ “ให้เขารอก่อนเถอะ บอกว่าหลงเฮ่ากำลังตระหนักรู้พลังวิเศษของนิกายฉ่านอยู่”

นักพรตน้อยตะลึงงัน อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม “อาจารย์ เขาเป็นคนของวังสวรรค์ ท่านไว้ใจเขาถึงเพียงนี้เลยหรือ”

หลงเฮ่าอยู่ในสภาวะตระหนักรู้ ไม่ได้ยินเสียงจากโลกภายนอก

นักพรตวัยกลางคนหัวเราะเบาๆ พลางกล่าวตอบ “วังสวรรค์เดิมทีก็เป็นกลุ่มอิทธิพลที่สำนักเต๋าคอยค้ำจุนอยู่แล้ว นิกายฉ่านและวังสวรรค์ให้ความร่วมกันเป็นอย่างดี วังสวรรค์ดูแลปวงสวรรค์หมื่นโลกา นิกายฉ่านทุ่มเทเผยแผ่คำสอน นี่มิใช่บทลงเอยที่ดีที่สุดหรอกหรือ”

นักพรตน้อยเงียบไป

นักพรตวัยกลางคนกล่าวต่อว่า “ใช่แล้ว ตรวจสอบสำนักต้นสังกัดของเฮ่าเอ๋อร์ด้วย เขามีอาจารย์ลึกลับอยู่ท่านหนึ่ง อาจารย์ทำนายหาไม่ได้ เกรงว่าจะมีภูมิหลังยิ่งใหญ่นัก”

นักพรตน้อยพยักหน้าตอบรับ จากนั้นก็เลือนหายไปจากจุดเดิม

ตูม! ครืน…

เมฆอัสนีรวมตัวกันเหนือเขาคุนหลุน อำนาจสวรรค์กดทับครอบคลุมทั่วเขาคุนหลุน

นักพรตวัยกลางคนเงยหน้ามองแวบหนึ่ง คิ้วพลันขมวดแน่น

“คุนหลุนเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งมรรคาสวรรค์ จะดึงดูดเคราะห์สวรรค์มาได้อย่างไร เว้นแต่เขาจะแบกรับแรงกรรมหมาศาล แต่เหตุใดข้าจึงสัมผัสถึงแรงกรรมมหาศาลของเขาไม่ได้เล่า”

“ช้าก่อน”

“หรือจะซ่อนอยู่ในส่วนลึกของวิญญาณ”

นักพรตวัยกลางคนเผยรอยยิ้มเล็กน้อย ยกมือขึ้นใช้นิ้ววาดผ่านสองเนตร ม่านตาพลันแปรเปลี่นเป็นจันทร์เสี้ยวสีม่วงคู่หนึ่ง

….

สิบปีผ่านไป

เมื่อว่างจากการฝึกบำเพ็ญหานเจวี๋ยหยิบหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมา เริ่มสาปแช่งศัตรู

หลายปีมานี้อู้เต้าเจี้ยนอยู่นอกถ้ำตลอด ศึกษาวิเคราะห์มรรคกระบี่เทียมฟ้ากับลี่เหยา ต่างก็มีพัฒนาการกันทั้งคู่

จินกังนู่ปรับตัวเข้ากับสำนักซ่อนเร้นได้อย่างสมบูรณ์แล้ว ผู้ที่มีสัมพันธไมตรีกับเขาที่สุดมิใช่ถูหลิงเอ๋อร์ แต่เป็นไก่คุกรัตติกาล

ตอนเพิ่งมาถึง ไม่มีใครสนใจเขาเลย มีเพียงไก่คุกรัตติกาลที่มักจะถากถางเหน็บแนมเขาอยู่เสมอ ช่วงแรกเขารู้สึกไม่พอใจยิ่งนัก แต่สิบปีผ่านไป เขากลับชื่นชอบสำเนียงการพูดของเจ้าไก่คุกรัตติกาลไปเสียแล้ว

สาเหตุเป็นเพราะไม่ว่าจะเป็นใครไก่คุกรัตติกาลก็กล้าด่าทั้งนั้น เมื่อถึงเวลาที่ควรยอมศิโรราบก็ว่องไวยิ่ง ทำให้เขาขบขันได้อยู่เสมอ

ยามที่หานเจวี๋ยสาปแช่งศัตรู ยังได้ยินเสียงด่าทอกันระหว่างไก่คุกรัตติกาลและสุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นด้วย

เขาสาปแช่งพลางตรวจดูจดหมายไปด้วย

[หลี่เต้าคงสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากจักรพรรดิปีศาจศัตรูคู่อาฆาตของท่าน]

[หลี่เต้าคงสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้ทรงพลังลึกลับ]

[ฟางเหลียงศิษย์หลานของท่านพลิกฟ้าเปลี่ยนชะตา มรรคาสวรรค์ไม่ยอมรับ ดวงชะตาตกต่ำ]

[เต้าจื้อจุนสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากหลี่เสวียนเอ้าศัตรูคู่อาฆาตของท่าน]

[จี้เซียนเสินสหายของท่านสังหารมังกรเขียวสัตว์ร้ายศักดิ์สิทธิ์ ดวงชะตาเพิ่มพูน]

[เจียงอี้สหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้ทรงพลังลึกลับ ได้รับบาดเจ็บสาหัส ชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้าย โชคดีมีผู้ทรงพลังช่วยเหลือ]

[หานมิ่งสหายของท่านถูกยึดร่าง วิญญาณถูกกักขังในสมบัติวิเศษ ทนรับความทรมาน]

….

ตัวเอกคนใหม่ขึ้นแท่นแล้ว!

หลี่เต้าคง!

บ้าระห่ำโดยแท้ ทุกสิบปีล้วนมีฉากต่อสู้หนึ่งหน แถมยังสู้กับผู้ยิ่งใหญ่ด้วย

ฟางเหลียงพลิกฟ้าเปลี่ยนชะตาด้วยเรื่องใดกัน

หานเจวี๋ยค่อนข้างกังวล กลัวเขาจะเกิดเรื่อง

สำหรับฟางเหลียง หานเจวี๋ยยังคงชมชอบนัก รองลงมาจากมู่หรงฉี่

เพียงแต่ชะตาชีวิตของเจ้าหนุ่มคนนี้พลิกผันสับสนยิ่ง ออกจะคล้ายโจวฝานอยู่บ้าง

เมื่อเอ่ยถึงโจวฝาน ไม่นานมานี้คนผู้นี้ก็มีบทบาทมากเช่นกัน บรรลุตบะระดับจักรพรรดิเซียนแท้ไท่อี่ แน่นอนว่าเมื่อจับมาวางในแดนเซียนก็ไม่ควรค่าให้กล่าวถึงอีก

หานเจวี๋ยสังเกตเห็นว่าเจียงอี้นักฟังของเขาได้รับบาดเจ็บอีกแล้ว ช่างน่าเวทนาจริงๆ

ยังมีหานมิ่งอีก เหตุใดจึงถูกยึดร่างเล่า

สัญชาตญาณของหานเจวี๋ยร้องเตือน ได้กลิ่นของแผนการชั่วร้ายลอยมา

ผู้ที่ยึดร่างของหานมิ่งไปจะมาหาเขา หลอกลวงให้เขาไว้ใจ แล้วหาจังหวะสังหารเขาหรือไม่

ยิ่งคิดหานเจวี๋ยก็ยิ่งรู้สึกว่าเป็นไปได้

ในเวลานี้เอง หานเจวี๋ยสัมผัสได้ถึงกระแสคลื่นอันปั่นป่วนของแม่น้ำปรโลกนอกเกาะได้

ต้วนหงเฉินมาหาหน้าถ้ำ ขอเข้าพบหานเจวี๋ย

หานเจวี๋ยให้เขาเข้ามา

“เจ้าสำนัก แย่ไปกันใหญ่แล้วขอรับ มีคนเปิดใช้งานเขตอาคมที่เชื่อมต่อสู่แดนชำระบาปเก้าขุม!” ต้วนหงเฉินเล่าด้วยน้ำเสียงร้อนรน

หานเจวี๋ยถาม “เปิดก็เปิดไปสิ เข้าไปแล้วจะรอดหรือ”

ต้วนหงเฉินอธิบาย “ข้าสงสัยว่าเขามิได้อยากเข้าไป แต่อยากปลดปล่อยผีร้ายในแดนชำระบาปเก้าขุมออกมา เมื่อถึงเวลานั้นแม่น้ำปรโลกทั้งสายจะเชื่อมต่อเป็นค่ายกลอาคม พวกเราต้องได้รับผลกระทบแน่ขอรับ!”

………………………………………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ บทที่ 332 พลิกฟ้าเปลี่ยนชะตา เปิดแม่น้ำปรโลก

Now you are reading ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ Chapter บทที่ 332 พลิกฟ้าเปลี่ยนชะตา เปิดแม่น้ำปรโลก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 332 พลิกฟ้าเปลี่ยนชะตา เปิดแม่น้ำปรโลก

ล้อเล่นอะไรอยู่?

ลัทธิอันธการ?

เผ่าอสูรงั้นหรือ

หานเจวี๋ยโมโหแทบตายแล้ว

เผ่าอสูรดูเหมือนจะเป็นแฟนคลับตัวยงของเขา แต่ความจริงคือกำลังอาศัยชื่อเจ้าแดนต้องห้ามอันธการไปก่อเรื่องชัดๆ

แบบนี้ไม่ได้การแล้ว!

หานเจวี๋ยไม่ได้รับประโยชน์อะไรจากพวกเขาเลย!

หานเจวี๋ยสอบถาม “หัวหน้าเผ่าอสูรคือผู้ใด มีนามว่าอย่างไรหรือพ่ะย่ะค่ะ”

จักรพรรดิสวรรค์เอ่ยตอบ “เผ่าอสูรเพิ่งเปลี่ยนหัวหน้าได้ไม่นาน เขามีนามว่าเซวี่ยหมิงเหอ เพิ่งหนีออกมาจากแดนชำระบาปเก้าขุมเมื่อไม่นานมานี้”

เซวี่ยหมิงเหองั้นหรือ

หานเจวี๋ยเลิกคิ้วถามต่อว่า “ฝ่าบาท ท่านรู้จักปรมาจารย์หมิงเหอหรือไม่”

“ไม่รู้”

คำตอบของจักรพรรดิสวรรค์ทำให้หานเจวี๋ยรู้สึกผิดหวังอยู่บ้าง

โลกเทพเซียนแห่งนี้มีจุดที่คล้ายคลึงกับเทวตำนานของจีนและนิยายอิงประวัติศาสตร์ในอินเทอร์เน็ตยิ่งนัก แต่ในความเป็นจริงกลับมีจุดที่ต่างกันออกไปอยู่

กล่าวโดยสรุปคือ เส้นเวลาแตกต่างกัน

ปรมาจารย์ลัญจกรสรวงบรรลุมรรคผ่านมหาเคราะห์เก้าหน จักรพรรดิสวรรค์ก็ขึ้นเป็นจักรพรรดิสวรรค์ต่อจากเฮ่าเทียน และไม่ทราบด้วยว่าเป็นจักรพรรดิสวรรค์รุ่นที่เท่าไร

หานเจวี๋ยไม่คิดต่อให้มากความ ไม่ว่าจะมีความเชื่อมโยงกับเทวตำนานจีนหรือไม่ นั่นก็ไม่เกี่ยวข้องกับเขาเลย

ส่วนโลกในชาติก่อน อันที่จริงเขาก็ไม่ได้มีความผูกพันมากมายนัก ไม่ได้ยึดติดกับการเป็นผู้ข้ามภพ หากมีโอกาสกลับไปได้ จะลองกลับไปสักหน่อยก็ได้ แต่ก็ไม่ได้มีความคิดมุ่งมั่นว่าต้องกลับไป

เขาแค่อยากฝึกบำเพ็ญมีอายุขัยยืนยาว เป็นอมตะชั่วนิรันดร์!

ไม่นานนัก จักรพรรดิสวรรค์ก็ตัดการเชื่อมต่อทางกระแสจิต

หานเจวี๋ยหยิบหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมา เริ่มสั่งสอนเซวี่ยหมิงเหอ

เขาไม่ได้สาปแช่งอีกฝ่ายมากมายนัก แช่งอยู่ห้าวันเท่านั้น เคี่ยวกรำสักยก

[ความประทับใจที่หานมิ่งมีต่อท่านเพิ่มขึ้น ระดับความประทับใจในขณะนี้คือ 4.5 ดาว]

หานเจวี๋ยมองแจ้งเตือนที่เด้งขึ้นมาตรงหน้าอย่างเฉยเมย

ค่าความประทับใจที่เจ้าเด็กคนนี้มีต่อเขาเดี๋ยวขึ้นเดี๋ยวลง มีอาการป่วยชัดๆ

หานเจวี๋ยไม่อยากมีส่วนเกี่ยวข้องกับหานมิ่งเลยสักนิด

อีกอย่างตั้งแต่เล็กจนโตทั้งสองก็ไม่เคยอยู่ด้วยกันเลย

….

ยมโลก เมืองนรกใต้พิภพ

พญายมนั่งอยู่บนบัลลังก์ภูตผีด้วยสีหน้าเรียบเฉย สายตาจับจ้องเงาดำร่างหนึ่งที่อยู่ในห้องโถง

“ใต้เท้ามาจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ใดกันแน่” พญายมเอ่ยถามเสียงขรึม

เงาดำเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ฐานะของข้าไม่สำคัญเลย สิ่งสำคัญคือสามารถทำให้ท่านพญายมบรรลุสิ่งใดได้ต่างหาก”

“เราจะไว้ใจเจ้าได้อย่างไร”

“กลุ่มอิทธิพลสำนักพุทธในเมืองนรกจะถูกกวาดล้างภายในสิบปี ข้ามาแจ้งให้พญายมอย่างท่านทราบไว้ล่วงหน้า เพื่อแสดงถึงความจริงใจ”

“โอ้ เช่นนั้นเจ้าต้องการสิ่งใด”

“แม่น้ำปรโลก!”

พญายมฟังแล้วอดไม่ได้ที่จะหรี่ตาลง

เขาเอ่ยถามด้วยสีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายมิยิ้ม “เจ้าต้องการแดนชำระบาปเก้าขุมหรือ เห็นทีว่าฐานะของใต้เท้าคงจะพิเศษยิ่ง หรือจะเกี่ยวข้องกับเซวี่ยหมิงเหอ”

เงาดำเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “วางใจเถิด ข้าไม่มีความเกี่ยวข้องกับแดนชำระบาปเก้าขุม ข้าเพียงอยากใช้ประโยชน์จากแดนชำระบาปเก้าขุม ภายหน้าข้าจะไม่มายุ่มย่ามบงการยมโลก เป้าหมายของข้าคือแดนเซียน”

พญายมตกอยู่ในห้วงความคิด

ช่วงนี้เขากำลังปวดเศียรเวียนเกล้ากับกลุ่มอิทธิพลสำนักพุทธที่นำโดยพระกษิติครรภ์อยู่จริงๆ หากไม่เก็บกวาดยมโลกให้สะอาด เขาจะกล้าวางใจไปโจมตีวังสวรรค์ได้อย่างไร

สำนักพุทธทสมควรตาย!

ผูกใจอยู่กับวังสวรรค์อย่างเหนียวแน่น!

พญายมตอบรับ “เอาเถอะ ได้ เรารับปาก!”

เงาดำเลือนหายไปกับหมอกควัน ทิ้งคำพูดไว้เพียงประโยคเดียว “ท่านพญายมเฝ้าคอยการรวมเป็นหนึ่งของยมโลกได้เลย!”

….

แดนเซียน ณ คุนหลุน

ระหว่างทิวเขา บนทะเลสาบกว้างใหญ่ผืนหนึ่ง หลงเฮ่านั่งสมาธิอยู่กลางอากาศ ไอเซียนอันไร้ที่สิ้นสุดลอยม้วนขึ้นมาจากผิวทะเลสาบ ถ่ายเทเข้าสู่ร่างหลงเฮ่า

นักพรตวัยกลางคนรายหนึ่งยืนอยู่ริมทะเลสาบ ลูบเคราขณะมองมาที่เขา

“ยอดเยี่ยมมาก ความหวังในการฟื้นฟูนิกายฉ่านสามารถฝากฝังไว้กับเด็กคนนี้ได้”

นักพรตวัยกลางคนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม เพิ่งกล่าวจบ นักพรตน้อยคนหนึ่งก็ปรากฏขึ้นข้างกาย ดูแล้วอายุเพียงห้าขวบเท่านั้น ใบหน้าจิ้มลิ้มน่ารัก แยกไม่ออกว่าเป็นชายหรือหญิง

นักพรตน้อยเปิดปากเอ่ย “อาจารย์ วังสวรรค์ส่งคนมาเยี่ยมเยือน แจ้งว่าเป็นหลงจวินพี่ชายคนโตของหลงเฮ่าขอรับ”

นักพรตวัยกลางคนเอ่ยยิ้มๆ “ให้เขารอก่อนเถอะ บอกว่าหลงเฮ่ากำลังตระหนักรู้พลังวิเศษของนิกายฉ่านอยู่”

นักพรตน้อยตะลึงงัน อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม “อาจารย์ เขาเป็นคนของวังสวรรค์ ท่านไว้ใจเขาถึงเพียงนี้เลยหรือ”

หลงเฮ่าอยู่ในสภาวะตระหนักรู้ ไม่ได้ยินเสียงจากโลกภายนอก

นักพรตวัยกลางคนหัวเราะเบาๆ พลางกล่าวตอบ “วังสวรรค์เดิมทีก็เป็นกลุ่มอิทธิพลที่สำนักเต๋าคอยค้ำจุนอยู่แล้ว นิกายฉ่านและวังสวรรค์ให้ความร่วมกันเป็นอย่างดี วังสวรรค์ดูแลปวงสวรรค์หมื่นโลกา นิกายฉ่านทุ่มเทเผยแผ่คำสอน นี่มิใช่บทลงเอยที่ดีที่สุดหรอกหรือ”

นักพรตน้อยเงียบไป

นักพรตวัยกลางคนกล่าวต่อว่า “ใช่แล้ว ตรวจสอบสำนักต้นสังกัดของเฮ่าเอ๋อร์ด้วย เขามีอาจารย์ลึกลับอยู่ท่านหนึ่ง อาจารย์ทำนายหาไม่ได้ เกรงว่าจะมีภูมิหลังยิ่งใหญ่นัก”

นักพรตน้อยพยักหน้าตอบรับ จากนั้นก็เลือนหายไปจากจุดเดิม

ตูม! ครืน…

เมฆอัสนีรวมตัวกันเหนือเขาคุนหลุน อำนาจสวรรค์กดทับครอบคลุมทั่วเขาคุนหลุน

นักพรตวัยกลางคนเงยหน้ามองแวบหนึ่ง คิ้วพลันขมวดแน่น

“คุนหลุนเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งมรรคาสวรรค์ จะดึงดูดเคราะห์สวรรค์มาได้อย่างไร เว้นแต่เขาจะแบกรับแรงกรรมหมาศาล แต่เหตุใดข้าจึงสัมผัสถึงแรงกรรมมหาศาลของเขาไม่ได้เล่า”

“ช้าก่อน”

“หรือจะซ่อนอยู่ในส่วนลึกของวิญญาณ”

นักพรตวัยกลางคนเผยรอยยิ้มเล็กน้อย ยกมือขึ้นใช้นิ้ววาดผ่านสองเนตร ม่านตาพลันแปรเปลี่นเป็นจันทร์เสี้ยวสีม่วงคู่หนึ่ง

….

สิบปีผ่านไป

เมื่อว่างจากการฝึกบำเพ็ญหานเจวี๋ยหยิบหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมา เริ่มสาปแช่งศัตรู

หลายปีมานี้อู้เต้าเจี้ยนอยู่นอกถ้ำตลอด ศึกษาวิเคราะห์มรรคกระบี่เทียมฟ้ากับลี่เหยา ต่างก็มีพัฒนาการกันทั้งคู่

จินกังนู่ปรับตัวเข้ากับสำนักซ่อนเร้นได้อย่างสมบูรณ์แล้ว ผู้ที่มีสัมพันธไมตรีกับเขาที่สุดมิใช่ถูหลิงเอ๋อร์ แต่เป็นไก่คุกรัตติกาล

ตอนเพิ่งมาถึง ไม่มีใครสนใจเขาเลย มีเพียงไก่คุกรัตติกาลที่มักจะถากถางเหน็บแนมเขาอยู่เสมอ ช่วงแรกเขารู้สึกไม่พอใจยิ่งนัก แต่สิบปีผ่านไป เขากลับชื่นชอบสำเนียงการพูดของเจ้าไก่คุกรัตติกาลไปเสียแล้ว

สาเหตุเป็นเพราะไม่ว่าจะเป็นใครไก่คุกรัตติกาลก็กล้าด่าทั้งนั้น เมื่อถึงเวลาที่ควรยอมศิโรราบก็ว่องไวยิ่ง ทำให้เขาขบขันได้อยู่เสมอ

ยามที่หานเจวี๋ยสาปแช่งศัตรู ยังได้ยินเสียงด่าทอกันระหว่างไก่คุกรัตติกาลและสุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นด้วย

เขาสาปแช่งพลางตรวจดูจดหมายไปด้วย

[หลี่เต้าคงสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากจักรพรรดิปีศาจศัตรูคู่อาฆาตของท่าน]

[หลี่เต้าคงสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้ทรงพลังลึกลับ]

[ฟางเหลียงศิษย์หลานของท่านพลิกฟ้าเปลี่ยนชะตา มรรคาสวรรค์ไม่ยอมรับ ดวงชะตาตกต่ำ]

[เต้าจื้อจุนสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากหลี่เสวียนเอ้าศัตรูคู่อาฆาตของท่าน]

[จี้เซียนเสินสหายของท่านสังหารมังกรเขียวสัตว์ร้ายศักดิ์สิทธิ์ ดวงชะตาเพิ่มพูน]

[เจียงอี้สหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้ทรงพลังลึกลับ ได้รับบาดเจ็บสาหัส ชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้าย โชคดีมีผู้ทรงพลังช่วยเหลือ]

[หานมิ่งสหายของท่านถูกยึดร่าง วิญญาณถูกกักขังในสมบัติวิเศษ ทนรับความทรมาน]

….

ตัวเอกคนใหม่ขึ้นแท่นแล้ว!

หลี่เต้าคง!

บ้าระห่ำโดยแท้ ทุกสิบปีล้วนมีฉากต่อสู้หนึ่งหน แถมยังสู้กับผู้ยิ่งใหญ่ด้วย

ฟางเหลียงพลิกฟ้าเปลี่ยนชะตาด้วยเรื่องใดกัน

หานเจวี๋ยค่อนข้างกังวล กลัวเขาจะเกิดเรื่อง

สำหรับฟางเหลียง หานเจวี๋ยยังคงชมชอบนัก รองลงมาจากมู่หรงฉี่

เพียงแต่ชะตาชีวิตของเจ้าหนุ่มคนนี้พลิกผันสับสนยิ่ง ออกจะคล้ายโจวฝานอยู่บ้าง

เมื่อเอ่ยถึงโจวฝาน ไม่นานมานี้คนผู้นี้ก็มีบทบาทมากเช่นกัน บรรลุตบะระดับจักรพรรดิเซียนแท้ไท่อี่ แน่นอนว่าเมื่อจับมาวางในแดนเซียนก็ไม่ควรค่าให้กล่าวถึงอีก

หานเจวี๋ยสังเกตเห็นว่าเจียงอี้นักฟังของเขาได้รับบาดเจ็บอีกแล้ว ช่างน่าเวทนาจริงๆ

ยังมีหานมิ่งอีก เหตุใดจึงถูกยึดร่างเล่า

สัญชาตญาณของหานเจวี๋ยร้องเตือน ได้กลิ่นของแผนการชั่วร้ายลอยมา

ผู้ที่ยึดร่างของหานมิ่งไปจะมาหาเขา หลอกลวงให้เขาไว้ใจ แล้วหาจังหวะสังหารเขาหรือไม่

ยิ่งคิดหานเจวี๋ยก็ยิ่งรู้สึกว่าเป็นไปได้

ในเวลานี้เอง หานเจวี๋ยสัมผัสได้ถึงกระแสคลื่นอันปั่นป่วนของแม่น้ำปรโลกนอกเกาะได้

ต้วนหงเฉินมาหาหน้าถ้ำ ขอเข้าพบหานเจวี๋ย

หานเจวี๋ยให้เขาเข้ามา

“เจ้าสำนัก แย่ไปกันใหญ่แล้วขอรับ มีคนเปิดใช้งานเขตอาคมที่เชื่อมต่อสู่แดนชำระบาปเก้าขุม!” ต้วนหงเฉินเล่าด้วยน้ำเสียงร้อนรน

หานเจวี๋ยถาม “เปิดก็เปิดไปสิ เข้าไปแล้วจะรอดหรือ”

ต้วนหงเฉินอธิบาย “ข้าสงสัยว่าเขามิได้อยากเข้าไป แต่อยากปลดปล่อยผีร้ายในแดนชำระบาปเก้าขุมออกมา เมื่อถึงเวลานั้นแม่น้ำปรโลกทั้งสายจะเชื่อมต่อเป็นค่ายกลอาคม พวกเราต้องได้รับผลกระทบแน่ขอรับ!”

………………………………………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+