ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะบทที่ 142 ระดับมหายานขั้นห้า ทายาทมังกรแท้

Now you are reading ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ Chapter บทที่ 142 ระดับมหายานขั้นห้า ทายาทมังกรแท้ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 142 ระดับมหายานขั้นห้า ทายาทมังกรแท้

“เสียงอะไร”

“เกิดอะไรขึ้น หรือมีคนฝ่าด่านเคราะห์แล้วระเบิด”

“ไม่รู้เหมือนกัน ดูเหมือนว่าจะดังมาจากนอกสำนัก!”

“มารดาสิ ข้าเกือบเกิดมารในใจขึ้นมาแล้ว!”

“โอ๊ยๆ ข้ากำลังหลอมอาวุธอยู่ สมบัติวัสดุของข้าถูกทำลายหมดแล้ว!”

“หรือว่ามีศัตรูมาโจมตี”

……

ศิษย์สำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์พากันวิพากษ์วิจารณ์ด้วยความตกใจไปต่างๆ นานา บรรดาผู้อาวุโสก็พากันออกจากการปิดด่านฝึกฝนเพื่อสำรวจตรวจดูสถานการณ์รอบด้าน

หานเจวี๋ยสังเกตเห็นความผิดปกติของอีกาทองน้อยทั้งสอง จนต้องมองตามครรลองสายตาพวกมันไปอย่างอดไม่ได้ แต่กลับมองไม่เห็นสัตว์เทพหรือวิหคปีศาจใดๆ

ภูเขาธารารอบๆ สำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ล้วนไม่ได้รับความเสียหายใดๆ เห็นได้ชัดว่าเสียงดังสนั่นก่อนหน้านี้มาจากสถานที่ที่อยู่ไกลโพ้น

หานเจวี๋ยใช้แบบจำลองการทดสอบตรวจสอบในรัศมีร้อยลี้ แต่กลับไม่พบสัตว์ปีศาจและสัตว์เทพ

เขาไม่ได้คลายความระแวดระวังลง และยังคงรอคอยอย่างอดทน

ไม่นาน

นักพรตเต๋าจิ่วติ่งและหลี่ชิงจื่อมาเพื่อสอบถามสถานการณ์

หานเจวี๋ยส่ายหน้ากล่าว “ข้าเองก็ไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น”

ไก่คุกรัตติกาล สวินฉางอัน อู้เต้าเจี้ยนและคนอื่นๆ ต่างก็รู้ตัวว่าไม่ควรพูดถึงความผิดปกติของต้นฝูซังขึ้นมา

พวกเขาเป็นเพียงคนของหานเจวี๋ย ไม่ใช่ของสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์

“หวังว่าจะไม่เกิดหายนะครั้งใหญ่ขึ้นมาอีก” หลี่ชิงจื่อกล่าวด้วยความกังวล

ช่วงนี้เขายุ่งอยู่กับการฝึกฝนมาโดยตลอด หลังจากทะลวงระดับเปลี่ยนวิญญาณแล้ว ตบะไม่อาจเพิ่มพูนได้อีก ทำให้เขารู้สึกกลัดกลุ้มเป็นอย่างมาก

แม้ว่าพลังวิญญาณบนเขาเพียรบำเพ็ญเซียนจะเต็มเปี่ยม แต่คุณสมบัติกลับจำกัดการบำเพ็ญเพียรของเขา

“วางใจเถิด มีข้าอยู่ จะไม่เกิดเรื่องใดกับสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์แน่นอน พวกท่านกลับไปดูแลในสำนักเถอะ อย่าได้ลนลานจนขัดแข้งขัดขาตนเอง” หานเจวี๋ยเอ่ยปากกล่าว

นักพรตเต๋าจิ่วติ่งและหลี่ชิงจื่อพยักหน้าลง ไม่รบกวนเขาอีก

หลังพวกเขาจากไปแล้ว หานเจวี๋ยก็มองไปทางริมขอบฟ้าอีกครั้ง ‘มันคืออะไรกันแน่’

หลังจากฟ้าดินเกิดเสียงดังสนั่นแล้ว ต้นฝูซังก็สั่นไหวทุกคืน แต่สิ่งที่มันดึงดูดมายังคงไม่ปรากฏตัว

เป็นแบบนี้ต่อเนื่องนานครึ่งปี

นักพรตเต๋าจิ่วติ่งมาเยี่ยมเยียนอีกครั้ง

“เสียงดังสนั่นเมื่อครึ่งปีก่อนเป็นการเคลื่อนไหวของเผ่าปีศาจ สัตว์ร้ายบรรพกาลตัวหนึ่งปรากฏตัว มีนามว่าราชามังกรสามหัว มังกรตัวนี้มีสายเลือดผสมซับซ้อน มีปีกสองปีก สามารถบังคับลมเรียกฝนได้ นิสัยโหดร้ายทารุณ อยู่ห่างจากต้าเยี่ยนเราไม่ไกลนัก” นักพรตเต๋าจิ่วติ่งเอ่ยปากกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

‘ราชามังกรสามหัว?’

หานเจวี๋ยเอ่ยถาม “ปีศาจตัวนี้ไม่รวมเป็นหนึ่งกับเผ่าปีศาจหรือ”

“ไม่ได้เป็นเช่นนั้น กล่าวกันว่าเผ่าปีศาจก็ขับไล่เขา เขาโลภอาหาร สมัยก่อนที่เป็นราชาปีศาจนั้นไม่ทันไรก็กินปีศาจภายใต้อาณัติ บรรดาปีศาจต่างก็ไม่ยอมอุทิศตนรับใช้เขา” นักพรตเต๋าจิ่วติ่งตอบ

หานเจวี๋ยรู้สึกโล่งใจไปเปราะหนึ่ง

เขายังคิดว่าเผ่าปีศาจจะเป็นเหมือนสายมารก่อนหน้านี้ที่เปิดฉากศึกใหญ่ในใต้หล้า ยังดีที่ราชามังกรสามหัวไม่ได้มีจิตใจชั่วช้า

‘ถ้าอย่างนั้นปัญหาก็เกิดแล้ว!

ต้นฝูซังยังคงสั่นไหว แสดงว่าราชามังกรสามหัวปรากฏตัวเพื่อต้นฝูซัง!

เหตุใดราชามังกรสามหัวถึงไม่มาสักที

ระแวดระวังหรือ หรือว่าแอบวางแผนลับอะไรอยู่’

หานเจวี๋ยคิดไม่ตก ในเมื่อคิดไม่ตกก็ได้แต่นำหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมาจัดการแล้ว

นักพรตเต๋าจิ่วติ่งพูดถึงความคืบหน้าของสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ในช่วงนี้อีกเล็กน้อย เขาตั้งใจที่จะบ่มเพาะมู่หรงฉี่ให้เป็นศิษย์เอกของสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ มีอำนาจสั่งการศิษย์ทั่วทั้งสำนัก นอกจากตำแหน่งที่ไม่สามารถเทียบเคียงกับผู้อาวุโสได้แล้ว อำนาจที่แท้จริงนั้นสูงกว่าผู้อาวุโส

สำหรับเรื่องนี้หานเจวี๋ยไม่มีความเห็นใดๆ ให้นักพรตเต๋าจิ่วติ่งจัดการตามสมควร

มู่หรงฉี่ทำให้นักพรตเต๋าจิ่วติ่งรู้สึกประหลาดใจจริงๆ คิดไม่ถึงว่าพรสวรรค์ของเจ้าเด็กนี่จะน่ากลัวถึงเพียงนี้

นักพรตเต๋าจิ่วติ่งยังคิดแม้กระทั่งว่า ศิษย์คนอื่นๆ ภายใต้สังกัดของหานเจวี๋ยจะเก่งกาจเช่นนี้หรือไม่

แต่เขาไม่กล้าถามอะไรมาก หานเจวี๋ยยอมให้มู่หรงฉี่ทำคุณให้กับสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ก็นับว่าไม่เลวแล้ว

หลังจากนักพรตเต๋าจิ่วติ่งจากไป หานเจวี๋ยก็นำหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมา เริ่มสาปแช่งราชามังกรสามหัว

……

ดินแดนทางตอนเหนือของต้าเยี่ยน

ราชาปีศาจเตี่ยนซู่กำลังคุกเข่าตัวสั่นเทิ้มอยู่บนพื้นหิมะ ตรงหน้าเขามีดวงตาแดงฉานสามคู่อยู่ท่ามกลางหิมะที่โปรยปรายเต็มท้องฟ้า ดวงตานี้มีขนาดใหญ่กว่าราชาปีศาจเตี่ยนซู่มากนัก ร่างของเจ้าของดวงตาจะต้องมีขนาดมหึมาอย่างหาที่เปรียบไม่ได้

“ทิศทางที่ท่านพูดถึงน่าจะมาจากสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์…ข้าขอเตือน ท่านล้มเลิกความคิดนี้ไปเสียจะดีกว่า”

ราชาปีศาจเตี่ยนซู่กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเทา ความหวาดกลัวที่เขามีต่อปีศาจตรงหน้านี้ทำให้เขานึกถึงพญาอสรพิษหยกก่อนหน้านี้ขึ้นมา

เทียบกันแล้วมีแต่เหนือกว่า!

ราชามังกรสามหัว!

น้ำเสียงแหบพร่าดังขึ้นมาแทบจะทันที “สำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์แข็งแกร่งมากหรือ”

“แข็งแกร่งมาก อาจจะมีมนุษย์เซียนอยู่ในนั้นหนึ่งท่าน”

“เหลวไหล มนุษย์เซียนจะอยู่ในโลกมนุษย์ได้อย่างไร”

“ถึงอย่างไรก็แข็งแกร่งมาก ใต้หล้าในยามนี้สำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์เป็นสถานที่ที่น่าหวาดกลัวที่สุด แม้แต่ข้ายังคิดว่าจวนเซียนสวรรค์ยังไม่น่ากลัวเท่าสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์”

ได้ยินเช่นนี้ราชามังกรสามหัวก็นิ่งเงียบไป

เดิมทีราชามังกรสามหัวก็นอนหลับสนิทอยู่ใต้พิภพ ดูดซับพลังวิญญาณพสุธา แต่ขณะที่ต้นฝูซังเติบโตอย่างต่อเนื่อง เขาก็ถูกปลุกให้ตื่นจากการหลับใหลในที่สุด

เขาทะลวงผ่านพื้นพิภพ คิดที่จะหาสมบัติล้ำค่าที่ดึงดูดเขาท่ามกลางความมืดมิด

แต่ไม่รู้เป็นเพราะเหตุใด ระหว่างที่เดินทางมานั้นเขารู้สึกหวาดผวาพิกล

เขามักจะรู้สึกว่าการไปครั้งนี้ อาจนำพาไปสู่ความตาย

เพราะอย่างนั้นราชามังกรสามหัวจึงไม่กล้าไปโดยง่าย

เขาเริ่มลดระดับความเร็ว ขณะที่เดินทางไปนั้น ก็สอบถามปีศาจที่อยู่ระหว่างทางไปด้วย

เขาได้รับคำตอบแบบเดียวกัน

หากต้าเยี่ยนมีสมบัติล้ำค่าที่ดึงดูดเขา นั่นจะต้องเป็นสมบัติที่อยู่ในสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์อย่างแน่นอน

หากนั่นคือสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ อย่าได้ไปเด็ดขาด!

ก่อนหน้านี้จูโต้วที่บินเข้ามาในต้าเยี่ยนอย่างเกรียงไกร และบินไปยังสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ ได้ตายลงแล้ว

ก่อนหน้านี้พญาอสรพิษหยกที่มีอานุภาพไม่อาจต้านทานได้โจมตีไปยังสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ ก็ได้ตายลงแล้ว

เรื่องราวเหล่านี้อาจจะลางเลือนไปแล้วในเผ่ามนุษย์ แต่ในเผ่าปีศาจยังคงเป็นตำนานที่ทำให้บรรดาปีศาจที่ได้ฟังรู้สึกหวาดกลัวจนอกสั่นขวัญหาย

“หรือสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์จะไปไม่ได้จริงๆ”

ราชามังกรสามหัวครุ่นคิดอย่างเงียบๆ

เขาก็มีตบะถึงระดับมหายานขั้นหก!

ใต้หล้านี้ใครจะสามารถสังหารเขาได้!

แต่ความรู้สึกไม่ปลอดภัยกลับยังคงอยู่!

ราชาปีศาจเตี่ยนซู่ไม่สบายใจเป็นอย่างมาก กลัวว่าราชามังกรสามหัวจะพาลโกรธแล้วกินเขา

สุดท้ายราชามังกรสามหัวก็จากไปแล้ว

ราชาปีศาจเตี่ยนซู่รู้สึกโล่งใจไปเปราะหนึ่ง

……

สิบสามปีผ่านไป

หานเจวี๋ยทะลวงถึงระดับมหายานขั้นห้า

ต้นฝูซังเองก็ยังสั่นไหวมาถึงสิบสามปี หานเจวี๋ยสงสัยแม้กระทั่งว่าต้นฝูซังจงใจทำให้เกิดขึ้น

นี่อาจเป็นพฤติกรรมการจับเหยื่อ

เหมือนกับดอกไม้กินคน

มีอีกาทองสองตัวอยู่ คาดว่าปีศาจและสัตว์เทพในโลกมนุษย์คงไม่กล้ามา

แต่หานเจวี๋ยยังคงระมัดระวังเป็นอย่างมาก เขามักจะตรวจสอบดูสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์เป็นระยะๆ เพื่อป้องกันการแฝงตัวเข้ามาของปีศาจ

หลังจากทะลวงสำเร็จแล้ว หานเจวี๋ยก็ทำตบะให้มั่นคง ในขณะเดียวกันก็ตรวจสอบดูการดำรงอยู่ของตบะที่แข็งแกร่งที่สุดในสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์

[ราชามังกรสามหัว: ระดับมหายานขั้นหก ทายาทมังกรแท้]

‘มาแล้วจริงๆ ด้วย!’

หานเจวี๋ยหรี่ตาลง ‘ทายาทมังกรแท้?

มีภูมิหลัง?’

หานเจวี๋ยเริ่มจำลองการทดสอบกับราชามังกรสามหัวหนึ่งรอบ

เจ้าหมอนี่เปราะบางเกินไป ถูกเขาสังหารภายในพริบตา

หานเจวี๋ยเริ่มตรวจสอบดูตำแหน่งของราชามังกรสามหัว ประเดี๋ยวเดียวเขาก็รู้สึกหมดคำพูดขึ้นมา

คิดไม่ถึงว่าราชามังกรสามหัวจะแปลงร่างเป็นศิษย์หนุ่มผู้หนึ่ง กำลังคุกเข่าอยู่ตรงตีนเขาเพียรบำเพ็ญเซียนกับศิษย์จำนวนมาก เพื่อต้องการกราบหานเจวี๋ยเป็นอาจารย์

ตั้งแต่สวินฉางอัน มู่หรงฉี่และฟางเหลียงทำสำเร็จ ก็มีศิษย์มาคุกเข่าตรงตีนเขาเพียรบำเพ็ญเซียนอยู่ตลอด พวกเขาไม่กล้าส่งเสียงวุ่นวาย ได้แต่โขกศีรษะคำนับกับพื้นอย่างเงียบๆ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมู่หรงฉี่โดดเด่นขึ้นมา บรรดาศิษย์ก็เฝ้าปรารถนาในตัวผู้อาวุโสสังหารเทพยิ่งกว่าเดิม

“นี่จะมาไม้ไหนกัน”

หานเจวี๋ยเอามือลูบคางครุ่นคิด

‘ช่างเถอะ! ให้เขาคุกเข่าต่อไป!’

หานเจวี๋ยหลับตาลง และฝึกฝนต่อ

……

หนึ่งปีผ่านไป

ราชามังกรสามหัวยังคงโขกศีรษะคำนับกับพื้น หานเจวี๋ยคิดว่าหากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ก็ไม่ใช้วิธีการที่ดีนัก ดังนั้นจึงให้สวินฉางอันไปรับราชามังกรสามหัว และเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องกับสวินฉางอัน เขาจึงให้อีกาทองทั้งสองเกาะอยู่บนบ่าของสวินฉางอันเพื่อปกป้องเขา

ตบะของอีกาทองสูงถึงระดับมหายานขั้นเจ็ด ระดับมหายานขั้นเจ็ดถึงสองตนจะสู้ระดับมหายานขั้นหกตนเดียวไม่ได้เชียวหรือ

……………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะบทที่ 142 ระดับมหายานขั้นห้า ทายาทมังกรแท้

Now you are reading ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ Chapter บทที่ 142 ระดับมหายานขั้นห้า ทายาทมังกรแท้ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 142 ระดับมหายานขั้นห้า ทายาทมังกรแท้

“เสียงอะไร”

“เกิดอะไรขึ้น หรือมีคนฝ่าด่านเคราะห์แล้วระเบิด”

“ไม่รู้เหมือนกัน ดูเหมือนว่าจะดังมาจากนอกสำนัก!”

“มารดาสิ ข้าเกือบเกิดมารในใจขึ้นมาแล้ว!”

“โอ๊ยๆ ข้ากำลังหลอมอาวุธอยู่ สมบัติวัสดุของข้าถูกทำลายหมดแล้ว!”

“หรือว่ามีศัตรูมาโจมตี”

……

ศิษย์สำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์พากันวิพากษ์วิจารณ์ด้วยความตกใจไปต่างๆ นานา บรรดาผู้อาวุโสก็พากันออกจากการปิดด่านฝึกฝนเพื่อสำรวจตรวจดูสถานการณ์รอบด้าน

หานเจวี๋ยสังเกตเห็นความผิดปกติของอีกาทองน้อยทั้งสอง จนต้องมองตามครรลองสายตาพวกมันไปอย่างอดไม่ได้ แต่กลับมองไม่เห็นสัตว์เทพหรือวิหคปีศาจใดๆ

ภูเขาธารารอบๆ สำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ล้วนไม่ได้รับความเสียหายใดๆ เห็นได้ชัดว่าเสียงดังสนั่นก่อนหน้านี้มาจากสถานที่ที่อยู่ไกลโพ้น

หานเจวี๋ยใช้แบบจำลองการทดสอบตรวจสอบในรัศมีร้อยลี้ แต่กลับไม่พบสัตว์ปีศาจและสัตว์เทพ

เขาไม่ได้คลายความระแวดระวังลง และยังคงรอคอยอย่างอดทน

ไม่นาน

นักพรตเต๋าจิ่วติ่งและหลี่ชิงจื่อมาเพื่อสอบถามสถานการณ์

หานเจวี๋ยส่ายหน้ากล่าว “ข้าเองก็ไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น”

ไก่คุกรัตติกาล สวินฉางอัน อู้เต้าเจี้ยนและคนอื่นๆ ต่างก็รู้ตัวว่าไม่ควรพูดถึงความผิดปกติของต้นฝูซังขึ้นมา

พวกเขาเป็นเพียงคนของหานเจวี๋ย ไม่ใช่ของสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์

“หวังว่าจะไม่เกิดหายนะครั้งใหญ่ขึ้นมาอีก” หลี่ชิงจื่อกล่าวด้วยความกังวล

ช่วงนี้เขายุ่งอยู่กับการฝึกฝนมาโดยตลอด หลังจากทะลวงระดับเปลี่ยนวิญญาณแล้ว ตบะไม่อาจเพิ่มพูนได้อีก ทำให้เขารู้สึกกลัดกลุ้มเป็นอย่างมาก

แม้ว่าพลังวิญญาณบนเขาเพียรบำเพ็ญเซียนจะเต็มเปี่ยม แต่คุณสมบัติกลับจำกัดการบำเพ็ญเพียรของเขา

“วางใจเถิด มีข้าอยู่ จะไม่เกิดเรื่องใดกับสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์แน่นอน พวกท่านกลับไปดูแลในสำนักเถอะ อย่าได้ลนลานจนขัดแข้งขัดขาตนเอง” หานเจวี๋ยเอ่ยปากกล่าว

นักพรตเต๋าจิ่วติ่งและหลี่ชิงจื่อพยักหน้าลง ไม่รบกวนเขาอีก

หลังพวกเขาจากไปแล้ว หานเจวี๋ยก็มองไปทางริมขอบฟ้าอีกครั้ง ‘มันคืออะไรกันแน่’

หลังจากฟ้าดินเกิดเสียงดังสนั่นแล้ว ต้นฝูซังก็สั่นไหวทุกคืน แต่สิ่งที่มันดึงดูดมายังคงไม่ปรากฏตัว

เป็นแบบนี้ต่อเนื่องนานครึ่งปี

นักพรตเต๋าจิ่วติ่งมาเยี่ยมเยียนอีกครั้ง

“เสียงดังสนั่นเมื่อครึ่งปีก่อนเป็นการเคลื่อนไหวของเผ่าปีศาจ สัตว์ร้ายบรรพกาลตัวหนึ่งปรากฏตัว มีนามว่าราชามังกรสามหัว มังกรตัวนี้มีสายเลือดผสมซับซ้อน มีปีกสองปีก สามารถบังคับลมเรียกฝนได้ นิสัยโหดร้ายทารุณ อยู่ห่างจากต้าเยี่ยนเราไม่ไกลนัก” นักพรตเต๋าจิ่วติ่งเอ่ยปากกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

‘ราชามังกรสามหัว?’

หานเจวี๋ยเอ่ยถาม “ปีศาจตัวนี้ไม่รวมเป็นหนึ่งกับเผ่าปีศาจหรือ”

“ไม่ได้เป็นเช่นนั้น กล่าวกันว่าเผ่าปีศาจก็ขับไล่เขา เขาโลภอาหาร สมัยก่อนที่เป็นราชาปีศาจนั้นไม่ทันไรก็กินปีศาจภายใต้อาณัติ บรรดาปีศาจต่างก็ไม่ยอมอุทิศตนรับใช้เขา” นักพรตเต๋าจิ่วติ่งตอบ

หานเจวี๋ยรู้สึกโล่งใจไปเปราะหนึ่ง

เขายังคิดว่าเผ่าปีศาจจะเป็นเหมือนสายมารก่อนหน้านี้ที่เปิดฉากศึกใหญ่ในใต้หล้า ยังดีที่ราชามังกรสามหัวไม่ได้มีจิตใจชั่วช้า

‘ถ้าอย่างนั้นปัญหาก็เกิดแล้ว!

ต้นฝูซังยังคงสั่นไหว แสดงว่าราชามังกรสามหัวปรากฏตัวเพื่อต้นฝูซัง!

เหตุใดราชามังกรสามหัวถึงไม่มาสักที

ระแวดระวังหรือ หรือว่าแอบวางแผนลับอะไรอยู่’

หานเจวี๋ยคิดไม่ตก ในเมื่อคิดไม่ตกก็ได้แต่นำหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมาจัดการแล้ว

นักพรตเต๋าจิ่วติ่งพูดถึงความคืบหน้าของสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ในช่วงนี้อีกเล็กน้อย เขาตั้งใจที่จะบ่มเพาะมู่หรงฉี่ให้เป็นศิษย์เอกของสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ มีอำนาจสั่งการศิษย์ทั่วทั้งสำนัก นอกจากตำแหน่งที่ไม่สามารถเทียบเคียงกับผู้อาวุโสได้แล้ว อำนาจที่แท้จริงนั้นสูงกว่าผู้อาวุโส

สำหรับเรื่องนี้หานเจวี๋ยไม่มีความเห็นใดๆ ให้นักพรตเต๋าจิ่วติ่งจัดการตามสมควร

มู่หรงฉี่ทำให้นักพรตเต๋าจิ่วติ่งรู้สึกประหลาดใจจริงๆ คิดไม่ถึงว่าพรสวรรค์ของเจ้าเด็กนี่จะน่ากลัวถึงเพียงนี้

นักพรตเต๋าจิ่วติ่งยังคิดแม้กระทั่งว่า ศิษย์คนอื่นๆ ภายใต้สังกัดของหานเจวี๋ยจะเก่งกาจเช่นนี้หรือไม่

แต่เขาไม่กล้าถามอะไรมาก หานเจวี๋ยยอมให้มู่หรงฉี่ทำคุณให้กับสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ก็นับว่าไม่เลวแล้ว

หลังจากนักพรตเต๋าจิ่วติ่งจากไป หานเจวี๋ยก็นำหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมา เริ่มสาปแช่งราชามังกรสามหัว

……

ดินแดนทางตอนเหนือของต้าเยี่ยน

ราชาปีศาจเตี่ยนซู่กำลังคุกเข่าตัวสั่นเทิ้มอยู่บนพื้นหิมะ ตรงหน้าเขามีดวงตาแดงฉานสามคู่อยู่ท่ามกลางหิมะที่โปรยปรายเต็มท้องฟ้า ดวงตานี้มีขนาดใหญ่กว่าราชาปีศาจเตี่ยนซู่มากนัก ร่างของเจ้าของดวงตาจะต้องมีขนาดมหึมาอย่างหาที่เปรียบไม่ได้

“ทิศทางที่ท่านพูดถึงน่าจะมาจากสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์…ข้าขอเตือน ท่านล้มเลิกความคิดนี้ไปเสียจะดีกว่า”

ราชาปีศาจเตี่ยนซู่กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเทา ความหวาดกลัวที่เขามีต่อปีศาจตรงหน้านี้ทำให้เขานึกถึงพญาอสรพิษหยกก่อนหน้านี้ขึ้นมา

เทียบกันแล้วมีแต่เหนือกว่า!

ราชามังกรสามหัว!

น้ำเสียงแหบพร่าดังขึ้นมาแทบจะทันที “สำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์แข็งแกร่งมากหรือ”

“แข็งแกร่งมาก อาจจะมีมนุษย์เซียนอยู่ในนั้นหนึ่งท่าน”

“เหลวไหล มนุษย์เซียนจะอยู่ในโลกมนุษย์ได้อย่างไร”

“ถึงอย่างไรก็แข็งแกร่งมาก ใต้หล้าในยามนี้สำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์เป็นสถานที่ที่น่าหวาดกลัวที่สุด แม้แต่ข้ายังคิดว่าจวนเซียนสวรรค์ยังไม่น่ากลัวเท่าสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์”

ได้ยินเช่นนี้ราชามังกรสามหัวก็นิ่งเงียบไป

เดิมทีราชามังกรสามหัวก็นอนหลับสนิทอยู่ใต้พิภพ ดูดซับพลังวิญญาณพสุธา แต่ขณะที่ต้นฝูซังเติบโตอย่างต่อเนื่อง เขาก็ถูกปลุกให้ตื่นจากการหลับใหลในที่สุด

เขาทะลวงผ่านพื้นพิภพ คิดที่จะหาสมบัติล้ำค่าที่ดึงดูดเขาท่ามกลางความมืดมิด

แต่ไม่รู้เป็นเพราะเหตุใด ระหว่างที่เดินทางมานั้นเขารู้สึกหวาดผวาพิกล

เขามักจะรู้สึกว่าการไปครั้งนี้ อาจนำพาไปสู่ความตาย

เพราะอย่างนั้นราชามังกรสามหัวจึงไม่กล้าไปโดยง่าย

เขาเริ่มลดระดับความเร็ว ขณะที่เดินทางไปนั้น ก็สอบถามปีศาจที่อยู่ระหว่างทางไปด้วย

เขาได้รับคำตอบแบบเดียวกัน

หากต้าเยี่ยนมีสมบัติล้ำค่าที่ดึงดูดเขา นั่นจะต้องเป็นสมบัติที่อยู่ในสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์อย่างแน่นอน

หากนั่นคือสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ อย่าได้ไปเด็ดขาด!

ก่อนหน้านี้จูโต้วที่บินเข้ามาในต้าเยี่ยนอย่างเกรียงไกร และบินไปยังสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ ได้ตายลงแล้ว

ก่อนหน้านี้พญาอสรพิษหยกที่มีอานุภาพไม่อาจต้านทานได้โจมตีไปยังสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ ก็ได้ตายลงแล้ว

เรื่องราวเหล่านี้อาจจะลางเลือนไปแล้วในเผ่ามนุษย์ แต่ในเผ่าปีศาจยังคงเป็นตำนานที่ทำให้บรรดาปีศาจที่ได้ฟังรู้สึกหวาดกลัวจนอกสั่นขวัญหาย

“หรือสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์จะไปไม่ได้จริงๆ”

ราชามังกรสามหัวครุ่นคิดอย่างเงียบๆ

เขาก็มีตบะถึงระดับมหายานขั้นหก!

ใต้หล้านี้ใครจะสามารถสังหารเขาได้!

แต่ความรู้สึกไม่ปลอดภัยกลับยังคงอยู่!

ราชาปีศาจเตี่ยนซู่ไม่สบายใจเป็นอย่างมาก กลัวว่าราชามังกรสามหัวจะพาลโกรธแล้วกินเขา

สุดท้ายราชามังกรสามหัวก็จากไปแล้ว

ราชาปีศาจเตี่ยนซู่รู้สึกโล่งใจไปเปราะหนึ่ง

……

สิบสามปีผ่านไป

หานเจวี๋ยทะลวงถึงระดับมหายานขั้นห้า

ต้นฝูซังเองก็ยังสั่นไหวมาถึงสิบสามปี หานเจวี๋ยสงสัยแม้กระทั่งว่าต้นฝูซังจงใจทำให้เกิดขึ้น

นี่อาจเป็นพฤติกรรมการจับเหยื่อ

เหมือนกับดอกไม้กินคน

มีอีกาทองสองตัวอยู่ คาดว่าปีศาจและสัตว์เทพในโลกมนุษย์คงไม่กล้ามา

แต่หานเจวี๋ยยังคงระมัดระวังเป็นอย่างมาก เขามักจะตรวจสอบดูสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์เป็นระยะๆ เพื่อป้องกันการแฝงตัวเข้ามาของปีศาจ

หลังจากทะลวงสำเร็จแล้ว หานเจวี๋ยก็ทำตบะให้มั่นคง ในขณะเดียวกันก็ตรวจสอบดูการดำรงอยู่ของตบะที่แข็งแกร่งที่สุดในสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์

[ราชามังกรสามหัว: ระดับมหายานขั้นหก ทายาทมังกรแท้]

‘มาแล้วจริงๆ ด้วย!’

หานเจวี๋ยหรี่ตาลง ‘ทายาทมังกรแท้?

มีภูมิหลัง?’

หานเจวี๋ยเริ่มจำลองการทดสอบกับราชามังกรสามหัวหนึ่งรอบ

เจ้าหมอนี่เปราะบางเกินไป ถูกเขาสังหารภายในพริบตา

หานเจวี๋ยเริ่มตรวจสอบดูตำแหน่งของราชามังกรสามหัว ประเดี๋ยวเดียวเขาก็รู้สึกหมดคำพูดขึ้นมา

คิดไม่ถึงว่าราชามังกรสามหัวจะแปลงร่างเป็นศิษย์หนุ่มผู้หนึ่ง กำลังคุกเข่าอยู่ตรงตีนเขาเพียรบำเพ็ญเซียนกับศิษย์จำนวนมาก เพื่อต้องการกราบหานเจวี๋ยเป็นอาจารย์

ตั้งแต่สวินฉางอัน มู่หรงฉี่และฟางเหลียงทำสำเร็จ ก็มีศิษย์มาคุกเข่าตรงตีนเขาเพียรบำเพ็ญเซียนอยู่ตลอด พวกเขาไม่กล้าส่งเสียงวุ่นวาย ได้แต่โขกศีรษะคำนับกับพื้นอย่างเงียบๆ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมู่หรงฉี่โดดเด่นขึ้นมา บรรดาศิษย์ก็เฝ้าปรารถนาในตัวผู้อาวุโสสังหารเทพยิ่งกว่าเดิม

“นี่จะมาไม้ไหนกัน”

หานเจวี๋ยเอามือลูบคางครุ่นคิด

‘ช่างเถอะ! ให้เขาคุกเข่าต่อไป!’

หานเจวี๋ยหลับตาลง และฝึกฝนต่อ

……

หนึ่งปีผ่านไป

ราชามังกรสามหัวยังคงโขกศีรษะคำนับกับพื้น หานเจวี๋ยคิดว่าหากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ก็ไม่ใช้วิธีการที่ดีนัก ดังนั้นจึงให้สวินฉางอันไปรับราชามังกรสามหัว และเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องกับสวินฉางอัน เขาจึงให้อีกาทองทั้งสองเกาะอยู่บนบ่าของสวินฉางอันเพื่อปกป้องเขา

ตบะของอีกาทองสูงถึงระดับมหายานขั้นเจ็ด ระดับมหายานขั้นเจ็ดถึงสองตนจะสู้ระดับมหายานขั้นหกตนเดียวไม่ได้เชียวหรือ

……………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะบทที่ 142 ระดับมหายานขั้นห้า ทายาทมังกรแท้

Now you are reading ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ Chapter บทที่ 142 ระดับมหายานขั้นห้า ทายาทมังกรแท้ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 142 ระดับมหายานขั้นห้า ทายาทมังกรแท้

“เสียงอะไร”

“เกิดอะไรขึ้น หรือมีคนฝ่าด่านเคราะห์แล้วระเบิด”

“ไม่รู้เหมือนกัน ดูเหมือนว่าจะดังมาจากนอกสำนัก!”

“มารดาสิ ข้าเกือบเกิดมารในใจขึ้นมาแล้ว!”

“โอ๊ยๆ ข้ากำลังหลอมอาวุธอยู่ สมบัติวัสดุของข้าถูกทำลายหมดแล้ว!”

“หรือว่ามีศัตรูมาโจมตี”

……

ศิษย์สำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์พากันวิพากษ์วิจารณ์ด้วยความตกใจไปต่างๆ นานา บรรดาผู้อาวุโสก็พากันออกจากการปิดด่านฝึกฝนเพื่อสำรวจตรวจดูสถานการณ์รอบด้าน

หานเจวี๋ยสังเกตเห็นความผิดปกติของอีกาทองน้อยทั้งสอง จนต้องมองตามครรลองสายตาพวกมันไปอย่างอดไม่ได้ แต่กลับมองไม่เห็นสัตว์เทพหรือวิหคปีศาจใดๆ

ภูเขาธารารอบๆ สำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ล้วนไม่ได้รับความเสียหายใดๆ เห็นได้ชัดว่าเสียงดังสนั่นก่อนหน้านี้มาจากสถานที่ที่อยู่ไกลโพ้น

หานเจวี๋ยใช้แบบจำลองการทดสอบตรวจสอบในรัศมีร้อยลี้ แต่กลับไม่พบสัตว์ปีศาจและสัตว์เทพ

เขาไม่ได้คลายความระแวดระวังลง และยังคงรอคอยอย่างอดทน

ไม่นาน

นักพรตเต๋าจิ่วติ่งและหลี่ชิงจื่อมาเพื่อสอบถามสถานการณ์

หานเจวี๋ยส่ายหน้ากล่าว “ข้าเองก็ไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น”

ไก่คุกรัตติกาล สวินฉางอัน อู้เต้าเจี้ยนและคนอื่นๆ ต่างก็รู้ตัวว่าไม่ควรพูดถึงความผิดปกติของต้นฝูซังขึ้นมา

พวกเขาเป็นเพียงคนของหานเจวี๋ย ไม่ใช่ของสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์

“หวังว่าจะไม่เกิดหายนะครั้งใหญ่ขึ้นมาอีก” หลี่ชิงจื่อกล่าวด้วยความกังวล

ช่วงนี้เขายุ่งอยู่กับการฝึกฝนมาโดยตลอด หลังจากทะลวงระดับเปลี่ยนวิญญาณแล้ว ตบะไม่อาจเพิ่มพูนได้อีก ทำให้เขารู้สึกกลัดกลุ้มเป็นอย่างมาก

แม้ว่าพลังวิญญาณบนเขาเพียรบำเพ็ญเซียนจะเต็มเปี่ยม แต่คุณสมบัติกลับจำกัดการบำเพ็ญเพียรของเขา

“วางใจเถิด มีข้าอยู่ จะไม่เกิดเรื่องใดกับสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์แน่นอน พวกท่านกลับไปดูแลในสำนักเถอะ อย่าได้ลนลานจนขัดแข้งขัดขาตนเอง” หานเจวี๋ยเอ่ยปากกล่าว

นักพรตเต๋าจิ่วติ่งและหลี่ชิงจื่อพยักหน้าลง ไม่รบกวนเขาอีก

หลังพวกเขาจากไปแล้ว หานเจวี๋ยก็มองไปทางริมขอบฟ้าอีกครั้ง ‘มันคืออะไรกันแน่’

หลังจากฟ้าดินเกิดเสียงดังสนั่นแล้ว ต้นฝูซังก็สั่นไหวทุกคืน แต่สิ่งที่มันดึงดูดมายังคงไม่ปรากฏตัว

เป็นแบบนี้ต่อเนื่องนานครึ่งปี

นักพรตเต๋าจิ่วติ่งมาเยี่ยมเยียนอีกครั้ง

“เสียงดังสนั่นเมื่อครึ่งปีก่อนเป็นการเคลื่อนไหวของเผ่าปีศาจ สัตว์ร้ายบรรพกาลตัวหนึ่งปรากฏตัว มีนามว่าราชามังกรสามหัว มังกรตัวนี้มีสายเลือดผสมซับซ้อน มีปีกสองปีก สามารถบังคับลมเรียกฝนได้ นิสัยโหดร้ายทารุณ อยู่ห่างจากต้าเยี่ยนเราไม่ไกลนัก” นักพรตเต๋าจิ่วติ่งเอ่ยปากกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

‘ราชามังกรสามหัว?’

หานเจวี๋ยเอ่ยถาม “ปีศาจตัวนี้ไม่รวมเป็นหนึ่งกับเผ่าปีศาจหรือ”

“ไม่ได้เป็นเช่นนั้น กล่าวกันว่าเผ่าปีศาจก็ขับไล่เขา เขาโลภอาหาร สมัยก่อนที่เป็นราชาปีศาจนั้นไม่ทันไรก็กินปีศาจภายใต้อาณัติ บรรดาปีศาจต่างก็ไม่ยอมอุทิศตนรับใช้เขา” นักพรตเต๋าจิ่วติ่งตอบ

หานเจวี๋ยรู้สึกโล่งใจไปเปราะหนึ่ง

เขายังคิดว่าเผ่าปีศาจจะเป็นเหมือนสายมารก่อนหน้านี้ที่เปิดฉากศึกใหญ่ในใต้หล้า ยังดีที่ราชามังกรสามหัวไม่ได้มีจิตใจชั่วช้า

‘ถ้าอย่างนั้นปัญหาก็เกิดแล้ว!

ต้นฝูซังยังคงสั่นไหว แสดงว่าราชามังกรสามหัวปรากฏตัวเพื่อต้นฝูซัง!

เหตุใดราชามังกรสามหัวถึงไม่มาสักที

ระแวดระวังหรือ หรือว่าแอบวางแผนลับอะไรอยู่’

หานเจวี๋ยคิดไม่ตก ในเมื่อคิดไม่ตกก็ได้แต่นำหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมาจัดการแล้ว

นักพรตเต๋าจิ่วติ่งพูดถึงความคืบหน้าของสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ในช่วงนี้อีกเล็กน้อย เขาตั้งใจที่จะบ่มเพาะมู่หรงฉี่ให้เป็นศิษย์เอกของสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ มีอำนาจสั่งการศิษย์ทั่วทั้งสำนัก นอกจากตำแหน่งที่ไม่สามารถเทียบเคียงกับผู้อาวุโสได้แล้ว อำนาจที่แท้จริงนั้นสูงกว่าผู้อาวุโส

สำหรับเรื่องนี้หานเจวี๋ยไม่มีความเห็นใดๆ ให้นักพรตเต๋าจิ่วติ่งจัดการตามสมควร

มู่หรงฉี่ทำให้นักพรตเต๋าจิ่วติ่งรู้สึกประหลาดใจจริงๆ คิดไม่ถึงว่าพรสวรรค์ของเจ้าเด็กนี่จะน่ากลัวถึงเพียงนี้

นักพรตเต๋าจิ่วติ่งยังคิดแม้กระทั่งว่า ศิษย์คนอื่นๆ ภายใต้สังกัดของหานเจวี๋ยจะเก่งกาจเช่นนี้หรือไม่

แต่เขาไม่กล้าถามอะไรมาก หานเจวี๋ยยอมให้มู่หรงฉี่ทำคุณให้กับสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ก็นับว่าไม่เลวแล้ว

หลังจากนักพรตเต๋าจิ่วติ่งจากไป หานเจวี๋ยก็นำหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมา เริ่มสาปแช่งราชามังกรสามหัว

……

ดินแดนทางตอนเหนือของต้าเยี่ยน

ราชาปีศาจเตี่ยนซู่กำลังคุกเข่าตัวสั่นเทิ้มอยู่บนพื้นหิมะ ตรงหน้าเขามีดวงตาแดงฉานสามคู่อยู่ท่ามกลางหิมะที่โปรยปรายเต็มท้องฟ้า ดวงตานี้มีขนาดใหญ่กว่าราชาปีศาจเตี่ยนซู่มากนัก ร่างของเจ้าของดวงตาจะต้องมีขนาดมหึมาอย่างหาที่เปรียบไม่ได้

“ทิศทางที่ท่านพูดถึงน่าจะมาจากสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์…ข้าขอเตือน ท่านล้มเลิกความคิดนี้ไปเสียจะดีกว่า”

ราชาปีศาจเตี่ยนซู่กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเทา ความหวาดกลัวที่เขามีต่อปีศาจตรงหน้านี้ทำให้เขานึกถึงพญาอสรพิษหยกก่อนหน้านี้ขึ้นมา

เทียบกันแล้วมีแต่เหนือกว่า!

ราชามังกรสามหัว!

น้ำเสียงแหบพร่าดังขึ้นมาแทบจะทันที “สำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์แข็งแกร่งมากหรือ”

“แข็งแกร่งมาก อาจจะมีมนุษย์เซียนอยู่ในนั้นหนึ่งท่าน”

“เหลวไหล มนุษย์เซียนจะอยู่ในโลกมนุษย์ได้อย่างไร”

“ถึงอย่างไรก็แข็งแกร่งมาก ใต้หล้าในยามนี้สำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์เป็นสถานที่ที่น่าหวาดกลัวที่สุด แม้แต่ข้ายังคิดว่าจวนเซียนสวรรค์ยังไม่น่ากลัวเท่าสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์”

ได้ยินเช่นนี้ราชามังกรสามหัวก็นิ่งเงียบไป

เดิมทีราชามังกรสามหัวก็นอนหลับสนิทอยู่ใต้พิภพ ดูดซับพลังวิญญาณพสุธา แต่ขณะที่ต้นฝูซังเติบโตอย่างต่อเนื่อง เขาก็ถูกปลุกให้ตื่นจากการหลับใหลในที่สุด

เขาทะลวงผ่านพื้นพิภพ คิดที่จะหาสมบัติล้ำค่าที่ดึงดูดเขาท่ามกลางความมืดมิด

แต่ไม่รู้เป็นเพราะเหตุใด ระหว่างที่เดินทางมานั้นเขารู้สึกหวาดผวาพิกล

เขามักจะรู้สึกว่าการไปครั้งนี้ อาจนำพาไปสู่ความตาย

เพราะอย่างนั้นราชามังกรสามหัวจึงไม่กล้าไปโดยง่าย

เขาเริ่มลดระดับความเร็ว ขณะที่เดินทางไปนั้น ก็สอบถามปีศาจที่อยู่ระหว่างทางไปด้วย

เขาได้รับคำตอบแบบเดียวกัน

หากต้าเยี่ยนมีสมบัติล้ำค่าที่ดึงดูดเขา นั่นจะต้องเป็นสมบัติที่อยู่ในสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์อย่างแน่นอน

หากนั่นคือสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ อย่าได้ไปเด็ดขาด!

ก่อนหน้านี้จูโต้วที่บินเข้ามาในต้าเยี่ยนอย่างเกรียงไกร และบินไปยังสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ ได้ตายลงแล้ว

ก่อนหน้านี้พญาอสรพิษหยกที่มีอานุภาพไม่อาจต้านทานได้โจมตีไปยังสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ ก็ได้ตายลงแล้ว

เรื่องราวเหล่านี้อาจจะลางเลือนไปแล้วในเผ่ามนุษย์ แต่ในเผ่าปีศาจยังคงเป็นตำนานที่ทำให้บรรดาปีศาจที่ได้ฟังรู้สึกหวาดกลัวจนอกสั่นขวัญหาย

“หรือสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์จะไปไม่ได้จริงๆ”

ราชามังกรสามหัวครุ่นคิดอย่างเงียบๆ

เขาก็มีตบะถึงระดับมหายานขั้นหก!

ใต้หล้านี้ใครจะสามารถสังหารเขาได้!

แต่ความรู้สึกไม่ปลอดภัยกลับยังคงอยู่!

ราชาปีศาจเตี่ยนซู่ไม่สบายใจเป็นอย่างมาก กลัวว่าราชามังกรสามหัวจะพาลโกรธแล้วกินเขา

สุดท้ายราชามังกรสามหัวก็จากไปแล้ว

ราชาปีศาจเตี่ยนซู่รู้สึกโล่งใจไปเปราะหนึ่ง

……

สิบสามปีผ่านไป

หานเจวี๋ยทะลวงถึงระดับมหายานขั้นห้า

ต้นฝูซังเองก็ยังสั่นไหวมาถึงสิบสามปี หานเจวี๋ยสงสัยแม้กระทั่งว่าต้นฝูซังจงใจทำให้เกิดขึ้น

นี่อาจเป็นพฤติกรรมการจับเหยื่อ

เหมือนกับดอกไม้กินคน

มีอีกาทองสองตัวอยู่ คาดว่าปีศาจและสัตว์เทพในโลกมนุษย์คงไม่กล้ามา

แต่หานเจวี๋ยยังคงระมัดระวังเป็นอย่างมาก เขามักจะตรวจสอบดูสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์เป็นระยะๆ เพื่อป้องกันการแฝงตัวเข้ามาของปีศาจ

หลังจากทะลวงสำเร็จแล้ว หานเจวี๋ยก็ทำตบะให้มั่นคง ในขณะเดียวกันก็ตรวจสอบดูการดำรงอยู่ของตบะที่แข็งแกร่งที่สุดในสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์

[ราชามังกรสามหัว: ระดับมหายานขั้นหก ทายาทมังกรแท้]

‘มาแล้วจริงๆ ด้วย!’

หานเจวี๋ยหรี่ตาลง ‘ทายาทมังกรแท้?

มีภูมิหลัง?’

หานเจวี๋ยเริ่มจำลองการทดสอบกับราชามังกรสามหัวหนึ่งรอบ

เจ้าหมอนี่เปราะบางเกินไป ถูกเขาสังหารภายในพริบตา

หานเจวี๋ยเริ่มตรวจสอบดูตำแหน่งของราชามังกรสามหัว ประเดี๋ยวเดียวเขาก็รู้สึกหมดคำพูดขึ้นมา

คิดไม่ถึงว่าราชามังกรสามหัวจะแปลงร่างเป็นศิษย์หนุ่มผู้หนึ่ง กำลังคุกเข่าอยู่ตรงตีนเขาเพียรบำเพ็ญเซียนกับศิษย์จำนวนมาก เพื่อต้องการกราบหานเจวี๋ยเป็นอาจารย์

ตั้งแต่สวินฉางอัน มู่หรงฉี่และฟางเหลียงทำสำเร็จ ก็มีศิษย์มาคุกเข่าตรงตีนเขาเพียรบำเพ็ญเซียนอยู่ตลอด พวกเขาไม่กล้าส่งเสียงวุ่นวาย ได้แต่โขกศีรษะคำนับกับพื้นอย่างเงียบๆ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมู่หรงฉี่โดดเด่นขึ้นมา บรรดาศิษย์ก็เฝ้าปรารถนาในตัวผู้อาวุโสสังหารเทพยิ่งกว่าเดิม

“นี่จะมาไม้ไหนกัน”

หานเจวี๋ยเอามือลูบคางครุ่นคิด

‘ช่างเถอะ! ให้เขาคุกเข่าต่อไป!’

หานเจวี๋ยหลับตาลง และฝึกฝนต่อ

……

หนึ่งปีผ่านไป

ราชามังกรสามหัวยังคงโขกศีรษะคำนับกับพื้น หานเจวี๋ยคิดว่าหากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ก็ไม่ใช้วิธีการที่ดีนัก ดังนั้นจึงให้สวินฉางอันไปรับราชามังกรสามหัว และเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องกับสวินฉางอัน เขาจึงให้อีกาทองทั้งสองเกาะอยู่บนบ่าของสวินฉางอันเพื่อปกป้องเขา

ตบะของอีกาทองสูงถึงระดับมหายานขั้นเจ็ด ระดับมหายานขั้นเจ็ดถึงสองตนจะสู้ระดับมหายานขั้นหกตนเดียวไม่ได้เชียวหรือ

……………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+