ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะบทที่ 333 บรรพชนพุทธรับมหาจักรพรรดิเป็นศิษย์ ย้อนเวลาปองร้าย

Now you are reading ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ Chapter บทที่ 333 บรรพชนพุทธรับมหาจักรพรรดิเป็นศิษย์ ย้อนเวลาปองร้าย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 333 บรรพชนพุทธรับมหาจักรพรรดิเป็นศิษย์ ย้อนเวลาปองร้าย

คิดปลดปล่อยผีร้ายทั้งหมดในแดนชำระบาปเก้าขุมออกมาอย่างนั้นหรือ

หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว เขาบังเกิดความคิดอาจหาญขึ้นมาอย่างหนึ่ง!

หากผีร้ายทั้งหมดในแดนชำระบาปเก้าขุมหนีออกมา เขาก็อาศัยจังหวะนี้เข้าไปซ่อนในแดนชำระบาปเก้าขุมได้มิใช่หรือ

ไม่ได้!

หากผู้ทรงพลังลงมือ จับผีร้ายยัดกลับไป ผนึกทางเข้าออกไว้ เช่นนั้นเขามิกลายเป็นตะพาบในไหหรอกหรือ

หานเจวี๋ยกล่าว “ดูต่อไปก่อนเถอะ ในช่วงเวลานี้ เจ้าจงจับตามองความเคลื่อนไหวของแม่น้ำปรโลกให้มากหน่อย หากไม่ได้การจริงๆ พวกเราไปจากยมโลกเสียก็พอ ข้ามีพลังวิเศษ สามารถหนีออกจากยมโลกได้ทันที”

เมื่อต้วนหงเฉินได้ยินดังนั้นก็รู้สึกสบายใจในทันใด

เขาก็ไม่ได้คาดหวังให้หานเจวี๋ยช่วยหยุดเรื่องนี้ ขอเพียงมีวิธีรักษาชีวิตไว้ก็พอ

หานเจวี๋ยฝึกบำเพ็ญต่อไป สำหรับความเคลื่อนไหวทางแม่น้ำปรโลก เขาไม่ใส่ใจเลย

พลังจิตระดับต้าหลัวไม่สามารถสอดแนมอาณาเขตเต๋าได้ หากอยากหาเกาะสำนักซ่อนเร้นให้พบ ต้องมีโชคฝืนชะตาฟ้าแล้วกระมัง

หลายเดือนผ่านไป

หานเจวี๋ยที่กำลังฝึกบำเพ็ญอยู่พลันลืมตาขึ้น เขาสัมผัสถึงรัศมีอันแกร่งกล้าสายหนึ่งที่พุ่งขึ้นมาจากส่วนลึกของแม่น้ำปรโลก

มีผู้ทรงพลังโผล่มาแล้ว!

หานเจวี๋ยเฝ้ารอด้วยความกระวนกระวาย

เขาตรวจหาศัตรูแข็งแกร่งบริเวณรอบเกาะสำนักซ่อนเร้น แต่ตรวจสอบไม่พบ เนื่องจากระยะห่างยังไกลเกินไป

ผ่านไปอีกสักพัก ทั่วยมโลกก็เต็มไปด้วยไอสังหารอันน่าหวาดหวั่น

เจ็ดปีผ่านไป

พุทธะอาภรณ์ขาวในโลกเขย่าพิภพเรียกหาหานเจวี๋ย

หานเจวี๋ยถ่ายทอดเสียงสอบถาม ที่แท้พุทธะอาภรณ์ขาวอยากแนะนำศิษย์คนหนึ่งให้หานเจวี๋ย เป็นหลี่ว์ฮว่าซวีนั่นเอง

“เด็กคนนี้มีพรสวรรค์เลิศล้ำ หากชุบเลี้ยงให้ดี วันหน้าต้องกลายเป็นยอดฝีมือแห่งสำนักซ่อนเร้นได้แน่ ให้เขาอยู่ในโลกเขย่าพิภพ ดูจะอยุติธรรมอยู่บ้าง” พุทธะอาภรณ์ขาวเอ่ยด้วยความกระตือรือร้น

หานเจวี๋ยเงียบไป

หลี่ว์ฮว่าซวี

มหาจักรพรรดิจื่อเวยกลับชาติมาเกิด!

เป็นถึงต้าหลัวเชียวนะ

หากเขารับต้าหลัวเข้าสู่เกาะสำนักซ่อนเร้น จะเป็นอันตรายหรือไม่

ต้องใคร่ครวญสักหน่อย ไม่ถูกสิ โลกเขย่าพิภพอยู่ในส่วนลึกของวิญญาณเขา เท่ากับหลี่ฮว่าซวีอยู่ในเกาะสำนักซ่อนเร้นอยู่แล้ว

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นก็รับเขาไว้เถอะ

ในเกาะสำนักซ่อนเร้นก็มีต้าหลัวอยู่คนหนึ่งแล้วมิใช่หรือ บรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์เป็นต้าหลัว บรรพชนพุทธภควัตจะมิใช่ต้าหลัวได้อย่างไรเล่า

หานเจวี๋ยตอบรับ “ได้ ข้าจะพาตัวเขาไป”

เขาเข้าไปดึงตัวหลี่ว์ฮว่าซวีทันที

หลี่ว์ฮว่าซวีที่ขณะนั้นอยู่ตรงหน้าพุทธะอาภรณ์ขาวถูกหานเจวี๋ยดึงตัวออกจากโลกเขย่าพิภพและปล่อยลงในถ้ำเทวาฟ้าประทาน

ทันทีที่เห็นหานเจวี๋ย หลี่ว์ฮว่าซวีก็รีบคุกเข่าลงและเอ่ยด้วยความประหม่า “คารวะผู้อาวุโส!”

ถึงแม้เขาจะปลุกพรสวรรค์ขึ้นมาแล้ว แต่จิตสำนึกแห่งต้าหลัวยังไม่กลับคืนมา

หานเจวี๋ยพยักหน้ารับ ถ่ายทอดเสียงหาศิษย์คนหนึ่ง

ในไม่ช้า ฉู่ซื่อเหรินก็เข้ามาในถ้ำ

“นับจากนี้ไป เขาก็คือศิษย์ของเจ้า!”

หานเจวี๋ยเอ่ยด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ ทว่าในใจกลับตั้งตารออย่างยิ่ง

บรรพชนพุทธรับมหาจักรพรรดิเป็นศิษย์

มาดูกันว่าวันหน้าผู้ใดจะข่มผู้ใดกันแน่!

หานเจวี๋ยไม่กลัวเลยว่าพวกเขาจะร่วมมือกัน บรรพชนพุทธภควัตปรารถนาจะให้เวไนยสัตว์ละทิ้งการบำเพ็ญใจแทบขาด พวกเขาไม่มีทางลงรอยกับมหาจักรพรรดิจื่อเวยที่เกิดมาเพื่อแสวงหาความแข็งแกร่งแน่นอน

ฉู่ซื่อเหรินแปลกใจระคนยินดี ในที่สุดเขาก็ได้รับศิษย์อีกครั้ง

สำหรับโจวหมิงเยวี่ย เขารู้สึกหน่ายเต็มที

“ขอรับ อาจารย์” ฉู่ซื่อเหรินรีบคารวะขอบคุณ

หลี่ว์ฮว่าซวีลังเลอยากล่าวบางสิ่ง แต่หานเจวี๋ยโบกมือทันที สื่อให้พวกเขาถอยออกไป

ฉู่ซื่อเหรินลากหลี่ว์ฮว่าซวีออกไปด้วยความยินดี

จากนั้น ฝันร้ายของเขาก็ได้เริ่มต้นขึ้น

พรสวรรค์ของหลี่ว์ฮว่าซวีไม่อาจนำไปเทียบกับโจวหมิงเยวี่ยผู้เป็นเทพปีศาจกลับชาติมาเกิดได้ ไอเซียนของเกาะสำนักซ่อนเร้นเลิศล้ำกว่าโลกเขย่าพิภพ หลี่ว์ฮว่าซวีดุจมัจฉาได้วารี ตบะรุดหน้าได้รวดเร็วยิ่ง

เพื่อควบคุมหลี่ว์ฮว่าซวี ฉู่ซื่อเหรินจึงจำเป็นต้องฝึกบำเพ็ญอย่างเอาจริงเอาจังด้วย

ในอดีตให้ควบคุมดูแลโจวหมิงเยวี่ยเขายังพอทำตัวเกียจคร้านได้ แต่เมื่อเผชิญหน้ากับหลี่ว์ฮว่าซวี เขาไม่กล้าผ่อนคลายเลยจริงๆ

หากปล่อยให้ศิษย์มีตบะเหนือล้ำกว่า เช่นนั้นก็น่าอับอายเกินไปแล้ว

การเข้าร่วมสำนักของหลี่ว์ฮว่าซวีสร้างความกดดันให้ศิษย์คนอื่นๆ เช่นกัน พวกเขาล้วนสนใจใคร่รู้ว่าคนผู้นี้โผล่มาจากที่ใด

ราวกับหลงเฮ่าคนที่สองไม่มีผิด!

….

สามปีผ่านไป ครบกำหนดสิบปีแล้ว หานเจวี๋ยสาปแช่งศัตรูพลางตรวจดูจดหมายไปด้วยตามความเคยชิน

ในช่วงสิบปีมานี้ ไม่มีจดหมายพิเศษๆ เลย หานเจวี๋ยอ่านจนถึงด้านล่างก็ไม่ข้อมูลสำคัญใดๆ

หลังสาปแช่งเสร็จ หานเจวี๋ยหยิบป้ายคำสั่งมรรคาสวรรค์ออกมาเพื่อติดต่อหาจักรพรรดิสวรรค์ สอบถามสถานการณ์ของยมโลก

จักรพรรดิสวรรค์กล่าวอย่างจนปัญญา “เจ้าเอาตัวรอดเก่งจริงๆ เจ้าอยู่ในยมโลกยังจะมาถามข่าวในยมโลกจากเราอีกหรือ คงมิใช่ว่าเจ้าซ่อนตัวอยู่ตลอด ไม่ออกไปไหนเลยกระมัง”

“ถูกแล้วพ่ะย่ะค่ะ ออกไปก็เสี่ยงตายได้ง่ายๆ”

“เจ้าไม่ได้ไปล่วงเกินผู้ใด จะมากลัวตายอันใด การบำเพ็ญแบบเจ้า ไร้กรรมไร้ความแค้น ไม่มีผู้ใดบุกไปฆ่าเจ้าก่อนหรอก”

สิ่งที่จักรพรรดิสวรรค์กล่าวเป็นความจริง เมื่อบรรลุระดับจักรพรรดิ หากคิดสังหารจักรพรรดิเซียน อาจจะก่อให้เกิดปัญหาวุ่นวาน หากจักรพรรดิเซียนมีเสี้ยววิญญาณหลงเหลืออยู่ในถิ่นฐาน เช่นนั้นสังหารไปก็ไร้ประโยชน์

หานเจวี๋ยเอ่ยว่า “ไม่แน่หรอกพ่ะย่ะค่ะ มีคนหัวรั้นและบ้าบิ่นอยู่เสมอ ต่อให้ตบะสูงส่ง ก็ไม่อาจละทิ้งนิสัยมุทะลุไปได้อยู่ดี”

ยกตัวอย่างเช่นโจวฝาน จี้เซียนเสินและเจียงอี้

จักรพรรดิสวรรค์แค่นเสียง “เจ้าไปสรรหาคำพูดแปลกๆ มาจากที่ใดกัน แล้วไปเถอะ เรารู้มาว่ามีตัวตนลึกลับเปิดแดนชำระบาปเก้าขุมออกและตอนนี้ก็ร่วมมือกับเมืองนรกต่อกรกับวังเทพ การต่อสู้ในยมโลกยังคงดำเนินต่อไป”

ตัวตนลึกลับหรือ

ตัวแปรอีกคนกระมัง

“เรายังยืนยันตามเดิมว่า หากเจ้าอยากมาที่วังสวรรค์ ก็มาได้ทุกเมื่อ!”

“เรายังมีธุระต่อ ยอดแม่ทัพเทพเผชิญอุปสรรคยากเข็ญ เราต้องไปดูสักหน่อย”

พอกล่าวจบ จักรพรรดิสวรรค์ก็ตัดกระแสจิตไปทันที

ไปเสียแล้ว

หานเจวี๋ยเองก็เริ่มคิดในใจ ‘ข้าอยากรู้ว่าผู้ใดเปิดแดนชำระบาปเก้าขุม’

[จำเป็นต้องหักอายุขัยหนึ่งร้อยล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]

แค่ร้อยล้านหรือ!

ข้ามีอายุขัยเป็นหมื่นพันล้านล้านปีแล้ว!

หานเจวี๋ยลอบดูหมิ่นระบบ จากนั้นก็เลือกดำเนินการต่อ

ในไม่ช้า เงาร่างหนึ่งก็ผุดขึ้นในสมองของหานเจวี๋ย

หืม?

นี่มิใช่จู่ถูบรรพชนผู้ก่อตั้งวังเทพขึ้นหรอกหรือ

อดีตรองเจ้านิกายเจี๋ย ปัจจุบันเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดในในมหาเคราะห์ไร้ขอบเขต

เกิดอะไรขึ้น

คนผู้นี้ร่วมมือกับเมืองนรกโจมตีวังเทพที่ตนก่อตั้งขึ้นหรือ

เขาเคยถูกวังเทพหักหลัง หรือตกลงกับวังเทพแล้วว่าจะแสร้งเล่นละครด้วยกันแน่

หานเจวี๋ยเอนเอียงไปทางข้อหลัง คนผู้นี้เป็นบุคคลอันดับหนึ่งในมหาเคราะห์ไร้ขอบเขต หากต้องการควบคุมวังเทพ ง่ายยิ่งกว่าพลิกฝ่ามือเสียอีก

ไม่ควรประมาทวังเทพ!

นี่คือบทละครของผู้มีชัยในมหาเคราะห์สินะ!

กลุ่มอิทธิพลใหม่ที่ไม่เคยประสบมหาเคราะห์ไร้ขอบเขตมาก่อน พวกเขารวบรวมบุตรแห่งสวรรค์ไว้นับไม่ถ้วน เมื่อนำดวงชะตาไปเทียบกับกลุ่มอิทธิพลรุ่นเก่า ไม่ว่ามองอย่างไร วังเทพก็มีโอกาสสูงยิ่งที่จะได้ชัยในมหาเคราะห์ไร้ขอบเขต

หากเป็นก่อนหน้านี้ หานเจวี๋ยจะไม่ถือสาเลยหากพวกเขาจะชนะ

แต่ตอนนี้วังสวรรค์และวังเทพเป็นศัตรูคู่แค้นกัน เพราะฉะนั้นจะปล่อยให้พวกเขาชนะไม่ได้!

‘สาปแช่งจู่ถูดีหรือไม่นะ’

หานเจวี๋ยคิดเงียบๆ

ไม่ได้!

คนผู้นี้เป็นอันดับหนึ่งในมหาเคราะห์ไร้ขอบเขต จะบุ่มบ่ามสาปแช่งไม่ได้ รอให้หนังสือแห่งความโชคร้ายยกระดับแล้วค่อยพิจารณาเรื่องนี้กันอีกครั้งเถอะ

ต้องหาโอกาสแจ้งเรื่องนี้ต่อจักรพรรดิสวรรค์ ให้จักรพรรดิสวรรค์เตรียมตัวแต่เนิ่นๆ

หานเจวี๋ยส่ายหน้า เตรียมฝึกบำเพ็ญต่อ

[ตรวจสอบพบว่ามีตัวตนลึกลับกำลังวางแผนทำร้ายตัวท่านในอดีต ต้องการใช้ความสามารถของอาณาเขตเต๋าเสริมกำลังให้อาณาเขตเต๋าในอดีตหรือไม่]

ข้อความแถวหนึ่งเด้งขึ้นมาเบื้องหน้าหานเจวี๋ย

เขาอดตกตะลึงไม่ได้

ล้อเล่นอะไรกัน

เขารีบเลือกใช้ความสามารถทันที

อาณาเขตเต๋าในปัจจุบันสามารถปิดกั้นพลังจิตระดับต้าหลัวได้ หากเสริมพลังให้อาณาเขตเต๋าในอดีต น่าจะสามารถต้านทานศัตรูลึกลับได้

กลัวก็แต่อีกฝ่ายจะแข็งแกร่งกว่าระดับต้าหลัว!

‘ใครกันแน่ที่ต้องการปองร้ายข้า’

หานเจวี๋ยนึกถึงฟางเหลียงเป็นคนแรก วิญญาณฟางเหลียงข้ามสู่บรรพกาล

อย่างไรก็ตามฟางเหลียงข้ามภพสู่ยุคบรรพกาล ช่วงเวลายังห่างกันเกินไป

“ข้าจะมัวเดาอยู่ทำไม ใช้ระบบวิวัฒนาการเสียก็สิ้นเรื่อง!”

หานเจวี๋ยบ่น แล้วรีบใช้ระบบวิวัฒนาการ หลังจากสืบทราบว่าเป็นผู้ใดเขาจะสาปแช่งทันที บีบคั้นให้อีกฝ่ายล่าถอยไป

[จำเป็นต้องหักอายุขัยหนึ่งร้อยล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]

ดำเนินการต่อ!

ทันทีที่หานเจวี๋ยคิด เงาร่างหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในหัว

สีหน้าท่าทางของเขาพิลึกยิ่ง

เป็นเขาไปได้อย่างไร

มารดามันเถอะ รนหาที่ตายหรือ!

………………………………………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะบทที่ 333 บรรพชนพุทธรับมหาจักรพรรดิเป็นศิษย์ ย้อนเวลาปองร้าย

Now you are reading ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ Chapter บทที่ 333 บรรพชนพุทธรับมหาจักรพรรดิเป็นศิษย์ ย้อนเวลาปองร้าย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 333 บรรพชนพุทธรับมหาจักรพรรดิเป็นศิษย์ ย้อนเวลาปองร้าย

คิดปลดปล่อยผีร้ายทั้งหมดในแดนชำระบาปเก้าขุมออกมาอย่างนั้นหรือ

หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว เขาบังเกิดความคิดอาจหาญขึ้นมาอย่างหนึ่ง!

หากผีร้ายทั้งหมดในแดนชำระบาปเก้าขุมหนีออกมา เขาก็อาศัยจังหวะนี้เข้าไปซ่อนในแดนชำระบาปเก้าขุมได้มิใช่หรือ

ไม่ได้!

หากผู้ทรงพลังลงมือ จับผีร้ายยัดกลับไป ผนึกทางเข้าออกไว้ เช่นนั้นเขามิกลายเป็นตะพาบในไหหรอกหรือ

หานเจวี๋ยกล่าว “ดูต่อไปก่อนเถอะ ในช่วงเวลานี้ เจ้าจงจับตามองความเคลื่อนไหวของแม่น้ำปรโลกให้มากหน่อย หากไม่ได้การจริงๆ พวกเราไปจากยมโลกเสียก็พอ ข้ามีพลังวิเศษ สามารถหนีออกจากยมโลกได้ทันที”

เมื่อต้วนหงเฉินได้ยินดังนั้นก็รู้สึกสบายใจในทันใด

เขาก็ไม่ได้คาดหวังให้หานเจวี๋ยช่วยหยุดเรื่องนี้ ขอเพียงมีวิธีรักษาชีวิตไว้ก็พอ

หานเจวี๋ยฝึกบำเพ็ญต่อไป สำหรับความเคลื่อนไหวทางแม่น้ำปรโลก เขาไม่ใส่ใจเลย

พลังจิตระดับต้าหลัวไม่สามารถสอดแนมอาณาเขตเต๋าได้ หากอยากหาเกาะสำนักซ่อนเร้นให้พบ ต้องมีโชคฝืนชะตาฟ้าแล้วกระมัง

หลายเดือนผ่านไป

หานเจวี๋ยที่กำลังฝึกบำเพ็ญอยู่พลันลืมตาขึ้น เขาสัมผัสถึงรัศมีอันแกร่งกล้าสายหนึ่งที่พุ่งขึ้นมาจากส่วนลึกของแม่น้ำปรโลก

มีผู้ทรงพลังโผล่มาแล้ว!

หานเจวี๋ยเฝ้ารอด้วยความกระวนกระวาย

เขาตรวจหาศัตรูแข็งแกร่งบริเวณรอบเกาะสำนักซ่อนเร้น แต่ตรวจสอบไม่พบ เนื่องจากระยะห่างยังไกลเกินไป

ผ่านไปอีกสักพัก ทั่วยมโลกก็เต็มไปด้วยไอสังหารอันน่าหวาดหวั่น

เจ็ดปีผ่านไป

พุทธะอาภรณ์ขาวในโลกเขย่าพิภพเรียกหาหานเจวี๋ย

หานเจวี๋ยถ่ายทอดเสียงสอบถาม ที่แท้พุทธะอาภรณ์ขาวอยากแนะนำศิษย์คนหนึ่งให้หานเจวี๋ย เป็นหลี่ว์ฮว่าซวีนั่นเอง

“เด็กคนนี้มีพรสวรรค์เลิศล้ำ หากชุบเลี้ยงให้ดี วันหน้าต้องกลายเป็นยอดฝีมือแห่งสำนักซ่อนเร้นได้แน่ ให้เขาอยู่ในโลกเขย่าพิภพ ดูจะอยุติธรรมอยู่บ้าง” พุทธะอาภรณ์ขาวเอ่ยด้วยความกระตือรือร้น

หานเจวี๋ยเงียบไป

หลี่ว์ฮว่าซวี

มหาจักรพรรดิจื่อเวยกลับชาติมาเกิด!

เป็นถึงต้าหลัวเชียวนะ

หากเขารับต้าหลัวเข้าสู่เกาะสำนักซ่อนเร้น จะเป็นอันตรายหรือไม่

ต้องใคร่ครวญสักหน่อย ไม่ถูกสิ โลกเขย่าพิภพอยู่ในส่วนลึกของวิญญาณเขา เท่ากับหลี่ฮว่าซวีอยู่ในเกาะสำนักซ่อนเร้นอยู่แล้ว

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นก็รับเขาไว้เถอะ

ในเกาะสำนักซ่อนเร้นก็มีต้าหลัวอยู่คนหนึ่งแล้วมิใช่หรือ บรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์เป็นต้าหลัว บรรพชนพุทธภควัตจะมิใช่ต้าหลัวได้อย่างไรเล่า

หานเจวี๋ยตอบรับ “ได้ ข้าจะพาตัวเขาไป”

เขาเข้าไปดึงตัวหลี่ว์ฮว่าซวีทันที

หลี่ว์ฮว่าซวีที่ขณะนั้นอยู่ตรงหน้าพุทธะอาภรณ์ขาวถูกหานเจวี๋ยดึงตัวออกจากโลกเขย่าพิภพและปล่อยลงในถ้ำเทวาฟ้าประทาน

ทันทีที่เห็นหานเจวี๋ย หลี่ว์ฮว่าซวีก็รีบคุกเข่าลงและเอ่ยด้วยความประหม่า “คารวะผู้อาวุโส!”

ถึงแม้เขาจะปลุกพรสวรรค์ขึ้นมาแล้ว แต่จิตสำนึกแห่งต้าหลัวยังไม่กลับคืนมา

หานเจวี๋ยพยักหน้ารับ ถ่ายทอดเสียงหาศิษย์คนหนึ่ง

ในไม่ช้า ฉู่ซื่อเหรินก็เข้ามาในถ้ำ

“นับจากนี้ไป เขาก็คือศิษย์ของเจ้า!”

หานเจวี๋ยเอ่ยด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ ทว่าในใจกลับตั้งตารออย่างยิ่ง

บรรพชนพุทธรับมหาจักรพรรดิเป็นศิษย์

มาดูกันว่าวันหน้าผู้ใดจะข่มผู้ใดกันแน่!

หานเจวี๋ยไม่กลัวเลยว่าพวกเขาจะร่วมมือกัน บรรพชนพุทธภควัตปรารถนาจะให้เวไนยสัตว์ละทิ้งการบำเพ็ญใจแทบขาด พวกเขาไม่มีทางลงรอยกับมหาจักรพรรดิจื่อเวยที่เกิดมาเพื่อแสวงหาความแข็งแกร่งแน่นอน

ฉู่ซื่อเหรินแปลกใจระคนยินดี ในที่สุดเขาก็ได้รับศิษย์อีกครั้ง

สำหรับโจวหมิงเยวี่ย เขารู้สึกหน่ายเต็มที

“ขอรับ อาจารย์” ฉู่ซื่อเหรินรีบคารวะขอบคุณ

หลี่ว์ฮว่าซวีลังเลอยากล่าวบางสิ่ง แต่หานเจวี๋ยโบกมือทันที สื่อให้พวกเขาถอยออกไป

ฉู่ซื่อเหรินลากหลี่ว์ฮว่าซวีออกไปด้วยความยินดี

จากนั้น ฝันร้ายของเขาก็ได้เริ่มต้นขึ้น

พรสวรรค์ของหลี่ว์ฮว่าซวีไม่อาจนำไปเทียบกับโจวหมิงเยวี่ยผู้เป็นเทพปีศาจกลับชาติมาเกิดได้ ไอเซียนของเกาะสำนักซ่อนเร้นเลิศล้ำกว่าโลกเขย่าพิภพ หลี่ว์ฮว่าซวีดุจมัจฉาได้วารี ตบะรุดหน้าได้รวดเร็วยิ่ง

เพื่อควบคุมหลี่ว์ฮว่าซวี ฉู่ซื่อเหรินจึงจำเป็นต้องฝึกบำเพ็ญอย่างเอาจริงเอาจังด้วย

ในอดีตให้ควบคุมดูแลโจวหมิงเยวี่ยเขายังพอทำตัวเกียจคร้านได้ แต่เมื่อเผชิญหน้ากับหลี่ว์ฮว่าซวี เขาไม่กล้าผ่อนคลายเลยจริงๆ

หากปล่อยให้ศิษย์มีตบะเหนือล้ำกว่า เช่นนั้นก็น่าอับอายเกินไปแล้ว

การเข้าร่วมสำนักของหลี่ว์ฮว่าซวีสร้างความกดดันให้ศิษย์คนอื่นๆ เช่นกัน พวกเขาล้วนสนใจใคร่รู้ว่าคนผู้นี้โผล่มาจากที่ใด

ราวกับหลงเฮ่าคนที่สองไม่มีผิด!

….

สามปีผ่านไป ครบกำหนดสิบปีแล้ว หานเจวี๋ยสาปแช่งศัตรูพลางตรวจดูจดหมายไปด้วยตามความเคยชิน

ในช่วงสิบปีมานี้ ไม่มีจดหมายพิเศษๆ เลย หานเจวี๋ยอ่านจนถึงด้านล่างก็ไม่ข้อมูลสำคัญใดๆ

หลังสาปแช่งเสร็จ หานเจวี๋ยหยิบป้ายคำสั่งมรรคาสวรรค์ออกมาเพื่อติดต่อหาจักรพรรดิสวรรค์ สอบถามสถานการณ์ของยมโลก

จักรพรรดิสวรรค์กล่าวอย่างจนปัญญา “เจ้าเอาตัวรอดเก่งจริงๆ เจ้าอยู่ในยมโลกยังจะมาถามข่าวในยมโลกจากเราอีกหรือ คงมิใช่ว่าเจ้าซ่อนตัวอยู่ตลอด ไม่ออกไปไหนเลยกระมัง”

“ถูกแล้วพ่ะย่ะค่ะ ออกไปก็เสี่ยงตายได้ง่ายๆ”

“เจ้าไม่ได้ไปล่วงเกินผู้ใด จะมากลัวตายอันใด การบำเพ็ญแบบเจ้า ไร้กรรมไร้ความแค้น ไม่มีผู้ใดบุกไปฆ่าเจ้าก่อนหรอก”

สิ่งที่จักรพรรดิสวรรค์กล่าวเป็นความจริง เมื่อบรรลุระดับจักรพรรดิ หากคิดสังหารจักรพรรดิเซียน อาจจะก่อให้เกิดปัญหาวุ่นวาน หากจักรพรรดิเซียนมีเสี้ยววิญญาณหลงเหลืออยู่ในถิ่นฐาน เช่นนั้นสังหารไปก็ไร้ประโยชน์

หานเจวี๋ยเอ่ยว่า “ไม่แน่หรอกพ่ะย่ะค่ะ มีคนหัวรั้นและบ้าบิ่นอยู่เสมอ ต่อให้ตบะสูงส่ง ก็ไม่อาจละทิ้งนิสัยมุทะลุไปได้อยู่ดี”

ยกตัวอย่างเช่นโจวฝาน จี้เซียนเสินและเจียงอี้

จักรพรรดิสวรรค์แค่นเสียง “เจ้าไปสรรหาคำพูดแปลกๆ มาจากที่ใดกัน แล้วไปเถอะ เรารู้มาว่ามีตัวตนลึกลับเปิดแดนชำระบาปเก้าขุมออกและตอนนี้ก็ร่วมมือกับเมืองนรกต่อกรกับวังเทพ การต่อสู้ในยมโลกยังคงดำเนินต่อไป”

ตัวตนลึกลับหรือ

ตัวแปรอีกคนกระมัง

“เรายังยืนยันตามเดิมว่า หากเจ้าอยากมาที่วังสวรรค์ ก็มาได้ทุกเมื่อ!”

“เรายังมีธุระต่อ ยอดแม่ทัพเทพเผชิญอุปสรรคยากเข็ญ เราต้องไปดูสักหน่อย”

พอกล่าวจบ จักรพรรดิสวรรค์ก็ตัดกระแสจิตไปทันที

ไปเสียแล้ว

หานเจวี๋ยเองก็เริ่มคิดในใจ ‘ข้าอยากรู้ว่าผู้ใดเปิดแดนชำระบาปเก้าขุม’

[จำเป็นต้องหักอายุขัยหนึ่งร้อยล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]

แค่ร้อยล้านหรือ!

ข้ามีอายุขัยเป็นหมื่นพันล้านล้านปีแล้ว!

หานเจวี๋ยลอบดูหมิ่นระบบ จากนั้นก็เลือกดำเนินการต่อ

ในไม่ช้า เงาร่างหนึ่งก็ผุดขึ้นในสมองของหานเจวี๋ย

หืม?

นี่มิใช่จู่ถูบรรพชนผู้ก่อตั้งวังเทพขึ้นหรอกหรือ

อดีตรองเจ้านิกายเจี๋ย ปัจจุบันเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดในในมหาเคราะห์ไร้ขอบเขต

เกิดอะไรขึ้น

คนผู้นี้ร่วมมือกับเมืองนรกโจมตีวังเทพที่ตนก่อตั้งขึ้นหรือ

เขาเคยถูกวังเทพหักหลัง หรือตกลงกับวังเทพแล้วว่าจะแสร้งเล่นละครด้วยกันแน่

หานเจวี๋ยเอนเอียงไปทางข้อหลัง คนผู้นี้เป็นบุคคลอันดับหนึ่งในมหาเคราะห์ไร้ขอบเขต หากต้องการควบคุมวังเทพ ง่ายยิ่งกว่าพลิกฝ่ามือเสียอีก

ไม่ควรประมาทวังเทพ!

นี่คือบทละครของผู้มีชัยในมหาเคราะห์สินะ!

กลุ่มอิทธิพลใหม่ที่ไม่เคยประสบมหาเคราะห์ไร้ขอบเขตมาก่อน พวกเขารวบรวมบุตรแห่งสวรรค์ไว้นับไม่ถ้วน เมื่อนำดวงชะตาไปเทียบกับกลุ่มอิทธิพลรุ่นเก่า ไม่ว่ามองอย่างไร วังเทพก็มีโอกาสสูงยิ่งที่จะได้ชัยในมหาเคราะห์ไร้ขอบเขต

หากเป็นก่อนหน้านี้ หานเจวี๋ยจะไม่ถือสาเลยหากพวกเขาจะชนะ

แต่ตอนนี้วังสวรรค์และวังเทพเป็นศัตรูคู่แค้นกัน เพราะฉะนั้นจะปล่อยให้พวกเขาชนะไม่ได้!

‘สาปแช่งจู่ถูดีหรือไม่นะ’

หานเจวี๋ยคิดเงียบๆ

ไม่ได้!

คนผู้นี้เป็นอันดับหนึ่งในมหาเคราะห์ไร้ขอบเขต จะบุ่มบ่ามสาปแช่งไม่ได้ รอให้หนังสือแห่งความโชคร้ายยกระดับแล้วค่อยพิจารณาเรื่องนี้กันอีกครั้งเถอะ

ต้องหาโอกาสแจ้งเรื่องนี้ต่อจักรพรรดิสวรรค์ ให้จักรพรรดิสวรรค์เตรียมตัวแต่เนิ่นๆ

หานเจวี๋ยส่ายหน้า เตรียมฝึกบำเพ็ญต่อ

[ตรวจสอบพบว่ามีตัวตนลึกลับกำลังวางแผนทำร้ายตัวท่านในอดีต ต้องการใช้ความสามารถของอาณาเขตเต๋าเสริมกำลังให้อาณาเขตเต๋าในอดีตหรือไม่]

ข้อความแถวหนึ่งเด้งขึ้นมาเบื้องหน้าหานเจวี๋ย

เขาอดตกตะลึงไม่ได้

ล้อเล่นอะไรกัน

เขารีบเลือกใช้ความสามารถทันที

อาณาเขตเต๋าในปัจจุบันสามารถปิดกั้นพลังจิตระดับต้าหลัวได้ หากเสริมพลังให้อาณาเขตเต๋าในอดีต น่าจะสามารถต้านทานศัตรูลึกลับได้

กลัวก็แต่อีกฝ่ายจะแข็งแกร่งกว่าระดับต้าหลัว!

‘ใครกันแน่ที่ต้องการปองร้ายข้า’

หานเจวี๋ยนึกถึงฟางเหลียงเป็นคนแรก วิญญาณฟางเหลียงข้ามสู่บรรพกาล

อย่างไรก็ตามฟางเหลียงข้ามภพสู่ยุคบรรพกาล ช่วงเวลายังห่างกันเกินไป

“ข้าจะมัวเดาอยู่ทำไม ใช้ระบบวิวัฒนาการเสียก็สิ้นเรื่อง!”

หานเจวี๋ยบ่น แล้วรีบใช้ระบบวิวัฒนาการ หลังจากสืบทราบว่าเป็นผู้ใดเขาจะสาปแช่งทันที บีบคั้นให้อีกฝ่ายล่าถอยไป

[จำเป็นต้องหักอายุขัยหนึ่งร้อยล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]

ดำเนินการต่อ!

ทันทีที่หานเจวี๋ยคิด เงาร่างหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในหัว

สีหน้าท่าทางของเขาพิลึกยิ่ง

เป็นเขาไปได้อย่างไร

มารดามันเถอะ รนหาที่ตายหรือ!

………………………………………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+