ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ 63 พลังสาปแช่งที่ลึกลับ

Now you are reading ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ Chapter 63 พลังสาปแช่งที่ลึกลับ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 63 พลังสาปแช่งที่ลึกลับ
หวงจี๋เฮ่ากลับไปแล้ว

แต่หานเจวี๋ยไม่อาจมองเขาตรงๆ ได้อีก

ระดับความประทับใจที่เพิ่มขึ้นอย่างไม่มีเหตุผลมากจนกระทั่งหานเจวี๋ยสงสัยว่าเจ้าหมอนี่คิดเลยเถิดกับเขาแล้ว

หลังจากนั้น หานเจวี๋ยจึงหันมาฝึกฝนต่อ

สำนักกระบี่วิหคชาดสามารถหาตัวคนบงการมาได้หรือไม่ยังคงพูดได้ยาก หานเจวี๋ยเองก็ไม่ได้กังวลว่าพวกเขาจะทำได้หรือไม่

ต่อให้สิบเก้าสายสำนักจะบุกเข้ามาพรุ่งนี้ เขาก็ไม่ได้กังวล

ในสายตาของเขามีเพียงเรื่องเดียวเท่านั้น

เขาต้องทะลวงระดับสุญตาขันที่สองโดยเร็ว!

……

ภายในถ้ำแห่งหนึ่งมีเปลวเพลิงสั่นวูบไหว สิงหงเสวียนกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่เบื้องหน้ากองไฟ

โฮก…

ด้านนอกถ้ำมีเสียงร้องคำรามที่ดังสนั่นผ่านเข้ามา น่าเกรงขามอย่างยิ่ง

สิงหงเสวียนค่อยๆ ลืมตาขึ้น นางเพ่งมองไปยังตัวอักษรที่ประทับอยู่บนหน้าผา หว่างคิ้วยับย่นเล็กน้อย

“เหตุใดถึงรู้สึกเหมือนยังขาดอะไรไป”

สิงหงเสวียนคิดหนัก

ที่นี่เป็นแดนลึกลับแห่งหนึ่งของผู้บำเพ็ญในยุคบรรพกาล สิงหงเสวียนค้นพบโดยบังเอิญว่าสถานที่แห่งนี้มีการบันทึก วิชายุทธ์ลึกซึ้งจนคาดเดาไม่ถูก นางรวบรวมความกล้ามุ่งมั่นฝึกฝน ภายในเวลาหนึ่งปีตบะเพิ่มขึ้นไม่น้อย แต่ระยะทางที่นางจะเรียนรู้วิชายุทธ์นี้ทั้งหมดยังอีกยาวไกลนัก

สิงหงเสวียอดนึกถึงหานเจวี๋ยขึ้นมาไม่ได้

หากเขาอยู่ด้วย บางทีอาจจะช่วยข้าแก้ปัญหาได้

พอนึกได้เช่นนี้ สิงหงเสวียนจึงนำหุ่นเชิดสวรรค์ออกมา

นางให้หุ่นเชิดสวรรค์นั่งลงข้างตนเอง เอียงศีรษะของตนพิงกับหุ่นเชิดสวรรค์เบาๆ เริ่มพักผ่อน

นับตั้งแต่มีหุ่นเชิดสวรรค์ ทุกครั้งที่นึกถึงหานเจวี๋ย นางก็จะนำหุ่นเชิดแห่งสวรรค์ออกมา

นางมักจะบอกกล่าวเรื่องราวในใจของตนเองให้หุ่นเชิดแห่งสวรรค์ฟัง

เพราะในหุ่นเชิดสวรรค์มีจักขุวิญญาณของหานเจวี๋ยซ่อนอยู่ หานเจวี๋ยจึงไม่กังวลว่าจะเกิดเรื่องร้ายอะไรกับนาง

ผ่านไปเนิ่นนาน

สิงหงเสวียนนั่งตัวตรง เตรียมที่จะฝึกฝนต่อ

ทันใดนั้นเอง

ด้านนอกถ้ำกลับมีเสียงฝีเท้าดังขึ้น

สิงหงเสวียนหวาดวิตก รีบร้อนนำอาวุธเวทออกมา

เห็นเพียงชายชราในชุดคลุมสีเทาที่ใบหน้าเปล่งปลั่งดุจทารกคนหนึ่งเดินเข้ามาช้าๆ เขามองเห็นสิงหงเสวียนที่ตื่นตระหนก ก่อนยิ้มเอ่ยว่า “ผู้เยาว์ ไม่ต้องกังวลไป ข้าก็มาหยั่งรู้วิชายุทธ์เช่นกัน”

หยั่งรู้วิชายุทธ์?

สิงหงเสวียนขมวดคิ้ว ในใจสับสน

หรือก่อนที่นางจะมาถึงที่นี่ ชายชราผู้นี้ก็ค้นพบปราการเขาลูกนี้แล้ว?

ชายชราชุดคลุมสีเทาไม่ได้สนใจสิงหงเสวียน เดินเข้าไปนั่งลงเบื้องหน้าปราการเขา เริ่มจดจ้องไปยังตัวอักษรบนปราการเขาครุ่นคิดอย่างหนัก

ทั้งสองต่างไม่ได้สังเกตเห็นเลยว่าดวงตาของหุ่นเชิดสวรรค์ค่อยๆ เปล่งประกายวิบวาวออกมาน้อยๆ

……

ภายในถ้ำเทวาฟ้าประทาน

หานเจวี๋ยลังเลใจ

ควรให้หุ่นเชิดแห่งสวรรค์ลงมือหรือไม่

นับตั้งแต่สิงหงเสวียนเข้าไปยังแดนลึกลับบรรพกาล เขาก็จับตามองดูตลอด ด้วยเกรงว่าจะเกิดเรื่องใดกับสิงหงเสวียน

แต่ว่าชายชราชุดคลุมสีเทาผู้นี้ก็ดูราวกับไม่มีเจตนาร้ายใดๆ

ช่างเถิด

คอยดูไปก่อน

หากชิงลงมือก่อนแล้วสู้ชายชราชุดคลุมสีเทาไม่ได้ เช่นนั้นคงกระอักกระอ่วนไม่แล้ว

หานเจวี๋ยหันมาฝึกฝนต่อ

เพียงพริบตาเดียว

เวลาก็ผ่านพ้นไปอีกสองปี

สิงหงเสวียนและชายชราชุดคลุมสีเทายังคงหยั่งรู้วิชายุทธ์บนปราการเขา ไม่รบกวนซึ่งกันและกัน

หานเจวี๋ยลืมตาขึ้น เปิดค่าความสัมพันธ์ตรวจดูจดหมาย

[ซูฉีศิษย์ของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้บำเพ็ญตระกูลหลิว] x43

[ซูฉีศิษย์ของท่านถูกตระกูลหลิวใช้อำนาจบีบบังคับแต่งงาน]

[โจวฝานสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้บำเพ็ญสายมาร] x8

[ฉางเยวี่ยเอ๋อร์สหายของท่านได้รับพลังวิเศษ]

[หวงจี๋เฮ่าสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้บำเพ็ญตระกูลเว่ย] x288

[หวงจี๋เฮ่าสหายของท่านบาดเจ็บสาหัส ชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้าย เคราะห์ดีหนีรอดได้]

[ซูฉีศิษย์ของท่านแพร่โชคร้าย ตระกูลหลิวเผชิญกับโรคระบาดที่พบยากในหนึ่งพันปี ตายทั้งตระกูล]

[เซียนซีเสวียนสหายของท่านรู้แจ้งบางอย่างระหว่างฝึกบำเพ็ญ ตบะเพิ่มพูน ระดับความแข็งแกร่งของจิตวิญญาณขั้นสมบูรณ์]

……

ซูฉี เจ้าเด็กนี่ช่างน่ากลัวเกินไปแล้ว!

ไปถึงไหน หายนะถึงนั่น…

หานเจวี๋ยนึกกลัวในใจ

ดูเหมือนดวงชะตาทายาทจักรพรรดิเซียนของเขานั้นจะแข็งแกร่งจริงๆ คิดไม่ถึงว่าจะสามารถต้านทานความโชคร้ายระดับนี้ได้

ตระกูลหลิวช่างน่าเวทนานัก

นอกจากนั้นแล้ว เกิดอะไรขึ้นกับหวงจี๋เฮ่า

หรือตระกูลเว่ยก็เป็นผู้บงการอยู่เบื้องหลังโม่ฟู่โฉว

ตระกูลเว่ยนี่ไม่ธรรมดาจริงๆ!

คิดไม่ถึงว่าจะสามารถทำร้ายหวงจี๋เฮ่าได้!

แดนบำเพ็ญพรตต้าเยี่ยนมีคนเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน

หานเจวี๋ยรีบใช้พลังจิตส่งกระแสเสียงไปยอดเขาหลักที่หลี่ชิงจื่อกำลังรักษาตัวอยู่ทันที เพื่อสอบถามเรื่องตระกูลเว่ย

หลี่ชิงจื่อได้ยิน ก็รีบมาถ้ำเทวาของหานเจวี๋ยทันที

“ผู้อาวุโสหาน ท่านถามเรื่องตระกูลเว่ยด้วยเหตุใด” หลี่ชิงจื่อถามอย่างเป็นกังวล

หานเจวี๋ยเลิกคิ้วเอ่ย “ตระกูลเว่ยนี่แข็งแกร่งมากหรือ”

หลี่ชิงจื่อกล่าวตอบว่า “ตระกูลเว่ยไม่นับว่าแข็งแกร่ง มีปรมาจารย์ระดับปราณก่อกำเนิดเพียงหนึ่งคน ทว่าตระกูลเว่ยนั้นเต็มไปด้วยหญิงงามล่มบ้านล่มเมือง ตระกูลเว่ยเกี่ยวดองไปทั่วสารทิศ แม้กระทั่งมีกิจการค้าขายภายนอกต้าเยี่ยน โดยเฉพาะเส้นสายที่สามารถเรียกได้ว่ากว้างขวางที่สุดในแดนบำเพ็ญต้าเยี่ยน”

หานเจวี๋ยเอ่ยถามขึ้น “มีความเป็นไปได้หรือไม่ที่ตระกูลเว่ยจะเป็นผู้บงการอยู่เบื้องหลัง”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ท่าทีของหลี่ชิงจื่อก็ตกตะลึง เอ่ยขึ้นอย่างลังเล “คงไม่ใช่กระมัง ตระกูลเว่ยกับโม่ฟู่โฉวไม่มีความแค้นอันใดต่อกัน และกับสำนักพิสุทธิ์ก็มีสัมพันธ์อันดี…”

เขาเองก็ไม่มั่นใจนัก

ตอนนี้เขารู้สึกว่าไม่ว่าใครก็มีความเป็นไปได้ทั้งนั้น

“ไม่เป็นไร ท่านเจ้าสำนักพักรักษาอาการให้หายดีเถอะ หากศัตรูบุกเข้ามา มีข้าอยู่” หานเจวี๋ยพยักหน้ากล่าว

หลี่ชิงจื่อพยักหน้าเช่นกัน ก่อนลุกจากไป

ก่อนจากไปนั้น สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความกลัดกลุ้ม

หรือจะเป็นตระกูลเว่ยจริงๆ

หานเจวี๋ยเองก็ไม่ได้คิดอะไรมาก หยิบหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมา สาปแช่งหลี่เฉียนหลงและเซียวเอ้อร์ตามความเคยชิน

ช่วงนี้ เมื่อเขามีเวลาว่างก็จะสาปแช่งสองคนนี้

ฝึกฝน ตรวจจดหมาย สาปแช่ง ฝึกฝน ตรวจจดหมาย สาปแช่ง…

นี่ก็คือชีวิตประจำวันของหานเจวี๋ย

……

ท่ามกลางเทือกเขาที่ดุจดั่งแดนเซียน เซียวเอ้อร์นั่งขัดสมาธิอยู่ภายในป่าไผ่ พลังวิญญาณฟ้าดินโดยรอบแปรเปลี่ยนเป็นหมอกหนาปกคลุมทั่วร่าง

พรวด

เซียวเอ้อร์พลันกระอักเลือดออกมา ไม่นานดวงหน้าที่อัปลักษณ์ก็เปลี่ยนเป็นขาวซีด

สภาพทั่วร่างของเขาย่ำแย่ลง

เขากัดฟันกรอดก่อนเอ่ยด่า “เกิดอะไรขึ้น… เหตุใดถึงมักเกิดความผิดพลาด…”

ช่วงสิบปีมานี้ ไม่รู้เพราะเหตุใดเขามักจะเผชิญมารในใจระหว่างฝึกฝนเสมอ รบกวนการฝึกของเขา แม้กระทั่งเกือบทำให้เขาธาตุไฟเข้าแทรก

หากเป็นเช่นนี้ต่อไป เมื่อไรกันที่เขาจะสามารถฟื้นฟูกลับสู่สภาพเดิม

เซียวเอ้อร์กลัดกลุ้มเป็นอย่างมาก

นับตั้งแต่เข้าไปแดนบำเพ็ญพรตต้าเยี่ยนครานั้น เขาก็รู้สึกว่าเหตุใดตนเองถึงทำอะไรไม่ราบรื่นไปเสียหมด

แปลกประหลาดยิ่งนัก!

เขาตัดสินใจแล้ว หลังจากนี้จะไม่เดินทางไปแดนบำเพ็ญพรตต้าเยี่ยนเพียงลำพังเด็ดขาด

ส่วนหานเจวี๋ย แม้เขาจะเกลียดชัง แต่ก็ไม่ได้บุ่มบ่ามที่จะแก้แค้นในทันที

ชั่วชีวิตนี้คนที่เขาเคยโกรธแค้นชิงชังมีมากมายเกินไป ในใจของเขาหานเจวี๋ยนั้นยังไม่อยู่ในลำดับรายชื่อ

เช่นนั้นเดิมทีเขาจึงไม่คิดว่าสาเหตุนั้นจะมาจากหานเจวี๋ย

เซียวเอ้อร์ยิ่งคิดยิ่งกลัดกลุ้ม ทำได้เพียงหยิบโอสถออกมารักษาอาการบาดเจ็บก่อน

……

ภายในตำหนักที่ที่นั่งโอ่อ่าตระการตา มีผู้บำเพ็ญสิบคนกำลังนั่งอยู่

หลี่เฉียนหลงและผู้บำเพ็ญในชุดคลุมสีดำนั่งอยู่ในตำแหน่งหลัก

“ทุกท่าน ท่านผู้นี้คือผู้อาวุโสเว่ยหยวน เป็นผู้บำเพ็ญระดับสุญตา ครั้งนี้ยินดีมาช่วยพวกเราขุดรากถอนโคนสำนักหยกพิสุทธิ์” หลี่เฉียนหลงแนะนำผู้บำเพ็ญที่นั่งอยู่

เว่ยหยวนก็คือผู้บำเพ็ญในชุดคลุมสีดำที่นั่งอยู่ข้างกายเขา

“เจ้าลัทธิศักดิ์สิทธิ์อาภรณ์ป้องพิรุณมีตบะระดับเปลี่ยนวิญญาณขั้นเก้า กล่าวคือมีความเป็นไปได้อย่างมากที่ผู้อาวุโสสังหารเทพของสำนักหยกพิสุทธิ์มีระดับความสามารถที่สมน้ำสมเนื้อกับระดับเปลี่ยนวิญญาณขั้นเก้า ข้าและตระกูลเว่ยจึงเชิญผู้อาวุโสเว่ยหยวนมาเพื่อทวงความเป็นธรรมแก่พวกเราโดยเฉพาะ ส่วนนักพรตเต๋าจิ่วติ่งนั้น พวกเราได้ข่าวมาว่าเขาเดินทางออกไปต่างแดนเป็นที่แน่แท้แล้ว เจ้านักของพวกเขาเองก็กำลังเผชิญกับปัญหาของตนเอง ไม่มีเวลาที่จะมาปกป้องสำนักหยกพิสุทธิ์”

คำพูดของหลี่เฉียนหลงทำให้ผู้บำเพ็ญที่นั่งอยู่ต่างมองหน้าสบตากัน

ผู้บำเพ็ญเหล่านี้ล้วนเป็นเจ้าสำนักและรองเจ้าสำนักของสายหลักและสายมาร ครั้งนี้ที่มารวมตัวกันก็เพื่อปรึกษาหารือเรื่องโจมตีสำนักหยกพิสุทธิ์

เมื่อได้ยินว่าเว่ยหยวนเป็นผู้บำเพ็ญระดับสุญตาขั้นเก้า พวกเขากลับไม่ได้ยินดี แต่รู้สึกกังวลมากกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ

พอโค่นสำนักหยกพิสุทธิ์แล้ว เป็นไปได้หรือไม่ที่ตระกูลเว่ยจะกลายเป็นสำนักหยกพิสุทธิ์แทน

พวกเขาก็ไม่มีทางชนะผู้บำเพ็ญระดับสุญตาได้!

หลี่เฉียนหลงเห็นสีหน้าท่าทางของทุกคนในสายตา กล่าวต่อว่า “ผู้อาวุโสเว่ยหยวนมีสำนักของตนเอง ครั้งนี้ตระกูลเว่ยของเราใช้ความจริงใจเป็นอย่างมากถึงสามารถเชิญเขามาได้ หลังจากเรื่องนี้จบลง ผู้อาวุโสเว่ยหยวนจะจากไป หลังจากโค่นล้มสำนักหยกพิสุทธิ์ลงแล้ว ตระกูลเว่ยต้องการเพียงแดนลึกลับของสำนักหยกพิสุทธิ์เท่านั้น จะไม่เข้าร่วมแย่งชิงอำนาจของแดนบำเพ็ญพรตอย่างแน่นอน”

เมื่อคำพูดนี้ออกมา สีหน้าท่าทางของเจ้าสำนักแต่ละสำนักก็ผ่อนคลายลงไม่น้อย

หลี่เฉียนหลงลอบพึงพอใจ

ผู้อาวุโสสังหารเทพ ข้าอยากจะรู้นักว่าเจ้าจะสามารถรับมือกับผู้บำเพ็ญระดับสุญตาได้หรือไม่!

ในเวลานั้นเอง!

พลังวิญญาณภายในร่างของหลี่เฉียนหลงก็พลันปั่นป่วน กระอักโลหิตออกมาจากปากทันที

บรรดาเจ้าสำนักที่นั่งอยู่ล้วนตกตะลึง ลุกพรวดขึ้นมาตามๆ กัน กวาดมองไปรอบๆ อย่างหวาดระแวง

…………………………………………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ 63 พลังสาปแช่งที่ลึกลับ

Now you are reading ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ Chapter 63 พลังสาปแช่งที่ลึกลับ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 63 พลังสาปแช่งที่ลึกลับ
หวงจี๋เฮ่ากลับไปแล้ว

แต่หานเจวี๋ยไม่อาจมองเขาตรงๆ ได้อีก

ระดับความประทับใจที่เพิ่มขึ้นอย่างไม่มีเหตุผลมากจนกระทั่งหานเจวี๋ยสงสัยว่าเจ้าหมอนี่คิดเลยเถิดกับเขาแล้ว

หลังจากนั้น หานเจวี๋ยจึงหันมาฝึกฝนต่อ

สำนักกระบี่วิหคชาดสามารถหาตัวคนบงการมาได้หรือไม่ยังคงพูดได้ยาก หานเจวี๋ยเองก็ไม่ได้กังวลว่าพวกเขาจะทำได้หรือไม่

ต่อให้สิบเก้าสายสำนักจะบุกเข้ามาพรุ่งนี้ เขาก็ไม่ได้กังวล

ในสายตาของเขามีเพียงเรื่องเดียวเท่านั้น

เขาต้องทะลวงระดับสุญตาขันที่สองโดยเร็ว!

……

ภายในถ้ำแห่งหนึ่งมีเปลวเพลิงสั่นวูบไหว สิงหงเสวียนกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่เบื้องหน้ากองไฟ

โฮก…

ด้านนอกถ้ำมีเสียงร้องคำรามที่ดังสนั่นผ่านเข้ามา น่าเกรงขามอย่างยิ่ง

สิงหงเสวียนค่อยๆ ลืมตาขึ้น นางเพ่งมองไปยังตัวอักษรที่ประทับอยู่บนหน้าผา หว่างคิ้วยับย่นเล็กน้อย

“เหตุใดถึงรู้สึกเหมือนยังขาดอะไรไป”

สิงหงเสวียนคิดหนัก

ที่นี่เป็นแดนลึกลับแห่งหนึ่งของผู้บำเพ็ญในยุคบรรพกาล สิงหงเสวียนค้นพบโดยบังเอิญว่าสถานที่แห่งนี้มีการบันทึก วิชายุทธ์ลึกซึ้งจนคาดเดาไม่ถูก นางรวบรวมความกล้ามุ่งมั่นฝึกฝน ภายในเวลาหนึ่งปีตบะเพิ่มขึ้นไม่น้อย แต่ระยะทางที่นางจะเรียนรู้วิชายุทธ์นี้ทั้งหมดยังอีกยาวไกลนัก

สิงหงเสวียอดนึกถึงหานเจวี๋ยขึ้นมาไม่ได้

หากเขาอยู่ด้วย บางทีอาจจะช่วยข้าแก้ปัญหาได้

พอนึกได้เช่นนี้ สิงหงเสวียนจึงนำหุ่นเชิดสวรรค์ออกมา

นางให้หุ่นเชิดสวรรค์นั่งลงข้างตนเอง เอียงศีรษะของตนพิงกับหุ่นเชิดสวรรค์เบาๆ เริ่มพักผ่อน

นับตั้งแต่มีหุ่นเชิดสวรรค์ ทุกครั้งที่นึกถึงหานเจวี๋ย นางก็จะนำหุ่นเชิดแห่งสวรรค์ออกมา

นางมักจะบอกกล่าวเรื่องราวในใจของตนเองให้หุ่นเชิดแห่งสวรรค์ฟัง

เพราะในหุ่นเชิดสวรรค์มีจักขุวิญญาณของหานเจวี๋ยซ่อนอยู่ หานเจวี๋ยจึงไม่กังวลว่าจะเกิดเรื่องร้ายอะไรกับนาง

ผ่านไปเนิ่นนาน

สิงหงเสวียนนั่งตัวตรง เตรียมที่จะฝึกฝนต่อ

ทันใดนั้นเอง

ด้านนอกถ้ำกลับมีเสียงฝีเท้าดังขึ้น

สิงหงเสวียนหวาดวิตก รีบร้อนนำอาวุธเวทออกมา

เห็นเพียงชายชราในชุดคลุมสีเทาที่ใบหน้าเปล่งปลั่งดุจทารกคนหนึ่งเดินเข้ามาช้าๆ เขามองเห็นสิงหงเสวียนที่ตื่นตระหนก ก่อนยิ้มเอ่ยว่า “ผู้เยาว์ ไม่ต้องกังวลไป ข้าก็มาหยั่งรู้วิชายุทธ์เช่นกัน”

หยั่งรู้วิชายุทธ์?

สิงหงเสวียนขมวดคิ้ว ในใจสับสน

หรือก่อนที่นางจะมาถึงที่นี่ ชายชราผู้นี้ก็ค้นพบปราการเขาลูกนี้แล้ว?

ชายชราชุดคลุมสีเทาไม่ได้สนใจสิงหงเสวียน เดินเข้าไปนั่งลงเบื้องหน้าปราการเขา เริ่มจดจ้องไปยังตัวอักษรบนปราการเขาครุ่นคิดอย่างหนัก

ทั้งสองต่างไม่ได้สังเกตเห็นเลยว่าดวงตาของหุ่นเชิดสวรรค์ค่อยๆ เปล่งประกายวิบวาวออกมาน้อยๆ

……

ภายในถ้ำเทวาฟ้าประทาน

หานเจวี๋ยลังเลใจ

ควรให้หุ่นเชิดแห่งสวรรค์ลงมือหรือไม่

นับตั้งแต่สิงหงเสวียนเข้าไปยังแดนลึกลับบรรพกาล เขาก็จับตามองดูตลอด ด้วยเกรงว่าจะเกิดเรื่องใดกับสิงหงเสวียน

แต่ว่าชายชราชุดคลุมสีเทาผู้นี้ก็ดูราวกับไม่มีเจตนาร้ายใดๆ

ช่างเถิด

คอยดูไปก่อน

หากชิงลงมือก่อนแล้วสู้ชายชราชุดคลุมสีเทาไม่ได้ เช่นนั้นคงกระอักกระอ่วนไม่แล้ว

หานเจวี๋ยหันมาฝึกฝนต่อ

เพียงพริบตาเดียว

เวลาก็ผ่านพ้นไปอีกสองปี

สิงหงเสวียนและชายชราชุดคลุมสีเทายังคงหยั่งรู้วิชายุทธ์บนปราการเขา ไม่รบกวนซึ่งกันและกัน

หานเจวี๋ยลืมตาขึ้น เปิดค่าความสัมพันธ์ตรวจดูจดหมาย

[ซูฉีศิษย์ของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้บำเพ็ญตระกูลหลิว] x43

[ซูฉีศิษย์ของท่านถูกตระกูลหลิวใช้อำนาจบีบบังคับแต่งงาน]

[โจวฝานสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้บำเพ็ญสายมาร] x8

[ฉางเยวี่ยเอ๋อร์สหายของท่านได้รับพลังวิเศษ]

[หวงจี๋เฮ่าสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้บำเพ็ญตระกูลเว่ย] x288

[หวงจี๋เฮ่าสหายของท่านบาดเจ็บสาหัส ชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้าย เคราะห์ดีหนีรอดได้]

[ซูฉีศิษย์ของท่านแพร่โชคร้าย ตระกูลหลิวเผชิญกับโรคระบาดที่พบยากในหนึ่งพันปี ตายทั้งตระกูล]

[เซียนซีเสวียนสหายของท่านรู้แจ้งบางอย่างระหว่างฝึกบำเพ็ญ ตบะเพิ่มพูน ระดับความแข็งแกร่งของจิตวิญญาณขั้นสมบูรณ์]

……

ซูฉี เจ้าเด็กนี่ช่างน่ากลัวเกินไปแล้ว!

ไปถึงไหน หายนะถึงนั่น…

หานเจวี๋ยนึกกลัวในใจ

ดูเหมือนดวงชะตาทายาทจักรพรรดิเซียนของเขานั้นจะแข็งแกร่งจริงๆ คิดไม่ถึงว่าจะสามารถต้านทานความโชคร้ายระดับนี้ได้

ตระกูลหลิวช่างน่าเวทนานัก

นอกจากนั้นแล้ว เกิดอะไรขึ้นกับหวงจี๋เฮ่า

หรือตระกูลเว่ยก็เป็นผู้บงการอยู่เบื้องหลังโม่ฟู่โฉว

ตระกูลเว่ยนี่ไม่ธรรมดาจริงๆ!

คิดไม่ถึงว่าจะสามารถทำร้ายหวงจี๋เฮ่าได้!

แดนบำเพ็ญพรตต้าเยี่ยนมีคนเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน

หานเจวี๋ยรีบใช้พลังจิตส่งกระแสเสียงไปยอดเขาหลักที่หลี่ชิงจื่อกำลังรักษาตัวอยู่ทันที เพื่อสอบถามเรื่องตระกูลเว่ย

หลี่ชิงจื่อได้ยิน ก็รีบมาถ้ำเทวาของหานเจวี๋ยทันที

“ผู้อาวุโสหาน ท่านถามเรื่องตระกูลเว่ยด้วยเหตุใด” หลี่ชิงจื่อถามอย่างเป็นกังวล

หานเจวี๋ยเลิกคิ้วเอ่ย “ตระกูลเว่ยนี่แข็งแกร่งมากหรือ”

หลี่ชิงจื่อกล่าวตอบว่า “ตระกูลเว่ยไม่นับว่าแข็งแกร่ง มีปรมาจารย์ระดับปราณก่อกำเนิดเพียงหนึ่งคน ทว่าตระกูลเว่ยนั้นเต็มไปด้วยหญิงงามล่มบ้านล่มเมือง ตระกูลเว่ยเกี่ยวดองไปทั่วสารทิศ แม้กระทั่งมีกิจการค้าขายภายนอกต้าเยี่ยน โดยเฉพาะเส้นสายที่สามารถเรียกได้ว่ากว้างขวางที่สุดในแดนบำเพ็ญต้าเยี่ยน”

หานเจวี๋ยเอ่ยถามขึ้น “มีความเป็นไปได้หรือไม่ที่ตระกูลเว่ยจะเป็นผู้บงการอยู่เบื้องหลัง”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ท่าทีของหลี่ชิงจื่อก็ตกตะลึง เอ่ยขึ้นอย่างลังเล “คงไม่ใช่กระมัง ตระกูลเว่ยกับโม่ฟู่โฉวไม่มีความแค้นอันใดต่อกัน และกับสำนักพิสุทธิ์ก็มีสัมพันธ์อันดี…”

เขาเองก็ไม่มั่นใจนัก

ตอนนี้เขารู้สึกว่าไม่ว่าใครก็มีความเป็นไปได้ทั้งนั้น

“ไม่เป็นไร ท่านเจ้าสำนักพักรักษาอาการให้หายดีเถอะ หากศัตรูบุกเข้ามา มีข้าอยู่” หานเจวี๋ยพยักหน้ากล่าว

หลี่ชิงจื่อพยักหน้าเช่นกัน ก่อนลุกจากไป

ก่อนจากไปนั้น สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความกลัดกลุ้ม

หรือจะเป็นตระกูลเว่ยจริงๆ

หานเจวี๋ยเองก็ไม่ได้คิดอะไรมาก หยิบหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมา สาปแช่งหลี่เฉียนหลงและเซียวเอ้อร์ตามความเคยชิน

ช่วงนี้ เมื่อเขามีเวลาว่างก็จะสาปแช่งสองคนนี้

ฝึกฝน ตรวจจดหมาย สาปแช่ง ฝึกฝน ตรวจจดหมาย สาปแช่ง…

นี่ก็คือชีวิตประจำวันของหานเจวี๋ย

……

ท่ามกลางเทือกเขาที่ดุจดั่งแดนเซียน เซียวเอ้อร์นั่งขัดสมาธิอยู่ภายในป่าไผ่ พลังวิญญาณฟ้าดินโดยรอบแปรเปลี่ยนเป็นหมอกหนาปกคลุมทั่วร่าง

พรวด

เซียวเอ้อร์พลันกระอักเลือดออกมา ไม่นานดวงหน้าที่อัปลักษณ์ก็เปลี่ยนเป็นขาวซีด

สภาพทั่วร่างของเขาย่ำแย่ลง

เขากัดฟันกรอดก่อนเอ่ยด่า “เกิดอะไรขึ้น… เหตุใดถึงมักเกิดความผิดพลาด…”

ช่วงสิบปีมานี้ ไม่รู้เพราะเหตุใดเขามักจะเผชิญมารในใจระหว่างฝึกฝนเสมอ รบกวนการฝึกของเขา แม้กระทั่งเกือบทำให้เขาธาตุไฟเข้าแทรก

หากเป็นเช่นนี้ต่อไป เมื่อไรกันที่เขาจะสามารถฟื้นฟูกลับสู่สภาพเดิม

เซียวเอ้อร์กลัดกลุ้มเป็นอย่างมาก

นับตั้งแต่เข้าไปแดนบำเพ็ญพรตต้าเยี่ยนครานั้น เขาก็รู้สึกว่าเหตุใดตนเองถึงทำอะไรไม่ราบรื่นไปเสียหมด

แปลกประหลาดยิ่งนัก!

เขาตัดสินใจแล้ว หลังจากนี้จะไม่เดินทางไปแดนบำเพ็ญพรตต้าเยี่ยนเพียงลำพังเด็ดขาด

ส่วนหานเจวี๋ย แม้เขาจะเกลียดชัง แต่ก็ไม่ได้บุ่มบ่ามที่จะแก้แค้นในทันที

ชั่วชีวิตนี้คนที่เขาเคยโกรธแค้นชิงชังมีมากมายเกินไป ในใจของเขาหานเจวี๋ยนั้นยังไม่อยู่ในลำดับรายชื่อ

เช่นนั้นเดิมทีเขาจึงไม่คิดว่าสาเหตุนั้นจะมาจากหานเจวี๋ย

เซียวเอ้อร์ยิ่งคิดยิ่งกลัดกลุ้ม ทำได้เพียงหยิบโอสถออกมารักษาอาการบาดเจ็บก่อน

……

ภายในตำหนักที่ที่นั่งโอ่อ่าตระการตา มีผู้บำเพ็ญสิบคนกำลังนั่งอยู่

หลี่เฉียนหลงและผู้บำเพ็ญในชุดคลุมสีดำนั่งอยู่ในตำแหน่งหลัก

“ทุกท่าน ท่านผู้นี้คือผู้อาวุโสเว่ยหยวน เป็นผู้บำเพ็ญระดับสุญตา ครั้งนี้ยินดีมาช่วยพวกเราขุดรากถอนโคนสำนักหยกพิสุทธิ์” หลี่เฉียนหลงแนะนำผู้บำเพ็ญที่นั่งอยู่

เว่ยหยวนก็คือผู้บำเพ็ญในชุดคลุมสีดำที่นั่งอยู่ข้างกายเขา

“เจ้าลัทธิศักดิ์สิทธิ์อาภรณ์ป้องพิรุณมีตบะระดับเปลี่ยนวิญญาณขั้นเก้า กล่าวคือมีความเป็นไปได้อย่างมากที่ผู้อาวุโสสังหารเทพของสำนักหยกพิสุทธิ์มีระดับความสามารถที่สมน้ำสมเนื้อกับระดับเปลี่ยนวิญญาณขั้นเก้า ข้าและตระกูลเว่ยจึงเชิญผู้อาวุโสเว่ยหยวนมาเพื่อทวงความเป็นธรรมแก่พวกเราโดยเฉพาะ ส่วนนักพรตเต๋าจิ่วติ่งนั้น พวกเราได้ข่าวมาว่าเขาเดินทางออกไปต่างแดนเป็นที่แน่แท้แล้ว เจ้านักของพวกเขาเองก็กำลังเผชิญกับปัญหาของตนเอง ไม่มีเวลาที่จะมาปกป้องสำนักหยกพิสุทธิ์”

คำพูดของหลี่เฉียนหลงทำให้ผู้บำเพ็ญที่นั่งอยู่ต่างมองหน้าสบตากัน

ผู้บำเพ็ญเหล่านี้ล้วนเป็นเจ้าสำนักและรองเจ้าสำนักของสายหลักและสายมาร ครั้งนี้ที่มารวมตัวกันก็เพื่อปรึกษาหารือเรื่องโจมตีสำนักหยกพิสุทธิ์

เมื่อได้ยินว่าเว่ยหยวนเป็นผู้บำเพ็ญระดับสุญตาขั้นเก้า พวกเขากลับไม่ได้ยินดี แต่รู้สึกกังวลมากกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ

พอโค่นสำนักหยกพิสุทธิ์แล้ว เป็นไปได้หรือไม่ที่ตระกูลเว่ยจะกลายเป็นสำนักหยกพิสุทธิ์แทน

พวกเขาก็ไม่มีทางชนะผู้บำเพ็ญระดับสุญตาได้!

หลี่เฉียนหลงเห็นสีหน้าท่าทางของทุกคนในสายตา กล่าวต่อว่า “ผู้อาวุโสเว่ยหยวนมีสำนักของตนเอง ครั้งนี้ตระกูลเว่ยของเราใช้ความจริงใจเป็นอย่างมากถึงสามารถเชิญเขามาได้ หลังจากเรื่องนี้จบลง ผู้อาวุโสเว่ยหยวนจะจากไป หลังจากโค่นล้มสำนักหยกพิสุทธิ์ลงแล้ว ตระกูลเว่ยต้องการเพียงแดนลึกลับของสำนักหยกพิสุทธิ์เท่านั้น จะไม่เข้าร่วมแย่งชิงอำนาจของแดนบำเพ็ญพรตอย่างแน่นอน”

เมื่อคำพูดนี้ออกมา สีหน้าท่าทางของเจ้าสำนักแต่ละสำนักก็ผ่อนคลายลงไม่น้อย

หลี่เฉียนหลงลอบพึงพอใจ

ผู้อาวุโสสังหารเทพ ข้าอยากจะรู้นักว่าเจ้าจะสามารถรับมือกับผู้บำเพ็ญระดับสุญตาได้หรือไม่!

ในเวลานั้นเอง!

พลังวิญญาณภายในร่างของหลี่เฉียนหลงก็พลันปั่นป่วน กระอักโลหิตออกมาจากปากทันที

บรรดาเจ้าสำนักที่นั่งอยู่ล้วนตกตะลึง ลุกพรวดขึ้นมาตามๆ กัน กวาดมองไปรอบๆ อย่างหวาดระแวง

…………………………………………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ 63 พลังสาปแช่งที่ลึกลับ

Now you are reading ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ Chapter 63 พลังสาปแช่งที่ลึกลับ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 63 พลังสาปแช่งที่ลึกลับ
หวงจี๋เฮ่ากลับไปแล้ว

แต่หานเจวี๋ยไม่อาจมองเขาตรงๆ ได้อีก

ระดับความประทับใจที่เพิ่มขึ้นอย่างไม่มีเหตุผลมากจนกระทั่งหานเจวี๋ยสงสัยว่าเจ้าหมอนี่คิดเลยเถิดกับเขาแล้ว

หลังจากนั้น หานเจวี๋ยจึงหันมาฝึกฝนต่อ

สำนักกระบี่วิหคชาดสามารถหาตัวคนบงการมาได้หรือไม่ยังคงพูดได้ยาก หานเจวี๋ยเองก็ไม่ได้กังวลว่าพวกเขาจะทำได้หรือไม่

ต่อให้สิบเก้าสายสำนักจะบุกเข้ามาพรุ่งนี้ เขาก็ไม่ได้กังวล

ในสายตาของเขามีเพียงเรื่องเดียวเท่านั้น

เขาต้องทะลวงระดับสุญตาขันที่สองโดยเร็ว!

……

ภายในถ้ำแห่งหนึ่งมีเปลวเพลิงสั่นวูบไหว สิงหงเสวียนกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่เบื้องหน้ากองไฟ

โฮก…

ด้านนอกถ้ำมีเสียงร้องคำรามที่ดังสนั่นผ่านเข้ามา น่าเกรงขามอย่างยิ่ง

สิงหงเสวียนค่อยๆ ลืมตาขึ้น นางเพ่งมองไปยังตัวอักษรที่ประทับอยู่บนหน้าผา หว่างคิ้วยับย่นเล็กน้อย

“เหตุใดถึงรู้สึกเหมือนยังขาดอะไรไป”

สิงหงเสวียนคิดหนัก

ที่นี่เป็นแดนลึกลับแห่งหนึ่งของผู้บำเพ็ญในยุคบรรพกาล สิงหงเสวียนค้นพบโดยบังเอิญว่าสถานที่แห่งนี้มีการบันทึก วิชายุทธ์ลึกซึ้งจนคาดเดาไม่ถูก นางรวบรวมความกล้ามุ่งมั่นฝึกฝน ภายในเวลาหนึ่งปีตบะเพิ่มขึ้นไม่น้อย แต่ระยะทางที่นางจะเรียนรู้วิชายุทธ์นี้ทั้งหมดยังอีกยาวไกลนัก

สิงหงเสวียอดนึกถึงหานเจวี๋ยขึ้นมาไม่ได้

หากเขาอยู่ด้วย บางทีอาจจะช่วยข้าแก้ปัญหาได้

พอนึกได้เช่นนี้ สิงหงเสวียนจึงนำหุ่นเชิดสวรรค์ออกมา

นางให้หุ่นเชิดสวรรค์นั่งลงข้างตนเอง เอียงศีรษะของตนพิงกับหุ่นเชิดสวรรค์เบาๆ เริ่มพักผ่อน

นับตั้งแต่มีหุ่นเชิดสวรรค์ ทุกครั้งที่นึกถึงหานเจวี๋ย นางก็จะนำหุ่นเชิดแห่งสวรรค์ออกมา

นางมักจะบอกกล่าวเรื่องราวในใจของตนเองให้หุ่นเชิดแห่งสวรรค์ฟัง

เพราะในหุ่นเชิดสวรรค์มีจักขุวิญญาณของหานเจวี๋ยซ่อนอยู่ หานเจวี๋ยจึงไม่กังวลว่าจะเกิดเรื่องร้ายอะไรกับนาง

ผ่านไปเนิ่นนาน

สิงหงเสวียนนั่งตัวตรง เตรียมที่จะฝึกฝนต่อ

ทันใดนั้นเอง

ด้านนอกถ้ำกลับมีเสียงฝีเท้าดังขึ้น

สิงหงเสวียนหวาดวิตก รีบร้อนนำอาวุธเวทออกมา

เห็นเพียงชายชราในชุดคลุมสีเทาที่ใบหน้าเปล่งปลั่งดุจทารกคนหนึ่งเดินเข้ามาช้าๆ เขามองเห็นสิงหงเสวียนที่ตื่นตระหนก ก่อนยิ้มเอ่ยว่า “ผู้เยาว์ ไม่ต้องกังวลไป ข้าก็มาหยั่งรู้วิชายุทธ์เช่นกัน”

หยั่งรู้วิชายุทธ์?

สิงหงเสวียนขมวดคิ้ว ในใจสับสน

หรือก่อนที่นางจะมาถึงที่นี่ ชายชราผู้นี้ก็ค้นพบปราการเขาลูกนี้แล้ว?

ชายชราชุดคลุมสีเทาไม่ได้สนใจสิงหงเสวียน เดินเข้าไปนั่งลงเบื้องหน้าปราการเขา เริ่มจดจ้องไปยังตัวอักษรบนปราการเขาครุ่นคิดอย่างหนัก

ทั้งสองต่างไม่ได้สังเกตเห็นเลยว่าดวงตาของหุ่นเชิดสวรรค์ค่อยๆ เปล่งประกายวิบวาวออกมาน้อยๆ

……

ภายในถ้ำเทวาฟ้าประทาน

หานเจวี๋ยลังเลใจ

ควรให้หุ่นเชิดแห่งสวรรค์ลงมือหรือไม่

นับตั้งแต่สิงหงเสวียนเข้าไปยังแดนลึกลับบรรพกาล เขาก็จับตามองดูตลอด ด้วยเกรงว่าจะเกิดเรื่องใดกับสิงหงเสวียน

แต่ว่าชายชราชุดคลุมสีเทาผู้นี้ก็ดูราวกับไม่มีเจตนาร้ายใดๆ

ช่างเถิด

คอยดูไปก่อน

หากชิงลงมือก่อนแล้วสู้ชายชราชุดคลุมสีเทาไม่ได้ เช่นนั้นคงกระอักกระอ่วนไม่แล้ว

หานเจวี๋ยหันมาฝึกฝนต่อ

เพียงพริบตาเดียว

เวลาก็ผ่านพ้นไปอีกสองปี

สิงหงเสวียนและชายชราชุดคลุมสีเทายังคงหยั่งรู้วิชายุทธ์บนปราการเขา ไม่รบกวนซึ่งกันและกัน

หานเจวี๋ยลืมตาขึ้น เปิดค่าความสัมพันธ์ตรวจดูจดหมาย

[ซูฉีศิษย์ของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้บำเพ็ญตระกูลหลิว] x43

[ซูฉีศิษย์ของท่านถูกตระกูลหลิวใช้อำนาจบีบบังคับแต่งงาน]

[โจวฝานสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้บำเพ็ญสายมาร] x8

[ฉางเยวี่ยเอ๋อร์สหายของท่านได้รับพลังวิเศษ]

[หวงจี๋เฮ่าสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้บำเพ็ญตระกูลเว่ย] x288

[หวงจี๋เฮ่าสหายของท่านบาดเจ็บสาหัส ชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้าย เคราะห์ดีหนีรอดได้]

[ซูฉีศิษย์ของท่านแพร่โชคร้าย ตระกูลหลิวเผชิญกับโรคระบาดที่พบยากในหนึ่งพันปี ตายทั้งตระกูล]

[เซียนซีเสวียนสหายของท่านรู้แจ้งบางอย่างระหว่างฝึกบำเพ็ญ ตบะเพิ่มพูน ระดับความแข็งแกร่งของจิตวิญญาณขั้นสมบูรณ์]

……

ซูฉี เจ้าเด็กนี่ช่างน่ากลัวเกินไปแล้ว!

ไปถึงไหน หายนะถึงนั่น…

หานเจวี๋ยนึกกลัวในใจ

ดูเหมือนดวงชะตาทายาทจักรพรรดิเซียนของเขานั้นจะแข็งแกร่งจริงๆ คิดไม่ถึงว่าจะสามารถต้านทานความโชคร้ายระดับนี้ได้

ตระกูลหลิวช่างน่าเวทนานัก

นอกจากนั้นแล้ว เกิดอะไรขึ้นกับหวงจี๋เฮ่า

หรือตระกูลเว่ยก็เป็นผู้บงการอยู่เบื้องหลังโม่ฟู่โฉว

ตระกูลเว่ยนี่ไม่ธรรมดาจริงๆ!

คิดไม่ถึงว่าจะสามารถทำร้ายหวงจี๋เฮ่าได้!

แดนบำเพ็ญพรตต้าเยี่ยนมีคนเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน

หานเจวี๋ยรีบใช้พลังจิตส่งกระแสเสียงไปยอดเขาหลักที่หลี่ชิงจื่อกำลังรักษาตัวอยู่ทันที เพื่อสอบถามเรื่องตระกูลเว่ย

หลี่ชิงจื่อได้ยิน ก็รีบมาถ้ำเทวาของหานเจวี๋ยทันที

“ผู้อาวุโสหาน ท่านถามเรื่องตระกูลเว่ยด้วยเหตุใด” หลี่ชิงจื่อถามอย่างเป็นกังวล

หานเจวี๋ยเลิกคิ้วเอ่ย “ตระกูลเว่ยนี่แข็งแกร่งมากหรือ”

หลี่ชิงจื่อกล่าวตอบว่า “ตระกูลเว่ยไม่นับว่าแข็งแกร่ง มีปรมาจารย์ระดับปราณก่อกำเนิดเพียงหนึ่งคน ทว่าตระกูลเว่ยนั้นเต็มไปด้วยหญิงงามล่มบ้านล่มเมือง ตระกูลเว่ยเกี่ยวดองไปทั่วสารทิศ แม้กระทั่งมีกิจการค้าขายภายนอกต้าเยี่ยน โดยเฉพาะเส้นสายที่สามารถเรียกได้ว่ากว้างขวางที่สุดในแดนบำเพ็ญต้าเยี่ยน”

หานเจวี๋ยเอ่ยถามขึ้น “มีความเป็นไปได้หรือไม่ที่ตระกูลเว่ยจะเป็นผู้บงการอยู่เบื้องหลัง”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ท่าทีของหลี่ชิงจื่อก็ตกตะลึง เอ่ยขึ้นอย่างลังเล “คงไม่ใช่กระมัง ตระกูลเว่ยกับโม่ฟู่โฉวไม่มีความแค้นอันใดต่อกัน และกับสำนักพิสุทธิ์ก็มีสัมพันธ์อันดี…”

เขาเองก็ไม่มั่นใจนัก

ตอนนี้เขารู้สึกว่าไม่ว่าใครก็มีความเป็นไปได้ทั้งนั้น

“ไม่เป็นไร ท่านเจ้าสำนักพักรักษาอาการให้หายดีเถอะ หากศัตรูบุกเข้ามา มีข้าอยู่” หานเจวี๋ยพยักหน้ากล่าว

หลี่ชิงจื่อพยักหน้าเช่นกัน ก่อนลุกจากไป

ก่อนจากไปนั้น สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความกลัดกลุ้ม

หรือจะเป็นตระกูลเว่ยจริงๆ

หานเจวี๋ยเองก็ไม่ได้คิดอะไรมาก หยิบหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมา สาปแช่งหลี่เฉียนหลงและเซียวเอ้อร์ตามความเคยชิน

ช่วงนี้ เมื่อเขามีเวลาว่างก็จะสาปแช่งสองคนนี้

ฝึกฝน ตรวจจดหมาย สาปแช่ง ฝึกฝน ตรวจจดหมาย สาปแช่ง…

นี่ก็คือชีวิตประจำวันของหานเจวี๋ย

……

ท่ามกลางเทือกเขาที่ดุจดั่งแดนเซียน เซียวเอ้อร์นั่งขัดสมาธิอยู่ภายในป่าไผ่ พลังวิญญาณฟ้าดินโดยรอบแปรเปลี่ยนเป็นหมอกหนาปกคลุมทั่วร่าง

พรวด

เซียวเอ้อร์พลันกระอักเลือดออกมา ไม่นานดวงหน้าที่อัปลักษณ์ก็เปลี่ยนเป็นขาวซีด

สภาพทั่วร่างของเขาย่ำแย่ลง

เขากัดฟันกรอดก่อนเอ่ยด่า “เกิดอะไรขึ้น… เหตุใดถึงมักเกิดความผิดพลาด…”

ช่วงสิบปีมานี้ ไม่รู้เพราะเหตุใดเขามักจะเผชิญมารในใจระหว่างฝึกฝนเสมอ รบกวนการฝึกของเขา แม้กระทั่งเกือบทำให้เขาธาตุไฟเข้าแทรก

หากเป็นเช่นนี้ต่อไป เมื่อไรกันที่เขาจะสามารถฟื้นฟูกลับสู่สภาพเดิม

เซียวเอ้อร์กลัดกลุ้มเป็นอย่างมาก

นับตั้งแต่เข้าไปแดนบำเพ็ญพรตต้าเยี่ยนครานั้น เขาก็รู้สึกว่าเหตุใดตนเองถึงทำอะไรไม่ราบรื่นไปเสียหมด

แปลกประหลาดยิ่งนัก!

เขาตัดสินใจแล้ว หลังจากนี้จะไม่เดินทางไปแดนบำเพ็ญพรตต้าเยี่ยนเพียงลำพังเด็ดขาด

ส่วนหานเจวี๋ย แม้เขาจะเกลียดชัง แต่ก็ไม่ได้บุ่มบ่ามที่จะแก้แค้นในทันที

ชั่วชีวิตนี้คนที่เขาเคยโกรธแค้นชิงชังมีมากมายเกินไป ในใจของเขาหานเจวี๋ยนั้นยังไม่อยู่ในลำดับรายชื่อ

เช่นนั้นเดิมทีเขาจึงไม่คิดว่าสาเหตุนั้นจะมาจากหานเจวี๋ย

เซียวเอ้อร์ยิ่งคิดยิ่งกลัดกลุ้ม ทำได้เพียงหยิบโอสถออกมารักษาอาการบาดเจ็บก่อน

……

ภายในตำหนักที่ที่นั่งโอ่อ่าตระการตา มีผู้บำเพ็ญสิบคนกำลังนั่งอยู่

หลี่เฉียนหลงและผู้บำเพ็ญในชุดคลุมสีดำนั่งอยู่ในตำแหน่งหลัก

“ทุกท่าน ท่านผู้นี้คือผู้อาวุโสเว่ยหยวน เป็นผู้บำเพ็ญระดับสุญตา ครั้งนี้ยินดีมาช่วยพวกเราขุดรากถอนโคนสำนักหยกพิสุทธิ์” หลี่เฉียนหลงแนะนำผู้บำเพ็ญที่นั่งอยู่

เว่ยหยวนก็คือผู้บำเพ็ญในชุดคลุมสีดำที่นั่งอยู่ข้างกายเขา

“เจ้าลัทธิศักดิ์สิทธิ์อาภรณ์ป้องพิรุณมีตบะระดับเปลี่ยนวิญญาณขั้นเก้า กล่าวคือมีความเป็นไปได้อย่างมากที่ผู้อาวุโสสังหารเทพของสำนักหยกพิสุทธิ์มีระดับความสามารถที่สมน้ำสมเนื้อกับระดับเปลี่ยนวิญญาณขั้นเก้า ข้าและตระกูลเว่ยจึงเชิญผู้อาวุโสเว่ยหยวนมาเพื่อทวงความเป็นธรรมแก่พวกเราโดยเฉพาะ ส่วนนักพรตเต๋าจิ่วติ่งนั้น พวกเราได้ข่าวมาว่าเขาเดินทางออกไปต่างแดนเป็นที่แน่แท้แล้ว เจ้านักของพวกเขาเองก็กำลังเผชิญกับปัญหาของตนเอง ไม่มีเวลาที่จะมาปกป้องสำนักหยกพิสุทธิ์”

คำพูดของหลี่เฉียนหลงทำให้ผู้บำเพ็ญที่นั่งอยู่ต่างมองหน้าสบตากัน

ผู้บำเพ็ญเหล่านี้ล้วนเป็นเจ้าสำนักและรองเจ้าสำนักของสายหลักและสายมาร ครั้งนี้ที่มารวมตัวกันก็เพื่อปรึกษาหารือเรื่องโจมตีสำนักหยกพิสุทธิ์

เมื่อได้ยินว่าเว่ยหยวนเป็นผู้บำเพ็ญระดับสุญตาขั้นเก้า พวกเขากลับไม่ได้ยินดี แต่รู้สึกกังวลมากกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ

พอโค่นสำนักหยกพิสุทธิ์แล้ว เป็นไปได้หรือไม่ที่ตระกูลเว่ยจะกลายเป็นสำนักหยกพิสุทธิ์แทน

พวกเขาก็ไม่มีทางชนะผู้บำเพ็ญระดับสุญตาได้!

หลี่เฉียนหลงเห็นสีหน้าท่าทางของทุกคนในสายตา กล่าวต่อว่า “ผู้อาวุโสเว่ยหยวนมีสำนักของตนเอง ครั้งนี้ตระกูลเว่ยของเราใช้ความจริงใจเป็นอย่างมากถึงสามารถเชิญเขามาได้ หลังจากเรื่องนี้จบลง ผู้อาวุโสเว่ยหยวนจะจากไป หลังจากโค่นล้มสำนักหยกพิสุทธิ์ลงแล้ว ตระกูลเว่ยต้องการเพียงแดนลึกลับของสำนักหยกพิสุทธิ์เท่านั้น จะไม่เข้าร่วมแย่งชิงอำนาจของแดนบำเพ็ญพรตอย่างแน่นอน”

เมื่อคำพูดนี้ออกมา สีหน้าท่าทางของเจ้าสำนักแต่ละสำนักก็ผ่อนคลายลงไม่น้อย

หลี่เฉียนหลงลอบพึงพอใจ

ผู้อาวุโสสังหารเทพ ข้าอยากจะรู้นักว่าเจ้าจะสามารถรับมือกับผู้บำเพ็ญระดับสุญตาได้หรือไม่!

ในเวลานั้นเอง!

พลังวิญญาณภายในร่างของหลี่เฉียนหลงก็พลันปั่นป่วน กระอักโลหิตออกมาจากปากทันที

บรรดาเจ้าสำนักที่นั่งอยู่ล้วนตกตะลึง ลุกพรวดขึ้นมาตามๆ กัน กวาดมองไปรอบๆ อย่างหวาดระแวง

…………………………………………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ 63 พลังสาปแช่งที่ลึกลับ

Now you are reading ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ Chapter 63 พลังสาปแช่งที่ลึกลับ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 63 พลังสาปแช่งที่ลึกลับ
หวงจี๋เฮ่ากลับไปแล้ว

แต่หานเจวี๋ยไม่อาจมองเขาตรงๆ ได้อีก

ระดับความประทับใจที่เพิ่มขึ้นอย่างไม่มีเหตุผลมากจนกระทั่งหานเจวี๋ยสงสัยว่าเจ้าหมอนี่คิดเลยเถิดกับเขาแล้ว

หลังจากนั้น หานเจวี๋ยจึงหันมาฝึกฝนต่อ

สำนักกระบี่วิหคชาดสามารถหาตัวคนบงการมาได้หรือไม่ยังคงพูดได้ยาก หานเจวี๋ยเองก็ไม่ได้กังวลว่าพวกเขาจะทำได้หรือไม่

ต่อให้สิบเก้าสายสำนักจะบุกเข้ามาพรุ่งนี้ เขาก็ไม่ได้กังวล

ในสายตาของเขามีเพียงเรื่องเดียวเท่านั้น

เขาต้องทะลวงระดับสุญตาขันที่สองโดยเร็ว!

……

ภายในถ้ำแห่งหนึ่งมีเปลวเพลิงสั่นวูบไหว สิงหงเสวียนกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่เบื้องหน้ากองไฟ

โฮก…

ด้านนอกถ้ำมีเสียงร้องคำรามที่ดังสนั่นผ่านเข้ามา น่าเกรงขามอย่างยิ่ง

สิงหงเสวียนค่อยๆ ลืมตาขึ้น นางเพ่งมองไปยังตัวอักษรที่ประทับอยู่บนหน้าผา หว่างคิ้วยับย่นเล็กน้อย

“เหตุใดถึงรู้สึกเหมือนยังขาดอะไรไป”

สิงหงเสวียนคิดหนัก

ที่นี่เป็นแดนลึกลับแห่งหนึ่งของผู้บำเพ็ญในยุคบรรพกาล สิงหงเสวียนค้นพบโดยบังเอิญว่าสถานที่แห่งนี้มีการบันทึก วิชายุทธ์ลึกซึ้งจนคาดเดาไม่ถูก นางรวบรวมความกล้ามุ่งมั่นฝึกฝน ภายในเวลาหนึ่งปีตบะเพิ่มขึ้นไม่น้อย แต่ระยะทางที่นางจะเรียนรู้วิชายุทธ์นี้ทั้งหมดยังอีกยาวไกลนัก

สิงหงเสวียอดนึกถึงหานเจวี๋ยขึ้นมาไม่ได้

หากเขาอยู่ด้วย บางทีอาจจะช่วยข้าแก้ปัญหาได้

พอนึกได้เช่นนี้ สิงหงเสวียนจึงนำหุ่นเชิดสวรรค์ออกมา

นางให้หุ่นเชิดสวรรค์นั่งลงข้างตนเอง เอียงศีรษะของตนพิงกับหุ่นเชิดสวรรค์เบาๆ เริ่มพักผ่อน

นับตั้งแต่มีหุ่นเชิดสวรรค์ ทุกครั้งที่นึกถึงหานเจวี๋ย นางก็จะนำหุ่นเชิดแห่งสวรรค์ออกมา

นางมักจะบอกกล่าวเรื่องราวในใจของตนเองให้หุ่นเชิดแห่งสวรรค์ฟัง

เพราะในหุ่นเชิดสวรรค์มีจักขุวิญญาณของหานเจวี๋ยซ่อนอยู่ หานเจวี๋ยจึงไม่กังวลว่าจะเกิดเรื่องร้ายอะไรกับนาง

ผ่านไปเนิ่นนาน

สิงหงเสวียนนั่งตัวตรง เตรียมที่จะฝึกฝนต่อ

ทันใดนั้นเอง

ด้านนอกถ้ำกลับมีเสียงฝีเท้าดังขึ้น

สิงหงเสวียนหวาดวิตก รีบร้อนนำอาวุธเวทออกมา

เห็นเพียงชายชราในชุดคลุมสีเทาที่ใบหน้าเปล่งปลั่งดุจทารกคนหนึ่งเดินเข้ามาช้าๆ เขามองเห็นสิงหงเสวียนที่ตื่นตระหนก ก่อนยิ้มเอ่ยว่า “ผู้เยาว์ ไม่ต้องกังวลไป ข้าก็มาหยั่งรู้วิชายุทธ์เช่นกัน”

หยั่งรู้วิชายุทธ์?

สิงหงเสวียนขมวดคิ้ว ในใจสับสน

หรือก่อนที่นางจะมาถึงที่นี่ ชายชราผู้นี้ก็ค้นพบปราการเขาลูกนี้แล้ว?

ชายชราชุดคลุมสีเทาไม่ได้สนใจสิงหงเสวียน เดินเข้าไปนั่งลงเบื้องหน้าปราการเขา เริ่มจดจ้องไปยังตัวอักษรบนปราการเขาครุ่นคิดอย่างหนัก

ทั้งสองต่างไม่ได้สังเกตเห็นเลยว่าดวงตาของหุ่นเชิดสวรรค์ค่อยๆ เปล่งประกายวิบวาวออกมาน้อยๆ

……

ภายในถ้ำเทวาฟ้าประทาน

หานเจวี๋ยลังเลใจ

ควรให้หุ่นเชิดแห่งสวรรค์ลงมือหรือไม่

นับตั้งแต่สิงหงเสวียนเข้าไปยังแดนลึกลับบรรพกาล เขาก็จับตามองดูตลอด ด้วยเกรงว่าจะเกิดเรื่องใดกับสิงหงเสวียน

แต่ว่าชายชราชุดคลุมสีเทาผู้นี้ก็ดูราวกับไม่มีเจตนาร้ายใดๆ

ช่างเถิด

คอยดูไปก่อน

หากชิงลงมือก่อนแล้วสู้ชายชราชุดคลุมสีเทาไม่ได้ เช่นนั้นคงกระอักกระอ่วนไม่แล้ว

หานเจวี๋ยหันมาฝึกฝนต่อ

เพียงพริบตาเดียว

เวลาก็ผ่านพ้นไปอีกสองปี

สิงหงเสวียนและชายชราชุดคลุมสีเทายังคงหยั่งรู้วิชายุทธ์บนปราการเขา ไม่รบกวนซึ่งกันและกัน

หานเจวี๋ยลืมตาขึ้น เปิดค่าความสัมพันธ์ตรวจดูจดหมาย

[ซูฉีศิษย์ของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้บำเพ็ญตระกูลหลิว] x43

[ซูฉีศิษย์ของท่านถูกตระกูลหลิวใช้อำนาจบีบบังคับแต่งงาน]

[โจวฝานสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้บำเพ็ญสายมาร] x8

[ฉางเยวี่ยเอ๋อร์สหายของท่านได้รับพลังวิเศษ]

[หวงจี๋เฮ่าสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้บำเพ็ญตระกูลเว่ย] x288

[หวงจี๋เฮ่าสหายของท่านบาดเจ็บสาหัส ชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้าย เคราะห์ดีหนีรอดได้]

[ซูฉีศิษย์ของท่านแพร่โชคร้าย ตระกูลหลิวเผชิญกับโรคระบาดที่พบยากในหนึ่งพันปี ตายทั้งตระกูล]

[เซียนซีเสวียนสหายของท่านรู้แจ้งบางอย่างระหว่างฝึกบำเพ็ญ ตบะเพิ่มพูน ระดับความแข็งแกร่งของจิตวิญญาณขั้นสมบูรณ์]

……

ซูฉี เจ้าเด็กนี่ช่างน่ากลัวเกินไปแล้ว!

ไปถึงไหน หายนะถึงนั่น…

หานเจวี๋ยนึกกลัวในใจ

ดูเหมือนดวงชะตาทายาทจักรพรรดิเซียนของเขานั้นจะแข็งแกร่งจริงๆ คิดไม่ถึงว่าจะสามารถต้านทานความโชคร้ายระดับนี้ได้

ตระกูลหลิวช่างน่าเวทนานัก

นอกจากนั้นแล้ว เกิดอะไรขึ้นกับหวงจี๋เฮ่า

หรือตระกูลเว่ยก็เป็นผู้บงการอยู่เบื้องหลังโม่ฟู่โฉว

ตระกูลเว่ยนี่ไม่ธรรมดาจริงๆ!

คิดไม่ถึงว่าจะสามารถทำร้ายหวงจี๋เฮ่าได้!

แดนบำเพ็ญพรตต้าเยี่ยนมีคนเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน

หานเจวี๋ยรีบใช้พลังจิตส่งกระแสเสียงไปยอดเขาหลักที่หลี่ชิงจื่อกำลังรักษาตัวอยู่ทันที เพื่อสอบถามเรื่องตระกูลเว่ย

หลี่ชิงจื่อได้ยิน ก็รีบมาถ้ำเทวาของหานเจวี๋ยทันที

“ผู้อาวุโสหาน ท่านถามเรื่องตระกูลเว่ยด้วยเหตุใด” หลี่ชิงจื่อถามอย่างเป็นกังวล

หานเจวี๋ยเลิกคิ้วเอ่ย “ตระกูลเว่ยนี่แข็งแกร่งมากหรือ”

หลี่ชิงจื่อกล่าวตอบว่า “ตระกูลเว่ยไม่นับว่าแข็งแกร่ง มีปรมาจารย์ระดับปราณก่อกำเนิดเพียงหนึ่งคน ทว่าตระกูลเว่ยนั้นเต็มไปด้วยหญิงงามล่มบ้านล่มเมือง ตระกูลเว่ยเกี่ยวดองไปทั่วสารทิศ แม้กระทั่งมีกิจการค้าขายภายนอกต้าเยี่ยน โดยเฉพาะเส้นสายที่สามารถเรียกได้ว่ากว้างขวางที่สุดในแดนบำเพ็ญต้าเยี่ยน”

หานเจวี๋ยเอ่ยถามขึ้น “มีความเป็นไปได้หรือไม่ที่ตระกูลเว่ยจะเป็นผู้บงการอยู่เบื้องหลัง”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ท่าทีของหลี่ชิงจื่อก็ตกตะลึง เอ่ยขึ้นอย่างลังเล “คงไม่ใช่กระมัง ตระกูลเว่ยกับโม่ฟู่โฉวไม่มีความแค้นอันใดต่อกัน และกับสำนักพิสุทธิ์ก็มีสัมพันธ์อันดี…”

เขาเองก็ไม่มั่นใจนัก

ตอนนี้เขารู้สึกว่าไม่ว่าใครก็มีความเป็นไปได้ทั้งนั้น

“ไม่เป็นไร ท่านเจ้าสำนักพักรักษาอาการให้หายดีเถอะ หากศัตรูบุกเข้ามา มีข้าอยู่” หานเจวี๋ยพยักหน้ากล่าว

หลี่ชิงจื่อพยักหน้าเช่นกัน ก่อนลุกจากไป

ก่อนจากไปนั้น สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความกลัดกลุ้ม

หรือจะเป็นตระกูลเว่ยจริงๆ

หานเจวี๋ยเองก็ไม่ได้คิดอะไรมาก หยิบหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมา สาปแช่งหลี่เฉียนหลงและเซียวเอ้อร์ตามความเคยชิน

ช่วงนี้ เมื่อเขามีเวลาว่างก็จะสาปแช่งสองคนนี้

ฝึกฝน ตรวจจดหมาย สาปแช่ง ฝึกฝน ตรวจจดหมาย สาปแช่ง…

นี่ก็คือชีวิตประจำวันของหานเจวี๋ย

……

ท่ามกลางเทือกเขาที่ดุจดั่งแดนเซียน เซียวเอ้อร์นั่งขัดสมาธิอยู่ภายในป่าไผ่ พลังวิญญาณฟ้าดินโดยรอบแปรเปลี่ยนเป็นหมอกหนาปกคลุมทั่วร่าง

พรวด

เซียวเอ้อร์พลันกระอักเลือดออกมา ไม่นานดวงหน้าที่อัปลักษณ์ก็เปลี่ยนเป็นขาวซีด

สภาพทั่วร่างของเขาย่ำแย่ลง

เขากัดฟันกรอดก่อนเอ่ยด่า “เกิดอะไรขึ้น… เหตุใดถึงมักเกิดความผิดพลาด…”

ช่วงสิบปีมานี้ ไม่รู้เพราะเหตุใดเขามักจะเผชิญมารในใจระหว่างฝึกฝนเสมอ รบกวนการฝึกของเขา แม้กระทั่งเกือบทำให้เขาธาตุไฟเข้าแทรก

หากเป็นเช่นนี้ต่อไป เมื่อไรกันที่เขาจะสามารถฟื้นฟูกลับสู่สภาพเดิม

เซียวเอ้อร์กลัดกลุ้มเป็นอย่างมาก

นับตั้งแต่เข้าไปแดนบำเพ็ญพรตต้าเยี่ยนครานั้น เขาก็รู้สึกว่าเหตุใดตนเองถึงทำอะไรไม่ราบรื่นไปเสียหมด

แปลกประหลาดยิ่งนัก!

เขาตัดสินใจแล้ว หลังจากนี้จะไม่เดินทางไปแดนบำเพ็ญพรตต้าเยี่ยนเพียงลำพังเด็ดขาด

ส่วนหานเจวี๋ย แม้เขาจะเกลียดชัง แต่ก็ไม่ได้บุ่มบ่ามที่จะแก้แค้นในทันที

ชั่วชีวิตนี้คนที่เขาเคยโกรธแค้นชิงชังมีมากมายเกินไป ในใจของเขาหานเจวี๋ยนั้นยังไม่อยู่ในลำดับรายชื่อ

เช่นนั้นเดิมทีเขาจึงไม่คิดว่าสาเหตุนั้นจะมาจากหานเจวี๋ย

เซียวเอ้อร์ยิ่งคิดยิ่งกลัดกลุ้ม ทำได้เพียงหยิบโอสถออกมารักษาอาการบาดเจ็บก่อน

……

ภายในตำหนักที่ที่นั่งโอ่อ่าตระการตา มีผู้บำเพ็ญสิบคนกำลังนั่งอยู่

หลี่เฉียนหลงและผู้บำเพ็ญในชุดคลุมสีดำนั่งอยู่ในตำแหน่งหลัก

“ทุกท่าน ท่านผู้นี้คือผู้อาวุโสเว่ยหยวน เป็นผู้บำเพ็ญระดับสุญตา ครั้งนี้ยินดีมาช่วยพวกเราขุดรากถอนโคนสำนักหยกพิสุทธิ์” หลี่เฉียนหลงแนะนำผู้บำเพ็ญที่นั่งอยู่

เว่ยหยวนก็คือผู้บำเพ็ญในชุดคลุมสีดำที่นั่งอยู่ข้างกายเขา

“เจ้าลัทธิศักดิ์สิทธิ์อาภรณ์ป้องพิรุณมีตบะระดับเปลี่ยนวิญญาณขั้นเก้า กล่าวคือมีความเป็นไปได้อย่างมากที่ผู้อาวุโสสังหารเทพของสำนักหยกพิสุทธิ์มีระดับความสามารถที่สมน้ำสมเนื้อกับระดับเปลี่ยนวิญญาณขั้นเก้า ข้าและตระกูลเว่ยจึงเชิญผู้อาวุโสเว่ยหยวนมาเพื่อทวงความเป็นธรรมแก่พวกเราโดยเฉพาะ ส่วนนักพรตเต๋าจิ่วติ่งนั้น พวกเราได้ข่าวมาว่าเขาเดินทางออกไปต่างแดนเป็นที่แน่แท้แล้ว เจ้านักของพวกเขาเองก็กำลังเผชิญกับปัญหาของตนเอง ไม่มีเวลาที่จะมาปกป้องสำนักหยกพิสุทธิ์”

คำพูดของหลี่เฉียนหลงทำให้ผู้บำเพ็ญที่นั่งอยู่ต่างมองหน้าสบตากัน

ผู้บำเพ็ญเหล่านี้ล้วนเป็นเจ้าสำนักและรองเจ้าสำนักของสายหลักและสายมาร ครั้งนี้ที่มารวมตัวกันก็เพื่อปรึกษาหารือเรื่องโจมตีสำนักหยกพิสุทธิ์

เมื่อได้ยินว่าเว่ยหยวนเป็นผู้บำเพ็ญระดับสุญตาขั้นเก้า พวกเขากลับไม่ได้ยินดี แต่รู้สึกกังวลมากกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ

พอโค่นสำนักหยกพิสุทธิ์แล้ว เป็นไปได้หรือไม่ที่ตระกูลเว่ยจะกลายเป็นสำนักหยกพิสุทธิ์แทน

พวกเขาก็ไม่มีทางชนะผู้บำเพ็ญระดับสุญตาได้!

หลี่เฉียนหลงเห็นสีหน้าท่าทางของทุกคนในสายตา กล่าวต่อว่า “ผู้อาวุโสเว่ยหยวนมีสำนักของตนเอง ครั้งนี้ตระกูลเว่ยของเราใช้ความจริงใจเป็นอย่างมากถึงสามารถเชิญเขามาได้ หลังจากเรื่องนี้จบลง ผู้อาวุโสเว่ยหยวนจะจากไป หลังจากโค่นล้มสำนักหยกพิสุทธิ์ลงแล้ว ตระกูลเว่ยต้องการเพียงแดนลึกลับของสำนักหยกพิสุทธิ์เท่านั้น จะไม่เข้าร่วมแย่งชิงอำนาจของแดนบำเพ็ญพรตอย่างแน่นอน”

เมื่อคำพูดนี้ออกมา สีหน้าท่าทางของเจ้าสำนักแต่ละสำนักก็ผ่อนคลายลงไม่น้อย

หลี่เฉียนหลงลอบพึงพอใจ

ผู้อาวุโสสังหารเทพ ข้าอยากจะรู้นักว่าเจ้าจะสามารถรับมือกับผู้บำเพ็ญระดับสุญตาได้หรือไม่!

ในเวลานั้นเอง!

พลังวิญญาณภายในร่างของหลี่เฉียนหลงก็พลันปั่นป่วน กระอักโลหิตออกมาจากปากทันที

บรรดาเจ้าสำนักที่นั่งอยู่ล้วนตกตะลึง ลุกพรวดขึ้นมาตามๆ กัน กวาดมองไปรอบๆ อย่างหวาดระแวง

…………………………………………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+