ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ 46 กลายเป็นคู่บำเพ็ญเพียร พลังวิเศษเมฆตีลังกา

Now you are reading ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ Chapter 46 กลายเป็นคู่บำเพ็ญเพียร พลังวิเศษเมฆตีลังกา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 46 กลายเป็นคู่บำเพ็ญเพียร พลังวิเศษเมฆตีลังกา
เพราะความกดดันจากลัทธิศักดิ์สิทธิ์อาภรณ์ป้องพิรุณ หานเจวี๋ยจำต้องมุมานะฝึกบำเพ็ญมากกว่าเดิม

ไก่คุกรัตติกาลรู้สึกทุกข์ระทมอย่างไม่อาจเอ่ย

ด้วยหานเจวี๋ยเริ่มดูดซับปราณอย่างสุดกำลัง ทำให้พลังวิญญาณภายในถ้ำเทวาพุ่งเข้าร่างของเขาอย่างบ้าคลั่ง ความเร็วในการดูดซับปราณของไก่คุกรัตติกาลถูกยับยั้ง

เจ็ดปีต่อมา

ในที่สุดหานเจวี๋ยก็บรรลุระดับปราณก่อกำเนิดขั้นแปด!

เขายังคงรู้สึกว่าเวลาเริ่มกระชันเข้ามาแล้ว

หากสามารถทะลวงถึงระดับเปลี่ยนวิญญาณก่อนลัทธิศักดิ์สิทธิ์อาภรณ์ป้องพิรุณมาโจมตี เช่นนั้นเขาก็จะมีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น

หานเจวี๋ยดูดซับปราณไปพลางเปิดดูความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล

[โจวฝานสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากลัทธิศักดิ์สิทธิ์อาภรณ์ป้องพิรุณ] x87

[หยางเทียนตงศิษย์ของท่านเผชิญกับการโจมตีจากลัทธิศักดิ์สิทธิ์อาภรณ์ป้องพิรุณ] x87

[โม่จู๋สหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากศิษย์ร่วมสำนัก]

[หลี่ชิงจื่อสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากสหายร่วมสำนัก ได้รับบาดเจ็บสาหัส]

……

หืม? หลี่ชิงจื่อเผชิญกับการโจมตีของคนสำนักได้อย่างไร

หานเจวี๋ยนิ่งอึ้ง

หรือว่าจะมีจารชนอีก?

เขารีบตรวจสอบสำนักหยกพิสุทธิ์ทันที

ผู้บำเพ็ญระดับปราณก่อกำเนิดต่างก็ไม่ใช่จารชน

ช้าก่อน หรือว่าจะเป็นกวนโยวกัง?

หานเจวี๋ยคิดไว้ไม่มีผิด เป็นกวนโยวกังจริงๆ

กวนโยวกังไม่กล้าท้าประลองกับผู้อาวุโสสังหารเทพ จึงละทิ้งความคิดที่จะเป็นเจ้าสำนัก แต่เขายังไม่ละทิ้งความโกรธ จึงขอเรียนรู้กับหลี่ชิงจื่อ ก่อนจะถือโอกาสชำระแค้น

เพราะเรื่องนี้ ผู้อาวุโสในสำนักหยกพิสุทธิ์จึงไม่พอใจเขาเป็นอย่างมาก

สำนักหยกพิสุทธิ์กำลังตกอยู่ในวิกฤต แต่เจ้ากลับสร้างเรื่อง แล้วยังคิดจะเป็นเจ้าสำนักอีกหรือ

หลังจากกวนโยวกังถูกด่าท่อ เขาก็โมโหจนต้องปิดด่าน ไม่โผล่หน้าออกมาอีก

ทว่าเขาไม่ได้ไปจากสำนักหยกพิสุทธิ์ เห็นได้ชัดว่าในใจเขายังมีสำนักหยกพิสุทธิ์อยู่

ทั้งหมดนี้ หานเจวี๋ยไม่กระจ่าง เขาเปิดอ่านจดหมายต่อไป

เซียนซีเสวียน ฉางเยวี่ยเอ๋อร์ สิงหงเสวียนไม่มีเรื่องอันตรายอะไร ส่วนสหายคนอื่นๆ นั้นต่างมีการต่อสู้กับคนอื่นประราย

รวมถึงเซวียนฉิงจวินด้วย

ตบะของเซวียนฉิงจวินยังคงอยู่ที่ระดับสร้างฐานขั้นสาม หานเจวี๋ยสงสัยว่านางไม่ฝึกบำเพ็ญเลยแม้แต่น้อย เอาแต่สังเกตการณ์ผู้อื่น

ยามที่หานเจวี๋ยแอบค่อนแคะอยู่นั้น

เขาพลันสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายบางอย่าง

เซวียนฉิงจวิน!

นางผู้นี้มาอีกแล้ว!

“สหายเต๋าอยู่หรือไม่ ข้าขอมาเยี่ยมเยียนท่านสักหน่อยได้หรือไม่”

ได้ฟังน้ำเสียงของเซวียนฉิงจวิน หานเจวี๋ยก็รู้สึกเคร่งเครียดขึ้นมา

เขาคิดอยู่ครู่หนึ่ง อีกฝ่ายต้องรู้แน่ว่าเขาอยู่ที่นี่ หากแกล้งตาย ไม่แน่ว่าระดับความประทับใจคงหายไป

แต่อีกฝ่ายเป็นถึงจอมมาร ความประทับใจย่อมดีกว่าความอาฆาตแค้นอย่างแน่นอน!

เมื่อคิดแล้วหานเจวี๋ยจึงเปิดประตูถ้ำเทวา

เซวียนฉิงจวินเดินเข้ามาอย่าวสบายอารมณ์

เมื่อเห็นหานเจวี๋ย นางก็เผยยิ้มออกมาน้อยๆ อย่างอดไม่ได้

หานเจวี๋ยจนใจ

ไก่คุกรัตติกาลจำกลิ่นอายของเซวียนฉิงจวินได้

มันตะโกนร้องขึ้นอย่างหวาดผวา “ขอร้องเจ้าล่ะ! อย่ากินนายท่านของข้าเลย!”

เซวียนฉิงจวินสีหน้างุนงง

หานเจวี๋ยรู้สึกกระอักกระอ่วนอยู่บ้าง

เขาถลึงตามองไก่คุกรัตติกาลเพียงครั้งจนมันตกใจจนไม่กล้าเอ่ยวาจาอะไรออกมาอีก

เซวียนฉิงจวินเดินมาตรงหน้าหานเจวี๋ย ยิ้มกล่าว “ข้าคือเซวียนฉิงจวิน ศิษย์ของยอดเขาไผ่หยก เมื่อหลายปีก่อนได้พบเจอกับศิษย์พี่ในสำนักฝ่ายใน รู้สึกตกตะลึงในตัวท่านเป็นอย่างมาก นับแต่นั้นในใจของข้าก็แอบมีท่านมาโดยตลอด ครั้งนี้มาเยี่ยมเยียนท่านโดยไม่ได้ตั้งตัว หวังว่าศิษย์พี่จะไม่ถือโทษ”

ตรงยิ่งนัก!

หานเจวี๋ยไม่รู้ว่าควรจะตอบอย่างไรดี

“ความงามของศิษย์พี่พบเจอได้น้อยนักในใต้หล้า โดดเด่นไร้ผู้ใดเปรียบ ศิษย์น้องยินดีมอบสมบัติให้หนึ่งชิ้น หวังว่าท่านจะไม่ปฏิเสธ”

เซวียนฉิงจวินกล่าวต่อด้วยรอยยิ้ม เมื่อพลิกฝ่ามือ แผ่นหยกชิ้นหนึ่งก็ปรากฏบนฝ่ามือ

หานเจวี๋ยเอ่ยถามด้วยความสงสัย “นี่คือสิ่งใดกัน”

“สิ่งนี้คือป้ายจวนเซียนสวรรค์ จวนเซียนสวรรค์เป็นแดนฝึกบำเพ็ญศักดิ์สิทธิ์ของแดนบำเพ็ญพรต ต้องมีป้ายจวนเซียนสวรรค์ถึงจะสามารถเข้าไปได้ หากออกมาจากที่นั่น ต่อให้จะมีคุณสมบัติแย่เพียงใดก็สำเร็จระดับปราณก่อกำเนิดได้”

เซวียนฉิงจวินอธิบายด้วยรอยยิ้ม

นางค่อนแคะอยู่ในใจ ข้าไม่เชื่อหรอกว่าเจ้าจะไม่หวั่นไหว

เจ้าเด็กน้อย ร่างกายอันงดงามของเจ้า ข้าจะเอามาให้ได้!

หานเจวี๋ยส่ายหน้ากล่าว “ขอบใจในความปรารถนาดีของศิษย์น้อง แต่ข้าไม่อยากไปจากสำนักหยกพิสุทธิ์ ตั้งใจจะฝึกบำเพ็ญอยู่ในสำนักหยกพิสุทธิ์ตลอดชีวิต”

ได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของเซวียนฉิงจวินก็แข็งค้างทันที

นางเปลี่ยนของล้ำค่าชิ้นใหม่ เอ่ยว่า “สิ่งนี้คือกระบี่วิญญาณพสุธา สามารถสังหารยอดฝีมือระดับรวมแก่นปราณได้ในพริบตา”

“เอ่อ…”

“ไม่พอหรือ ข้าจะมอบโอสถทะลวงระดับรวมแก่นปราณให้เจ้าอีกหนึ่งขวด!”

“คือ…”

“ข้าจะมอบวิชายุทธ์หลอมกายาให้เจ้าอีกเล่ม! ทั้งเพิ่มเคล็ดวิชาเวทอีกสามเล่มให้ด้วย!”

อะไรจะ…

ใจกว้างเช่นนี้

หากเป็นเมื่อร้อยปีก่อน หานเจวี๋ยจะต้องต้านทานไม่ไหวแน่ ไม่อยากจะพยายามแล้วจริงๆ

หานเจวี๋ยลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เอ่ยว่า “อันที่จริงข้าก็บรรลุตบะดับปราณก่อกำเนิดแล้ว”

เขาไม่ปิดบังตบะอีก แสดงตบะระดับปราณก่อกำเนิดขั้นแปดออกมา จากนั้นถึงเก็บซ่อนไว้อีกครั้ง

เซวียนฉิงจวินตกตะลึง

นางพลัดคาดเดาความจริงได้ในทันใด “ท่าน…คือผู้อาวุโสสังหารเทพ?”

หานเจวี๋ยพยักหน้า

อีกฝ่ายเป็นจอมมาร ในเมื่อจ้องจับเขา จะต้องไม่ยอมเลิกราอย่างแน่นอน

เซวียนฉิงจวินยิ่งดีใจมากกว่าเดิม คิดไม่ถึงว่าสายตาของนางจะดีถึงเพียงนี้ พลันคว้าผู้อาวุโสสังหารเทพที่แข็งแกร่งและลึกลับมากที่สุดของสำนักหยกพิสุทธิ์ไว้ในทันที

[ความประทับใจที่เซวียนฉิงจวินมีต่อท่านเพิ่มขึ้น ระดับความประทับใจในขณะนี้คือ 4 ดาว]

นางควักขวดโอสถออกจากแขนเสื้ออีกครั้ง “นี่เป็นโอสถปราณก่อกำเนิด สามารถช่วยเพิ่มพูนตบะของท่านได้อย่างรวดเร็ว”

“ขวดเดียวพอหรือไม่ หากไม่พอ ข้าจะให้เพิ่มอีกขวด!”

ระหว่างที่พูดนางก็ควักโอสถปราณก่อกำเนิดออกมาอีกหนึ่งขวด

ครั้งนี้หานเจวี๋ยไม่อาจต้านทานได้แล้วจริงๆ

เขาถามอย่างระแวดระวัง “ศิษย์น้อง เจ้ามีที่มาอย่างไรกันแน่”

ตอนนี้เซวียนฉิงจวินถึงได้รู้ตัวว่าตัวตนของตนเองถูกเปิดเผยออกมาแล้ว

แต่ว่าไม่สำคัญ เปิดเผยก็เปิดเผยสิ

“สถานะของข้าไม่สำคัญ ศิษย์น้องอยากเป็นคู่บำเพ็ญเพียรกับศิษย์พี่ ไม่ทราบว่าศิษย์พี่ยินดีหรือไม่” เซวียนฉิงจวินถามด้วยรอยยิ้ม

หานเจวี๋ยเลิกคิ้วถาม “เจ้าสามารถนำของล้ำค่าออกมาได้มากมายเพียงนี้ แน่นอนว่าคงไม่ธรรมดา เช่นนั้นเจ้าจะสามารถช่วยพวกเรารับมือกับลัทธิศักดิ์สิทธิ์อาภรณ์ป้องพิรุณได้หรือไม่”

หากได้จอมมารลงมือ เช่นนั้นก็มั่นใจได้แล้ว!

เซวียนฉิงจวินส่ายหน้ากล่าว “ไม่ได้ ข้าสนใจเพียงท่าน ไม่สนใจสำนักหยกพิสุทธิ์ หรือว่าศิษย์พี่ฝึกบำเพ็ญเพื่อสำนักหยกพิสุทธิ์?”

หานเจวี๋ยนิ่งเงียบ

เป็นอย่างที่คิดไว้จริงๆ

คิดจะบงการจอมมารไม่ได้ง่ายดายเพียงนั้น

แต่โอสถปราณก่อกำเนิดสองขวดนี้ก็ช่างหอมยิ่งนัก เขายากจะปฏิเสธได้ลง

“หากข้าตอบรับเจ้า ข้าต้องจ่ายสิ่งใดเป็นค่าตอบแทน” หานเจวี๋ยถามอย่างระมัดระวัง

เซวียนฉิงจวินยกมุมปากขึ้นยิ้ม เอ่ยว่า “ข้าก็ไม่ได้จะกินท่านจริงๆ สักหน่อย แน่นอนว่าเป็นการฝึกบำเพ็ญร่วมกัน ท่านเพียงจะต้องแข็งแกร่งยิ่งกว่าตอนนี้! นี่ก็เป็นเรื่องที่ดีมากเลยนะ!”

[เซวียนฉิงจวินต้องการผูกสัมพันธ์เป็นคู่บำเพ็ญเพียรกับท่าน ท่านมีตัวเลือกดังต่อไปนี้]

[หนึ่ง ปฏิเสธ เป็นบุรุษผู้บำเพ็ญไหนเลยจะถูกสตรีใช้อำนาจคุกคาม จะได้รับความอาฆาตแค้นจากจอมมาร และได้สืบทอดพลังวิเศษมรรคกระบี่หนึ่งครั้ง]

[สอง ตอบรับ ทั้งสองผูกสัมพันธ์เป็นคู่บำเพ็ญเพียร แปดเปื้อนผลกรรมของกันและกัน จะได้รับความประทับใจจากจอมมาร และสืบทอดพลังวิเศษหนึ่งครั้ง]

ปฏิเสธเซวียนฉิงจวินจะมีจุดจบเช่นไร

จอมมารจะกระโดดออกมาหรือ

นั่นคือลูกพี่ที่เกือบจะทะยานขึ้นสวรรค์เชียวนะ!

หานเจวี๋ยแอบทอดถอนใจ ก่อนเอ่ยปากกล่าว “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นข้าก็จะผูกสัมพันธ์เป็นคู่บำเพ็ญเพียรกับศิษย์น้อง”

[ท่านผูกสัมพันธ์เป็นคู่บำเพ็ญเพียรกับเซวียนฉิงจวินสำเร็จ ได้รับการสืบทอดพลังวิเศษหนึ่งครั้ง]

[ยินดีด้วย ท่านได้รับพลังวิเศษ–เมฆตีลังกา]

[เมฆตีลังกา: พลังวิเศษในการเคลื่อนย้าย ตีลังกาหนึ่งครั้งสามารถเคลื่อนที่ได้หนึ่งแสนแปดพันลี้]

[ความประทับใจที่เซวียนฉิงจวินมีต่อท่านเพิ่มขึ้น ระดับความประทับใจในขณะนี้คือ 4.5 ดาว]

เมฆตีลังกา?

ร้ายกาจจริงๆ!

หานเจวี๋ยตาเป็นประกาย

ของเล่นชิ้นนี้ล้วนเป็นวิชาเทพที่ใช้ในการหลบหนีนี่นา!

ฮ่าๆ พอถึงเวลานั้นหากจอมมารสร้างความวุ่นวาย เขาตีลังกาหนึ่งครั้งก็หนีไปได้ไกลหนึ่งแสนแปดพันลี้แล้ว

เซวียนฉิงจวินยิ้มน้อยๆ นางวางโอสถปราณก่อกำเนิดทั้งสองขวดลง ยิ้มเอ่ยว่า “นับจากนี้ท่านก็คือคู่บำเพ็ญเพียรของข้า ท่านตั้งใจฝึกบำเพ็ญให้ดีๆ หลังจากนี้หากข้าต้องการท่านก็จะมาหาเอง”

กล่าวจบนางก็หมุนตัวจากไป

หานเจวี๋ยถามขึ้นอย่างอดไม่ได้ “นอกจากข้าแล้ว เจ้ายังมีคู่บำเพ็ญเพียรอื่นหรือไม่”

ฝีเท้าของเซวียนฉิงจวินพลันชะงัก แค่นเสียงกล่าว “จะเป็นไปได้อย่างไร! ข้าไม่เห็นมนุษย์อยู่ในสายตา หากไม่ใช่ข้าต้องการคู่บำเพ็ญเพียรเพื่อร่วมฝึกบำเพ็ญ และท่านก็รูปงามเป็นยิ่งนัก ข้าคงไม่เลือกท่านแน่!”

นางจากไปอย่างรวดเร็ว

หานเจวี๋ยมองดูโอสถปราณก่อกำเนิดสองขวดที่วางอยู่ข้างเตียง ไม่กล่าววาจาอยู่นาน

ไก่คุกรัตติกาลถามอย่างระมัดระวัง “นายท่าน นางยังจะกินท่านอีกหรือไม่”

……………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ 46 กลายเป็นคู่บำเพ็ญเพียร พลังวิเศษเมฆตีลังกา

Now you are reading ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ Chapter 46 กลายเป็นคู่บำเพ็ญเพียร พลังวิเศษเมฆตีลังกา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 46 กลายเป็นคู่บำเพ็ญเพียร พลังวิเศษเมฆตีลังกา
เพราะความกดดันจากลัทธิศักดิ์สิทธิ์อาภรณ์ป้องพิรุณ หานเจวี๋ยจำต้องมุมานะฝึกบำเพ็ญมากกว่าเดิม

ไก่คุกรัตติกาลรู้สึกทุกข์ระทมอย่างไม่อาจเอ่ย

ด้วยหานเจวี๋ยเริ่มดูดซับปราณอย่างสุดกำลัง ทำให้พลังวิญญาณภายในถ้ำเทวาพุ่งเข้าร่างของเขาอย่างบ้าคลั่ง ความเร็วในการดูดซับปราณของไก่คุกรัตติกาลถูกยับยั้ง

เจ็ดปีต่อมา

ในที่สุดหานเจวี๋ยก็บรรลุระดับปราณก่อกำเนิดขั้นแปด!

เขายังคงรู้สึกว่าเวลาเริ่มกระชันเข้ามาแล้ว

หากสามารถทะลวงถึงระดับเปลี่ยนวิญญาณก่อนลัทธิศักดิ์สิทธิ์อาภรณ์ป้องพิรุณมาโจมตี เช่นนั้นเขาก็จะมีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น

หานเจวี๋ยดูดซับปราณไปพลางเปิดดูความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล

[โจวฝานสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากลัทธิศักดิ์สิทธิ์อาภรณ์ป้องพิรุณ] x87

[หยางเทียนตงศิษย์ของท่านเผชิญกับการโจมตีจากลัทธิศักดิ์สิทธิ์อาภรณ์ป้องพิรุณ] x87

[โม่จู๋สหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากศิษย์ร่วมสำนัก]

[หลี่ชิงจื่อสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากสหายร่วมสำนัก ได้รับบาดเจ็บสาหัส]

……

หืม? หลี่ชิงจื่อเผชิญกับการโจมตีของคนสำนักได้อย่างไร

หานเจวี๋ยนิ่งอึ้ง

หรือว่าจะมีจารชนอีก?

เขารีบตรวจสอบสำนักหยกพิสุทธิ์ทันที

ผู้บำเพ็ญระดับปราณก่อกำเนิดต่างก็ไม่ใช่จารชน

ช้าก่อน หรือว่าจะเป็นกวนโยวกัง?

หานเจวี๋ยคิดไว้ไม่มีผิด เป็นกวนโยวกังจริงๆ

กวนโยวกังไม่กล้าท้าประลองกับผู้อาวุโสสังหารเทพ จึงละทิ้งความคิดที่จะเป็นเจ้าสำนัก แต่เขายังไม่ละทิ้งความโกรธ จึงขอเรียนรู้กับหลี่ชิงจื่อ ก่อนจะถือโอกาสชำระแค้น

เพราะเรื่องนี้ ผู้อาวุโสในสำนักหยกพิสุทธิ์จึงไม่พอใจเขาเป็นอย่างมาก

สำนักหยกพิสุทธิ์กำลังตกอยู่ในวิกฤต แต่เจ้ากลับสร้างเรื่อง แล้วยังคิดจะเป็นเจ้าสำนักอีกหรือ

หลังจากกวนโยวกังถูกด่าท่อ เขาก็โมโหจนต้องปิดด่าน ไม่โผล่หน้าออกมาอีก

ทว่าเขาไม่ได้ไปจากสำนักหยกพิสุทธิ์ เห็นได้ชัดว่าในใจเขายังมีสำนักหยกพิสุทธิ์อยู่

ทั้งหมดนี้ หานเจวี๋ยไม่กระจ่าง เขาเปิดอ่านจดหมายต่อไป

เซียนซีเสวียน ฉางเยวี่ยเอ๋อร์ สิงหงเสวียนไม่มีเรื่องอันตรายอะไร ส่วนสหายคนอื่นๆ นั้นต่างมีการต่อสู้กับคนอื่นประราย

รวมถึงเซวียนฉิงจวินด้วย

ตบะของเซวียนฉิงจวินยังคงอยู่ที่ระดับสร้างฐานขั้นสาม หานเจวี๋ยสงสัยว่านางไม่ฝึกบำเพ็ญเลยแม้แต่น้อย เอาแต่สังเกตการณ์ผู้อื่น

ยามที่หานเจวี๋ยแอบค่อนแคะอยู่นั้น

เขาพลันสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายบางอย่าง

เซวียนฉิงจวิน!

นางผู้นี้มาอีกแล้ว!

“สหายเต๋าอยู่หรือไม่ ข้าขอมาเยี่ยมเยียนท่านสักหน่อยได้หรือไม่”

ได้ฟังน้ำเสียงของเซวียนฉิงจวิน หานเจวี๋ยก็รู้สึกเคร่งเครียดขึ้นมา

เขาคิดอยู่ครู่หนึ่ง อีกฝ่ายต้องรู้แน่ว่าเขาอยู่ที่นี่ หากแกล้งตาย ไม่แน่ว่าระดับความประทับใจคงหายไป

แต่อีกฝ่ายเป็นถึงจอมมาร ความประทับใจย่อมดีกว่าความอาฆาตแค้นอย่างแน่นอน!

เมื่อคิดแล้วหานเจวี๋ยจึงเปิดประตูถ้ำเทวา

เซวียนฉิงจวินเดินเข้ามาอย่าวสบายอารมณ์

เมื่อเห็นหานเจวี๋ย นางก็เผยยิ้มออกมาน้อยๆ อย่างอดไม่ได้

หานเจวี๋ยจนใจ

ไก่คุกรัตติกาลจำกลิ่นอายของเซวียนฉิงจวินได้

มันตะโกนร้องขึ้นอย่างหวาดผวา “ขอร้องเจ้าล่ะ! อย่ากินนายท่านของข้าเลย!”

เซวียนฉิงจวินสีหน้างุนงง

หานเจวี๋ยรู้สึกกระอักกระอ่วนอยู่บ้าง

เขาถลึงตามองไก่คุกรัตติกาลเพียงครั้งจนมันตกใจจนไม่กล้าเอ่ยวาจาอะไรออกมาอีก

เซวียนฉิงจวินเดินมาตรงหน้าหานเจวี๋ย ยิ้มกล่าว “ข้าคือเซวียนฉิงจวิน ศิษย์ของยอดเขาไผ่หยก เมื่อหลายปีก่อนได้พบเจอกับศิษย์พี่ในสำนักฝ่ายใน รู้สึกตกตะลึงในตัวท่านเป็นอย่างมาก นับแต่นั้นในใจของข้าก็แอบมีท่านมาโดยตลอด ครั้งนี้มาเยี่ยมเยียนท่านโดยไม่ได้ตั้งตัว หวังว่าศิษย์พี่จะไม่ถือโทษ”

ตรงยิ่งนัก!

หานเจวี๋ยไม่รู้ว่าควรจะตอบอย่างไรดี

“ความงามของศิษย์พี่พบเจอได้น้อยนักในใต้หล้า โดดเด่นไร้ผู้ใดเปรียบ ศิษย์น้องยินดีมอบสมบัติให้หนึ่งชิ้น หวังว่าท่านจะไม่ปฏิเสธ”

เซวียนฉิงจวินกล่าวต่อด้วยรอยยิ้ม เมื่อพลิกฝ่ามือ แผ่นหยกชิ้นหนึ่งก็ปรากฏบนฝ่ามือ

หานเจวี๋ยเอ่ยถามด้วยความสงสัย “นี่คือสิ่งใดกัน”

“สิ่งนี้คือป้ายจวนเซียนสวรรค์ จวนเซียนสวรรค์เป็นแดนฝึกบำเพ็ญศักดิ์สิทธิ์ของแดนบำเพ็ญพรต ต้องมีป้ายจวนเซียนสวรรค์ถึงจะสามารถเข้าไปได้ หากออกมาจากที่นั่น ต่อให้จะมีคุณสมบัติแย่เพียงใดก็สำเร็จระดับปราณก่อกำเนิดได้”

เซวียนฉิงจวินอธิบายด้วยรอยยิ้ม

นางค่อนแคะอยู่ในใจ ข้าไม่เชื่อหรอกว่าเจ้าจะไม่หวั่นไหว

เจ้าเด็กน้อย ร่างกายอันงดงามของเจ้า ข้าจะเอามาให้ได้!

หานเจวี๋ยส่ายหน้ากล่าว “ขอบใจในความปรารถนาดีของศิษย์น้อง แต่ข้าไม่อยากไปจากสำนักหยกพิสุทธิ์ ตั้งใจจะฝึกบำเพ็ญอยู่ในสำนักหยกพิสุทธิ์ตลอดชีวิต”

ได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของเซวียนฉิงจวินก็แข็งค้างทันที

นางเปลี่ยนของล้ำค่าชิ้นใหม่ เอ่ยว่า “สิ่งนี้คือกระบี่วิญญาณพสุธา สามารถสังหารยอดฝีมือระดับรวมแก่นปราณได้ในพริบตา”

“เอ่อ…”

“ไม่พอหรือ ข้าจะมอบโอสถทะลวงระดับรวมแก่นปราณให้เจ้าอีกหนึ่งขวด!”

“คือ…”

“ข้าจะมอบวิชายุทธ์หลอมกายาให้เจ้าอีกเล่ม! ทั้งเพิ่มเคล็ดวิชาเวทอีกสามเล่มให้ด้วย!”

อะไรจะ…

ใจกว้างเช่นนี้

หากเป็นเมื่อร้อยปีก่อน หานเจวี๋ยจะต้องต้านทานไม่ไหวแน่ ไม่อยากจะพยายามแล้วจริงๆ

หานเจวี๋ยลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เอ่ยว่า “อันที่จริงข้าก็บรรลุตบะดับปราณก่อกำเนิดแล้ว”

เขาไม่ปิดบังตบะอีก แสดงตบะระดับปราณก่อกำเนิดขั้นแปดออกมา จากนั้นถึงเก็บซ่อนไว้อีกครั้ง

เซวียนฉิงจวินตกตะลึง

นางพลัดคาดเดาความจริงได้ในทันใด “ท่าน…คือผู้อาวุโสสังหารเทพ?”

หานเจวี๋ยพยักหน้า

อีกฝ่ายเป็นจอมมาร ในเมื่อจ้องจับเขา จะต้องไม่ยอมเลิกราอย่างแน่นอน

เซวียนฉิงจวินยิ่งดีใจมากกว่าเดิม คิดไม่ถึงว่าสายตาของนางจะดีถึงเพียงนี้ พลันคว้าผู้อาวุโสสังหารเทพที่แข็งแกร่งและลึกลับมากที่สุดของสำนักหยกพิสุทธิ์ไว้ในทันที

[ความประทับใจที่เซวียนฉิงจวินมีต่อท่านเพิ่มขึ้น ระดับความประทับใจในขณะนี้คือ 4 ดาว]

นางควักขวดโอสถออกจากแขนเสื้ออีกครั้ง “นี่เป็นโอสถปราณก่อกำเนิด สามารถช่วยเพิ่มพูนตบะของท่านได้อย่างรวดเร็ว”

“ขวดเดียวพอหรือไม่ หากไม่พอ ข้าจะให้เพิ่มอีกขวด!”

ระหว่างที่พูดนางก็ควักโอสถปราณก่อกำเนิดออกมาอีกหนึ่งขวด

ครั้งนี้หานเจวี๋ยไม่อาจต้านทานได้แล้วจริงๆ

เขาถามอย่างระแวดระวัง “ศิษย์น้อง เจ้ามีที่มาอย่างไรกันแน่”

ตอนนี้เซวียนฉิงจวินถึงได้รู้ตัวว่าตัวตนของตนเองถูกเปิดเผยออกมาแล้ว

แต่ว่าไม่สำคัญ เปิดเผยก็เปิดเผยสิ

“สถานะของข้าไม่สำคัญ ศิษย์น้องอยากเป็นคู่บำเพ็ญเพียรกับศิษย์พี่ ไม่ทราบว่าศิษย์พี่ยินดีหรือไม่” เซวียนฉิงจวินถามด้วยรอยยิ้ม

หานเจวี๋ยเลิกคิ้วถาม “เจ้าสามารถนำของล้ำค่าออกมาได้มากมายเพียงนี้ แน่นอนว่าคงไม่ธรรมดา เช่นนั้นเจ้าจะสามารถช่วยพวกเรารับมือกับลัทธิศักดิ์สิทธิ์อาภรณ์ป้องพิรุณได้หรือไม่”

หากได้จอมมารลงมือ เช่นนั้นก็มั่นใจได้แล้ว!

เซวียนฉิงจวินส่ายหน้ากล่าว “ไม่ได้ ข้าสนใจเพียงท่าน ไม่สนใจสำนักหยกพิสุทธิ์ หรือว่าศิษย์พี่ฝึกบำเพ็ญเพื่อสำนักหยกพิสุทธิ์?”

หานเจวี๋ยนิ่งเงียบ

เป็นอย่างที่คิดไว้จริงๆ

คิดจะบงการจอมมารไม่ได้ง่ายดายเพียงนั้น

แต่โอสถปราณก่อกำเนิดสองขวดนี้ก็ช่างหอมยิ่งนัก เขายากจะปฏิเสธได้ลง

“หากข้าตอบรับเจ้า ข้าต้องจ่ายสิ่งใดเป็นค่าตอบแทน” หานเจวี๋ยถามอย่างระมัดระวัง

เซวียนฉิงจวินยกมุมปากขึ้นยิ้ม เอ่ยว่า “ข้าก็ไม่ได้จะกินท่านจริงๆ สักหน่อย แน่นอนว่าเป็นการฝึกบำเพ็ญร่วมกัน ท่านเพียงจะต้องแข็งแกร่งยิ่งกว่าตอนนี้! นี่ก็เป็นเรื่องที่ดีมากเลยนะ!”

[เซวียนฉิงจวินต้องการผูกสัมพันธ์เป็นคู่บำเพ็ญเพียรกับท่าน ท่านมีตัวเลือกดังต่อไปนี้]

[หนึ่ง ปฏิเสธ เป็นบุรุษผู้บำเพ็ญไหนเลยจะถูกสตรีใช้อำนาจคุกคาม จะได้รับความอาฆาตแค้นจากจอมมาร และได้สืบทอดพลังวิเศษมรรคกระบี่หนึ่งครั้ง]

[สอง ตอบรับ ทั้งสองผูกสัมพันธ์เป็นคู่บำเพ็ญเพียร แปดเปื้อนผลกรรมของกันและกัน จะได้รับความประทับใจจากจอมมาร และสืบทอดพลังวิเศษหนึ่งครั้ง]

ปฏิเสธเซวียนฉิงจวินจะมีจุดจบเช่นไร

จอมมารจะกระโดดออกมาหรือ

นั่นคือลูกพี่ที่เกือบจะทะยานขึ้นสวรรค์เชียวนะ!

หานเจวี๋ยแอบทอดถอนใจ ก่อนเอ่ยปากกล่าว “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นข้าก็จะผูกสัมพันธ์เป็นคู่บำเพ็ญเพียรกับศิษย์น้อง”

[ท่านผูกสัมพันธ์เป็นคู่บำเพ็ญเพียรกับเซวียนฉิงจวินสำเร็จ ได้รับการสืบทอดพลังวิเศษหนึ่งครั้ง]

[ยินดีด้วย ท่านได้รับพลังวิเศษ–เมฆตีลังกา]

[เมฆตีลังกา: พลังวิเศษในการเคลื่อนย้าย ตีลังกาหนึ่งครั้งสามารถเคลื่อนที่ได้หนึ่งแสนแปดพันลี้]

[ความประทับใจที่เซวียนฉิงจวินมีต่อท่านเพิ่มขึ้น ระดับความประทับใจในขณะนี้คือ 4.5 ดาว]

เมฆตีลังกา?

ร้ายกาจจริงๆ!

หานเจวี๋ยตาเป็นประกาย

ของเล่นชิ้นนี้ล้วนเป็นวิชาเทพที่ใช้ในการหลบหนีนี่นา!

ฮ่าๆ พอถึงเวลานั้นหากจอมมารสร้างความวุ่นวาย เขาตีลังกาหนึ่งครั้งก็หนีไปได้ไกลหนึ่งแสนแปดพันลี้แล้ว

เซวียนฉิงจวินยิ้มน้อยๆ นางวางโอสถปราณก่อกำเนิดทั้งสองขวดลง ยิ้มเอ่ยว่า “นับจากนี้ท่านก็คือคู่บำเพ็ญเพียรของข้า ท่านตั้งใจฝึกบำเพ็ญให้ดีๆ หลังจากนี้หากข้าต้องการท่านก็จะมาหาเอง”

กล่าวจบนางก็หมุนตัวจากไป

หานเจวี๋ยถามขึ้นอย่างอดไม่ได้ “นอกจากข้าแล้ว เจ้ายังมีคู่บำเพ็ญเพียรอื่นหรือไม่”

ฝีเท้าของเซวียนฉิงจวินพลันชะงัก แค่นเสียงกล่าว “จะเป็นไปได้อย่างไร! ข้าไม่เห็นมนุษย์อยู่ในสายตา หากไม่ใช่ข้าต้องการคู่บำเพ็ญเพียรเพื่อร่วมฝึกบำเพ็ญ และท่านก็รูปงามเป็นยิ่งนัก ข้าคงไม่เลือกท่านแน่!”

นางจากไปอย่างรวดเร็ว

หานเจวี๋ยมองดูโอสถปราณก่อกำเนิดสองขวดที่วางอยู่ข้างเตียง ไม่กล่าววาจาอยู่นาน

ไก่คุกรัตติกาลถามอย่างระมัดระวัง “นายท่าน นางยังจะกินท่านอีกหรือไม่”

……………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ 46 กลายเป็นคู่บำเพ็ญเพียร พลังวิเศษเมฆตีลังกา

Now you are reading ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ Chapter 46 กลายเป็นคู่บำเพ็ญเพียร พลังวิเศษเมฆตีลังกา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 46 กลายเป็นคู่บำเพ็ญเพียร พลังวิเศษเมฆตีลังกา
เพราะความกดดันจากลัทธิศักดิ์สิทธิ์อาภรณ์ป้องพิรุณ หานเจวี๋ยจำต้องมุมานะฝึกบำเพ็ญมากกว่าเดิม

ไก่คุกรัตติกาลรู้สึกทุกข์ระทมอย่างไม่อาจเอ่ย

ด้วยหานเจวี๋ยเริ่มดูดซับปราณอย่างสุดกำลัง ทำให้พลังวิญญาณภายในถ้ำเทวาพุ่งเข้าร่างของเขาอย่างบ้าคลั่ง ความเร็วในการดูดซับปราณของไก่คุกรัตติกาลถูกยับยั้ง

เจ็ดปีต่อมา

ในที่สุดหานเจวี๋ยก็บรรลุระดับปราณก่อกำเนิดขั้นแปด!

เขายังคงรู้สึกว่าเวลาเริ่มกระชันเข้ามาแล้ว

หากสามารถทะลวงถึงระดับเปลี่ยนวิญญาณก่อนลัทธิศักดิ์สิทธิ์อาภรณ์ป้องพิรุณมาโจมตี เช่นนั้นเขาก็จะมีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น

หานเจวี๋ยดูดซับปราณไปพลางเปิดดูความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล

[โจวฝานสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากลัทธิศักดิ์สิทธิ์อาภรณ์ป้องพิรุณ] x87

[หยางเทียนตงศิษย์ของท่านเผชิญกับการโจมตีจากลัทธิศักดิ์สิทธิ์อาภรณ์ป้องพิรุณ] x87

[โม่จู๋สหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากศิษย์ร่วมสำนัก]

[หลี่ชิงจื่อสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากสหายร่วมสำนัก ได้รับบาดเจ็บสาหัส]

……

หืม? หลี่ชิงจื่อเผชิญกับการโจมตีของคนสำนักได้อย่างไร

หานเจวี๋ยนิ่งอึ้ง

หรือว่าจะมีจารชนอีก?

เขารีบตรวจสอบสำนักหยกพิสุทธิ์ทันที

ผู้บำเพ็ญระดับปราณก่อกำเนิดต่างก็ไม่ใช่จารชน

ช้าก่อน หรือว่าจะเป็นกวนโยวกัง?

หานเจวี๋ยคิดไว้ไม่มีผิด เป็นกวนโยวกังจริงๆ

กวนโยวกังไม่กล้าท้าประลองกับผู้อาวุโสสังหารเทพ จึงละทิ้งความคิดที่จะเป็นเจ้าสำนัก แต่เขายังไม่ละทิ้งความโกรธ จึงขอเรียนรู้กับหลี่ชิงจื่อ ก่อนจะถือโอกาสชำระแค้น

เพราะเรื่องนี้ ผู้อาวุโสในสำนักหยกพิสุทธิ์จึงไม่พอใจเขาเป็นอย่างมาก

สำนักหยกพิสุทธิ์กำลังตกอยู่ในวิกฤต แต่เจ้ากลับสร้างเรื่อง แล้วยังคิดจะเป็นเจ้าสำนักอีกหรือ

หลังจากกวนโยวกังถูกด่าท่อ เขาก็โมโหจนต้องปิดด่าน ไม่โผล่หน้าออกมาอีก

ทว่าเขาไม่ได้ไปจากสำนักหยกพิสุทธิ์ เห็นได้ชัดว่าในใจเขายังมีสำนักหยกพิสุทธิ์อยู่

ทั้งหมดนี้ หานเจวี๋ยไม่กระจ่าง เขาเปิดอ่านจดหมายต่อไป

เซียนซีเสวียน ฉางเยวี่ยเอ๋อร์ สิงหงเสวียนไม่มีเรื่องอันตรายอะไร ส่วนสหายคนอื่นๆ นั้นต่างมีการต่อสู้กับคนอื่นประราย

รวมถึงเซวียนฉิงจวินด้วย

ตบะของเซวียนฉิงจวินยังคงอยู่ที่ระดับสร้างฐานขั้นสาม หานเจวี๋ยสงสัยว่านางไม่ฝึกบำเพ็ญเลยแม้แต่น้อย เอาแต่สังเกตการณ์ผู้อื่น

ยามที่หานเจวี๋ยแอบค่อนแคะอยู่นั้น

เขาพลันสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายบางอย่าง

เซวียนฉิงจวิน!

นางผู้นี้มาอีกแล้ว!

“สหายเต๋าอยู่หรือไม่ ข้าขอมาเยี่ยมเยียนท่านสักหน่อยได้หรือไม่”

ได้ฟังน้ำเสียงของเซวียนฉิงจวิน หานเจวี๋ยก็รู้สึกเคร่งเครียดขึ้นมา

เขาคิดอยู่ครู่หนึ่ง อีกฝ่ายต้องรู้แน่ว่าเขาอยู่ที่นี่ หากแกล้งตาย ไม่แน่ว่าระดับความประทับใจคงหายไป

แต่อีกฝ่ายเป็นถึงจอมมาร ความประทับใจย่อมดีกว่าความอาฆาตแค้นอย่างแน่นอน!

เมื่อคิดแล้วหานเจวี๋ยจึงเปิดประตูถ้ำเทวา

เซวียนฉิงจวินเดินเข้ามาอย่าวสบายอารมณ์

เมื่อเห็นหานเจวี๋ย นางก็เผยยิ้มออกมาน้อยๆ อย่างอดไม่ได้

หานเจวี๋ยจนใจ

ไก่คุกรัตติกาลจำกลิ่นอายของเซวียนฉิงจวินได้

มันตะโกนร้องขึ้นอย่างหวาดผวา “ขอร้องเจ้าล่ะ! อย่ากินนายท่านของข้าเลย!”

เซวียนฉิงจวินสีหน้างุนงง

หานเจวี๋ยรู้สึกกระอักกระอ่วนอยู่บ้าง

เขาถลึงตามองไก่คุกรัตติกาลเพียงครั้งจนมันตกใจจนไม่กล้าเอ่ยวาจาอะไรออกมาอีก

เซวียนฉิงจวินเดินมาตรงหน้าหานเจวี๋ย ยิ้มกล่าว “ข้าคือเซวียนฉิงจวิน ศิษย์ของยอดเขาไผ่หยก เมื่อหลายปีก่อนได้พบเจอกับศิษย์พี่ในสำนักฝ่ายใน รู้สึกตกตะลึงในตัวท่านเป็นอย่างมาก นับแต่นั้นในใจของข้าก็แอบมีท่านมาโดยตลอด ครั้งนี้มาเยี่ยมเยียนท่านโดยไม่ได้ตั้งตัว หวังว่าศิษย์พี่จะไม่ถือโทษ”

ตรงยิ่งนัก!

หานเจวี๋ยไม่รู้ว่าควรจะตอบอย่างไรดี

“ความงามของศิษย์พี่พบเจอได้น้อยนักในใต้หล้า โดดเด่นไร้ผู้ใดเปรียบ ศิษย์น้องยินดีมอบสมบัติให้หนึ่งชิ้น หวังว่าท่านจะไม่ปฏิเสธ”

เซวียนฉิงจวินกล่าวต่อด้วยรอยยิ้ม เมื่อพลิกฝ่ามือ แผ่นหยกชิ้นหนึ่งก็ปรากฏบนฝ่ามือ

หานเจวี๋ยเอ่ยถามด้วยความสงสัย “นี่คือสิ่งใดกัน”

“สิ่งนี้คือป้ายจวนเซียนสวรรค์ จวนเซียนสวรรค์เป็นแดนฝึกบำเพ็ญศักดิ์สิทธิ์ของแดนบำเพ็ญพรต ต้องมีป้ายจวนเซียนสวรรค์ถึงจะสามารถเข้าไปได้ หากออกมาจากที่นั่น ต่อให้จะมีคุณสมบัติแย่เพียงใดก็สำเร็จระดับปราณก่อกำเนิดได้”

เซวียนฉิงจวินอธิบายด้วยรอยยิ้ม

นางค่อนแคะอยู่ในใจ ข้าไม่เชื่อหรอกว่าเจ้าจะไม่หวั่นไหว

เจ้าเด็กน้อย ร่างกายอันงดงามของเจ้า ข้าจะเอามาให้ได้!

หานเจวี๋ยส่ายหน้ากล่าว “ขอบใจในความปรารถนาดีของศิษย์น้อง แต่ข้าไม่อยากไปจากสำนักหยกพิสุทธิ์ ตั้งใจจะฝึกบำเพ็ญอยู่ในสำนักหยกพิสุทธิ์ตลอดชีวิต”

ได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของเซวียนฉิงจวินก็แข็งค้างทันที

นางเปลี่ยนของล้ำค่าชิ้นใหม่ เอ่ยว่า “สิ่งนี้คือกระบี่วิญญาณพสุธา สามารถสังหารยอดฝีมือระดับรวมแก่นปราณได้ในพริบตา”

“เอ่อ…”

“ไม่พอหรือ ข้าจะมอบโอสถทะลวงระดับรวมแก่นปราณให้เจ้าอีกหนึ่งขวด!”

“คือ…”

“ข้าจะมอบวิชายุทธ์หลอมกายาให้เจ้าอีกเล่ม! ทั้งเพิ่มเคล็ดวิชาเวทอีกสามเล่มให้ด้วย!”

อะไรจะ…

ใจกว้างเช่นนี้

หากเป็นเมื่อร้อยปีก่อน หานเจวี๋ยจะต้องต้านทานไม่ไหวแน่ ไม่อยากจะพยายามแล้วจริงๆ

หานเจวี๋ยลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เอ่ยว่า “อันที่จริงข้าก็บรรลุตบะดับปราณก่อกำเนิดแล้ว”

เขาไม่ปิดบังตบะอีก แสดงตบะระดับปราณก่อกำเนิดขั้นแปดออกมา จากนั้นถึงเก็บซ่อนไว้อีกครั้ง

เซวียนฉิงจวินตกตะลึง

นางพลัดคาดเดาความจริงได้ในทันใด “ท่าน…คือผู้อาวุโสสังหารเทพ?”

หานเจวี๋ยพยักหน้า

อีกฝ่ายเป็นจอมมาร ในเมื่อจ้องจับเขา จะต้องไม่ยอมเลิกราอย่างแน่นอน

เซวียนฉิงจวินยิ่งดีใจมากกว่าเดิม คิดไม่ถึงว่าสายตาของนางจะดีถึงเพียงนี้ พลันคว้าผู้อาวุโสสังหารเทพที่แข็งแกร่งและลึกลับมากที่สุดของสำนักหยกพิสุทธิ์ไว้ในทันที

[ความประทับใจที่เซวียนฉิงจวินมีต่อท่านเพิ่มขึ้น ระดับความประทับใจในขณะนี้คือ 4 ดาว]

นางควักขวดโอสถออกจากแขนเสื้ออีกครั้ง “นี่เป็นโอสถปราณก่อกำเนิด สามารถช่วยเพิ่มพูนตบะของท่านได้อย่างรวดเร็ว”

“ขวดเดียวพอหรือไม่ หากไม่พอ ข้าจะให้เพิ่มอีกขวด!”

ระหว่างที่พูดนางก็ควักโอสถปราณก่อกำเนิดออกมาอีกหนึ่งขวด

ครั้งนี้หานเจวี๋ยไม่อาจต้านทานได้แล้วจริงๆ

เขาถามอย่างระแวดระวัง “ศิษย์น้อง เจ้ามีที่มาอย่างไรกันแน่”

ตอนนี้เซวียนฉิงจวินถึงได้รู้ตัวว่าตัวตนของตนเองถูกเปิดเผยออกมาแล้ว

แต่ว่าไม่สำคัญ เปิดเผยก็เปิดเผยสิ

“สถานะของข้าไม่สำคัญ ศิษย์น้องอยากเป็นคู่บำเพ็ญเพียรกับศิษย์พี่ ไม่ทราบว่าศิษย์พี่ยินดีหรือไม่” เซวียนฉิงจวินถามด้วยรอยยิ้ม

หานเจวี๋ยเลิกคิ้วถาม “เจ้าสามารถนำของล้ำค่าออกมาได้มากมายเพียงนี้ แน่นอนว่าคงไม่ธรรมดา เช่นนั้นเจ้าจะสามารถช่วยพวกเรารับมือกับลัทธิศักดิ์สิทธิ์อาภรณ์ป้องพิรุณได้หรือไม่”

หากได้จอมมารลงมือ เช่นนั้นก็มั่นใจได้แล้ว!

เซวียนฉิงจวินส่ายหน้ากล่าว “ไม่ได้ ข้าสนใจเพียงท่าน ไม่สนใจสำนักหยกพิสุทธิ์ หรือว่าศิษย์พี่ฝึกบำเพ็ญเพื่อสำนักหยกพิสุทธิ์?”

หานเจวี๋ยนิ่งเงียบ

เป็นอย่างที่คิดไว้จริงๆ

คิดจะบงการจอมมารไม่ได้ง่ายดายเพียงนั้น

แต่โอสถปราณก่อกำเนิดสองขวดนี้ก็ช่างหอมยิ่งนัก เขายากจะปฏิเสธได้ลง

“หากข้าตอบรับเจ้า ข้าต้องจ่ายสิ่งใดเป็นค่าตอบแทน” หานเจวี๋ยถามอย่างระมัดระวัง

เซวียนฉิงจวินยกมุมปากขึ้นยิ้ม เอ่ยว่า “ข้าก็ไม่ได้จะกินท่านจริงๆ สักหน่อย แน่นอนว่าเป็นการฝึกบำเพ็ญร่วมกัน ท่านเพียงจะต้องแข็งแกร่งยิ่งกว่าตอนนี้! นี่ก็เป็นเรื่องที่ดีมากเลยนะ!”

[เซวียนฉิงจวินต้องการผูกสัมพันธ์เป็นคู่บำเพ็ญเพียรกับท่าน ท่านมีตัวเลือกดังต่อไปนี้]

[หนึ่ง ปฏิเสธ เป็นบุรุษผู้บำเพ็ญไหนเลยจะถูกสตรีใช้อำนาจคุกคาม จะได้รับความอาฆาตแค้นจากจอมมาร และได้สืบทอดพลังวิเศษมรรคกระบี่หนึ่งครั้ง]

[สอง ตอบรับ ทั้งสองผูกสัมพันธ์เป็นคู่บำเพ็ญเพียร แปดเปื้อนผลกรรมของกันและกัน จะได้รับความประทับใจจากจอมมาร และสืบทอดพลังวิเศษหนึ่งครั้ง]

ปฏิเสธเซวียนฉิงจวินจะมีจุดจบเช่นไร

จอมมารจะกระโดดออกมาหรือ

นั่นคือลูกพี่ที่เกือบจะทะยานขึ้นสวรรค์เชียวนะ!

หานเจวี๋ยแอบทอดถอนใจ ก่อนเอ่ยปากกล่าว “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นข้าก็จะผูกสัมพันธ์เป็นคู่บำเพ็ญเพียรกับศิษย์น้อง”

[ท่านผูกสัมพันธ์เป็นคู่บำเพ็ญเพียรกับเซวียนฉิงจวินสำเร็จ ได้รับการสืบทอดพลังวิเศษหนึ่งครั้ง]

[ยินดีด้วย ท่านได้รับพลังวิเศษ–เมฆตีลังกา]

[เมฆตีลังกา: พลังวิเศษในการเคลื่อนย้าย ตีลังกาหนึ่งครั้งสามารถเคลื่อนที่ได้หนึ่งแสนแปดพันลี้]

[ความประทับใจที่เซวียนฉิงจวินมีต่อท่านเพิ่มขึ้น ระดับความประทับใจในขณะนี้คือ 4.5 ดาว]

เมฆตีลังกา?

ร้ายกาจจริงๆ!

หานเจวี๋ยตาเป็นประกาย

ของเล่นชิ้นนี้ล้วนเป็นวิชาเทพที่ใช้ในการหลบหนีนี่นา!

ฮ่าๆ พอถึงเวลานั้นหากจอมมารสร้างความวุ่นวาย เขาตีลังกาหนึ่งครั้งก็หนีไปได้ไกลหนึ่งแสนแปดพันลี้แล้ว

เซวียนฉิงจวินยิ้มน้อยๆ นางวางโอสถปราณก่อกำเนิดทั้งสองขวดลง ยิ้มเอ่ยว่า “นับจากนี้ท่านก็คือคู่บำเพ็ญเพียรของข้า ท่านตั้งใจฝึกบำเพ็ญให้ดีๆ หลังจากนี้หากข้าต้องการท่านก็จะมาหาเอง”

กล่าวจบนางก็หมุนตัวจากไป

หานเจวี๋ยถามขึ้นอย่างอดไม่ได้ “นอกจากข้าแล้ว เจ้ายังมีคู่บำเพ็ญเพียรอื่นหรือไม่”

ฝีเท้าของเซวียนฉิงจวินพลันชะงัก แค่นเสียงกล่าว “จะเป็นไปได้อย่างไร! ข้าไม่เห็นมนุษย์อยู่ในสายตา หากไม่ใช่ข้าต้องการคู่บำเพ็ญเพียรเพื่อร่วมฝึกบำเพ็ญ และท่านก็รูปงามเป็นยิ่งนัก ข้าคงไม่เลือกท่านแน่!”

นางจากไปอย่างรวดเร็ว

หานเจวี๋ยมองดูโอสถปราณก่อกำเนิดสองขวดที่วางอยู่ข้างเตียง ไม่กล่าววาจาอยู่นาน

ไก่คุกรัตติกาลถามอย่างระมัดระวัง “นายท่าน นางยังจะกินท่านอีกหรือไม่”

……………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ 46 กลายเป็นคู่บำเพ็ญเพียร พลังวิเศษเมฆตีลังกา

Now you are reading ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ Chapter 46 กลายเป็นคู่บำเพ็ญเพียร พลังวิเศษเมฆตีลังกา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 46 กลายเป็นคู่บำเพ็ญเพียร พลังวิเศษเมฆตีลังกา
เพราะความกดดันจากลัทธิศักดิ์สิทธิ์อาภรณ์ป้องพิรุณ หานเจวี๋ยจำต้องมุมานะฝึกบำเพ็ญมากกว่าเดิม

ไก่คุกรัตติกาลรู้สึกทุกข์ระทมอย่างไม่อาจเอ่ย

ด้วยหานเจวี๋ยเริ่มดูดซับปราณอย่างสุดกำลัง ทำให้พลังวิญญาณภายในถ้ำเทวาพุ่งเข้าร่างของเขาอย่างบ้าคลั่ง ความเร็วในการดูดซับปราณของไก่คุกรัตติกาลถูกยับยั้ง

เจ็ดปีต่อมา

ในที่สุดหานเจวี๋ยก็บรรลุระดับปราณก่อกำเนิดขั้นแปด!

เขายังคงรู้สึกว่าเวลาเริ่มกระชันเข้ามาแล้ว

หากสามารถทะลวงถึงระดับเปลี่ยนวิญญาณก่อนลัทธิศักดิ์สิทธิ์อาภรณ์ป้องพิรุณมาโจมตี เช่นนั้นเขาก็จะมีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น

หานเจวี๋ยดูดซับปราณไปพลางเปิดดูความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล

[โจวฝานสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากลัทธิศักดิ์สิทธิ์อาภรณ์ป้องพิรุณ] x87

[หยางเทียนตงศิษย์ของท่านเผชิญกับการโจมตีจากลัทธิศักดิ์สิทธิ์อาภรณ์ป้องพิรุณ] x87

[โม่จู๋สหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากศิษย์ร่วมสำนัก]

[หลี่ชิงจื่อสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากสหายร่วมสำนัก ได้รับบาดเจ็บสาหัส]

……

หืม? หลี่ชิงจื่อเผชิญกับการโจมตีของคนสำนักได้อย่างไร

หานเจวี๋ยนิ่งอึ้ง

หรือว่าจะมีจารชนอีก?

เขารีบตรวจสอบสำนักหยกพิสุทธิ์ทันที

ผู้บำเพ็ญระดับปราณก่อกำเนิดต่างก็ไม่ใช่จารชน

ช้าก่อน หรือว่าจะเป็นกวนโยวกัง?

หานเจวี๋ยคิดไว้ไม่มีผิด เป็นกวนโยวกังจริงๆ

กวนโยวกังไม่กล้าท้าประลองกับผู้อาวุโสสังหารเทพ จึงละทิ้งความคิดที่จะเป็นเจ้าสำนัก แต่เขายังไม่ละทิ้งความโกรธ จึงขอเรียนรู้กับหลี่ชิงจื่อ ก่อนจะถือโอกาสชำระแค้น

เพราะเรื่องนี้ ผู้อาวุโสในสำนักหยกพิสุทธิ์จึงไม่พอใจเขาเป็นอย่างมาก

สำนักหยกพิสุทธิ์กำลังตกอยู่ในวิกฤต แต่เจ้ากลับสร้างเรื่อง แล้วยังคิดจะเป็นเจ้าสำนักอีกหรือ

หลังจากกวนโยวกังถูกด่าท่อ เขาก็โมโหจนต้องปิดด่าน ไม่โผล่หน้าออกมาอีก

ทว่าเขาไม่ได้ไปจากสำนักหยกพิสุทธิ์ เห็นได้ชัดว่าในใจเขายังมีสำนักหยกพิสุทธิ์อยู่

ทั้งหมดนี้ หานเจวี๋ยไม่กระจ่าง เขาเปิดอ่านจดหมายต่อไป

เซียนซีเสวียน ฉางเยวี่ยเอ๋อร์ สิงหงเสวียนไม่มีเรื่องอันตรายอะไร ส่วนสหายคนอื่นๆ นั้นต่างมีการต่อสู้กับคนอื่นประราย

รวมถึงเซวียนฉิงจวินด้วย

ตบะของเซวียนฉิงจวินยังคงอยู่ที่ระดับสร้างฐานขั้นสาม หานเจวี๋ยสงสัยว่านางไม่ฝึกบำเพ็ญเลยแม้แต่น้อย เอาแต่สังเกตการณ์ผู้อื่น

ยามที่หานเจวี๋ยแอบค่อนแคะอยู่นั้น

เขาพลันสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายบางอย่าง

เซวียนฉิงจวิน!

นางผู้นี้มาอีกแล้ว!

“สหายเต๋าอยู่หรือไม่ ข้าขอมาเยี่ยมเยียนท่านสักหน่อยได้หรือไม่”

ได้ฟังน้ำเสียงของเซวียนฉิงจวิน หานเจวี๋ยก็รู้สึกเคร่งเครียดขึ้นมา

เขาคิดอยู่ครู่หนึ่ง อีกฝ่ายต้องรู้แน่ว่าเขาอยู่ที่นี่ หากแกล้งตาย ไม่แน่ว่าระดับความประทับใจคงหายไป

แต่อีกฝ่ายเป็นถึงจอมมาร ความประทับใจย่อมดีกว่าความอาฆาตแค้นอย่างแน่นอน!

เมื่อคิดแล้วหานเจวี๋ยจึงเปิดประตูถ้ำเทวา

เซวียนฉิงจวินเดินเข้ามาอย่าวสบายอารมณ์

เมื่อเห็นหานเจวี๋ย นางก็เผยยิ้มออกมาน้อยๆ อย่างอดไม่ได้

หานเจวี๋ยจนใจ

ไก่คุกรัตติกาลจำกลิ่นอายของเซวียนฉิงจวินได้

มันตะโกนร้องขึ้นอย่างหวาดผวา “ขอร้องเจ้าล่ะ! อย่ากินนายท่านของข้าเลย!”

เซวียนฉิงจวินสีหน้างุนงง

หานเจวี๋ยรู้สึกกระอักกระอ่วนอยู่บ้าง

เขาถลึงตามองไก่คุกรัตติกาลเพียงครั้งจนมันตกใจจนไม่กล้าเอ่ยวาจาอะไรออกมาอีก

เซวียนฉิงจวินเดินมาตรงหน้าหานเจวี๋ย ยิ้มกล่าว “ข้าคือเซวียนฉิงจวิน ศิษย์ของยอดเขาไผ่หยก เมื่อหลายปีก่อนได้พบเจอกับศิษย์พี่ในสำนักฝ่ายใน รู้สึกตกตะลึงในตัวท่านเป็นอย่างมาก นับแต่นั้นในใจของข้าก็แอบมีท่านมาโดยตลอด ครั้งนี้มาเยี่ยมเยียนท่านโดยไม่ได้ตั้งตัว หวังว่าศิษย์พี่จะไม่ถือโทษ”

ตรงยิ่งนัก!

หานเจวี๋ยไม่รู้ว่าควรจะตอบอย่างไรดี

“ความงามของศิษย์พี่พบเจอได้น้อยนักในใต้หล้า โดดเด่นไร้ผู้ใดเปรียบ ศิษย์น้องยินดีมอบสมบัติให้หนึ่งชิ้น หวังว่าท่านจะไม่ปฏิเสธ”

เซวียนฉิงจวินกล่าวต่อด้วยรอยยิ้ม เมื่อพลิกฝ่ามือ แผ่นหยกชิ้นหนึ่งก็ปรากฏบนฝ่ามือ

หานเจวี๋ยเอ่ยถามด้วยความสงสัย “นี่คือสิ่งใดกัน”

“สิ่งนี้คือป้ายจวนเซียนสวรรค์ จวนเซียนสวรรค์เป็นแดนฝึกบำเพ็ญศักดิ์สิทธิ์ของแดนบำเพ็ญพรต ต้องมีป้ายจวนเซียนสวรรค์ถึงจะสามารถเข้าไปได้ หากออกมาจากที่นั่น ต่อให้จะมีคุณสมบัติแย่เพียงใดก็สำเร็จระดับปราณก่อกำเนิดได้”

เซวียนฉิงจวินอธิบายด้วยรอยยิ้ม

นางค่อนแคะอยู่ในใจ ข้าไม่เชื่อหรอกว่าเจ้าจะไม่หวั่นไหว

เจ้าเด็กน้อย ร่างกายอันงดงามของเจ้า ข้าจะเอามาให้ได้!

หานเจวี๋ยส่ายหน้ากล่าว “ขอบใจในความปรารถนาดีของศิษย์น้อง แต่ข้าไม่อยากไปจากสำนักหยกพิสุทธิ์ ตั้งใจจะฝึกบำเพ็ญอยู่ในสำนักหยกพิสุทธิ์ตลอดชีวิต”

ได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของเซวียนฉิงจวินก็แข็งค้างทันที

นางเปลี่ยนของล้ำค่าชิ้นใหม่ เอ่ยว่า “สิ่งนี้คือกระบี่วิญญาณพสุธา สามารถสังหารยอดฝีมือระดับรวมแก่นปราณได้ในพริบตา”

“เอ่อ…”

“ไม่พอหรือ ข้าจะมอบโอสถทะลวงระดับรวมแก่นปราณให้เจ้าอีกหนึ่งขวด!”

“คือ…”

“ข้าจะมอบวิชายุทธ์หลอมกายาให้เจ้าอีกเล่ม! ทั้งเพิ่มเคล็ดวิชาเวทอีกสามเล่มให้ด้วย!”

อะไรจะ…

ใจกว้างเช่นนี้

หากเป็นเมื่อร้อยปีก่อน หานเจวี๋ยจะต้องต้านทานไม่ไหวแน่ ไม่อยากจะพยายามแล้วจริงๆ

หานเจวี๋ยลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เอ่ยว่า “อันที่จริงข้าก็บรรลุตบะดับปราณก่อกำเนิดแล้ว”

เขาไม่ปิดบังตบะอีก แสดงตบะระดับปราณก่อกำเนิดขั้นแปดออกมา จากนั้นถึงเก็บซ่อนไว้อีกครั้ง

เซวียนฉิงจวินตกตะลึง

นางพลัดคาดเดาความจริงได้ในทันใด “ท่าน…คือผู้อาวุโสสังหารเทพ?”

หานเจวี๋ยพยักหน้า

อีกฝ่ายเป็นจอมมาร ในเมื่อจ้องจับเขา จะต้องไม่ยอมเลิกราอย่างแน่นอน

เซวียนฉิงจวินยิ่งดีใจมากกว่าเดิม คิดไม่ถึงว่าสายตาของนางจะดีถึงเพียงนี้ พลันคว้าผู้อาวุโสสังหารเทพที่แข็งแกร่งและลึกลับมากที่สุดของสำนักหยกพิสุทธิ์ไว้ในทันที

[ความประทับใจที่เซวียนฉิงจวินมีต่อท่านเพิ่มขึ้น ระดับความประทับใจในขณะนี้คือ 4 ดาว]

นางควักขวดโอสถออกจากแขนเสื้ออีกครั้ง “นี่เป็นโอสถปราณก่อกำเนิด สามารถช่วยเพิ่มพูนตบะของท่านได้อย่างรวดเร็ว”

“ขวดเดียวพอหรือไม่ หากไม่พอ ข้าจะให้เพิ่มอีกขวด!”

ระหว่างที่พูดนางก็ควักโอสถปราณก่อกำเนิดออกมาอีกหนึ่งขวด

ครั้งนี้หานเจวี๋ยไม่อาจต้านทานได้แล้วจริงๆ

เขาถามอย่างระแวดระวัง “ศิษย์น้อง เจ้ามีที่มาอย่างไรกันแน่”

ตอนนี้เซวียนฉิงจวินถึงได้รู้ตัวว่าตัวตนของตนเองถูกเปิดเผยออกมาแล้ว

แต่ว่าไม่สำคัญ เปิดเผยก็เปิดเผยสิ

“สถานะของข้าไม่สำคัญ ศิษย์น้องอยากเป็นคู่บำเพ็ญเพียรกับศิษย์พี่ ไม่ทราบว่าศิษย์พี่ยินดีหรือไม่” เซวียนฉิงจวินถามด้วยรอยยิ้ม

หานเจวี๋ยเลิกคิ้วถาม “เจ้าสามารถนำของล้ำค่าออกมาได้มากมายเพียงนี้ แน่นอนว่าคงไม่ธรรมดา เช่นนั้นเจ้าจะสามารถช่วยพวกเรารับมือกับลัทธิศักดิ์สิทธิ์อาภรณ์ป้องพิรุณได้หรือไม่”

หากได้จอมมารลงมือ เช่นนั้นก็มั่นใจได้แล้ว!

เซวียนฉิงจวินส่ายหน้ากล่าว “ไม่ได้ ข้าสนใจเพียงท่าน ไม่สนใจสำนักหยกพิสุทธิ์ หรือว่าศิษย์พี่ฝึกบำเพ็ญเพื่อสำนักหยกพิสุทธิ์?”

หานเจวี๋ยนิ่งเงียบ

เป็นอย่างที่คิดไว้จริงๆ

คิดจะบงการจอมมารไม่ได้ง่ายดายเพียงนั้น

แต่โอสถปราณก่อกำเนิดสองขวดนี้ก็ช่างหอมยิ่งนัก เขายากจะปฏิเสธได้ลง

“หากข้าตอบรับเจ้า ข้าต้องจ่ายสิ่งใดเป็นค่าตอบแทน” หานเจวี๋ยถามอย่างระมัดระวัง

เซวียนฉิงจวินยกมุมปากขึ้นยิ้ม เอ่ยว่า “ข้าก็ไม่ได้จะกินท่านจริงๆ สักหน่อย แน่นอนว่าเป็นการฝึกบำเพ็ญร่วมกัน ท่านเพียงจะต้องแข็งแกร่งยิ่งกว่าตอนนี้! นี่ก็เป็นเรื่องที่ดีมากเลยนะ!”

[เซวียนฉิงจวินต้องการผูกสัมพันธ์เป็นคู่บำเพ็ญเพียรกับท่าน ท่านมีตัวเลือกดังต่อไปนี้]

[หนึ่ง ปฏิเสธ เป็นบุรุษผู้บำเพ็ญไหนเลยจะถูกสตรีใช้อำนาจคุกคาม จะได้รับความอาฆาตแค้นจากจอมมาร และได้สืบทอดพลังวิเศษมรรคกระบี่หนึ่งครั้ง]

[สอง ตอบรับ ทั้งสองผูกสัมพันธ์เป็นคู่บำเพ็ญเพียร แปดเปื้อนผลกรรมของกันและกัน จะได้รับความประทับใจจากจอมมาร และสืบทอดพลังวิเศษหนึ่งครั้ง]

ปฏิเสธเซวียนฉิงจวินจะมีจุดจบเช่นไร

จอมมารจะกระโดดออกมาหรือ

นั่นคือลูกพี่ที่เกือบจะทะยานขึ้นสวรรค์เชียวนะ!

หานเจวี๋ยแอบทอดถอนใจ ก่อนเอ่ยปากกล่าว “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นข้าก็จะผูกสัมพันธ์เป็นคู่บำเพ็ญเพียรกับศิษย์น้อง”

[ท่านผูกสัมพันธ์เป็นคู่บำเพ็ญเพียรกับเซวียนฉิงจวินสำเร็จ ได้รับการสืบทอดพลังวิเศษหนึ่งครั้ง]

[ยินดีด้วย ท่านได้รับพลังวิเศษ–เมฆตีลังกา]

[เมฆตีลังกา: พลังวิเศษในการเคลื่อนย้าย ตีลังกาหนึ่งครั้งสามารถเคลื่อนที่ได้หนึ่งแสนแปดพันลี้]

[ความประทับใจที่เซวียนฉิงจวินมีต่อท่านเพิ่มขึ้น ระดับความประทับใจในขณะนี้คือ 4.5 ดาว]

เมฆตีลังกา?

ร้ายกาจจริงๆ!

หานเจวี๋ยตาเป็นประกาย

ของเล่นชิ้นนี้ล้วนเป็นวิชาเทพที่ใช้ในการหลบหนีนี่นา!

ฮ่าๆ พอถึงเวลานั้นหากจอมมารสร้างความวุ่นวาย เขาตีลังกาหนึ่งครั้งก็หนีไปได้ไกลหนึ่งแสนแปดพันลี้แล้ว

เซวียนฉิงจวินยิ้มน้อยๆ นางวางโอสถปราณก่อกำเนิดทั้งสองขวดลง ยิ้มเอ่ยว่า “นับจากนี้ท่านก็คือคู่บำเพ็ญเพียรของข้า ท่านตั้งใจฝึกบำเพ็ญให้ดีๆ หลังจากนี้หากข้าต้องการท่านก็จะมาหาเอง”

กล่าวจบนางก็หมุนตัวจากไป

หานเจวี๋ยถามขึ้นอย่างอดไม่ได้ “นอกจากข้าแล้ว เจ้ายังมีคู่บำเพ็ญเพียรอื่นหรือไม่”

ฝีเท้าของเซวียนฉิงจวินพลันชะงัก แค่นเสียงกล่าว “จะเป็นไปได้อย่างไร! ข้าไม่เห็นมนุษย์อยู่ในสายตา หากไม่ใช่ข้าต้องการคู่บำเพ็ญเพียรเพื่อร่วมฝึกบำเพ็ญ และท่านก็รูปงามเป็นยิ่งนัก ข้าคงไม่เลือกท่านแน่!”

นางจากไปอย่างรวดเร็ว

หานเจวี๋ยมองดูโอสถปราณก่อกำเนิดสองขวดที่วางอยู่ข้างเตียง ไม่กล่าววาจาอยู่นาน

ไก่คุกรัตติกาลถามอย่างระมัดระวัง “นายท่าน นางยังจะกินท่านอีกหรือไม่”

……………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+