ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ 89 คุณสมบัติเทพตื่นตัว พบผู้มีดวงชะตาอีกแล้ว

Now you are reading ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ Chapter 89 คุณสมบัติเทพตื่นตัว พบผู้มีดวงชะตาอีกแล้ว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 89 คุณสมบัติเทพตื่นตัว พบผู้มีดวงชะตาอีกแล้ว
ปีที่ห้าหลังจากที่เซียวเหยากลายเป็นผู้อาวุโสของสำนักหยกพิสุทธิ์ หานเจวี๋ยก็บรรลุระดับรวมกายาขั้นสามในที่สุด

เขาเดินออกจากถ้ำเทวา มายืดเส้นยืดสายหน้าต้นฝูซัง

สวินฉางอันและไก่คุกรัตติกำลังฝึกฝน ต้นฝูซังกับน้ำเต้าพิภพเซียนเติบโตได้ไม่เลว ด้วยกานเสริมส่งของพวกมัน พลังวิญญาณบนเขาเพียรบำเพ็ญเซียนก็เพิ่มทวีอย่างมั่นคง

หานเจวี๋ยมองดูด้วยความพอใจ สมกับเป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ พลังชีวิตก็เหนือกว่าของล้ำค่าฟ้าดินอื่นๆ เป็นอย่างมาก

หลังจากไก่คุกรัตติกาลครอบครองต้นฝูซังแล้ว ต้นฝูซังก็ไม่สั่นไหวกลางดึกอีก อย่าว่าแต่สัตว์เทพเลย แม้แต่สัตว์ปีศาจก็ไม่ถูกเรียกมา

หานเจวี๋ยเปิดอ่านจดหมายในค่าความสัมพันธ์อย่างเคยชิน

[สุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นสัตว์เลี้ยงเทพของท่านเผชิญกับการโจมตีของสัตว์ปีศาจ] x5877

[สุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นสัตว์เลี้ยงเทพของท่านได้รับบาดเจ็บสาหัส ชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้าย พบกับการช่วยเหลือของผู้ทรงพลังเผ่าปีศาจ หนีพ้นจากความตายมาได้]

[หยางเทียนตงศิษย์ของท่านปิดด่านมุมานะฝึกฝน เข้าใจมรรคปีศาจ พลังมรรคเพิ่มพูน]

[โจวฝานสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีของผู้บำเพ็ญสายหลัก] x3119

[โม่ฟู่โฉวสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีของผู้บำเพ็ญสายหลัก] x3028

[เซียนซีเสวียนสหายของท่านพบกับโอกาสวาสนา ดวงชะตาสูงขึ้น]

[เซียวเหยาสหายของท่านเผชิญกับคำสาปเทพเซียน ได้รับความทรมานมาก] x5

[ซูฉีศิษย์ของท่านฝึกฝนวิชามาร คุณสมบัติเทพเริ่มตื่นตัว]

……

หานเจวี๋ยจนคำพูด

จริงๆ เลย!

สุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นทำอะไรอยู่กันแน่

เอาแต่ถูกโจมตี เพิ่งบาดเจ็บสาหัสไปไม่นานก็กลับมาบาดเจ็บสาหัสอีกแล้ว โชคดีที่มันเป็นสัตว์เทพโชคชะตา หากเป็นคนอื่นคงตายไปเสียนานแล้ว

โม่ฟู่ฉวกับโจวฟานคงอยู่ด้วยกัน จำนวนครั้งในการถูกโจมตีของทั้งสองใกล้เคียงกันมาก เท่าที่หานเจวี๋ยรู้จักพวกเขาทั้งสอง คนที่หาเรื่องจะต้องเป็นโจวฝานอย่างแน่นอน

คนที่มีชื่อฝานมักจะไม่ยอมเป็นคนธรรมดา บางทีนี่อาจจะเป็นชะตาชีวิต

หานเจวี๋ยสังเกตเห็นว่าเซียนซีเสวียนได้รับโอกาสวาสนาอีกแล้ว

ในช่วงเวลาหลายสิบปีนี้ เซียนซีเสวียนไปหาประสบการณ์ด้านนอกตลอด ตบะของนางก็เพิ่มขึ้นตลอดเวลา มีความหวังที่จะทะลวงถึงระดับเปลี่ยนวิญญาณแล้ว

ขณะที่สำนักหยกพิสุทธิ์แข็งแกร่งขึ้นทุกวัน ตบะของผู้อาวุโสจำนวนมากก็เริ่มเพิ่มพูน นี่กลับเป็นเรื่องที่ดี

เซียวเหยาเผชิญกับคำสาปเทพเซียนโดยเฉลี่ยปีละครั้ง เจ้าหมอนี่เป็นอะไรกันแน่

หานเจวี๋ยพลันรู้สึกเป็นกังวลขึ้นมา สำนักหยกพิสุทธิ์รับเซียวเหยาไว้จะนำมาซึ่งภัยพิบัติหรือไม่

และก็ซูฉี คุณสมบัติเทพเพิ่งเริ่มตื่นตัวหรือ

โชคร้ายของเจ้าหมอนี่ก็น่ากลัวพอแล้ว หลังจากตื่นตัวมันจะน่ากลัวขนาดไหนกัน

จู่ๆ หานเจวี๋ยก็รู้สึกว่าตัวเองทำถูกที่ส่งซูฉีออกไป หากรั้งอยู่ในสำนักหยกพิสุทธิ์นานเข้า อาจจะสร้างหายนะให้สำนักหยกพิสุทธิ์ได้ในไม่ช้าก็เร็ว

แต่จะว่าไปแล้ว การดำรงชีวิตของคนอย่างซูฉีนี้ แท้จริงแล้วมันน่าเศร้ายิ่งนัก คนรอบกายล้วนตายเพราะเขา และเขากลับไม่รู้สถานะในชาติก่อนของตัวเองอย่างชัดเจน อาจจะคิดว่าสวรรค์กำลังพุ่งเป้าไปยังเขา

หานเจวี๋ยสงสัยเป็นอย่างมากว่าสวรรค์ส่งเขาลงมาจุติในโลกมนุษย์เพื่อประสงค์ใด

พอหวนคิดดูอีกที โลกมนุษย์มีสัตว์เทพภัยพิบัติอย่างจูโต้วได้ การปรากฏตัวของดาวตัวซวยก็ไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด

เป็นเพราะมีการดำรงอยู่ของจูโต้วและดาวตัวซวย ถึงจะไม่ปรากฏนักคิดผู้ยิ่งใหญ่อย่างทานอส

บางทีนี่อาจจะเป็นเจตนาที่ลึกซึ้งของสวรรค์

หานเจวี๋ยคาดเดาเช่นนี้

ไม่นาน เขาก็นำหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมา เริ่มสาปแช่งเฒ่าประหลาดอู้เต้า จูเชวี่ย สลับกันอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาห้าวัน

ขณะเดียวกันนั้น

บนยอดเขาหลัก

หลี่ชิงจื่อ ผู้อาวุโสสูงสุด เซียวเหยา และบรรดาผู้อาวุโสต่างก็มารวมตัวบนตำหนักอย่างพร้อมเพรียง

พวกเขาต่างมองไปยังคนผู้หนึ่งที่อยู่บนตำหนัก คนผู้นี้มาจากสำนักสวรรค์เพลิงโลหิต นามว่านักพรตเต๋าเหยียนหลิน เป็นผู้บำเพ็ญระดับสุญตา มีสถานะอยู่ระดับผู้อาวุโส

นักพรตเต๋าเหยียนหลินแอบรู้สึกมึนงง

สำนักหยกพิสุทธิ์อ่อนแอถึงเพียงนี้เชียวหรือ

นอกจากเซียวเหยาแล้ว คนอื่นๆ รวมตัวกันทั้งหมดยังไม่สามารถขู่ขวัญเขาได้

เขาไม่เข้าใจว่าเหตุใดท่านเจ้าสำนักต้องบากหน้ามาพึ่งสำนักหยกพิสุทธิ์ แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังบอกจุดประสงค์ที่มาแต่โดยดี

สำนักสวรรค์เพลิงโลหิตได้มาถึงจุดที่ชีวิตแขวนอยู่บนหน้าผาแล้ว ได้แต่รักษาม้าตายประหนึ่งม้าเป็น[1]

พอเขากล่าวจบ ผู้คนทั้งหลายต่างมองหน้าสบตากัน ประจักษ์ชัดว่าคาดไม่ถึงว่าสำนักสวรรค์เพลิงโลหิตจะบากหน้ามาพึ่งพาสำนักหยกพิสุทธิ์

หลี่ชิงจื่อขมวดคิ้วกล่าว “สำนักของท่านกำลังทำศึกใหญ่กับสำนักไร้ลักษณ์ สำนักหยกพิสุทธิ์ก็ไม่อยากมีส่วนร่วมในหายนะครั้งนี้ด้วย”

เขาไม่ได้มีความประทับใจในด้านดีกับสำนักสวรรค์เพลิงโลหิต ในความคิดของเขา สำนักสวรรค์เพลิงโลหิตก็คิดอยากจะดึงพวกเขามารับผิดแทน

“ท่านเจ้าสำนักกล่าวว่า หากสำนักหยกพิสุทธิ์ตอบตกลง สำนักสวรรค์เพลิงโลหิตยอมแม้กระทั่งเข้าร่วมกับสำนักหยกพิสุทธิ์ทันที กลายเป็นยอดเขาที่สิบเก้าของสำนักหยกพิสุทธิ์” นักพรตเต๋าเหยียนหลินกล่าวสำทับ

หลี่ชิงจื่อมองไปทางผู้อาวุโสสูงสุดอย่างอดไม่ได้ ทั้งสองศิษย์อาจารย์สบตากันคราหนึ่ง ล้วนเห็นท่าทีหวั่นไหวของอีกฝ่าย

หลังจากสำนักสวรรค์เพลิงโลหิตกลืนกินต้าเว่ย ภูมิหลังก็แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก หากสำนักหยกพิสุทธิ์สามารถกลืนกินพวกเขาได้ จะต้องเจริญรุดหน้าอย่างรวดเร็วแน่นอน

หลี่ชิงจื่อลุกขึ้นกล่าว “พวกท่านคุยกันไปก่อน ข้าขอตัวสักครู่”

กล่าวจบเขาก็เหาะออกไปนอกตำหนักใหญ่ทันที

บรรดาผู้อาวุโสต่างเข้าใจว่าเขาไปทำอะไร แน่นอนว่าต้องไปหาผู้อาวุโสสังหารเทพ

ทันใดนั้น เซียวเหยาก็พลันก้าวไปด้านหน้าหนึ่งก้าว “ข้าไม่รู้จักสำนักสวรรค์เพลิงโลหิตดี ข้ากับท่านล้วนเป็นผู้อาวุโส ไม่สู้ประลองเวทแลกมือกัน ทำความเข้าใจพลังของกันและกันสักหน่อยดีหรือไม่”

ได้ยินเช่นนี้นักพรตเต๋าเหยียนหลินก็หรี่ตากล่าว “ตกลง!”

ในใจเขาเองก็รู้สึกไม่ยอมรับเป็นอย่างมาก รู้สึกว่าสำนักหยกพิสุทธิ์ไม่คู่ควรที่สำนักสวรรค์เพลิงโลหิตจะมาพึ่งอาศัย

……

เมื่อหลี่ชิงจื่อหาหานเจวี๋ยพบ จึงอธิบายจุดประสงค์ในการมาของสำนักสวรรค์เพลิงโลหิต

“ผู้อาวุโสหาน ท่านมีความคิดเห็นอย่างไร”

หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว เขานึกถึงสำนักไร้ลักษณ์ขึ้นมาทันที

รับสำนักสวรรค์เพลิงโลหิตเข้ามา จะต้องล่วงเกินสำนักไร้ลักษณ์ แต่ว่าเฒ่าประหลาดอู้เต้าที่เป็นเจ้าสำนักไร้ลักษณ์เป็นศัตรูกับเขา เขาไม่กลัวว่าจะล่วงเกินอยู่แล้ว

เฒ่าประหลาดอู้เต้าเป็นผู้บำเพ็ญระดับรวมกายาขั้นเจ็ด ตอนนี้หานเจวี๋ยมีตบะระดับรวมกายาขั้นสาม ย่อมไม่กลัวเขาอย่างแน่นอน

แต่ว่าไม่ใช่แค่เฒ่าประหลาดอู้เต้าเพียงคนเดียวนี่สิ

“ท่านมีความเชื่อมั่นในการรับมือสำนักไร้ลักษณ์หรือไม่” หานเจวี๋ยถาม

หลี่ชิงจื่อทอดถอนใจกล่าว “ดูเหมือนสำนักไร้ลักษณ์ก็มีความคิดเกี่ยวกับต้าเยี่ยนอยู่ ศิษย์ของพวกเขาได้เข้ามาในต้าเยี่ยนแล้ว สำนักสายหลักต่างๆ ในต้าเยี่ยนก็ส่งสารมาขอความช่วยเหลือจากพวกเราเช่นกัน”

หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว

หรือว่าเฒ่าประหลาดอู้เต้าจะมาเพราะเขา?

ตู้ม!

เกิดเสียงดังตู้มมาจากด้านนอก พอหานเจวี๋ยกวาดพลังจิตออกไปดู ที่แท้ก็เป็นเพราะว่าเซียวเหยากับนักพรตเต๋าเหยียนหลินกำลังประลองกัน

เซียวเหยาคือระดับสุญตาขั้นเก้า นักพรตเต๋าเหยียนหลินย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้เขาอย่างแน่นอน

หานเจวี๋ยกล่าวอย่างเรียบนิ่ง “หมายความว่าที่จริงแล้วพวกเราไม่มีทางเลือก แม้จะปฏิเสธสำนักสวรรค์เพลิงโลหิต สำนักไร้ลักษณ์ก็อาจจะล้มล้างแดนบำเพ็ญพรตต้าเยี่ยนอยู่ดี”

หลี่ชิงจื่อพยักหน้าอย่างจนใจ

“เอาเช่นนี้เถอะ รอนักพรตเต๋าเหยียนหลินพ่ายแพ้แล้ว ให้เขากลับไปเชิญเจ้าสำนักสวรรค์เพลิงโลหิตและนักพรตเต๋าชิงเสียนมาด้วยตัวเอง” หานเจวี๋ยกล่าวพึมพำ

หลี่ชิงจื่อดีใจมาก นี่ผู้อาวุโสหานจะลงมือแล้วหรือนี่

หากจะกลืนกินสำนักสวรรค์เพลิงโลหิต ก็ต้องโจมตีและกดดันสักหน่อย อย่างไรเสียกำลังของทั้งสองฝ่ายก็ห่างกันมาก ต่อให้ทำการปรับประสานใหม่ ก็ใช่ว่าภายหน้าสำนักหยกพิสุทธิ์จะสามารถควบคุมสำนักสวรรค์เพลิงโลหิตได้

หลี่ชิงจื่อรีบจากไปทันที

การประลองเวทระหว่างเซียวเหยาและนักพรตเต๋าเหยียนหลินดำเนินติดต่อกันเป็นเวลาหนึ่งก้านธูป การประลองครั้งนี้ทำให้บรรดาศิษย์สำนักหยกพิสุทธิ์ได้เปิดโลกทัศน์เป็นอย่างมาก

ผู้อาวุโสเซียวแข็งแกร่งยิ่งนัก!

ขณะที่เซียวเหยาแสดงร่างออกมานับหมื่นร่าง การต่อสู้ก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงอีก นักพรตเต๋าเหยียนหลินถูกกดโจมตีโดยสมบูรณ์

หลี่ชิงจื่อบอกความประสงค์ของหานเจวี๋ยให้กับนักพรตเต๋าเหยียนหลิน นักพรตเต๋าเหยียนหลินจากไปด้วยสีหน้าหดหู่

ภายในถ้ำเทวาฟ้าประทาน

หานเจวี๋ยลูบปลายคาง กล่าวพึมพำว่า “ไม่ได้ ข้าไม่อาจจำลองการทดสอบกับเฒ่าประหลาดอู้เต้าได้ ไม่รู้พลังที่แน่ชัดของเขา หากเจ้าหมอนี่มีเคล็ดวิชาพิเศษหรือพลังวิเศษเล่า”

พอเปิดศึก หานเจวี๋ยจำเป็นต้องสังหารเฒ่าประหลาดอู้เต้า ไม่อาจให้เขาหลบหนีไปได้อย่างนักพรตเต๋าชิงเสียน

หานเจวี๋ยนึกถึงตราประทับหกวิถีของตน

ครั้งหน้าจะต่อสู้กับศัตรูหรือไม่ ไม่เช่นนั้นก็ลงตราประทับหกวิถีกับอีกฝ่ายก่อน?

เช่นนี้แล้วไม่ว่าอีกฝ่ายจะหนีไปที่ไหน หานเจวี๋ยก็สามารถจับตัวได้

หากเป็นเช่นนี้ หานเจวี๋ยก็ต้องทำดรรชนีกระบี่โลกาสวรรค์ทลายภพให้ให้แข็งแกร่งจนถึงขั้นสุด

ถึงเวลานั้นก็โจมตีศัตรูระยะไกลจากเขาเพียรบำเพ็ญเซียน!

ขณะที่ความคิดของหานเจวี๋ยผุดขึ้นในสมองนั้น พลันมีอักขระหนึ่งแถวปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา

[ตรวจสอบพบผู้มีดวงชะตาแต่กำเนิด จะตรวจสอบที่มาหรือไม่]

……………………………………….

[1] สำนวนจีน หมายถึงแม้เข้าใจสถานการณ์ แต่กลับไม่มีหนทางแก้ไข

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ 89 คุณสมบัติเทพตื่นตัว พบผู้มีดวงชะตาอีกแล้ว

Now you are reading ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ Chapter 89 คุณสมบัติเทพตื่นตัว พบผู้มีดวงชะตาอีกแล้ว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 89 คุณสมบัติเทพตื่นตัว พบผู้มีดวงชะตาอีกแล้ว
ปีที่ห้าหลังจากที่เซียวเหยากลายเป็นผู้อาวุโสของสำนักหยกพิสุทธิ์ หานเจวี๋ยก็บรรลุระดับรวมกายาขั้นสามในที่สุด

เขาเดินออกจากถ้ำเทวา มายืดเส้นยืดสายหน้าต้นฝูซัง

สวินฉางอันและไก่คุกรัตติกำลังฝึกฝน ต้นฝูซังกับน้ำเต้าพิภพเซียนเติบโตได้ไม่เลว ด้วยกานเสริมส่งของพวกมัน พลังวิญญาณบนเขาเพียรบำเพ็ญเซียนก็เพิ่มทวีอย่างมั่นคง

หานเจวี๋ยมองดูด้วยความพอใจ สมกับเป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ พลังชีวิตก็เหนือกว่าของล้ำค่าฟ้าดินอื่นๆ เป็นอย่างมาก

หลังจากไก่คุกรัตติกาลครอบครองต้นฝูซังแล้ว ต้นฝูซังก็ไม่สั่นไหวกลางดึกอีก อย่าว่าแต่สัตว์เทพเลย แม้แต่สัตว์ปีศาจก็ไม่ถูกเรียกมา

หานเจวี๋ยเปิดอ่านจดหมายในค่าความสัมพันธ์อย่างเคยชิน

[สุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นสัตว์เลี้ยงเทพของท่านเผชิญกับการโจมตีของสัตว์ปีศาจ] x5877

[สุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นสัตว์เลี้ยงเทพของท่านได้รับบาดเจ็บสาหัส ชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้าย พบกับการช่วยเหลือของผู้ทรงพลังเผ่าปีศาจ หนีพ้นจากความตายมาได้]

[หยางเทียนตงศิษย์ของท่านปิดด่านมุมานะฝึกฝน เข้าใจมรรคปีศาจ พลังมรรคเพิ่มพูน]

[โจวฝานสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีของผู้บำเพ็ญสายหลัก] x3119

[โม่ฟู่โฉวสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีของผู้บำเพ็ญสายหลัก] x3028

[เซียนซีเสวียนสหายของท่านพบกับโอกาสวาสนา ดวงชะตาสูงขึ้น]

[เซียวเหยาสหายของท่านเผชิญกับคำสาปเทพเซียน ได้รับความทรมานมาก] x5

[ซูฉีศิษย์ของท่านฝึกฝนวิชามาร คุณสมบัติเทพเริ่มตื่นตัว]

……

หานเจวี๋ยจนคำพูด

จริงๆ เลย!

สุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นทำอะไรอยู่กันแน่

เอาแต่ถูกโจมตี เพิ่งบาดเจ็บสาหัสไปไม่นานก็กลับมาบาดเจ็บสาหัสอีกแล้ว โชคดีที่มันเป็นสัตว์เทพโชคชะตา หากเป็นคนอื่นคงตายไปเสียนานแล้ว

โม่ฟู่ฉวกับโจวฟานคงอยู่ด้วยกัน จำนวนครั้งในการถูกโจมตีของทั้งสองใกล้เคียงกันมาก เท่าที่หานเจวี๋ยรู้จักพวกเขาทั้งสอง คนที่หาเรื่องจะต้องเป็นโจวฝานอย่างแน่นอน

คนที่มีชื่อฝานมักจะไม่ยอมเป็นคนธรรมดา บางทีนี่อาจจะเป็นชะตาชีวิต

หานเจวี๋ยสังเกตเห็นว่าเซียนซีเสวียนได้รับโอกาสวาสนาอีกแล้ว

ในช่วงเวลาหลายสิบปีนี้ เซียนซีเสวียนไปหาประสบการณ์ด้านนอกตลอด ตบะของนางก็เพิ่มขึ้นตลอดเวลา มีความหวังที่จะทะลวงถึงระดับเปลี่ยนวิญญาณแล้ว

ขณะที่สำนักหยกพิสุทธิ์แข็งแกร่งขึ้นทุกวัน ตบะของผู้อาวุโสจำนวนมากก็เริ่มเพิ่มพูน นี่กลับเป็นเรื่องที่ดี

เซียวเหยาเผชิญกับคำสาปเทพเซียนโดยเฉลี่ยปีละครั้ง เจ้าหมอนี่เป็นอะไรกันแน่

หานเจวี๋ยพลันรู้สึกเป็นกังวลขึ้นมา สำนักหยกพิสุทธิ์รับเซียวเหยาไว้จะนำมาซึ่งภัยพิบัติหรือไม่

และก็ซูฉี คุณสมบัติเทพเพิ่งเริ่มตื่นตัวหรือ

โชคร้ายของเจ้าหมอนี่ก็น่ากลัวพอแล้ว หลังจากตื่นตัวมันจะน่ากลัวขนาดไหนกัน

จู่ๆ หานเจวี๋ยก็รู้สึกว่าตัวเองทำถูกที่ส่งซูฉีออกไป หากรั้งอยู่ในสำนักหยกพิสุทธิ์นานเข้า อาจจะสร้างหายนะให้สำนักหยกพิสุทธิ์ได้ในไม่ช้าก็เร็ว

แต่จะว่าไปแล้ว การดำรงชีวิตของคนอย่างซูฉีนี้ แท้จริงแล้วมันน่าเศร้ายิ่งนัก คนรอบกายล้วนตายเพราะเขา และเขากลับไม่รู้สถานะในชาติก่อนของตัวเองอย่างชัดเจน อาจจะคิดว่าสวรรค์กำลังพุ่งเป้าไปยังเขา

หานเจวี๋ยสงสัยเป็นอย่างมากว่าสวรรค์ส่งเขาลงมาจุติในโลกมนุษย์เพื่อประสงค์ใด

พอหวนคิดดูอีกที โลกมนุษย์มีสัตว์เทพภัยพิบัติอย่างจูโต้วได้ การปรากฏตัวของดาวตัวซวยก็ไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด

เป็นเพราะมีการดำรงอยู่ของจูโต้วและดาวตัวซวย ถึงจะไม่ปรากฏนักคิดผู้ยิ่งใหญ่อย่างทานอส

บางทีนี่อาจจะเป็นเจตนาที่ลึกซึ้งของสวรรค์

หานเจวี๋ยคาดเดาเช่นนี้

ไม่นาน เขาก็นำหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมา เริ่มสาปแช่งเฒ่าประหลาดอู้เต้า จูเชวี่ย สลับกันอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาห้าวัน

ขณะเดียวกันนั้น

บนยอดเขาหลัก

หลี่ชิงจื่อ ผู้อาวุโสสูงสุด เซียวเหยา และบรรดาผู้อาวุโสต่างก็มารวมตัวบนตำหนักอย่างพร้อมเพรียง

พวกเขาต่างมองไปยังคนผู้หนึ่งที่อยู่บนตำหนัก คนผู้นี้มาจากสำนักสวรรค์เพลิงโลหิต นามว่านักพรตเต๋าเหยียนหลิน เป็นผู้บำเพ็ญระดับสุญตา มีสถานะอยู่ระดับผู้อาวุโส

นักพรตเต๋าเหยียนหลินแอบรู้สึกมึนงง

สำนักหยกพิสุทธิ์อ่อนแอถึงเพียงนี้เชียวหรือ

นอกจากเซียวเหยาแล้ว คนอื่นๆ รวมตัวกันทั้งหมดยังไม่สามารถขู่ขวัญเขาได้

เขาไม่เข้าใจว่าเหตุใดท่านเจ้าสำนักต้องบากหน้ามาพึ่งสำนักหยกพิสุทธิ์ แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังบอกจุดประสงค์ที่มาแต่โดยดี

สำนักสวรรค์เพลิงโลหิตได้มาถึงจุดที่ชีวิตแขวนอยู่บนหน้าผาแล้ว ได้แต่รักษาม้าตายประหนึ่งม้าเป็น[1]

พอเขากล่าวจบ ผู้คนทั้งหลายต่างมองหน้าสบตากัน ประจักษ์ชัดว่าคาดไม่ถึงว่าสำนักสวรรค์เพลิงโลหิตจะบากหน้ามาพึ่งพาสำนักหยกพิสุทธิ์

หลี่ชิงจื่อขมวดคิ้วกล่าว “สำนักของท่านกำลังทำศึกใหญ่กับสำนักไร้ลักษณ์ สำนักหยกพิสุทธิ์ก็ไม่อยากมีส่วนร่วมในหายนะครั้งนี้ด้วย”

เขาไม่ได้มีความประทับใจในด้านดีกับสำนักสวรรค์เพลิงโลหิต ในความคิดของเขา สำนักสวรรค์เพลิงโลหิตก็คิดอยากจะดึงพวกเขามารับผิดแทน

“ท่านเจ้าสำนักกล่าวว่า หากสำนักหยกพิสุทธิ์ตอบตกลง สำนักสวรรค์เพลิงโลหิตยอมแม้กระทั่งเข้าร่วมกับสำนักหยกพิสุทธิ์ทันที กลายเป็นยอดเขาที่สิบเก้าของสำนักหยกพิสุทธิ์” นักพรตเต๋าเหยียนหลินกล่าวสำทับ

หลี่ชิงจื่อมองไปทางผู้อาวุโสสูงสุดอย่างอดไม่ได้ ทั้งสองศิษย์อาจารย์สบตากันคราหนึ่ง ล้วนเห็นท่าทีหวั่นไหวของอีกฝ่าย

หลังจากสำนักสวรรค์เพลิงโลหิตกลืนกินต้าเว่ย ภูมิหลังก็แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก หากสำนักหยกพิสุทธิ์สามารถกลืนกินพวกเขาได้ จะต้องเจริญรุดหน้าอย่างรวดเร็วแน่นอน

หลี่ชิงจื่อลุกขึ้นกล่าว “พวกท่านคุยกันไปก่อน ข้าขอตัวสักครู่”

กล่าวจบเขาก็เหาะออกไปนอกตำหนักใหญ่ทันที

บรรดาผู้อาวุโสต่างเข้าใจว่าเขาไปทำอะไร แน่นอนว่าต้องไปหาผู้อาวุโสสังหารเทพ

ทันใดนั้น เซียวเหยาก็พลันก้าวไปด้านหน้าหนึ่งก้าว “ข้าไม่รู้จักสำนักสวรรค์เพลิงโลหิตดี ข้ากับท่านล้วนเป็นผู้อาวุโส ไม่สู้ประลองเวทแลกมือกัน ทำความเข้าใจพลังของกันและกันสักหน่อยดีหรือไม่”

ได้ยินเช่นนี้นักพรตเต๋าเหยียนหลินก็หรี่ตากล่าว “ตกลง!”

ในใจเขาเองก็รู้สึกไม่ยอมรับเป็นอย่างมาก รู้สึกว่าสำนักหยกพิสุทธิ์ไม่คู่ควรที่สำนักสวรรค์เพลิงโลหิตจะมาพึ่งอาศัย

……

เมื่อหลี่ชิงจื่อหาหานเจวี๋ยพบ จึงอธิบายจุดประสงค์ในการมาของสำนักสวรรค์เพลิงโลหิต

“ผู้อาวุโสหาน ท่านมีความคิดเห็นอย่างไร”

หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว เขานึกถึงสำนักไร้ลักษณ์ขึ้นมาทันที

รับสำนักสวรรค์เพลิงโลหิตเข้ามา จะต้องล่วงเกินสำนักไร้ลักษณ์ แต่ว่าเฒ่าประหลาดอู้เต้าที่เป็นเจ้าสำนักไร้ลักษณ์เป็นศัตรูกับเขา เขาไม่กลัวว่าจะล่วงเกินอยู่แล้ว

เฒ่าประหลาดอู้เต้าเป็นผู้บำเพ็ญระดับรวมกายาขั้นเจ็ด ตอนนี้หานเจวี๋ยมีตบะระดับรวมกายาขั้นสาม ย่อมไม่กลัวเขาอย่างแน่นอน

แต่ว่าไม่ใช่แค่เฒ่าประหลาดอู้เต้าเพียงคนเดียวนี่สิ

“ท่านมีความเชื่อมั่นในการรับมือสำนักไร้ลักษณ์หรือไม่” หานเจวี๋ยถาม

หลี่ชิงจื่อทอดถอนใจกล่าว “ดูเหมือนสำนักไร้ลักษณ์ก็มีความคิดเกี่ยวกับต้าเยี่ยนอยู่ ศิษย์ของพวกเขาได้เข้ามาในต้าเยี่ยนแล้ว สำนักสายหลักต่างๆ ในต้าเยี่ยนก็ส่งสารมาขอความช่วยเหลือจากพวกเราเช่นกัน”

หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว

หรือว่าเฒ่าประหลาดอู้เต้าจะมาเพราะเขา?

ตู้ม!

เกิดเสียงดังตู้มมาจากด้านนอก พอหานเจวี๋ยกวาดพลังจิตออกไปดู ที่แท้ก็เป็นเพราะว่าเซียวเหยากับนักพรตเต๋าเหยียนหลินกำลังประลองกัน

เซียวเหยาคือระดับสุญตาขั้นเก้า นักพรตเต๋าเหยียนหลินย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้เขาอย่างแน่นอน

หานเจวี๋ยกล่าวอย่างเรียบนิ่ง “หมายความว่าที่จริงแล้วพวกเราไม่มีทางเลือก แม้จะปฏิเสธสำนักสวรรค์เพลิงโลหิต สำนักไร้ลักษณ์ก็อาจจะล้มล้างแดนบำเพ็ญพรตต้าเยี่ยนอยู่ดี”

หลี่ชิงจื่อพยักหน้าอย่างจนใจ

“เอาเช่นนี้เถอะ รอนักพรตเต๋าเหยียนหลินพ่ายแพ้แล้ว ให้เขากลับไปเชิญเจ้าสำนักสวรรค์เพลิงโลหิตและนักพรตเต๋าชิงเสียนมาด้วยตัวเอง” หานเจวี๋ยกล่าวพึมพำ

หลี่ชิงจื่อดีใจมาก นี่ผู้อาวุโสหานจะลงมือแล้วหรือนี่

หากจะกลืนกินสำนักสวรรค์เพลิงโลหิต ก็ต้องโจมตีและกดดันสักหน่อย อย่างไรเสียกำลังของทั้งสองฝ่ายก็ห่างกันมาก ต่อให้ทำการปรับประสานใหม่ ก็ใช่ว่าภายหน้าสำนักหยกพิสุทธิ์จะสามารถควบคุมสำนักสวรรค์เพลิงโลหิตได้

หลี่ชิงจื่อรีบจากไปทันที

การประลองเวทระหว่างเซียวเหยาและนักพรตเต๋าเหยียนหลินดำเนินติดต่อกันเป็นเวลาหนึ่งก้านธูป การประลองครั้งนี้ทำให้บรรดาศิษย์สำนักหยกพิสุทธิ์ได้เปิดโลกทัศน์เป็นอย่างมาก

ผู้อาวุโสเซียวแข็งแกร่งยิ่งนัก!

ขณะที่เซียวเหยาแสดงร่างออกมานับหมื่นร่าง การต่อสู้ก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงอีก นักพรตเต๋าเหยียนหลินถูกกดโจมตีโดยสมบูรณ์

หลี่ชิงจื่อบอกความประสงค์ของหานเจวี๋ยให้กับนักพรตเต๋าเหยียนหลิน นักพรตเต๋าเหยียนหลินจากไปด้วยสีหน้าหดหู่

ภายในถ้ำเทวาฟ้าประทาน

หานเจวี๋ยลูบปลายคาง กล่าวพึมพำว่า “ไม่ได้ ข้าไม่อาจจำลองการทดสอบกับเฒ่าประหลาดอู้เต้าได้ ไม่รู้พลังที่แน่ชัดของเขา หากเจ้าหมอนี่มีเคล็ดวิชาพิเศษหรือพลังวิเศษเล่า”

พอเปิดศึก หานเจวี๋ยจำเป็นต้องสังหารเฒ่าประหลาดอู้เต้า ไม่อาจให้เขาหลบหนีไปได้อย่างนักพรตเต๋าชิงเสียน

หานเจวี๋ยนึกถึงตราประทับหกวิถีของตน

ครั้งหน้าจะต่อสู้กับศัตรูหรือไม่ ไม่เช่นนั้นก็ลงตราประทับหกวิถีกับอีกฝ่ายก่อน?

เช่นนี้แล้วไม่ว่าอีกฝ่ายจะหนีไปที่ไหน หานเจวี๋ยก็สามารถจับตัวได้

หากเป็นเช่นนี้ หานเจวี๋ยก็ต้องทำดรรชนีกระบี่โลกาสวรรค์ทลายภพให้ให้แข็งแกร่งจนถึงขั้นสุด

ถึงเวลานั้นก็โจมตีศัตรูระยะไกลจากเขาเพียรบำเพ็ญเซียน!

ขณะที่ความคิดของหานเจวี๋ยผุดขึ้นในสมองนั้น พลันมีอักขระหนึ่งแถวปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา

[ตรวจสอบพบผู้มีดวงชะตาแต่กำเนิด จะตรวจสอบที่มาหรือไม่]

……………………………………….

[1] สำนวนจีน หมายถึงแม้เข้าใจสถานการณ์ แต่กลับไม่มีหนทางแก้ไข

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ 89 คุณสมบัติเทพตื่นตัว พบผู้มีดวงชะตาอีกแล้ว

Now you are reading ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ Chapter 89 คุณสมบัติเทพตื่นตัว พบผู้มีดวงชะตาอีกแล้ว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 89 คุณสมบัติเทพตื่นตัว พบผู้มีดวงชะตาอีกแล้ว
ปีที่ห้าหลังจากที่เซียวเหยากลายเป็นผู้อาวุโสของสำนักหยกพิสุทธิ์ หานเจวี๋ยก็บรรลุระดับรวมกายาขั้นสามในที่สุด

เขาเดินออกจากถ้ำเทวา มายืดเส้นยืดสายหน้าต้นฝูซัง

สวินฉางอันและไก่คุกรัตติกำลังฝึกฝน ต้นฝูซังกับน้ำเต้าพิภพเซียนเติบโตได้ไม่เลว ด้วยกานเสริมส่งของพวกมัน พลังวิญญาณบนเขาเพียรบำเพ็ญเซียนก็เพิ่มทวีอย่างมั่นคง

หานเจวี๋ยมองดูด้วยความพอใจ สมกับเป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ พลังชีวิตก็เหนือกว่าของล้ำค่าฟ้าดินอื่นๆ เป็นอย่างมาก

หลังจากไก่คุกรัตติกาลครอบครองต้นฝูซังแล้ว ต้นฝูซังก็ไม่สั่นไหวกลางดึกอีก อย่าว่าแต่สัตว์เทพเลย แม้แต่สัตว์ปีศาจก็ไม่ถูกเรียกมา

หานเจวี๋ยเปิดอ่านจดหมายในค่าความสัมพันธ์อย่างเคยชิน

[สุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นสัตว์เลี้ยงเทพของท่านเผชิญกับการโจมตีของสัตว์ปีศาจ] x5877

[สุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นสัตว์เลี้ยงเทพของท่านได้รับบาดเจ็บสาหัส ชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้าย พบกับการช่วยเหลือของผู้ทรงพลังเผ่าปีศาจ หนีพ้นจากความตายมาได้]

[หยางเทียนตงศิษย์ของท่านปิดด่านมุมานะฝึกฝน เข้าใจมรรคปีศาจ พลังมรรคเพิ่มพูน]

[โจวฝานสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีของผู้บำเพ็ญสายหลัก] x3119

[โม่ฟู่โฉวสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีของผู้บำเพ็ญสายหลัก] x3028

[เซียนซีเสวียนสหายของท่านพบกับโอกาสวาสนา ดวงชะตาสูงขึ้น]

[เซียวเหยาสหายของท่านเผชิญกับคำสาปเทพเซียน ได้รับความทรมานมาก] x5

[ซูฉีศิษย์ของท่านฝึกฝนวิชามาร คุณสมบัติเทพเริ่มตื่นตัว]

……

หานเจวี๋ยจนคำพูด

จริงๆ เลย!

สุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นทำอะไรอยู่กันแน่

เอาแต่ถูกโจมตี เพิ่งบาดเจ็บสาหัสไปไม่นานก็กลับมาบาดเจ็บสาหัสอีกแล้ว โชคดีที่มันเป็นสัตว์เทพโชคชะตา หากเป็นคนอื่นคงตายไปเสียนานแล้ว

โม่ฟู่ฉวกับโจวฟานคงอยู่ด้วยกัน จำนวนครั้งในการถูกโจมตีของทั้งสองใกล้เคียงกันมาก เท่าที่หานเจวี๋ยรู้จักพวกเขาทั้งสอง คนที่หาเรื่องจะต้องเป็นโจวฝานอย่างแน่นอน

คนที่มีชื่อฝานมักจะไม่ยอมเป็นคนธรรมดา บางทีนี่อาจจะเป็นชะตาชีวิต

หานเจวี๋ยสังเกตเห็นว่าเซียนซีเสวียนได้รับโอกาสวาสนาอีกแล้ว

ในช่วงเวลาหลายสิบปีนี้ เซียนซีเสวียนไปหาประสบการณ์ด้านนอกตลอด ตบะของนางก็เพิ่มขึ้นตลอดเวลา มีความหวังที่จะทะลวงถึงระดับเปลี่ยนวิญญาณแล้ว

ขณะที่สำนักหยกพิสุทธิ์แข็งแกร่งขึ้นทุกวัน ตบะของผู้อาวุโสจำนวนมากก็เริ่มเพิ่มพูน นี่กลับเป็นเรื่องที่ดี

เซียวเหยาเผชิญกับคำสาปเทพเซียนโดยเฉลี่ยปีละครั้ง เจ้าหมอนี่เป็นอะไรกันแน่

หานเจวี๋ยพลันรู้สึกเป็นกังวลขึ้นมา สำนักหยกพิสุทธิ์รับเซียวเหยาไว้จะนำมาซึ่งภัยพิบัติหรือไม่

และก็ซูฉี คุณสมบัติเทพเพิ่งเริ่มตื่นตัวหรือ

โชคร้ายของเจ้าหมอนี่ก็น่ากลัวพอแล้ว หลังจากตื่นตัวมันจะน่ากลัวขนาดไหนกัน

จู่ๆ หานเจวี๋ยก็รู้สึกว่าตัวเองทำถูกที่ส่งซูฉีออกไป หากรั้งอยู่ในสำนักหยกพิสุทธิ์นานเข้า อาจจะสร้างหายนะให้สำนักหยกพิสุทธิ์ได้ในไม่ช้าก็เร็ว

แต่จะว่าไปแล้ว การดำรงชีวิตของคนอย่างซูฉีนี้ แท้จริงแล้วมันน่าเศร้ายิ่งนัก คนรอบกายล้วนตายเพราะเขา และเขากลับไม่รู้สถานะในชาติก่อนของตัวเองอย่างชัดเจน อาจจะคิดว่าสวรรค์กำลังพุ่งเป้าไปยังเขา

หานเจวี๋ยสงสัยเป็นอย่างมากว่าสวรรค์ส่งเขาลงมาจุติในโลกมนุษย์เพื่อประสงค์ใด

พอหวนคิดดูอีกที โลกมนุษย์มีสัตว์เทพภัยพิบัติอย่างจูโต้วได้ การปรากฏตัวของดาวตัวซวยก็ไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด

เป็นเพราะมีการดำรงอยู่ของจูโต้วและดาวตัวซวย ถึงจะไม่ปรากฏนักคิดผู้ยิ่งใหญ่อย่างทานอส

บางทีนี่อาจจะเป็นเจตนาที่ลึกซึ้งของสวรรค์

หานเจวี๋ยคาดเดาเช่นนี้

ไม่นาน เขาก็นำหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมา เริ่มสาปแช่งเฒ่าประหลาดอู้เต้า จูเชวี่ย สลับกันอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาห้าวัน

ขณะเดียวกันนั้น

บนยอดเขาหลัก

หลี่ชิงจื่อ ผู้อาวุโสสูงสุด เซียวเหยา และบรรดาผู้อาวุโสต่างก็มารวมตัวบนตำหนักอย่างพร้อมเพรียง

พวกเขาต่างมองไปยังคนผู้หนึ่งที่อยู่บนตำหนัก คนผู้นี้มาจากสำนักสวรรค์เพลิงโลหิต นามว่านักพรตเต๋าเหยียนหลิน เป็นผู้บำเพ็ญระดับสุญตา มีสถานะอยู่ระดับผู้อาวุโส

นักพรตเต๋าเหยียนหลินแอบรู้สึกมึนงง

สำนักหยกพิสุทธิ์อ่อนแอถึงเพียงนี้เชียวหรือ

นอกจากเซียวเหยาแล้ว คนอื่นๆ รวมตัวกันทั้งหมดยังไม่สามารถขู่ขวัญเขาได้

เขาไม่เข้าใจว่าเหตุใดท่านเจ้าสำนักต้องบากหน้ามาพึ่งสำนักหยกพิสุทธิ์ แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังบอกจุดประสงค์ที่มาแต่โดยดี

สำนักสวรรค์เพลิงโลหิตได้มาถึงจุดที่ชีวิตแขวนอยู่บนหน้าผาแล้ว ได้แต่รักษาม้าตายประหนึ่งม้าเป็น[1]

พอเขากล่าวจบ ผู้คนทั้งหลายต่างมองหน้าสบตากัน ประจักษ์ชัดว่าคาดไม่ถึงว่าสำนักสวรรค์เพลิงโลหิตจะบากหน้ามาพึ่งพาสำนักหยกพิสุทธิ์

หลี่ชิงจื่อขมวดคิ้วกล่าว “สำนักของท่านกำลังทำศึกใหญ่กับสำนักไร้ลักษณ์ สำนักหยกพิสุทธิ์ก็ไม่อยากมีส่วนร่วมในหายนะครั้งนี้ด้วย”

เขาไม่ได้มีความประทับใจในด้านดีกับสำนักสวรรค์เพลิงโลหิต ในความคิดของเขา สำนักสวรรค์เพลิงโลหิตก็คิดอยากจะดึงพวกเขามารับผิดแทน

“ท่านเจ้าสำนักกล่าวว่า หากสำนักหยกพิสุทธิ์ตอบตกลง สำนักสวรรค์เพลิงโลหิตยอมแม้กระทั่งเข้าร่วมกับสำนักหยกพิสุทธิ์ทันที กลายเป็นยอดเขาที่สิบเก้าของสำนักหยกพิสุทธิ์” นักพรตเต๋าเหยียนหลินกล่าวสำทับ

หลี่ชิงจื่อมองไปทางผู้อาวุโสสูงสุดอย่างอดไม่ได้ ทั้งสองศิษย์อาจารย์สบตากันคราหนึ่ง ล้วนเห็นท่าทีหวั่นไหวของอีกฝ่าย

หลังจากสำนักสวรรค์เพลิงโลหิตกลืนกินต้าเว่ย ภูมิหลังก็แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก หากสำนักหยกพิสุทธิ์สามารถกลืนกินพวกเขาได้ จะต้องเจริญรุดหน้าอย่างรวดเร็วแน่นอน

หลี่ชิงจื่อลุกขึ้นกล่าว “พวกท่านคุยกันไปก่อน ข้าขอตัวสักครู่”

กล่าวจบเขาก็เหาะออกไปนอกตำหนักใหญ่ทันที

บรรดาผู้อาวุโสต่างเข้าใจว่าเขาไปทำอะไร แน่นอนว่าต้องไปหาผู้อาวุโสสังหารเทพ

ทันใดนั้น เซียวเหยาก็พลันก้าวไปด้านหน้าหนึ่งก้าว “ข้าไม่รู้จักสำนักสวรรค์เพลิงโลหิตดี ข้ากับท่านล้วนเป็นผู้อาวุโส ไม่สู้ประลองเวทแลกมือกัน ทำความเข้าใจพลังของกันและกันสักหน่อยดีหรือไม่”

ได้ยินเช่นนี้นักพรตเต๋าเหยียนหลินก็หรี่ตากล่าว “ตกลง!”

ในใจเขาเองก็รู้สึกไม่ยอมรับเป็นอย่างมาก รู้สึกว่าสำนักหยกพิสุทธิ์ไม่คู่ควรที่สำนักสวรรค์เพลิงโลหิตจะมาพึ่งอาศัย

……

เมื่อหลี่ชิงจื่อหาหานเจวี๋ยพบ จึงอธิบายจุดประสงค์ในการมาของสำนักสวรรค์เพลิงโลหิต

“ผู้อาวุโสหาน ท่านมีความคิดเห็นอย่างไร”

หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว เขานึกถึงสำนักไร้ลักษณ์ขึ้นมาทันที

รับสำนักสวรรค์เพลิงโลหิตเข้ามา จะต้องล่วงเกินสำนักไร้ลักษณ์ แต่ว่าเฒ่าประหลาดอู้เต้าที่เป็นเจ้าสำนักไร้ลักษณ์เป็นศัตรูกับเขา เขาไม่กลัวว่าจะล่วงเกินอยู่แล้ว

เฒ่าประหลาดอู้เต้าเป็นผู้บำเพ็ญระดับรวมกายาขั้นเจ็ด ตอนนี้หานเจวี๋ยมีตบะระดับรวมกายาขั้นสาม ย่อมไม่กลัวเขาอย่างแน่นอน

แต่ว่าไม่ใช่แค่เฒ่าประหลาดอู้เต้าเพียงคนเดียวนี่สิ

“ท่านมีความเชื่อมั่นในการรับมือสำนักไร้ลักษณ์หรือไม่” หานเจวี๋ยถาม

หลี่ชิงจื่อทอดถอนใจกล่าว “ดูเหมือนสำนักไร้ลักษณ์ก็มีความคิดเกี่ยวกับต้าเยี่ยนอยู่ ศิษย์ของพวกเขาได้เข้ามาในต้าเยี่ยนแล้ว สำนักสายหลักต่างๆ ในต้าเยี่ยนก็ส่งสารมาขอความช่วยเหลือจากพวกเราเช่นกัน”

หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว

หรือว่าเฒ่าประหลาดอู้เต้าจะมาเพราะเขา?

ตู้ม!

เกิดเสียงดังตู้มมาจากด้านนอก พอหานเจวี๋ยกวาดพลังจิตออกไปดู ที่แท้ก็เป็นเพราะว่าเซียวเหยากับนักพรตเต๋าเหยียนหลินกำลังประลองกัน

เซียวเหยาคือระดับสุญตาขั้นเก้า นักพรตเต๋าเหยียนหลินย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้เขาอย่างแน่นอน

หานเจวี๋ยกล่าวอย่างเรียบนิ่ง “หมายความว่าที่จริงแล้วพวกเราไม่มีทางเลือก แม้จะปฏิเสธสำนักสวรรค์เพลิงโลหิต สำนักไร้ลักษณ์ก็อาจจะล้มล้างแดนบำเพ็ญพรตต้าเยี่ยนอยู่ดี”

หลี่ชิงจื่อพยักหน้าอย่างจนใจ

“เอาเช่นนี้เถอะ รอนักพรตเต๋าเหยียนหลินพ่ายแพ้แล้ว ให้เขากลับไปเชิญเจ้าสำนักสวรรค์เพลิงโลหิตและนักพรตเต๋าชิงเสียนมาด้วยตัวเอง” หานเจวี๋ยกล่าวพึมพำ

หลี่ชิงจื่อดีใจมาก นี่ผู้อาวุโสหานจะลงมือแล้วหรือนี่

หากจะกลืนกินสำนักสวรรค์เพลิงโลหิต ก็ต้องโจมตีและกดดันสักหน่อย อย่างไรเสียกำลังของทั้งสองฝ่ายก็ห่างกันมาก ต่อให้ทำการปรับประสานใหม่ ก็ใช่ว่าภายหน้าสำนักหยกพิสุทธิ์จะสามารถควบคุมสำนักสวรรค์เพลิงโลหิตได้

หลี่ชิงจื่อรีบจากไปทันที

การประลองเวทระหว่างเซียวเหยาและนักพรตเต๋าเหยียนหลินดำเนินติดต่อกันเป็นเวลาหนึ่งก้านธูป การประลองครั้งนี้ทำให้บรรดาศิษย์สำนักหยกพิสุทธิ์ได้เปิดโลกทัศน์เป็นอย่างมาก

ผู้อาวุโสเซียวแข็งแกร่งยิ่งนัก!

ขณะที่เซียวเหยาแสดงร่างออกมานับหมื่นร่าง การต่อสู้ก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงอีก นักพรตเต๋าเหยียนหลินถูกกดโจมตีโดยสมบูรณ์

หลี่ชิงจื่อบอกความประสงค์ของหานเจวี๋ยให้กับนักพรตเต๋าเหยียนหลิน นักพรตเต๋าเหยียนหลินจากไปด้วยสีหน้าหดหู่

ภายในถ้ำเทวาฟ้าประทาน

หานเจวี๋ยลูบปลายคาง กล่าวพึมพำว่า “ไม่ได้ ข้าไม่อาจจำลองการทดสอบกับเฒ่าประหลาดอู้เต้าได้ ไม่รู้พลังที่แน่ชัดของเขา หากเจ้าหมอนี่มีเคล็ดวิชาพิเศษหรือพลังวิเศษเล่า”

พอเปิดศึก หานเจวี๋ยจำเป็นต้องสังหารเฒ่าประหลาดอู้เต้า ไม่อาจให้เขาหลบหนีไปได้อย่างนักพรตเต๋าชิงเสียน

หานเจวี๋ยนึกถึงตราประทับหกวิถีของตน

ครั้งหน้าจะต่อสู้กับศัตรูหรือไม่ ไม่เช่นนั้นก็ลงตราประทับหกวิถีกับอีกฝ่ายก่อน?

เช่นนี้แล้วไม่ว่าอีกฝ่ายจะหนีไปที่ไหน หานเจวี๋ยก็สามารถจับตัวได้

หากเป็นเช่นนี้ หานเจวี๋ยก็ต้องทำดรรชนีกระบี่โลกาสวรรค์ทลายภพให้ให้แข็งแกร่งจนถึงขั้นสุด

ถึงเวลานั้นก็โจมตีศัตรูระยะไกลจากเขาเพียรบำเพ็ญเซียน!

ขณะที่ความคิดของหานเจวี๋ยผุดขึ้นในสมองนั้น พลันมีอักขระหนึ่งแถวปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา

[ตรวจสอบพบผู้มีดวงชะตาแต่กำเนิด จะตรวจสอบที่มาหรือไม่]

……………………………………….

[1] สำนวนจีน หมายถึงแม้เข้าใจสถานการณ์ แต่กลับไม่มีหนทางแก้ไข

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ 89 คุณสมบัติเทพตื่นตัว พบผู้มีดวงชะตาอีกแล้ว

Now you are reading ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ Chapter 89 คุณสมบัติเทพตื่นตัว พบผู้มีดวงชะตาอีกแล้ว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 89 คุณสมบัติเทพตื่นตัว พบผู้มีดวงชะตาอีกแล้ว
ปีที่ห้าหลังจากที่เซียวเหยากลายเป็นผู้อาวุโสของสำนักหยกพิสุทธิ์ หานเจวี๋ยก็บรรลุระดับรวมกายาขั้นสามในที่สุด

เขาเดินออกจากถ้ำเทวา มายืดเส้นยืดสายหน้าต้นฝูซัง

สวินฉางอันและไก่คุกรัตติกำลังฝึกฝน ต้นฝูซังกับน้ำเต้าพิภพเซียนเติบโตได้ไม่เลว ด้วยกานเสริมส่งของพวกมัน พลังวิญญาณบนเขาเพียรบำเพ็ญเซียนก็เพิ่มทวีอย่างมั่นคง

หานเจวี๋ยมองดูด้วยความพอใจ สมกับเป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ พลังชีวิตก็เหนือกว่าของล้ำค่าฟ้าดินอื่นๆ เป็นอย่างมาก

หลังจากไก่คุกรัตติกาลครอบครองต้นฝูซังแล้ว ต้นฝูซังก็ไม่สั่นไหวกลางดึกอีก อย่าว่าแต่สัตว์เทพเลย แม้แต่สัตว์ปีศาจก็ไม่ถูกเรียกมา

หานเจวี๋ยเปิดอ่านจดหมายในค่าความสัมพันธ์อย่างเคยชิน

[สุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นสัตว์เลี้ยงเทพของท่านเผชิญกับการโจมตีของสัตว์ปีศาจ] x5877

[สุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นสัตว์เลี้ยงเทพของท่านได้รับบาดเจ็บสาหัส ชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้าย พบกับการช่วยเหลือของผู้ทรงพลังเผ่าปีศาจ หนีพ้นจากความตายมาได้]

[หยางเทียนตงศิษย์ของท่านปิดด่านมุมานะฝึกฝน เข้าใจมรรคปีศาจ พลังมรรคเพิ่มพูน]

[โจวฝานสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีของผู้บำเพ็ญสายหลัก] x3119

[โม่ฟู่โฉวสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีของผู้บำเพ็ญสายหลัก] x3028

[เซียนซีเสวียนสหายของท่านพบกับโอกาสวาสนา ดวงชะตาสูงขึ้น]

[เซียวเหยาสหายของท่านเผชิญกับคำสาปเทพเซียน ได้รับความทรมานมาก] x5

[ซูฉีศิษย์ของท่านฝึกฝนวิชามาร คุณสมบัติเทพเริ่มตื่นตัว]

……

หานเจวี๋ยจนคำพูด

จริงๆ เลย!

สุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นทำอะไรอยู่กันแน่

เอาแต่ถูกโจมตี เพิ่งบาดเจ็บสาหัสไปไม่นานก็กลับมาบาดเจ็บสาหัสอีกแล้ว โชคดีที่มันเป็นสัตว์เทพโชคชะตา หากเป็นคนอื่นคงตายไปเสียนานแล้ว

โม่ฟู่ฉวกับโจวฟานคงอยู่ด้วยกัน จำนวนครั้งในการถูกโจมตีของทั้งสองใกล้เคียงกันมาก เท่าที่หานเจวี๋ยรู้จักพวกเขาทั้งสอง คนที่หาเรื่องจะต้องเป็นโจวฝานอย่างแน่นอน

คนที่มีชื่อฝานมักจะไม่ยอมเป็นคนธรรมดา บางทีนี่อาจจะเป็นชะตาชีวิต

หานเจวี๋ยสังเกตเห็นว่าเซียนซีเสวียนได้รับโอกาสวาสนาอีกแล้ว

ในช่วงเวลาหลายสิบปีนี้ เซียนซีเสวียนไปหาประสบการณ์ด้านนอกตลอด ตบะของนางก็เพิ่มขึ้นตลอดเวลา มีความหวังที่จะทะลวงถึงระดับเปลี่ยนวิญญาณแล้ว

ขณะที่สำนักหยกพิสุทธิ์แข็งแกร่งขึ้นทุกวัน ตบะของผู้อาวุโสจำนวนมากก็เริ่มเพิ่มพูน นี่กลับเป็นเรื่องที่ดี

เซียวเหยาเผชิญกับคำสาปเทพเซียนโดยเฉลี่ยปีละครั้ง เจ้าหมอนี่เป็นอะไรกันแน่

หานเจวี๋ยพลันรู้สึกเป็นกังวลขึ้นมา สำนักหยกพิสุทธิ์รับเซียวเหยาไว้จะนำมาซึ่งภัยพิบัติหรือไม่

และก็ซูฉี คุณสมบัติเทพเพิ่งเริ่มตื่นตัวหรือ

โชคร้ายของเจ้าหมอนี่ก็น่ากลัวพอแล้ว หลังจากตื่นตัวมันจะน่ากลัวขนาดไหนกัน

จู่ๆ หานเจวี๋ยก็รู้สึกว่าตัวเองทำถูกที่ส่งซูฉีออกไป หากรั้งอยู่ในสำนักหยกพิสุทธิ์นานเข้า อาจจะสร้างหายนะให้สำนักหยกพิสุทธิ์ได้ในไม่ช้าก็เร็ว

แต่จะว่าไปแล้ว การดำรงชีวิตของคนอย่างซูฉีนี้ แท้จริงแล้วมันน่าเศร้ายิ่งนัก คนรอบกายล้วนตายเพราะเขา และเขากลับไม่รู้สถานะในชาติก่อนของตัวเองอย่างชัดเจน อาจจะคิดว่าสวรรค์กำลังพุ่งเป้าไปยังเขา

หานเจวี๋ยสงสัยเป็นอย่างมากว่าสวรรค์ส่งเขาลงมาจุติในโลกมนุษย์เพื่อประสงค์ใด

พอหวนคิดดูอีกที โลกมนุษย์มีสัตว์เทพภัยพิบัติอย่างจูโต้วได้ การปรากฏตัวของดาวตัวซวยก็ไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด

เป็นเพราะมีการดำรงอยู่ของจูโต้วและดาวตัวซวย ถึงจะไม่ปรากฏนักคิดผู้ยิ่งใหญ่อย่างทานอส

บางทีนี่อาจจะเป็นเจตนาที่ลึกซึ้งของสวรรค์

หานเจวี๋ยคาดเดาเช่นนี้

ไม่นาน เขาก็นำหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมา เริ่มสาปแช่งเฒ่าประหลาดอู้เต้า จูเชวี่ย สลับกันอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาห้าวัน

ขณะเดียวกันนั้น

บนยอดเขาหลัก

หลี่ชิงจื่อ ผู้อาวุโสสูงสุด เซียวเหยา และบรรดาผู้อาวุโสต่างก็มารวมตัวบนตำหนักอย่างพร้อมเพรียง

พวกเขาต่างมองไปยังคนผู้หนึ่งที่อยู่บนตำหนัก คนผู้นี้มาจากสำนักสวรรค์เพลิงโลหิต นามว่านักพรตเต๋าเหยียนหลิน เป็นผู้บำเพ็ญระดับสุญตา มีสถานะอยู่ระดับผู้อาวุโส

นักพรตเต๋าเหยียนหลินแอบรู้สึกมึนงง

สำนักหยกพิสุทธิ์อ่อนแอถึงเพียงนี้เชียวหรือ

นอกจากเซียวเหยาแล้ว คนอื่นๆ รวมตัวกันทั้งหมดยังไม่สามารถขู่ขวัญเขาได้

เขาไม่เข้าใจว่าเหตุใดท่านเจ้าสำนักต้องบากหน้ามาพึ่งสำนักหยกพิสุทธิ์ แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังบอกจุดประสงค์ที่มาแต่โดยดี

สำนักสวรรค์เพลิงโลหิตได้มาถึงจุดที่ชีวิตแขวนอยู่บนหน้าผาแล้ว ได้แต่รักษาม้าตายประหนึ่งม้าเป็น[1]

พอเขากล่าวจบ ผู้คนทั้งหลายต่างมองหน้าสบตากัน ประจักษ์ชัดว่าคาดไม่ถึงว่าสำนักสวรรค์เพลิงโลหิตจะบากหน้ามาพึ่งพาสำนักหยกพิสุทธิ์

หลี่ชิงจื่อขมวดคิ้วกล่าว “สำนักของท่านกำลังทำศึกใหญ่กับสำนักไร้ลักษณ์ สำนักหยกพิสุทธิ์ก็ไม่อยากมีส่วนร่วมในหายนะครั้งนี้ด้วย”

เขาไม่ได้มีความประทับใจในด้านดีกับสำนักสวรรค์เพลิงโลหิต ในความคิดของเขา สำนักสวรรค์เพลิงโลหิตก็คิดอยากจะดึงพวกเขามารับผิดแทน

“ท่านเจ้าสำนักกล่าวว่า หากสำนักหยกพิสุทธิ์ตอบตกลง สำนักสวรรค์เพลิงโลหิตยอมแม้กระทั่งเข้าร่วมกับสำนักหยกพิสุทธิ์ทันที กลายเป็นยอดเขาที่สิบเก้าของสำนักหยกพิสุทธิ์” นักพรตเต๋าเหยียนหลินกล่าวสำทับ

หลี่ชิงจื่อมองไปทางผู้อาวุโสสูงสุดอย่างอดไม่ได้ ทั้งสองศิษย์อาจารย์สบตากันคราหนึ่ง ล้วนเห็นท่าทีหวั่นไหวของอีกฝ่าย

หลังจากสำนักสวรรค์เพลิงโลหิตกลืนกินต้าเว่ย ภูมิหลังก็แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก หากสำนักหยกพิสุทธิ์สามารถกลืนกินพวกเขาได้ จะต้องเจริญรุดหน้าอย่างรวดเร็วแน่นอน

หลี่ชิงจื่อลุกขึ้นกล่าว “พวกท่านคุยกันไปก่อน ข้าขอตัวสักครู่”

กล่าวจบเขาก็เหาะออกไปนอกตำหนักใหญ่ทันที

บรรดาผู้อาวุโสต่างเข้าใจว่าเขาไปทำอะไร แน่นอนว่าต้องไปหาผู้อาวุโสสังหารเทพ

ทันใดนั้น เซียวเหยาก็พลันก้าวไปด้านหน้าหนึ่งก้าว “ข้าไม่รู้จักสำนักสวรรค์เพลิงโลหิตดี ข้ากับท่านล้วนเป็นผู้อาวุโส ไม่สู้ประลองเวทแลกมือกัน ทำความเข้าใจพลังของกันและกันสักหน่อยดีหรือไม่”

ได้ยินเช่นนี้นักพรตเต๋าเหยียนหลินก็หรี่ตากล่าว “ตกลง!”

ในใจเขาเองก็รู้สึกไม่ยอมรับเป็นอย่างมาก รู้สึกว่าสำนักหยกพิสุทธิ์ไม่คู่ควรที่สำนักสวรรค์เพลิงโลหิตจะมาพึ่งอาศัย

……

เมื่อหลี่ชิงจื่อหาหานเจวี๋ยพบ จึงอธิบายจุดประสงค์ในการมาของสำนักสวรรค์เพลิงโลหิต

“ผู้อาวุโสหาน ท่านมีความคิดเห็นอย่างไร”

หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว เขานึกถึงสำนักไร้ลักษณ์ขึ้นมาทันที

รับสำนักสวรรค์เพลิงโลหิตเข้ามา จะต้องล่วงเกินสำนักไร้ลักษณ์ แต่ว่าเฒ่าประหลาดอู้เต้าที่เป็นเจ้าสำนักไร้ลักษณ์เป็นศัตรูกับเขา เขาไม่กลัวว่าจะล่วงเกินอยู่แล้ว

เฒ่าประหลาดอู้เต้าเป็นผู้บำเพ็ญระดับรวมกายาขั้นเจ็ด ตอนนี้หานเจวี๋ยมีตบะระดับรวมกายาขั้นสาม ย่อมไม่กลัวเขาอย่างแน่นอน

แต่ว่าไม่ใช่แค่เฒ่าประหลาดอู้เต้าเพียงคนเดียวนี่สิ

“ท่านมีความเชื่อมั่นในการรับมือสำนักไร้ลักษณ์หรือไม่” หานเจวี๋ยถาม

หลี่ชิงจื่อทอดถอนใจกล่าว “ดูเหมือนสำนักไร้ลักษณ์ก็มีความคิดเกี่ยวกับต้าเยี่ยนอยู่ ศิษย์ของพวกเขาได้เข้ามาในต้าเยี่ยนแล้ว สำนักสายหลักต่างๆ ในต้าเยี่ยนก็ส่งสารมาขอความช่วยเหลือจากพวกเราเช่นกัน”

หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว

หรือว่าเฒ่าประหลาดอู้เต้าจะมาเพราะเขา?

ตู้ม!

เกิดเสียงดังตู้มมาจากด้านนอก พอหานเจวี๋ยกวาดพลังจิตออกไปดู ที่แท้ก็เป็นเพราะว่าเซียวเหยากับนักพรตเต๋าเหยียนหลินกำลังประลองกัน

เซียวเหยาคือระดับสุญตาขั้นเก้า นักพรตเต๋าเหยียนหลินย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้เขาอย่างแน่นอน

หานเจวี๋ยกล่าวอย่างเรียบนิ่ง “หมายความว่าที่จริงแล้วพวกเราไม่มีทางเลือก แม้จะปฏิเสธสำนักสวรรค์เพลิงโลหิต สำนักไร้ลักษณ์ก็อาจจะล้มล้างแดนบำเพ็ญพรตต้าเยี่ยนอยู่ดี”

หลี่ชิงจื่อพยักหน้าอย่างจนใจ

“เอาเช่นนี้เถอะ รอนักพรตเต๋าเหยียนหลินพ่ายแพ้แล้ว ให้เขากลับไปเชิญเจ้าสำนักสวรรค์เพลิงโลหิตและนักพรตเต๋าชิงเสียนมาด้วยตัวเอง” หานเจวี๋ยกล่าวพึมพำ

หลี่ชิงจื่อดีใจมาก นี่ผู้อาวุโสหานจะลงมือแล้วหรือนี่

หากจะกลืนกินสำนักสวรรค์เพลิงโลหิต ก็ต้องโจมตีและกดดันสักหน่อย อย่างไรเสียกำลังของทั้งสองฝ่ายก็ห่างกันมาก ต่อให้ทำการปรับประสานใหม่ ก็ใช่ว่าภายหน้าสำนักหยกพิสุทธิ์จะสามารถควบคุมสำนักสวรรค์เพลิงโลหิตได้

หลี่ชิงจื่อรีบจากไปทันที

การประลองเวทระหว่างเซียวเหยาและนักพรตเต๋าเหยียนหลินดำเนินติดต่อกันเป็นเวลาหนึ่งก้านธูป การประลองครั้งนี้ทำให้บรรดาศิษย์สำนักหยกพิสุทธิ์ได้เปิดโลกทัศน์เป็นอย่างมาก

ผู้อาวุโสเซียวแข็งแกร่งยิ่งนัก!

ขณะที่เซียวเหยาแสดงร่างออกมานับหมื่นร่าง การต่อสู้ก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงอีก นักพรตเต๋าเหยียนหลินถูกกดโจมตีโดยสมบูรณ์

หลี่ชิงจื่อบอกความประสงค์ของหานเจวี๋ยให้กับนักพรตเต๋าเหยียนหลิน นักพรตเต๋าเหยียนหลินจากไปด้วยสีหน้าหดหู่

ภายในถ้ำเทวาฟ้าประทาน

หานเจวี๋ยลูบปลายคาง กล่าวพึมพำว่า “ไม่ได้ ข้าไม่อาจจำลองการทดสอบกับเฒ่าประหลาดอู้เต้าได้ ไม่รู้พลังที่แน่ชัดของเขา หากเจ้าหมอนี่มีเคล็ดวิชาพิเศษหรือพลังวิเศษเล่า”

พอเปิดศึก หานเจวี๋ยจำเป็นต้องสังหารเฒ่าประหลาดอู้เต้า ไม่อาจให้เขาหลบหนีไปได้อย่างนักพรตเต๋าชิงเสียน

หานเจวี๋ยนึกถึงตราประทับหกวิถีของตน

ครั้งหน้าจะต่อสู้กับศัตรูหรือไม่ ไม่เช่นนั้นก็ลงตราประทับหกวิถีกับอีกฝ่ายก่อน?

เช่นนี้แล้วไม่ว่าอีกฝ่ายจะหนีไปที่ไหน หานเจวี๋ยก็สามารถจับตัวได้

หากเป็นเช่นนี้ หานเจวี๋ยก็ต้องทำดรรชนีกระบี่โลกาสวรรค์ทลายภพให้ให้แข็งแกร่งจนถึงขั้นสุด

ถึงเวลานั้นก็โจมตีศัตรูระยะไกลจากเขาเพียรบำเพ็ญเซียน!

ขณะที่ความคิดของหานเจวี๋ยผุดขึ้นในสมองนั้น พลันมีอักขระหนึ่งแถวปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา

[ตรวจสอบพบผู้มีดวงชะตาแต่กำเนิด จะตรวจสอบที่มาหรือไม่]

……………………………………….

[1] สำนวนจีน หมายถึงแม้เข้าใจสถานการณ์ แต่กลับไม่มีหนทางแก้ไข

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+