ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะบทที่ 242 ระดับจักรพรรดิที่ไกลเกินเอื้อม

Now you are reading ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ Chapter บทที่ 242 ระดับจักรพรรดิที่ไกลเกินเอื้อม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 242 ระดับจักรพรรดิที่ไกลเกินเอื้อม

พุทธะอาภรณ์ขาวใกล้จะระเบิดอารมณ์เต็มที

บัดซบ!

คิดไม่ถึงว่าจะให้ข้ารอถึงครึ่งปี!

บรรพชนพุทธทั้งหลายยังไม่กล้าวางมาดกับเขาเช่นนี้เลย!

พุทธะอาภรณ์ขาวทำได้เพียงใช้คัมภีร์พุทธสงบจิตใจ

ในที่สุด หานเจวี๋ยก็ปรากฏตัวต่อหน้าเขาและถามว่า “เกิดอะไรขึ้น”

พุทธะอาภรณ์ขาวกำลังนั่งสมาธิอยู่ใต้ต้นไม้ เขาหรี่ตาถาม “สหายเต๋าซุนเฉวียนยุ่งเรื่องอะไรอยู่หรือ”

“ความลับสวรรค์ไม่อาจแพร่งพรายได้”

“…”

เมื่อมองไปยังหานเจวี๋ย พุทธะอาภรณ์ขาวจะโมโหอย่างไรก็ไม่กล้าระเบิดโทสะออกมา

หนึ่งคือไม่สามารถเอาชนะได้ สองคือเหนือศีรษะของหานเจวี๋ยมีจักรพรรดิสวรรค์อยู่

พุทธะอาภรณ์ขาวพูดอย่างช่วยไม่ได้ว่า “ระยะนี้โลกมนุษย์สงบสุข บุตรแห่งสวรรค์มากมายผงาดโดดเด่น แต่อัตราการขึ้นสู่สวรรค์ยังสูงเกินไป ข้าต้องการให้พวกเขาอยู่บนโลกมนุษย์ต่อ แต่ก็บีบบังคับไม่ได้อีก…”

หานเจวี๋ยถาม “เหตุใดถึงต้องอยู่ที่โลกมนุษย์ต่อ”

“ยิ่งมียอดผู้บำเพ็ญในโลกมนุษย์มากเท่าใด ดวงชะตาโลกมนุษย์ก็จะยิ่งแข็งแกร่ง จากนั้นเมื่อพลังวิญญาณฟ้าดินได้รับอานิสงส์ ทั้งโลกแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ดวงชะตาของเจ้ากับข้าก็จะแกร่งขึ้นไปอีก”

พุทธะอาภรณ์ขาวถือว่าตรงไปตรงมา ไม่ปิดบังความเห็นแก่ตัวของตน

หานเจวี๋ยกล่าวว่า “เช่นนี้ไม่ดีกระมัง”

นี่ไม่ใช่การทำลายทางหนีทีไล่ของวังสวรรค์หรอกหรือ

วังสวรรค์กำหนดให้โลกมนุษย์ส่งผู้มีพรสวรรค์ไปให้ไม่ขาดไม่ใช่หรือ

“จะไม่ดีได้อย่างไร โลกมนุษย์ที่ทรงพลังเหล่านั้นแทบจะเทียบกับสามโลกได้แล้ว นั่นก็เพราะพวกเขารั้งให้เหล่าบุตรแห่งสวรรค์อยู่ต่อ

เจ้าไม่ต้องกังวลเรื่องวังสวรรค์ ผู้ที่สำเร็จมรรคผลขึ้นสวรรค์ส่วนใหญ่ก็ไปเป็นทหารสวรรค์ แม้แต่การเข้าร่วมวังสวรรค์ยังเป็นเรื่องยากเลย วังสวรรค์เพียงปกครองโลกมนุษย์ หาใช่พึ่งพาโลกมนุษย์”

พุทธะอาภรณ์ขาวพูดมีนัยแฝงลึกซึ้ง ทำให้หานเจวี๋ยรู้สึกว่ามีเหตุผล

เขาเผลอใช้ความคิดสมัยใหม่ไปพิจารณาความสัมพันธ์ระหว่างวังสวรรค์และโลกมนุษย์โดยจิตใต้สำนึก

วังสวรรค์ต้องการโชคชะตา ทว่าไม่ได้พึ่งพาโชคชะตาของมนุษย์

มีได้ แต่ไม่ใช่ว่าจำเป็นต้องมี

หานเจวี๋ยกล่าวว่า “เช่นนั้นเจ้าก็ทำเถิด ข้ายังต้องฝึกบำเพ็ญอีก เรื่องพวกนี้มอบให้เจ้าจัดการไป ข้าแบ่งดวงชะตาของโลกเขย่าพิภพให้เจ้าร่วมใช้ได้ ขอเพียงเจ้าไม่เป็นศัตรูกับข้า ข้าก็ยินดีที่เจ้ามาปกป้องโลกเขย่าพิภพด้วยซ้ำ”

[ความประทับใจที่พุทธะอาภรณ์ขาวมีต่อท่านเพิ่มขึ้น ระดับความประทับใจขณะนี้คือ 3.5 ดาว]

เมื่อเห็นข้อความแจ้งเตือนบรรทัดนี้เบื้องหน้า หานเจวี๋ยพึงพอใจมาก

พุทธะอาภรณ์ขาวเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ดี ถึงอย่างไรเจ้าก็เป็นเทพบนโลกมนุษย์ ข้าต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าด้วย”

หานเจวี๋ยถาม “เมื่อใดจะได้พิสูจน์จักรพรรดิ”

พุทธะอาภรณ์ขาวอึ้งงัน ไม่คิดว่าจู่ๆ หานเจวี๋ยจะถามคำถามนี้ เขายิ้มฝาดพลางตอบ “ข้าจะรู้ได้อย่างไร ข้าเตรียมการมาหลายสิบล้านปีแล้วเพื่อการพิสูจน์จักรพรรดิ เฮ้อ!”

สิบล้านปีหรือ

นานขนาดนี้เชียว

หานเจวี๋ยตกใจ นี่ก็เกินเหตุไปหน่อย

ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าระดับจักรพรรดิเซียนอาจบรรลุยากกว่าที่ตัวเองคิดไว้

เจียงอี้ผู้นั้นน่ากลัวจริงๆ บอกจะเหยียบข้ามระดับก็เข้ามาเลย

“แล้วเจ้าเล่า” พุทธะอาภรณ์ขาวถาม

หานเจวี๋ยกล่าวว่า “เช่นกันๆ”

พูดจบเขาก็หายตัวไปจากที่เดิม

พุทธะอาภรณ์ขาวขมวดคิ้ว คำพูดของหานเจวี๋ยเต็มไปด้วยความนัย

อะไรคือเช่นกันๆ

หมายถึงพวกเขากำลังจะบรรลุระดับจักรพรรดิเซียนเหมือนกัน หรือหมายถึงหานเจวี๋ยจะอยู่ได้นานกว่าเขา?

ทุกครั้งที่พบหานเจวี๋ย พุทธะอาภรณ์ขาวจะรู้สึกไม่สบายใจทุกครั้งไป

หานเจวี๋ยอันตรายมาก ไม่สามารถยุแหย่ได้ง่ายๆ!

…..

เมื่อกลับมาถึงเขาเพียรบำเพ็ญเซียน หานเจวี๋ยเรียกทุกคนมารวมกันแล้วเริ่มเทศนาธรรมแก่พวกเขา

นี่เป็นครั้งแรกที่ลี่เหยาได้ฟังหานเจวี๋ยเทศนาธรรม

สำหรับพลังมรรคของหานเจวี๋ย นางใคร่รู้มาโดยตลอด

ผู้อาวุโสแข็งแกร่งเพียงใดกันแน่

หลังจากตระหนักรู้มหามรรคาเวียนว่ายตายเกิด แก่นมรรคของหานเจวี๋ยก็ลึกซึ้งยิ่งขึ้น น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยท่วงทำนองแห่งมรรค ทำให้ทุกคนเข้าสู่สภาวะตระหนักในสัจธรรมได้อย่างรวดเร็ว

การเทศนาธรรมครั้งนี้กินเวลาครึ่งปี ทุกคนต่างรู้แจ้งไม่มากก็น้อย

ตำนานเล่าว่า เมื่อนานแสนนานมาแล้วบรรพชนของลัทธิเต๋าเคยแสดงธรรมเป็นเวลา 3,000 ปี ทำให้พลังมรรคของปัญญาชนราว 3,000 คนเพิ่มขึ้นพุ่งพรวด ดีกว่าการฝึกฝนหลายปีมาก

ยิ่งระดับตบะสูง การแสดงธรรมและถกมรรคก็ยิ่งมีความสำคัญมากขึ้น

เนื่องจากความเข้าใจในมรรคของตนมาถึงขีดจำกัดแล้ว เวลานี้จึงจำเป็นต้องผสมผสานกับการแสดงธรรมของผู้อื่นรวมถึงปรับปรุงเพิ่มเติมด้วย

เมื่อการแสดงธรรมสิ้นสุดลงแล้ว หานเจวี๋ยให้คนทั้งหลายถามคำถาม และตอบคำถามพวกเขาทีละคน

[ความประทับใจที่ลี่เหยามีต่อท่านเพิ่มขึ้น ระดับความประทับใจขณะนี้คือ 4.5 ดาว]

ลี่เหยาเกิดความเลื่อมใสศรัทธาในตัวหานเจวี๋ย

หานเจวี๋ยช่างตรงกับภาพลักษณ์ของผู้บรรลุเต๋าในใจนางยิ่งนัก

ทุกอย่างสมบูรณ์แบบ ไม่ปรารถนาสิ่งใด

หานเจวี๋ยมองไปที่พี่น้องน้ำเต้าทั้งแปดตน

นอกจากหานปาแล้ว ​​พี่น้องน้ำเต้าตนอื่นๆ มีนิสัยกระตือรือร้นมาก หานปานั้น​​​​ขี้อาย เวลาพูดคุยกับคนอื่นจะหน้าแดงง่าย

ผู้ที่สนิทกับหานปาที่สุดก็คือไก่คุกรัตติกาลที่ภายนอกมีนิสัยเปิดเผยมาแต่ไหนแต่ไร

แต่ความจริงแล้วไก่คุกรัตติกาลกลัวการเข้าสังคม ไม่กล้าออกไปข้างนอกเช่นกัน

‘เหตุใดถึงรู้สึกว่าศิษย์สำนักซ่อนเร้นของข้าล้วนมีข้อบกพร่องกันทั้งนั้น’

หานเจวี๋ยคิดเงียบๆ ก่อนจะลุกกลับไปที่ถ้ำเทวาเพื่อฝึกบำเพ็ญต่อ

…..

วังสวรรค์ พระราชวังเทียมเมฆา

จักรพรรดิสวรรค์มองไปที่มู่หรงฉี่ในท้องพระโรงพลางกล่าวว่า “เจ้าคิดดีแล้วใช่ไหม”

มู่หรงฉี่ตอบด้วยแววตามุ่งมั่น “ฝ่าบาท ข้าอาสาไปที่เขตหวงห้ามฮุ่นตุ้น เพื่อกวาดล้างความชั่วร้าย ช่วงชิงดวงชะตามาให้วังสวรรค์ และถือโอกาสฝึกฝนตัวเองไปในตัว”

นับตั้งแต่เขาได้รับการช่วยชีวิตจากหานเจวี๋ย ในใจของเขาก็มีไฟลุกโชน

เขาอยากแข็งแกร่งขึ้นในเร็ววัน จะให้มีครั้งต่อไปไม่ได้!

การปรากฏตัวของหานเจวี๋ยทำให้เขารู้สึกอับอายมาก เขาจะสร้างปัญหาให้กับอาจารย์ปู่อีกไม่ได้

นอกจากมู่หรงฉี่แล้ว ยังมียอดแม่ทัพเทพกับพยัคฆ์กระดูกปีศาจอยู่ด้วย

“เช่นนั้นก็ไปเถอะ!”

จักรพรรดิสวรรค์สะบัดแขนเสื้อ ลมแรงปะทะเข้ามาหามู่หรงฉี่และพยัคฆ์กระดูกปีศาจ รอยแยกมิติเส้นหนึ่งปรากฏขึ้นด้านหลังของทั้งคู่ จากนั้นก็ดูดพวกเขาเข้าไป

ยอดแม่ทัพเทพเอ่ยถาม “สถานการณ์ของผู้อาวุโสไท่ไป๋เป็นอย่างไรบ้างพ่ะย่ะค่ะ”

จักรพรรดิสวรรค์ตอบ “จิตวิญญาณไร้กังวล แต่เรื่องนี้ไม่อาจหยุดเพียงเท่านี้ได้ เจ้าจงนำทหารสวรรค์หนึ่งแสนนายไปที่ราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์ต้าฮวง แล้วเจรจาขอให้พวกเขาเลิกล่าสังหารซูฉีเสีย!”

“รับบัญชา!”

ยอดแม่ทัพเทพหมุนตัวจากไป

คิ้วของจักรพรรดิสวรรค์ขมวดมุ่น เขาถอนหายใจ “นิกายเจี๋ยช่างน่ารำคาญเสียจริง”

…..

ยี่สิบปีต่อมา

หานเจวี๋ยมีอายุถึง 2,349 ปีแล้ว เขายังคงทำความเข้าใจมหามรรคเวียนว่ายตายเกิด ระดับจักรพรรดิก็ยังไกลเกินเอื้อม

เขาลืมตาขึ้น ขมวดคิ้วแน่น

“แปลกจริงๆ เห็นได้ชัดว่าแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยมา แต่เหตุใดถึงยังไปไม่ถึงระดับจักรพรรดิ”

หานเจวี๋ยไม่ได้กลัดกลุ้มเรื่องการฝึกบำเพ็ญมานานมากแล้ว

หรือว่าเขาต้องกลับชาติเกิดใหม่เพื่อยกระดับดวงชะตา?

ไม่ได้ การกลับชาติเกิดใหม่อันตรายเกินไป

เขาเข้าสู่โลกโดยตรงเลยไม่ได้หรือ

หานเจวี๋ยครุ่นคิดอย่างเงียบๆ

เขารู้สึกว่าลองทำดูได้ ถึงแม้จะไม่ได้ผลก็แค่เสียเวลาหลายสิบปีเท่านั้น อย่างน้อยก็ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับชีวิตของตน

หานเจวี๋ยคิดไปพลาง หยิบหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมาเริ่มสาปแช่งศัตรูไปพลาง

เพียงชั่วพริบตา เวลาก็ผ่านไปอีกครึ่งปี

หานเจวี๋ยกำลังจะลุกออกไปดูแถวต้นฝูซัง ก็มีเสียงที่ทั้งคุ้นเคยและไม่คุ้นเคยดังขึ้นมา

“ซือหม่าอี้ ออกมาคุยกันสักหน่อย”

หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว

นี่เสียงของเจียงอี้ไม่ใช่หรือ

หานเจวี๋ยรีบตรวจดูบุคคลที่แข็งแกร่งที่สุดโดยรอบโลกเขย่าพิภพทันที

[เจียงอี้: ไม่ทราบตบะ บุตรแห่งสวรรค์เผ่าเทพอีกาทอง]

หานเจวี๋ยลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ยังไปพบเจียงอี้ที่ห้วงอวกาศ

เจียงอี้ยืนประชันหน้ากับจอมเทพอู่เต๋อ ไม่พบเจอกันมาหลายปี ชัดเจนว่าเขาจิตใจฮึกเหิมห้าวหาญขึ้นมาก

เมื่อจอมเทพอู่เต๋อเห็นหานเจวี๋ยปรากฏกายก็พยักหน้าให้ จากนั้นจึงซ่อนร่างหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย

เจียงอี้พินิจพิเคราะห์หานเจวี๋ย เดาะลิ้นด้วยความแปลกใจก่อนจะเอ่ย “กลิ่นอายมหามรรค ดูเหมือนว่าท่านเริ่มทะลวงระดับจักรพรรดิแล้วเช่นกัน เหตุใดจึงรู้สึกว่าพรสวรรค์ของท่านแข็งแกร่งกว่าข้า”

เขามองออกว่ากระดูกของหานเจวี๋ยยังเด็กมาก

หานเจวี๋ยส่ายหน้าบอก “จะเทียบกับท่านได้อย่างไรกัน ท่านคืออันดับหนึ่งในสวรรค์ทั้งปวง เยี่ยมยอดหาใครเทียบได้”

เจียงอี้ได้ยินเช่นนี้มุมปากก็ยกขึ้น รู้สึกสุขใจยิ่ง เขายิ้มกล่าวว่า “ครั้งนี้มาพบท่านเพราะมีเรื่องดีๆ!”

………………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะบทที่ 242 ระดับจักรพรรดิที่ไกลเกินเอื้อม

Now you are reading ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ Chapter บทที่ 242 ระดับจักรพรรดิที่ไกลเกินเอื้อม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 242 ระดับจักรพรรดิที่ไกลเกินเอื้อม

พุทธะอาภรณ์ขาวใกล้จะระเบิดอารมณ์เต็มที

บัดซบ!

คิดไม่ถึงว่าจะให้ข้ารอถึงครึ่งปี!

บรรพชนพุทธทั้งหลายยังไม่กล้าวางมาดกับเขาเช่นนี้เลย!

พุทธะอาภรณ์ขาวทำได้เพียงใช้คัมภีร์พุทธสงบจิตใจ

ในที่สุด หานเจวี๋ยก็ปรากฏตัวต่อหน้าเขาและถามว่า “เกิดอะไรขึ้น”

พุทธะอาภรณ์ขาวกำลังนั่งสมาธิอยู่ใต้ต้นไม้ เขาหรี่ตาถาม “สหายเต๋าซุนเฉวียนยุ่งเรื่องอะไรอยู่หรือ”

“ความลับสวรรค์ไม่อาจแพร่งพรายได้”

“…”

เมื่อมองไปยังหานเจวี๋ย พุทธะอาภรณ์ขาวจะโมโหอย่างไรก็ไม่กล้าระเบิดโทสะออกมา

หนึ่งคือไม่สามารถเอาชนะได้ สองคือเหนือศีรษะของหานเจวี๋ยมีจักรพรรดิสวรรค์อยู่

พุทธะอาภรณ์ขาวพูดอย่างช่วยไม่ได้ว่า “ระยะนี้โลกมนุษย์สงบสุข บุตรแห่งสวรรค์มากมายผงาดโดดเด่น แต่อัตราการขึ้นสู่สวรรค์ยังสูงเกินไป ข้าต้องการให้พวกเขาอยู่บนโลกมนุษย์ต่อ แต่ก็บีบบังคับไม่ได้อีก…”

หานเจวี๋ยถาม “เหตุใดถึงต้องอยู่ที่โลกมนุษย์ต่อ”

“ยิ่งมียอดผู้บำเพ็ญในโลกมนุษย์มากเท่าใด ดวงชะตาโลกมนุษย์ก็จะยิ่งแข็งแกร่ง จากนั้นเมื่อพลังวิญญาณฟ้าดินได้รับอานิสงส์ ทั้งโลกแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ดวงชะตาของเจ้ากับข้าก็จะแกร่งขึ้นไปอีก”

พุทธะอาภรณ์ขาวถือว่าตรงไปตรงมา ไม่ปิดบังความเห็นแก่ตัวของตน

หานเจวี๋ยกล่าวว่า “เช่นนี้ไม่ดีกระมัง”

นี่ไม่ใช่การทำลายทางหนีทีไล่ของวังสวรรค์หรอกหรือ

วังสวรรค์กำหนดให้โลกมนุษย์ส่งผู้มีพรสวรรค์ไปให้ไม่ขาดไม่ใช่หรือ

“จะไม่ดีได้อย่างไร โลกมนุษย์ที่ทรงพลังเหล่านั้นแทบจะเทียบกับสามโลกได้แล้ว นั่นก็เพราะพวกเขารั้งให้เหล่าบุตรแห่งสวรรค์อยู่ต่อ

เจ้าไม่ต้องกังวลเรื่องวังสวรรค์ ผู้ที่สำเร็จมรรคผลขึ้นสวรรค์ส่วนใหญ่ก็ไปเป็นทหารสวรรค์ แม้แต่การเข้าร่วมวังสวรรค์ยังเป็นเรื่องยากเลย วังสวรรค์เพียงปกครองโลกมนุษย์ หาใช่พึ่งพาโลกมนุษย์”

พุทธะอาภรณ์ขาวพูดมีนัยแฝงลึกซึ้ง ทำให้หานเจวี๋ยรู้สึกว่ามีเหตุผล

เขาเผลอใช้ความคิดสมัยใหม่ไปพิจารณาความสัมพันธ์ระหว่างวังสวรรค์และโลกมนุษย์โดยจิตใต้สำนึก

วังสวรรค์ต้องการโชคชะตา ทว่าไม่ได้พึ่งพาโชคชะตาของมนุษย์

มีได้ แต่ไม่ใช่ว่าจำเป็นต้องมี

หานเจวี๋ยกล่าวว่า “เช่นนั้นเจ้าก็ทำเถิด ข้ายังต้องฝึกบำเพ็ญอีก เรื่องพวกนี้มอบให้เจ้าจัดการไป ข้าแบ่งดวงชะตาของโลกเขย่าพิภพให้เจ้าร่วมใช้ได้ ขอเพียงเจ้าไม่เป็นศัตรูกับข้า ข้าก็ยินดีที่เจ้ามาปกป้องโลกเขย่าพิภพด้วยซ้ำ”

[ความประทับใจที่พุทธะอาภรณ์ขาวมีต่อท่านเพิ่มขึ้น ระดับความประทับใจขณะนี้คือ 3.5 ดาว]

เมื่อเห็นข้อความแจ้งเตือนบรรทัดนี้เบื้องหน้า หานเจวี๋ยพึงพอใจมาก

พุทธะอาภรณ์ขาวเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ดี ถึงอย่างไรเจ้าก็เป็นเทพบนโลกมนุษย์ ข้าต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าด้วย”

หานเจวี๋ยถาม “เมื่อใดจะได้พิสูจน์จักรพรรดิ”

พุทธะอาภรณ์ขาวอึ้งงัน ไม่คิดว่าจู่ๆ หานเจวี๋ยจะถามคำถามนี้ เขายิ้มฝาดพลางตอบ “ข้าจะรู้ได้อย่างไร ข้าเตรียมการมาหลายสิบล้านปีแล้วเพื่อการพิสูจน์จักรพรรดิ เฮ้อ!”

สิบล้านปีหรือ

นานขนาดนี้เชียว

หานเจวี๋ยตกใจ นี่ก็เกินเหตุไปหน่อย

ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าระดับจักรพรรดิเซียนอาจบรรลุยากกว่าที่ตัวเองคิดไว้

เจียงอี้ผู้นั้นน่ากลัวจริงๆ บอกจะเหยียบข้ามระดับก็เข้ามาเลย

“แล้วเจ้าเล่า” พุทธะอาภรณ์ขาวถาม

หานเจวี๋ยกล่าวว่า “เช่นกันๆ”

พูดจบเขาก็หายตัวไปจากที่เดิม

พุทธะอาภรณ์ขาวขมวดคิ้ว คำพูดของหานเจวี๋ยเต็มไปด้วยความนัย

อะไรคือเช่นกันๆ

หมายถึงพวกเขากำลังจะบรรลุระดับจักรพรรดิเซียนเหมือนกัน หรือหมายถึงหานเจวี๋ยจะอยู่ได้นานกว่าเขา?

ทุกครั้งที่พบหานเจวี๋ย พุทธะอาภรณ์ขาวจะรู้สึกไม่สบายใจทุกครั้งไป

หานเจวี๋ยอันตรายมาก ไม่สามารถยุแหย่ได้ง่ายๆ!

…..

เมื่อกลับมาถึงเขาเพียรบำเพ็ญเซียน หานเจวี๋ยเรียกทุกคนมารวมกันแล้วเริ่มเทศนาธรรมแก่พวกเขา

นี่เป็นครั้งแรกที่ลี่เหยาได้ฟังหานเจวี๋ยเทศนาธรรม

สำหรับพลังมรรคของหานเจวี๋ย นางใคร่รู้มาโดยตลอด

ผู้อาวุโสแข็งแกร่งเพียงใดกันแน่

หลังจากตระหนักรู้มหามรรคาเวียนว่ายตายเกิด แก่นมรรคของหานเจวี๋ยก็ลึกซึ้งยิ่งขึ้น น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยท่วงทำนองแห่งมรรค ทำให้ทุกคนเข้าสู่สภาวะตระหนักในสัจธรรมได้อย่างรวดเร็ว

การเทศนาธรรมครั้งนี้กินเวลาครึ่งปี ทุกคนต่างรู้แจ้งไม่มากก็น้อย

ตำนานเล่าว่า เมื่อนานแสนนานมาแล้วบรรพชนของลัทธิเต๋าเคยแสดงธรรมเป็นเวลา 3,000 ปี ทำให้พลังมรรคของปัญญาชนราว 3,000 คนเพิ่มขึ้นพุ่งพรวด ดีกว่าการฝึกฝนหลายปีมาก

ยิ่งระดับตบะสูง การแสดงธรรมและถกมรรคก็ยิ่งมีความสำคัญมากขึ้น

เนื่องจากความเข้าใจในมรรคของตนมาถึงขีดจำกัดแล้ว เวลานี้จึงจำเป็นต้องผสมผสานกับการแสดงธรรมของผู้อื่นรวมถึงปรับปรุงเพิ่มเติมด้วย

เมื่อการแสดงธรรมสิ้นสุดลงแล้ว หานเจวี๋ยให้คนทั้งหลายถามคำถาม และตอบคำถามพวกเขาทีละคน

[ความประทับใจที่ลี่เหยามีต่อท่านเพิ่มขึ้น ระดับความประทับใจขณะนี้คือ 4.5 ดาว]

ลี่เหยาเกิดความเลื่อมใสศรัทธาในตัวหานเจวี๋ย

หานเจวี๋ยช่างตรงกับภาพลักษณ์ของผู้บรรลุเต๋าในใจนางยิ่งนัก

ทุกอย่างสมบูรณ์แบบ ไม่ปรารถนาสิ่งใด

หานเจวี๋ยมองไปที่พี่น้องน้ำเต้าทั้งแปดตน

นอกจากหานปาแล้ว ​​พี่น้องน้ำเต้าตนอื่นๆ มีนิสัยกระตือรือร้นมาก หานปานั้น​​​​ขี้อาย เวลาพูดคุยกับคนอื่นจะหน้าแดงง่าย

ผู้ที่สนิทกับหานปาที่สุดก็คือไก่คุกรัตติกาลที่ภายนอกมีนิสัยเปิดเผยมาแต่ไหนแต่ไร

แต่ความจริงแล้วไก่คุกรัตติกาลกลัวการเข้าสังคม ไม่กล้าออกไปข้างนอกเช่นกัน

‘เหตุใดถึงรู้สึกว่าศิษย์สำนักซ่อนเร้นของข้าล้วนมีข้อบกพร่องกันทั้งนั้น’

หานเจวี๋ยคิดเงียบๆ ก่อนจะลุกกลับไปที่ถ้ำเทวาเพื่อฝึกบำเพ็ญต่อ

…..

วังสวรรค์ พระราชวังเทียมเมฆา

จักรพรรดิสวรรค์มองไปที่มู่หรงฉี่ในท้องพระโรงพลางกล่าวว่า “เจ้าคิดดีแล้วใช่ไหม”

มู่หรงฉี่ตอบด้วยแววตามุ่งมั่น “ฝ่าบาท ข้าอาสาไปที่เขตหวงห้ามฮุ่นตุ้น เพื่อกวาดล้างความชั่วร้าย ช่วงชิงดวงชะตามาให้วังสวรรค์ และถือโอกาสฝึกฝนตัวเองไปในตัว”

นับตั้งแต่เขาได้รับการช่วยชีวิตจากหานเจวี๋ย ในใจของเขาก็มีไฟลุกโชน

เขาอยากแข็งแกร่งขึ้นในเร็ววัน จะให้มีครั้งต่อไปไม่ได้!

การปรากฏตัวของหานเจวี๋ยทำให้เขารู้สึกอับอายมาก เขาจะสร้างปัญหาให้กับอาจารย์ปู่อีกไม่ได้

นอกจากมู่หรงฉี่แล้ว ยังมียอดแม่ทัพเทพกับพยัคฆ์กระดูกปีศาจอยู่ด้วย

“เช่นนั้นก็ไปเถอะ!”

จักรพรรดิสวรรค์สะบัดแขนเสื้อ ลมแรงปะทะเข้ามาหามู่หรงฉี่และพยัคฆ์กระดูกปีศาจ รอยแยกมิติเส้นหนึ่งปรากฏขึ้นด้านหลังของทั้งคู่ จากนั้นก็ดูดพวกเขาเข้าไป

ยอดแม่ทัพเทพเอ่ยถาม “สถานการณ์ของผู้อาวุโสไท่ไป๋เป็นอย่างไรบ้างพ่ะย่ะค่ะ”

จักรพรรดิสวรรค์ตอบ “จิตวิญญาณไร้กังวล แต่เรื่องนี้ไม่อาจหยุดเพียงเท่านี้ได้ เจ้าจงนำทหารสวรรค์หนึ่งแสนนายไปที่ราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์ต้าฮวง แล้วเจรจาขอให้พวกเขาเลิกล่าสังหารซูฉีเสีย!”

“รับบัญชา!”

ยอดแม่ทัพเทพหมุนตัวจากไป

คิ้วของจักรพรรดิสวรรค์ขมวดมุ่น เขาถอนหายใจ “นิกายเจี๋ยช่างน่ารำคาญเสียจริง”

…..

ยี่สิบปีต่อมา

หานเจวี๋ยมีอายุถึง 2,349 ปีแล้ว เขายังคงทำความเข้าใจมหามรรคเวียนว่ายตายเกิด ระดับจักรพรรดิก็ยังไกลเกินเอื้อม

เขาลืมตาขึ้น ขมวดคิ้วแน่น

“แปลกจริงๆ เห็นได้ชัดว่าแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยมา แต่เหตุใดถึงยังไปไม่ถึงระดับจักรพรรดิ”

หานเจวี๋ยไม่ได้กลัดกลุ้มเรื่องการฝึกบำเพ็ญมานานมากแล้ว

หรือว่าเขาต้องกลับชาติเกิดใหม่เพื่อยกระดับดวงชะตา?

ไม่ได้ การกลับชาติเกิดใหม่อันตรายเกินไป

เขาเข้าสู่โลกโดยตรงเลยไม่ได้หรือ

หานเจวี๋ยครุ่นคิดอย่างเงียบๆ

เขารู้สึกว่าลองทำดูได้ ถึงแม้จะไม่ได้ผลก็แค่เสียเวลาหลายสิบปีเท่านั้น อย่างน้อยก็ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับชีวิตของตน

หานเจวี๋ยคิดไปพลาง หยิบหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมาเริ่มสาปแช่งศัตรูไปพลาง

เพียงชั่วพริบตา เวลาก็ผ่านไปอีกครึ่งปี

หานเจวี๋ยกำลังจะลุกออกไปดูแถวต้นฝูซัง ก็มีเสียงที่ทั้งคุ้นเคยและไม่คุ้นเคยดังขึ้นมา

“ซือหม่าอี้ ออกมาคุยกันสักหน่อย”

หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว

นี่เสียงของเจียงอี้ไม่ใช่หรือ

หานเจวี๋ยรีบตรวจดูบุคคลที่แข็งแกร่งที่สุดโดยรอบโลกเขย่าพิภพทันที

[เจียงอี้: ไม่ทราบตบะ บุตรแห่งสวรรค์เผ่าเทพอีกาทอง]

หานเจวี๋ยลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ยังไปพบเจียงอี้ที่ห้วงอวกาศ

เจียงอี้ยืนประชันหน้ากับจอมเทพอู่เต๋อ ไม่พบเจอกันมาหลายปี ชัดเจนว่าเขาจิตใจฮึกเหิมห้าวหาญขึ้นมาก

เมื่อจอมเทพอู่เต๋อเห็นหานเจวี๋ยปรากฏกายก็พยักหน้าให้ จากนั้นจึงซ่อนร่างหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย

เจียงอี้พินิจพิเคราะห์หานเจวี๋ย เดาะลิ้นด้วยความแปลกใจก่อนจะเอ่ย “กลิ่นอายมหามรรค ดูเหมือนว่าท่านเริ่มทะลวงระดับจักรพรรดิแล้วเช่นกัน เหตุใดจึงรู้สึกว่าพรสวรรค์ของท่านแข็งแกร่งกว่าข้า”

เขามองออกว่ากระดูกของหานเจวี๋ยยังเด็กมาก

หานเจวี๋ยส่ายหน้าบอก “จะเทียบกับท่านได้อย่างไรกัน ท่านคืออันดับหนึ่งในสวรรค์ทั้งปวง เยี่ยมยอดหาใครเทียบได้”

เจียงอี้ได้ยินเช่นนี้มุมปากก็ยกขึ้น รู้สึกสุขใจยิ่ง เขายิ้มกล่าวว่า “ครั้งนี้มาพบท่านเพราะมีเรื่องดีๆ!”

………………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+