ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ 18 ลูกศิษย์สืบทอด ได้รับตราประทับเก้ามังกรขจัดมาร

Now you are reading ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ Chapter 18 ลูกศิษย์สืบทอด ได้รับตราประทับเก้ามังกรขจัดมาร at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 18 ลูกศิษย์สืบทอด ได้รับตราประทับเก้ามังกรขจัดมาร
สิงหงเสวียน?

หานเจวี๋ยหนังตากระตุก

มารหญิงผู้นี้รู้จักกับหลิ่วซานซินได้อย่างไร

หรือว่าสิงหงเสวียนแฝงตัวเข้ามาในแดนหมื่นปีศาจพร้อมกับลัทธิมารฟ้ามืดแล้ว?

นับๆ ดูก็ผ่านไปแล้วหลายปี ไม่รู้ว่าสถานการณ์ในแดนหมื่นปีศาจเป็นอย่างไรบ้าง

หานเจวี๋ยรีบใช้วิชาถ่ายทอดเสียงตอบกลับไป ‘ไม่รู้จัก เหตุใดศิษย์พี่ถึงถามข้า’

วิชาถ่ายทอดเสียงนั้นง่ายมาก ผู้บำเพ็ญระดับสร้างฐานเพียงแค่เข้าใจวิธีการเล็กน้อย ไม่นานก็ใช้เป็นแล้ว

‘หลายปีมานี้ ศิษย์พี่ติดตามเจ้าสำนักไปดักซุ่มอยู่ที่แดนหมื่นปีศาจ พบเจอลัทธิมารฟ้ามืดที่กำลังปล้นสะดมมังกรขาวใจพยัคฆ์ พวกเราเปิดศึกใหญ่ไปครั้งหนึ่ง เจ้าสำนักเข้าร่วมศึกใหญ่ในครั้งนี้ด้วย จึงไม่มีศิษย์ผู้ใดได้รับบาดเจ็บ และจัดการได้อย่างง่ายดาย ต่อมาเจ้าสำนักบอกพวกเราว่า เหตุที่สามารถจัดการได้ง่ายดายเช่นนี้ เป็นเพราะได้รับรายงานข่าวจากศิษย์ทรยศของลัทธิมารฟ้ามืด ท่านจึงแสร้งไปจากสำนักหยกพิสุทธิ์ แต่ความจริงแอบซุ่มอยู่ในแดนหมื่นปีศาจ

ศิษย์ทรยศของลัทธิมารฟ้ามืดก็คือสิงหงเสวียน ตอนเด็กนางถูกลัทธิมารฟ้ามืดป้อนยาพิษบางอย่าง บีบบังคับให้นางมาเป็นไส้ศึกในสำนักหยกพิสุทธิ์ ทว่านางเก็บงำความแค้นมาโดยตลอด ก่อนนี้ยังคิดขโมยตำราโอสถจากนักหลอมโอสถที่สำนักฝ่ายนอกเพื่อหาทางแก้พิษ น่าเสียดายที่นางคิดตื้นเกินไป นักหลอมโอสถของสำนักฝ่ายนอกจะถอนพิษของลัทธิมารได้อย่างไร?

ต่อมา นางตัดสินใจไปจากลัทธิมารฟ้ามืด ผลคือถูกลัทธิมารฟ้ามืดตามล่า เจ้าสำนักกำลังสะกดรอยตรวจสอบไส้ศึกของลัทธิมารฟ้ามืดพอดี จึงยื่นมือช่วยนางไว้ นางไม่เคยทำอันตรายใดๆ ให้สำนักหยกพิสุทธิ์ และมีส่วนช่วยในการล้อมปราบหนอนบ่อนไส้ของลัทธิมารฟ้ามืดในครั้งนี้ เจ้าสำนักจึงอนุญาตให้เข้าสำนักฝ่ายใน กลายเป็นศิษย์สายในเป็นกรณีพิเศษ’

ขณะที่หลิ่วซานซินถ่ายทอดเสียงมา หานเจวี๋ยฟังจนเกือบอ้าปากค้าง ดีที่เขาพยายามระงับสีหน้าเอาไว้สุดกำลัง

‘ตอนนี้สิงหงเสวียนฝึกบำเพ็ญอยู่กับพวกเราที่ยอดเขาหลัก อาจารย์ก็คือนักพรตเต๋าจิ้งซวี นักพรตเต๋าจิ้งซวีเป็นศิษย์น้องหญิงของท่านเจ้าสำนัก ดูแลยอดเขาหลัก บัญชาศิษย์แกนหลักด้วยตนเอง ตอนที่พวกเราพบสิงหงเสวียน ได้ยินนางถามถึงศิษย์ผู้หนึ่งที่ชื่อหานเจวี๋ย และยังพูดถึงการคบค้าสมาคมของพวกเขาด้วย ที่ควรค่าให้เอ่ยถึงก็คือ นางเคยพูดว่านักหลอมโอสถของสำนักฝ่ายนอกมาฝากตัวเป็นศิษย์ยอดเขาหยกวิเวกแล้ว บังเอิญว่านักหลอมโอสถผู้นี้มีข้ารับใช้ชื่อหานเจวี๋ยด้วย ยอดเขาหยกวิเวกก็มีศิษย์ผู้หนึ่งชื่อหานเจวี๋ยเช่นกัน

ศิษย์น้องหานเจวี๋ย เจ้าว่าบังเอิญไปหรือไม่’

หลิ่วซานซินมองหานเจวี๋ยอย่างหลอกล้อ

หานเจวี๋ยกระอักกระอ่วน ไม่รู้ว่าควรตอบกลับอย่างไรดี

แม่นางผู้นี้ดันรับสารภาพหมดเลย!

แต่ก็ไม่เป็นไร

ตอนนี้เขาเป็นศิษย์สายในระดับสร้างฐานขั้นเก้าแล้ว แม้ว่าอดีตเหล่านั้นสุดจะรับได้ แต่ก็ส่งผลกระทบไม่มาก

ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่มีทางเลี่ยง หานเจวี๋ยทำได้แค่ถ่ายทอดเสียงกลับไป ‘เอาเถอะ ข้าก็คือหานเจวี๋ยที่นางรู้จักนั่นละ ตอนนั้นข้าไม่มีทางเลือกขอรับ’

‘ฮ่าๆ! ศิษย์พี่เข้าใจ เพียงแค่ไม่นึกว่าคุณสมบัติของเจ้าจะเลิศล้ำเช่นนี้’

หลิ่วซานซินพูดเย้าหยอก ทำให้หานเจวี๋ยโล่งใจไปเปราะหนึ่ง

หานเจวี๋ยเหลือบมองผู้เฒ่าเถี่ยอย่างอดไม่ได้

ทั้งสองใช้วิชาถ่ายทอดเสียงคุยกัน ไม่มีใครได้ยินบทสนทนาของพวกเขา

ผู้เฒ่าเถี่ยก้มหน้าอยู่ จึงมองไม่เห็นสีหน้าของเขา

หายเจวี๋ยเปิดหน้าจอแสดงคุณสมบัติ ตรวจสอบดูค่าความสัมพันธ์

[สิงหงเสวียน: ระดับหลอมปราณขั้นเก้า สามารถผูกสัมพันธ์เป็นคู่บำเพ็ญเพียรได้ ระดับความประทับใจในขณะนี้คือ 4.5 ดาว]

แม่นางผู้นี้ใกล้จะบรรลุระดับสร้างฐานแล้ว

ความประทับใจ 4.5 ดาว ถือว่าเป็นผู้ที่มีความประทับใจต่อหานเจวี๋ยมากที่สุด

‘เห็นแก่ที่เจ้าชอบข้าขนาดนี้ ข้าขอให้เจ้าพบเจออุปสรรคน้อยลงในภายหน้าแล้วกัน’

หานเจวี๋ยคิดอย่างเงียบๆ

บอกตามตรง เขาคิดไม่ออกว่าทำไมสิงหงเสวียนชอบตนเองถึงเพียงนี้

เพียงเพราะว่าเขารูปงามหรือ

หรือว่าเพราะเป็นเอกไร้เทียมทาน?

เอาเถอะ บางทีรูปลักษณ์ก็เป็นได้ทุกสิ่ง

นอกจากนี้ เหตุใดสิงหงเสวียนถึงรู้ข่าวของลัทธิมารฟ้ามืดมากขนาดนั้น หรือว่านางจะมีสถานะพิเศษที่ไม่มีใครรู้?

ขณะนั้นเอง

ประตูใหญ่ของตำหนักหยกวิเวกก็เปิดออก ศิษย์ทั้งหลายลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปด้านใน

หลังจากนั่งลงแล้ว พวกเขาต่างมองไปที่เซียนซีเสวียน

เซียนซีเสวียนเอ่ยปากกล่าว “การทดสอบของสำนักฝ่ายในใกล้จะเริ่มขึ้นแล้ว แต่ละยอดเขาต้องส่งศิษย์เข้าร่วมอย่างน้อยสิบคน มีใครสนใจเข้าร่วมหรือไม่”

ทันใดนั้นมีศิษย์ยกมือขึ้นหกคน หนึ่งในนั้นรวมถึงฉางเยวี่ยเอ๋อร์ด้วย

หานเจวี๋ยรู้สึกแปลกใจ เซียนซีเสวียนไม่ได้เอ่ยถึงถ้ำเทวาฟ้าประทานเลย

หากเอ่ยถึงละก็ คาดว่าคงมีแต่คนแย่งกันเข้าร่วม

หรือว่าเซียนซีเสวียนจะใช้เส้นสายช่วยเขา?

ขณะที่คิดอยู่นั้น หานเจวี๋ยยกมือขึ้นอย่างเงียบๆ

ครั้นเห็นเขายกมือ เหล่าศิษย์ต่างประหลาดใจ

“โอ้ ไม่นึกว่าศิษย์น้องหานเจวี๋ยจะเข้าร่วมด้วย!”

“ฮ่าๆๆ ข้าคิดว่าศิษย์น้องหานจะยังอยากปิดด่านฝึกฝนต่อเสียอีก”

“ควรจะเป็นเช่นนี้แล้ว ปิดด่านฝึกฝนตลอดจะส่งผลกระทบต่อมรรคจิตได้”

“ถ้าอย่างนั้นข้าก็จะเข้าร่วมด้วย!”

ศิษย์หลายคนยกมือขึ้นตาม ทำให้ผู้ที่เข้าร่วมในครั้งนี้มีมากกว่าสิบคน

หานเจวี๋ยยิ้มเล็กน้อย

เขาไม่คิดว่าตัวเองจะมีอิทธิพลมากขนาดนี้

แม้เขาจะไม่ได้เสวนากับศิษย์คนอื่นๆ สักเท่าไร แต่เพราะมักจะฝึกฝนตามสระวิญญาณต่างๆ อยู่เสมอ ทำให้หลายคนต่างรู้ว่ายอดเขาหยกวิเวกมีศิษย์หนุ่มรูปงามหาที่เปรียบมิได้อยู่คนหนึ่ง เมื่อเรื่องนี้ถึงหูศิษย์ยอดเขาหยกวิเวก พวกเขาก็เดาได้ว่าคือหานเจวี๋ย

ผ่านไปนานเข้า แม้หานเจวี๋ยจะไม่ทำตัวเป็นจุดสนใจ แต่สำนักฝ่ายในก็มีเรื่องเล่าลือของเขาแล้ว

ขึ้นชื่อเรื่องรูปงาม!

ผู้เฒ่าเถี่ยเห็นว่าหานเจวี๋ยได้รับความนิยมเช่นนี้ แววตาก็ซับซ้อนขึ้นกว่าเดิม

ในยอดเขาหยกวิเวกเขาเป็นเสมือนอากาศธาตุ ไม่มีตัวตนอยู่

หลังจากจัดการเรื่องนี้เสร็จสิ้น เซียนซีเสวียนก็ให้บรรดาศิษย์ออกไป เหลือหานเจวี๋ยไว้เพียงคนเดียว

ศิษย์คนอื่นต่างมองเขาด้วยความอิจฉา

เห็นได้ชัดว่าอาจารย์ให้ความสำคัญกับหานเจวี๋ยมาก นี่คือได้รับการปฏิบัติเป็นพิเศษ!

ประตูใหญ่ปิดลง

หานเจวี๋ยเงยหน้ามองไปทางเซียนซีเสวียน

จำต้องพูดเลยว่าท่านอาจารย์งดงามมากจริงๆ

หานเจวี๋ยอยู่สำนักฝ่ายในมาหลายสิบปีแล้ว ยังไม่เคยเห็นผู้บำเพ็ญหญิงที่งดงามกว่าเซียนซีเสวียนเลย

เพียงแต่เซียนซีเสวียนมีลักษณะที่ทรงอำนาจมาก ทำให้ไม่มีใครกล้ามีใจดูหมิ่น

หานเจวี๋ยก็เพียงถอดทอนใจอยู่ครู่หนึ่ง ไม่ได้มีความคิดชั่วร้ายใดๆ

ศิษย์ทั้งหลายรูปงามไม่เท่าอาจารย์ ระดับรูปลักษณ์ของสำนักหยกพิสุทธิ์ไม่อาจถ่ายทอดให้กันได้!

“ตบะของเจ้าก้าวหน้าอีกแล้ว อาจารย์ประเมินเจ้าต่ำไป เจ้าฝึกฝนพลังวิญญาณสามสาย ความเร็วในการทะลวงระดับของเจ้ายังโดดเด่นมากอีก กระทั่งพูดได้ว่าในสำนักหยกพิสุทธิ์ไม่มีผู้ใดเทียบเจ้าได้” เซียนซีเสวียนหรี่ตาพูด ราวกับจะมองหานเจวี๋ยให้ทะลุปรุโปร่ง

นางตกใจมากจริงๆ

เวลาสั้นๆ แค่แปดปี รากวิญญาณอีกสองสายที่เหลือของหานเจวี๋ยล้วนฝึกฝนถึงระดับสร้างฐานขั้นแปดแล้ว นี่คือพรสวรรค์ระดับใดกัน

ที่สำคัญที่สุดก็คือ นางไม่เคยชี้แนะหานเจวี๋ยเลย

นางอยากรู้นักว่าหานเจวี๋ยเรียนรู้จากผู้ใด

“ทั้งหมดอาจารย์ล้วนมองออก อาจารย์ต่างหากถึงเก่งกาจอย่างแท้จริงขอรับ”

หานเจวี๋ยตอบกลับ พูดประจบประแจงอย่างชัดเจน แต่ได้ผลลัพธ์ไม่เท่าไร

เซียนซีเสวียนกล่าวว่า “วิชายุทธ์และวิชากระบี่ของเจ้าล้วนไม่เลวเลย แต่ไม่ใช่สุดยอดวิชาของสำนักหยกพิสุทธิ์ คิดว่าก่อนหน้านั้นเจ้าคงมีอาจารย์มาก่อน อาจารย์เคยสังเกตดูเจ้า ตั้งแต่เข้าสำนักมาเจ้าก็ขยันฝึกฝนอยู่ตลอด ไม่มีใจคิดร้ายกับสำนัก ทั้งยังมีคนเป็นพยานว่าเจ้าเกิดที่สำนักฝ่ายนอก แสดงว่าเจ้าเพียงแค่ได้รับโอกาสวาสนามาตั้งแต่เยาว์วัย ทุกคนต่างก็มีวาสนากันคนละแบบ อาจารย์จะไม่สืบสาวราวเรื่องกับเจ้า

การทดสอบของสำนักฝ่ายในครั้งนี้ เจ้าสามารถแสดงพลังของเจ้าได้อย่างสบายใจ ไม่ต้องกลัวว่าจะสร้างปัญหาตามมา ในสำนักหยกพิสุทธิ์แห่งนี้ อาจารย์ก็พอมีหน้ามีตาอยู่บ้าง”

หานเจวี๋ยรีบคารวะขอบคุณ

ก่อนหน้านี้เขาก็กังวลอยู่เล็กน้อยจริงๆ

แต่ตอนนี้ไม่กลัวแล้ว

สามารถใช้วิชาสามกระบี่แยกเงาจัดการได้โดยตรง!

ด้วยความสัมพันธ์ระหว่างเซียนซีเสวียนกับเจ้าสำนัก คาดว่าเจ้าสำนักก็คงคาดเดาเช่นนี้ คำพูดเหล่านี้คงเป็นเจตนาของเจ้าสำนักหลี่ชิงจื่อเช่นกัน

ศักยภาพของหานเจวี๋ยยิ่งแข็งแกร่ง สำนักหยกพิสุทธิ์ย่อมยิ่งดีใจตามไปด้วย

“เพื่อป้องกันปัญหายุ่งยากที่ไม่อยากให้เกิดขึ้น ตั้งแต่วันนี้ไป เจ้าคือศิษย์สืบทอดของอาจารย์ อาจารย์จะไปรายงานกับทางสำนักเอง” เซียนซีเสวียนเอ่ยปากอีกครั้ง

ลูกศิษย์สืบทอด!

หานเจวี๋ยเงยหน้าขึ้นมอง สีหน้าเหนือความคาดหมาย

แม้ว่าเซียนซีเสวียนจะมีศิษย์ในความดูแลหลายสิบคน แต่ส่วนมากล้วนรับมาเพื่อสำนัก ศิษย์สืบทอดจริงๆ มีไม่มาก สามารถนิ้วนับได้เลย

[สถานะของท่านในสำนักหยกพิสุทธิ์ยกระดับขึ้น กลายเป็นศิษย์สืบทอดของผู้อาวุโสถ่ายทอดวิชา ได้รับเคล็ดวิชาเวทวิชาหนึ่ง]

[ยินดีด้วย ท่านได้รับตราประทับเก้ามังกรขจัดมาร]

อักขระสองแถวลอยขึ้นมาตรงหน้าหานเจวี๋ย

เขาตื่นเต้นดีใจไม่หยุด รีบคารวะขอบคุณเซียนซีเสวียน

เซียนซีเสวียนนำป้ายคำสั่งออกมาแผ่นหนึ่งและมอบให้หานเจวี๋ย จากนั้นพูดว่า “ออกไปเถอะ!”

หานเจวี๋ยรับมาดู นี่คือป้ายหยกที่ด้านบนมีอักขระสองตัวสลักอยู่ว่า ‘ซีเสวียน’

หลังจากเก็บป้ายหยกเรียบร้อย เขาก็คารวะขอตัวจากไป

……………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ 18 ลูกศิษย์สืบทอด ได้รับตราประทับเก้ามังกรขจัดมาร

Now you are reading ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ Chapter 18 ลูกศิษย์สืบทอด ได้รับตราประทับเก้ามังกรขจัดมาร at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 18 ลูกศิษย์สืบทอด ได้รับตราประทับเก้ามังกรขจัดมาร
สิงหงเสวียน?

หานเจวี๋ยหนังตากระตุก

มารหญิงผู้นี้รู้จักกับหลิ่วซานซินได้อย่างไร

หรือว่าสิงหงเสวียนแฝงตัวเข้ามาในแดนหมื่นปีศาจพร้อมกับลัทธิมารฟ้ามืดแล้ว?

นับๆ ดูก็ผ่านไปแล้วหลายปี ไม่รู้ว่าสถานการณ์ในแดนหมื่นปีศาจเป็นอย่างไรบ้าง

หานเจวี๋ยรีบใช้วิชาถ่ายทอดเสียงตอบกลับไป ‘ไม่รู้จัก เหตุใดศิษย์พี่ถึงถามข้า’

วิชาถ่ายทอดเสียงนั้นง่ายมาก ผู้บำเพ็ญระดับสร้างฐานเพียงแค่เข้าใจวิธีการเล็กน้อย ไม่นานก็ใช้เป็นแล้ว

‘หลายปีมานี้ ศิษย์พี่ติดตามเจ้าสำนักไปดักซุ่มอยู่ที่แดนหมื่นปีศาจ พบเจอลัทธิมารฟ้ามืดที่กำลังปล้นสะดมมังกรขาวใจพยัคฆ์ พวกเราเปิดศึกใหญ่ไปครั้งหนึ่ง เจ้าสำนักเข้าร่วมศึกใหญ่ในครั้งนี้ด้วย จึงไม่มีศิษย์ผู้ใดได้รับบาดเจ็บ และจัดการได้อย่างง่ายดาย ต่อมาเจ้าสำนักบอกพวกเราว่า เหตุที่สามารถจัดการได้ง่ายดายเช่นนี้ เป็นเพราะได้รับรายงานข่าวจากศิษย์ทรยศของลัทธิมารฟ้ามืด ท่านจึงแสร้งไปจากสำนักหยกพิสุทธิ์ แต่ความจริงแอบซุ่มอยู่ในแดนหมื่นปีศาจ

ศิษย์ทรยศของลัทธิมารฟ้ามืดก็คือสิงหงเสวียน ตอนเด็กนางถูกลัทธิมารฟ้ามืดป้อนยาพิษบางอย่าง บีบบังคับให้นางมาเป็นไส้ศึกในสำนักหยกพิสุทธิ์ ทว่านางเก็บงำความแค้นมาโดยตลอด ก่อนนี้ยังคิดขโมยตำราโอสถจากนักหลอมโอสถที่สำนักฝ่ายนอกเพื่อหาทางแก้พิษ น่าเสียดายที่นางคิดตื้นเกินไป นักหลอมโอสถของสำนักฝ่ายนอกจะถอนพิษของลัทธิมารได้อย่างไร?

ต่อมา นางตัดสินใจไปจากลัทธิมารฟ้ามืด ผลคือถูกลัทธิมารฟ้ามืดตามล่า เจ้าสำนักกำลังสะกดรอยตรวจสอบไส้ศึกของลัทธิมารฟ้ามืดพอดี จึงยื่นมือช่วยนางไว้ นางไม่เคยทำอันตรายใดๆ ให้สำนักหยกพิสุทธิ์ และมีส่วนช่วยในการล้อมปราบหนอนบ่อนไส้ของลัทธิมารฟ้ามืดในครั้งนี้ เจ้าสำนักจึงอนุญาตให้เข้าสำนักฝ่ายใน กลายเป็นศิษย์สายในเป็นกรณีพิเศษ’

ขณะที่หลิ่วซานซินถ่ายทอดเสียงมา หานเจวี๋ยฟังจนเกือบอ้าปากค้าง ดีที่เขาพยายามระงับสีหน้าเอาไว้สุดกำลัง

‘ตอนนี้สิงหงเสวียนฝึกบำเพ็ญอยู่กับพวกเราที่ยอดเขาหลัก อาจารย์ก็คือนักพรตเต๋าจิ้งซวี นักพรตเต๋าจิ้งซวีเป็นศิษย์น้องหญิงของท่านเจ้าสำนัก ดูแลยอดเขาหลัก บัญชาศิษย์แกนหลักด้วยตนเอง ตอนที่พวกเราพบสิงหงเสวียน ได้ยินนางถามถึงศิษย์ผู้หนึ่งที่ชื่อหานเจวี๋ย และยังพูดถึงการคบค้าสมาคมของพวกเขาด้วย ที่ควรค่าให้เอ่ยถึงก็คือ นางเคยพูดว่านักหลอมโอสถของสำนักฝ่ายนอกมาฝากตัวเป็นศิษย์ยอดเขาหยกวิเวกแล้ว บังเอิญว่านักหลอมโอสถผู้นี้มีข้ารับใช้ชื่อหานเจวี๋ยด้วย ยอดเขาหยกวิเวกก็มีศิษย์ผู้หนึ่งชื่อหานเจวี๋ยเช่นกัน

ศิษย์น้องหานเจวี๋ย เจ้าว่าบังเอิญไปหรือไม่’

หลิ่วซานซินมองหานเจวี๋ยอย่างหลอกล้อ

หานเจวี๋ยกระอักกระอ่วน ไม่รู้ว่าควรตอบกลับอย่างไรดี

แม่นางผู้นี้ดันรับสารภาพหมดเลย!

แต่ก็ไม่เป็นไร

ตอนนี้เขาเป็นศิษย์สายในระดับสร้างฐานขั้นเก้าแล้ว แม้ว่าอดีตเหล่านั้นสุดจะรับได้ แต่ก็ส่งผลกระทบไม่มาก

ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่มีทางเลี่ยง หานเจวี๋ยทำได้แค่ถ่ายทอดเสียงกลับไป ‘เอาเถอะ ข้าก็คือหานเจวี๋ยที่นางรู้จักนั่นละ ตอนนั้นข้าไม่มีทางเลือกขอรับ’

‘ฮ่าๆ! ศิษย์พี่เข้าใจ เพียงแค่ไม่นึกว่าคุณสมบัติของเจ้าจะเลิศล้ำเช่นนี้’

หลิ่วซานซินพูดเย้าหยอก ทำให้หานเจวี๋ยโล่งใจไปเปราะหนึ่ง

หานเจวี๋ยเหลือบมองผู้เฒ่าเถี่ยอย่างอดไม่ได้

ทั้งสองใช้วิชาถ่ายทอดเสียงคุยกัน ไม่มีใครได้ยินบทสนทนาของพวกเขา

ผู้เฒ่าเถี่ยก้มหน้าอยู่ จึงมองไม่เห็นสีหน้าของเขา

หายเจวี๋ยเปิดหน้าจอแสดงคุณสมบัติ ตรวจสอบดูค่าความสัมพันธ์

[สิงหงเสวียน: ระดับหลอมปราณขั้นเก้า สามารถผูกสัมพันธ์เป็นคู่บำเพ็ญเพียรได้ ระดับความประทับใจในขณะนี้คือ 4.5 ดาว]

แม่นางผู้นี้ใกล้จะบรรลุระดับสร้างฐานแล้ว

ความประทับใจ 4.5 ดาว ถือว่าเป็นผู้ที่มีความประทับใจต่อหานเจวี๋ยมากที่สุด

‘เห็นแก่ที่เจ้าชอบข้าขนาดนี้ ข้าขอให้เจ้าพบเจออุปสรรคน้อยลงในภายหน้าแล้วกัน’

หานเจวี๋ยคิดอย่างเงียบๆ

บอกตามตรง เขาคิดไม่ออกว่าทำไมสิงหงเสวียนชอบตนเองถึงเพียงนี้

เพียงเพราะว่าเขารูปงามหรือ

หรือว่าเพราะเป็นเอกไร้เทียมทาน?

เอาเถอะ บางทีรูปลักษณ์ก็เป็นได้ทุกสิ่ง

นอกจากนี้ เหตุใดสิงหงเสวียนถึงรู้ข่าวของลัทธิมารฟ้ามืดมากขนาดนั้น หรือว่านางจะมีสถานะพิเศษที่ไม่มีใครรู้?

ขณะนั้นเอง

ประตูใหญ่ของตำหนักหยกวิเวกก็เปิดออก ศิษย์ทั้งหลายลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปด้านใน

หลังจากนั่งลงแล้ว พวกเขาต่างมองไปที่เซียนซีเสวียน

เซียนซีเสวียนเอ่ยปากกล่าว “การทดสอบของสำนักฝ่ายในใกล้จะเริ่มขึ้นแล้ว แต่ละยอดเขาต้องส่งศิษย์เข้าร่วมอย่างน้อยสิบคน มีใครสนใจเข้าร่วมหรือไม่”

ทันใดนั้นมีศิษย์ยกมือขึ้นหกคน หนึ่งในนั้นรวมถึงฉางเยวี่ยเอ๋อร์ด้วย

หานเจวี๋ยรู้สึกแปลกใจ เซียนซีเสวียนไม่ได้เอ่ยถึงถ้ำเทวาฟ้าประทานเลย

หากเอ่ยถึงละก็ คาดว่าคงมีแต่คนแย่งกันเข้าร่วม

หรือว่าเซียนซีเสวียนจะใช้เส้นสายช่วยเขา?

ขณะที่คิดอยู่นั้น หานเจวี๋ยยกมือขึ้นอย่างเงียบๆ

ครั้นเห็นเขายกมือ เหล่าศิษย์ต่างประหลาดใจ

“โอ้ ไม่นึกว่าศิษย์น้องหานเจวี๋ยจะเข้าร่วมด้วย!”

“ฮ่าๆๆ ข้าคิดว่าศิษย์น้องหานจะยังอยากปิดด่านฝึกฝนต่อเสียอีก”

“ควรจะเป็นเช่นนี้แล้ว ปิดด่านฝึกฝนตลอดจะส่งผลกระทบต่อมรรคจิตได้”

“ถ้าอย่างนั้นข้าก็จะเข้าร่วมด้วย!”

ศิษย์หลายคนยกมือขึ้นตาม ทำให้ผู้ที่เข้าร่วมในครั้งนี้มีมากกว่าสิบคน

หานเจวี๋ยยิ้มเล็กน้อย

เขาไม่คิดว่าตัวเองจะมีอิทธิพลมากขนาดนี้

แม้เขาจะไม่ได้เสวนากับศิษย์คนอื่นๆ สักเท่าไร แต่เพราะมักจะฝึกฝนตามสระวิญญาณต่างๆ อยู่เสมอ ทำให้หลายคนต่างรู้ว่ายอดเขาหยกวิเวกมีศิษย์หนุ่มรูปงามหาที่เปรียบมิได้อยู่คนหนึ่ง เมื่อเรื่องนี้ถึงหูศิษย์ยอดเขาหยกวิเวก พวกเขาก็เดาได้ว่าคือหานเจวี๋ย

ผ่านไปนานเข้า แม้หานเจวี๋ยจะไม่ทำตัวเป็นจุดสนใจ แต่สำนักฝ่ายในก็มีเรื่องเล่าลือของเขาแล้ว

ขึ้นชื่อเรื่องรูปงาม!

ผู้เฒ่าเถี่ยเห็นว่าหานเจวี๋ยได้รับความนิยมเช่นนี้ แววตาก็ซับซ้อนขึ้นกว่าเดิม

ในยอดเขาหยกวิเวกเขาเป็นเสมือนอากาศธาตุ ไม่มีตัวตนอยู่

หลังจากจัดการเรื่องนี้เสร็จสิ้น เซียนซีเสวียนก็ให้บรรดาศิษย์ออกไป เหลือหานเจวี๋ยไว้เพียงคนเดียว

ศิษย์คนอื่นต่างมองเขาด้วยความอิจฉา

เห็นได้ชัดว่าอาจารย์ให้ความสำคัญกับหานเจวี๋ยมาก นี่คือได้รับการปฏิบัติเป็นพิเศษ!

ประตูใหญ่ปิดลง

หานเจวี๋ยเงยหน้ามองไปทางเซียนซีเสวียน

จำต้องพูดเลยว่าท่านอาจารย์งดงามมากจริงๆ

หานเจวี๋ยอยู่สำนักฝ่ายในมาหลายสิบปีแล้ว ยังไม่เคยเห็นผู้บำเพ็ญหญิงที่งดงามกว่าเซียนซีเสวียนเลย

เพียงแต่เซียนซีเสวียนมีลักษณะที่ทรงอำนาจมาก ทำให้ไม่มีใครกล้ามีใจดูหมิ่น

หานเจวี๋ยก็เพียงถอดทอนใจอยู่ครู่หนึ่ง ไม่ได้มีความคิดชั่วร้ายใดๆ

ศิษย์ทั้งหลายรูปงามไม่เท่าอาจารย์ ระดับรูปลักษณ์ของสำนักหยกพิสุทธิ์ไม่อาจถ่ายทอดให้กันได้!

“ตบะของเจ้าก้าวหน้าอีกแล้ว อาจารย์ประเมินเจ้าต่ำไป เจ้าฝึกฝนพลังวิญญาณสามสาย ความเร็วในการทะลวงระดับของเจ้ายังโดดเด่นมากอีก กระทั่งพูดได้ว่าในสำนักหยกพิสุทธิ์ไม่มีผู้ใดเทียบเจ้าได้” เซียนซีเสวียนหรี่ตาพูด ราวกับจะมองหานเจวี๋ยให้ทะลุปรุโปร่ง

นางตกใจมากจริงๆ

เวลาสั้นๆ แค่แปดปี รากวิญญาณอีกสองสายที่เหลือของหานเจวี๋ยล้วนฝึกฝนถึงระดับสร้างฐานขั้นแปดแล้ว นี่คือพรสวรรค์ระดับใดกัน

ที่สำคัญที่สุดก็คือ นางไม่เคยชี้แนะหานเจวี๋ยเลย

นางอยากรู้นักว่าหานเจวี๋ยเรียนรู้จากผู้ใด

“ทั้งหมดอาจารย์ล้วนมองออก อาจารย์ต่างหากถึงเก่งกาจอย่างแท้จริงขอรับ”

หานเจวี๋ยตอบกลับ พูดประจบประแจงอย่างชัดเจน แต่ได้ผลลัพธ์ไม่เท่าไร

เซียนซีเสวียนกล่าวว่า “วิชายุทธ์และวิชากระบี่ของเจ้าล้วนไม่เลวเลย แต่ไม่ใช่สุดยอดวิชาของสำนักหยกพิสุทธิ์ คิดว่าก่อนหน้านั้นเจ้าคงมีอาจารย์มาก่อน อาจารย์เคยสังเกตดูเจ้า ตั้งแต่เข้าสำนักมาเจ้าก็ขยันฝึกฝนอยู่ตลอด ไม่มีใจคิดร้ายกับสำนัก ทั้งยังมีคนเป็นพยานว่าเจ้าเกิดที่สำนักฝ่ายนอก แสดงว่าเจ้าเพียงแค่ได้รับโอกาสวาสนามาตั้งแต่เยาว์วัย ทุกคนต่างก็มีวาสนากันคนละแบบ อาจารย์จะไม่สืบสาวราวเรื่องกับเจ้า

การทดสอบของสำนักฝ่ายในครั้งนี้ เจ้าสามารถแสดงพลังของเจ้าได้อย่างสบายใจ ไม่ต้องกลัวว่าจะสร้างปัญหาตามมา ในสำนักหยกพิสุทธิ์แห่งนี้ อาจารย์ก็พอมีหน้ามีตาอยู่บ้าง”

หานเจวี๋ยรีบคารวะขอบคุณ

ก่อนหน้านี้เขาก็กังวลอยู่เล็กน้อยจริงๆ

แต่ตอนนี้ไม่กลัวแล้ว

สามารถใช้วิชาสามกระบี่แยกเงาจัดการได้โดยตรง!

ด้วยความสัมพันธ์ระหว่างเซียนซีเสวียนกับเจ้าสำนัก คาดว่าเจ้าสำนักก็คงคาดเดาเช่นนี้ คำพูดเหล่านี้คงเป็นเจตนาของเจ้าสำนักหลี่ชิงจื่อเช่นกัน

ศักยภาพของหานเจวี๋ยยิ่งแข็งแกร่ง สำนักหยกพิสุทธิ์ย่อมยิ่งดีใจตามไปด้วย

“เพื่อป้องกันปัญหายุ่งยากที่ไม่อยากให้เกิดขึ้น ตั้งแต่วันนี้ไป เจ้าคือศิษย์สืบทอดของอาจารย์ อาจารย์จะไปรายงานกับทางสำนักเอง” เซียนซีเสวียนเอ่ยปากอีกครั้ง

ลูกศิษย์สืบทอด!

หานเจวี๋ยเงยหน้าขึ้นมอง สีหน้าเหนือความคาดหมาย

แม้ว่าเซียนซีเสวียนจะมีศิษย์ในความดูแลหลายสิบคน แต่ส่วนมากล้วนรับมาเพื่อสำนัก ศิษย์สืบทอดจริงๆ มีไม่มาก สามารถนิ้วนับได้เลย

[สถานะของท่านในสำนักหยกพิสุทธิ์ยกระดับขึ้น กลายเป็นศิษย์สืบทอดของผู้อาวุโสถ่ายทอดวิชา ได้รับเคล็ดวิชาเวทวิชาหนึ่ง]

[ยินดีด้วย ท่านได้รับตราประทับเก้ามังกรขจัดมาร]

อักขระสองแถวลอยขึ้นมาตรงหน้าหานเจวี๋ย

เขาตื่นเต้นดีใจไม่หยุด รีบคารวะขอบคุณเซียนซีเสวียน

เซียนซีเสวียนนำป้ายคำสั่งออกมาแผ่นหนึ่งและมอบให้หานเจวี๋ย จากนั้นพูดว่า “ออกไปเถอะ!”

หานเจวี๋ยรับมาดู นี่คือป้ายหยกที่ด้านบนมีอักขระสองตัวสลักอยู่ว่า ‘ซีเสวียน’

หลังจากเก็บป้ายหยกเรียบร้อย เขาก็คารวะขอตัวจากไป

……………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ 18 ลูกศิษย์สืบทอด ได้รับตราประทับเก้ามังกรขจัดมาร

Now you are reading ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ Chapter 18 ลูกศิษย์สืบทอด ได้รับตราประทับเก้ามังกรขจัดมาร at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 18 ลูกศิษย์สืบทอด ได้รับตราประทับเก้ามังกรขจัดมาร
สิงหงเสวียน?

หานเจวี๋ยหนังตากระตุก

มารหญิงผู้นี้รู้จักกับหลิ่วซานซินได้อย่างไร

หรือว่าสิงหงเสวียนแฝงตัวเข้ามาในแดนหมื่นปีศาจพร้อมกับลัทธิมารฟ้ามืดแล้ว?

นับๆ ดูก็ผ่านไปแล้วหลายปี ไม่รู้ว่าสถานการณ์ในแดนหมื่นปีศาจเป็นอย่างไรบ้าง

หานเจวี๋ยรีบใช้วิชาถ่ายทอดเสียงตอบกลับไป ‘ไม่รู้จัก เหตุใดศิษย์พี่ถึงถามข้า’

วิชาถ่ายทอดเสียงนั้นง่ายมาก ผู้บำเพ็ญระดับสร้างฐานเพียงแค่เข้าใจวิธีการเล็กน้อย ไม่นานก็ใช้เป็นแล้ว

‘หลายปีมานี้ ศิษย์พี่ติดตามเจ้าสำนักไปดักซุ่มอยู่ที่แดนหมื่นปีศาจ พบเจอลัทธิมารฟ้ามืดที่กำลังปล้นสะดมมังกรขาวใจพยัคฆ์ พวกเราเปิดศึกใหญ่ไปครั้งหนึ่ง เจ้าสำนักเข้าร่วมศึกใหญ่ในครั้งนี้ด้วย จึงไม่มีศิษย์ผู้ใดได้รับบาดเจ็บ และจัดการได้อย่างง่ายดาย ต่อมาเจ้าสำนักบอกพวกเราว่า เหตุที่สามารถจัดการได้ง่ายดายเช่นนี้ เป็นเพราะได้รับรายงานข่าวจากศิษย์ทรยศของลัทธิมารฟ้ามืด ท่านจึงแสร้งไปจากสำนักหยกพิสุทธิ์ แต่ความจริงแอบซุ่มอยู่ในแดนหมื่นปีศาจ

ศิษย์ทรยศของลัทธิมารฟ้ามืดก็คือสิงหงเสวียน ตอนเด็กนางถูกลัทธิมารฟ้ามืดป้อนยาพิษบางอย่าง บีบบังคับให้นางมาเป็นไส้ศึกในสำนักหยกพิสุทธิ์ ทว่านางเก็บงำความแค้นมาโดยตลอด ก่อนนี้ยังคิดขโมยตำราโอสถจากนักหลอมโอสถที่สำนักฝ่ายนอกเพื่อหาทางแก้พิษ น่าเสียดายที่นางคิดตื้นเกินไป นักหลอมโอสถของสำนักฝ่ายนอกจะถอนพิษของลัทธิมารได้อย่างไร?

ต่อมา นางตัดสินใจไปจากลัทธิมารฟ้ามืด ผลคือถูกลัทธิมารฟ้ามืดตามล่า เจ้าสำนักกำลังสะกดรอยตรวจสอบไส้ศึกของลัทธิมารฟ้ามืดพอดี จึงยื่นมือช่วยนางไว้ นางไม่เคยทำอันตรายใดๆ ให้สำนักหยกพิสุทธิ์ และมีส่วนช่วยในการล้อมปราบหนอนบ่อนไส้ของลัทธิมารฟ้ามืดในครั้งนี้ เจ้าสำนักจึงอนุญาตให้เข้าสำนักฝ่ายใน กลายเป็นศิษย์สายในเป็นกรณีพิเศษ’

ขณะที่หลิ่วซานซินถ่ายทอดเสียงมา หานเจวี๋ยฟังจนเกือบอ้าปากค้าง ดีที่เขาพยายามระงับสีหน้าเอาไว้สุดกำลัง

‘ตอนนี้สิงหงเสวียนฝึกบำเพ็ญอยู่กับพวกเราที่ยอดเขาหลัก อาจารย์ก็คือนักพรตเต๋าจิ้งซวี นักพรตเต๋าจิ้งซวีเป็นศิษย์น้องหญิงของท่านเจ้าสำนัก ดูแลยอดเขาหลัก บัญชาศิษย์แกนหลักด้วยตนเอง ตอนที่พวกเราพบสิงหงเสวียน ได้ยินนางถามถึงศิษย์ผู้หนึ่งที่ชื่อหานเจวี๋ย และยังพูดถึงการคบค้าสมาคมของพวกเขาด้วย ที่ควรค่าให้เอ่ยถึงก็คือ นางเคยพูดว่านักหลอมโอสถของสำนักฝ่ายนอกมาฝากตัวเป็นศิษย์ยอดเขาหยกวิเวกแล้ว บังเอิญว่านักหลอมโอสถผู้นี้มีข้ารับใช้ชื่อหานเจวี๋ยด้วย ยอดเขาหยกวิเวกก็มีศิษย์ผู้หนึ่งชื่อหานเจวี๋ยเช่นกัน

ศิษย์น้องหานเจวี๋ย เจ้าว่าบังเอิญไปหรือไม่’

หลิ่วซานซินมองหานเจวี๋ยอย่างหลอกล้อ

หานเจวี๋ยกระอักกระอ่วน ไม่รู้ว่าควรตอบกลับอย่างไรดี

แม่นางผู้นี้ดันรับสารภาพหมดเลย!

แต่ก็ไม่เป็นไร

ตอนนี้เขาเป็นศิษย์สายในระดับสร้างฐานขั้นเก้าแล้ว แม้ว่าอดีตเหล่านั้นสุดจะรับได้ แต่ก็ส่งผลกระทบไม่มาก

ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่มีทางเลี่ยง หานเจวี๋ยทำได้แค่ถ่ายทอดเสียงกลับไป ‘เอาเถอะ ข้าก็คือหานเจวี๋ยที่นางรู้จักนั่นละ ตอนนั้นข้าไม่มีทางเลือกขอรับ’

‘ฮ่าๆ! ศิษย์พี่เข้าใจ เพียงแค่ไม่นึกว่าคุณสมบัติของเจ้าจะเลิศล้ำเช่นนี้’

หลิ่วซานซินพูดเย้าหยอก ทำให้หานเจวี๋ยโล่งใจไปเปราะหนึ่ง

หานเจวี๋ยเหลือบมองผู้เฒ่าเถี่ยอย่างอดไม่ได้

ทั้งสองใช้วิชาถ่ายทอดเสียงคุยกัน ไม่มีใครได้ยินบทสนทนาของพวกเขา

ผู้เฒ่าเถี่ยก้มหน้าอยู่ จึงมองไม่เห็นสีหน้าของเขา

หายเจวี๋ยเปิดหน้าจอแสดงคุณสมบัติ ตรวจสอบดูค่าความสัมพันธ์

[สิงหงเสวียน: ระดับหลอมปราณขั้นเก้า สามารถผูกสัมพันธ์เป็นคู่บำเพ็ญเพียรได้ ระดับความประทับใจในขณะนี้คือ 4.5 ดาว]

แม่นางผู้นี้ใกล้จะบรรลุระดับสร้างฐานแล้ว

ความประทับใจ 4.5 ดาว ถือว่าเป็นผู้ที่มีความประทับใจต่อหานเจวี๋ยมากที่สุด

‘เห็นแก่ที่เจ้าชอบข้าขนาดนี้ ข้าขอให้เจ้าพบเจออุปสรรคน้อยลงในภายหน้าแล้วกัน’

หานเจวี๋ยคิดอย่างเงียบๆ

บอกตามตรง เขาคิดไม่ออกว่าทำไมสิงหงเสวียนชอบตนเองถึงเพียงนี้

เพียงเพราะว่าเขารูปงามหรือ

หรือว่าเพราะเป็นเอกไร้เทียมทาน?

เอาเถอะ บางทีรูปลักษณ์ก็เป็นได้ทุกสิ่ง

นอกจากนี้ เหตุใดสิงหงเสวียนถึงรู้ข่าวของลัทธิมารฟ้ามืดมากขนาดนั้น หรือว่านางจะมีสถานะพิเศษที่ไม่มีใครรู้?

ขณะนั้นเอง

ประตูใหญ่ของตำหนักหยกวิเวกก็เปิดออก ศิษย์ทั้งหลายลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปด้านใน

หลังจากนั่งลงแล้ว พวกเขาต่างมองไปที่เซียนซีเสวียน

เซียนซีเสวียนเอ่ยปากกล่าว “การทดสอบของสำนักฝ่ายในใกล้จะเริ่มขึ้นแล้ว แต่ละยอดเขาต้องส่งศิษย์เข้าร่วมอย่างน้อยสิบคน มีใครสนใจเข้าร่วมหรือไม่”

ทันใดนั้นมีศิษย์ยกมือขึ้นหกคน หนึ่งในนั้นรวมถึงฉางเยวี่ยเอ๋อร์ด้วย

หานเจวี๋ยรู้สึกแปลกใจ เซียนซีเสวียนไม่ได้เอ่ยถึงถ้ำเทวาฟ้าประทานเลย

หากเอ่ยถึงละก็ คาดว่าคงมีแต่คนแย่งกันเข้าร่วม

หรือว่าเซียนซีเสวียนจะใช้เส้นสายช่วยเขา?

ขณะที่คิดอยู่นั้น หานเจวี๋ยยกมือขึ้นอย่างเงียบๆ

ครั้นเห็นเขายกมือ เหล่าศิษย์ต่างประหลาดใจ

“โอ้ ไม่นึกว่าศิษย์น้องหานเจวี๋ยจะเข้าร่วมด้วย!”

“ฮ่าๆๆ ข้าคิดว่าศิษย์น้องหานจะยังอยากปิดด่านฝึกฝนต่อเสียอีก”

“ควรจะเป็นเช่นนี้แล้ว ปิดด่านฝึกฝนตลอดจะส่งผลกระทบต่อมรรคจิตได้”

“ถ้าอย่างนั้นข้าก็จะเข้าร่วมด้วย!”

ศิษย์หลายคนยกมือขึ้นตาม ทำให้ผู้ที่เข้าร่วมในครั้งนี้มีมากกว่าสิบคน

หานเจวี๋ยยิ้มเล็กน้อย

เขาไม่คิดว่าตัวเองจะมีอิทธิพลมากขนาดนี้

แม้เขาจะไม่ได้เสวนากับศิษย์คนอื่นๆ สักเท่าไร แต่เพราะมักจะฝึกฝนตามสระวิญญาณต่างๆ อยู่เสมอ ทำให้หลายคนต่างรู้ว่ายอดเขาหยกวิเวกมีศิษย์หนุ่มรูปงามหาที่เปรียบมิได้อยู่คนหนึ่ง เมื่อเรื่องนี้ถึงหูศิษย์ยอดเขาหยกวิเวก พวกเขาก็เดาได้ว่าคือหานเจวี๋ย

ผ่านไปนานเข้า แม้หานเจวี๋ยจะไม่ทำตัวเป็นจุดสนใจ แต่สำนักฝ่ายในก็มีเรื่องเล่าลือของเขาแล้ว

ขึ้นชื่อเรื่องรูปงาม!

ผู้เฒ่าเถี่ยเห็นว่าหานเจวี๋ยได้รับความนิยมเช่นนี้ แววตาก็ซับซ้อนขึ้นกว่าเดิม

ในยอดเขาหยกวิเวกเขาเป็นเสมือนอากาศธาตุ ไม่มีตัวตนอยู่

หลังจากจัดการเรื่องนี้เสร็จสิ้น เซียนซีเสวียนก็ให้บรรดาศิษย์ออกไป เหลือหานเจวี๋ยไว้เพียงคนเดียว

ศิษย์คนอื่นต่างมองเขาด้วยความอิจฉา

เห็นได้ชัดว่าอาจารย์ให้ความสำคัญกับหานเจวี๋ยมาก นี่คือได้รับการปฏิบัติเป็นพิเศษ!

ประตูใหญ่ปิดลง

หานเจวี๋ยเงยหน้ามองไปทางเซียนซีเสวียน

จำต้องพูดเลยว่าท่านอาจารย์งดงามมากจริงๆ

หานเจวี๋ยอยู่สำนักฝ่ายในมาหลายสิบปีแล้ว ยังไม่เคยเห็นผู้บำเพ็ญหญิงที่งดงามกว่าเซียนซีเสวียนเลย

เพียงแต่เซียนซีเสวียนมีลักษณะที่ทรงอำนาจมาก ทำให้ไม่มีใครกล้ามีใจดูหมิ่น

หานเจวี๋ยก็เพียงถอดทอนใจอยู่ครู่หนึ่ง ไม่ได้มีความคิดชั่วร้ายใดๆ

ศิษย์ทั้งหลายรูปงามไม่เท่าอาจารย์ ระดับรูปลักษณ์ของสำนักหยกพิสุทธิ์ไม่อาจถ่ายทอดให้กันได้!

“ตบะของเจ้าก้าวหน้าอีกแล้ว อาจารย์ประเมินเจ้าต่ำไป เจ้าฝึกฝนพลังวิญญาณสามสาย ความเร็วในการทะลวงระดับของเจ้ายังโดดเด่นมากอีก กระทั่งพูดได้ว่าในสำนักหยกพิสุทธิ์ไม่มีผู้ใดเทียบเจ้าได้” เซียนซีเสวียนหรี่ตาพูด ราวกับจะมองหานเจวี๋ยให้ทะลุปรุโปร่ง

นางตกใจมากจริงๆ

เวลาสั้นๆ แค่แปดปี รากวิญญาณอีกสองสายที่เหลือของหานเจวี๋ยล้วนฝึกฝนถึงระดับสร้างฐานขั้นแปดแล้ว นี่คือพรสวรรค์ระดับใดกัน

ที่สำคัญที่สุดก็คือ นางไม่เคยชี้แนะหานเจวี๋ยเลย

นางอยากรู้นักว่าหานเจวี๋ยเรียนรู้จากผู้ใด

“ทั้งหมดอาจารย์ล้วนมองออก อาจารย์ต่างหากถึงเก่งกาจอย่างแท้จริงขอรับ”

หานเจวี๋ยตอบกลับ พูดประจบประแจงอย่างชัดเจน แต่ได้ผลลัพธ์ไม่เท่าไร

เซียนซีเสวียนกล่าวว่า “วิชายุทธ์และวิชากระบี่ของเจ้าล้วนไม่เลวเลย แต่ไม่ใช่สุดยอดวิชาของสำนักหยกพิสุทธิ์ คิดว่าก่อนหน้านั้นเจ้าคงมีอาจารย์มาก่อน อาจารย์เคยสังเกตดูเจ้า ตั้งแต่เข้าสำนักมาเจ้าก็ขยันฝึกฝนอยู่ตลอด ไม่มีใจคิดร้ายกับสำนัก ทั้งยังมีคนเป็นพยานว่าเจ้าเกิดที่สำนักฝ่ายนอก แสดงว่าเจ้าเพียงแค่ได้รับโอกาสวาสนามาตั้งแต่เยาว์วัย ทุกคนต่างก็มีวาสนากันคนละแบบ อาจารย์จะไม่สืบสาวราวเรื่องกับเจ้า

การทดสอบของสำนักฝ่ายในครั้งนี้ เจ้าสามารถแสดงพลังของเจ้าได้อย่างสบายใจ ไม่ต้องกลัวว่าจะสร้างปัญหาตามมา ในสำนักหยกพิสุทธิ์แห่งนี้ อาจารย์ก็พอมีหน้ามีตาอยู่บ้าง”

หานเจวี๋ยรีบคารวะขอบคุณ

ก่อนหน้านี้เขาก็กังวลอยู่เล็กน้อยจริงๆ

แต่ตอนนี้ไม่กลัวแล้ว

สามารถใช้วิชาสามกระบี่แยกเงาจัดการได้โดยตรง!

ด้วยความสัมพันธ์ระหว่างเซียนซีเสวียนกับเจ้าสำนัก คาดว่าเจ้าสำนักก็คงคาดเดาเช่นนี้ คำพูดเหล่านี้คงเป็นเจตนาของเจ้าสำนักหลี่ชิงจื่อเช่นกัน

ศักยภาพของหานเจวี๋ยยิ่งแข็งแกร่ง สำนักหยกพิสุทธิ์ย่อมยิ่งดีใจตามไปด้วย

“เพื่อป้องกันปัญหายุ่งยากที่ไม่อยากให้เกิดขึ้น ตั้งแต่วันนี้ไป เจ้าคือศิษย์สืบทอดของอาจารย์ อาจารย์จะไปรายงานกับทางสำนักเอง” เซียนซีเสวียนเอ่ยปากอีกครั้ง

ลูกศิษย์สืบทอด!

หานเจวี๋ยเงยหน้าขึ้นมอง สีหน้าเหนือความคาดหมาย

แม้ว่าเซียนซีเสวียนจะมีศิษย์ในความดูแลหลายสิบคน แต่ส่วนมากล้วนรับมาเพื่อสำนัก ศิษย์สืบทอดจริงๆ มีไม่มาก สามารถนิ้วนับได้เลย

[สถานะของท่านในสำนักหยกพิสุทธิ์ยกระดับขึ้น กลายเป็นศิษย์สืบทอดของผู้อาวุโสถ่ายทอดวิชา ได้รับเคล็ดวิชาเวทวิชาหนึ่ง]

[ยินดีด้วย ท่านได้รับตราประทับเก้ามังกรขจัดมาร]

อักขระสองแถวลอยขึ้นมาตรงหน้าหานเจวี๋ย

เขาตื่นเต้นดีใจไม่หยุด รีบคารวะขอบคุณเซียนซีเสวียน

เซียนซีเสวียนนำป้ายคำสั่งออกมาแผ่นหนึ่งและมอบให้หานเจวี๋ย จากนั้นพูดว่า “ออกไปเถอะ!”

หานเจวี๋ยรับมาดู นี่คือป้ายหยกที่ด้านบนมีอักขระสองตัวสลักอยู่ว่า ‘ซีเสวียน’

หลังจากเก็บป้ายหยกเรียบร้อย เขาก็คารวะขอตัวจากไป

……………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ 18 ลูกศิษย์สืบทอด ได้รับตราประทับเก้ามังกรขจัดมาร

Now you are reading ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ Chapter 18 ลูกศิษย์สืบทอด ได้รับตราประทับเก้ามังกรขจัดมาร at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 18 ลูกศิษย์สืบทอด ได้รับตราประทับเก้ามังกรขจัดมาร
สิงหงเสวียน?

หานเจวี๋ยหนังตากระตุก

มารหญิงผู้นี้รู้จักกับหลิ่วซานซินได้อย่างไร

หรือว่าสิงหงเสวียนแฝงตัวเข้ามาในแดนหมื่นปีศาจพร้อมกับลัทธิมารฟ้ามืดแล้ว?

นับๆ ดูก็ผ่านไปแล้วหลายปี ไม่รู้ว่าสถานการณ์ในแดนหมื่นปีศาจเป็นอย่างไรบ้าง

หานเจวี๋ยรีบใช้วิชาถ่ายทอดเสียงตอบกลับไป ‘ไม่รู้จัก เหตุใดศิษย์พี่ถึงถามข้า’

วิชาถ่ายทอดเสียงนั้นง่ายมาก ผู้บำเพ็ญระดับสร้างฐานเพียงแค่เข้าใจวิธีการเล็กน้อย ไม่นานก็ใช้เป็นแล้ว

‘หลายปีมานี้ ศิษย์พี่ติดตามเจ้าสำนักไปดักซุ่มอยู่ที่แดนหมื่นปีศาจ พบเจอลัทธิมารฟ้ามืดที่กำลังปล้นสะดมมังกรขาวใจพยัคฆ์ พวกเราเปิดศึกใหญ่ไปครั้งหนึ่ง เจ้าสำนักเข้าร่วมศึกใหญ่ในครั้งนี้ด้วย จึงไม่มีศิษย์ผู้ใดได้รับบาดเจ็บ และจัดการได้อย่างง่ายดาย ต่อมาเจ้าสำนักบอกพวกเราว่า เหตุที่สามารถจัดการได้ง่ายดายเช่นนี้ เป็นเพราะได้รับรายงานข่าวจากศิษย์ทรยศของลัทธิมารฟ้ามืด ท่านจึงแสร้งไปจากสำนักหยกพิสุทธิ์ แต่ความจริงแอบซุ่มอยู่ในแดนหมื่นปีศาจ

ศิษย์ทรยศของลัทธิมารฟ้ามืดก็คือสิงหงเสวียน ตอนเด็กนางถูกลัทธิมารฟ้ามืดป้อนยาพิษบางอย่าง บีบบังคับให้นางมาเป็นไส้ศึกในสำนักหยกพิสุทธิ์ ทว่านางเก็บงำความแค้นมาโดยตลอด ก่อนนี้ยังคิดขโมยตำราโอสถจากนักหลอมโอสถที่สำนักฝ่ายนอกเพื่อหาทางแก้พิษ น่าเสียดายที่นางคิดตื้นเกินไป นักหลอมโอสถของสำนักฝ่ายนอกจะถอนพิษของลัทธิมารได้อย่างไร?

ต่อมา นางตัดสินใจไปจากลัทธิมารฟ้ามืด ผลคือถูกลัทธิมารฟ้ามืดตามล่า เจ้าสำนักกำลังสะกดรอยตรวจสอบไส้ศึกของลัทธิมารฟ้ามืดพอดี จึงยื่นมือช่วยนางไว้ นางไม่เคยทำอันตรายใดๆ ให้สำนักหยกพิสุทธิ์ และมีส่วนช่วยในการล้อมปราบหนอนบ่อนไส้ของลัทธิมารฟ้ามืดในครั้งนี้ เจ้าสำนักจึงอนุญาตให้เข้าสำนักฝ่ายใน กลายเป็นศิษย์สายในเป็นกรณีพิเศษ’

ขณะที่หลิ่วซานซินถ่ายทอดเสียงมา หานเจวี๋ยฟังจนเกือบอ้าปากค้าง ดีที่เขาพยายามระงับสีหน้าเอาไว้สุดกำลัง

‘ตอนนี้สิงหงเสวียนฝึกบำเพ็ญอยู่กับพวกเราที่ยอดเขาหลัก อาจารย์ก็คือนักพรตเต๋าจิ้งซวี นักพรตเต๋าจิ้งซวีเป็นศิษย์น้องหญิงของท่านเจ้าสำนัก ดูแลยอดเขาหลัก บัญชาศิษย์แกนหลักด้วยตนเอง ตอนที่พวกเราพบสิงหงเสวียน ได้ยินนางถามถึงศิษย์ผู้หนึ่งที่ชื่อหานเจวี๋ย และยังพูดถึงการคบค้าสมาคมของพวกเขาด้วย ที่ควรค่าให้เอ่ยถึงก็คือ นางเคยพูดว่านักหลอมโอสถของสำนักฝ่ายนอกมาฝากตัวเป็นศิษย์ยอดเขาหยกวิเวกแล้ว บังเอิญว่านักหลอมโอสถผู้นี้มีข้ารับใช้ชื่อหานเจวี๋ยด้วย ยอดเขาหยกวิเวกก็มีศิษย์ผู้หนึ่งชื่อหานเจวี๋ยเช่นกัน

ศิษย์น้องหานเจวี๋ย เจ้าว่าบังเอิญไปหรือไม่’

หลิ่วซานซินมองหานเจวี๋ยอย่างหลอกล้อ

หานเจวี๋ยกระอักกระอ่วน ไม่รู้ว่าควรตอบกลับอย่างไรดี

แม่นางผู้นี้ดันรับสารภาพหมดเลย!

แต่ก็ไม่เป็นไร

ตอนนี้เขาเป็นศิษย์สายในระดับสร้างฐานขั้นเก้าแล้ว แม้ว่าอดีตเหล่านั้นสุดจะรับได้ แต่ก็ส่งผลกระทบไม่มาก

ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่มีทางเลี่ยง หานเจวี๋ยทำได้แค่ถ่ายทอดเสียงกลับไป ‘เอาเถอะ ข้าก็คือหานเจวี๋ยที่นางรู้จักนั่นละ ตอนนั้นข้าไม่มีทางเลือกขอรับ’

‘ฮ่าๆ! ศิษย์พี่เข้าใจ เพียงแค่ไม่นึกว่าคุณสมบัติของเจ้าจะเลิศล้ำเช่นนี้’

หลิ่วซานซินพูดเย้าหยอก ทำให้หานเจวี๋ยโล่งใจไปเปราะหนึ่ง

หานเจวี๋ยเหลือบมองผู้เฒ่าเถี่ยอย่างอดไม่ได้

ทั้งสองใช้วิชาถ่ายทอดเสียงคุยกัน ไม่มีใครได้ยินบทสนทนาของพวกเขา

ผู้เฒ่าเถี่ยก้มหน้าอยู่ จึงมองไม่เห็นสีหน้าของเขา

หายเจวี๋ยเปิดหน้าจอแสดงคุณสมบัติ ตรวจสอบดูค่าความสัมพันธ์

[สิงหงเสวียน: ระดับหลอมปราณขั้นเก้า สามารถผูกสัมพันธ์เป็นคู่บำเพ็ญเพียรได้ ระดับความประทับใจในขณะนี้คือ 4.5 ดาว]

แม่นางผู้นี้ใกล้จะบรรลุระดับสร้างฐานแล้ว

ความประทับใจ 4.5 ดาว ถือว่าเป็นผู้ที่มีความประทับใจต่อหานเจวี๋ยมากที่สุด

‘เห็นแก่ที่เจ้าชอบข้าขนาดนี้ ข้าขอให้เจ้าพบเจออุปสรรคน้อยลงในภายหน้าแล้วกัน’

หานเจวี๋ยคิดอย่างเงียบๆ

บอกตามตรง เขาคิดไม่ออกว่าทำไมสิงหงเสวียนชอบตนเองถึงเพียงนี้

เพียงเพราะว่าเขารูปงามหรือ

หรือว่าเพราะเป็นเอกไร้เทียมทาน?

เอาเถอะ บางทีรูปลักษณ์ก็เป็นได้ทุกสิ่ง

นอกจากนี้ เหตุใดสิงหงเสวียนถึงรู้ข่าวของลัทธิมารฟ้ามืดมากขนาดนั้น หรือว่านางจะมีสถานะพิเศษที่ไม่มีใครรู้?

ขณะนั้นเอง

ประตูใหญ่ของตำหนักหยกวิเวกก็เปิดออก ศิษย์ทั้งหลายลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปด้านใน

หลังจากนั่งลงแล้ว พวกเขาต่างมองไปที่เซียนซีเสวียน

เซียนซีเสวียนเอ่ยปากกล่าว “การทดสอบของสำนักฝ่ายในใกล้จะเริ่มขึ้นแล้ว แต่ละยอดเขาต้องส่งศิษย์เข้าร่วมอย่างน้อยสิบคน มีใครสนใจเข้าร่วมหรือไม่”

ทันใดนั้นมีศิษย์ยกมือขึ้นหกคน หนึ่งในนั้นรวมถึงฉางเยวี่ยเอ๋อร์ด้วย

หานเจวี๋ยรู้สึกแปลกใจ เซียนซีเสวียนไม่ได้เอ่ยถึงถ้ำเทวาฟ้าประทานเลย

หากเอ่ยถึงละก็ คาดว่าคงมีแต่คนแย่งกันเข้าร่วม

หรือว่าเซียนซีเสวียนจะใช้เส้นสายช่วยเขา?

ขณะที่คิดอยู่นั้น หานเจวี๋ยยกมือขึ้นอย่างเงียบๆ

ครั้นเห็นเขายกมือ เหล่าศิษย์ต่างประหลาดใจ

“โอ้ ไม่นึกว่าศิษย์น้องหานเจวี๋ยจะเข้าร่วมด้วย!”

“ฮ่าๆๆ ข้าคิดว่าศิษย์น้องหานจะยังอยากปิดด่านฝึกฝนต่อเสียอีก”

“ควรจะเป็นเช่นนี้แล้ว ปิดด่านฝึกฝนตลอดจะส่งผลกระทบต่อมรรคจิตได้”

“ถ้าอย่างนั้นข้าก็จะเข้าร่วมด้วย!”

ศิษย์หลายคนยกมือขึ้นตาม ทำให้ผู้ที่เข้าร่วมในครั้งนี้มีมากกว่าสิบคน

หานเจวี๋ยยิ้มเล็กน้อย

เขาไม่คิดว่าตัวเองจะมีอิทธิพลมากขนาดนี้

แม้เขาจะไม่ได้เสวนากับศิษย์คนอื่นๆ สักเท่าไร แต่เพราะมักจะฝึกฝนตามสระวิญญาณต่างๆ อยู่เสมอ ทำให้หลายคนต่างรู้ว่ายอดเขาหยกวิเวกมีศิษย์หนุ่มรูปงามหาที่เปรียบมิได้อยู่คนหนึ่ง เมื่อเรื่องนี้ถึงหูศิษย์ยอดเขาหยกวิเวก พวกเขาก็เดาได้ว่าคือหานเจวี๋ย

ผ่านไปนานเข้า แม้หานเจวี๋ยจะไม่ทำตัวเป็นจุดสนใจ แต่สำนักฝ่ายในก็มีเรื่องเล่าลือของเขาแล้ว

ขึ้นชื่อเรื่องรูปงาม!

ผู้เฒ่าเถี่ยเห็นว่าหานเจวี๋ยได้รับความนิยมเช่นนี้ แววตาก็ซับซ้อนขึ้นกว่าเดิม

ในยอดเขาหยกวิเวกเขาเป็นเสมือนอากาศธาตุ ไม่มีตัวตนอยู่

หลังจากจัดการเรื่องนี้เสร็จสิ้น เซียนซีเสวียนก็ให้บรรดาศิษย์ออกไป เหลือหานเจวี๋ยไว้เพียงคนเดียว

ศิษย์คนอื่นต่างมองเขาด้วยความอิจฉา

เห็นได้ชัดว่าอาจารย์ให้ความสำคัญกับหานเจวี๋ยมาก นี่คือได้รับการปฏิบัติเป็นพิเศษ!

ประตูใหญ่ปิดลง

หานเจวี๋ยเงยหน้ามองไปทางเซียนซีเสวียน

จำต้องพูดเลยว่าท่านอาจารย์งดงามมากจริงๆ

หานเจวี๋ยอยู่สำนักฝ่ายในมาหลายสิบปีแล้ว ยังไม่เคยเห็นผู้บำเพ็ญหญิงที่งดงามกว่าเซียนซีเสวียนเลย

เพียงแต่เซียนซีเสวียนมีลักษณะที่ทรงอำนาจมาก ทำให้ไม่มีใครกล้ามีใจดูหมิ่น

หานเจวี๋ยก็เพียงถอดทอนใจอยู่ครู่หนึ่ง ไม่ได้มีความคิดชั่วร้ายใดๆ

ศิษย์ทั้งหลายรูปงามไม่เท่าอาจารย์ ระดับรูปลักษณ์ของสำนักหยกพิสุทธิ์ไม่อาจถ่ายทอดให้กันได้!

“ตบะของเจ้าก้าวหน้าอีกแล้ว อาจารย์ประเมินเจ้าต่ำไป เจ้าฝึกฝนพลังวิญญาณสามสาย ความเร็วในการทะลวงระดับของเจ้ายังโดดเด่นมากอีก กระทั่งพูดได้ว่าในสำนักหยกพิสุทธิ์ไม่มีผู้ใดเทียบเจ้าได้” เซียนซีเสวียนหรี่ตาพูด ราวกับจะมองหานเจวี๋ยให้ทะลุปรุโปร่ง

นางตกใจมากจริงๆ

เวลาสั้นๆ แค่แปดปี รากวิญญาณอีกสองสายที่เหลือของหานเจวี๋ยล้วนฝึกฝนถึงระดับสร้างฐานขั้นแปดแล้ว นี่คือพรสวรรค์ระดับใดกัน

ที่สำคัญที่สุดก็คือ นางไม่เคยชี้แนะหานเจวี๋ยเลย

นางอยากรู้นักว่าหานเจวี๋ยเรียนรู้จากผู้ใด

“ทั้งหมดอาจารย์ล้วนมองออก อาจารย์ต่างหากถึงเก่งกาจอย่างแท้จริงขอรับ”

หานเจวี๋ยตอบกลับ พูดประจบประแจงอย่างชัดเจน แต่ได้ผลลัพธ์ไม่เท่าไร

เซียนซีเสวียนกล่าวว่า “วิชายุทธ์และวิชากระบี่ของเจ้าล้วนไม่เลวเลย แต่ไม่ใช่สุดยอดวิชาของสำนักหยกพิสุทธิ์ คิดว่าก่อนหน้านั้นเจ้าคงมีอาจารย์มาก่อน อาจารย์เคยสังเกตดูเจ้า ตั้งแต่เข้าสำนักมาเจ้าก็ขยันฝึกฝนอยู่ตลอด ไม่มีใจคิดร้ายกับสำนัก ทั้งยังมีคนเป็นพยานว่าเจ้าเกิดที่สำนักฝ่ายนอก แสดงว่าเจ้าเพียงแค่ได้รับโอกาสวาสนามาตั้งแต่เยาว์วัย ทุกคนต่างก็มีวาสนากันคนละแบบ อาจารย์จะไม่สืบสาวราวเรื่องกับเจ้า

การทดสอบของสำนักฝ่ายในครั้งนี้ เจ้าสามารถแสดงพลังของเจ้าได้อย่างสบายใจ ไม่ต้องกลัวว่าจะสร้างปัญหาตามมา ในสำนักหยกพิสุทธิ์แห่งนี้ อาจารย์ก็พอมีหน้ามีตาอยู่บ้าง”

หานเจวี๋ยรีบคารวะขอบคุณ

ก่อนหน้านี้เขาก็กังวลอยู่เล็กน้อยจริงๆ

แต่ตอนนี้ไม่กลัวแล้ว

สามารถใช้วิชาสามกระบี่แยกเงาจัดการได้โดยตรง!

ด้วยความสัมพันธ์ระหว่างเซียนซีเสวียนกับเจ้าสำนัก คาดว่าเจ้าสำนักก็คงคาดเดาเช่นนี้ คำพูดเหล่านี้คงเป็นเจตนาของเจ้าสำนักหลี่ชิงจื่อเช่นกัน

ศักยภาพของหานเจวี๋ยยิ่งแข็งแกร่ง สำนักหยกพิสุทธิ์ย่อมยิ่งดีใจตามไปด้วย

“เพื่อป้องกันปัญหายุ่งยากที่ไม่อยากให้เกิดขึ้น ตั้งแต่วันนี้ไป เจ้าคือศิษย์สืบทอดของอาจารย์ อาจารย์จะไปรายงานกับทางสำนักเอง” เซียนซีเสวียนเอ่ยปากอีกครั้ง

ลูกศิษย์สืบทอด!

หานเจวี๋ยเงยหน้าขึ้นมอง สีหน้าเหนือความคาดหมาย

แม้ว่าเซียนซีเสวียนจะมีศิษย์ในความดูแลหลายสิบคน แต่ส่วนมากล้วนรับมาเพื่อสำนัก ศิษย์สืบทอดจริงๆ มีไม่มาก สามารถนิ้วนับได้เลย

[สถานะของท่านในสำนักหยกพิสุทธิ์ยกระดับขึ้น กลายเป็นศิษย์สืบทอดของผู้อาวุโสถ่ายทอดวิชา ได้รับเคล็ดวิชาเวทวิชาหนึ่ง]

[ยินดีด้วย ท่านได้รับตราประทับเก้ามังกรขจัดมาร]

อักขระสองแถวลอยขึ้นมาตรงหน้าหานเจวี๋ย

เขาตื่นเต้นดีใจไม่หยุด รีบคารวะขอบคุณเซียนซีเสวียน

เซียนซีเสวียนนำป้ายคำสั่งออกมาแผ่นหนึ่งและมอบให้หานเจวี๋ย จากนั้นพูดว่า “ออกไปเถอะ!”

หานเจวี๋ยรับมาดู นี่คือป้ายหยกที่ด้านบนมีอักขระสองตัวสลักอยู่ว่า ‘ซีเสวียน’

หลังจากเก็บป้ายหยกเรียบร้อย เขาก็คารวะขอตัวจากไป

……………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+