ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะบทที่ 169 จี้เซียนเสินรบหยางซ่าน

Now you are reading ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ Chapter บทที่ 169 จี้เซียนเสินรบหยางซ่าน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 169 จี้เซียนเสินรบหยางซ่าน

หลังจากซูฉีเดินทางจากไป เวลาก็ผ่านไปอีกสิบปี

หานเจวี๋ยมุ่งมั่นฝึกบำเพ็ญอยู่ตลอด ตบะยกระดับขึ้นอย่างมั่นคง

ในวันนี้

เขาลืมตาขึ้นมา นำหนังสือแห่งความชั่วร้ายออกมาสาปแช่ง ขณะเดียวกันก็เปิดดูจดหมายไปด้วย

[โจวฝานสหายของท่านหลอมร่างสกรรจ์ใหม่อีกครั้ง ชาติก่อนกับชาตินี้ผสานเป็นหนึ่ง พลังมรรคเพิ่มพูน]

[โม่จู๋สหายของท่านตระหนักในสัจธรรมฟ้าดินขณะฝึกบำเพ็ญ ระดับความเข้าใจถูกยกระดับ]

[จี้เซียนเสินสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากสัตว์ปีศาจ] x158,907

[ฟางเหลียงศิษย์หลานของท่านเผชิญกับการโจมตีจากจักรพรรดิปีศาจจิ้งจอกดำศัตรูคู่แค้นของท่าน]

[ฟางเหลียงศิษย์หลานของท่านตกอยู่ในสภาพเกือบตายแต่รอดมาได้ หลอมรวมจิตสังหารขึ้นมา]

[ยอดแม่ทัพเทพสหายของท่านถูกขังอยู่ในค่ายกลอันโหดเหี้ยม เป็นตายไม่แน่ชัด]

[ซูฉีศิษย์ของท่านเผชิญกับการโจมตีจากสัตว์อสูร] x24,113

……

‘ยังคงวุ่นวายเช่นเคย!’

สำหรับใครบางคนนี่อาจจะไม่ใช่ความวุ่นวาย แต่เป็นความตื่นเต้น

แม้ว่าหานเจวี๋ยจะไร้คู่ต่อกรในโลกมนุษย์แล้ว แต่ยังไม่สนใจจะออกไปเที่ยวพเนจรในโลกกว้าง

ต่อไปสิ่งที่จะมีมากคือโอกาส ตอนนี้ไม่อาจชักช้าลีลา จนส่งผลให้ในอนาคตพบเจอศัตรูผู้แข็งแกร่งที่ไม่อาจต่อกรด้วยได้

หานเจวี๋ยไม่อยากตายอีกแล้วจริงๆ!

ขณะที่หานเจวี๋ยกำลังปลงอนิจจังอยู่ อู้เต้าเจี้ยนเห็นเขาลืมตา จึงถามขึ้นมา “นายท่าน ดูเหมือนว่าเถาน้ำเต้าพิภพเซียนจะแตกหน่อแล้ว”

หานเจวี๋ยได้ยินก็กล่าวว่า “จริงหรือ เช่นนั้นก็ดีมาก อีกครึ่งปีข้าจะออกไปดู”

อู้เต้าเจี้ยนถามด้วยความอยากรู้ “เหตุใดต้องครึ่งปีด้วย”

หานเจวี๋ยตอบอย่างจริงจังขณะยังถือหนังหนังสือแห่งความโชคร้าย “ทำการไม่อาจยุ่งเหยิงได้ การฝึกบำเพ็ญก็ต้องมีจังหวะ ข้าขอสงบใจก่อน”

อู้เต้าเจี้ยนไม่ค่อยเข้าใจ แต่รู้สึกว่าเยี่ยมมาก

หลังจากใช้เวลาครึ่งปีสาปแช่งศัตรูทั้งหมดไปหนึ่งรอบ หานเจวี๋ยถึงจะลุกขึ้นออกไปจากถ้ำเทวาฟ้าประทาน

เขามาตรงหน้าต้นฝูซัง หยางเทียนตง ถูหลิงเอ๋อร์ และราชามังกรสามหัวต่างพากันลุกขึ้นคารวะ

ไก่คุกรัตติกาลและสุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นก็มองมาทางหานเจวี๋ย

หานเจวี๋ยจ้องมองเถาน้ำเต้าพิภพเซียนบนต้นฝูซัง ท่าทางราวกับคิดอะไรอยู่

หนึ่งในเครือเถาเหล่านั้นเริ่มแตกหน่อ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะกฎเกณฑ์บางอย่างหรือไม่ แต่บังเอิญแตกมาเจ็ดหน่อพอดี

น้ำเต้าฟ้าประทานในสมัยบุพกาลก็มีเจ็ดลูก

เด็กพี่น้องน้ำเต้าในการ์ตูนก็มีเจ็ดคน

ในสภาพการณ์ที่ไม่อาจรู้ได้ เจ็ดอาจเป็นตัวแทนของกฎเกณฑ์บางอย่าง

‘ดูท่าทางต้นฝูซัง เถาน้ำเต้าพิภพเซียน วารีทางช้างเผือกสวรรค์เก้าชั้นฟ้า ดอกพลับพลึงแดง และโสมวิญญาณบรรพกาลจะสามารถส่งผลกระทบต่อกัน เพิ่มความเร็วในการเติบโตให้แก่กันและกันได้’ หานเจวี๋ยคิดเงียบๆ

เขาเฝ้ารอคอยให้เถาน้ำเต้าพิภพเซียนออกผลน้ำเต้า

น้ำเต้าเหล่านี้สามารถหลอมเป็นของวิเศษได้ และเปลี่ยนเป็นสิ่งมีชีวิตได้ด้วย

ความกระหายในของวิเศษของหานเจวี๋ยไม่มากนัก แต่คาดหวังให้น้ำเต้าเปลี่ยนรูปร่างมากกว่า

การฝึกบำเพ็ญคือสิ่งที่โดดเดี่ยวและจืดชืด หลายปีมานี้หากไม่มีไก่คุกรัตติกาล อู้เต้าเจี้ยน และคนอื่นๆ อยู่เป็นเพื่อน เกรงว่านิสัยของหานเจวี๋ยก็คงเปลี่ยนไปด้วย

นอกจากนี้ ภูตน้ำเต้าที่กลายร่างก็สามารถเป็นกำลังรบสำคัญให้เขาในวันหน้าได้

“บางทีข้าควรตั้งชื่อให้สายของข้าเสียหน่อย”

หานเจวี๋ยพลันเกิดความคิดขึ้นมาอย่างหนึ่ง

ช้าเร็วก็ต้องมีสักวันที่เขาจะขึ้นไปสู่สวรรค์เบื้องบน สำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ยากที่จะติดตามเขาไปตลอดชีวิต

อีกอย่างในสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ก็แบ่งเป็นหลายสาขา สิบแปดยอดเขาและยอดเขาหลัก สายของผู้อาวุโสแต่ละคน แม้ว่าจะเป็นสำนัก แต่ว่าสิ่งที่ถ่ายทอดมากมายหลากหลาย

หานเจวี๋ยไม่ได้คิดมาก

ตอนนี้เขายังไม่เหมาะที่จะแบกรับการถ่ายทอดมรดกวิชาให้สายลูกศิษย์ด้วยตัวคนเดียว

รอบรรดาศิษย์ของเขาเติบโตอย่างสมบูรณ์ก่อนค่อยว่ากัน

หยุดอยู่ครู่หนึ่ง หานเจวี๋ยถึงจะกลับเข้าไปในถ้ำเทวาฟ้าประทาน

ในขณะเดียวกัน เกิดรอยแยกเส้นหนึ่งบนท้องฟ้าดวงดาวอันกว้างใหญ่ เงาร่างหนึ่งค่อยๆ ก้าวออกมา และเดินไปยังโลกมนุษย์

นั่นคือหยางซ่าน!

หยางซ่านสวมเกราะเงินที่ทั้งหนักและหนา รูปร่างกำยำล่ำสัน บนศีรษะสวมมงกุฎเงินรูปมังกรเจียว มือถือหอกยาวที่มีเปลวเพลิงคุโชนอยู่ตรงปลาย

เขาเผยรอยยิ้มดุร้าย

“ฝันร้ายของเจ้ามาถึงแล้ว!”

ในใจหยางซ่านเต็มไปด้วยความตื่นเต้น

ในที่สุดเขาก็จะได้แก้แค้นให้ศิษย์น้องหญิง

เขากับหยางเยี่ยนจวินเติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก พูดได้ว่าเป็นเหมยเขียวม้าไม้ไผ่[1] ถึงขั้นมีความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยากันด้วย แต่กลัวว่าอาจารย์จะรู้จึงไม่ได้เปิดเผยมาโดยตลอด

หยางเยี่ยนจวินถูกเขาไหว้วานให้ลงมายังโลกมนุษย์ จนตัวตายมรรคผลสลาย แค้นนี้เป็นเหมือนฝันร้ายที่พัวพันจิตใจของหยางซ่านมาตลอด

หากเขาไม่แก้แค้น เกรงว่ามรรคจิตของจะได้รับความเสียหาย

ขณะที่หยางซ่านลงมาโลกมนุษย์ ก็นับนิ้วคำนวณไปด้วย

ไม่นานก็คำนวณได้ว่าศิษย์น้องหญิงเสียชีวิตในสถานที่ใด

เขารีบตรงไปยังทิศทางนั้นทันที

เขาไม่อยากล่าช้าเสียเวลา เลี่ยงไม่ให้ปัญหาใหม่แทรกเข้ามาอีก

เขาต้องการสังหารหานเจวี๋ยอย่างรวดเร็วที่สุด แล้วดึงจิตวิญญาณกลับไปทรมานที่วังสวรรค์ทุกๆ วัน

พอนึกถึงภาพที่หานเจวี๋ยร้องขอความเมตตาจากเขา หยางซ่านก็ระงับอาการตื่นเต้นของตัวเองไม่ได้

…..

สำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ บนเขาเพียรบำเพ็ญเซียน

หานเจวี๋ยเพิ่งกลับเข้าไปในถ้ำเทวาไม่นาน เสียงที่คุ้นเคยก็ดังเข้ามา

“สหายกวน รีบมาเร็ว ข้ารอท่านอยู่ที่เดิม”

จี้เซียนเสินอีกแล้ว!

หานเจวี๋ยรู้สึกหมดคำพูด

เจ้าหมอนี่ติดเขาแล้วหรืออย่างไร เหตุใดถึงมาหาเขาอยู่บ่อยๆ

หานเจวี๋ยถอนหายใจ ลุกขึ้นอย่างจนปัญญา

จี้เซียนเสินที่อยู่กลางป่ารอคอยหานเจวี๋ยด้วยรอยยิ้ม เขาอยากบอกข่าวดีกับหานเจวี๋ย

แต่ขณะนั้นเอง!

เขาพลันใจสั่นสะท้าน แหงนหน้ามองออกไป เห็นเพียงว่าบุรุษรูปงามผู้หนึ่งที่มีแสงเปล่งประกายเจิดจ้ากำลังเหยียบอากาศเดินมาทางเขาเพียรบำเพ็ญเซียน ในมือถือหอกยาวมีเปลวเพลิงคุโชนที่แสบตาเป็นอย่างยิ่ง

จี้เซียนเสินขมวดคิ้ว

นี่คือใคร

เขาพุ่งขึ้นไปขวางตรงหน้าหยางซ่านทันที ถามเสียงขรึมว่า “เจ้าเป็นใคร”

จี้เซียนเสินมองดูท่าทีของฝ่ายตรงข้าม เห็นได้ชัดว่ามาหาเรื่องสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์

ตอนนี้เขาเป็นอันดับหนึ่งในหล้า มีภารกิจที่ต้องผดุงคุณธรรมในโลกมนุษย์

จะได้ให้หานเจวี๋ยติดค้างน้ำใจเขาด้วยพอดี!

หยางซ่านจ้องมองเขาอย่างเย็นชา กล่าวเพียงว่า “ไสหัวไป!”

จี้เซียนเสินได้ยินก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ด่าออกมาว่า “โอหังนัก!”

เขายกมือทั้งสองข้างขึ้นมา สายฟ้าพุ่งออกมาจากร่าง

หยางซ่านสะบัดหอกโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง พลังเวทปะทุ โจมตีจนจี้เซียนเสินกระเด็นออกไปโดยพลัน

พรวด!

จี้เซียนเสินกระอักเลือดออกมา เลือดกระเด็นเป็นสายกลางอากาศ

หยางซ่านเดินหน้าต่อ เขาจ้องมองยอดเขาทั้งสิบแปดของสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ มือข้างหนึ่งถือหอกสะบัดสังหารออกไป

พริบตานั้น เปลวไฟลุกโชนกลายเป็นมังกรเพลิงขนาดใหญ่ตัวหนึ่งม้วนออกไป แม่น้ำภูเขาที่อยู่ระหว่างทางถูกโจมตีจนแหลกลาญ เมฆหมอกถูกคลื่นความร้อนบิดกระจาย ทำลายพังพินาศไปตลอดทาง อานุภาพไม่อาจต้านทานได้

“เจ้ารนหาที่ตาย!”

จี้เซียนเสินคำรามด้วยความโมโห เขาทะยานขึ้นมากลางฟ้าในสภาพผมเผ้ากระเซิง เมฆาอัสนีรวมตัวกันอย่างฉับพลัน ฟ้าดินตกอยู่ในความเงียบตามไปด้วย

อัสนีสวรรค์นับไม่ถ้วนประสานสลับกันไปมาบนตัวจี้เซียนเสิน ดวงตาทั้งคู่ของเขาเปล่งแสงอัสนี ชุดคลุมถูกกล้ามเนื้อดันจนนูนขึ้นมา ทั้งร่างประหนึ่งเทพอัสนีลงมาเยือนโลกมนุษย์ ไม่มีใครเทียบเทียมได้!

หยางซ่านมองด้วยความประหลาดใจ

‘คนผู้นี้สามารถเคลื่อนย้ายอัสนีสวรรค์ได้รึ’

จี้เซียนเสินโจมตีออกไปหนึ่งฝ่ามือ อัสนีสวรรค์จำนวนมากพุ่งไปสังหารหยางซ่านจากทั่วทุกด้าน เป็นฉากที่น่าตื่นตะลึงยิ่งนัก

หยางซ่านกวัดแกว่งหอกยาว ต้านการโจมตีของอัสนีสวรรค์ได้อย่างง่ายดาย

เขาสังเกตเห็นว่ามังกรเพลิงที่เขาปล่อยออกไปสลายไปแล้วอย่างไม่คาดคิด ยอดเขาทั้งสิบแปดของสำนักหยกพิสุทธิ์ที่อยู่ไกลๆ ยังคงปลอดภัยดี

มีร่างหนึ่งยืนอยู่กลางอากาศด้านหน้าเขาเพียรบำเพ็ญเซียน

หานเจวี๋ย!

เวลานี้ หานเจวี๋ยกำลังขมวดคิ้ว

พลังเวทแข็งแกร่งมาก!

แข็งแกร่งกว่าหยางเยี่ยนจวินและนักพรตเต๋าเจวี๋ยเหยี่ยนมาก!

ใต้ต้นฝูซัง ไก่คุกรัตติกาล อีกาทองสองตัว สุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้น อู้เต้าเจี้ยน ราชามังกรสามหัว ถูหลิงเอ๋อร์ และหยางเทียนตงกำลังมองขอบฟ้าด้วยความตึงเครียด

ในสายตาของพวกเขา อัสนีบาตฟาดผ่าตรงขอบฟ้านั้นดูราวกับวันสิ้นโลก

อานุภาพกดดันจากการสู้รบปกคลุมไปทั่วทั้งสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ ผู้บำเพ็ญทั้งหมดตกใจจนพากันออกจากการปิดด่านฝึกบำเพ็ญ และบินขึ้นไปกลางอากาศ

จี้เซียนเสินที่โมโหถึงขีดสุดไม่มีใจจะคาดเดาสถานะของหยางซ่านอีกต่อไป ฝ่ามือทั้งสองของเขาโจมตีไม่หยุด ใช้อัสนีสวรรค์ที่ไม่มีวันหมดสิ้นโจมตีไปยังหยางซ่าน

……………………………………….

[1]เหมยเขียวม้าไม้ไผ่ หมายถึง ชายหญิงที่เล่นด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะบทที่ 169 จี้เซียนเสินรบหยางซ่าน

Now you are reading ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ Chapter บทที่ 169 จี้เซียนเสินรบหยางซ่าน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 169 จี้เซียนเสินรบหยางซ่าน

หลังจากซูฉีเดินทางจากไป เวลาก็ผ่านไปอีกสิบปี

หานเจวี๋ยมุ่งมั่นฝึกบำเพ็ญอยู่ตลอด ตบะยกระดับขึ้นอย่างมั่นคง

ในวันนี้

เขาลืมตาขึ้นมา นำหนังสือแห่งความชั่วร้ายออกมาสาปแช่ง ขณะเดียวกันก็เปิดดูจดหมายไปด้วย

[โจวฝานสหายของท่านหลอมร่างสกรรจ์ใหม่อีกครั้ง ชาติก่อนกับชาตินี้ผสานเป็นหนึ่ง พลังมรรคเพิ่มพูน]

[โม่จู๋สหายของท่านตระหนักในสัจธรรมฟ้าดินขณะฝึกบำเพ็ญ ระดับความเข้าใจถูกยกระดับ]

[จี้เซียนเสินสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากสัตว์ปีศาจ] x158,907

[ฟางเหลียงศิษย์หลานของท่านเผชิญกับการโจมตีจากจักรพรรดิปีศาจจิ้งจอกดำศัตรูคู่แค้นของท่าน]

[ฟางเหลียงศิษย์หลานของท่านตกอยู่ในสภาพเกือบตายแต่รอดมาได้ หลอมรวมจิตสังหารขึ้นมา]

[ยอดแม่ทัพเทพสหายของท่านถูกขังอยู่ในค่ายกลอันโหดเหี้ยม เป็นตายไม่แน่ชัด]

[ซูฉีศิษย์ของท่านเผชิญกับการโจมตีจากสัตว์อสูร] x24,113

……

‘ยังคงวุ่นวายเช่นเคย!’

สำหรับใครบางคนนี่อาจจะไม่ใช่ความวุ่นวาย แต่เป็นความตื่นเต้น

แม้ว่าหานเจวี๋ยจะไร้คู่ต่อกรในโลกมนุษย์แล้ว แต่ยังไม่สนใจจะออกไปเที่ยวพเนจรในโลกกว้าง

ต่อไปสิ่งที่จะมีมากคือโอกาส ตอนนี้ไม่อาจชักช้าลีลา จนส่งผลให้ในอนาคตพบเจอศัตรูผู้แข็งแกร่งที่ไม่อาจต่อกรด้วยได้

หานเจวี๋ยไม่อยากตายอีกแล้วจริงๆ!

ขณะที่หานเจวี๋ยกำลังปลงอนิจจังอยู่ อู้เต้าเจี้ยนเห็นเขาลืมตา จึงถามขึ้นมา “นายท่าน ดูเหมือนว่าเถาน้ำเต้าพิภพเซียนจะแตกหน่อแล้ว”

หานเจวี๋ยได้ยินก็กล่าวว่า “จริงหรือ เช่นนั้นก็ดีมาก อีกครึ่งปีข้าจะออกไปดู”

อู้เต้าเจี้ยนถามด้วยความอยากรู้ “เหตุใดต้องครึ่งปีด้วย”

หานเจวี๋ยตอบอย่างจริงจังขณะยังถือหนังหนังสือแห่งความโชคร้าย “ทำการไม่อาจยุ่งเหยิงได้ การฝึกบำเพ็ญก็ต้องมีจังหวะ ข้าขอสงบใจก่อน”

อู้เต้าเจี้ยนไม่ค่อยเข้าใจ แต่รู้สึกว่าเยี่ยมมาก

หลังจากใช้เวลาครึ่งปีสาปแช่งศัตรูทั้งหมดไปหนึ่งรอบ หานเจวี๋ยถึงจะลุกขึ้นออกไปจากถ้ำเทวาฟ้าประทาน

เขามาตรงหน้าต้นฝูซัง หยางเทียนตง ถูหลิงเอ๋อร์ และราชามังกรสามหัวต่างพากันลุกขึ้นคารวะ

ไก่คุกรัตติกาลและสุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นก็มองมาทางหานเจวี๋ย

หานเจวี๋ยจ้องมองเถาน้ำเต้าพิภพเซียนบนต้นฝูซัง ท่าทางราวกับคิดอะไรอยู่

หนึ่งในเครือเถาเหล่านั้นเริ่มแตกหน่อ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะกฎเกณฑ์บางอย่างหรือไม่ แต่บังเอิญแตกมาเจ็ดหน่อพอดี

น้ำเต้าฟ้าประทานในสมัยบุพกาลก็มีเจ็ดลูก

เด็กพี่น้องน้ำเต้าในการ์ตูนก็มีเจ็ดคน

ในสภาพการณ์ที่ไม่อาจรู้ได้ เจ็ดอาจเป็นตัวแทนของกฎเกณฑ์บางอย่าง

‘ดูท่าทางต้นฝูซัง เถาน้ำเต้าพิภพเซียน วารีทางช้างเผือกสวรรค์เก้าชั้นฟ้า ดอกพลับพลึงแดง และโสมวิญญาณบรรพกาลจะสามารถส่งผลกระทบต่อกัน เพิ่มความเร็วในการเติบโตให้แก่กันและกันได้’ หานเจวี๋ยคิดเงียบๆ

เขาเฝ้ารอคอยให้เถาน้ำเต้าพิภพเซียนออกผลน้ำเต้า

น้ำเต้าเหล่านี้สามารถหลอมเป็นของวิเศษได้ และเปลี่ยนเป็นสิ่งมีชีวิตได้ด้วย

ความกระหายในของวิเศษของหานเจวี๋ยไม่มากนัก แต่คาดหวังให้น้ำเต้าเปลี่ยนรูปร่างมากกว่า

การฝึกบำเพ็ญคือสิ่งที่โดดเดี่ยวและจืดชืด หลายปีมานี้หากไม่มีไก่คุกรัตติกาล อู้เต้าเจี้ยน และคนอื่นๆ อยู่เป็นเพื่อน เกรงว่านิสัยของหานเจวี๋ยก็คงเปลี่ยนไปด้วย

นอกจากนี้ ภูตน้ำเต้าที่กลายร่างก็สามารถเป็นกำลังรบสำคัญให้เขาในวันหน้าได้

“บางทีข้าควรตั้งชื่อให้สายของข้าเสียหน่อย”

หานเจวี๋ยพลันเกิดความคิดขึ้นมาอย่างหนึ่ง

ช้าเร็วก็ต้องมีสักวันที่เขาจะขึ้นไปสู่สวรรค์เบื้องบน สำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ยากที่จะติดตามเขาไปตลอดชีวิต

อีกอย่างในสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ก็แบ่งเป็นหลายสาขา สิบแปดยอดเขาและยอดเขาหลัก สายของผู้อาวุโสแต่ละคน แม้ว่าจะเป็นสำนัก แต่ว่าสิ่งที่ถ่ายทอดมากมายหลากหลาย

หานเจวี๋ยไม่ได้คิดมาก

ตอนนี้เขายังไม่เหมาะที่จะแบกรับการถ่ายทอดมรดกวิชาให้สายลูกศิษย์ด้วยตัวคนเดียว

รอบรรดาศิษย์ของเขาเติบโตอย่างสมบูรณ์ก่อนค่อยว่ากัน

หยุดอยู่ครู่หนึ่ง หานเจวี๋ยถึงจะกลับเข้าไปในถ้ำเทวาฟ้าประทาน

ในขณะเดียวกัน เกิดรอยแยกเส้นหนึ่งบนท้องฟ้าดวงดาวอันกว้างใหญ่ เงาร่างหนึ่งค่อยๆ ก้าวออกมา และเดินไปยังโลกมนุษย์

นั่นคือหยางซ่าน!

หยางซ่านสวมเกราะเงินที่ทั้งหนักและหนา รูปร่างกำยำล่ำสัน บนศีรษะสวมมงกุฎเงินรูปมังกรเจียว มือถือหอกยาวที่มีเปลวเพลิงคุโชนอยู่ตรงปลาย

เขาเผยรอยยิ้มดุร้าย

“ฝันร้ายของเจ้ามาถึงแล้ว!”

ในใจหยางซ่านเต็มไปด้วยความตื่นเต้น

ในที่สุดเขาก็จะได้แก้แค้นให้ศิษย์น้องหญิง

เขากับหยางเยี่ยนจวินเติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก พูดได้ว่าเป็นเหมยเขียวม้าไม้ไผ่[1] ถึงขั้นมีความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยากันด้วย แต่กลัวว่าอาจารย์จะรู้จึงไม่ได้เปิดเผยมาโดยตลอด

หยางเยี่ยนจวินถูกเขาไหว้วานให้ลงมายังโลกมนุษย์ จนตัวตายมรรคผลสลาย แค้นนี้เป็นเหมือนฝันร้ายที่พัวพันจิตใจของหยางซ่านมาตลอด

หากเขาไม่แก้แค้น เกรงว่ามรรคจิตของจะได้รับความเสียหาย

ขณะที่หยางซ่านลงมาโลกมนุษย์ ก็นับนิ้วคำนวณไปด้วย

ไม่นานก็คำนวณได้ว่าศิษย์น้องหญิงเสียชีวิตในสถานที่ใด

เขารีบตรงไปยังทิศทางนั้นทันที

เขาไม่อยากล่าช้าเสียเวลา เลี่ยงไม่ให้ปัญหาใหม่แทรกเข้ามาอีก

เขาต้องการสังหารหานเจวี๋ยอย่างรวดเร็วที่สุด แล้วดึงจิตวิญญาณกลับไปทรมานที่วังสวรรค์ทุกๆ วัน

พอนึกถึงภาพที่หานเจวี๋ยร้องขอความเมตตาจากเขา หยางซ่านก็ระงับอาการตื่นเต้นของตัวเองไม่ได้

…..

สำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ บนเขาเพียรบำเพ็ญเซียน

หานเจวี๋ยเพิ่งกลับเข้าไปในถ้ำเทวาไม่นาน เสียงที่คุ้นเคยก็ดังเข้ามา

“สหายกวน รีบมาเร็ว ข้ารอท่านอยู่ที่เดิม”

จี้เซียนเสินอีกแล้ว!

หานเจวี๋ยรู้สึกหมดคำพูด

เจ้าหมอนี่ติดเขาแล้วหรืออย่างไร เหตุใดถึงมาหาเขาอยู่บ่อยๆ

หานเจวี๋ยถอนหายใจ ลุกขึ้นอย่างจนปัญญา

จี้เซียนเสินที่อยู่กลางป่ารอคอยหานเจวี๋ยด้วยรอยยิ้ม เขาอยากบอกข่าวดีกับหานเจวี๋ย

แต่ขณะนั้นเอง!

เขาพลันใจสั่นสะท้าน แหงนหน้ามองออกไป เห็นเพียงว่าบุรุษรูปงามผู้หนึ่งที่มีแสงเปล่งประกายเจิดจ้ากำลังเหยียบอากาศเดินมาทางเขาเพียรบำเพ็ญเซียน ในมือถือหอกยาวมีเปลวเพลิงคุโชนที่แสบตาเป็นอย่างยิ่ง

จี้เซียนเสินขมวดคิ้ว

นี่คือใคร

เขาพุ่งขึ้นไปขวางตรงหน้าหยางซ่านทันที ถามเสียงขรึมว่า “เจ้าเป็นใคร”

จี้เซียนเสินมองดูท่าทีของฝ่ายตรงข้าม เห็นได้ชัดว่ามาหาเรื่องสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์

ตอนนี้เขาเป็นอันดับหนึ่งในหล้า มีภารกิจที่ต้องผดุงคุณธรรมในโลกมนุษย์

จะได้ให้หานเจวี๋ยติดค้างน้ำใจเขาด้วยพอดี!

หยางซ่านจ้องมองเขาอย่างเย็นชา กล่าวเพียงว่า “ไสหัวไป!”

จี้เซียนเสินได้ยินก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ด่าออกมาว่า “โอหังนัก!”

เขายกมือทั้งสองข้างขึ้นมา สายฟ้าพุ่งออกมาจากร่าง

หยางซ่านสะบัดหอกโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง พลังเวทปะทุ โจมตีจนจี้เซียนเสินกระเด็นออกไปโดยพลัน

พรวด!

จี้เซียนเสินกระอักเลือดออกมา เลือดกระเด็นเป็นสายกลางอากาศ

หยางซ่านเดินหน้าต่อ เขาจ้องมองยอดเขาทั้งสิบแปดของสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ มือข้างหนึ่งถือหอกสะบัดสังหารออกไป

พริบตานั้น เปลวไฟลุกโชนกลายเป็นมังกรเพลิงขนาดใหญ่ตัวหนึ่งม้วนออกไป แม่น้ำภูเขาที่อยู่ระหว่างทางถูกโจมตีจนแหลกลาญ เมฆหมอกถูกคลื่นความร้อนบิดกระจาย ทำลายพังพินาศไปตลอดทาง อานุภาพไม่อาจต้านทานได้

“เจ้ารนหาที่ตาย!”

จี้เซียนเสินคำรามด้วยความโมโห เขาทะยานขึ้นมากลางฟ้าในสภาพผมเผ้ากระเซิง เมฆาอัสนีรวมตัวกันอย่างฉับพลัน ฟ้าดินตกอยู่ในความเงียบตามไปด้วย

อัสนีสวรรค์นับไม่ถ้วนประสานสลับกันไปมาบนตัวจี้เซียนเสิน ดวงตาทั้งคู่ของเขาเปล่งแสงอัสนี ชุดคลุมถูกกล้ามเนื้อดันจนนูนขึ้นมา ทั้งร่างประหนึ่งเทพอัสนีลงมาเยือนโลกมนุษย์ ไม่มีใครเทียบเทียมได้!

หยางซ่านมองด้วยความประหลาดใจ

‘คนผู้นี้สามารถเคลื่อนย้ายอัสนีสวรรค์ได้รึ’

จี้เซียนเสินโจมตีออกไปหนึ่งฝ่ามือ อัสนีสวรรค์จำนวนมากพุ่งไปสังหารหยางซ่านจากทั่วทุกด้าน เป็นฉากที่น่าตื่นตะลึงยิ่งนัก

หยางซ่านกวัดแกว่งหอกยาว ต้านการโจมตีของอัสนีสวรรค์ได้อย่างง่ายดาย

เขาสังเกตเห็นว่ามังกรเพลิงที่เขาปล่อยออกไปสลายไปแล้วอย่างไม่คาดคิด ยอดเขาทั้งสิบแปดของสำนักหยกพิสุทธิ์ที่อยู่ไกลๆ ยังคงปลอดภัยดี

มีร่างหนึ่งยืนอยู่กลางอากาศด้านหน้าเขาเพียรบำเพ็ญเซียน

หานเจวี๋ย!

เวลานี้ หานเจวี๋ยกำลังขมวดคิ้ว

พลังเวทแข็งแกร่งมาก!

แข็งแกร่งกว่าหยางเยี่ยนจวินและนักพรตเต๋าเจวี๋ยเหยี่ยนมาก!

ใต้ต้นฝูซัง ไก่คุกรัตติกาล อีกาทองสองตัว สุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้น อู้เต้าเจี้ยน ราชามังกรสามหัว ถูหลิงเอ๋อร์ และหยางเทียนตงกำลังมองขอบฟ้าด้วยความตึงเครียด

ในสายตาของพวกเขา อัสนีบาตฟาดผ่าตรงขอบฟ้านั้นดูราวกับวันสิ้นโลก

อานุภาพกดดันจากการสู้รบปกคลุมไปทั่วทั้งสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ ผู้บำเพ็ญทั้งหมดตกใจจนพากันออกจากการปิดด่านฝึกบำเพ็ญ และบินขึ้นไปกลางอากาศ

จี้เซียนเสินที่โมโหถึงขีดสุดไม่มีใจจะคาดเดาสถานะของหยางซ่านอีกต่อไป ฝ่ามือทั้งสองของเขาโจมตีไม่หยุด ใช้อัสนีสวรรค์ที่ไม่มีวันหมดสิ้นโจมตีไปยังหยางซ่าน

……………………………………….

[1]เหมยเขียวม้าไม้ไผ่ หมายถึง ชายหญิงที่เล่นด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะบทที่ 169 จี้เซียนเสินรบหยางซ่าน

Now you are reading ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ Chapter บทที่ 169 จี้เซียนเสินรบหยางซ่าน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 169 จี้เซียนเสินรบหยางซ่าน

หลังจากซูฉีเดินทางจากไป เวลาก็ผ่านไปอีกสิบปี

หานเจวี๋ยมุ่งมั่นฝึกบำเพ็ญอยู่ตลอด ตบะยกระดับขึ้นอย่างมั่นคง

ในวันนี้

เขาลืมตาขึ้นมา นำหนังสือแห่งความชั่วร้ายออกมาสาปแช่ง ขณะเดียวกันก็เปิดดูจดหมายไปด้วย

[โจวฝานสหายของท่านหลอมร่างสกรรจ์ใหม่อีกครั้ง ชาติก่อนกับชาตินี้ผสานเป็นหนึ่ง พลังมรรคเพิ่มพูน]

[โม่จู๋สหายของท่านตระหนักในสัจธรรมฟ้าดินขณะฝึกบำเพ็ญ ระดับความเข้าใจถูกยกระดับ]

[จี้เซียนเสินสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากสัตว์ปีศาจ] x158,907

[ฟางเหลียงศิษย์หลานของท่านเผชิญกับการโจมตีจากจักรพรรดิปีศาจจิ้งจอกดำศัตรูคู่แค้นของท่าน]

[ฟางเหลียงศิษย์หลานของท่านตกอยู่ในสภาพเกือบตายแต่รอดมาได้ หลอมรวมจิตสังหารขึ้นมา]

[ยอดแม่ทัพเทพสหายของท่านถูกขังอยู่ในค่ายกลอันโหดเหี้ยม เป็นตายไม่แน่ชัด]

[ซูฉีศิษย์ของท่านเผชิญกับการโจมตีจากสัตว์อสูร] x24,113

……

‘ยังคงวุ่นวายเช่นเคย!’

สำหรับใครบางคนนี่อาจจะไม่ใช่ความวุ่นวาย แต่เป็นความตื่นเต้น

แม้ว่าหานเจวี๋ยจะไร้คู่ต่อกรในโลกมนุษย์แล้ว แต่ยังไม่สนใจจะออกไปเที่ยวพเนจรในโลกกว้าง

ต่อไปสิ่งที่จะมีมากคือโอกาส ตอนนี้ไม่อาจชักช้าลีลา จนส่งผลให้ในอนาคตพบเจอศัตรูผู้แข็งแกร่งที่ไม่อาจต่อกรด้วยได้

หานเจวี๋ยไม่อยากตายอีกแล้วจริงๆ!

ขณะที่หานเจวี๋ยกำลังปลงอนิจจังอยู่ อู้เต้าเจี้ยนเห็นเขาลืมตา จึงถามขึ้นมา “นายท่าน ดูเหมือนว่าเถาน้ำเต้าพิภพเซียนจะแตกหน่อแล้ว”

หานเจวี๋ยได้ยินก็กล่าวว่า “จริงหรือ เช่นนั้นก็ดีมาก อีกครึ่งปีข้าจะออกไปดู”

อู้เต้าเจี้ยนถามด้วยความอยากรู้ “เหตุใดต้องครึ่งปีด้วย”

หานเจวี๋ยตอบอย่างจริงจังขณะยังถือหนังหนังสือแห่งความโชคร้าย “ทำการไม่อาจยุ่งเหยิงได้ การฝึกบำเพ็ญก็ต้องมีจังหวะ ข้าขอสงบใจก่อน”

อู้เต้าเจี้ยนไม่ค่อยเข้าใจ แต่รู้สึกว่าเยี่ยมมาก

หลังจากใช้เวลาครึ่งปีสาปแช่งศัตรูทั้งหมดไปหนึ่งรอบ หานเจวี๋ยถึงจะลุกขึ้นออกไปจากถ้ำเทวาฟ้าประทาน

เขามาตรงหน้าต้นฝูซัง หยางเทียนตง ถูหลิงเอ๋อร์ และราชามังกรสามหัวต่างพากันลุกขึ้นคารวะ

ไก่คุกรัตติกาลและสุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นก็มองมาทางหานเจวี๋ย

หานเจวี๋ยจ้องมองเถาน้ำเต้าพิภพเซียนบนต้นฝูซัง ท่าทางราวกับคิดอะไรอยู่

หนึ่งในเครือเถาเหล่านั้นเริ่มแตกหน่อ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะกฎเกณฑ์บางอย่างหรือไม่ แต่บังเอิญแตกมาเจ็ดหน่อพอดี

น้ำเต้าฟ้าประทานในสมัยบุพกาลก็มีเจ็ดลูก

เด็กพี่น้องน้ำเต้าในการ์ตูนก็มีเจ็ดคน

ในสภาพการณ์ที่ไม่อาจรู้ได้ เจ็ดอาจเป็นตัวแทนของกฎเกณฑ์บางอย่าง

‘ดูท่าทางต้นฝูซัง เถาน้ำเต้าพิภพเซียน วารีทางช้างเผือกสวรรค์เก้าชั้นฟ้า ดอกพลับพลึงแดง และโสมวิญญาณบรรพกาลจะสามารถส่งผลกระทบต่อกัน เพิ่มความเร็วในการเติบโตให้แก่กันและกันได้’ หานเจวี๋ยคิดเงียบๆ

เขาเฝ้ารอคอยให้เถาน้ำเต้าพิภพเซียนออกผลน้ำเต้า

น้ำเต้าเหล่านี้สามารถหลอมเป็นของวิเศษได้ และเปลี่ยนเป็นสิ่งมีชีวิตได้ด้วย

ความกระหายในของวิเศษของหานเจวี๋ยไม่มากนัก แต่คาดหวังให้น้ำเต้าเปลี่ยนรูปร่างมากกว่า

การฝึกบำเพ็ญคือสิ่งที่โดดเดี่ยวและจืดชืด หลายปีมานี้หากไม่มีไก่คุกรัตติกาล อู้เต้าเจี้ยน และคนอื่นๆ อยู่เป็นเพื่อน เกรงว่านิสัยของหานเจวี๋ยก็คงเปลี่ยนไปด้วย

นอกจากนี้ ภูตน้ำเต้าที่กลายร่างก็สามารถเป็นกำลังรบสำคัญให้เขาในวันหน้าได้

“บางทีข้าควรตั้งชื่อให้สายของข้าเสียหน่อย”

หานเจวี๋ยพลันเกิดความคิดขึ้นมาอย่างหนึ่ง

ช้าเร็วก็ต้องมีสักวันที่เขาจะขึ้นไปสู่สวรรค์เบื้องบน สำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ยากที่จะติดตามเขาไปตลอดชีวิต

อีกอย่างในสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ก็แบ่งเป็นหลายสาขา สิบแปดยอดเขาและยอดเขาหลัก สายของผู้อาวุโสแต่ละคน แม้ว่าจะเป็นสำนัก แต่ว่าสิ่งที่ถ่ายทอดมากมายหลากหลาย

หานเจวี๋ยไม่ได้คิดมาก

ตอนนี้เขายังไม่เหมาะที่จะแบกรับการถ่ายทอดมรดกวิชาให้สายลูกศิษย์ด้วยตัวคนเดียว

รอบรรดาศิษย์ของเขาเติบโตอย่างสมบูรณ์ก่อนค่อยว่ากัน

หยุดอยู่ครู่หนึ่ง หานเจวี๋ยถึงจะกลับเข้าไปในถ้ำเทวาฟ้าประทาน

ในขณะเดียวกัน เกิดรอยแยกเส้นหนึ่งบนท้องฟ้าดวงดาวอันกว้างใหญ่ เงาร่างหนึ่งค่อยๆ ก้าวออกมา และเดินไปยังโลกมนุษย์

นั่นคือหยางซ่าน!

หยางซ่านสวมเกราะเงินที่ทั้งหนักและหนา รูปร่างกำยำล่ำสัน บนศีรษะสวมมงกุฎเงินรูปมังกรเจียว มือถือหอกยาวที่มีเปลวเพลิงคุโชนอยู่ตรงปลาย

เขาเผยรอยยิ้มดุร้าย

“ฝันร้ายของเจ้ามาถึงแล้ว!”

ในใจหยางซ่านเต็มไปด้วยความตื่นเต้น

ในที่สุดเขาก็จะได้แก้แค้นให้ศิษย์น้องหญิง

เขากับหยางเยี่ยนจวินเติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก พูดได้ว่าเป็นเหมยเขียวม้าไม้ไผ่[1] ถึงขั้นมีความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยากันด้วย แต่กลัวว่าอาจารย์จะรู้จึงไม่ได้เปิดเผยมาโดยตลอด

หยางเยี่ยนจวินถูกเขาไหว้วานให้ลงมายังโลกมนุษย์ จนตัวตายมรรคผลสลาย แค้นนี้เป็นเหมือนฝันร้ายที่พัวพันจิตใจของหยางซ่านมาตลอด

หากเขาไม่แก้แค้น เกรงว่ามรรคจิตของจะได้รับความเสียหาย

ขณะที่หยางซ่านลงมาโลกมนุษย์ ก็นับนิ้วคำนวณไปด้วย

ไม่นานก็คำนวณได้ว่าศิษย์น้องหญิงเสียชีวิตในสถานที่ใด

เขารีบตรงไปยังทิศทางนั้นทันที

เขาไม่อยากล่าช้าเสียเวลา เลี่ยงไม่ให้ปัญหาใหม่แทรกเข้ามาอีก

เขาต้องการสังหารหานเจวี๋ยอย่างรวดเร็วที่สุด แล้วดึงจิตวิญญาณกลับไปทรมานที่วังสวรรค์ทุกๆ วัน

พอนึกถึงภาพที่หานเจวี๋ยร้องขอความเมตตาจากเขา หยางซ่านก็ระงับอาการตื่นเต้นของตัวเองไม่ได้

…..

สำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ บนเขาเพียรบำเพ็ญเซียน

หานเจวี๋ยเพิ่งกลับเข้าไปในถ้ำเทวาไม่นาน เสียงที่คุ้นเคยก็ดังเข้ามา

“สหายกวน รีบมาเร็ว ข้ารอท่านอยู่ที่เดิม”

จี้เซียนเสินอีกแล้ว!

หานเจวี๋ยรู้สึกหมดคำพูด

เจ้าหมอนี่ติดเขาแล้วหรืออย่างไร เหตุใดถึงมาหาเขาอยู่บ่อยๆ

หานเจวี๋ยถอนหายใจ ลุกขึ้นอย่างจนปัญญา

จี้เซียนเสินที่อยู่กลางป่ารอคอยหานเจวี๋ยด้วยรอยยิ้ม เขาอยากบอกข่าวดีกับหานเจวี๋ย

แต่ขณะนั้นเอง!

เขาพลันใจสั่นสะท้าน แหงนหน้ามองออกไป เห็นเพียงว่าบุรุษรูปงามผู้หนึ่งที่มีแสงเปล่งประกายเจิดจ้ากำลังเหยียบอากาศเดินมาทางเขาเพียรบำเพ็ญเซียน ในมือถือหอกยาวมีเปลวเพลิงคุโชนที่แสบตาเป็นอย่างยิ่ง

จี้เซียนเสินขมวดคิ้ว

นี่คือใคร

เขาพุ่งขึ้นไปขวางตรงหน้าหยางซ่านทันที ถามเสียงขรึมว่า “เจ้าเป็นใคร”

จี้เซียนเสินมองดูท่าทีของฝ่ายตรงข้าม เห็นได้ชัดว่ามาหาเรื่องสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์

ตอนนี้เขาเป็นอันดับหนึ่งในหล้า มีภารกิจที่ต้องผดุงคุณธรรมในโลกมนุษย์

จะได้ให้หานเจวี๋ยติดค้างน้ำใจเขาด้วยพอดี!

หยางซ่านจ้องมองเขาอย่างเย็นชา กล่าวเพียงว่า “ไสหัวไป!”

จี้เซียนเสินได้ยินก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ด่าออกมาว่า “โอหังนัก!”

เขายกมือทั้งสองข้างขึ้นมา สายฟ้าพุ่งออกมาจากร่าง

หยางซ่านสะบัดหอกโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง พลังเวทปะทุ โจมตีจนจี้เซียนเสินกระเด็นออกไปโดยพลัน

พรวด!

จี้เซียนเสินกระอักเลือดออกมา เลือดกระเด็นเป็นสายกลางอากาศ

หยางซ่านเดินหน้าต่อ เขาจ้องมองยอดเขาทั้งสิบแปดของสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ มือข้างหนึ่งถือหอกสะบัดสังหารออกไป

พริบตานั้น เปลวไฟลุกโชนกลายเป็นมังกรเพลิงขนาดใหญ่ตัวหนึ่งม้วนออกไป แม่น้ำภูเขาที่อยู่ระหว่างทางถูกโจมตีจนแหลกลาญ เมฆหมอกถูกคลื่นความร้อนบิดกระจาย ทำลายพังพินาศไปตลอดทาง อานุภาพไม่อาจต้านทานได้

“เจ้ารนหาที่ตาย!”

จี้เซียนเสินคำรามด้วยความโมโห เขาทะยานขึ้นมากลางฟ้าในสภาพผมเผ้ากระเซิง เมฆาอัสนีรวมตัวกันอย่างฉับพลัน ฟ้าดินตกอยู่ในความเงียบตามไปด้วย

อัสนีสวรรค์นับไม่ถ้วนประสานสลับกันไปมาบนตัวจี้เซียนเสิน ดวงตาทั้งคู่ของเขาเปล่งแสงอัสนี ชุดคลุมถูกกล้ามเนื้อดันจนนูนขึ้นมา ทั้งร่างประหนึ่งเทพอัสนีลงมาเยือนโลกมนุษย์ ไม่มีใครเทียบเทียมได้!

หยางซ่านมองด้วยความประหลาดใจ

‘คนผู้นี้สามารถเคลื่อนย้ายอัสนีสวรรค์ได้รึ’

จี้เซียนเสินโจมตีออกไปหนึ่งฝ่ามือ อัสนีสวรรค์จำนวนมากพุ่งไปสังหารหยางซ่านจากทั่วทุกด้าน เป็นฉากที่น่าตื่นตะลึงยิ่งนัก

หยางซ่านกวัดแกว่งหอกยาว ต้านการโจมตีของอัสนีสวรรค์ได้อย่างง่ายดาย

เขาสังเกตเห็นว่ามังกรเพลิงที่เขาปล่อยออกไปสลายไปแล้วอย่างไม่คาดคิด ยอดเขาทั้งสิบแปดของสำนักหยกพิสุทธิ์ที่อยู่ไกลๆ ยังคงปลอดภัยดี

มีร่างหนึ่งยืนอยู่กลางอากาศด้านหน้าเขาเพียรบำเพ็ญเซียน

หานเจวี๋ย!

เวลานี้ หานเจวี๋ยกำลังขมวดคิ้ว

พลังเวทแข็งแกร่งมาก!

แข็งแกร่งกว่าหยางเยี่ยนจวินและนักพรตเต๋าเจวี๋ยเหยี่ยนมาก!

ใต้ต้นฝูซัง ไก่คุกรัตติกาล อีกาทองสองตัว สุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้น อู้เต้าเจี้ยน ราชามังกรสามหัว ถูหลิงเอ๋อร์ และหยางเทียนตงกำลังมองขอบฟ้าด้วยความตึงเครียด

ในสายตาของพวกเขา อัสนีบาตฟาดผ่าตรงขอบฟ้านั้นดูราวกับวันสิ้นโลก

อานุภาพกดดันจากการสู้รบปกคลุมไปทั่วทั้งสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ ผู้บำเพ็ญทั้งหมดตกใจจนพากันออกจากการปิดด่านฝึกบำเพ็ญ และบินขึ้นไปกลางอากาศ

จี้เซียนเสินที่โมโหถึงขีดสุดไม่มีใจจะคาดเดาสถานะของหยางซ่านอีกต่อไป ฝ่ามือทั้งสองของเขาโจมตีไม่หยุด ใช้อัสนีสวรรค์ที่ไม่มีวันหมดสิ้นโจมตีไปยังหยางซ่าน

……………………………………….

[1]เหมยเขียวม้าไม้ไผ่ หมายถึง ชายหญิงที่เล่นด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+